วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568

ททท.ยกประเพณีศรีอีสาน20จังหวัดบุกเทศกาลเที่ยวเมืองไทย26-30มี.ค.68

ททท.นำประเพณีศรีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา ขายกระหึ่มเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 26-30 มี.ค.68 ที่ศูนย์สิริกิติ์

ททท.อีสานยก20จังหวัดบุกเทศกาลเที่ยวเมืองไทย26-30มี.ค.

กระหน่ำขาย“ประเพณีศรีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา”+5Must Do

จัดเต็ม“กระธูปยักษ์/อ่องแซ่บนัว/ตลาดโหวกเหวก/ทัวร์ซีเคร็ท

“คิง เพาเวอร์”นำไทยคว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์โลก10ปีซ้อน

ช้อปคิงเพาเวอร์4สาขาให้ฉ่ำรับซัมเมอร์เสิร์ฟส่วนลด-ดีลฟรี

เริ่มแล้ว!!คิงเพาเวอร์ช้อปพิชิตรางวัลรับมื้อฟรีโอมากาเสะหรู

นายกฯอิ๊งค์นำททท.รุกITB2025บูมเสน่ห์ไทย-ซอฟท์พาวเวอร์

บางจากผนึกนอร์เวย์โชว์โมเดล OKEAพลังงานลดคาร์บอนได้

สุขทันทีที่เที่ยวโลกทะเลชุมพร-ได้สักการะ4พระธาตุแดนใต้

5อาหารกินแล้วลดความเสี่ยงเส้นเลือดสมองตีบ-แตกก่อนวัย

THACCA-TCEBดึงร้านอาหารโลกบูมSoftPower4ปี4ล้านล้าน

แอร์เอเชียเทโปรตั๋วบินทั่วไทย16 เมืองน่าเที่ยวเริ่ม880บาท

 

วันเสาร์ที่ 8 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #ทททอีสาน

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://www.facebook.com/share/v/1XybNqrtZh/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศยกการท่องเที่ยว 20 จังหวัด มาไว้ใน “หมู่บ้านภาคอีสาน-เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ยกทัพสินค้า 5 Must Do “ประเพณีศรีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” มาเสิร์ฟถึงเมืองกรุง 26-30 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ โชว์แลนด์มาร์ค Must Seek “ต้นกระธูปยักษ์” ชัยภูมิภูมิปัญญางานบุญพรรษา Must Taste “อ่องแซ่บนัว-ตลาดโหวกเหวก” Must Buy แฟชั่นผ้าปัง ๆ Must Try ดีไซน์โปรแกรมเที่ยว สุรินทร์ ซีเคร็ท 3เอส ต่อด้วยศรีสะเกษ มูแลนด์อุบลราชธานี จบงานชนเที่ยวต่อ 365 วัน

 

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมนำเสนอขายสินค้าการท่องเที่ยวในประเทศทั้ง 5 ภูมิภาคในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 43 เริ่มมาตั้งแต่ปี 2523 สถานที่แรกสวนอัมพรเน้นการแสดงทางวัฒนธรรม 4 ภาค จากนั้นได้ขยายมายังเมืองทองธานี และสวนลุมพินี จนถึงปัจจุบันกำลังเปิดงานวันที่ 26-30 มีนาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขานรับนโยบายรัฐบาลประกาศส่งเสริมปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Years 2025 ททท.จึงได้นำแฟลกชิพมาออกแบบเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวหมู่บ้าน 5 ภูมิภาค ภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 Must Do in Thailand ที่มีความหลากหลายครบทุกมิติ ได้แก่ 

1.Must Taste : อาหารการกิน ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละภาค

2.Must Try    : พยายามและตั้งใจเลือกจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในเมืองไทยที่จะต้องไปเยี่ยมชม

3.Must Buy  : นักท่องเที่ยวจะต้องหาซื้อสินค้าต้องห้ามพลาดจากแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งให้ได้

4.Must Seek :แหล่งท่องเที่ยวอันซีนน่าค้นหาและเมืองไทยมีสถานที่เหล่านี้อยู่จริง

5.Must See  : ต้องไปสัมผัสประสบการณ์กับกิจกรรมมากมาย ที่จะสร้างความสุขให้ทุกคนได้ทันที

ดังนั้นใน “หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ/อีสาน” จึงได้คัดสรรความพิเศษมาไว้ใน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ประจำปี 2568 ในธีม “ประเพณีศรีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” ทันทีที่นักท่องเที่ยวเดินเข้ามาในศูนย์สิริกิติ์ช่วงจัดเทศกาลเที่ยวเมืองไทยให้แวะ “หมู่บ้านอีสาน” ก่อนเป็นพื้นที่แรก ปีนี้จะมีแลนด์มาร์ค “ต้นกระธูปยักษ์” สัญลักษณ์การจัดงานประเพณีบุญเดือน 10 เทศกาลออกพรรษา เป็น 1 ในฮีตสิบสอง เป็นงานบุญที่นำเสนอความโดดเด่นเที่ยวจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งคนในชุมชนปฏิบัติสืบต่อกันยาวนานโดยเลือกช่วงก่อนวันออกพรรษา 3 วัน คือ ขึ้น 1215 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ผู้นำชุมชนร่วมกับชาวบ้านจัดทำต้นกระธูปเพื่อจุดถวายพุทธบูชา ทำมาจากใบปอสา ขุยมะพร้าว ใบอ้ม ใบเนียม ที่มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ตามความเชื่อของชาวอีสานหากได้จุดธูปหอมบูชาพระพุทธเจ้าจะได้บุญใหญ่

 


“หมู่บ้านภาคอีสาน” จึงได้นำเสนอจุดเด่นการท่องเที่ยวในคอนเซ็ปต์ 5 Must Do ISAN เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตตั้งแต่วัฒนธรรมอาหารการกิน ศิลปะ แฟชั่น แหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างแรงดึงดูดคนเข้างานแวะมาเยี่ยมชมได้ครบ 5 Must ในอีสาน ได้แก่

