วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ททท.ยึดTBEX2015หนุนตลาดดิจิตอล"วิถีไทย-ชุมชนทัวร์"กระหึ่มโลก

ททท.ใช้TBEX2015โหมวิถีไทยกระหึ่มโลก

นำบล็อกเกอร์20ชาติบุกเมืองต้องห้ามพลาด

1พ.ย.นี้อวดโฉมใหม่เว็บหลักเจาะตลาดดิจิตอล
 
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
(คอลัมนิสต์และเจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์"สถานีวิทยุประเทศไทย FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.)

               

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.นำทีมประชุมเตรียมรับงาน TBEX2015



ททท. นำวิถีไทยกระหึ่มในเวที “TBEX Asia 2015”งานประชุมบล็อกเกอร์ใหญ่ระดับโลกเลือกไทยเป็นสถานที่จัดครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย ระหว่าง 15-17 ตุลาคม นี้ ลุยขยายฐานทำตลาดดิจิตอลและออนไลน์สะพัดตลาดโลก นำบล็อกเกอร์กว่า 1,000 คน สำรวจ กทม.60 เส้นทาง ต่างจังหวัด 10 เส้นทาง ชูจุดขาย “เมืองหลัก-เมืองต้องห้ามพลาด-แหล่งท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะ” พร้อมอวดโฉมใหม่ออนไลน์ต่อยอดเว็บไซต์หลักของ ททท.1 พฤศจิกายน นี้

 
         นายศุกรีย์  สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2558 เป็นโอกาสของประเทศไทยที่ได้รับเลือกครั้งแรกเป็นประเทศแรกในเอเชีย ให้เป็นสถานที่จัดงานระดับโลกการประชุม Travel Blog Exchange 2015 (TBEX Asia 2015)  ศูนย์รวมนักเขียนและสื่อสังคมออนไลน์กลุ่มบล็อกเกอร์ใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 1,000 คน  จากเกือบ 20 ประเทศ โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างเนื้อหา เพิ่มยอดผู้ติดตาม และสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ ตลอดจนรับความรู้และวิสัยทัศน์ของผู้ริเริ่มการใช้สื่อใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมทั้งในและนอกการท่องเที่ยว  ททท.เตรียมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่านการสื่อสารของบล็อกเกอร์ที่มีผู้ติดตามกว่า 10,000 คนต่อราย

 โดย ททท.ได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ กว่า 60 เส้นทาง และ ต่างจังหวัด 10 เส้นทาง สำหรับนักเขียนออนไลน์ที่เข้าร่วมงาน มุ่งเน้นการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่วิถีไทย (Discover Thainess)  ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต อาหารไทย ความมีน้ำใจแบบคนไทย เชื่อมโยงสู่ชุมชนแหล่งท่องเที่ยวในโครงการ “เมืองต้องห้ามพลาด” ในจังหวัดต่างๆ  
           “ททท. ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน (สสปน.) และกรุงเทพมหานคร   สนับสนุนการจัดงานระดับโลกการประชุม Travel Blog Exchange ๒๐๑๕ (TBEX Asia 2015)  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ซึ่งก่อนหน้านี้งาน Travel Blogger Exchange จัดขึ้นครั้งแรกปี ค.ศ.2551 และจะสลับจัดทุกปีแต่จะอยู่เฉพาะในภูมิภาคยุโรป และอเมริกา เท่านั้น ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ขยายการจัดงานมายังภูมิภาคเอเชีย นำนักเขียนออนไลน์จากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน สัดส่วนมาจากตลาดอเมริกา 52 % ยุโรป 37 % เอเชีย และตลาดออสเตรเลีย 11 % ภายในงานยังมีบล็อกเกอร์ 50 คนที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านรายต่อคนเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย” นายศุกรีย์กล่าว

         ทั้งนี้ ททท.ได้พัฒนากลยุทธ์ Digital Marketing และ Online Marketing การทำตลาด 3.0 เป็นช่องทางส่งมอบคุณค่าผ่านความสุขความประทับใจ จากการได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวได้แบ่งปันและบอกต่อ โดยมีสื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข่าวสาร สร้างความภักดีต่อแบรนด์ สร้างการสนับสนุนและบอกต่อ รวมทั้งสร้างการพัฒนาสินค้าให้กับการท่องเที่ยวของไทยมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจุบันทั่วโลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่อีกยุคของนักเขียนออนไลน์ หรือ “บล็อกเกอร์” (Blogger) ผู้ที่นำข้อมูลการท่องเที่ยวเสนอผ่านเครื่องมือออนไลน์และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ช่วงปีที่ผ่านมา ททท.ทำประชาสัมพันธ์ผ่านบล็อกเกอร์อย่างจริงจังให้ความสำคัญทั้งในและต่างประเทศ

 นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ ททท.กล่าวว่า ได้เชิญบล็อกเกอร์ที่เดินทางมาร่วมการประชุม TBEX Asia 2015 ลงพื้นที่ 3 วัน 2 คืน เดินทางสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยในกรุงเทพฯกว่า 60 เส้นทาง และ ต่างจังหวัด 10 เส้นทาง มุ่งเน้นผลสำเร็จในการนำจุดแข็งและจุดขายการท่องเที่ยวชุมชนและวิถีไทยไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่เครือข่ายทั่วโลก โดยได้จัดเส้นทางทำให้บล็อกเกอร์เดินทางไปศึกษาเรียนรู้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม  ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1  เส้นทางเมืองหลัก จะเปิดโอกาสให้บล็อกเกอร์ที่เดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกเข้าไปศึกษาเรียนรู้ กลุ่มที่ 2 เส้นทางเมืองต้องห้ามพลาด คัดสรรกลุ่มบล็อกเกอร์ที่เคยมาประเทศไทยซ้ำ ๆ เข้าไปเยี่ยมชม กลุ่มที่ 3 เส้นทางที่ได้รับความสนใจจากตลาดเฉพาะ ได้แก่ เส้นทางท่องเที่ยวรองรับตลาดกลุ่มสตรี (Lady) เปิดโอกาสให้บล็อกเกอร์ผู้หญิงได้เข้าถึงความน่าสนใจในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว และเชิญบล็อกเกอร์ที่มีกลุ่มผู้ติดตามระดับไฮเอนด์ เข้าไปสำรวจสินค้าการท่องเที่ยวของไทยที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนิยมความหรูหรา (Luxury)

             ขณะนี้กลุ่มบล็อกเกอร์ทั่วโลกตอบรับเข้าร่วมการเดินทางของ ททท.ทั้งช่วงก่อนและหลังการประชุมแล้ว 10 เส้นทาง ดังนี้ 1.Share Happyness share Phuket ในจังหวัดภูเก็ต-พังงา 2.Green Destination .ในจังหวัดกระบี่ เน้นการเยี่ยมชมบ้านเกาะกลาง ชุมชนมุสลิม  3.Eco Tourismนจังหวัดชุมพร 4.Taste of Southern ในจังหวัดตรัง-สตูล 5.Thai Communities จังหวัดตราด 6. Thai Communities ในภาคกลาง 3 จังหวัด คือ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม 7.Traces of Khmercivilzation จังหวัดบุรีรัมย์-สุรินทร์ 8.Lanna Charming ในจังหวัดแพร่-น่าน 9. Lanna Charming ในภาคเหนือ 3 จังหวัด เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน และ 10.Discover Island เกาะสมุย(จ.สุราษฎร์ธานี)-พังงา

           นายศิริปกรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ ททท.ได้ลงทุนจัดทำโครงการปรับปรุงเว็บไซต์ออนไลน์ท่องเที่ยวใหม่ทั้งหมดพร้อมเปิดโฉมตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไป ในเว็บไซต์หลัก www.tourismthailand.org  โดยนำข้อมูลเว็บไซต์ย่อยขององค์กรมารวมศูนย์ไว้ในเว็บไซต์หลัก รวมทั้งจะเพิ่มวิดีโอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ออกแบบโปรแกรมตัวอย่างการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับแคมเปญการตลาด เผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนานาชาติ และเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง ททท.กับบล็อกเกอร์ทุกกลุ่มนำข้อมูลใหม่ ๆ ในแต่ละสถานที่เข้ามาเสริมด้วย

         ปัจจุบัน ททท. ให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์ ผ่านสื่อ New Media มีสัดส่วนมากถึง 40% ของการใช้สื่อทั้งหมด   ส่วนสื่อหลักดั้งเดิม (Traditional Media) มีความสำคัญอยู่ จึงยังคงสัดส่วนอยู่ที่ 60 % ได้แก่ ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ ป้ายโฆษณา หรือการจัดกิจกรรมอีเว้นท์งานแฟร์ต่างๆ

           

 

การบินไทยเบื้องลึกสั่งย้ายล็อตใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์33ตำแหน่ง


