ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทักษิณ-ประยุทธ์ 2ผู้นำต่างขั้วหัวอกเดียวกันไปไม่ถึงเส้นชัยHUBการบิน



10ปีผู้นำต่างขั้วหัวอกเดียวกันประยุทธ์-ทักษิณ

ฝันไทยขึ้นฮับท่องเที่ยว-การบิน-สุขภาพเอเชีย

 เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : (คอลัมนิสต์ และ เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" FM 97.0 MHz.สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย และ โซเชียลมีเดีย www.facebook.com/penroong yaisamsen )

ทบาทของ นายกรัฐมนตรีไทย  ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในช่วงเวลาห่างกัน 10 ปี ซึ่งมีหลักการดำเนินนโยบายทางการเมืองต่างขั้วกัน ระหว่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี  คนปัจจุบัน กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2548   

ทว่าปรากฎการณ์ที่เห็นเด่นชัดของสองผู้นำยุคอดีตและปัจจุบัน ใจตรงกันคือต่างก็ใช้สูตรสำเร็จการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเน้นการพึ่งพาจุดแข็งและจุดขายศักยภาพของประเทศ ภายใต้นโยบายการผลักดันเรื่องเดียวกันในการทำให้ประเทศไทยเป็น HUB” กับ “Cluster” ทางด้านการตลาด การค้า การลงทุน ของภูมิภาคเอเชีย  ด้วย 3  กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยว (Tourism) การขนส่งทางอากาศ (Aviation) และ สุขภาพองค์รวม  (health &  Wellness) ใช้เครื่องมือการลงทุนพัฒนาโครงข่าย ดิจิตอลหรือเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นสะพานเชื่อมสายหลักให้ทั้งสามกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของไทยผงาดขึ้นเป็นฮับเอเชีย

ทั้งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์และอดีตนายกฯ ทักษิณ พุ่งเป้าทำแนวเดียวกันคือ จัดระเบียบ หมวดอุตสาหกรรมมัดรวมเป็นกลุ่มเรียก Cluster ไปพร้อมๆ กับการรวมแหล่งสินค้าเป็น ศูนย์กลางเรียก HUB พาประเทศไปสู่จุดหมายเดียวกันคือเป็นศูนย์กลางประชาคมอาเซียนและเอเชียเหมือน ๆ กัน 

            เมื่อ 10 ปีก่อนรัฐบาล ทักษิณ ประกาศนโยบายเดินหน้าประเทศไทยเป็น HUB ครบวงจร โดยเท หน้าตักขอใช้งบประมาณกว่า 3 ล้านล้านบาท ปูพรมสร้างโครงการขนาดใหญ่ หรือ Mega Project อาทิสร้างท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เปิดประตูเศรษฐกิจบานใหญ่เชื่อมโยงการค้าการท่องเที่ยวกับตลาดโลก  และเป็นยุคเปลี่ยนแปลงอุตสากรรมขนส่งทางอากาศครั้งใหญ่จากการให้กำเนิด สายการบินต้นทุนต่ำขายตั๋วโดยสารราคาประหยัด (low cost airlines) ควบคู่กับการเดินหน้าอภิมหาโปรเจ็กต์รื้อโครงสร้างโลจิสติกส์ภาคขนส่งจาก “ทางถนน” มุ่งสู่ ระบบราง ทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาแหล่งน้ำภาคการเกษตร

เป้าหมายขณะนั้นหวังผลเชิงเศรษฐกิจในอนาคต 3-5 ปีนับจากวันเริ่มต้นโครงการ จากรายได้การท่องเที่ยวเพิ่มเฉลี่ยปีละ 8-10 % เพิ่มขีดความสามารถสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิให้รองรับนักเดินทางในอนาคตได้ปีละ 60 ล้านคนขึ้นไป และเพิ่มการขนส่งสินค้าทางอากาศกระจายการส่งออกสินค้าและนำเข้า ได้ปีละกว่า 3 ล้านตันขึ้นไป ส่วนระบบรางเมื่อแล้วเสร็จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ทางการค้าของประเทศจากปีละประมาณ 20-23 % ลงเหลือไม่เกิน 12 % เพื่อสร้างสมดุลราคาขายสินค้าในตลาดแก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

ผ่านมาถึงปีนี้ พ.ศ.2558 รัฐบาล “พลเอกประยุทธ์” ก็ยังคงประกาศใช้งบประมาณใกล้เคียง 3 ล้านล้านบาท ทุ่มเทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ทั้งระบบทั่วประเทศ โดยยืนหยัดเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันประเทศไทย สร้างความเท่าเทียมลดเหลื่อล้ำระหว่างเมืองกับชนบท และให้น้ำหนักความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่าน “ตลาดการบริโภค” จากระบบดั้งเดิมแยกส่วนซึ่งไทยมีเพียง 70 ล้านคน ก้าวเข้าระบบใหม่ปรับสู่การรวมศูนย์เป็นตลาดเดียวกันทั้งอาเซียนที่มีกำลังซื้อมากถึง 600 ล้านคน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพลเอกประยุทธ์ ได้สร้างความฮือฮาอีกเรื่อง โดยมีมติเห็นชอบอนุมัติโครงการ “กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย” วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย 10 กลุ่ม โดยยึด 3 กลุ่มไว้เป็นหลัก ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวคุณภาพ กลุ่มอุตสาหกรรมขนส่งและการบิน กลุ่มอุตสาหกรรม  การแพทย์และสุขภาพ ส่วนที่เหลือเป็นอีก 7 กลุ่ม ได้แก่ อุตยานยนต์แห่งอนาคต กลุ่มอิเลคทรอนิกส์อัจฉริยะ กลุ่มเกษตรเชิงประสิทธิภาพและเทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มอาหารแห่งอนาคต กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่   กลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพและพลังงานเคมี อุตสาหกรรมดิจิตอล  