Must See : “ต้องมาชม” ต้นกระธูปขนาดใหญ่เป็นแลนด์มาร์คจำลองมาไว้ในเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2568 โดยใส่เรื่องราวความมหัศจรรย์ของต้นกระธูปยักษ์พร้อมบริการอีกนับ 100 ต้น

ผนวกเข้ากับเปิดให้ชมการแสดงวัฒนธรรม “อีสานม่วนซื่น” สไตล์อีสาน เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพลงสะท้อนวิถีชีวิตคนอีสาน อลังการงานแสดงทุกวัน

Must Taste : “อ่องแซ่บนัว” จะนำอาหารถิ่นเมนูเด่นต้นตำรับทั่วภาคอีสาน 20 จังหวัด อย่าง ไก่ย่างเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ลาบเป็ด จ.อุดรธานี เนื้อโคขุน จ.สกลนคร ผัดหมี่โคราช จ.นครราชสีมา แจ่วฮ้อน จ.ร้อยเอ็ด และอีกมากมายหลากหลายอาหารจานเด็ดยั่วน้ำลายด้วยวัฒนธรรมการกินมาให้นักท่องเที่ยวได้ต่อแถวชิมอาหารอีสานของแท้ได้ทุกวัน

 

สาธิต “ทอผ้าไหม” บ้านนาโพ จ.บุรีรัมย์

Must Try จะจัดการสาธิต “ทอผ้าไหม” บ้านนาโพ จ.บุรีรัมย์ สาธิตการทำต้นกระธูป เชิญชวนให้มาทำด้วยตนเองแล้วนำกลับบ้านได้ด้วย พร้อมกับมีพื้นที่สาธิตการทำศิลปะหัตถกรรม Art &Crafe นำโดยคณะจากสกลนครใช้ชื่อ Home Therapy จำลองมาไว้ในเมืองไทย

Must Buy ผลิตภัณฑ์สิ่งของต่าง  ๆ ทั่วแดนอีสานที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อ โดยเฉพาะผ้าพื้นเมืองคุณภาพดีของอีสาน ฝ้าย GI ผ้าไหม ผ้าต่างๆ ปีนี้จะคัดเลือกผ้าราคาดีมาสู้กับภาคเหนือเพื่อจำหน่ายภายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย พร้อมกับเปิดเวทีจัด “แฟชั่นโชว์ผ้า” สะบัดผ้าเสน่ห์อีสานแบบจัดเต็ม 

แล้วยังจัดให้มี “ตลาดโหวกเหวก” จัดมหกรรมโปรโมชั่น 365 วินาทีทอง นำสินค้าที่อยู่ในหมู่บ้านภาคอีสานทั้งหมดนำเสนอราคาพิเศษให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ในงานตามช่วงเวลาดังกล่าว

Must Seek จำลองสถาปัตยกรรมโคโรเนียลจุดศูนย์รวมประเพณีแห่ดาวขึ้นชื่อ ในอำเภอท่าแร่ จ.สกลนคร พร้อมกับจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้คอยบอกเล่าเรื่องราวและคำแนะนำนักท่องเที่ยว หรือช่วยออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวตามแบบที่แต่ละคนต้องการจะเที่ยวในอีสาน แล้วยังมีกิจกรรม ประเพณี ต่าง  ๆ มารวมไว้ให้ชมหรือเรียนรู้ได้ เช่น “มาลัยข้าวตอก” นำพวงมาลัยมาโชว์ขนาดความสูงกว่า 10 เมตร โชว์ผีตาโขน ผีบุ้งเต้า ผีสามน้ำ มาทักทายนักท่องเที่ยว สามารถถ่ายรูปได้ทุกวัน

 ผอ.อรรถพล กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคอีสานพร้อมจะนำเสนอโปรแกรมการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงเข้ากับ 5 Must Do ISAN ในรูปแบบ Grand Moment สร้างประสบการณ์ร่วมความสุขทันทีที่ได้ท่องเที่ยว ได้แก่

เส้นทางที่ 1 Surin Secret Story 3S แนะนำการท่องเที่ยวสุรินทร์กับ 3 เอส โปรแกรม 2 วัน 1 คืน มาชมเสน่ห์แรก Satom ออร์แกนิก ฟาร์ม เป็นศูนย์รวมการผลิตสาโทพื้นบ้านภูมิปัญญาทำมาหลายร้อยปีจากข้าวรสชาติอร่อยสุดในเมืองไทย พร้อมวิธีเก็บรักษาข้าวนำมาหมักจนได้เป็นสาโทรสชาติดี เสน่ห์ที่ 2 ผ้ายกทองโบราณ ใช้เครื่องทอมากถึง 1,500 ตะกอ คนทอ 4 คน มีความงดงามมากมาจนถึงทุกวันนี้ เสน่ห์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ช้างสุรินทร์ มีโซนต่าง ๆ บอกเล่าเรื่องราวน่าสนใจอย่างมาก มีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเกิดจากหลุดจากส่วนต่าง ๆ ของช้าง

 

เส้นทางที่ 2 ศรีสะเกษ ในอีสานใต้เป็นที่ตั้งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “ผามออีแดง” หรือเป็นแหล่งปลูกหอมแดงขึ้นชื่อของไทยซึ่งเป็นพืช GI และส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่สวยงามในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร 

เส้นทางที่ 3 อุบลราชธานี มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ กำลังเตรียมนำเสนอสู่ตลาดทั่วประเทศ 

นักท่องเที่ยวสามารถแวะมายังหมู่บ้านอีสาน เพื่อลองออกแบบโปรแกรมการท่องเที่ยวที่มีให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะเสน่ห์ริมแม่น้ำโขง 4 จังหวัด นครพนม เลย บึงกาฬ หนองคาย แล้วยังมี “กิจกรรม” ถาม-ตอบ บริเวณหน้าหมู่บ้านให้นักท่องเที่ยวแวะมาร่วมสนุกเกี่ยวกับคำทายแหล่งท่องเที่ยวอีสาน จะแจกของรางวัลให้ด้วย เช่น กระเป๋าเดินทาง เสื้อประเพณีศรีอีสาน เสน่ห์ต่าง ๆของอีสาน และร่วมทำกิจกรรม D.I.Y.ก็จะได้รับคูปองส่วนลดเพื่อนำไปซื้ออาหารในหมู่บ้านอีสานทั้งหมด