เบื้องลึกบินไทยย้าย33ตำแหน่งต.ค.58
จับตายกเครื่องใหม่ฝ่ายการพาณิชย์ทั่วโลก
โดนกั๊กหรือไม่โผอนุมัติ“5VP”แค่รักษาการ
คลำทางแก้ขาดทุนครึ่งปีแรกทะลุ8.2พันล้าน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
(คอลัมนิสต์และเจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์" ออกอากาศทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย FM 97.0MHz.เวลา 11.00-12.00 น.)
จรัมพร โชติกเสถียร
        รายงานข่าวจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุถึงเอกสารการลงนามคำสั่งของ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติให้แต่งตั้งโยกย้ายใหม่เฉพาะใน “ฝ่ายการพาณิชย์” ถึง 33 ตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นการแต่งตั้งระดับผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหาร(Vice President :VP) ครั้งใหญ่ทั้งตำแหน่งผู้บริหารภายในประเทศและสำนักงานตามสถานีการบินไทยทั่วโลก       การแต่งตั้งโยกย้ายล็อตใหญ่เกิดขึ้นภายหลังจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย มีมติอนุมัติให้ “นายธีรพล โชติชนาภิบาล” ขึ้นดำรงตำแหน่ง “รองกรรมการผู้ใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์” (DN) ได้เพียงครึ่งเดือนนายธีรพลได้เสนอรายชื่อยกเครื่องใหม่ฝ่ายการพาณิชย์ทั้งสำนักงานภายในประเทศและต่างประเทศ
     แต่รายชื่อที่นายธีรพลเสนอไปยังนายจรัมพรครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตภายในองค์กรการบินไทยถึงวิธีการอนุมัติโดยโปรโมตเป็นผู้บริหารระดับผู้อำนวยการใหญ่ (VP) คีย์แมนสำคัญ 5 คนแรกทำหน้าที่ “รักษาการ” เท่านั้น

     
5 ตำแหน่งรักษาการใหม่ในฝ่ายการพาณิชย์การบินไทย ประกอบด้วย

  1.นายชุดินธร ศรีสิทธิกรรม ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิตอล (S9) ขึ้นเป็นรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิตอลและการตลาดรายได้เสริมองค์กร (รักษาการS9)





 2.นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขายประเทศไทยและอินโดจีน (S6) ขึ้นเป็นรักษาการผู้อำนวยใหญ่ฝ่ายขาย (SS)







3.นายวิโรจน์ ศิริโหราชัย ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขายภูมิภาค (S7) ขึ้นเป็นรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ลูกค้า (DR)






4.นายกฤตพล ฉันฤทธานนท์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนการบริหารธุรกิจการบิน (DS) ขึ้นเป็นรักษาผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพันธมิตรการบินและกลยุทธ์การพาณิชย์ (S8)




5.นางบุษบา สังขวิภา ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัมนาการตลาดและบริการลูกค้า (D7) ขึ้นเป็นรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ลูกค้า (รักษาการD7)

       
      ส่วนรายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหน่งใหม่อีก 28 คน กระจายอยู่ในทั่วทุกสำนักงานต่างประเทศทั่วโลก ทั้งสหภาพยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย
 

      
 
 
      ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวว่านายจรัมพร ได้เสนอบอร์ดการบินไทย ทยอยนำคนนอกเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งบริหารการบินไทย (VICE President :VP) อาทิ ทีมงานจากธนาคารพาณิชย์เข้ามาเป็นวี.พี.ฝ่ายการเงิน และฝ่ายอื่น ๆ โดยกำหนดอัตราเงินเดือนค่าจ้างคนละ 300,000-800,000 บาท/เดือน จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแต่งตั้งที่ไม่เหมาะสมและหรืออาจะก่อให้เกิดความแตกแยกการทำงานร่วมกันในองค์กรในอนาคต ท่ามกลางปัญหาการขาดทุนสะสมปี 2558 และแนวโน้มปี 2559 ทิศทางการขาดทุนก็ยังไม่ดีเหมือนสายการบินนานาชาติของประเทศอื่น ๆ

 ครึ่งปี’58 “บินไทย”ขาดทุนยับ8.2พันล.
     “จรัมพร โชติกเสถียร” ได้รายงานผลการดำเนินงานการบินไทย 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2558 ระหว่างตุลาคม 2557-มิถุนายน 2558 มียอดขาดทุนสุทธิ 8,218 ล้านบาท สาเหตุมาจากธุรกิจการบินหลักขาดทุนสุทธิ 297 ล้านบาท และขาดทุนจากรายการพิเศษ ได้แก่ ขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินที่ปลดระวาง ค่าใช้จ่ายพิเศษจากการปรับลดพนักงานตามแผนปฏิรูป กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายการบวกกลับทางภาษี ประกอบกับเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

