วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คิงเพาเวอร์ 25 ปี จัดฉลองยิ่งใหญ่ "วิชัย" เปิดเมกะโปรเจ็กต์ดิวตี้ฟรีทั่วเอเชียปี'58


เมกะโปรเจ็กต์ฉลอง25ปี คิง เพาเวอร์ลงทุนใหม่รับAEC
ผนึกแอร์ เอเชีย กรุ๊ปบุกเบิกโลกธุรกิจบูมเทร็นด์อนาคต

ทุ่มสร้างระบบขายสินค้าดิวตี้ฟรีออนไลน์เจ้าแรกในเอเชีย

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
(
เจ้าของและผู้ดำเนินรายการ รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ทาง FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.
email : rakdeefm97.0@gmail.com, fb :penroong yaisamsen, Blogger : gurutourza.blogspot.com)

เมื่อวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2557 ได้จัดงานขอบคุณภาคีพันธมิตรจากทั่วโลกในโอกาสฉลองการดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีครบรอบ 25 ปี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Journey with Starlight : Thank You Party” โดยมีฑูตานุทูต ตัวแทนซัพพลายเออร์สินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ และ ผู้บริหารระดับแถวหน้าจากวงการท่องเที่ยว สายการบิน เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่งกว่า 1,000 คน
รวมทั้งมีการจัดแสดงจากศิลปินระดับโลก "เคนี่ จี" มามอบความสุขให้กับทุกท่านในค่ำคืนคิง เพาเวอร์ ฉลอง 25 ปี เผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นที่ประทับใจผู้คนจากทั่วโลก รวมทั้งได้สาธิตเชิญ "เชฟชุมพล" เชฟกระทะเหล็ก อาหารไทย มาปรุงเมนูอาหารไทยเผยแพร่ "วิถีไทย" ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั่วโลกไปด้วยพร้อม ๆ กัน
คุณวิชัย-ครอบครัว-ทีมบริหาร เนรมิต "คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ" จัดฉลองยิ่งใหญ่ทำธุรกิจดิวตี้ฟรีครบ 25 ปี
 

วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท คิงเพาเวอร์ เพื่อบุกเบิกทำธุรกิจร้านค้าปลอดอากร (Duty Free) เปิดใจถึงความตั้งใจพัฒนาธุรกิจดิวตี้ฟรีมาตลอด 25 ปี จนกระทั่งขณะนี้กลายเป็นผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถเป็นกำลังสำคัญของประเทศไทย สร้างการเติบโตกระตุ้นรายได้ช็อปปิ้งจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

เปิดแนวรุกมหาอำนาจกำลังซื้อสูงจีน
ฟื้นท่องเที่ยวได้เพิ่มทันทีหลักล้านคน

วิชัยอธิบายภาพรวมของธุรกิจดิวตี้ฟรีซึ่งเกี่ยวโยงกับการท่องเที่ยวของประเทศว่า ปี 2557 การขยายยอดขายและรายได้ค่อนข้างลำบากจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะก่อนหน้านี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ การเมืองภายในประเทศวุ่นวาย ต่อเนื่องถึงเรื่องความจำเป็นที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้กฎอัยการศึก นักท่องเที่ยวจากประเทศแถบเอเชียส่วนใหญ่เข้าใจและคุ้นชินกับกฎดังกล่าว แต่นักท่องเที่ยวทวีปไกลจากสหภาพยุโรป อเมริกา และ อื่น ๆ ตามปกติจะต้องซื้อประกันการเดินทาทุกครั้งที่ออกนอกประเทศหากประเทศใดใช้กฎอัยการศึกบริษัทต่าง ๆ ในประเทศดังกล่าวก็ไม่รับทำประกันให้นักท่องเที่ยว ตลาดเหล่านี้จึงหายไปจากเมืองไทย