ผอ.อรรถพล กล่าวว่า หลังเทศกาลเที่ยวเมืองไทยเสร็จสิ้นลง นักท่องเที่ยวยังสามารถไปเที่ยวอีสานต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปี แต่ละเดือนจะมีกิจกรรมงานประเพณีต่าง ๆ เช่น เดือน 4 จะมีงาน “บุญผเหวต” จ.ร้อยเอ็ด เดือน 5 มหาสงกรานต์ ที่ติดตลาดแล้วคือ สงกรานต์คลื่นมนุษย์ ถนนข้าวเหนียว ยาวที่สุดในโลก จ.ขอนแก่น ปี 2568 จะชวนไปเที่ยว “สงกรานต์ผ้าขาวม้า” หลวงพ่อพระใส วัดโพธิชัย จ.หนองคาย เดือน 6 เข้าสู่ฤดูทำนาพฤษภาคม-มิถุนายน ทุกปี ไปชมประเพณี “บุญบั้งไฟ” ขอฝน ต่อด้วยเดือน 7-8 เที่ยวทางบุญงานเข้าพรรษา แล้วยังมีวิถีแห่งศรัทธา กับ “มูแลนด์ แดนอีสานตอนกลาง” ของ ททท.สำนักงานอุบลราชธานี รวมเส้นทางเชื่อมโยง อุบลราชธานี มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มีพระบูรพาจารย์ที่ผู้คนเคารพศรัทธา หรือแม้แต่ความศรัทธาต่อองค์พญานาค มุกดาหาร นครพนม ทั้งบนบก อากาศ และในน้ำ

 

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดตามช่องทางต่าง ๆ แนะนำคือแพลตฟอร์ม 1.utu ได้รวบรวมการท่องเที่ยวอีสานตามอัตลักษณ์ต่าง ๆ ไว้ครบ หรือ 2.KLOOK ได้รวบรวมโรงแรมที่พัก รถเช่า ในราคาพิเศษ สามารถเลือกได้หลายรูปแบบตามความชอบของแต่ละคน 

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ซีอีโอกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์คว้ารางวัล  BRAND OF THE YEAR10ปีซ้อน


ข่าวที่ 1-“คิง เพาเวอร์”นำไทยคว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์โลก10ปีซ้อน

 

คิง เพาเวอร์ คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์โลก “BRAND OF THE YEAR10 ปีซ้อนจาก WORLD BRANDING AWARDS นำธุรกิจคนไทยสร้างชื่อครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาอย่างยาวนาน

 

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า นำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว คว้ารางวัล สุดยอด
แบรนด์ของโลกแห่งปี 2024-2025” หรือ BRAND OF THE YEAR
ระดับ NATIONAL AWARD ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 จาก WORLD BRANDING AWARDS ครั้งที่ 18 ตอกย้ำความสำเร็จผู้นำธุรกิจดิวตี้ ฟรี โชว์ศักยภาพธุรกิจคนไทยที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศในเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมส่งมอบประสบการณ์และความเป็นเลิศสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจให้กับนักเดินทางนานาชาติมากว่า 35 ปี

 

คิง เพาเวอร์ ได้การยอมรับมาตรฐานการันตีคุณภาพด้านบริการและสินค้าจากเวทีโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ ซึ่งรางวัลนี้จะมอบให้กับแบรนด์ชั้นนำเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละประเทศที่มีความโดดเด่นอย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้เกิดจากปณิธานที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “THE POWER OF POSSIBILITIES ชีวิตไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้”  พร้อมส่งมอบคุณค่า ด้วยความเป็นเลิศด้านการบริการ และสินค้าที่มีคุณภาพตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทำให้ “แบรนด์ คิง เพาเวอร์” ได้การยอมรับและความไว้วางใจอันดับหนึ่งจากนักเดินทางทั่วโลก

 

สำหรับหลักเกณฑ์การตัดสิน WORLD BRANDING AWARDS 2024-2025 พิจารณา 3 ด้านหลักสำคัญ ประกอบด้วย 1.การวิจัยตลาดผู้บริโภค 2.การประเมินมูลค่าแบรนด์ 3.การลงคะแนนจากประชาชน โดย คิง เพาเวอร์ ชนะเกณฑ์การตัดสินรางวัล “สุดยอดแบรนด์ของโลกแห่งปี 2024-2025” สาขาค้าปลีกสินค้าดิวตี้ ฟรี (RETAILER-DUTY FREE CATEGORY)

 

โดยมีตัวแทนผู้บริโภคร่วมคัดเลือกแบรนด์คุณภาพและเป็นแบรนด์ชั้นนำในหลายประเทศของแต่ละภูมิภาค ซึ่งมีแบรนด์ที่ได้รับการนำเสนอชื่อกว่า 927 แบรนด์ จาก 66 ประเทศ โดยแบรนด์ที่ได้รับรางวัลนี้ ต้องได้รับผลคะแนนโหวต 70% จากผู้บริโภคกว่า 100,000 ราย แสดงให้เห็นถึงแบรนด์ที่โดดเด่น มีคุณค่า มีชื่อเสียงเป็นที่จดจำ และมีภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดี ทำให้ธุรกิจของคนไทยอยู่ในหัวใจของนักเดินทางทั่วโลกมาอย่างยาวนาน

 

ข่าวที่ 2 -ช้อปคิงเพาเวอร์4สาขาให้ฉ่ำรับซัมเมอร์เสิร์ฟส่วนลด-ดีลฟรี

 

ช้อปไอเทมฉ่ำ รับซัมเมอร์สุดแกลม วันนี้ -31 มีนาคม 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี และภูเก็ต

รับคูปองส่วนลดคุ้มรวม 4,000 บาท

รับคูปองส่วนลดมูลค่า 2,000 บาท โดยช้อปสินค้า 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ จำนวน 2 ใบ ให้ได้คนละ 2 ใบ / วัน หรือ ส่วนลดไม่เกิน 4,000 บาท)