    การโยกย้ายฝ่ายการพาณิชย์ชนิดยกเครื่องทั้งระบบ จะสามารถช่วยฟื้นฟู "รายได้" และ พลิกสถานการณ์ "ขาดทุน" มาทำกำไรตามปกติได้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ททท.ผนึกปตท.ผุดปั๊มขายสินค้าท่องเที่ยวชุมชน


ททท.ผนึกปตท.148ปั๊มนำท่องเที่ยวช่วยท้องถิ่น

 รัฐทุ่มแห่งละ1ล.ผุดด่วนร้านท่องเที่ยวชุมชนต.ค.นี้

 กระตุ้นชาวบ้านหันเพิ่มรายได้นอกภาคเกษตร20%

 เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน

 
ททท.ผนึกปั๊ม ปตท.นำร่องการลงทุนเปิด ร้านโครงสร้างเบาขายสินค้าท่องเที่ยวชุมชนปีแรกชิมลาง 148 แห่ง ครม.เศรษฐกิจไฟเขียวงบลงทุนแห่งละ 1 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยเหลือชุมชนหันทำเงินนอกภาคการเกษตรเพิ่ม 20-30 % และรับมือภัยธรรมชาติปีหน้าแล้งจัดโอกาสปลูกพืชเกษตรขายยาก
         นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำแผนงานเร่งด่วนนำภาคการท่องเที่ยวเข้าไปช่วยชุมชนมีรายได้เพิ่มจากนอกภาคการเกษตรด้วยการลงทุนนำร่องก่อสร้างร้านโครงสร้างเบาทั่วประเทศในสถานีน้ำมัน ปตท.เบื้องต้น 148 แห่ง เปิดพื้นที่ให้แต่ละชุมชนท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงปั๊มนำสินค้าเด่นประจำชุมชนมาวางจำหน่าย เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนปีหน้าที่ภาคการเกษตรจะต้องเผชิญปัญหาภัยแล้งไม่สามารถทำการเกษตรได้ แต่ชาวบ้านยังมีช่องทางหารายได้เพิ่มอีกประมาณ 20-30 % จากการนำสินค้ามาวางขายในร้านดังกล่าว

       ส่วนขั้นตอนการจัดทำโครงการ ร้านโครงสร้างเบาจำหน่ายสินค้าท่องเที่ยวชุมชนขณะนี้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ มอบนโยบายผ่านมาทางสำนักงบประมาณสนับสนุนเงินจัดทำร้านดังกล่าววงเงินลงทุนแห่งละ 1 ล้านบาท โครงการดังกล่าว ททท.ได้เสนอครม.เศรษฐกิจถึงการเลือกทำเลที่ตั้งอันเหมาะสมซึ่งอยู่ในรัศมีใกล้แหล่งท่องเที่ยวของร้านไปเรียบร้อยแล้วทั้ง 148 แห่ง
      ขั้นตอนต่อจากนี้ไปทางกระทรวงมหาดไทยจะมอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดเข้ามามีส่วนร่วมคัดเลือกผู้ลงทุนก่อสร้างร้าน คัดเลือกสินค้า และ มอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่เข้ามาบริหารจัดการร้าน เน้นการมีส่วนร่วมระหว่างชุมชนกับจังหวัดและการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หรือภายในไม่เกินปลายเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไปก็จะสามารถเปิดร้านโครงสร้างเบาจำหน่ายสินค้าชุมชนได้ 148 แห่ง

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ททท.ชงครม.คงสถานภาพรัฐวิสาหกิจ8ต.ค.นี้


ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์จ่อเสนอครม.8ต.ค.นี้
คงสถานภาพททท.เป็นรัฐวิสาหกิจ
ผนึกกระทรวงท่องเที่ยวล้มข้อเสนอสปช.

 
รื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน (คอลัมนิสต์และบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ติดตามอ่านข้อมูลเจาะลึกท่องเที่ยวทาง gurutourza.blogspot.com , www.googleplus.com/penroong และติดตามฟังได้ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย FM97.0 MHz.ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น)

 
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.

          นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าประชุมร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อหาข้อสรุป “โครงสร้างองค์กร ททท.” เพื่อคงสถานะและสภาพความเป็นหน่วยงาน “รัฐวิสาหกิจ” ไว้ เพื่อให้การทำงานคล่องตัวทั้งทางด้านการตลาด การใช้งบประมาณ และ การบริหารจัดการธุรกิจบางประเภทที่รัฐบาลมอบหมายให้อยู่ในความดูแลของ ททท. เช่น สนามกอล์ฟบางพระ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด จำกัด ธุรกิจบัตรท่องเที่ยวอีลิตการ์ดมีสมาชิกต่างชาติจำนวนมากที่ยังค้างมาหลายรัฐบาลโดยยังไม่มีข้อยุติอนาคตจะเปิดหรือปิดดำเนินการ

 
       ผู้ว่าการ ททท.ด้วยเสียงยืนยันหนักแน่นว่า ตลอดสัปดาห์แรกในเดือนตุลาคม 2558 นี้ จะต้องทำภารกิจจัดทำข้อสรุปสถานะโครงสร้างองค์กร ททท.ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างสบายใจ โดยจะเป็นผู้นำเสนอหลักการตามจุดยืนให้คง ททท.เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจต่อไป ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 ตุลาคม ได้ประชุมภายในร่วมกัน 3 ฝ่าย จากนั้นช่วงเช้าวันอังคารที่ 6 ตุลาคม นี้ จะหารือกับนายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จากนั้นช่วงเวลา 13.30 น.จะประชุมอย่างเป็นทางการกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมกับทำข้อเสนอสรุปเหตุผลหลัก ๆ ถึงการเสนอคงสถานะททท.เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยจะต้องหักล้างข้อสรุปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 8 ตุลาคม 2558

 
บรรยากาศในอาคาร ททท.รัฐวิสาหกิจมีทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ


        อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ และ การท่องเที่ยว ที่มีนายกงกฤช หิรัญกิจ เป็นประธานในส่วนของการปฏิรูปโครงสร้างท่องเที่ยว ได้จัดทำสรุปผลการลงมติของคณะกรรมาธิการฯ เสนอให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ เดินหน้าปฏิรูปโครงสร้าง ททท.ด้วยวิธีโอนย้าย ททท.ไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วเสนอตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นคือ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ

 

         เพื่อโอนย้ายหน่วยงานการท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ด้วยพร้อมกับจัดกลุ่มการทำงานใหม่ ประกอบด้วย 1.สำนักงานการตลาดและประชาสัมพันธ์ ได้แก่ ททท.สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร  2.สำนักงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว มีกรมท่องเที่ยว (เดิมอยู่ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยว) และโอนย้าย องค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เข้ามาอยู่ด้วย ส่วนหน่วยงานธุรกิจร่วมทุนอื่น ๆ ของ ททท.ให้โอนไปยังต้นสังกัดหรือยุบทิ้ง เช่น บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด จำกัด เจ้าของบัตรอิลิตการ์ด
        สำหรับโครงสร้างของหน่วยงานใหม่ใน สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติจะโอนย้ายพนักงาน ททท.เกือบ 2,000 คน มาสังกัดโดยเกลี่ยบุคลากรใหม่ให้รับผิดชอบหน้าที่ตามความเชี่ยวชาญ กระจายอยู่ใน 4 หน่วยงาน ได้แก่ ส่วนที่ 1 สำนักงานการตลาดคือ ททท.ทั้งในและต่างประเทศ 2.สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (กรมท่องเที่ยวเดิม) ตั้งใหม่เพิ่มอีกสองหน่วยงานคือ 3.สำนักยุทธศาสตร์ 4.สถาบันวิจัยและพัฒนา
       คณะกรรมาธิการฯ สภาปฏิรูป ชุดที่มีนายกงกฤช เป็นประธาน ระบุว่าโครงสร้างใหม่จะทำให้ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้บูรณาการทำงานผสมผสานด้วยการนำโมเดลองค์กรใหญ่ระดับประเทศมาจำลองวิธีทำงานอยู่รวมกันในสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ คือ

       1.โมเดลสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) วางแผนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจอนาคตของประเทศ
       2.โมเดลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้ข้อแนะนำการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวและการลงทุนก่อสร้างต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการเติบโตทางด้านอุปสงค์กับอุปทานเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

       3.โมเดลสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จะเป็นโมเดลขับเคลื่อนที่สำคัญของ ททท.ด้านการส่งเสริมธุรกิจแบบครบวงจรด้วยองค์ประกอบครบวงจร คือ มีพระราชบัญญัติเฉพาะรองรับการปฏิบัติงาน มีคณะกรรมการ (บอร์ด) กำกับนโยบายเหมือนรัฐวิสาหกิจทุกวันนี้ มีความคล่องตัวในการใช้งบประมาณ ซึ่งเปิดทางให้เปลี่ยนจากปัจจุบันต้องทำแผนเสนอขอเงินรายปีไปยังสำนักงานงบประมาณ เป็นการจัดตั้ง กองทุนบริหารงบประมาณได้เอง

 

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...