            มติ ครม.ครั้งนี้รับลูกต่อหลังเหตุการณ์ “พลเอกประยุทธ์” ขึ้นเวทีเป็นประธานปาฐกถาในงาน “อนาคตไทยก้าวไกลด้วยคลัสเตอร์” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นเจ้าภาพจัดพร้อมกับระดมผู้ประกอบการไทยและตัวแทนนักลงทุนนานาชาติรวมกว่า 2,000 คน มานั่งฟังคำอธิบายจากปากผู้นำประเทศโดยตรงถึง “ของขวัญส่งท้ายเก่าต้อนรับปีใหม่” จากรัฐบาลไทยถึงนักลงทุนทุกกลุ่มหากตัดสินใจยื่นขอรับการลงทุนภายในปี 2559 และสามารถทำรายได้ครั้งแรกภายในปี 2560 จะได้รับ “แพกเกจยกเว้นและลดหย่อนภาษี” เพิ่มอีกมโหฬาร

ภายใต้เงื่อนไขการลงทุน 3 แบบ ประกอบด้วย แบบที่ 1 การลงทุนใน “ซูเปอร์ คลัสเตอร์” หมวด อุตสาหกรรมกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทำเลที่ตั้งต้องอยู่ในบริเวณพื้นที่เขตชั้น 9 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ ภูเก็ต จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี แล้วยังได้ท็อปอัพลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 50 % ต่อไปอีก 5 ปี รวมกับรับยกเว้นภาษีขาเข้าเครื่องจักร อีกทั้งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจะเพิ่มสิทธิประโยชน์เพิ่มให้กับกิจการเพื่ออนาคตที่มีความสำคัญสูง อาจได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10-15 ปี และ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับนานาชาติที่ทำงานในพื้นที่ที่กำหนด ทั้งคนไทยและต่างชาติ

แบบที่ 2 การลงทุนใน “คลัสเตอร์เป้าหมายอื่น ๆ” ในหมวดอุตสาหกรรมกิจการ เช่น เกษตรแปรรูป สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเลคทรอนิกส์ อุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นต้น ซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตชั้นนอกรอบบริเวณ 9 จังหวัดเดียวกับกลุ่มซูเปอร์ คลัสเตอร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีลดหลั่นลงไป ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3-8 ปี และลดหย่อน 50 % เพิ่มเติมอีก 5 ปี

            แบบที่ 3  การลงทุนใน “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” 10 จังหวัด 23 อำเภอ 90 ตำบล ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เฟส เฟสแรก 5 จังหวัด ได้แก่ ตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร สงขลา เฟสสอง อีก 5 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย เชียงราย กาญจนบุรี นครพนม นราธิวาส โดยรัฐบาลได้ให้สิทธิประโยชน์การลงทุนยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปีและลดหย่อน 50 % อีก 5 ปี กับ 13 กลุ่มอุตสาหกรรม หนึ่งในกลุ่มนี้มี “กิจการสนับสนุนการท่องเที่ยว” รวมอยู่ด้วย ประกอบด้วย 8 กิจการ คือ1.เรือเฟอร์รี่หรือเรือท่องเที่ยวหรือให้เช่าเรือท่องเที่ยว 2.บริการที่จอดเรือท่องเที่ยว 3.สวนสนุก 4.ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมหรือศูนย์หัตถกรรม 5.สวนสัตว์เปิด 6.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ 7.ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ 8.ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ

            การที่ “รัฐบาลพลเอกประยุทธ์” เร่งอัดยาแรงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีโดยยอมงัด “แพกเกจภาษีลดแลกแจกแถม” เพื่อ “กระตุ้นเม็ดเงินลงทุน” เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด โดยยังคงยึด “การท่องเที่ยว-การบิน-สุขภาพ” เป็นอุตสาหกรรมเสาหลักค้ำยันเศรษฐกิจประเทศซึ่งปัจจุบันทำรายได้เติบโตตามกลไกธรรมชาติรวมปีละกว่า 2 ล้านล้านบาท การทุ่มทุนยอมเทหน้าตักออกมาแลกครั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลเองก็มีความหวังว่าในอนาคตอันใกล้ตั้งปี 2559 อาจจะทำเงินจากทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมได้มากกว่า 3 ล้านล้านบาท

            ถึงแม้ช่วงเวลาการบริหารของทั้ง 2 รัฐบาลจะห่างกันถึง 10 ปี โดยต่างฝ่ายต่างมีวิธีบริหารและคำอธิบายประชาชนดูเสมือน “ต่างขั้ว” แต่มี “หัวอกเดียวกัน” นั่นคือพยายามดันฝันสุดตัวที่ทุกรัฐบาลพากเพียรทำมานานแต่ยังไม่ผู้นำรัฐบาลคนไหนพาประเทศไปถึงเส้นชัยสักที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai