AOTแจงขอสธ.เปิดห้องสูบบุหรี่ใน
6 สนามบินไทย
ยันทำตามมาตรฐานเดียวกับสนามบินใหญ่ของโลก
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #AOT
AOT แจงยิบ ขอ สธ.เปิดพื้นที่ห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน ยันปฏิบัติตามมาตรฐานเดินทางสากล ป้องกันอัคคีภัย ให้สิทธิผู้โดยสารต่อเครื่องนาน โชว์ตัวอย่างทำแบบเดียวกับสนามบินใหญ่ใน สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น ตุรกี
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า ตามที่เกิดกรณีข่าว
AOT เสนอขอให้พิจารณาอนุญาตเปิดให้มี “ห้องสูบบุหรี่” ภายในท่าอากาศยาน
นั้น เป็นผลมาจาก 1.ผู้ใช้บริการสนามบินร้องเรียนโดยเฉพาะผู้โดยสารต่อเครื่อง
(Connecting Flight) ใช้เวลารอเปลี่ยนเที่ยวบินนาน 2.ตรวจพบการลักลอบสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ เช่น ในห้องสุขา 3.มีผู้โดยสารยินยอมเสียค่าปรับตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560
เพียงเพื่อจะสูบบุหรี่ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าวส่งผลต่อผู้โดยสารที่ไม่สูบบุหรี่
และกระทบกับคุณภาพอากาศโดยรวมของอาคารภายในท่าอากาศยาน และอาจมีเหตุระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ทำงานเนื่องจากตรวจพบควันบุหรี่
จึงร้องเรียนและแจ้งความประสงค์ให้ AOT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดห้องสูบบุหรี่ให้บริการในอาคารผู้โดยสาร
ดังนั้น
AOT ผู้บริหารท่าอากาศยานหลักของไทย 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ภูเก็ต
และหาดใหญ่อยู่ระหว่างการขอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวง
ให้ท่าอากาศยานนานาชาติสามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารได้ เพื่อจะช่วยยกระดับการเดินทางแบบสากล
ลดปัญหาด้านสุขภาพของผู้โดยสารที่ต้องสูดกลิ่นควันบุหรี่ มีโอกาสอาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
และอาจเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้โดยสาร
โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางแบบ
Connecting Flight ซึ่งไม่สามารถออกไปนอกอาคารของท่าอากาศยานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง
และยังรับประกันความปลอดภัยทางสุขภาพให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการท่าอากาศยาน
ลดความเสี่ยงด้านอันตรายจากอัคคีภัย
AOT จึงทำหนังสือนำเรียนอธิบดีกรมควบคุมโรค
ซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ
(คผยช.)เพื่อขอแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่องกำหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานที่ทำงาน และยานพาหนะ
ให้ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของสถานที่และยานพาหนะเป็นเขตปลอดบุหรี่
หรือเขตสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ พ.ศ. 2561 เพื่อให้ท่าอากาศยานสามารถจัดให้มีเขตสูบบุหรี่
ต่อมาคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ
ของกรมควบคุมโรค ขอให้ AOT เข้าให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ
เพื่อรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่ง AOT ได้ชี้แจงถึงปัญหาข้อขัดข้องจากกรณีที่ท่าอากาศยานไม่สามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารต่อคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของ
คผยช. กรมควบคุมโรค ซึ่งที่ประชุมได้รับฟังข้อมูลของ AOT ชี้แจงถึงปัญหาข้อขัดข้องจากกรณีที่ท่าอากาศยานไม่สามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารแล้ว
และพิจารณาสอบถามถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดผู้แทนกรมควบคุมโรคเดินทางมาเยี่ยมพื้นที่สุวรรณภูมิ
และได้แนะนำพื้นที่สามารถจัดให้เป็นห้องสูบบุหรี่
ในอาคารผู้โดยสารหลักและอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เพราะรับทราบถึงปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับกรณีที่ไม่สามารถจัดให้มีห้องสูบบุหรี่นอกอาคารได้
ดร.กีรติ
ย้ำว่า AOT มุ่งมั่นดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานให้ดีระดับโลก
ต้องการยกระดับเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก
เพื่อขับเคลื่อนท่าอากาศยานAOT ติดอันดับดีที่สุดอันดับต้นของโลก
และต้องการให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการรวดเร็ว สะดวกสบาย ตรงตามความต้องการ
และมีความประทับใจ
ประกาศ
“กระทรวงสาธารณสุข” ดังกล่าวได้กำหนดให้ท่าอากาศยานสามารถจัดให้มีเขตสูบบุหรี่เป็นการเฉพาะได้แต่ในพื้นที่นอกอาคารเท่านั้น
อาจไม่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการที่ท่าอากาศยานAOT ที่มีความหลากหลาย รวมทั้งไม่สอดคล้องกับการให้บริการของท่าอากาศยานชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกที่มีการจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ในอาคารของท่าอากาศยานด้วย
เช่น ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานอินชอน เกาหลี ท่าอากาศยานนาริตะ
และท่าอากาศยานฮาเนดะ ญี่ปุ่น ท่าอากาศยานอิสตันบูล ทูร์เคีย (ตุรกี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น