 

ตลอดซัมเมอร์นี้ เสิร์ฟความสุขทุกการซื้อสินค้าแบบจัดเต็ม

 

“เสิร์ฟ ส่วนลด” รับซัมเมอร์! ลดสูงสุด 30% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) สมาชิกฮอต! ได้อีกรับเพิ่ม Carat Rewards 500 Carats (เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)

 

“เสิร์ฟดีลฟรี” สมัครง่ายรับคุ้ม!  แล้วรับฟรี สถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY (จากปกติเติมเงินเข้าบัญชี 1,000 บาท) มีหรือไม่มีไฟลต์ก็ช้อปได้

 

ช้อป คิง เพาเวอร์ มหานคร ชั้น 2-3 นำเสนอสินค้า “ดิวตี้ฟรี” ป้ายขาว ช้อปก่อนบิน รับสนามบิน ส่วน “สินค้าซื้อปุ๊บนำกลับได้ปั๊บ” ป้ายฟ้า ไม่ต้องบิน รับกลับทันที

 

ข่าวที่ 3-เริ่มแล้ว!!คิงเพาเวอร์ช้อปพิชิตรางวัลรับมื้อฟรีโอมากาเสะหรู

คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ มอบความสนุก ภารกิจนักช้อป พิชิตของรางวัลสุดคุ้ม “2025 SHOPPING QUEST: TOP 25 SPENDERS” ให้ท็อป สเปนเดอร์ 25 รางวัล ให้กับยอดนักช้อปได้ลุ้นทานอาหารโอมากาเสะมื้อสุดหรู คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ยิ่งช้อปเยอะยิ่งมีสิทธิ์ลุ้น ใครอยากฉลองชัยชนะต้องรีบจัดด่วน ที่คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ กดสินค้าลงตะกร้า แล้วรอรับของที่สนามบิน

ง่าย ๆ ช้อปสะสมยอดช้อปออนไลน์สูงสุดตลอดทั้งเดือน

รับฟรี! คูปองส่วนลดอาหารโอมากาเสะ เพื่อนำไปใช้ที่ ห้องอาหารญี่ปุ่น เทนโกะ โอมากาเสะ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ

รางวัลที่ 1 - 5 คูปองส่วนลดอาหารมูลค่า 2,900 รับฟรี 1 รางวัล/ 2 ท่าน

รางวัลที่ 6 - 25 คูปองส่วนลดอาหารมูลค่า 1,690 รับฟรี 1 รางวัล/ 1 ท่าน

สินค้า Duty-Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน

 

ข่าวที่ 4-นายกฯอิ๊งค์นำททท.รุกITB2025บูมเสน่ห์ไทย-ซอฟท์พาวเวอร์

 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวระดับโลก Internationale Tourismus Borse หรือ ITB Berlin 2025 Berlin ExpoCenter City วันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี โดยได้เยี่ยมชมคูหาประเทศไทย พร้อมพบปะผู้ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่เข้าร่วมงาน และเป็นประธานเปิดยิ่งใหญ่งาน Amazing Thailand Networking Event ที่อาคาร ซิตี้ คิวบ์ เบอร์ลิน ประกาศปีท่องเที่ยว Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ด้วย “ซอฟท์ พาวเวอร์” เสน่ห์ไทย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวนานาชาติ โดยได้นำเสนอ 3 เป้าหมายใหญ่ ได้แก่ เป้าหมายที่ 1 ศักยภาพไทยพร้อมจะเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก เป้าหมายที่ 2 เป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค เป้าหมายที่ 3 เร่งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน

 

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก (World-Class Destination) โดยได้ขับเคลื่อนนโยบายให้การท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนหลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกระจายทั่วถึงทั้งประเทศ ในโอกาสพิเศษปี 2568 รัฐบาลได้ประกาศปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 สร้างจุดขายการท่องเที่ยวไทยผ่าน ซอฟท์ พาวเวอร์ รวมทั้งเป็นครั้งแรกในงาน ITB Berlin 2025 ได้ชูเมืองน่าเที่ยวที่มีศักยภาพเสนอขายในตลาดโลก 18 จังหวัด

 

 

 

ปี 2568 ประเทศไทยตั้งเป้าจะดึงนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเดินทางเข้ามาเยือนไม่ต่ำกว่า 39 ล้านคน สร้างรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท ทุกภาคส่วนพร้อมใจกันจัดกิจกรรมกระตุ้นตลอดทั้งปี ประกอบด้วย

 

“เทศกาลท่องเที่ยว”  ไฮไลต์ซอฟท์ พาวเวอร์ งานเทศกาลประเพณีที่มีชื่อเสียงติดระดับโลกโดยเฉพาะ “สงกรานต์” จะจัดยิ่งใหญ่ “Maha Songkran World Water Festival 2025 และเทศกาลยอดนิยมอย่าง Pride Month ลอยกระทง และอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์

 

“เทศกาลกีฬา” ไทยเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเล่ย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก (FIVB Women's Volleyball World Championship 2025) และซีเกมส์ 2025  

ขณะนี้รัฐบาลมุ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่าง ๆ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อเนื่อง ได้แก่

มาตรการที่ 1 ยกเว้นวีซ่าให้กับผู้เดินทางทั่วโลกจาก 93 ประเทศ

มาตรการที่ 2 เปิดให้ทำ  e-Visa สร้างความสะดวกและสร้างแรงจูงใจให้นักเดินทางรุ่นใหม่ใช้บริการอย่างคล่องตัว

มาตรการที่ 3 ระบบ ตม.6 ออนไลน์ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการจะนำมาใช้ปฏิบัติได้เร็ว ๆ นี้

 

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse หรือ ITB Berlin 2025 มหกรรมส่งเสริมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2568 ที่กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยและพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน พร้อมทรงสาธิต “การพันผ้าหูกระเป๋าจากผ้าไทย” (Twilly) และทำ “ส้มตำเมนูเด็ดต้องลองชิม : MUST TASTE นำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยว 5 MUST DO IN THAILAND บริเวณคูหาประเทศไทย