ขณะนี้สิ่งที่ภาครัฐจะต้องเร่งลงมือทำอย่างรวดเร็วคือ คิดวิธีสร้างแรงจูงใจแล้วนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะเรื่องมาตรการใหม่ ๆ ที่สามารถ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวได้มากที่สุด กับกลุ่มตลาดเป้าหมายในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งสามารถฟื้นฟูกำลังซื้อกลับมาได้เร็ว โดยนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางได้ทันที ถ้ายิ่งประเทศไหนต้องใช้วีซ่าก็ควรยกเลิก เนื่องจากการทำวีซ่าแต่ละครั้งต้องใช้เวลาพอสมควร

โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่แต่ละปีเดินทางเที่ยวต่างประเทศเกินกว่า 100 ล้านคน เมืองไทยยังพร้อมที่จะเป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยวจีนสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วอีกสัก 1 ล้านคน จากปีละ 4-5 ล้านคน ก็เพิ่มเป็น ปีละ 6-7 ล้านคน เพียงแค่ทุกฝ่ายต้องเห็นความสำคัญของการใช้มาตรการ อำนวยความสะดวกให้เกิดประโยชน์ โดยยังคงใช้เครื่องมือและกฎกติกาควบคุม ป้องกัน ดูแล ด้านความมั่นคงและความเป็นระเบียบได้ตามปกติ

ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวจีนที่มีศักยภาพพร้อมใช้จ่ายเงินตลอดการเดินทางท่องเที่ยวมีจำนวนมหาศาล แล้วตอนนี้ประเทศอื่นทำตลาดชิงลูกค้าจีนไปมหาศาล ช่วงที่เมืองไทยเกิดความวุ่นวายทางเกาหลีใช้จุดแข็งประชาสัมพันธ์ประกาศยกเลิกวีซ่าเปิดเกาะเจจูรองรับในเวลาเพียงไม่กี่เดือนจีนเดินทางไปเที่ยวเกาหลีนับ 10 ล้านคน เพราะอยู่ใกล้ใช้เวลาบินแค่ชั่วโมงเศษที่สำคัญสะดวกสบายไม่ต้องทำวีซ่า

วันนี้มาตรการ อำนวยความสะดวกมีความสำคัญมาก รัฐบาลควรรับไปพิจารณาเพราะถือเป็น ช่องทางที่จะเร่งฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยได้เร็วที่สุด จึงควรเลือกใช้ประโยชน์ด้านบวกและป้องกันผลกระทบด้านลบให้รัดกุม

เพราะอนาคตอันใกล้ปี 2558 จะต้องเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ประเทศไทยควรแสดงศักยภาพที่มีเรื่อง ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ผนวกเข้ากับ มาตรการความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก อย่างปลอดภัยให้เกิดผลดีอย่างสูงสุดในการเป็นศูนย์กลาง AEC ครอบคลุมทุกด้าน



วิชัย ศรีวัฒนประภา
 
วิชัย คิง เพาเวอร์ชูเมกะโปรเจ็กต์ร่วมทุนแอร์เอเชียปี'58

เปิดดิวตี้ฟรีออนไลน์รายแรกในอาเซียน-เอเชีย

วิชัยกล่าวว่าปี 2558 กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ วางแผนบุกเบิกทำโครงการใหญ่อีกครั้งด้วย กลยุทธ์ใหม่ ร่วมทุนกับธุรกิจสายการบินขยายการลงทุนร้านค้าดิวตี้ฟรีในอาเซียนและเอเชีย ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ทำให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนและเอเชียอย่างแท้จริง

แผนร่วมทุนดิวตี้ฟรีอาเซียนของ คิง เพาเวอร์ ขณะนี้กำลังเจรจาอยู่กับ โทนี่ เฟอร์นานเดส ซีอีโอ แอร์ เอเชีย กรุ๊ปเจ้าของสายการบินแอร์เอเชียทั้งในมาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศกลุ่มอาเซียน รวมทั้งได้ยื่นประมูลทำดิวตี้ฟรีในเกาหลีด้วย จะรู้ผลว่าได้หรือไม่ประมาณต้นปีหน้า

