เปิดใจทายาทรุ่นสองคิง เพาเวอร์
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา”
ลุยลงทุนทั่วโลกนำแบรนด์ไทยแกร่งไปด้วยกัน
ทายาทธุรกิจแสนล้าน “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
บริษัท คิง เพาเวอร์ ในวัย 30 ปี เปิดวิสัยทัศน์ให้สัมภาษณ์พิเศษโดยจะใช้ศักยภาพความเป็นนักธุรกิจไทยสร้างชื่อเสียง“ประเทศไทย”
นำ “สินค้าแบรนด์ไทย” และ “องค์กร” ก้าวสู่ความสำเร็จในระดับโลกทั้งกิจการ
“ร้านค้าปลอดอากร” (duty Free) และ “สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้” จะต้องก้าวขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าของโลกด้วยเช่นกัน
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา-ทายาทรุ่น2 คิง เพาเวอร์ CEO หนุ่มไฟแรง |
@ในฐานะทายาทรุ่นสองวางแผนทำให้ธุรกิจและชื่อเสียงของประเทศไทยประสบความสำเร็จไปพร้อมกันอย่างไร
ในยุคคุณพ่อ “วิชัยศรีวัฒนประภา” ใช้เวลากว่า 26 ปีสร้างรากฐานธุรกิจจนแข็งแรง
พอมาถึงรุ่นผมจะสานเจตนารมณ์สำคัญที่สุดนั่นคือ ต้องขยายธุรกิจภายใต้เงื่อนไขกติกาตามระเบียบกฎหมายการค้าการลงทุนของประเทศและของนานาชาติ
อย่างซื่อสัตย์ต่อทุกภาคส่วน ตนเอง สังคม และ คู่ค้า ทั่วโลก เพราะคิง เพาเวอร์
เป็นนักธุรกิจคนไทยมีหน้าที่ต้องดูแลภาพลักษณ์รักษาชื่อเสียงของ “ประเทศไทย” สร้างความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลกไว้ด้วย
ส่วนการวางแผนทางธุรกิจ เรื่องแรก การปรับ
“วัฒนธรรมภายในองค์กรก้าวสู่เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและการตลาด”
เป้าหมายใหญ่คือนำอีคอมเมอร์ซเข้ามาบริหารจัดการแบบครบวงจร
ด้วยการยกระดับบุคลากรทุกระดับใช้อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีติดต่อสื่อสารสั่งงานแทนการใช้ปริมาณกระดาษและหมึกเคมีต่าง
ๆ เดินหน้ารักษาสิ่งแวดล้อมลดอุณหภูมิโลกร้อน
รวมทั้งลงทุนเพิ่มช่องทางการขายสินค้าแบรนด์ไทยและดิวตี้ฟรีผ่านระบบดิจิตอล
มีทั้งขายออนไลน์ทาง www.kingpower.com จับมือกับ www.tmall.com
ซึ่งเป็นช้อปปิ้ง ออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุขดของสาธารณรัฐประชาชนจีน และแอพลิเคชั่น
ซึ่งจะสามารถเพิ่มยอดขายหมุนเวียนสินค้าแบรนด์ไทยและอินเตอร์ควบคู่กันไปเติบโตเฉลี่ยได้ปีละ
8-10 %
ปัจจุบันการขายสินค้าผ่านหน้าร้านดิวตี้ฟรีในสนามบิน
(Duty Free Airport) 4 แห่ง สุวรรณภุมิ ดอนเมือง หาดใหญ่ เชียงใหม่ และดิวตี้ฟรีในเมือง (Downtown) 3 แห่ง
คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ, ศรีวารี และ ภูเก็ต
(เพิ่งจะเปิดเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559)
ยอดรายได้จากขายสินค้าขยายตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหลักคือจีน
ซึ่งเมื่อปี 2558 มาเที่ยวเมืองไทย 8 ล้านคน มาช้อปปิ้งในดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ 4 ล้านคน
ซื้อสินค้าเฉลี่ยคนละประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป
@แล้วยอดรายได้ปี
2558 และเป้าหมายปี 2559 จะไปในทิศทางไหนบ้าง
ปี 2558 ธุรกิจในกลุ่มคิง เพาเวอร์ มีทั้งร้านค้าดิวตี้ฟรี
สินค้าเฮาส์แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารไทยทั้งสำเร็จรูปและแปรรูป ร้านอาหารรามายณะ
ทำยอดขายได้รวมประมาณ 68,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 % ปี2559 ตั้งเป้าจะทำให้ได้กว่า
85,000 ล้านบาท เนื่องจากเพิ่งเปิดดิวตี้ฟรีในเมืองที่ภูเก็ต
รวมทั้งเตรียมขยายร้านอาหารรามายณะในบริเวณที่ดินตรง คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์
ศรีวารี อีก 3 อาคาร รองรับให้ได้ถึง 20,000 คน
สินค้าแบรนด์ไทยกว่า 100 รายการวางขายในดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ |
@วางแผนขยายร้านค้าดิวตี้ฟรีเพิ่มอีกหรือไม่
รุ่นผมที่มีพี่น้องในครอบครัวมาช่วยกันดูแลทั้งหมด 4 คน
ทั้งผมเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและพี่น้องอีก 3 คน แบ่งการดูแลการตลาด การเงิน
และพัฒนาบุคลากรและกิจกรรมเพื่อสังคม
จะช่วยกันเดินหน้าเพิ่มโครงการลงทุนดิวตี้ฟรีของคนไทยไปยังต่างประเทศ เป้าหมาย
แห่งแรกในญี่ปุ่น
เดือนมีนาคมปีนี้ทางกลุ่มดิวตี้ฟรีคันไซนัดคุยกันในรายละเอียดเรื่องการทำดิวตี้ฟรีในเมือง
เพราะชื่นชอบแนวทางพัฒนาธุรกิจของคิง เพาเวอร์ การใช้เงินลงทุนขึ้นอยู่กับราคาเช่าพื้นที่ในญี่ปุ่นเบื้องต้นขนาด
2,000 ตารางเมตร ใช้เงินขั้นต่ำเกินกว่า 4,000ล้านบาท จากนั้นจะไปเมียนมา
และอีกหลายประเทศที่มีความเหมาะสม
สินค้าแบรนด์อินเตอร์ที่เชื่อมั่นในการนำมาวางจำหน่ายในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ |
@การขยายสาขาจะคัดเลือสินค้าแบรนด์ไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศด้วยหรือไม่
ทุกช่องทางขยายการลงทุนดิวตี้ฟรีของคิง เพาเวอร์
ก็จะนำสินค้าแบรนด์ไทยตามไปด้วยทุกแห่ง เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันและอนาคต กลุ่มคิง
เพาเวอร์ จับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์
คัดแบรนด์สินค้าโอทอปที่ได้เกณฑ์มาตรฐานการส่งออกจำนวนกว่า 100 ชนิด
มาวางขายในดิวตี้ฟรี กระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมียอดซื้อเติบโตดีมาก
จากปีแรก ๆ ขายหลักร้อยล้านบาท เมื่อปี 2558
ขายได้กว่า 15,000
ล้านบาท คิดเป็น 18-20 % ของยอดขายรวม ปี 2559 สินค้าแบรนด์ไทยจะยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
เพราะตลาดจีนซื้อ อาหารสำเร็จรูป ขนมไทยผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปบรรจุถุง
โดยเฉพาะ “ทองม้วน” บรรจุกล่อง จากนครปฐม ในดิวตี้ฟรี ดาวน์ทาวน์
รางน้ำ กรุงเทพฯ มียอดขายแต่ละเดือนกว่า 22ล้านบาท
นอกจากนี้ก็ยังมีผลไม้ไทยหลายชนิดทำอบแห้งแปรรูปบรรจุถุง เช่น มะม่วง ทุเรียน
มียอดซื้อสูงไม่แพ้กัน
@วางแนวทางการสร้างธุรกิจและแข่งขันในอีก
3-5
ปีไว้อย่างไร
ธุรกิจดิวตี้ฟรี ของคิง เพาเวอร์ ในนามของคนไทย
ขณะนี้ได้รับการจัดอันดับทำยอดขายติดอันดับ 1
ใน 10 ของโลก ภายในไม่เกิน 10 ปี
จะเพิ่มช่องทางการขายนำดิวตี้ฟรีของไทยก้าวขึ้นไปติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลกให้สำเร็จ
เช่นเดียวกับการพัฒนากีฬาฟุตบอลของทีมเลสเตอร์ ซิตี้
ก็จะต้องไปยืนติดท็อปไฟว์ด้วยเช่นกัน
เพื่อให้ความสำเร็จทั้งหมดเป็นของคนไทยทุกคน
ได้ร่วมภาคภูมิใจไปด้วยกัน ในความเป็นไทยทั้งคน สินค้า และ แบรนด์ โดยเฉพาะผู้ผลิตในภาคการเกษตรจะสามารถขยายฐานการส่งออกโดยใช้ช่องทางของร้านดิวตี้ฟรีคิง
เพาเวอร์ ทั้งในและต่างประเทศ เดินหน้าไปด้วยกัน
ส่วนหลักการสำคัญที่สุดในสนามแข่งขันทางธุรกิจและกีฬา สิ่งที่คุณพ่อ
(วิชัย) สั่งสอนผม (อัยยวัฒน์) และทีมงานระดับบริหารรวมถึงทุกคนในครอบครัวคือ
การจะไปลงทุนธุรกิจในประเทศไหน ๆ ต้องศึกษาระเบียบ กติกา เงื่อนไขการลงทุน กฎหมาย
แล้วให้เคารพสิทธิของคู่แข่งคนอื่น ๆ ด้วย
เพราะหัวใจทำการค้าต้องยึดคุณธรรมสร้างสินค้าที่มีคุณภาพ
รักษาชื่อเสียงแบรนด์คนไทย พัฒนามาตรฐานบริการ คุณภาพคน
และทำด้วยความรักในธุรกิจนั้น ๆ
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา”
ให้สัญญาสุภาพบุรุษในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่จะใช้ศักยภาพของคิง เพาเวอร์
สร้างชื่อประเทศไทย สินค้าแบรนด์ไทย
ชุมชนภาคการเกษตรในกลุ่มผู้ผลิตอาหารไทยสู่ครัวโลก
สร้างพลังให้ชาวโลกเชื่อมั่นศรัทธา
ว่าเด็กไทยวัยขนาดนี้มีคุณธรรมความพร้อมครบเครื่องที่จะทำให้การค้าเดินหน้าอย่างเข้มแข็งยั่งยืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น