 

ปี 2568 ประเทศไทยออกแบบพื้นที่ภายในคูหาโดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ภายใต้แนวคิด Sustainable Thailand Soft Power : พลังซอฟท์ พาวเวอร์ ประเทศไทยที่ยั่งยืน” โดยสะท้อน “เอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก : Local Meets Global  เดินหน้าประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยทำให้ทั่วโลกรู้จักอย่างกว้างขวางและเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางผ่านแบรนด์ Amazing Thailand

 

ผนวกกับการเปิดปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 ครั้งแรกในตลาดต่างประเทศ สร้างความแปลกใหม่ด้วยการลงทุนจัดพื้นที่แบ่งหลายโซนนำเสนอเมืองไทยครอบคลุมทุกมิติ โดยมีไฮไลต์ ประกอบด้วย

 

โซนที่ 1 “เมืองน่าเที่ยว : Hidden Gem Cities จัดสรรพื้นที่ให้ผู้ประกอบการธุรกิจจากทั่วไทย 5 ภูมิภาค 19 เมืองน่าเที่ยวได้นำเสนอสินค้าเด่น  ๆ กับคู่ค้าระดับนานาชาติครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

 

โซนที่ 2  SANEH THAI SHOWCASE, SUSTAINABILITY NOW จัดการแสดงสินค้าอัตลักษณ์ไทย ด้วยการนำเสนอเรื่องราว “เมืองน่าเที่ยว”จากภูมิภาคต่าง ๆ เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเข้ามาเยี่ยมชม คือ 1.วาสนาเครื่องจักสานไม้ไผ่จากเชียงใหม่ 2.มีใจสตูดิโอจิวเวลรีจากจันทบุรี 3.ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมสีธรรมชาติ สีห้อมจากแพร่คราฟต์ สีบัวแดงจากอุดรธานี 4.เครื่องเงินดอยซิลเวอร์จากน่าน เครื่องเงินสุโขทัย เครื่องปั้นจากสมุทรสงคราม (เบญจรงค์) เซรามิคธนบดีจากล าปาง 5.ผลิตภัณฑ์จากลูกปัดโนราห์จากสงขลา 6.เครื่องหอมจากกรุงเทพฯ ระยอง และปราจีนบุรี

 

โซนที่ 3  SANEH THAI Café นำเสนอเมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ โกโก้ จากแหล่งปลูกในภูมิภาคต่างๆ เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI : Geographical Indication ควบคู่กับการเสิร์ฟเมนูอาหารว่างรสชาติไทยขึ้นชื่อย่าง ต้มยำกุ้ง ลาบไก่ ช็อคโกแลตไทย พร้อมกับจำลอง “เมนูของจิ๋ว” จากร้านมิชลินทั่วไทย 17 จังหวัด ที่อยู่ใน Michelin Guide 2025 ทำคอนเทนต์เมนูอาหารไทยยอดนิยมติดอันดับโลกสร้างการรับรู้เพิ่มประสบการณ์ Must Taste ที่ต้องลิ้มลองทุกครั้งที่มาถึงเมืองไทย

 

โซนที่ 4  Travel Tech ระบบนำร่อง TATAI ครั้งแรกด้วยนวัตกรรมใหม่การท่องเที่ยวด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ ททท.ใช้วิธีประมวลผลผ่านตู้ 3D hologram ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวผ่านการสนทนา ผนวกการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์วิดีโอโปรโมทธุรกิจให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้ทั่วโลกเข้าถึงเพิ่มมากขึ้นได้

 

โซนที่ 5 พื้นที่เจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการไทย และพื้นที่หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กรมการท่องเที่ยว องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด บริษัท การบินไทย จ ากัด (มหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)

 

ขณะที่สถานการณ์ตลาดภาพรวมการท่องเที่ยว “ตลาดระยะไกล” (Longhaul Market) เดินทางเข้าเมืองไทยต่อเนื่องตั้งแต่ 1 มกราคม - 23 กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนรวม 2.34 ล้านคน ประกอบด้วย ภูมิภาคยุโรป 1.85 ล้านคน อเมริกา 310,000 คน ตะวันออกกลาง 152,000 คน แอฟริกา 24,000 คน จากเป้าหมายปี 2568 จะนำนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลเข้ามาเที่ยวเมืองไทยตั้งเป้าสร้างรายได้รวม 869,200 ล้านบาท จากจำนวนรวมทั้งหมด 10.6 ล้านคน แบ่งเป็น ภูมิภาคยุโรป 7.7 ล้านคน อเมริกา 1.6 ล้านคน ตะวันออกกลาง 1.2 ล้านคน แอฟริกา 1.5 แสนคน 

 

ข่าวที่ 5-บางจาก-นอร์เวย์โชว์โมเดลOKEAพลังงานลดคาร์บอนได้

 

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการหอการค้าไทย - นอร์เวย์ ร่วมเสวนาในงาน Roundtable: Brand Norway in Thailand – Norwegian Sustainability Business Ethics จัดโดย หอการค้าไทย - นอร์เวย์ ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ โดยมี H.E. Mrs. Astrid Emille Helle เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทยและกัมพูชา เป็นประธานเปิดงาน นายปองพล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถา  

 

นางกลอยตา ได้ร่วมเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กับ Mr. Johan Martin Seland, Director and Head of Sustainability, Telenor Asia และ Ms. Ava Hider, Eco Sales and Marketing Coordinator, Starboard ในหัวข้อ Bridging Values: Norway-Thailand Partnerships for Ethical Growth โดยได้เน้นย้ำถึงคุณค่าร่วมกันระหว่าง “นอร์เวย์กับประเทศไทย” มุ่งส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจให้มีจริยธรรม พร้อมกับแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อความสำเร็จในระยะยาว

 

นางกลอยตา ได้กล่าวถึงการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่าน OKEA ASA ของบางกที่นอร์เวย์มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ทำให้บางจากเติบโต ด้วยปัจจัยหลายอย่างสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านพลังงานและความยั่งยืนของบริษัทฯ เด่น ๆ 3 มิติ คือ

 

มิติที่ 1 เป็นแหล่งปิโตรเลียมคุณภาพสูงที่มีศักยภาพในการผลิตระยะยาว

 

มิติที่ 2 ช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน นโยบายและสภาพแวดล้อมทางการเงินที่มั่นคงเอื้อต่อการลงทุนด้วยกรอบกฎหมายอย่างชัดเจน

 

มิติที่ 3 สร้างกลไกการคืนทุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี

 

แล้วนอร์เวย์ยังมีบทบาทสำคัญด้านความมั่นคงทางพลังงานของยุโรป สร้างเสถียรภาพให้ตลาดและนักลงทุน ควบคู่กับผู้นำพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ สอดคล้องกับเป้าหมายบางจากฯ ในการเปลี่ยนผ่านพลังงานและการบริหารทรัพยากรอย่างยั่งยืน

 

จึงสรุปว่าประสบการณ์ของบางจากในนอร์เวย์ผ่านการลงทุนใน OKEA ได้ให้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับแนวทางความยั่งยืนและ ESG สามารถนำมาปรับใช้กับบริบทพลังงานในไทย โดย “นอร์เวย์” เป็นตัวอย่างของประเทศที่มีนโยบายด้านความยั่งยืนที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ไปจนถึงการผสานความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ขององค์กรอย่างเป็นระบบ เป็นแนวทางที่แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจสามารถเติบโตควบคู่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

 

ปี 2568 เป็นวาระครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและนอร์เวย์ จากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยือนนอร์เวย์เมื่อปี 2448 นับเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์สยามเสด็จฯ เยือนทวีปยุโรป ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันอย่างดีหลายด้าน เช่น การค้า การศึกษา การพัฒนาที่ยั่งยืน และอื่น ๆ

 

ช่วงที่ 2 ออกไปเที่ยวซัมเมอร์นี้ด้วยกันลงใต้ เช็คอินงาน “เปิดโลกใต้ทะเลชุมพร” แล้วสายศรัทธาต้องวงปฏิทิน 4 พระธาตุแดนใต้ “พระธาตุสวี” ชุมพร “พระธาตุเมืองนคร” นครศรีธรรมราช “พระธาตุไชยา” สุราษฎรานี “พระธาตุเขียนบางแก้ว” พัทลุง แล้วลองปรับพฤติกรรม “กิน5อาหาร” ลดเสี่ยงเส้นเลือดตีบแตกก่อนวัย เกาะติดข่าวดี ๆ ข่าวแรก “THACCAผนึกTCEB” ดึงร้านอาหารทั่วโลกบูม Soft Power ดันไทย 4 ปี ทำรายได้ 4 ล้านล้านบาท

 

ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวโลกทะเลชุมพร-4พระธาตุแดนใต้

 

ซัมเมอร์ เดือนมีนาคม นี้ ชวนล่องใต้ไปสัมผัสความเย็นชุ่มฉ่ำทะเลสวย ๆ และตลุยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 พระธาตุ ตามเส้นทางแห่งศรัทธา เลือกได้เลย 5 พิกัด 5 จังหวัด

 

พิกัดที่ 1 “เปิดโลกทะเลชุมพร” ระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคม 2568 บริเวณหาดทุ่งวัวแล่น ตื่นตากับการแสดงแสง สี เสียง วันเปิดงานให้กินอาหารทะเลฟรี ตลอดงานแวะชิมอาหารทะเล สด สะอาด อร่อย กว่า 150 ร้าน เลือกซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อปของดีจังหวัดชุมพร กว่า 60 ร้าน การแสดงมินิคอนเสริ์ตจากศิลปิน/นักร้อง/นักแสดง อยู่ต่อเพื่อไปดำน้ำทักทายฉลามวาฬ ปลาผีเสื้อเหลืองชุมพร ได้ชื่อว่าปลารักเดียวใจเดียว ซึ่งเป็นโมเมนท์สร้างความประทับใจส่งต่อบอกไปยังคนอื่น ๆ ได้ด้วย

 

ชายหาดที่สวยงามขึ้นชื่อของอำเภอปะทิว ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพลี ห่างจากตัวเมือง 16 กิโลเมตร เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเล

 

หาดทุ่งวัวแล่น อยู่ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว เป็นชายหาดยอดนิยมของนักท่องเที่ยว มีเรื่องเล่าถึงที่มาของชื่อหาดแห่งนี้สมัยก่อนมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงมีนายพรานมาล่าสัตว์ แล้วยิง “วัวป่า”ล้มลงแต่วัวป่านั้นกลับฟื้นและวิ่งหนีหายไป จึงนำรูปปั้นวัวป่าเป็นสัญลักษณ์มาตั้งไว้ริมชายหาด

 

นักท่องเที่ยวสามารถเดินสัมผัสธรรมชาติความยาว 2 กม. เม็ดทรายสีขาวนวลละเอียดน้ำทะเลสวยใสเหมาะแก่การเล่นน้ำ ตอนใต้ชายหาดเป็นหินติดเชิงเขา เป็นจุดดำน้ำตื้นชมปะการังได้ โดยมีถนนเลียบขนานไปกับชายหาด อีกฝั่งถนนมีสวนมะพร้าวร่มรื่นสลับกับชุมชนตลอดแนวชาย

 

มีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พัก ร้านอาหาร โรงเรียนสอนดำน้ำและร้านเช่าอุปกรณ์ดำน้ำให้บริการ การเดินทาง

 

แล้วสายบุญห้ามพลาด เส้นทางเที่ยวเชิงศรัทธาไหว้ 4  พระธาตุแดนใต้ ดังนี้

 

พิกัดที่ 2  พระธาตุสวี ตั้งอยู่ในตำบลและอำเภอสวี จ.ชุมพร เป็นศาสนสถานสำคัญประดิษฐานของพระบรมธาตุสวีอายุกว่า 700 ปี สร้างตามศิลปกรรมแบบเดียวกับ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช คาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา พิพิธภัณฑ์ วัดพระบรมธาตุสวี เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดภายในวัดเพื่อเปิดโอกาสให้ นักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ห้อง

มี “พิพิธภัณฑ์” มี 3 ห้อง คือ ห้องที่ 1 จัดแสดงวัตถุโบราณ บอกเล่าความเป็นมาของวัดพระบรมธาตุสวี ห้องที่ 2 จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้ง จำลองวิถีชีวิตของชาวชุมพรในสมัยโบราณ ห้องที่ 3 จัดเก็บผลงานและรับรองแขกพิเศษ

 

พิกัดที่ 3 พระธาตุเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก หากได้รับการประกาศจะเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแหล่งที่ 6 ของไทย และแหล่งมรดกโลกแห่งแรกในภาคใต้

 

ภายในวัดพระมหาธาตุมีวิหารที่มีความสำคัญหลายหลังประดิษฐานอยู่ ได้แก่ “พระบรมธาตุเจดีย์” มีทองรูปพรรณและของมีค่ามากมาย ของมีค่าเหล่านี้ พุทธศาสนิกชนนำมาถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ตนได้พบกับนิพพาน

“การบูชาองค์พระมหาธาตุเจดีย์” จัดเป็นประตูขึ้นไปสู่การเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด คือพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า รวมทั้งเดินชมความงดงาม เช่น วิหารเขียน วิหารสามจอม วิหารโพธิ์ลังกา วิหารคด

 

พิธีปฏิบัติต่อองค์พระธาตุไฮไลต์แต่ละปี จัดยิ่งใหญ่ “วันมาฆบูชา” พิธีแห่ผ้าขึ้นธาตุ เชื่อกันว่าหากใครได้นำผ้าขึ้นธาตุ จะขอพรได้เป็นจริงดังหวัง โดยมีวิหารหลักเป็นทางขึ้นไปประกอบพิธีทางศาสนาคือ “พระมหาภิเนษกรมน์” (วิหารพระทรงม้า)

 

พิกัดที่ 4 พระธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี หนึ่งในโบราณสถานสร้างขึ้นตามแบบลัทธิมหายานตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรือง ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพุทธสถานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมสมัยศรีวิชัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ภายในบริเวณวัดมี  “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา” จัดแสดงประติมากรรมศิลาและสัมฤทธิ์ที่ค้นพบในเมืองไชยาเก่า เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. 

 

พิกัดที่ 5 พระธาตุเขียนบางแก้ว ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จ.พัทลุง มีตำนานเล่าว่า นางพญาเลือดขาว กับ พระยากุมาร ได้สร้างวัดจนเสร็จเมื่อ พ.ศ. 1492 และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากเกาะลังกา มาบรรจุไว้ในพระบรมธาตุเจดีย์

 

พระบรมธาตุเจดีย์บางแก้ว บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากลังกา เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ก่อด้วยอิฐสูง 22 เมตร มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนำไปใช้ประกอบพิธีดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาในสมัยโบราณ ใกล้ ๆ กันกับบ่อน้ำ พบร่องรอยของ วิหารถือน้ำพิพัฒน์สัตยาในอดีตด้วย

โบราณวัตถุสำคัญที่น่าชมก็มี “ศิวลึงค์ และฐานโยนี” อันเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกว่าบริเวณนี้มีการรับอารยธรรมอินเดียมาตั้งแต่สมัยต้นประวัติศาสตร์

พิพิธภัณฑ์ของชาติวัดเขียนบางแก้ว ได้รวบรวมและจัดแสดงพระพุทธรูป รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จะเข้าชมต้องติดต่อขอรับกุญแจจากเจ้าอาวาสก่อนเสมอ

 

 

สุขภาพ –5อาหารกินลดความเสี่ยงเส้นเลือดสมองตีบ-แตกก่อนวัย

 

ชนิดที่ 1 ปลา - เป็นโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เพราะปริมาณไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายน้อยกว่าในเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ ปลาที่แนะนำคือปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง ได้แก่ ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน หรือปลาที่หารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย เช่น ปลาจะละเม็ดขาว ปลากะพงขาว ปลาดุก ปลาสวาย ปลาทู ปลาสลิด ปลาตะเพียน  

 

ชนิดที่ 2 โปรตีนจากพืช เป็นอีกชนิดที่มีโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่ง หรือโปรตีนที่มาจากพืช เช่น เต้าหู้ นมพร่องมันเนยหรือขาดมันเนย

 

ชนิดที่  3 คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน แทนที่จะกินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ได้แก่ ข้าวขาว ขนมปังขาว หันมาเลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีกากใยอาหารและคุณค่าทางสารอาหารมากกว่า ได้แก่ ข้าวกล้อง ธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง ผักหลากหลายสี และผลไม้ไม่หวานจัด หลีกเลี่ยงหรือบริโภคเพียงเล็กน้อยในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตขัดขาว อาหารที่มีน้ำตาลสูง เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง รวมถึงน้ำผลไม้ เพราะน้ำผลไม้เต็มไปด้วยน้ำตาลล้วนๆ ไม่มีกากใยอาหาร ซึ่งเป็นส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า

 

ชนิดที่ 4 ไขมันดี เลือกกินอาหารที่มีไขมันที่ดี เช่น ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่างๆ อะโวคาโด น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า น้ำมันเมล็ดชา หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ทั้งไขมันจากสัตว์และไขมันจากพืช เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ

 

ชนิดที่ 5 อาหารจากธรรมชาติ ควรเลือกบริโภคอาหารชนิดนี้ให้มากกว่าอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งหลายขั้นตอน เช่น เลือกเนื้อสัตว์สดๆ มาปรุงอาหารมากกว่ารับประทานไส้กรอก แฮม นอกจากจะได้สารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่าแล้ว ในอาหารแปรรูปยังมีปริมาณโซเดียมมาก เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือด โรคไต และความดันโลหิตสูงได้

 

 ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก –THACCA-TCEBดึงร้านอาหารทั่วโลกบูมSoftPower4ปีหวัง4ล้านล้าน

 

