ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กอบกาจน์ วัฒนวรางกูร กับโจทก์ใหญ่ท่องเที่ยวปี59



โจทก์ใหญ่“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ”ปี’59

หนุนสินค้าแบรนด์ไทยหรือเอาใจแบรนด์นอก

            ปี 2559 เป็นห้วงเวลาที่ประเทศไทยเห็นทางรอดพึ่งพาได้เหลืออยู่เสาหลักเดียวคือ “รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ทำให้ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ผู้คุมบังเหียนฝ่ายเศรษฐกิจประเทศในรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ออกโรงระดมสรรพกำลังภาครัฐและเอกชนทันที เพื่อขอให้ร่วมมือกันผลักดันนโยบายรายสัปดาห์จัดทำโครงการ “ปลุกกระแสการท่องเที่ยว”

          นายสมคิดเปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจการแลกเปลี่ยนความเห็นกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่าได้มอบนโยบายเพิ่มโดยขอให้รื้อเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวรวมตลอดปี 2559 ปรับใหม่เป็น 2.46 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 1.3 แสนล้านบาท จากเดิมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท.เสนอรัฐบาลไว้เพียง 2.3 ล้านล้านบาท การขยับตัวเลขเพิ่มก็เพื่อเตรียมนำมาชดเชยรายได้ภาคการส่งออกนั่นเอง

โดยหนุนนำวาระแห่งชาติ วิถีไทย” อันเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติเข้ามาเป็นกลไกสนับสนุน “ผู้ผลิตสินค้าระดับฐานรากในชุมชน” พึ่งรายได้นอกภาคเกษตรขยายสู่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งรวมถึงผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ และการส่งออกสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมย่ำแย่ ในอีกด้านหนึ่งก็ยังช่วยส่งเสริม “ผู้ประกอบการรายขนาดกลางและขนาดย่อม” (SMEs) ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์ไทยในกลุ่ม เกษตรและอาหารแปรรูป แฟชั่น เครื่องหนัง สิ่งทอ หัตถกรรม และอื่น ๆ 

ตามที่ “นายสมคิด” รองนายกรัฐมนตรี ให้ ททท.โชว์บทบาทองค์กรผู้นำความเป็นเลิศด้านการตลาด นำร่องทำโครงการ “สถานีริมทาง :Roadside Station คัดเลือกสินค้าจากชุมชนท่องเที่ยวมาวางจำหน่ายในสถานีบริการ ปตท.ทั่วประเทศ 148  แห่ง และล่าสุดให้เพิ่มอีกโครงการคือ 1 ตำบล 1 แหล่งท่องเที่ยว” เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนลงพื้นที่จริง ๆ

ทว่าประเด็นร้อนที่กำลังถูกจับตาในขณะนี้คือ บทบาทของ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ภายใต้ การกำกับดูแลของ “นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์แต่งตั้งเป็น “รัฐมนตรีว่าการฯ” ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม ดูแลภารกิจในกระทรวงสำคัญซึ่งกุมชะตาเศรษฐกิจประเทศอยู่เกือบทั้งหมดนั้น เข้าใจบทบาทหน้าที่ผู้นำทัพขับเคลื่อนนโยบาย “สร้างสินค้าแบรนด์ไทย” ในชุมชนท่องเที่ยวและเอสเอ็มอีให้เกิดและเติบโตเป็นรูปธรรมหรือไม่?
 

รวมถึงเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนรวมกำลังซื้อเป็นตลาดเดียวกันขยายจาก 70 ล้านคน เป็น 680 ล้านคน การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งไหลบ่าเข้าเมืองไทยมากถึงปีละเกือบ 10 ล้านคน บวกกับเป้าหมายเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นปีละกว่า 32 ล้านคนนั้น กระทรวงฯ มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องเข้าไปแก้ไขอุปสรรคปัญหาทั้งเก่าและใหม่เรื่องใหญ่ ๆ ให้ลุล่วงเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพและรายได้ของประเทศ ด้วยการผลักดันติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดในเรื่องหลัก ๆ คือ สิ่งอำนวยความสะดวกการเข้าออกประเทศ มาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ป้ายบอกทางภาษาต่าง ๆ  มาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

การกำกับดูแลและการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงถูกตั้งคำถามจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวระดับฐานรากและธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกหลากหลายอุตสาหกรรมว่าจนถึงขณะนี้ได้ทำนโยบายที่รับผิดชอบอย่างชัดเจนต่อเนื่องและยั่งยืนหรือยัง ?