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนกับ แอร์ เอเชีย กรุ๊ปจะนำนวัตกรรมเทคโนโลยี ขายออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้เป็น ช่องทางการขายโดยจะผนวกขาย สินค้าดิวตี้ฟรีเข้าไปกับ ระบบการจองตั๋วเครื่องบินของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป ซึ่งขายผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก และมีเที่ยวบินรวมกันแล้วแทบจะเรียกได้ว่ามากที่สุดในเอเชีย ทั้งภูมิภาคมีประชากรรวมแล้วหลายพันล้านคน

สินค้าหลักเน้นขาย เครื่องสำอางค์แบรนด์ต่าง ๆ เป็นลำดับแรก เพราะเป็นตลาดใหญ่มีส่วนแบ่งยอดขายและการเติบโตมากที่สุด สินค้าที่จะเน้นอีกกลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์ขนมไทยที่มีแพกเกจจิ้งสวยงาม เพื่อส่งเสริมวิถีไทยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กัน

วิชัยกล่าวว่า หัวใจสำคัญของการลงทุนขยายดิวตี้ฟรีแนวใหม่จองซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ควบคู่กับทำจองตั๋วโดยสารของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป คือ การใช้เงินลงทุน สร้างโปรแกรมสั่งจองสินค้าบนสมาร์ทโฟน ออนไลน์ ทุกรูปแบบ และการเลือก ทำเลที่ตั้งคลังสินค้าตามประเทศปลายทางต่าง ๆ เพื่อส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด สร้างความพึงพอใจให้ทุกฝ่าย อีกทั้งยังสามารถช่วยประเทศไทยสร้างส่วนแบ่งรายได้จากตลาดช็อปปิ้งเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับแผนการลงทุนโดยรวมตลอดปี 2558 จะขยายสาขาดิวตี้ฟรีประกอบด้วย การลงทุนในประเทศจะเปิดดิวตี้ฟรีในเมือง จ.ภูเก็ต พื้นที่ 20 ไร่ ใช้เวลาก่อสร้าง 10 เดือน ประมาณเดือนตุลาคมปีหน้าจะเริ่มเปิดบริการ การลงทุนต่างประเทศร่วมทุนกับแอร์ เอเชีย กรุ๊ป เปิดตลาดดิวตี้ฟรีใหม่ในอาเซียน ซึ่งสามารถลงมือทำได้ทันที คือ พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย

วิชัยยืนยันหนักแน่นว่าพร้อมที่จะช่วยทุกฝ่ายสร้างชื่อเสียง ประเทศไทยในเวทีโลก และ พร้อมจะส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกรูปซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงอุตสาหกรรมเดียวที่ไทยจะแข่งขันและเป็นผู้นำอาเซียนได้อย่างสง่างาม

พบกับเรื่องราวสถานการณ์ข่าวอัพเดทใหม่ ๆ ในโอกาสต่อไป
 

การสาธิตทำอาหารไทยโดย "เชฟชุมพล" เชฟกระทะเหล็กอาหารไทยให้ทั่วโลกได้ชิม ในคืนที่คิง เพาวเอร์จัดฉลอง 25 ปี
ศิลปินระดับโลก "เคนี่ จี" เป่าแซกโซโฟน "แซลเมอร์ มาร์ค วีโอ โซปราโน" มอบความสุขให้ทุกท่านในงาน 25 ปีคิงเพาเวอร์

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ท่องเที่ยวไทยกระหึ่มโลกใน WTM2014-ททท.เปิดข้อมูลเทรนด์การเดินทางด้วยนวัตกรรมใหม่



ปิดฉาก WTM 2014 ท่องเที่ยวไทยกระหึ่มตลาดโลก

กลุ่มธุรกิจขาใหญ่ต่างชาติขานรับสินค้า“เที่ยววิถีไทย”

ททท.เปิดข้อมูล“เทรนด์นวัตกรรมใหม่”ของนักเดินทาง

 
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
: rakdeethai@gmail.com, rakdeefm97.0@gmail.com
Blogger : gurutourza

 

รมว.กอบกาญจน์ -นายกลินทร์ สารสิน ประธานบอร์ดททท.-ผู้ว่าธวัชชัย อรัญญิก ร่วมภารกิจงาน WTM 2014


           ภารกิจของ “นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา “นายธวัชชัย อรัญญิก” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมทีมบริหาร ททท. โรงแรมและบริษัทนำเที่ยวของไทย สายการบิน 54 หน่วยงาน จับมือกันเดินทางไปเจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวกับตลาดทั่วโลกในงาน World Travel Market 2014 ระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2557  ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

              ผลลัพธ์ที่ประเทศไทยได้รับกลับมาจากการเข้าร่วมงานครั้งนี้ เรื่องแรกได้เปิดตัวโครงการ “2015 Discovet Thainess :ปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558และสาระประโยชน์ต่อเนื่องน่าสนใจที่จะนำมาถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไทยที่ไม่ได้เข้าไปร่วมงานนี้ สามารถสร้างการขายทำตลาดไปพร้อม ๆ กัน ในปี 2558

           โดยมีสัญญาณที่ดีหลายเรื่องเกี่ยวกับ “แนวโน้มทางการท่องเที่ยว”  ที่ได้รับจากเวทีการสัมมนาในงาน WTM2014 มีแนวโน้มการท่องเที่ยวโลกที่น่าสนใจ คือ  

               เรื่องที่ 1 การท่องเที่ยวที่สร้างประสบการณ์ (Experiential Travel)  และประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น (Authenticity) เป็น 2 เรื่องที่ทำให้เกิดแนวโน้มทางการท่องเที่ยว และกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดใหม่ ๆ ไปทั่วทุกมุมโลก การปรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในแต่ละตลาด  เช่น

              ตลาดอเมริกา : การท่องเที่ยวจักรยาน (Cycling Tourism) มาแรงแซงกอล์ฟ เพราะถูกจริตกับผู้รักสุขภาพ ผู้สูงวัย (Gen X และ Baby-boomer) และต้องการประสบการณ์ที่แตกต่าง ทำให้เกิดกลุ่ม MAMILs  (Middle-Aged Men in Lycra)

                  ตลาดอังกฤษ : ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจึงมองหาความหรูหราด้วยการเลือที่พักราคาประหยัดแต่มีสไตล์ให้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากโรงแรมทั่วไป จึงเกิด POSHTEL สำหรับคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มครอบครัวและนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง

                ตลาดยุโรป : คำว่า Peer-to-Peer ปลุกเร้าให้ Airbnb ผู้ให้บริการระบบจองออนไลน์ คล้ายAgoda ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในฐานะการเป็นสื่อกลางด้วยวิธีเปิดแชร์ที่พักกันไปทั่วโลก ขยายสู่การรับประทานอาหารที่บ้านคนท้องถิ่น โดยจับคู่นักท่องเที่ยวกับคนท้องถิ่นที่พร้อมจะทำอาหารให้นักท่องเที่ยวรับประทาน เช่น Eatwith.com และ bookalokal.com
รมว.กอบกาญจน์ เปิดตัวโครงการ "ปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558" กับผู้ประกอบการต่างประเทศในงาน WTM 2014
 

                เรื่องที่ 2 ส่งสัญญการท่องเที่ยวใหม่ที่เรียกว่า Going Local : เป็นการทำกิจกรรมและใช้ชีวิตในรูปแบบเดียวกับคนท้องถิ่น สร้างแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีท้องถิ่นและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับการท่องเที่ยว  โดยมีแคมเปญการตลาดของการท่องเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์เป็นตัวอย่างเด่นชัด ได้แก่

             Sleep like a local :     พักบ้านแบบสวิส หรือโรงแรมท้องถิ่นที่ไม่ใช่ Chain Hotel

              Travel like a local : ใช้บริการขนส่งสาธารณะ (Public Transport )

             Be active like a local : เดินป่า ขี่จักรยาน

             Enjoy like a local : เข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่น กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ

              Eat and drink local : กินดื่มอย่างคนท้องถิ่น

           เรื่องที่ 3   นวัตกรรมทาง Technology ที่เกี่ยวข้องกับการขยายช่องทางการตลาดท่องเที่ยว ไฮไลต์ที่กำลังมาแรงในโลกของนักเดินทาง ประกอบด้วย

             Wearable Electronics เช่น Google Glass และ Apple Watch (iWatch) เชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวติดต่อกันได้รวดเร็วมากขึ้น

            Big Data : การเก็บข้อมูลของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หลายชุดข้อมูล เพื่อให้เห็นรูปแบบพฤติกรรมและนำมาวิเคราะห์เพื่อตอบสนองความต้องการให้นักท่องเที่ยวแต่ละคน

           Travel Booking: การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการท่องเที่ยวผ่านระบบ Instant messaging เช่น We Chat ในประเทศจีน

           เรื่อยไปจนถึงการจองโรงแรมผ่าน Tripadvisor.com

     

ผู้ว่าฯ ธวัชชัย อรัญญิก นำทีมเยี่ยมชมไทย พาวิลเลี่ยน และ บูธท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ

 

       เรื่องที่ 4 การแสดงความเห็นของเอกชนท่องเที่ยวไทยที่เข้าร่วมงาน และ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน WTM ที่มีต่อสินค้าท่องเที่ยวของไทย

        เริ่มต้นจากเอกชนไทยที่เข้าร่วมงาน WTM 2014 ได้เสนอแนะ ททท.ในปีต่อไปขอให้จัด Road Show กับ Trade Show ซึ่งมีผลดีอย่างยิ่งต่อการขายท่องเที่ยวในงานหลักจัดประจำตามประเทศต่าง ๆ  ได้แก่ ดูไบ สแกนดิเนเวีย อิตาลี แอฟริกาใต้ เยอรมันี ฝรั่งเศส และ สหราชอาณาจักร

        ส่วนผู้ประกอบการจากต่างประเทศ (Trade Visitor) ททท.เปิดรับฟังความเห็นจาก 88 รายใหญ่  ผลปรากฎว่า ผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ที่ทำโปรแกรมขายเป็นประจำและกลุ่มที่เพิ่งเริ่มขาย สินค้าการท่องเที่ยวของประเทศไทย แสดงความสนใจพร้อมขายจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ๆ ตามลำดับ คือ ภูเก็ต, เกาะ สมุย, เชียงใหม่, กระบี่, พัทยา, หัวหิน, พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดพื้นที่รอง “เมืองต้องห้าม...พลาด” และ "วิถีชุมชนต้นแบบ" ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ สุโขทัย และ น่าน 

        นอกจากนี้ผู้ประกอบการต่างประเทศยังให้ความเห็นว่า ประเภทสินค้าการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีแนวโน้มจะนำเสนอขายได้ในอนาคต จัดเรียงตามลำดับได้แก่ ชายหาด วัฒนธรรม สปา แต่งงาน-ฮันนีมูน ช็อปปิ้ง การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ (Green Tourism) ดำน้ำ อาหารไทย กอล์ฟ มวยไทย

WTM 2014 จึงนับเป็นเวทีการทำตลาดและการขายเชิงรุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ที่จะเป็นสปริงบอร์ดให้ภาครัฐและเอกชน นำจุดแข็งของความต้องการสินค้าท่องเที่ยวไปขยายผลอย่างต่อเนื่องรวดเร็วก่อนเปิดประชาคมอาเซียน (ASEAN ECONOMIC COMMUNITY : AEC) ปี 2558 คู่ขนานกับการ “กำจัดจุดอ่อน” ต่าง ๆ ให้เหลือน้อยที่สุด รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกันสร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงิน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับมา เพื่อความสุข เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน

 

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...