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) เปิดเผยว่า THACCA กับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เดินหน้าขับเคลื่อนเชิงรุกตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป โดยได้ร่วมกันนำซอฟต์พาวเวอร์ไทยบุกตลาดโลกขับเคลื่อน 13 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยพร้อมก้าวสู่ “เมืองเทศกาลนานาชาติ” อย่างแท้จริง เตรียมเดินหน้าทำแคมเปญ Taste of The Very Thai Fest ผ่านเครือข่ายร้านอาหารไทยทั่วโลก ชวนนานาชาติมาดื่มด่ำประสบการณ์เทศกาลอันหลากหลายของเมืองไทย ที่ทั่วโลกตั้งตารอทั้ง The Ultimate Festival Line-up กับ Iconic Festival และอีเวนต์ดึงดูดความน่าสนใจเฉพาะกลุ่ม

 

โดยจับมือกับพันธมิตรหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อย่าง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สถาบันอาหาร ผู้จัดงานเทศกาลต่างๆ พร้อมขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ 13 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในสายตานานาชาติเพิ่มขึ้น 

 

นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่าซอฟต์พาวเวอร์ เป็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาล และหนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะนำไทยสู่อนาคตใน 4 ปี สามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมาย 4 ล้านล้านบาท ด้วยการขับเคลื่อนศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลก จึงได้ริเริ่มพัฒนาเครือข่ายของร้านอาหารไทยทั่วโลกที่มีอยู่แล้วจำนวนมากในทุกทวีป เป็นช่องทางการเผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ไทยทุกแขนง ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วซึ่งอิทธิพลอย่างยิ่งต่อนักท่องเที่ยวและผู้บริโภค พร้อมจะเปิดแคมเปญ Taste of The Very Thai Fest เป็นโครงการนำร่องที่น่าตื่นเต้น ส่งเสริมอาหารไทย สายการบินไทย และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วยวิธีมอบรางวัลพิเศษให้ลูกค้าที่อุดหนุนอาหารไทย ส่วนผู้ประกอบการร้านอาหารที่เข้าร่วมจะได้รับมาตรการเสริมประโยชน์ควบคู่กันไปด้วย

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB กล่าวว่า “โครงการนี้สอดคล้องกับพันธกิจของทีเส็บด้านการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ หรือ การจัดประชุมสัมมนา การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การประชุมองค์กร การจัดงานแสดงสินค้า และงานเมกะอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติ ปัจจุบันพบว่างานเมกะอีเวนต์และเทศกาลนานาชาติ กำลังมีบทบาทมากขึ้นทั่วโลก ดังนั้นการรวมพลังของเครือข่ายร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เข้ามาส่งเสริมงานเทศกาลประเพณีที่งดงาม โดดเด่น เท่ากับกับนำ 2 จุดแข็งของไทยมาเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว  จึงมั่นใจความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้คนท้องถิ่น และสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ตามเป้าหมายรัฐบาลและทีเส็บไปพร้อม ๆ กัน

 

เป็นแคมเปญนำร่องที่มุ่งตอบโจทย์นโบายคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติในการส่งเสริมภาพลักษณ์ และสร้างศักยภาพความพร้อมของประเทศขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ทั้ง 13 อุตสาหกรรม นำเสนอจุดขายใหม่ของไทย กระตุ้นนักเดินทางไมซ์ทั่วโลก สร้างเม็ดเงิน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมได้อย่างยั่งยืนทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อไป

           

ข่าวที่สอง –แอร์เอเชียเทโปรตั๋วบินทั่วไทย16 เมืองน่าเที่ยวเริ่ม880บาท

 

แอร์เอเชียร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเที่ยวบินทั่วไทยสู่ 16 เมืองน่าเที่ยว ทั่วไทย กับสายการบินแอร์เอเชีย นำเสนอราคาตั๋วโปรโมชั่นพิเศษ 880 บาท/เที่ยว จองได้ตั้งแต่วันนี้ – 9 มีนาคม 2568 เพื่อใช้เดินทางเริ่ม 10 มีนาคม-30 กันยายน 2568 พร้อมส่วนลดต่อเนื่องเส้นทางเมืองน่าเที่ยวตั้งแต่มีนาคม-พฤษภาคม 2568

 

แอร์เอเชียจัดเที่ยวบินทั่วไทย โดยให้บริการทั้งจากท่าอากาศดอนเมืองและท่าอากาศสุวรรณภูมิ สู่จุดหมาย 16 เมืองน่าเที่ยว ได้แก่

 

“ภาคเหนือ” 4 เส้นทาง ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก น่าน ลำปาง

“ภาคอีสาน” 7 เส้นทาง ได้แก่ เลย อุดรธานี อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สกลนคร นครพนม ร้อยเอ็ด

“ภาคใต้” 5 เส้นทาง ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง ชุมพร ระนอง และนราธิวาส  

 

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แอร์เอเชียมีเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศทุกภูมิภาค ตอบโจทย์แคมเปญท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้ง 16 เส้นทาง ที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ไปเปิดประสบการณ์ได้หลากหลาย ตามไลฟ์สไตล์แต่ละคน

“แอร์เอเชีย”  นำเสนอแคมเปญนี้โดยเน้นใช้ดนตรีเป็นตัวแทนแสดงถึงรูปแบบการท่องเที่ยวหลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มใหม่ ๆ พร้อมบินกับแอร์เอเชีย เช่น จังหวะสนุก (HipHop) ที่แสดงถึงการท่องเที่ยวแบบผจญภัย ชอบความท้าทาย จังหวะชิล (Pop) เหมาะกับสายชิล ทำคอนเท้น ชิมอาหาร โชว์ไลฟสไตล์ และจังหวะนุ่มลึก (Rock) เหมาะกับสายที่ชอบค้นหา ศึกษาวัฒนธรรม

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปร“คนไทย”ตั๋วราคาพิเศษ 450-500บาท

  อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปรปัง “นักท่องเที่ยวไทย” 18 มิ.ย.- 31 ก.ค.ซื้อตั๋วราคาพิเศษ 450-500 บาท/คน เรื่องโดย... # เพ็ญรุ่งใยสามเสน #guru...