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวซ้ำ ๆ มาตลอดว่าเคยเสนอรัฐบาลมาหลายครั้งหลายรัฐบาล ถึงผลกระทบกับประเทศไทยจะเสียมากกว่าได้ ระหว่างการผลักดันนโยบาย “ยกเลิกภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย” ที่พยายามเปิดทางให้สินค้า “แบรนด์เนม” ต่างชาติทะลักเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย นอกจากจะไม่ได้ช่วยเพิ่มรายได้ในยุคการท่องเที่ยวเบ่งบาน ยังจะกระทบตลาด “สินค้าแบรนด์ไทย” และ “ธุรกิจเอสเอ็มอี” อย่างรุนแรง ทั้งภาคอุตสาหกรรม เครื่องหนัง แฟชั่น สิ่งทอ และอื่น ๆ โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลต้องการพึ่งเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากกำลังซื้อและบริโภคภายในประเทศมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องตระหนักถึง “การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ซื้อ” ด้วยวิธีนำสินค้าแบรนด์ต่างชาติเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น จะสร้างความอ่อนไหวรอบด้าน นอกจากจะไม่ตอบโจทก์กำลังซื้อต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวแล้ว ประเทศยังสูญภาษีที่จะได้ก่อนเวลาอันควรด้วย

ทั้งนี้มีรายงานว่าผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่บางกลุ่มมีความพยายามหารือกับผู้นำ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” เสนอรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดยจะฉวยใช้จังหวะที่ประเทศไทยจัดมหกรรม “ไทยแลนด์ แกรนด์ เซลส์ 2016ซึ่งจะเริ่มระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2559 ขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ประกาศยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมโดยตั้งสมมุติฐานว่าในเชิงการประชาสัมพันธ์จะเพิ่มแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินช็อปปิ้งในไทยเพิ่มขึ้น

ในทางกลับกันก็มีเอกชนบางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่า ยุคนี้การขับเคลื่อนขอยกเลิกภาษีฟุ่มเฟือยเหตุใดจึงเปลี่ยนไปพึ่ง “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ซึ่งไม่ได้รับผิดชอบโดยตรงเป็นช่องทางหลักแทนวิธีเดิม ๆ ก่อนหน้านี้เคยพยายามเสนอตรงไปยังกระทรวงการคลังต่อเนื่องมากว่า 3 ปีแต่ไม่ผ่าน เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องภาครัฐเองก็ต้องประเมินภาระของประเทศว่าจะต้องแบกรับปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นจากการยกเลิกภาษีดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะผู้บริหาร กระทรวงการคลังหลายยุคก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสมมุติฐานดังกล่าว

นายสมบัตร เดชาพนิชกุล ผู้ช่วยประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ในฐานะที่คิง เพาเวอร์ เป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากร (duty Free) ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขายสินค้าแบรนด์เนมตามกฎหมายไทย โดยมีระเบียบกำกับพร้อมข้อกำหนดชัดเจนต้องจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย (Inbound) และคนไทยที่เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศ (outbound) เท่านั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่มีกระแสจะเสนอรัฐบาลยกเลิกภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายโดยอ้างเพื่อเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวนั้น

จากผลการศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบต่อเนื่องมาตลอด 26 ปี นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ตัดสินใจเลือกมาท่องเที่ยวเมืองไทยเพราะตั้งใจเดินทางมาซื้อสินค้าแบรนด์เนม ส่วนใหญ่มาด้วยเหตุผลเป็นประเทศไทยน่าอยู่ สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม คนไทยอัธยาศัยไมตรีเป็นมิตร และมีความหลากหลายของวิถีไทยในชุมชนทั่วทุกภาคของประเทศ


โดยเฉพาะ “สินค้าแบรนด์ไทย” ปัจจุบันกลุ่ม คิง เพาเวอร์ ส่งเสริมการจ้างเอสเอ็มอีชุมชนผลิตอย่างมีดีไซน์ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล แล้วเปิดพื้นที่ให้นำมาวางขายในดิวตี้ฟรีสาขาต่าง ๆ ทั้งในเมืองและสนามบินทั่วประเทศ สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นโดยมีส่วนแบ่งรายได้ปีละ 8-12 % ของยอดรวมทั้งหมด สูงกว่ายุคแรกที่ทำได้เพียง 1-5 % สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวหันมานิยมสินค้าไทยทั้งผลิตภัณฑ์อาหารไทยแปรรูป สำเร็จรูป วัตถุดิบเครื่องปรุงบรรจุภัณฑ์ข้าวสารบรรจุถุง แฟชั่นเสื้อผ้าไทยภาคต่าง ๆ

รวมทั้งการเปิด คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ในเมือง สาขาใหม่ล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ต ได้ลงทุนสร้างอาคารจำหน่ายสินค้าแบรนด์ไทยครบวงจรโดยเฉพาะ สนับสนุนวิถีไทยซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลปัจจุบัน พร้อมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กระตุ้นนักท่องเที่ยวทั่วโลกหันมาใช้สินค้าไทยอย่างแพร่หลายและขยายผลนำไปบอกต่อเพื่อนฝูง ครอบครัว ญาติพี่น้อง เมื่อเดินทางมาเที่ยวให้ซื้อกลับไปฝากในครั้งต่อไป เพราะสินค้าไทยล้วนมีคุณค่าและรากวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นมีเรื่องราวงดงามมากมาย

ปี 2559 นโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์พุ่งเป้าปลุกกระแสสร้างความภาคภูมิใจในวิถีไทย มุ่งเน้นให้คนไทยและนานาประเทศซื้อสินค้าแบรนด์ไทย แล้ว “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” รู้หน้าที่เข้าใจบทบาทการกำกับดูแลท่องเที่ยว และ/หรือได้สานต่อนโยบายเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่งสมกับที่ผู้นำรัฐบาลไว้วางใจให้ดูแลกระทรวงเสาหลักเศรษฐกิจประเทศแล้วหรือยัง ?

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง