วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

ททท.โฮจิมินห์ปลุกเวียดนามโต2.5หมื่นล้าน -มวยไทยมาแรง-เที่ยวชุมชนเมืองเก่าภูเก็ต

ททท.ปลุกเวียดนามหอบเงินทัวร์ไทยโต2.5หมื่นล้าน
ไทยแลนด์เฟสต์ 2017ในฮานอยยอดทะลุ 2 แสนคน
ชูเที่ยวเชิงกีฬามวยไทยฮ็อตขายทริปละ3หมื่นบาท
คิงเพาเวอร์คัพเปิดฤดูกาลคัดบอลเด็กต.ค.-ธ.ค.นี้
ผุด2แคมเปญโกยญี่ปุ่นมาไทยพ่วงยาวโอลิมปิก’63
บางจากนำโอท็อปชุมชน3ผลิตภัณฑ์ขายในSPAR
เสน่ห์ใหม่ในชุมชนเมืองเก่าภูเก็ต2จุดมหัศจรรย์
Q4สภาทัวร์หวังพึ่งรายได้จีนพุ่ง-ไทยเศรษฐกิจซึม
รร.ดิโอกุระรังสรรเมนูฝรั่งเศสหนุนเกษตรยั่งยืน
เสิร์ฟสารพัดเมนูเด็ดเห็ดทรัฟเฟิลที่NO.43 เคปเฮาส์

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1  คุณนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโฮจิมินห์ สาธารณรัฐเวียดนาม ให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศมาอัพเดทสถานการณ์ตลาดเวียดนามปี 2560 ต่อเนื่องต้อนรับปีงบประมาณใหม่ 2561 เริ่มตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป


นภสร ค้าขาย
 ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานโฮจิมินห์ เวียดนาม

“คุณนภสร ค้าขาย” เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานโฮจิมินห์ ดูแลพื้นที่การตลาดท่องเที่ยวในสาธารณรัฐเวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว ซึ่งทั้ง 3 ประเทศล้วนเป็นตลาดดาวรุ่งที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะ เวียดนามกับกัมพูชาเติบโตชัดเจนเกินกว่า 10 % ขณะนี้เวียดนามมีประชากรมากถึง 96 ล้านคน ในช่วงปีที่ผ่านมาเดินทางเข้าไปเที่ยวเมืองไทย 860,000 คน นับได้ว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 7.4 แสนคน พร้อมทั้งสร้างรายได้ 25,000 ล้านบาท แต่พอเวลาผ่านมาเพียงปีเดียวทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากตลาดเวียดนามเข้าเมืองไทยกลับเติบโตเกินกว่า 12 % สะท้อนถึงแนวโน้มสดใสเนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย การเดินทางสะดวกรวดเร็ว

ปี 2561 ททท.โฮจิมินห์ วางกลยุทธ์พุ่งเป้าหมายหลักในการทำตลาดเชิงรุกเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มกำลังซื้อกระเป๋าหนัก ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนเวียดนามเข้าเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 6 % จะสร้างรายได้เพิ่มให้ถึง 10 %

โดยการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวที่เวียดนามนิยมมาไทย ขณะนี้ยังคงเป็นกรุงเทพฯ พัทยา ปี 2561 จะเพิ่มความเข้มข้นในเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยว 3 กลุ่ม นำเสนอใหม่ ๆ เพื่อให้กลุ่มเดินทางครั้งแรกและเที่ยวซ้ำมาเที่ยวต่อเนื่องเพิ่มจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว กระจายสู่พื้นที่ หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) เขาใหญ่ (นครราชสีมา) ราชบุรี เป็นพื้นที่รอบปริมณฑล กิจกรรมโดนใจเวียดนามชอบมากคือช็อปปิ้ง เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพ เสื้อผ้า เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์



ระหว่างวันที่ 30 กันยายน- 1 ตุลาคม 2560 ททท.โฮจิมินห์ ได้ร่วมกับสถานฑูตไทย และทีม ไทยแลนด์ ซึ่งมีกระทรวงพาณิชย์ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จัดงาน Thailand Fest 2017 นำเสนอความเป็นไทยซึ่งเป็นจุดแข็งอันโดดเด่นทางด้าน วัฒนธรรม ประเพณี อาหารไทย การแสดงศิลปะไทย โดยผนวกไฮไลต์เข้าไว้ด้วยคือ ลงทุนทำ “เวทีแสดงศิลปะการป้องกันแบบมวยไทย” จัดเต็มรูปแบบ เพื่อสอนศิลปะมวยไทยแบบง่าย ๆ แก่ชาวเวียดนาม เพราะคนเวียดนามชอบมากถึงขนาดทุ่มทุนเปิดค่ายมวยไทยในเวียดนามขณะนี้มากกว่า 20 ค่าย ซึ่งมีแฟนคลับกว่า 100,000 คน

ททท.จึงได้คุยกับทางค่ายมวยจัดโปรแกรม SPORT TOURISM นำไปชมมวยไทย เรียนมวยไทย ราคาแพกเกจจะประมาณ 5 วัน  4 คืน เที่ยวกรุงเทพฯ พัทยา ชมมวยไทย ดูแหล่งท่องเที่ยว เฉลี่ยทริปละ 28,000-30,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก กิจกรรมเรียนมวยไทย 1 วัน



นายมานพชัย วงศ์ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย เวียดนาม เปิดเผยว่า ในฐานะเจ้าภาพนำ ททท.และทีม ไทยแลนด์ จัดงาน Thailand Fest 2017 ในบริเวณสวนสาธารณะ “ทั้ง เญิด” ใจกลางเมือง ตลอดการจัดงาน 2 วันได้รับความสนใจจากชาวเวียดนามและต่างชาติที่พำนักอยู่ในเวียดนามเกิน 200,000 คน โดยเข้ามาชมและซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารไทย ผ้าไทยย้อมครามสกลนคร ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และไฮไลต์การสาธิตและแข่งขันชกมวยไทยที่ ททท.นำเข้ามาสนับสนุนตลอดการจัดงาน

ส่วน “อาหารไทย” ชาวเวียดนามชื่นชอบมาก โดยเฉพาะอาหารสตรีทฟู้ดพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก  ชอบกินผัดไทย ส้มตำ แกงเขียวหวาน ข้าวมันไก่ ปกติแล้วอาหารเวียดนามก็จะคล้ายกันกับไทยซึ่งเข้มข้น หวาน เผ็ด กลมกล่อม มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ขณะเดียวกันก็จะส่งเสริม “สินค้า MADE IN THAILAND” ซึ่งครองใจตลาดนักช้อปและประชากรเวียดนามส่วนใหญ่ ททท.ได้ร่วมกับกรมการค้า กระทรวงการต่างประเทศ จัดงาน TOP THAI BRAND เป็นประจำทุกปี คัดสรรนำเสนอสินค้าไทยที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อุปกรณ์ทำครัว เครื่องใช้ในบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นสินค้านำเข้าไปยังเวียดนามระดับเกรดเอ รวมทั้งนำเสนอท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สปาและนวดไทย เรื่อยไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสมในแต่ละฤดูกาล โดยทำงานร่วมกันเป็นทีม จึงมีผลตอบรับดีมาก ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนามเข้าเมืองไทยเติบโตทั้งจำนวนและรายได้ถึงสองหลัก

แนวโน้มกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวเวียดนามปี 2561 ยังมาแรงต่อเนื่อง ได้แก่ คนรุ่นใหม่ซึ่งนิยมใช้ออนไลน์กับภาษาอังกฤษได้ดี ททท.วางแผนรุกเจาะกลุ่มคนหนุ่มสาววัยเพิ่งเริ่มทำงานเรียกว่ากลุ่ม White Colla และกลุ่มพนักงานต่างชาติที่พำนักอยู่ในเวียดนาม (Expat) โดยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางพักผ่อนในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หรือ weekend destination สร้างการรับรู้ในทุกช่องทางให้คนเวียดนามและต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศนี้ ต้องคิดถึงและเลือกเที่ยวเมืองไทยก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยการเลือกซื้อตั๋ว ห้องพัก โปรแกรมทัวร์ ผ่านออนไลน์ เป็นกลยุทธ์เพิ่มความถี่ในการเดินทาง กลุ่มเหล่านี้นิยมออกเดินทางไปหาประสบการณ์แปลกใหม่ซึ่งตรงเป้าหมายการทำตลาดของ ททท.ในยุคปัจจุบัน

สำหรับ “การเดินทางเข้าถึง” ระหว่างไทยกับเวียดนาม เป็นปัจจัยสำคัญ  ด้วยความได้เปรียบเรื่องระยะทางการบินเพียง 1 ชั่วโมงเศษ มีเที่ยวบินตรงจากเมืองต่าง ๆ ในเวียดนามเข้าประเทศไทยกว่า 200 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทั้งการบินไทย ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยไลออนแอร์ นอกจากนี้ยังมี เวียดนามแอร์ไลน์ อาหรับเอมิเรตส์แอร์ไลน์ บินจากโฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง ทุกจุดบินล้วนมุ่งสู่ประเทศไทยทั้งสิ้น

ล่าสุดมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำของเวียดนามคือ “เจ็ตสตาร์ แปซิฟิก” โลว์คอสต์แอร์ไลน์  จะพัฒนาเปิดบริการบินตรงแบบประจำ เส้นทางไป-กลับ กว่างบินห์-เชียงใหม่ เริ่มบินช่วงสิงหาคมที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียง 1.10 ชั่วโมง  สำหรับเมืองกว่างบินห์มีถ้ำจำนวนมากหนึ่งในจำนวนนี้คือถ้ำซินด่องขนาดใหญ่ของโลกก็อยู่เมืองนี้ด้วย จึงเป็นช่องทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้าสู่เมืองหลักและเมืองรองของไทยควบคู่กันได้ด้วย

ในช่วงปลายตุลาคม 2560 เป็นต้นไป สายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” เตรียมเปิดบินตรงเพิ่มเส้นทางใหม่ คือ กรุงเทพฯ-เกาะฟูกว๊วก อยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม จากนั้นปลายเดือนมีนาคมปี 2561 จะเพิ่มอีกเส้นทาง ไป-กลับระหว่าง ฮานอย-เชียงใหม่ วันละ 1 เที่ยว

ขณะเดียวกัน ททท.โฮจิมินห์ ก็ได้เร่งทำโครงข่ายเชื่อมโยงท่องเที่ยวกลุ่มประเทศ  CLMV  กัมพูชา สสป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ร่วมมือกันต่อเนื่องมา 3 ปี เพื่อทำให้เป็น One Destination เสนอทางให้กลุ่มนักท่องเที่ยวประเทศที่สามมาเที่ยวไทยและเพื่อนบ้าน ครั้งแรกได้ร่วมมือกันเชิญเอเย่นต์ทางยุโรป กับแปซิฟิกใต้ ออสเตรเลีย มาเยือน 3 ประเทศ ไปเรียบร้อยแล้ว แนวโน้มมีสัญญาณที่ดี

รวมถึงล่าสุดจัดทริป ไทย กัมพูชา โฮจิมินห์ต่อไปยังเกาะฟูกว๊วก จัดเป็นปีที่ 3 ต่อจากเมื่อ 2 ปีก่อนขึ้นไปทางเส้นภาคเหนือ สปป.ลาว เวียดนามตอนเหนือ และเมืองซาปา กับภาคกลางผ่าน สปป.ลาว กัมพูชา ผ่านภาคกลางของเวียดนาม เข้าสู่ไทย ทำให้นักท่องเที่ยวนานาชาติเพิ่มมากขึ้นในกลุ่ม AEC ได้ท่องเที่ยวเป็นวงกลมระหว่าง ไทย กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม

ปี 2561 เตรียมสร้างไฮไลต์โดยเน้นปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน กลุ่ม 3 ประเทศชื่นชอบในหมวดหลัก ๆ คือ วัฒนธรรมประเพณี สงกรานต์ ลอยกระทง มวยไทย อาหารไทย อาจจะมีวิถีชีวิตใกล้เคียงกัน

ก้าวใหม่ของ ททท.โฮจิมินห์เน้นรุกหนักในการสร้างไทยเป็นประเทศเชื่อมโยงเครือข่ายการท่องเที่ยวกับประชาคมอาเซียนในแถบอินโดจีนให้เกิดเป็นรูปธรรม เกื้อกูลประโยชน์แบบวิน วิน ไปพร้อม ๆ กัน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์คัพชูมาตรฐานใหม่2เรื่อง”


นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒน์ประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และรองประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้  เปิดเผยว่า ในการจัดแข่งขันฟุตบอลรายการ “KING POWER’S CUP 2017”  THE BEST U-15 TOURNAMENT  ชิงเงินรางวัลทุนการศึกษามูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมค้นหาสุดยอดเยาวชนไทยฝีเท้าดีที่สุด จำนวน 10 คน เข้าร่วมโครงการ FOX HUNT รุ่นที่ 3 โดยจะคัดเยาวชน 10 คนที่ร่วมแข่งขันในรายการนี้ไปเป็นนักเตะเยาวชนในโครงการ FOX HUNT รับทุนบินลัดฟ้าไปเรียนทักษะฟุตบอลมืออาชีพที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ  2 ปี ครึ่ง แล้วนำประสบการณ์กลับมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทยต่อไป

หัวใจสำคัญปี 2560 ในการจัดแข่งขัน KING POWER’S CUP ต้องการมอบโอกาสให้เยาวชนไทยมีเวทีแสดงความสามารถ โดยเฉพาะทีมโรงเรียนทั่วประเทศในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สร้างความพิเศษของทัวร์นาเม้นท์นี้ ใน 2 เรื่องหลัก คือ

เรื่องแรก ทำเป็นต้นแบบการแข่งขันระดับประเทศในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี
เรื่องที่ 2 ร่วมมือจากกรมพละศึกษารับรองการแข่งขันรวมถึงกรรมการตัดสินที่ได้มาตรฐานสำหรับทุกทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการดังกล่าว

ส่วนกำหนดการจัดแข่งขันรอบคัดเลือกใน 4 ภาค ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม นี้ ประกอบด้วย

“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”  31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2560 สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัด จังหวัดขอนแก่น “ภาคเหนือ”  7 - 10 พฤศจิกายน 2560 สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

 “ภาคตะวันออก” 14 – 17 พฤศจิกายน 2560 สนามกีฬาเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา “ภาคใต้”  21 - 24 พฤศจิกายน 2560 สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  จังหวัดสงขลา

“ภาคกลาง” 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2560 สนามกีฬากลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ “กรุงเทพมหานคร”  4 – 6 ธันวาคม 2560 สนามซ้อมสโมสรฟุตบอล SCG เมืองทอง ยูไนเต็ด จังหวัดนนทบุรี

ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย 12 – 16 ธันวาคม 2560 สนามซ้อมสโมสรฟุตบอล SCG เมืองทอง ยูไนเต็ด จังหวัดนนทบุรี  และรอบชิงชนะเลิศ 17 ธันวาคม 2560 สนามเทพหัสดิน  จังหวัดกรุงเทพมหานคร


ข่าวที่ 2 “ททท.งัด2แคมโกยทัวร์ญี่ปุ่นจ่อพ่วงโอลิมปิก’63”

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังการเดินทางเข้าร่วมงาน Japan Expo Tourism 2017 เล็งเห็นถึงโอกาสในการนำท่องเที่ยวไทยผนวกขายในช่วงญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกปี 2563 ที่กรุงโตเกียว ซึ่งจะมีคนจากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นสูงถึง 40 ล้านคน เพิ่มจากปัจจุบันทำได้ 25 ล้านคน ดังนั้นทางสำนักงาน ททท.โตเกียวควรวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ส่วนปี 2561 ททท.จะบุกเพิ่มรายได้จากตลาดญี่ปุ่นด้วย 2 แคมเปญ ได้แก่ แ1. โอเพ่น ทู เดอะ นิว เฉด ออฟ ไทยแลนด์ ปั้นจุดขายใหม่ ๆ ปลุกกำลังซื้อกลุ่มเดินทางซ้ำ  2.โครงการสนามแม่เหล็กท่องเที่ยว โหมการขายท่องเที่ยวเมืองรอง เสนอขายทางด้านอาหาร การจัดประชุมสัมมนา (ไมซ์) ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สนับสนุนงานประชุมไปจัดตามเมืองรอง และเพิ่มความสนุกสนานอีเวนต์ต่าง ๆ มากขึ้น

ปี 2560 คาดจะมีญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทย 1.5 ล้านคน สร้างรายได้67,000 ล้านบาท ปี 2561 จะทำให้ได้ถึง 70,000 ล้านบาท

ข่าวที่ 3 “บางจากนำ3สินค้าใหม่โอท็อปขายในร้านSPAR”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินหน้าสนับสนุน “ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน” จากทั่วประเทศเข้ามาวางจำหน่ายผ่านช่องทางการขายในร้านค้าปลีก SPAR ของบางจาก ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ

สำหรับผลิตภัณฑ์โอท็อปใหม่ล่าสุด คือ สินค้า ผลไม้แปรรูป 3 ชนิด ได้แก่ กล้วยอบเนย สุโขทัย ชมพู่แก้ว จันทบุรี และลูกอมสับปะรดกะทิสด ประจวบคีรีขันธ์ นำเข้ามาวางจำหน่ายแล้วที่ SPAR ทุกสาขา ราคา 35.00 บาท เป็นกลยุทธ์การร่วมพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ด้วยสินค้าจากชุมชน นำมาแปรรูปเพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบด้วย

 “กล้วยอบเนย” ผลิตจากกล้วยน้ำว้าคุณภาพดี โดยกลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหนองตูม จ.สุโขทัย มีรส หวาน กรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลโตนด

“ชมพู่แก้ว” ผลิตจากชมพู่แก้มแหม่ม กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี จังหวัดจันทบุรี รสชาติเปรี้ยว หวาน ถูกปากคนไทย

“ลูกอมสัปปะรดกะทิสด” รสชาติหอม หวาน มัน สินค้าจากกลุ่มแม่บ้านหนองกาพัฒนาสามัคคี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีใยอาหาร วิตามินและไขมันดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ข่าวที่ 4 “TCEBลุยต่อยอดTHAILAND CONNECTภาค2ในตลาดโลก”

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ “TCEB” เปิดเผยว่า ได้ เปิดตัวแคมเปญสื่อสารการตลาดประจำปี 2561 ด้วยแคมเปญ “THAILAND CONNECT Your Vibrant Journey to Business Success”  โดยใช้โอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน Incentive Travel & Conventions, Meetings Asia (IT&CM Asia) ครั้งที่ 25 และ งาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia-Pacific) ครั้งที่ 20    ซึ่งมีทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 2,900 คน จาก 50 ประเทศ

โดยวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจไมซ์ในปี 2561 ทาง TCEB เตรียมต่อยอดแคมเปญให้ชัดเจน เพิ่มความเข้มข้นด้วยการดึงจุดขายของไทยที่สอดคล้องกับนโยบายขับเคลื่อนไมซ์ของรัฐบาลตามไทยแลนด์ 4.0  โดยพัฒนาเป็น “THAILAND CONNECT Your Vibrant Journey To Business Success, decoded with chapters of possibilities” หรือ “ไทยแลนด์ คอนเน็กต์ สีสันของการเดินทางสู่ความสำเร็จทางธุรกิจ ถอดรหัสความสำเร็จด้วยพลังแห่งสีสันของโอกาสที่ไม่รู้จบ” เน้นทั้ง 3 เสาหลักของประเทศไทย ทั้งด้าน destination, business และ people”

สำหรับแคมเปญ “THAILAND CONNECT Your Vibrant Journey to Business Success” นำเสนอจุดเด่นของประเทศไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ ความหลากหลายของสถานที่และจุดหมายในการจัดกิจกรรมไมซ์ (destination) โอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง (business) รวมถึงความมีเอกลักษณ์และความเป็นมืออาชีพของบุคลากรของไทย (People) ที่สามารถรองรับการจัดงานไมซ์ระดับโลก ซึ่งแคมเปญดังกล่าวได้เสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยในการเป็น Bleisure Destination (Business and Leisure) หรือ จุดหมายของการจัดงานที่ความโดดเด่นทั้งการทำธุรกิจและการพักผ่อนระดับภูมิภาคได้อย่างดี

ข่าวที่ 5 “ทอท.งัดที่ดิน4สนามบินปั๊มรายได้เชิงพาณิชย์50%”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ได้เดินหน้าแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินของ ทอท.สร้างโอกาสพัฒนาในเชิงพาณิชย์ให้เป็นไปตามเป้าหมายภายในปี 2563 จะเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ให้ถึง 50 % โดยการใช้ที่ดินรอบบริเวณท่าอากาศยาน 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ที่ดินแปลง Airport Business Area เนื้อที่รวม 682 ไร่ เชียงใหม่ จำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวม 1.6 ไร่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ รวม 613 ไร่ และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย 5 แปลง และที่ดินแปลงย่อย รวม 7 จุด  รวม 742 ไร่

สำหรับที่ดิน ทอท.ที่ซื้อมาจากราษฎรที่ได้รับผลกระทบทางเสียงจากการดำเนินงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 4 แห่ง แบ่งเป็นที่ดินในเขตลาดกระบัง 3  แห่ง และที่ดินติดถนนทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านถนนบางนา-ตราด อีก  1 แห่ง รวมเป็นที่ดินประมาณ 105 ไร่

ตลอดปีงบประมาณ 2560 ทอท. ได้ทยอยเดินหน้าแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานวงเงิน  2.2 แสนล้านบาท  ใน 6 สนามบิน ซึ่งเริ่มก่อสร้างบ้างแล้ว  ได้แก่ ยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่  หาดใหญ่ ภูเก็ต และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ตั้งเป้าภายในอีก 8 ปีข้างหน้า พ.ศ.2568 จะรองรับผู้โดยสารรวมได้ถึงปีละ 185 ล้านคน

ช่วงที่ 2 ตามไปค้นหารากวัฒนธรรมภูเก็ตใน “ชุมชนเมืองเก่า” กับ 5 จุดมหัศจรรย์ของชาวจีนผู้สร้างความมั่งคั่งบนเกาะสวรรค์แห่งนี้

@มุมใหม่ในชุมชนเก่าภูเก็ต



ในเดือนตุลาคมนี้ขอชวนล่องใต้ไป “เกาะภูเก็ต” เมืองพักผ่อนฝั่งทะเลอันดามันที่ทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี อีกมุมหนึ่งก็เป็นดินแดนทรงเสน่ห์ความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีชุมชนเก่าแก่บ่งบอกถึงอารยธรรมความรุ่งเรืองที่สามารถอนุรักษ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมมาจนถึงทุกวันนี้

ย่านที่มีเสน่ห์ชวนเดินท่องเที่ยวเพื่อให้เห็นถนนสายวัฒนธรรมอย่างแท้จริง คือ “ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต” ตลอดสองข้างยังคงเก็บรักษาอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ภายในชุมชนก็สร้างพิพิธภัณฑ์รวบรวมเรื่องเล่าครั้งอดีตที่ชาวจีนอพยพมาตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้ปักถิ่นฐานสร้างความมั่งคั่งส่งต่อให้ลูกหลานมาจนถึงวันนี้ โดยมีหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา อยู่รวมกันอย่างมีความสุข และยังทำต้นแบบกิจกรรมให้คนต่างวัยทั้งคนรุ่นใหม่และผู้สูงวัยได้เข้ามามีส่วนร่วมสร้างเสน่ห์ให้ชุมชนโดดเด่นไม่เสื่อมคลาย

เรื่องเล่าเป็นไฮไลต์ของ “พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว” คือการแปลงโฉมโรงเรียนจีนชื่อดังในอดีตมาทำเป็นศูนย์รวมบันทึกความเป็นมาตัวตนของบรรพบุรุษ ทำให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจวิถีชีวิตชาวจีนในเกาะภูเก็ตและยังคงมีอยู่จริงในชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต

แหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ที่ต้องแวะชมในชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ต้องห้ามพลาดมี 4  แห่งด้วยกัน

เริ่มจาก “บ้านเลขที่ 88” ถนนกระบี่ เป็นบ้านของ “อี๋โป้เต๋ง” คนแก่ใจดีที่เปิดบ้านรับนักท่องเที่ยว ภายในบ้านได้รวบรวมภาพเก่าแก่ อุปกรณ์เครื่องครัวโบราณ อาทิ เครื่องโม่แป้ง เตาไฟ ตาชั่ง และบ่อน้ำกลางบ้านเป็นสัญลักษณ์บ้านคนจีนสมัยก่อน ซึ่งใช้งานได้จริงในปัจจุบัน

“ศาลเจ้าแสงธรรม” เมื่อปี 2540 เป็นอาคารอนุรักษ์ที่ได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ส่วนอัตลักษณ์อันโดดเด่นเมื่อครั้งอดีตเคยเป็นศูนย์รวมใจของชาวจีนที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสวงโชคในบ้านเรา โดยมีเครื่องนำทางของความศรัทธาเชื่อมั่น หลอมเป็นพลังความสามัคคี จนปัจจุบันร่ำรวยได้ ภายในศาลเจ้าจะมีศิลปะทรงคุณค่าให้ชมทั้ง รูปปั้นแกะสลักองค์เทพต่าง ๆ จิตรกรรมฝาผนังโบราณ

“โรงตีเหล็กไต่สุ้นอั้น” ย้อนให้เห็นถึงภาพของยุคเหมืองแร่เฟื่องฟู สองข้างทางบนถนนดีบุกจะเต็มไปด้วยโรงตีเหล็ก ปัจจุบันเหลือไต่สุ้นอั้นเพียงแห่งเดียว ที่เปิดกิจการตีเหล็กแบบดั้งเดิมโดยใช้เตาเผาโบราณขนาดใหญ่ ใช้แรงคนนำค้อนมาทุบเหล็กกล้า เพื่อรักษาสถานที่ไว้เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้ชม

“บ้านโบราณร้อยปี” เป็นบ้านที่มีครัวคุณป้าคุณน้าของชุมชนมารวมตัวกันโชว์ฝีมือการทำอาหารถิ่น การผัดหมี่ฮกเกี้ยน เมนูต้นตำรับดั้งเดิม พร้อมขนมโอต๊าว และของหวานมีทั้งโอ๊ะเอ๋ว รสหวานเย็นชื่นใจ

ส่วนที่จะขาดไม่ได้คือ “สตรีทอาร์ท” ซึ่งแฝงตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วย่านเมืองเก่า มีผลงานของสุดยอดศิลปินรวมอยู่เกือบ 10 ชิ้น ที่แนะนำให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเช็คอินให้ครบเพื่อเป็นเก็บความทรงจำกลับบ้าน

สนใจท่องเที่ยวชุมชนย่านเมืองเก่า ติดต่อและสอบถามได้ที่ โทร.081-892-0618 และ 084-305-3960


@เติมความสุขให้ชีวตหลังเกษียณด้วย 3 สร้าง

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แนะนำว่าทุกปีในวันที่ 1 ตุลาคม  จะเป็นวันผู้สูงอายุสากล และพฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้เกษียนหรือสูงวัยหลายคนจึงอาจมีภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อม ต้องยอมรับ ไม่ยึดติด อย่าคิดว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ทำตัวเองให้เป็นคนที่น่ารัก น่าเคารพ

โดยแนะนำวิธีสร้างสุขวัยเกษียณ ด้วยหลัก 3 สร้าง ได้แก่

1.สร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ทำสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองและผู้อื่น ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ทำความสำเร็จเล็กๆ ให้ได้ในแต่ละวัน และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ

 2.สร้างสุขภาพกายและใจให้ตนเอง ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ฝึกจิต ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้สดใส เมื่อใดรู้สึกหดหู่ เหงา เศร้า ไม่สดชื่น ต้องรู้ตัว รีบปรับตัว อยู่กับคนที่รัก ไปพบเพื่อนฝูง พูดคุยปรึกษาปัญหา ทำกิจกรรมที่ชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าทำทุกอย่างแล้วไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
       
3. สร้างกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งกิจกรรมในบ้านและนอกบ้าน จะทำคนเดียวหรือเป็นกลุ่มก็ได้ เช่น งานบ้าน งานสวน เข้าชมรม เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ตามความชอบความพอใจ รสนิยม และบริบทการใช้ชีวิต เพื่อให้สมองได้ถูกใช้งาน เป็นต้น

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ไตรมาส4สภาทัวร์หวังรายได้จีน-ไทยเศรษฐกิจซึม”

จีนทะลักเข้าไทยต่อเนื่องปลายปีพุ่ง 2.4 ล้านคน ส่วนไทยเที่ยวไทยเฉาเศรษฐกิจยังซึมอยู่

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ปี 2560 คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย 9.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.76% แบ่งเป็นอาเซียน 2.43 ล้านคน เพิ่ม 3.40% กลุ่มเอเชียตะวันออก 3.89 ล้านคน เพิ่ม34.60% ยุโรป 1.58 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.64% หากเป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว จะทำให้ทั้งปี 2560 มีต่างชาติมาเที่ยวไทยทั้งสิ้น 35.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.59% มีรายได้เข้าประเทศ 1.84 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.49%

ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 2.43 ล้านคน เพิ่มมากสุด 68.75% ตลอดปีนี้จีนจะเที่ยวไทย 9.88 ล้านคน เพิ่ม 12.79% ต่ำกว่าเป้าตั้งไว้ 10 ล้านคน

ข่าวที่สอง “จ่อยกเว้นวีซ่า90วัน6ชาติทัวร์รักษาสุขภาพ”

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมเสนอให้พิจารณายกเว้นวีซ่า 90 วัน กลุ่มนักเดินทางเชิงสุขภาพที่เข้ามารักษาตัวและพักฟื้นในไทย 6 ชาติ ได้แก่ ญี่ปุ่น เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา และบังกลาเทศ ต่อจากกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และจีน เพราะส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาพร้อมกันเป็นครอบครัว  ๆ ละ 3 คนขึ้นไป และใช้เงินเฉลี่ย 5,000  บาทต่อคนต่อวัน
ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเป็นตลาดญี่ปุ่น ที่เข้าร่วมในงาน Japan Expo Tourism 2017 มีผู้สนใจกว่า 100 ราย สนใจซื้อสมาชิกบัตรท่องเที่ยวอิลิตการ์ดของ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) เพราะได้สิทธิพักระยะยาว

นายพฤทธิ์ บุปผาคำ ผู้จัดการใหญ่ ทีพีซี ยืนยันว่า จะเปิดแคมเปญ ADVENTUR THAILAND ผนวกขายสมาชิกที่ซื้อบัตรแล้วได้ท่องเที่ยวเมืองไทยด้วย ปี 2561 พร้อมจะทำยอดขายให้ได้ถึง 670 ล้านบาท เติบโต 10% ปัจจุบันลูกค้าอีลิทการ์ดมีส่วนแบ่งตลาดดังนี้ จีน 30% อังกฤษ 28% สหรัฐ 25% ฝรั่งเศส 22% ญี่ปุ่น 20%

ข่าวที่สาม “ดิโอกุระจัดเมนูฝรั่งเศสหนุนเกษตรยั่งยืนเริ่มที่680บาท”

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ  จัดเทศกาลที่ห้องอาหาร เอเลเมนท์ เพื่อสนันสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนและไร้สารพิษเลือกใช้วัตถุดิบจากฟาร์ม และสวนปราศจากสารพิษ จากทั้งในและต่างประเทศมาปรุงเป็นอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นให้บริการตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม – 23 ธันวาคม 2560 อาหารหรูรสเลิศ ราคาคุณภาพเริ่มต้นที่จานละ 680++บาท

ทาง เชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ ได้คัดสรรวัตถุดิบพืชและสัตว์ที่เติบโตตามธรรมชาติโดยปราศจากความเครียดในพื้นที่ที่เลี้ยงดู (Free Range System)  เพื่อนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันเป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นน่ารับประทานหลายรายการ อาทิ โดนัทฝรั่งเศสเนื้อปลาเทราท์รมควันรับประทานกับซอสหน่อไม้ฝรั่งและไข่ปลาเทราท์  หอยนางรมสดจากออสเตรเลีย ทาร์ทาร์กุ้งแม่น้ำมาดากัสการ์ เสิร์ฟพร้อมไอศครีมมะเขือเทศรมควัน ขิงดองญี่ปุ่น และโซบะ ซุปถั่วแระญี่ปุ่นใส่กุ้งลายเสือ ซุปผักน้ำรับประทานกับไข่ลวกและครีม

 ส่วนเมนูอาหารจานหลักที่แนะนำ อาทิ แซนวิชปลาโซลและกุ้งใส่ผักชีญี่ปุ่นและถั่วแระญี่ปุ่น ปลากระพงนึ่ง เสิร์ฟพร้อมซอสส้มยูซุ หนังปลาทอดกรอบ แครอทและยี่หรา ปลาทรายแดงทะเล รับประทานกับหน่อไม้ฝรั่งขาว ถั่วเหลืองและชาเขียว ปลาค็อดย่างเตาถ่าน รับประทานกับกุ้งทอดกรอบ มะเขือเทศและเนยมงเปอลีเย ไก่ย่างยัดไส้ด้วยตับห่านและเห็ดทรัฟเฟิล หัวไชเท้าและเห็ดผัดเนย เป็ดย่างใส่พริกไทซันโช น้ำผึ้งและรากผัก เนื้อออร์แกนิคพันเบคอนย่าง เสิร์ฟกับ เห็ดกระดุมและหัวหอม

สอบถามที่ โทร.02 687 9000 หรือ www.okurabangkok.com


ข่าวที่สี่ “เทศกาลเห็ดทรัฟเฟิลแห่งปีที่เคปเฮาส์ กรุงเทพฯ”

ห้องอาหารนัมเบอร์ 43 อิตาเลียน บิสโทร, เคปเฮ้าส์ กรุงเทพฯ ขอเชิญทุกท่านพบกับเทศกาลเห็ดทรัฟเฟิล ในวันที่ 8-15 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัมผัสความอร่อยที่ไม่ธรรมดาของเห็ดทรัฟเฟิลสุดหรูสูตรต้นตำรับ พร้อมเมนูอร่อยของเห็ดหลากหลายชนิด

รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟมืออาชีพชาวอิตาเลียน อาทิ เนื้อสันในกับซอสเห็ดพอร์ชินี่เสิร์ฟพร้อมผัก, เนื้อดิบสไลด์บางเสิร์ฟกับทรัฟเฟิล เซเลอรี่และพาเมซานฝานบาง, เค้กแบล็คฟอเรสต์ เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติของเห็ดทรัฟเฟิลแสนอร่อยอย่างเต็มอิ่ม

เกาะติดข่าวประจำได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง FM 97.0 MHz.11.00-12.00 น.


วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

ททท.ภูเก็ตบูมเที่ยวไทยตีกอล์ฟ เปิด7ชุมชนจีน-

ภูเก็ตยุคใหม่พึ่งทัวร์ไทยทำเป๋าตุง4หมื่นล้าน
ทัวร์กอล์ฟ-ยอร์ช-ชุมชน-ฟาร์มมงกุฎมุกมาแรง
โปรฯแรงคิงเพาเวอร์-แอร์เอเชียบินฟรีมัลดีฟส์
ททท.ใช้คนดังปั้น10Villagetourismปัง2-5พ.ย.
ป่าทุ่งทะเลโครงการพระราชดำริศูนย์รวมCSR
คลายเครียดได้ด้วยการกินผักผลไม้ 10 ชนิด
บินไทยยังไม่มีดีดีแต่มีโปรตั๋วถูกบินคู่สู่เวียนนา
แควนตัสเจ้าแรกใช้แอพ FlightPulseบินอัจฉริยะ
แอร์ไลน์ทั่วเอเชียโกย8เดือนคน-สินค้าโต10%

สวัสดีวันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1 ฟัง “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต จะมาอัพเดท จุดเปลี่ยนของ “ภูเก็ต 4.0” จะหันมาชวนคนไทยเที่ยวภูเก็ต “เพิ่มพลังเศรษฐกิจประเทศ” ให้เข้มแข็งยั่งยืน เพราะที่ผ่านมาคนไทยได้นำเงินไปใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวปีละเกือบ 40,000 ล้านบาท จากนี้ไปจะยิ่งเป็นโอกาสดีหากคนไทยเข้าไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้นต่อไป

“กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต อธิบายว่าเตรียมปลุกกำลังซื้อในประเทศด้วยการวางกลยุทธ์ในมุมใหม่ “เที่ยวภูเก็ตราคาจับต้องได้ไม่แพงเกินกำลังคนไทย” โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรมอาหารถิ่นที่องค์การยูเนสโก้ประกาศให้ภูเก็ตเป็นเมืองวัฒนธรรมสร้างสรรค์ด้านอาหาร” อย่างแท้จริง ชุมชน สถาปัตยกรรม สนามกอล์ฟ แหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงทางธรรมชาติตามเกาะต่าง ๆ โดยมีการคมนาคมเข้าถึงของสายการบินบริการวันละกว่า 200 เที่ยว และมีห้องพักโรงแรมรีสอร์ตจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเกือบ 100,000 ห้อง ราคาหลัก 100-1,000-10,000 บาทต่อห้องต่อคืน ให้เลือกพักผ่อนในแบบวิถีภูเก็ต

ปัจจุบันท้องถิ่นมีความพร้อมใช้แม่เหล็ก 7 ชุมชนท่องเที่ยวซึ่งมีอัตลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นแรงดึงดูดคนไทยข้ามภาคไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์พื้นถิ่น

เริ่มจาก “ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต” ได้อนุรักษ์บ้านเรือนสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสแบบจีนโบราณผสมผสานตะวันตก และครัวทำอาหารคาวหวานยังใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน


“ชุมชนท่าฉัตรไชย” เป็นประตูเมืองที่มีกลิ่นอายวิถีชีวิตชาวเลและมีแหล่งจับจักจั่นแห่งเดียวในหาดไม้ขาว มีศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทะเลที่ 2 ดูแลป่าชายเลน และการทำกระชังเลี้ยงกุ้งมังกร

“ชุมชนเกาะโหลน” ต้องนั่งเรือหัวโทงสัญลักษณ์ทะเลไปร่วมทำกิจกรรมพื้นบ้าน ด้วยการตกปลาแบบดั้งเดิม ทำขนมพื้นเมือง ทำผ้าบาติกมัดยอมจากวัตถุดิบธรรมชาติ ลิ้มรสอาหารทะเลสด ไฮไลต์ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวตื่นตาคือ “หมึกโวยวาย” สัตว์พื้นถิ่นจำนวนมากประจำเกาะโหลน

“ชุมชนบ้านแขนน” เป็นหมู่บ้นที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานสมัยศึกถลาง ทว่าปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการสร้างด้วยฐานหลัก ๆ ได้แก่ ออกกำลังกายแบบโนราบิก เรือนไทย สีข้าว เล่นสะบ้า อาหารและขนมพื้นเมือง

“ชุมชนบ้านบางเทา-เชิงทะเล” เป็นแหล่งวิถีเกษตรทำฟาร์มเลี้ยแพะ เกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ไฮไลต์คือไร่สับปะรดภูเก็ต ส่วนกลุ่มแม่บ้านทำเมนูอาหารถิ่น “ข้าวยำใบพาโหม” มีขนมพื้นเมืองอย่างอาโป๊ง ขณะที่ความงามทางธรรมชาติก็โดดเด่นด้วยน้ำตกเหนือโตน จุดชมวิวบางเทาภูผาวิวและเกาะแวว

“ชุมชนตำบลป่าคลอก” เป็นศูนย์รวมกิจกรรมสนุก ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาพระแหว ศูนย์ฟื้นฟูชะนีก่อนปล่อยคืนสู่ป่า ฟาร์แพะมณีรัตน์ และนักท่องเที่ยวสามารถพายเรือชมป่าชายเลนดื่มด่ำกับธรรมชาติอันหลากหลาย

“ชุมชนตำบลกมลา” ขึ้นชื่อเกี่ยวกับการทำผลไม้แปรรูป อาทิ ส้มควาย พืชพื้นถิ่นรสเปรี้ยวรักษาได้สารพัดโรค หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล เรื่อยไปจนความงดงามของมัสยิดกมลาบ้านทายาทพระนางมัสสุหรี ผู้ล้างคำสาปเกาะลังกาวี เรื่อยไปจนถึงการเพ้นต์ผ้าปาะเต๊ะ และชุดย่าหยาของสาวพื้นเมือง หรือจะไปเยี่ยมชมเรือนร้อยปี ฟาร์มเลี้ยงม้ากมลา อินรอน ฟาร์ม ให้บริการกิจกรรมอาชาบำบัด



ผอ.กนกกิตตา ย้ำว่า ภูเก็ตมีทางเลือกมากมายให้ท่องเที่ยว ด้วยราคาและบริการสมเหตุผลคุ้มค่ากับการเดินทางมาสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ช่วงหน้าฝนพร้อมนำเสนอกิจกรรม แหล่งท่องเที่ยว ราคาพิเศษ และผู้ประกอบการโรงแรมพร้อมใจกันทำราคาลดพิเศษส่งเสริมคนไทยเที่ยวได้คุ้มค่าเงินอย่างมาก แต่ละคนเงินในกระเป๋าเป็นค่าใช้จ่าย 6,000-10,000 บาท ก็พักผ่อนในแหล่งหรูหราได้ทั้งบนบกและตามเกาะสวย ๆ อย่าง เกาะไข่ เกาะนาคา เกาะไม้ท่อน ฯลฯ

ขณะนี้เริ่มนำร่องเส้นทางท่องเที่ยวหรูราคาสบายกระเป๋าให้แก่นักท่องเที่ยว อาทิ ชมฟาร์มเลี้ยงมุก อมร อินดัสตรี้ (ภูเก็ต เพิร์ล) ทำมากว่า 40 ปี และนั่งเรือยอร์ชเช่าเหมาลำทำโปรแกรมล่องเรือชมเกาะต่างๆ  ล่าสุดกลุ่มเจ้าของเรือ CATAMARAN เป็นเรือหรูมีห้องนอนบริการเช่าเหมาลำไปดินเนอร์ ชมพระอาทิตย์ตกทะเล สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวเป็นอย่างมาก สนนราคาเช่าเหมาลำ 45,000-60,000 บาท รองรับได้ครั้งละ 10-30 คน

ส่วนที่พักชายหาดส่วนใหญ่จะบริการเป็นพูลวิลล่ามาแรงคือ “เดอะ วิจิตร รีสอร์ต ภูเก็ต” คิดราคาพักเป็นหลังประมาณ 6,000-10,000 บาท มีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องพัก ห้องนั่งเล่น สระว่ายน้ำส่วนตัว สามารถพักได้หลังละ 2-4 คน

ขณะที่กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ททท.ภูเก็ตจัดโปรโมชั่น 2 เดือน ระหว่าง 1 ตุลาคม- พฤศจิกายน 2560 ทางผู้ประกอบการสนามกอล์ฟภูเก็ตสนับสนุนเต็มที่รวมทั้งค่ากรีนฟีและแคดดี้เรียบร้อยแล้วเพียงคนละ 1,800 บาทเท่านั้น แล้วบินกับบางกอก แอร์เวย์ส ราคาตั๋วโดยสารพิเศษไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต คนละ 2,100 บาท มีบริการห้องรับรองพิเศษแก่ผู้โดยสารอยู่ในสนามบินเสิร์ฟขนมไทย เครื่องดื่ม เต็มที่ และรถเช่า Bugget ให้ราคาพิเศษเช่าวันธรรมดาหรือเสาร์ อาทิตย์ เท่ากันคือวันละ 790 บาท ที่พักในสนามกอล์ฟจะมีราคาพิเศษด้วยเช่นกัน

ผู้ที่เดินทางมาเล่นกอล์ฟกับแพกเกจดังกล่าวมีทางเลือกจะใช้หรือไม่ก็ได้ห้องพัก รถเช่า ถ้ามากับครอบครัวก็มีสปา แหล่งท่องเที่ยวชุมชนนำเสนอไว้ด้วย นอกจากนั้นยังแนะนำให้ไปล่องเรือดินเนอร์ ครุยส์ อันดามัน สามารถขึ้นเรือได้บริเวณท่าเรืออ่าวฉลอง

แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตโดยภาพรวมปี 2560 จะเพิ่มขึ้นทั้งทางด้านจำนวนและรายได้ 8-14 % เพราะประเมินจากเที่ยวบินเพิ่มขึ้น มีผู้โดยสารกลุ่มคนวัยทำงานมาวันพักผ่อนวันศุกร์-อาทิตย์ โดยมีแม่เหล็กคือการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยไปดูแหล่งอาหาร ฟาร์มลอบสเตอร์ ตกหมึก (เรียกว่า โวยวาย) และบริเวณหาดไม้ขาวเป็นแหล่งทำเมนูจักจั่นทอดรสเด็ด

สำหรับสถิติปี 2559 นักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตกว่า 13 ล้านคน รายได้ 377,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ต่างชาติราว 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 70 % และคน ไทย 3.7 ล้านคน สร้างรายได้เกือบ 40,000 ล้านบาท

“กนกพร พฤกษากิต” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย เดอะ วิจิตร รีสอร์ต ภูเก็ต กล่าวว่า เปิดบริการบนหาดมิตรภาพในสไตล์รีสอร์ตหรูติดทะเลและรายล้อมด้วยสวนต้นไม้มากมายในพื้นที่ 44 ไร่ ทำเป็นวิลล่ารวม 92 หลัง ห้องพักมีให้เลือก
ดีลักซ์ วิลล่า ขนาด 70 ตรม. ดีลักซ์พูลวิลล่าขนาด 100 ตรม. ไพรม์ พูล วิลล่าขนาด 178  ตรม. เดอะวิจิตร พูล วิลล่า 162 ตรม. และ Two Bedroom Pool Villa 182 ตรม. ราคาเริ่มต้นกว่า 4,000-18,000 บาท/หลัง/คืน ตลอดทั้งปีมีส่วนแบ่งตลาดคนไทยรุ่นใหม่นิยมมาพักผ่อนกว่า 30 % และต่างชาติอีกประมาณ 70 %

ทางด้าน “ศรันย์ สนรักษ์” กรรมการบริหาร ภูเก็ต เพิร์ล กรุ๊ป ผู้นำการทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงหอยมุกเพื่อผลิตมุกน้ำทะเลจำหน่ายมากว่า 40 ปี กล่าวว่า พร้อมรับขานรับการตลาดของ ททท.ผลิตท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์รักษาสิ่งแวดล้อม รุกเจาะกลุ่มทั่วไปและผู้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์หรูหราอย่างแฟชั่นเครื่องประดับ และทางบริษัทเองได้ใช้ผลงานการผลิตมงกุฎประดับมุกภูเก็ตให้แก่นางงามนานาประเทศ เป็นช่องทางการเผยแพร่เข้าถึงนักท่องเที่ยวแต่ละชาติ ซึ่งมีกระแสตอบรับดีเพราะมีนักท่องเที่ยวตามรอยมงกุฏนางงามเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มมุกและซื้อสินค้า ปัจจุบันทาง ภูเก็ต เพิร์ล  กรุ๊ป ได้จัดโปรแกรมทัวร์ฟาร์มเลี้ยงมุกรวมอาหารและเครื่องดื่มประมาณคนละ 900 บาท/วัน

ภูเก็ตยุคใหม่คนไทยเที่ยวได้ทั้งในแบบธรรมชาติ หรูหรา เทียบชั้นได้กับการไปเที่ยวต่างประเทศได้ช่วงที่ 2 พาเที่ยว ดูแลสุขภาพ และข่าวฮ็อต ๆ ตลอดสัปดาห์

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์-แอร์เอเชียชูโปรแรงตั๋วฟรีมัลดีฟส์/ญี่ปุ่น”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ระหว่างวันนี้-31 ตุลาคม นี้จัด “Co-Promotion” ระหว่างร้านค้าดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานกับ สายการบินไทย แอร์เอเชีย ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ถือพาสปอร์ตไทย และสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ เมื่อช็อปที่ คิง เพาเวอร์ ดอนเมืองหรือภูเก็ต แต่ละใบเสร็จครบทุก 3,000 บาท รับแต้มทันทีรางวัลลุ้นบินฟรีมัลดีฟส์ หรือ โอซาก้า หรือ ภูเก็ต ได้ถึง 3 ต่อ

ต่อที่ 1 รับ 1,000 AirAsia BIG Points และต่อที่ 2 รับเพิ่ม 500 AirAsia BIG Points พร้อมลุ้นบินฟรี โอซาก้า มัลดีฟส์ หรือภูเก็ต 3 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง)เพียงสมัคร AirAsia BIG และ Log in ผ่าน Mobile Appแล้วลงทะเบียนโดยพิมพ์ KP เว้นวรรคตามด้วย e-mail ที่ใช้สมัคร AirAsia BIGส่งเป็น SMS มาที่เบอร์ 4541401 เพื่อรับสิทธิ์

โดยทางคิง เพาเวอร์ จะมอบสิทธิประโยชน์เมื่อช้อปสินค้าจากร้านสาขาคิง เพาเวอร์ แล้วได้ประโยชน์เพิ่มจากไทย แอร์เอเชีย คือ
1.BIG Point code ที่แสดงอยู่บนหน้าบัตร หมดอายุวันที่ 31 ธันวาคม 2560

2.สมาชิกสมัครใหม่2,000 คนแรก ที่ล็อกอินผ่าน AirAsia BIG Mobile App ภายใน31 ต.ค นี้ รับคะแนนสะสมแอร์เอเชียบิ๊ก 500 คะแนน โดยโอนเข้าบัญชีภายใน 14 วันหลังจบโปรโมชั่น ตามอีเมล์ที่ส่ง SMS มาร่วมสนุกกับกิจกรรม

3.ลุ้นบินฟรี 3 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) ผู้โชคดีจะได้รับตั๋วเครื่องบินฟรี ไป-กลับ 3 เส้นทาง ได้แก่ โอซาก้า, มัลดีฟส์ หรือ ภูเก็ต จะใช้วิธีจับฉลากจากแอร์เอเชีย จะประกาศรายรายชื่อผู้โชคดีภายใน 15 พ.ย. นี้

ดูรายละเอียดที่ www.kingpower.com หรือคอลเซ็นเตอร์ 1631

ข่าวที่ 2 “ททท.ปั้นVillage to The worldภาค2นำเซเล็บบูม10ชุมชน”

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวกิจกรรม Village Tourism 4.0 ภายใต้โครงการ Village to the World 4.0 ที่มีชุมชนทั่วประเทศผ่านการคัดเลือกมาแล้ว 10 ชุมชน เพื่อจะจัดนำสินค้าและบริการมาขายในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 3 และ 4 ระหว่าง 2 - 5 พฤศจิกายน 2560

ระหว่างนี้ผู้มีชื่อเสียงและศิลปินร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมใน 10 ชุมชน มีทั้ง บัวขาว บัญชาเมฆ, ริชชี่ อรเณศ, อ๊อฟ ศุภณัฐ, เชษฐ์ สมล์บัฟฟาโล และวงแฮมเมอร์ มา มุ่งส่งเสริม  4 เรื่องหลัก  ได้แก่ 1.กระตุ้นให้แต่ละท้องถิ่นตื่นตัวทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น 2. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น 3.ผลิตภัณฑ์ทางภูมิปัญญาและการท่องเที่ยวแบบบูรณาการเพื่อก่อให้เกิดการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงซึ่งเป็นการสร้างทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น 4.ช่วยเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย สร้างรายได้ และความเข้มแข็งให้ชุมชน

 “ภาคใต้” เด่น ๆ  2 ชุมชน คือ “ชุมชนแหลมสัก” อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มี คุณอารี ประธาน นักร้องนำวงแฮมเมอร์ แนวเพลงเพื่อชีวิตในสำเนียงปักษ์ใต้ พาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในแนวคิด Variety for all นั่งเรือประมงชมบรรยากาศทะเลใต้ ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา เรียนรู้การปลูกสาหร่ายพวงองุ่นกลางทะเล ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน และพาไปปลูกกล้วยไม้ป่า อย่างรองเท้านารี อยู่ตามเขาหินปูน และที่พลาดไม่ได้ต้องกิน “ข้าวคลุกกะปิ” ผลิตภัณฑ์จากกุ้งตักของดีของฝากจากชุมชน ถัดจากกระบี่  “ชุมชนบ้านลำขนุน” อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ชมมโนราห์และการทำหนังตะลุง ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และไปชมทัศนียภาพที่สวยงามในแนวคิด    Pure nature with the southern touch ที่น้ำตกสายรุ้ง และพายเรือคายัคในสายน้ำ 5 ลำคลอง

“ภาคตะวันออก”  2 ชุมชน คือ “ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรรักษ์เขาบายศรี” อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี กับแนวคิด Gastro Paradiso สวรรค์ของนักกิน มีศิลปิน “วรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล” จะพาไปทัวร์สวนผลไม้ และนำผลไม้ต่างๆ มาแปรรูปเป็นอาหาร เช่น น้ำพริกระกำ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูเด็ดของจันทบุรี และชมน้ำตกเขาบายศรี ซึ่งมีประวัติทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าเล่าขานกันรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งพาไปเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านป่าชายเลน  “ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บ้านแหลมมะขาม” จังหวัดตราด ด้วยแนวคิด Magical Mangroves ร่วมทำกิจกรรมล่องเรือเก็บหอยปากเป็ดและนำมาทำอาหารร่วมกับชาวบ้าน และยังมีสินค้าท้องถิ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสานงอบ การสลักไม้ และการทำชาใบขลู่หอม

“ภาคกลาง”  ศิลปิน-อ๊อฟ ศุภณัฐ จะพาล่องเรือตามรอยเสด็จประพาสต้น รัชกาลที่ 5 ตามแนวคิด Royal Excursion ที่กลุ่มท่องเที่ยว “ชุมชนตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า” จังหวัดสุพรรณบุรี ล่องเรือชมบรรยากาศ  แม่น้ำท่าจีน พร้อมรับประทานอาหารจานเด็ดซึ่งใช้ปลาม้าเป็นวัตถุดิบหลัก เรียนรู้วิธีการทำขนมชาววัง แล้วไปดูป่า “ชุมชนตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน” จังหวัดกาญจนบุรี ตื่นเต้นไปกับฐานกิจกรรมในป่าทั้ง 37 ฐาน ตามแนวคิด Living Forest เที่ยวป่าเชิงอนุรักษ์ และชมวิธีการแปรรูปผลตาลเป็นอาหาร ขนม และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการจักสานเปลไม้ไผ่ การทำผ้าขาวม้า และกำไลเถาวัลย์ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน

“ภาคอีสาน” ต้องไป “ชุมชนตำบลสวาย อำเภอเมือง” จังหวัดสุรินทร์ ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนแห่งอุตสาหกรรมผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบัวขาว บัญชาเมฆ พาทัวร์บ้านเกิด ไปดูวิธีการทอผ้าไหมแบบดั้งเดิม ตามแนวคิด Weaving Town และกินอยู่แบบวิถีชีวิตชาวบ้านที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ท่ามกลางฝูงควายนับพันที่หาชมได้ยาก  จากนั้นก็พาไปดูการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ที่ “ชุมชนบ้านสนวนนอก อำเภอห้วยราช” จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวคิด Thai silk full circle กว่าจะเป็นผ้าไหมหนึ่งผืนมีขั้นตอนมากมาย ทำไมผ้าไหมไทยถึงมีมูลค่าสูงและดังไปไกลระดับโลก
 
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.tourismthailand.org/villagetourism

ข่าวที่ 3 “สมัครสมาชิกบางจากออนไลน์รับ200แต้มถึง31ธ.ค.”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ตลอด 3 เดือน ระหว่างตุลาคม-31 ธ.ค. 60 พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้สมัครบัตรสมาชิกผ่านทางออนไลน์ฟรี รับทันที 200 คะแนน เพียงแค่สมัครบัตรสมาชิกบางจากผ่านทางเว็บไซต์ คลิกhttp://bcpgshclub.bangchak.co.th/loyaltyvip/TermsAndConditions.php

  ประโยชน์ที่จะได้รับจากการถือบัตรสมาชิกบางจากมีทั้งส่วนลดราคาน้ำมันในแต่ละช่วงเวลา และยังได้รับความพิเศษอีกมากมายจากเครือข่ายภาคีพันธมิตรผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่พักโรงแรม เอนเตอร์เทนเมนต์ บริการสุขภาพสปา และอื่น ๆ

สิ่งที่จะได้รับและเงื่อนไขในการสมัครบัตรสมาชิกบางจากผ่านออนไลน์ มีดังนี้ 1. คะแนนสะสมเพิ่ม 200 คะแนน จะถูกโอนเข้าบัตรสมาชิกในวันรุ่งขึ้นหลังจากสมัคร  2. คะแนนพิเศษนี้สำหรับการสมัครสมาชิกทางเว็ปไซต์เท่านั้น
3. จำกัด 1 หมายเลขบัตรสมาชิก / 1 ครั้ง ในการรับคะแนนพิเศษ 200 คะแนน

สอบถามที่ Bangchak Call center โทร.1651 (กด 4)

ข่าวที่ 4 “ประกิตบุกธุรกิจใหม่รร.บูทีคผู้ใหญ่มาเพลส”

นายอภิรักษ์ อภิสารธนรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกิตโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ได้ลงทุนขยายแนวรุกธุรกิจห้องพักโรงแรมในกรุงเทพฯ โดยปรับโฉมเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เดิม เป็นที่พักแบบบูทีคสุดเก๋ใจกลางกรุงเทพในชื่อโครงการ   “บูทีคผู้ใหญ่มา แอท บีพี เพลส” โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูน “ผู้ใหญ่มา” ของคุณชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนล้อการเมืองชื่อดัง นำเสนอวิถีไทยแต่ละยุคสมัย สอดแทรกอารมณ์ขันทางการเมือง หวังเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน-ยุโรป ผู้เข้าพักวันนี้ถึง 31 ธันวาคมนี้รับโปรโมชั่นพิเศษลด 10%

บูทีคผู้ใหญ่มาฯ ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 18 (ซอยกรมขนส่งทางบกฯ) ภายในมีห้องพักทั้งหมดจำนวน  70 ห้อง เฟสแรกจะเปิดบริการทั้งหมด 14 ห้อง ภายในปี 2561 จะเปิดครบทั้งหมด ห้องพักแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ ห้องจ่อย ขนาด 23 ตรม. ห้องผู้ใหญ่มา ขนาด 29-34 ตรม. ห้องกระท่อมผู้ใหญ่มา (ผู้ใหญ่มาฮัท) ขนาดเริ่มต้นที่ 30-38 ตรม. ราคาเริ่มต้นที่ 1,200 – 1,600 บาท/วัน และสำหรับผู้พักระยะยาว ราคาเริ่มต้นที่ 8,000-10,000 บาท/เดือน

สิ่งอำนวยความสะดวกมีบริการอินเตอร์เน็ต Wi-Fi ฟรี มีห้องอาหาร “ผู้ใหญ่มาคาเฟ่”  บริการอาหาเช้าทั้ง  อาหารไทย-ตะวันตก และอาหารญี่ปุ่น จากซูชิผู้ใหญ่มา  พร้อมบริการร้านซักแห้งและที่จอดรถ  และตั้งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งมากมาย อาทิ ตลาดนัดจตุจักร ตลาดอ.ต.ก. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอล์ และรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้ง BTS และ MRT

ช่วงที่ 2 ไปเติมความสุขในโครงการพระราชดำริ แล้วเพิ่มพูนความรู้เรื่องกินแก้เครียด และข่าวการบินไทยออกโปรคุ้ม บินคู่สู่เวียนนา ส่วนแควนตัสผู้นำแอพนักบินเจ้าแรกเพิ่มความปลอดภัยลด CO2 และสมาคมสายการบินเอเชีย แปซิฟิก ชี้เป้า 8 เดือน ผู้โดยสารพุ่ง การขนส่งสินค้าหรือโตสองหลัก

@เปิดป่าทุ่งทะเลให้ทำซีเอสอาร์แบบจุใจ”



สถานที่เหมาะจะไปทำกิจกรรมคืนประโยชน์สู่สังคม หรือ CSR ณ “โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการศิลปาชีพทุ่งทะเล” ในหมู่ 3 ตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่

ปัจจุบันทางโครงการฯ ได้พัฒนาพื้นที่ชายหาด เป็นแหล่งเพาะชำกล้าไม้สนับสนุนป่าชายเลน กว่า 68,000 กล้า ตลอดสองข้งทางเข้าพื้นที่กว่า 7 กม.ได้ปลูกต้นสนทะเล 2,000 ต้น ผู้ที่เข้าไปทำกิจกรรมจะได้พบกับความหลากหลายของป่าชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในที่เดียวกันถึง 5 ชนิด เช่น ป่าพรุ ป่าชายเลน ป่าดิบชื้น ป่าชายหาด ทุ่งหญ้า แถมมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม อย่าง นาค เสือปลา หมูป่า ลิงลม เป็นต้น

“ป่าทุ่งทะเล” มีพื้นที่ประมาณ 4,700 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะกลาง 22,181 ไร่ มีสภาพเป็นที่ราบติดทะเล และหาดทรายทอดยาวถึง 7 กม.เคยถูกบุกรุกทำลายป่าเพื่อเข้าไปครอบครองที่ดิน จึงเกิดความขัดแย้งกับราษฎรณ์ที่มีความหวงแผ่นทรัพยากรในท้องถิ่น

เพื่อยุติปัญหาทางจังหวัดกระบี่จึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายพื้นที่ป่าทุ่งทะเลแห่งนี้ แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ และเพื่ออนุรุกษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พระองค์ได้ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ดำเนินการจัดโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ สัตว์ป่า และสัตว์น้ำ ตลอดจนรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ของป่าทุ่งทะเล ทั้งยังมีพระราชป่าทุ่งทะเลดินแดนCSR-บินไทยขายตั๋วบินคู่เวียนนาดำริเพิ่มเติมให้จัดสร้างศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อสร้างงานให้แก่ราษฎร

ปี 2545 ได้จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงปลากะรัง เลี้ยงเป็ดเทศ เป็ดไข่ ส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษ และปลูกมะพร้าวอ่อนในพื้นที่ ปัจจุบันป่ามีความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าตลอดทั้งทรัพยากรสัตว์น้ำเพิ่มกขึ้น พร้อม ๆ กับได้ปรับปรุงให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ สถานที่พักผ่อนเชิงอนุรักษ์

บริเวณป่าทุ่งทะเล จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ อาคารเปิดโล่งอยู่ในส่วนโครงการศิลปาชีพทุ่งทะเล รองรับได้ประมาณ 50 คน หากติดต่อล่วงหน้าจะจัดอาหารกลางวันให้ได้ด้วย และมีลานกางเต็นท์ริมหาด มีให้เช่าหลังละ 3 คน ราคา 100 บาท/หลัง

เมื่อเดินทางไปถึงแล้วสามารถทำ “กิจกรรมศึกษาดูงาน” โดยมีห้องนิทรรศการเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของโครงการฯ เดินชมป่าและพรรณไม้ประจำถิ่นอย่างต้น มะม่วงหิมพานต์ ชมการผลิตหัตถกรรมจักสานจากเตยปาหนัน การทอผ้ากี่กระทบ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศิลปาชีพผ้าไหมทอมือ รวมถึงสินค้าเกษตรต่าง ๆ ที่นำมาแปรรูป การเลี้ยงผึ้งโพรง การเลี้ยงสัตว์ป่า การผลิตกาแฟสด การอนุบาลสัตว์ทะเลและสถานีเพาะพันธุ์ปู การเลี้ยงปลากะรังจากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่

“กิจกรรมซีเอสอาร์” มีให้เลือกทั้ง ปลูกป่าและฟื้นฟูป่าชายเลน บำรุงรักษาชายหาดและระบบนิเวศน์ของป่า ปล่อยพันธุ์สัตว์บกและสัตว์น้ำคืนสู่ธรรมชาติ ร่วมทำแนวป้องกันไฟป่า เพาะชำกล้าไม้สนับสนุนป่าชมชน

สนใจเข้าไปทำกิจกรรมซีเอสอาร์และสัมมนา สอบถามได้ที่ 08-4846-7542

@มาคลายเครียดเลือกกิน10ผักผลไม้สุขภาพ

10 ผักและผลไม้แก้เครียด… ช่วยอารมณ์ดี แถมมีประโยชน์ครบเครื่อง มีอะไรบ้างมาดูกัน

1. คะน้า - เป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยชะลอความเสื่อมของสภาพเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ทั้งยังสามารถช่วยลดความเครียดและปัญหาการนอนไม่หลับอีกด้วย

2. ปวยเล้ง - ปวยเล้งมีสรรพคุณในด้านการบำรุงเลือด ห้ามเลือด รักษาอาการเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ ส่วนเบต้าแคโรทีนในปวยเล้งก็ยังสามารถช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืน ทั้งยังสามารถลดความดันโลหิตได้อีกด้วย

3. ตำลึง - ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารบาราคอลซึ่ง ออกฤทธิ์คลายประสาท ลดความเครียดและปัญหาการนอนไม่หลับ ช่วยระงับอารมณ์ทุกข์เศร้าหมองลง

4. ถั่วเหลือง - เป็นแหล่งโปรตีนจากพืช ซึ่งช่วยกระตุ้นสมอง ปรับอารมณ์ให้แจ่มใส อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งยังสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้

5. เต้าหู้ - มีสารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเลยทีเดียวนอกจากจะช่วยเสริมสร้างกระดูกภายในร่างกาย ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยป้องกันการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังสามารถช่วยกระตุ้นสมอง ปรับอารมณ์ให้แจ่มใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น

6. กล้วยหอม – มีวิตามินบีที่มีอยู่มากในกล้วยหอมซึ่งเป็นส่วนช่วยในการลดความเครียด ความอ่อนล้าภายในร่างกายได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองอย่างต่อเนื่อง

7. ฟักทอง - มีวิตามินหลายชนิดในปริมาณสูงซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆ มีน้ำมีนวล ช่วยเสริมสร้างและบำรุงระบบประสาท รวมถึงดวงตา ทั้งยังมีสารช่วยลดความเครียดอยู่ไม่น้อยเลย



8. ข้าวโพด - มีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด ซึ่งเส้นใยในข้าวโพดยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานไปอย่างปกติ รวมถึงปรับสมดุลอารมณ์ให้ดีขึ้นได้


9. ใบขี้เหล็ก - มีสารบาราคอล (Barakol) ออกฤทธิ์คลายประสาท ลดความเครียดและช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ ลดความดันโลหิต ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ทั้งยังช่วยระงับอารมณ์ทุกข์เศร้าหมองได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ

10. แอปเปิ้ล - มีวิตามินซีสูง และสารช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่ดี ผิวพรรณจึงเปล่งปลั่ง เรียบเนียน และช่วยปรับสมดุลอารมณ์ให้ดีขึ้นได้

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บินไทยงัดโปรบินคู่สู่เวียนแค่2.45หมื่นบาท”

หลังจาก "การบินไทย" ปรกาศขยายเวลารับสมัคร "กรรมการผู้อำนวยการใหญ่" จากเดิม 15 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 20 ต.ค. ตอนนี้ นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว ยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการดีดีต่อไป พร้อมทั้งได้จัดแคมเปญต้อนรับเส้นทางใหม่ข้ามทวีป “บินเป็นคู่ สู่เวียนนา”เพียงคนละ 24,590  ชวนบินไปรับลมหนาวสัมผัสความโรแมนติก ในราคาสุดว้าวไป-กลับ กรุงเทพฯ–เวียนนา TG936/937 4 เที่ยว/ สัปดาห์ จะเริ่มบิน 16 พ.ย.นี้เป็นต้นไป

สำหรับแคมเปญสุดพิเศษ ‘บินเป็นคู่ สู่ เวียนนา เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 ต.ค. 60  เพียงคนละ 24,590 บาท แต่ต้องจองตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ก็จะได้ราคาตั๋วเริ่มต้นเพียง 24,590 บาท/คน โดย  เพียงคลิก https://goo.gl/4Epywr ซื้อแล้วใช้บินในช่วง 16-30 พ.ย. 60

ข่าวที่สอง “แควนตัสเจ้าแรกทำApp FlightPulseนำโลกบิน”

นักบินแควนตัสและจีอี เอวิเอชั่น ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันดาต้าเที่ยวบินใหม่ที่เรียกว่า FlightPulse (ไฟล้ทเพ้าส์) ให้นักบินสามารถได้รับข้อมูลการบินที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ

FlightPulse (ไฟล้ทเพ้าส์) เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบชิ้นแรกที่พัฒนาขึ้นด้วยบริการแบบเคลื่อนที่จากแพลทฟอร์ม Predix (พรีดิกซ์) ของจีอี โดยการบันทึกข้อมูลของเครื่องบินและวิเคราะห์อย่างชาญฉลาดเพื่อให้นักบินสามารถเข้าถึงข้อมูลปฏิบัติการส่วนตัวต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

กัปตันไมค์ แกลวิน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการฝูงบินของแควนตัส เผยว่า
ผลจากพัฒนาแอปพลิเคชันดาต้าเที่ยวบินใหม่ที่เรียกว่า FlightPulse (ไฟล้ทเพ้าส์) ทำให้นักบินสามารถได้รับข้อมูลการบินที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ  อีกทั้ง FlightPulse py’เป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบชิ้นแรกที่พัฒนาขึ้นด้วยบริการแบบเคลื่อนที่จากแพลทฟอร์ม Predix (พรีดิกซ์) ของจีอี โดยการบันทึกข้อมูลของเครื่องบินและวิเคราะห์อย่างชาญฉลาดเพื่อให้นักบินสามารถเข้าถึงข้อมูลปฏิบัติการส่วนตัวต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย

มร.เจ๊ฟ คูลเบิร์ท ประธานกรรมการบริหาร จีอี ประจำประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และปาปัว นิวกินี เผยว่า “แควนตัสเข้าใจว่าข้อมูลระหว่างที่เครื่องบินปฏิบัติงานอยู่มีความสำคัญอย่างไร เรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้สร้างสัมพันธ์มายาวนานกับแควนตัสและทำงานร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพการบินด้วยแอปพลิเคชันแรกของโลก  แควนตัสถือเป็นตัวอย่างนวัตกรรมออสเตรเลียที่พยายามค้นคว้านำสิ่งดีๆ  มาใช้ในการทำงาน จากความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถพัฒนาโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมการบินที่เชื่อมนักบินให้เข้าถึงข้อมูลปฏิบัติการส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นครั้งแรก”

ข่าวที่สาม “แอร์ไลน์ทั่วเอเชียตีปีก8เดือนคน-คาร์โก้โต5-10%”

สมาคมเอเชียสายการบินแปซิฟิก (AAPA) รายงานสถานการณ์เดินทางทางอากาศในเดือนสิงหาคม 2560 ผู้โดยสารระหว่างประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นทางธุรกิจสูงขึ้นในภาคบริการและการผลิตในประเทศที่มีความก้าวหน้าและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ส่งผลให้สายการบินในเอเชียเพิ่มขึ้น 5.6% เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศรวม 27.8 ล้านคน นิยมเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุดและเพื่อทำธุรกิจ จึงทำให้รายได้ต่อผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 7.1% กำลังการผลิตที่นั่งเพิ่ม 6.7% อัตราบรรทุกเพิ่มอีก 0.3% เฉลี่ยเป็น 81.7%

ส่วนปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าทางอากาศพุ่งเพิ่ม 12.2%  จาก2 อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นคือยาและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี ทำให้ปริมาณขนส่งตันต่อกิโลเมตร (FTK) เพิ่ม 5.6% ค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพิ่ม 3.8% เป็น 64.1%

ตลอด 8 เดือน ระหว่าง มกราคม-สิงหาคม ปีนี้ สายการบินในเอเชีย แปซิฟิกมีผู้ใช้บริการระหว่างประเทศ แยกเป็นผู้โดยสารเพิ่ม 5.2% คาร์โก้เพิ่มขึ้น 10.6%


วันเสาร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2560

เปิดใจ วณิชชา วัฒนพงศ์ หญิงแกร่ง ทายาทโอเอซิสซีเวิลด์-เที่ยวดอยตุง

เปิดใจหญิงแกร่งรุ่นใหม่“วณิชชา วัฒนพงศ์”
ทายาทโอเอซิสฯลุยปั้นชุมชนท่องเที่ยวยั่งยืน
คิงเพาเวอร์จัดคิงคัพลุ้นล้าน-ตรินิตี้ฟอรัมโลก
ททท.แจก312รางวัลกินรีวันเที่ยวโลก27ก.ย.นี้
บางจากชวนชิมมันม่วงลาเต้ที่อินทนิลทั่วไทย
ททท.เปิด9วิชาศาสตร์พระราชาต้นแบบยั่งยืน
สัมผัสสวรรค์บนดิน ณ บ้านสวนป่า ดอยตุง
กสอ.ดึงแบงก์-กองทุนดันท่องเที่ยวชุมชนปี’61
รร.อัมราชูฮิปสเตอร์ไนต์บูมแฮงเอาท์สุรวงศ์
ภูเก็ตนำร่องแผนปั่นเปลี่ยนเมืองสู่สมาร์ตซิตี้

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1  พบกับหญิงแกร่งแห่งลุ่มน้ำจันทบูร “เอ-วณิชชา วัฒนพงศ์” นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี และประธาน บริษัท โอเอซิส ซีเวิลด์ จันทบุรี จะมาชวนไปเติมความสุขในการเดินทางไปเที่ยวไม่ว่าจะกี่ฝนหรือกี่หนาว ก็มี “ชุมชนแห่งตำนานลุ่มน้ำจันทบูรณ์” ทยอยเปิดตัวให้โลกรู้ลึกถึงเสน่ห์ของวิถีท้องถิ่นนับร้อยปี และมีเงินเพียง 2 พันบาทก็สามารถพักผ่อนในเมืองจันทน์ได้อย่างราชาได้ทุกฤดูเลยทีเดียว แถมยังได้เล่นน้ำสื่อใจกับโลมาพันธุ์หายากได้วันละ 5 รอบ

“คุณวณิชชา วัฒนพงศ์” ทายาทของโอเอซิส ซีเวิลด์ และนายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า ชาวจันทบุรีเป็นคนเมืองซึ่งอยู่กับฝนมาตลอดเนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลตะวันออก ดังนั้นวิถีชีวิตส่วนใหญ่จึงมักเกี่ยวข้องกับอาชีพการเกษตร การท่องเที่ยวก็เติบโตควบคู่กันไปโดยเฉพาะสิ่งที่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติสนใจมากเป็นพิเศษคือ “ท่องเที่ยววิถีชุมชน” ผสมผสานด้านการเกษตรและประมง อาทิ ชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ ชุมชนขนมแปลกคลองหนองบัว เป็นแม่เหล็กขั้วใหญ่ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและผู้อยู่อาศัย นำมาร้อยเรียงกัน

วณิชชา วัฒนพงศ์
นายมมาคมท่องเที่ยวจันทบุรีและทายาทโอเอซิส ซีเวิลด์

ขณะนี้มีชุมชนเก่าแก่ที่เริ่มเปิดตัวสู่การท่องเที่ยวใหม่อย่าง ชุมชนแหลมสิงห์ ที่มีความน่ารักในสไตล์วิถีประมง “ชุมชนบางกะจะ” มีตำนานเล่าเรื่องอัญมณี พลอย สถานที่เก่าแก่ของเหมือง แหล่งขุดพลอย การเจียรนัย และประดับเป็นตัวเรือน วงจรวิถีชีวิตจากอดีตสู่ปัจจุบันที่ยังคงมีอยู่ให้เห็นตามปกติ

ส่วนอีกชุมชนคือ “ชุมชนตะปอน” มีการบอกเล่าวิถีชุมชนและพระพุทธศาสนา โดยมีไฮไลต์แห่งวิถีที่ชาวบ้านทำสืบต่อกันมายาวนานคือ “ชักเย่อเกวียนพระบาท” อันในงานสืบสานประเพณีรอยพระบาทช่วงสงกรานต์ของแต่ละปี ซึ่งมีแห่งเดียวในโลก
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวชุมชนตะปอนได้ แต่ถ้าจะชื่นชมประเพณีเก่าแก่ชักเย่อเกวียนพระบาท ต้องมาได้ในช่วงสงกรานต์ ซึ่งชาวบ้านจะทำพิธีแห่ผ้าพระบาท และเกวียนพระบาท ไปยังวัดต่าง ๆ

แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว “ชุมชนบางกะจะ” ดินแดนประวัติศาสตร์พลอย ซึ่งขุดค้นพบอัญมณีที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็น ทับทิม ไพลิน บุษราคัม และอีกหลายชนิดด้วยกันนั้น แหล่งใหญ่ปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวต้องการชมอยู่ที่หมู่บ้านบางกะจะ และภายในชุมชนจะมีคนอยู่อาศัยโดยชาวบ้านยังคงทำขั้นตอนการขุด ผลิต พลอย เหมือนในอดีตให้ได้ชมกัน

เชื่อมโยงจากบางกะจะไปถึงอีกโซนที่ “ตลาดพลอย” จะย้อนยุคให้เห็นแหล่งการค้าและการนำพลอยบางชนิดมาแลกเปลี่ยนกันให้เห็นบนบรรยากาศดังกล่าวตามถนนตลอดระยะทางที่มีความยาวนับกิโลเมตร หรือหากสนใจดูวิถีชีวิตที่มีการค้าขายอย่างคึกคักต้องมาช่วงเสาร์-อาทิตย์

อีกทั้งตลาดพลอยแห่งนี้อยู่ใกล้กับชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจัดเส้นทางชมชุมชนซึ่งมีอัตลักษณ์พิเศษเป็นเสน่ห์ของเมืองจันทบุรีได้อย่างเชื่อมโยงถึงกันได้ภายในเวลาไม่นาน

ส่วนฤดูหนาว จันทบุรีอากาศเย็นสบาย บริเวณอำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว ตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม ของทุกปี บรรยากาศดีมาก การเดินทางขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีรีสอร์ตและห้องพักรองรับจำนวนมาก มีไฮไลต์ให้ท่องเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีทะเลหมอกไหลเข้ามาถึงหน้าห้อง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่รอยต่อที่จะเดินทางไปเที่ยวต่อยังกัมพูชาได้ด้วย

รวมทั้งสอยดาวยังเป็นอำเภอที่มีสนามกอล์ฟให้เลือกอย่างหลากหลาย จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเล่นกอล์ฟทั้งคนไทยและนานาชาติ

ช่วงเวลาเหมาะสมในการไปเที่ยวหน้าหนาวยังอำเภอสอยดาว เนื่องจากพื้นที่ไม่สูงมาก ก็เดินทางได้ตลอด พฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี มีทั้งความเป็นธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย เหมาะจะพักผ่อนอย่างมาก

คุณวณิชชากล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยว “โอเอซิส ซีเวิลด์” ที่มีไฮไลต์คือแหล่งชม โลมา 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์แรก “โลมาปากขวด” ซึ่งมีสรีระเมื่อโตเต็มวัยจะเปลี่ยนสีผิวเป็นชมพูที่คนเฝ้าติดตามชมกัน พันธุ์ที่สอง “อิระวดีดอร์ฟิน” ตัวกลม ๆ น่ารัก ทั้งสองสายพันธุ์จะชอบช่วงหน้าฝนมาก และช่วงต้นฤดูหนาวก็เป็นช่วงที่โลมาจะชอบสัมผัสและเล่นกับนักท่องเที่ยว ทางโอเอซิสมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวลงไปว่ายน้ำและพูดคุยสื่อสารกับโลมาได้ด้วย

ในช่วงฤดูการเดินทางนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนดิเนเวียจะนิยมมาท่องเที่ยวชมโลมาจำนวนมาก

สำหรับการไปท่องเที่ยวโอเอซิส ซีเวิลด์ หากเป็นการเข้าชมการแสดงโชว์โลมาตามปกติก็สามารถไปได้ตลอดเวลาทุกวัน จะจัดแสดงไว้วันละ 5 รอบ ด้วยเวลาจำง่าย ๆ เป็นเลขคี่คือ 09.00, 11.00, 13,00,15.00 และ 17.00 น.แต่ถ้าจะร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสื่อสารกับโลมาจะต้องโทรจองล่วงหน้า เนื่องจากแต่ละรอบจะจำกัดจำนวนไว้ที่รอบละ 15 คน และมีคิวจองค่อนข้างแน่นพอสมควร สลับช่วงกับกิจกรรมว่ายน้ำกับโลมา ซึ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกิจกรรมอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลา

ภายในโอเอซิส ซีเวิลด์ เนื่องจากอยู่ติดชายฝั่งทะเลยังได้จำลองชุมชนวิถีประมง และกิจกรรมครอบครัว เช่น เลี้ยงปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ตัวละ 70-80 กิโลกรัม รวมทั้งมีบริการ “ร้านอาหาร” ซึ่งเน้นหลักด้วยเรื่องราวเมืองติดทะเลทำอาชีพประมง 2 ไฮไลต์ คือ อาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองจันทบูรณ์ ที่มีความหลากหลาย รสอร่อยซิกเนเจอร์คือ หมูชะมวง เส้นจันผัดไทยปู ข้าวคลุกพริกเกลือ เป็นต้น
สำหรับบัตรเข้าชม โอเอซิส ซีเวิลด์ ผู้ใหญ่ 130 บาท เด็ก 90 บาท ปกติจะไม่ได้จำหน่ายบัตรตามรอบการแสดง สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ตลอดทั้งวันและสามารถชมการแสดงโลว์มาได้ทั้งวันด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

คุณวณิชชาอธิบายถึง “ค่าใช้จ่ายในการพักผ่อนในจันทบุรีอย่างคุ้มค่า” เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพไม่แพง สบายกระเป๋า มีเงินแบงก์พันแค่ 2,000 บาท ก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบาย ๆ 3 วัน 2 คืน ทั้งค่าที่พัก โปรแกรมท่องเที่ยว และค่าอาหารจานเด่นอร่อย ๆ อย่าง หมูเรียง เส้นจัน ก๋วยเตี๋ยวทะเล ราคาประมาณ 30-40 บาท มาท่องเที่ยวจันทบุรีใช้เงินคุ้มค่าแถมได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม

เส้นทางการท่องเที่ยวจันบุรี จากกรุงเทพฯ วิ่งวนเป็นวงกลม ผ่านเมือง ชุมชนที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น เรื่อยไปจนถึงการเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลสวยงาม และมีกิจกรรมในโครงการพระราชดำริให้ร่วมทำ มีจุดเนินนางพญาบริเวณถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ เลี้ยวขึ้นไปโป่งน้ำร้อนและเขาสอยดาว ก็เที่ยวได้ครบทั้ง 3 วัน 2 คืน ถ้าหากจะเที่ยวจันทบุรีอย่างลึกต้องแนะนำให้เดินทางไปบ่อย ๆ จะช่วยเติมเต็มเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนได้ในอนาคต

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ควบ2งานบอลคิงคัพลุ้นล้าน-ตรินิตี้ฟอรัม”

 
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้เปิดรับสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลรายการ KING POWER’S CUP 2017 : THE BEST UNDER FIFTEEN TOURNAMENT รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน  2560 ผู้ชนะมีสิทธิ์รับเงินล้านและนักกีฬาจะได้ทุนไปเรียนทักษะที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จนจบภายในเวลา 2 ปีครึ่ง

เพราะการแข่งขัน KING POWER’S CUP 2017 จัดได้ว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ มีเงินรางวัลสูงสุดสำหรับทีมชนะเลิศ 1 ล้านบาท ส่วนเยาวชนที่ร่วมแข่งขันในรายการนี้จะได้รับโอกาสคัดเลือกเป็นนักเตะเยาวชนในโครงการ FOX HUNT รับทุนการศึกษาไปเรียนทักษะฟุตบอลมืออาชีพที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ 2 ปีครึ่ง

ทีมเยาวชนของโรงเรียนต่าง ๆ ที่สนใจเข้าไปดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.kingpowers.cup หรือโทร 088-617 5678

ขณะที่ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ยังมีภารกิจใหญ่อีกรายการคือการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม “The Trinity Forum 2017 The Global Airports Commercial Revenues Conference”  ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ – รางน้ำ
เพื่อผนึกพลังคนไทยช่วยกันเปิดประตูเศรษฐกิจของประเทศไทยส่งเสริมทำให้เครือข่ายอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องการบิน ได้นำเทคโนโลยีกับเทรนด์ยุคใหม่เข้ามาพัฒนาสนามบินในเชิงพาณิชย์ให้เกิดทั้งประสิทธิภาพและมูลค่าทัดเทียมทั่วโลก

โดยมีกระแสตอบรับทั้งจากนักธุรกิจทั่วโลกร่วมกว่า 400 คน ทั้งวงการร้านค้าปลอดอากร (duty free) ผู้บริหารสนามบินนานาชาติ เจ้าของแบรนด์เนม พร้อมจะช่วยผลักดันให้ไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งในเวทีโลก ทั้งทางด้านการจำหน่ายและการสร้างรายได้เข้าประเทศ เตรียมความพร้อมก้าวขึ้นผู้นำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกในภายในทศวรรษหน้า
สำหรับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าภาพร่วมจัดการสัมมนาครั้งนี้มีมั่นใจในเวทีการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในหลายมิติต่อผู้เข้าร่วมงานและธุรกิจอุตสาหกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าอากาศยานของโลกที่จะนำไปพัฒนาการให้บริการที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

ข่าวที่ 2 “ททท.แจกทั่วไทย 312 รางวัลกินรี 27 ก.ย.นี้”

ททท.ยึดวันท่องเที่ยวโลก “27 กันยายน 2560” ลุยแจกรางวัล “กินรี” ตุ๊กตาทองอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประจำปี’60 เอกชนและองค์กรรัฐทั่วไทยแห่รับมากสุดถึง 312 รางวัล
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เลือกวันที่ 27 กันยายน 2560  ในวัน “การท่องเที่ยวโลก : World Tourism Day” จัดอย่างยิ่งใหญ่งานประกาศผลการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย(Thailand Tourism Awards) ประจำปี 2560 ครั้งที่ 11 หรือ “รางวัลกินรี” ซึ่งเป็นโครงการกิจกรรมที่ “องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ” (The United Nations World Tourism Organization) ร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมกับการดำเนินงาน ด้านการท่องเที่ยวของไทย และให้ความสำคัญกับโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโครงการที่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม มีความสำเร็จด้านการส่งเสริมการตลาดอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับปี 2560 ในการจัดประกวดทั้งหมด 5 หมวดหลัก รวมมากที่สุดถึง 312 รางวัล ประกอบด้วย

1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว 30 รางวัล

2.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว  30 รางวัล

3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว 132 รางวัล

4.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว 69 รางวัล

5.รางวัลประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 51 รางวัล

ส่วนรายละเอียดรางวัลแต่ละประเภท มีดังนี้

1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว แบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทองค์กรภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชน

2.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว แบ่งย่อยเป็น 2  ประเภท คือ รายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว แบ่งย่อยออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
ประเภทโรงแรมในเมือง (City Hotel) โรงแรมตากอากาศ (Resort Hotel) โรงแรมบูติค (Boutique Hotel) โรงแรมพูลวิลล่า (Pool Villa) โรงแรมเพื่อการประชุมสัมมนา (Convention Hotel)

4.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวแบ่งย่อยออกเป็น 5  ประเภท ได้แก่ ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งนันทนาการ เพื่อการเรียนรู้ ความบันเทิง การผจญภัย และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน

5.รางวัลประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แบ่งย่อยออกเป็น  4 ประเภท 1.เฮลธ์ แอนด์ เวลเนส เดสทิเนชั่น (Health & Wellness Destination) 2. ประเภทโรงแรม/รีสอร์ท สปา (Hotel/Resort Spa-3.ประเภทเดย์สปา (Day Spa) 4.ประเภทสปาภูมิปัญญาไทย (Thai Wisdom Spa)

ข่าวที่ 3 “บางจากชวนชิมเมนูใหม่มันม่วงลาเต้ร้านอินทนิลทั่วไทย”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ล่าสุดร้านกาแฟอินทนิล เครือบางจากที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ สาขา ได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโปรโมชั่นใหม่ให้แฟนคลับ ร้านอินทนิลของบางจาก ได้ดื่มก่อนใครในราคาพิเศษ มันม่วงลาเต้เย็น ราคา 65 บาท มันม่วงลาเต้ร้อน ราคา 45 บาท ในช่วงระหว่างวันนี้- 30 พ.ย.60

 เมนู “มันม่วงลาเต้” เป็นกาแฟที่สุดแห่งความลงตัว มีให้ชิมที่อินทนิล ทุกสาขาทั่วไทย  โดยคอกาแฟทุกคนจะได้สัมผัสความ หอม อร่่อย ที่ลงตัวด้วยส่วนผสมที่เข้ากันระหว่าง มันม่วงและนม รสชาติมันม่วงในรูปแบบเครื่องดื่มแบบที่คุณคาดไม่ถึง ทั้งหอม นุ่ม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ดูเพิ่มที่ www.bangchak.co.th

ข่าวที่ 4 “ท่องเที่ยวเปิดวิชา9หน้าศาสตร์พระราชา”

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ อันเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการน้อมนำหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อันเป็นหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เกิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ สร้างคุณูปการแก่บ้านเมืองในทุกมิติ

ททท.ตั้งเป้าต่อยอดบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน ดึง 9 คนดังร่วมสืบสานปณิธานพ่อ ด้วยการลงพื้นที่ในชุมชนต่างๆ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวีดีโอสารคดี ชุด “วิชา 9 หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำโดย กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร, ยุทธศักดิ์ สุภสร, กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, โหน่ง วงศ์ทนง, บอย โกสิยพงษ์

พร้อมลงพื้นที่จัดเวิร์คช้อปเพิ่มศักยภาพชุมชน เตรียมความพร้อมตามแผนแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนเศรษฐกิจ

และจัดทำโครงการ “วิชา 9 หน้า” โดยนำเสนอศาสตร์พระราชารูปแบบใหม่ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและคนรุ่นใหม่เข้าใจได้ง่ายขึ้น แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย

1.นิทรรศการมีชีวิต กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22-24 กันยายน 2560 ณ ลาน Work & Play ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 โดยภายในงานจะมีชุมชนมาร่วมออกบูท พร้อมสาธิตกิจกรรมต่างๆ จำนวน 9 ชุมชน อาทิ ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย ชุมชนแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงผลิตขันลงหิน

โดยจะมาจำหน่ายพร้อมสาธิตการผลิต หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร จำหน่ายผ้าย้อมคราม พร้อมสาธิตการย้อมคราม กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์


2. หนังสือ 3.การลงพื้นที่เวิร์คช็อป และ 4.วีดีโอสารคดี ชุด “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำเสนอ 9 วิชา ผ่าน 9 บุคคล ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดในแวดวงต่างๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดแต่ละ “วิชา” ที่ได้ไปสัมผัสจริงในชุมชนต่างๆ โดยมีศาสตร์พระราชาเป็นแกนหลักของแต่ละ “บท” ผ่านการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ที่แต่ละชุมชนได้น้อมนำหลักการและแนวคิดของพระองค์ มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและพัฒนาชุมชนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสนอผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เสมือน “วิชาของพ่อ” ผ่านวิดีโอสารคดี 9 เรื่อง

1.วิชาปรุงไทยในใจคน : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดย คุณกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

2.วิชาชลปราการ : เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก  โดยคุณยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

3.วิชาหมอดิน : ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ราชบุรี โดยคุณบอย โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงชื่อดัง

4.วิชาหลอกฟ้า : ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยคุณกรรณ  สวัสดิ์วัฒน์ ณ อยุธยา นักแสดงหล่อมาดเซอร์

5.วิชาธรรมชาติสามัคคี : โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดําริภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก โดยคุณวงศ์ทนง  ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day และ The Standard

6.วิชาตำนานพันธุ์ : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร  โดยคุณวิศุทธิ์  พรนิมิตร นักวาดภาพประกอบ เจ้าของลายเส้น น้องมะม่วง, ควันใต้หมวก, hesheit

7.วิชารักแรงโน้มถ่วง : โครงการแก้มลิงในพระราชดำริทุ่งทะเลหลวง จ.สุโขทัย  โดยคุณสุชาณัฐ  ชิดไทย บล็อกเกอร์สุดครีเอทีฟเจ้าของเพจ “คนตัวจิ๋ว”

8.วิชาปลูกรักษ์ : สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ จ.เชียงใหม่  โดยน้องชื่นใจ และคุณแม่-คุณพนิดา เอี่ยมศิรินพกุล อดีตบรรณาธิการและนักเขียน สำนักพิมพ์ polka dots และลูกสาวไอดอลวัยจิ๋วขวัญใจชาวเน็ต

9.วิชานิเวศปฐมวัย : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี โดยคุณชุดารี เทพาคำ เชฟตาม Top Chef Thailand คนแรกของประเทศไทย

ช่วงที่ 2 สวรรค์บนดินมีอยู่จริงที่ “บ้านสวนป่า” ดอยตุง แม่ฟ้าหลวง เชียงราย

@สัมผัสสวรรค์บนดินที่บ้านสวนป่าดอยตุง


ทุก ๆ การเดินทางคือกำไรชีวิต ยิ่งได้มีโอกาสไปเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงของชุมชนชาวเขาเผ่าอาข่า ณ บ้านสวนป่า เชิงดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดิน ซึ่งมีทั้งโฮมสเตย์ฟาร์ม ศูนย์การเรียนรู้ รายล้อมอยู่รอบ ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ

นับเป็นความสุขของการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรผืนป่าและขุนเขา ในหมู่บ้านแห่งนี้มีน้ำตกไหลเย็นถึง 3 แห่งด้วยกัน จึงเหมาะกับการไปเดินชมเส้นทาง “ศึกษาธรรมชาติ” ระหว่างทางจะมีสวนสมุนไพร สวนเกษตร พร้อมทั้งจะได้เห็นชาวอาข่าที่พากันออกมาเพาะปลูก เก็บพืชผัก ผลผลิตการเกษตรอย่างใกล้ชิด

การท่องเที่ยวรอบหมู่บ้านสวนป่า ไม่ไกลกันนักจะมี “สีพันไร่” เพาะปลูกชาปลอดสารเคมีหรือออร์แกนิกขึ้นชื่อ คอยต้อนรับและพร้อมถ่ายทอดความรู้ถึงขั้นตอนการผลิตชา และจำหน่ายชาสำเร็จรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าขึ้นดอยไปชมความยิ่งใหญ่งดงามของ “สวนแม่ฟ้าหลวง” หรือ “ดอยตุง” ถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 16 ปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2534 โดยเนรมิตสวนไม้เมืองหนาวปลูกอยู่ในพื้นที่ราว 25 ไร่ สีสันสดใสสวยงาม ใกล้ ๆ กันมี “พระตำหนักดอยตุง” ของสมเด็จย่า ซึ่งสร้างด้วยทรัพย์สินส่วนพระองค์ ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานให้มีความเรียบง่ายทั้งการอยู่อาศัย และพักผ่อน ในแบบพื้นเมืองล้านนาท่ามกลางบรรยากาศเนินเขาคล้ายสวิตเซอร์แลนด์ มองจากพระตำหนักลงมาจะเห็นทิวทัศน์ด้านล่างของดอยตุงสวยสะดุดตา

โดยเฉพาะ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง” หรือ “สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ” ตั้งอยู่ตามแนวดอยช้างมูบ เหนือพระธาตุดอยตุงขึ้นไป อันเป็นเส้นทางดอกไม้พันธุ์หายากและพันธุ์พื้นเมือง อย่าง ดอกนางพญาเสือโคร่ง รองเท้านารี กุหลาบพันปี กล้วยไม้พื้นเมือง

ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทกปี จะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขา

ก่อนจะเดินทางกลับต้องแวะสักการะ “พระธาตุดอยตง” อันเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนปีกุน หากได้กราบไหว้จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

@คนไทยต้องลดกินเกลือเสี่ยงโรคสูง

แพทย์หญิงจุฑาธิป ลิ้มคุณากูล อาจารย์สาขาวิชาอายุรกรรม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แนะนำเรื่อง การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยทุกวันนี้มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล  บริโภคอาหารที่มีรสชาติหวานจัด มันและเค็มจัดมากเกินไป ขาดการออกกำลังกายจนส่งผลเสียต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ทั้งความดันโลหิต โรคไต โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ล้วนมีสาเหตุมาจากบริโภคที่ไม่ถูกต้อง  โดยเฉพาะการกินอาหารรสเค็มจัด คือ อาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง โดยเฉพาะจากเครื่องปรุงรสเค็ม ได้แก่ น้ำปลา ซีอิ้วขาว เกลือ กะปิ และซอสหอยนางรม  โดยมีการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคเกลือและโซเดียมสูงเกินที่แนะนำ 2 เท่า หรือเกลือ 10.8 กรัม หรือโซเดียม 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน

ดังนั้นจึงแนะนำให้กินโซเดียมตามปกติในปริมาณที่ควรได้รับวันละ 2,000 – 2,300 มิลลิกรัม ซึ่งในแต่ละวันเรารับประทานอาหารหลักจากธรรมชาติจะมีโซเดียมอยู่แล้ววันละ 350 – 450 มิลลิกรัม โดยสามารถเติมเครื่องปรุงรสชนิดต่างๆ ได้อีกประมาณ 1,650 – 2,000 มิลลิกรัม หรือคิดเป็นเกลือป่น 1 ช้อนชาต่อวัน  หรือ ซีอิ้วขาว 3 – 4 ช้อนชาต่อวัน

หากซื้ออาหารปรุงสำเร็จรับประทานก็ควรหลีกเลี่ยงการเติมเพิ่มทั้งพริกน้ำปลาหรือซอสปรุงรสต่างๆ  ลดบริโภคอาหารรสเค็มลงครึ่งหนึ่ง จะป้องกันการเกิดโรคเรื้องรังต่างๆ และสร้างสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

ฟังข่าวท้ายช่วโมง

ข่าวแรก “กสอ.เทแผน-งบปี’61ดันท่องเที่ยวชุมชนรุ่ง”

นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ในการผลักดัน SMEs แต่ละท้องถิ่นให้มีแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลต่อเนื่องเชิงเศรษฐกิจไปถึงการท่องเที่ยวเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ทั้งกลุ่มธุรกิจโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม การขนส่งทางบก  ทางอากาศ กีฬา และสินค้าชุมชน มีนักท่องเที่ยวไทยสูงถึงปีละ 47 ล้านคนครั้ง

ในปีงบประมาณ 2561 ทางกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเชิญชวนธนาคาร SME Development Bank เดินหน้ามาตรการด้านสินเชื่อเพื่อ SMEs แก่ผู้ประกอบธุรกิจเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยววงเงินรวม 7,500 ล้านบาท รวมทั้งมีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี  ตามแนวประชารัฐเสริมอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ SMEs ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ และเกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร

หลังจากตลอดปี 2560 กสอ.ใส่เกียร์เดินหน้าขยายผลหนุนเพิ่มกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวด้วยการเข้าร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ โดยผนวกจุดขายต่อยอดในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและการแพทย์ นำระบบดิจิทัลมาบริการนักท่องเที่ยวเพื่อทำให้ภาคการผลิตและภาคบริการ

นายพสุย้ำว่าตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และกรมการพัฒนาชุมชน ระบุปี 2559 ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว แบ่งเป็น ธุรกิจโรงแรม 580,000 ล้านบาท อาหารและเครื่องดื่ม 448,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมและธุรกิจการขนส่งโดยสารทางบก 136,000 ล้านบาท ธุรกิจการขนส่งโดยสารทางอากาศ  122,000 ล้านบาท ธุรกิจบริการด้าน/นันทนาการ และกีฬา 100,000 ล้านบาท สินค้าชุมชนและโอทอป 80,400 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 4,230,000 คน

ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานไตรมาสที่ 1 – 2 ปี 2560 สถานการณ์ท่องเที่ยวสร้างรายได้จากต่างชาติ มีมูลค่ากว่า 1.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทำไว้ 1.76 ล้านล้าน

ข่าวที่สอง “โรงแรมอัมราชูฮิปเตอร์ไนต์บูมสุรวงศ์แฮงเอาท์”

วีรนาท ศิลานนท์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ แบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ ระดับตลาดบนจากสิงคโปร์ นำเสนอปาร์ตี้ที่จะทำให้ย่านสุรวงศ์กลายเป็นศูนย์กลางแฮงเอาท์ โดยได้จัดกลยุทธ์ในธีม ‘Hipster Night’ ที่ “ห้องอาหารเอเลเมนท์”  ชั้น B1 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ทุกคืนวันศุกร์ จัดเต็มอาหารกินเล่นและปาร์ตี้ฟู้ดหลายเมนูราคาย่อมเยา พร้อมโปรโมชั่นเครื่องดื่ม ในช่วงเวลาซื้อเครื่องดื่มตามรายการที่กำหนดแบบ 1 แถม 1 ที่มี 2 ช่วง 18.30 น. – 20.30 น. และ 22.00 น. – 23.00 น. เบียร์บุฟเฟต์ในราคาสุทธิเพียงคนละ 399 บาท

ไปพร้อม ๆ ฟังดนตรีสดจากศิลปินเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ อาทิ คุณปิงปอง จาฏุพจน์ ศิลปาภิชน และคุณไตเติ้ล สุทธิชาติ แสนอาจ เพื่อให้ห้องอาหารเอเลเมนท์เปิดบริการตลอดทั้งวัน มีที่นั่งด้านในและด้านนอกแบบอัลเฟรสโก

สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการแอพพลิเคชั่น Line@ ยังสามารถขอเพลงผ่านแอพและได้รับอาหารจานพิเศษสำหรับคืนนั้นอีกด้วย

สอบถามโทร 02 0218888 ต่อ 5320 อีเมล fnb.bangkok@amarahotels.com หรือwww.bangkok.amarahotels.com

ข่าวที่สาม “ภูเก็ตนำร่องปั่นเปลี่ยนเมืองสู่สมาร์ตซิตี้”

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เทศมนตรีนครภูเก็ต บริษัท OBike และ Country Manager OFO Thailand  จัดทำโครงการปั่นเปลี่ยนเมือง Bike sharing in phuket ซึ่งเป็นความร่วมมือของ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด บริษัท OBike และ  OFO Thailand    ซึ่งภูเก็ตจะเนจังหวัดแรกของไทยนำจักรยานอัจฉริยะมาให้บริการตามพื้นที่สาธารณะ รวมพลังช่วยกันลดการจราจรที่คับคั่งและเป็นมิตรกับสิ่ งแวดล้อม เป็นการให้บริการเพื่อส่งเสริ มความเป็น smart city ตามแนวทาง Thailand  4.0  ซึ่งขณะนี้มีจักรยานอัจฉริ ยะในเฟสแรกรองรับอยู่แล้วกว่า 1,000 คัน


จักรยานอัจฉริยะจะเป็นบริการมีนวัตกรรมเรียกว่า smart lock เพิ่มความสะดวกและคล่องตัวในการใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ขณะนี้มีจุดจอดจักรยาน หลายแห่งอาทิ ศูนย์การค้าไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิ ทยาเขตภูเก็ตโรงแรมภูเก็ตเมอร์ ลินโรงแรมเพิร์ลภูเก็ต ร้านหนังสือเส้งโห

สอบถามรายละเอียดการใช้งาน หรือบริการจุดจอดจักรยานติดต่อ Obike โทร. 096-583-2659 Ofo โทร.097-242-4089

ข่าวที่สี่ “คาเฟ่แคนทารีแจกแต้มแลกพักโรงแรมฟรีทั่วไทย”
คาเฟ่ แคนทารี ชวนร่วมซื้ออาหารใน คาเฟ่ แคนทารี ทุกสาขา รับไปเลยแต้มสะสมยอดซื้อจากการรับประทานอาหาร ขนม เบเกอรี่ ไอศกรีม กาแฟสด เพื่อแลกเป็นห้องพักฟรีโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์  ทั่วประเทศ

เพียงแค่เลือกสั่งเมนูเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือเมนูแสนอร่อยอื่นๆ สินค้าที่ระลึก ตามคาเฟ่ แคนทารี ทั่วไทย ก็ได้ลุ้นสิทธิ์พักฟรีสอบถามเพิ่มที่ Call Centre: 1627

ติดตามรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น.


นกแอร์ปรับโคร้างใหม่ฟื้นฟูถึงปี63-การบินรับดรีมไลนเนอร์ลำแรก-ไทยสไมล์บินเกาสง/หลวงพระบาง-แอร์เอเชียบินเชตีสามครึ่งตั๋ว390บาท

สถานการณ์ของอุตสาหกรรมการบินในเมืองไทยช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2560 ร้อนแรงขึ้นทั้ง 4สายการบิน โดยเฉพาะ "นกแอร์" ประกาศผ่าตัดธุรกิจ ครั้งใหญ่ ทั้งเพิ่มทุน จัดสรรหุ้นใหม่ ลดค่าใช้จ่ายหันเพิ่มรายได้จากธุรกิจเช่าเหมาลำ

ส่วน "การบินไทย" ติดหรูกับการเป็นปลื้มเครื่องบินใหม่ โบอิ้งดรีมไลเนอร์ 787-9 ที่จะนำมาให้คนไทยได้นั่งก่อนในเส้นทาง เชียงใหม่ และ ภูเก็ต

ทางด้าน "ไทยสไมล์" สายเลือดทีจีก็ชิมลางบินไปเกาสง ไต้หวัน กับ หลวงพระบาง สปป.ลาว เริ่ม 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

"แร์ เอเชีย" เป็นกลุ่มธุรกิจที่ชีลสุด ๆ เพราะมีกลยุทธ์ที่เหนือความคาดหมายมานำเสนออยู่เสมอ ตอนนี้หันมาเอาใจผู้โดยสารเด็ก 2-12 ขวบ เพราะมีลูกค้ากลุ่มนี้วันละกว่า 6,000 คน หรือการชิมลางบินเช้าตรู่ตั้งแต่ตีสามครึ่งไปภูเก็ต ด้วยตั๋วราคาแค่ 390 บาท

"นกแอร์ลั่นผ่าตัดใหญ่ธุรกิจทั้งเพิ่มทุนจัดทัพหุ้นฟื้นให้ได้ใน3ปี"

นายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนกแอร์ มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจโดยอนุมัติให้เดินหน้าทั้ง  2 ส่วน คือเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ควบคู่กันไป ตั้งเป้าหมายระดมทุนครั้งใหม่ได้ถึง 1,700 ล้านบาท เพื่อเร่งทำตามแผนฟื้นฟูระยะ 3 ปี (2560-2562) ตามสูตรลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง


โดยนกแอร์วางกลยุทธ์เดินหน้า ส่วนที่ 1 แผนเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ ครั้งที่ 2 จำนวน 1,207 ล้านบาท จากเดิม 1,292 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,499 ล้านบาท ส่วนที่ 2จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,135 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ด้วยราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท จำกัดไว้ไม่เกิน 71 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 จะเปิดให้จองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. 2560

ส่วนการลดค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ปี 2560-ต้นปี 2561เตรียมปลดระวางเครื่องบินเก่า 7 ลำ คือ ATR72-500 จำนวน 2 ลำ โบอิ้ง 737-800 จำนวน 5 ลำ โดยมีฝูงบินรวม 24 ลำ จากนั้นระหว่างปี 2562-64 ก็รับมอบเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 737 MAX  8 ลำ ตามแผนปี 2562 รับ 2 ลำ ปี 2564 รับ 2 ลำ ส่วนปี 2561 จะปรับเพิ่มชั่วโมงการใช้งานเครื่องบินให้เพิ่มความคุ้มค่าการใช้งานเป็นลำละ 10-11 ชั่วโมง/วัน จากปัจจุบันลำละ 8 ชั่วโมง/วัน

ขณะเดียวกันก็ยังจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ตั้งแต่ 30 กันยายนนี้ เป็นต้นไป หันไปจะบริการเช่าเหมาลำจากสนามบินอู่ตะเภาไปยังจีน 5 เมืองหลักได้แก่ อินชวน หลินยี นานชาง ไห่โข่ง และฉางชา สัปดาห์ละรวม 12 เที่ยว

สำหรับผู้ถือหุ้นนกแอร์ ที่จะได้รับสิทธิ์เพิ่มทุนจดทะเบียน ประกอบด้วย การบินไทย จะใช้เงินเพิ่มทุนประมาณ 380 ล้านบาท และกลุ่มครอบครัว “จุฬางกูร” ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนมากเป็นอันดับหนึ่ง

ทั้งนี้ในวันที่ 27 กันยายน 2560 นี้ การบินไทยจะนำทีมนัดประชุมพิเศษ เพื่อวางทำแผนฟื้นฟูเพิ่มประสิทธิภาพนกแอร์หลังประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะพิจารณาเรื่องสำคัญ 3 ส่วน 1.จัดตั้งคณะกรรมการบริหารชุดพิเศษ (Execlutive Management Committee) 2.การใช้ทรัพยากรทางร่วมกันระหว่างนกแอร์กับการบินไทยในการให้บริการ 3.จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ามาเสริมความเข้มแข็งในระยะยาว



ข่าวที่สอง บินไทยเห่อฝูงบินดรีมไลเนอร์บินเชียงใหม่/ภูเก็ต

ขณะที่ นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  หลังรับมอบเครื่องรุ่นใหม่ลำแรกโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ จะนำมานำร่องบริการบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวในประเทศยอดนิยม 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เริ่มวันที่23 ก.ย.-15 ต.ค. 2560 และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ระหว่าง 16 ต.ค.-15 พ.ย. 2560 ก่อนจะนำไปบิน กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ จากนั้นเมื่อรับเครื่องครบ2 ลำ ก็จะขยายไปบิน กรุงเทพฯ-โอ๊กแลนด์ (นิวซีแลนด์) วันละ 1 เที่ยวตั้งแต่ 16 พ.ย.เป็นต้นไป

นางอุษณีย์ กล่าวว่าแนวโน้มรายได้ของการบินไทยโดยรวมในปี 2560 จะทำให้ถึงเป้าหมาย 1.9 แสนล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายตั๋วโดยสารให้ได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท


ข่าวที่สาม “ไทยสไมล์ชิมลางบินเกาสง/หลวงพระบาง”

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ กล่าวว่า ไทยสไมล์ได้ร่วมกันกับการบินไทย ประกาศเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-เกาสง เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกของ สปป.ลาว ซึ่งจะเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

โดยไทยสไมล์ กำหนดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง แบบประจำทุกวันด้วยบริการเต็มรูปแบบด้วยราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/เที่ยว รวมทุกอย่างแล้ว เมื่อซื้อตั๋วระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 จากนั้นนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560

ข่าวที่สี่ “แอร์เอเชียงัดกลยุทธ์โกยลูกค้าวัย2-12 ขวบ”


Mr. Siegtraund Teh  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ แอร์ เอเชีย กรุ๊ป เปิดเผยว่า ลูกเล่นใหม่ที่จะนำมาใช้กระตุ้นกลุ่มผู้โดยสารรุ่นใหม่ จึงได้จัดทำ Treats Youn Flyers to Free Inflight Meals หรือบริการอาหารฟรีให้แก่เด็กอายุระหว่าง 2-12 ปี ภายในวันที่ 28 กันยายน 2560 นี้ โดยได้รับการสนับสนุนอาหารฟรีจากร้านดัง Lil’ Star Combo  เพราะสถิติแต่ละวัน แอร์ เอเชีย กรุ๊ปให้บริการผู้โดยสารเด็ก ๆ วันละกว่า 6,000 คน

ส่วนผู้โดยสารทั่วไปที่จองเมนูอาหารล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่องในแต่ละเที่ยวบินจากร้านอาหารดังกล่าวก็จ่ายค่าบริการจองเพียงครั้งละ 10 ริงกิตเท่านั้น

สำหรับร้าน Lil’ Star Combo พันธมิตรใหม่ของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป มีเมนูซิกเนเจอร์นำเสนอทั้งพิซซ่าไก่ขนาดมินิ พร้อมสแน็กบ็อก ที่การันตีคุณภาพ และในเส้นทางบินสู่อินเดียก็ยังมีเมนูมังสะวิรัตไว้บริการเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย

ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์ฯขาย390บาทไฟลต์เช้าตีสามครึ่งไปภูเก็ต”

ทางด้าน นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป เตรียมนำร่องเพิ่มบริการบินในประเทศช่วงเช้าตรู่ 2 เส้นทาง ไป-กลับ ดอนเมือง-เชียงใหม่ ออกจากดอนเมือง  เวลา 05.10 น.  จากวันละ 12 เป็น 13 เที่ยว และดอนเมือง-ภูเก็ต ออกจากดอนเมือง เวลา 03.35 น.จากวันละ 17 เป็น 18 เที่ยว ซึ่งจะใช้ราคาตั๋วโดยสารเป็นแม่เหล็กดึงดูด ผู้ใช้บริการ เริ่มต้นเพียง 390 บาท เปิดให้ผู้โดยสารเข้าไปจองซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และในอนาคตจะขยายความถี่บินเช้าเส้นทางอื่นๆ ด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com


วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

ICAO กพท.เร่งการบินของไทยปลอดธงแดง-แหลมผักเบี้ยต้นแบบบำยัดน้ำเสีย

ไทยเร่งนำประเทศเป็นเขตปลอดธงแดงICAO
ผู้นำกพท.ลั่นดันอุตฯการบินสู่ยุคดิจิตอลปี’61
คิงเพาเวอร์บูมอาหารไทยในสุวรรณภูมิถึง28กย.
ททท.ผนึกเอกชนบุกTEJหวังโกยเงินญี่ปุ่น7หมื่นล.
ท้าข้ามภาคทัวร์งานกาแฟเชียงรายฟัน58ล้าน
TCEBบูมก้าวตามรอยพ่อ3พอ-THAILAND CONNECT
แหลมผักเบี้ยโครงการต้นแบบปกป้องสิ่งแวดล้อม
นกแอร์ผ่าตัดใหญ่เพิ่มทุน-หุ้นใหม่ลุยฟื้นฟู3ปี
บินไทยเห่อดรีมไลเนอร์จัดบินเชียงใหม่/ภูเก็ต
แอร์เอเชียงัดทีเด็ดมัดใจผู้โดยสารวัย2-12 ขวบ
ไทยแอร์นำร่องบินเช้าภูเก็ตตีสามครึ่งตั๋ว390บาท

สวัสดีวันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางรายการ ถึงอนาคตของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยถึงเวลาก้าวเข้าสู่ยุคปลอดธงแดงจาก “องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ : International Civil Aviation Organization : ICAO” ที่ถูกชี้ให้แก้ไขถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย :Signaificant Safety Concern :SSC” ภายในเวลาที่กำหนด เพื่อเดินหน้าต่อในการพัฒนการบินของไทยเป็นดิจิตอลอย่างเข้มข้นทัดเทียมมาตรฐานโลก

จุฬา สุขมานพ
ผู้อำนวยการ กพท.


นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่าระหว่างวันนี้-27 กันยายน 2560 ทางองค์กรการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ได้เข้ามาตรวจเรื่องที่ไทยได้รับการเตือนและให้เร่งปรับปรุงแก้ไขเรื่องข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญทางการบิน รวม 33 ข้อ ไทยได้ดำเนินการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงทำหนังสือส่งถึง ICAO ให้มาตรวจอีกครั้ง

ไฮไลต์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นมา ทาง กพท.ได้เสนอให้ใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่งให้สายการบินพาณิชย์ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 12 สายการบิน ต้องหยุดให้บริการบินไป-กลับ ระหว่างประเทศ จนกว่าจะผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐาน เนื่องจากได้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปรับปรุงตามขั้นตอนของ ICAO แล้ว แต่ยังไม่ได้รับ “ใบรับรองการเดินทางอากาศใหม่- Re-AOC”

ผลที่จะเกิดกับทั้งสายการบินที่ต้องหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราวที่ยังไม่ผ่านใบรับรองการเดินอากาศใหม่นั้น จากที่เข้าสู่กระบวนการทั้งหมด 21 สายการบิน แล้วผ่านครบเกณฑ์ 9 สายการบิน แต่การหยุดบินระหว่างประเทศชั่วคราวไม่ได้หมายความว่าสายการบินเหล่านี้จะไม่มีมาตรฐาน เพียงแต่ยังตรวจไม่แล้วเสร็จ และใน 12 สายการบินดังกล่าว แม้จะหยุดบินชั่วคราว ก็มีผลกระทบต่อทั้งผู้โดยสารและบริการการบินน้อยมาก เพราะคิดเป็นเพียง 2 % เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่บินแบบเช่าเหมาลำ และเกือบครึ่งก็เป็นสายการบินขนาดเล็กมีลำละ 6-12 ที่นั่ง ในขณะที่สถานการณ์สายการบินอื่น ๆ ยังคงบริการตามปกติได้ถึง 98 %

ส่วนผู้โดยสารโดยรวมถึงแม้ทั้ง 12 สายการบินจะหยุดชั่วคราว ก็ไม่กระทบ เนื่องจากยังคงให้บริการเส้นทางในประเทศได้ และยังวางแผนให้บริหารจัดการรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

นายจุฬากล่าวว่า ผลจากการสั่งหยุดบินชั่วคราวนั้น กระทบต่ออุตสาหกรรมการบินภาพรวมของไทยไม่มากนัก ตามกรอบแนวทางการตรวจเพื่อออกใบรับรองการเดินอากาศใหม่ ช่วงเดือนตุลาคมนี้จะออกได้เพิ่มอีก 5 สายการบิน และยังคงค้างอยู่เพียง 7 สายการบิน ซึ่งจะเร่งทำให้เสร็จภายในเดือนมกราคม 2561

สำหรับวันที่ 27 กันยายน 2560 ทีม ICAO จะเป็นวันสุดท้ายในการเดินทางเข้ามาตรวจมาตรฐานของการกำกับดูแลสายการบินเพื่อยืนยันอีกครั้ง ตามกติกาของ ICAO เมื่อตรวจเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาจัดทำรายงานสรุปทั้งหมด ใช้เวลาราว 30 วัน ทำรายงานส่งสำนักงานใหญ่ ICAO เมืองมอนทริโอ แคนาดา ซึ่งจะยึดข้อมูล ณ วันที่ 27 กันยายน 2560

จากนั้นทาง ICAO จะดำเนินการประกาศผลถึงสมาชิกโดยตรงภายใน 30 วัน ประมาณ 27 ตุลาคม 2560 ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องติดตามการนำข้อมูลของ ICAO ประกาศให้ทั่วโลกรับรู้

บทเรียนจากการที่ไทยถูกปักธงแดงและจัดระเบียบมาตรฐานใหม่ตามสากลโลก เริ่มจากช่วงที่ ICAO ประกาศติดธงแดงการบินของประเทศไทย เมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจาก “ขั้นตอนการออกใบอนุญาตใบรับรองการเดินอากาศ –AOC” ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานเกณฑ์ความปลอดภัยของ ICAO เพราะมีสายการบินของไทยถูกสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้สายการบินเหล่านี้สามารถเพิ่มจุดบิน เส้นทางบิน หรือความถี่เที่ยวบิน ใหม่ ๆ ตามความต้องการของตลาดโลก ต้องรอจนกว่าจะปรับปรุงทั้งระบบให้เข้าตามเกณฑ์สากลของ ICAO


จากคำถามที่ แนวโน้มแล้วจะมีสายการบินของไทยไม่ผ่านเกณฑ์สากล หรือไม่ นายจุฬาย้ำว่ายังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เนื่องจากเมื่อพบข้อบกพร่องของสายการบินก็จะแก้ไขให้เข้าเกณฑ์จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาการตัดสินภายใน 30 วัน แต่ถ้ามีบางสายการบินยังปรับปรุงไม่ครบก็ต้องถอดใบอนุญาตออกไป หากจะกลับมาเปิดบริการใหม่ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่

ภารกิจของ กพท.มีหน้าที่ดูแลด้านการกำกับดูแลมาตรฐานการบินและออกใบอนุญาตให้เกิดความปลอดภัยตามหลักสากล ส่วนการสนับสนุนสายการบินหรือสนามบินทั่วประเทศ ยังไม่ใช่ภารกิจโดยตรง

ส่วนการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของ กพท.ในอนาคตอันใกล้นี้จะเน้นการให้บริการประชาชน โดยพัฒนาระบบ “ขอใบอนุญาตผ่านอินเตอร์เน็ต” คล้ายกับการยื่นภาษีของประชาชน เพื่อให้กระบวนการเร็วขึ้น อยู่ในขั้นตอนของการจัดทำแพลตฟอร์มระบบดิจิตอล

ช่องทางใหม่จะนำร่องผ่านทางอินเตอร์เน็ต ออนไลน์ มาใช้ให้บริการประชาชน ซึ่งต้องทดสอบระบบหลายขั้นตอน อย่างเช่นการยื่นขอ “ใบอนุญาตนักบิน” ซึ่งโครงการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นครั้งแรกนั้นจะยังไม่ได้ใช้ “งบประมาณ” มากนัก เนื่องจากหน่วยงานนี้ต้องใช้เงินขององค์กรไม่ได้ขอจากภาครัฐ จึงต้องใช้วิธีรอประเมินผลเฟสแรกที่กำลังเริ่มในปี 2561 ต่อเมื่อมีความต้องการเพิ่มสูงจึงจะขอขยายวงเงินลงทุนในอนาคตต่อไป

สำหรับ 12 สายการบิน ได้แก่ 1.เอ็มเจ็ท 2.เอซี เอวิเอชั่น 3.วีไอพี เจ็ทส์ 4.เอช เอส เอวิเอชั่น 5.แอดวานซ์ เอวิเอชั่น  6.สกาย วิว แอร์เวย์

7.เค-มายล์ แอร์ 8. โอเรียนท์ไทย 9.ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค 10. สยาม แลนด์ฟลายอิ้ง เอเชีย 11.เจ็ท เอเชีย แอร์เวย์  12. แอทแลนติก แอร์ไลน์

ภายในเดือนตุลาคม 2560 ทาง กพท.มีแนวโน้มจะออกใบรับรองเดินอากาศใหม่ Re-AOC ได้อีก 4 สายการบิน ได้แก่ เค-มายล์  โอเรียนท์ไทย ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จอยท์ สต็อค และ สยาม แลนด์ฟลายอิ้ง เอเชีย

จากนั้นเดือนพฤศจิกายน 2560 จะมีอีก 1 สายการบิน คือ เอเชีย แอทแลนติก แอร์ไลน์ ส่วนที่เหลือ กพท.จะทยอยตรวจแก้ไขให้ครบได้ภายใน 31 มกราคม 2561

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์นำสุวรรณภูมิจัดเต็มมหกรรมอาหารไทย”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ได้สนับสนุนการจัดมหกรรม Amazing Thai Taste @Suvarnabhumi Airport ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 28 กันยายน 2560 เพื่อรวมพลังกันขยายแนวรุกอาหารไทย ทั้งอาหารถิ่น สตรีทฟู้ด อาหารสไตล์ผสมผสานระหว่างไทยกับนานาชาติ และอาหารไทยแนวใหม่ที่มีนวัตกรรม โดยเลือกจัดขึ้นภายในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว นักเดินทาง ผ่านเข้าออกเฉลี่ยเดือนละเกือบ 5 ล้านคน

“ไฮไลต์” ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสของจริงในงาน Amazing Thai Taste @Suvarnabhumi Airport  อย่างแรก พบกับเชฟชื่อดังมาสาธิตการทำอาหารไทยให้ชิมฟรี ร่วมสนุกฝึกการทำขนมไทย ตื่นตากับนิทรรศการอาหารไทยและให้สิทธิ์เฉพาะคนไทยได้ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 2 ที่นั่ง

“สิ่งที่ห้ามพลาด-Don’t Miss” คือการเผื่อเวลาเดินทางไว้ช้อปปิ้งและร้านอาหาร ตามกติร้านค้าต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เริ่มจาก “หมวดช้อปปิ้ง” รับฟรีกระเป๋า King Power’s Journey Memento Bag มูลค่า 580 บาท 1 ใบ เมื่อซื้อสินค้าหมวดอาหารแห้ง ( PACKAGED FOOD) 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

“หมวดร้านอาหาร” ฟรี คูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อรับประทานอาหารตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ ฟรี ผลไม้หรือเครื่องดื่ม 1 รายการ เมื่อสั่งเมนูที่ร้านค้าจัดเตรียมไว้ ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการ
สอบถามที่ 1631 หรือดูเพิ่มเติมที่ www.kingpower.com

ข่าวที่ 2 “ททท.นำเอกชนรุกTEJหวังโกยเงินญี่ปุ่น7หมื่นล้าน”

รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่านายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้นำทีมผู้ประกอบการไทยจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน Tourism Expo Japan 2017 (TEJ -เดิมชื่อ JATA Tourism Expo) งานการค้ารายการใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2560  ซึ่งมีตัวแทนผู้ซื้อและผู้ขายการท่องเที่ยวลงทุนมาเปิดบูธนำเสนอและเจรจากันจากทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ จำนวน 2,130 บูธ แบ่งเป็นผู้ขาย 678 รายและผู้ซื้อ 313 ราย ซึ่งทางผู้จัดของญี่ปุ่นตั้งเป้าตลอดงานจะมีการเจรจาการค้าระหว่างกันได้ถึง 50,000 ราย และได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเข้าร่วมกว่า 136,000 คน

ตามเป้าหมายปี 2560 ททท. คาดการณ์นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นจะเดินทางมาไทยสูงถึง 1.5 ล้านคน สร้างรายได้ราว 65,000 ล้านบาท เพิ่มมากกว่าปีที่มาทำไว้ 1.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นได้อีก 5%  ส่วนปี 2561 มีแนวโน้มจะดึงรายได้เพิ่มให้ถึง 70,000 ล้านบาท

สถิติช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2560 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยรวมทั้งสิ้น 890,317 คน เพิ่มขึ้น 6.07%

  นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ภายในงาน ททท.ได้จัดแคมเปญ "Meet the NEW Thailand" มุ่งเน้นเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในตลาดญี่ปุ่นให้เป็นจุดหมายปลายทางรองรับนักเดินทางเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มผู้หญิงวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น "Nogizaka 46"  ทาง ททท.จะขยายกิจกรรมและจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองต้องห้ามพลาด พลัส

สำหรับเอกชนไทยที่เปิดบูธอยู่ในพาวิลเลี่ยนไทยงาน TEJ 2017 อาทิ Asiatique the Riverfront บลูเอเลเฟ่น คุ้กกิ้ง Urbana Hospitality โรงแรมรามาดา พลาซ่า แม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ป่าตอง ASHLEE ภูเก็ต โรงแรมดวงตะวัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โรงแรม กอล์ฟคลับแอนด์รีสอร์ท และอื่น ๆ

ข่าวที่ 3 “BPCGเครือบางจากทำหุ้นนิวไฮอนาคตธุรกิจสดใส”

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาสนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครบรอบ 1 ปี ไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2560 ผลปรากฏว่า หุ้นบีซีพีจีทำนิวไฮด้วยการขึ้นไปปิดที่ 16.80 บาท บวก 70 สตางค์ ด้วยวอลลุ่มซื้อขายภายในวันเดียวกว่า 50 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ทะลุนิวไฮเดิมที่ 16.30 บาทไปอีก 50 สตางค์

ราคาซื้อขายดังกล่าวทะยานสูงขึ้นอย่างเห็นได้ความแตกต่างอย่างชัดเจน หลังจากนำบริษัทฯ เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 ด้วยราคาไอพีโอ 10 บาท เท่านั้นเอง

ข่าวที่ 4 “หวังท้าเที่ยวงานกาแฟเชียงราย2วันโกย58ล้านบาท”


นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ระหว่าง 23-24 กันยายน นี้ ได้ร่วมกับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดงานโครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาค” กระตุ้นคนไทยเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคมากขึ้น ด้วยแคมเปญ “Best of Coffee and Tea @ Chiangrai” เป็นกลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยววิถีไทย กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ชุมชน พุ่งเป้าขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบดื่มชา กาแฟ ชอบวิถี Café Culture รักการถ่ายภาพ และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟที่มาร่วมแลกเปลี่ยนธุรกิจกัน ตลอดงานตั้งเป้าจะทำเงินมีเงินสะพัดกว่า58 ล้านบาท

ตลอดงานได้แบ่งพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วม 4 โซน ได้แก่

1.โซนนิทรรศการ กาแฟของพ่อ รวบรวมเรื่องเส้นทางท่องเที่ยว ไร่ชา พร้อมนำเสนอเรื่องที่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้นำกาแฟต้นแรกมาให้ชาวเขาปลูกแทนการปลูกฝิ่นจนกระทั่งเปลี่ยนจากฝิ่นกลายเป็นเมืองกาแฟในปัจจุบัน

2.โซนชากาแฟ CAFÉ & CAMP พบกับ 20 สุดยอดร้านชากาแฟทั่วภาคเหนือ ที่มาบริการและจำหน่ายชากาแฟสูตรต่างๆ ให้ได้ลิ้มลองตลอดงาน การจัด Workshop Coffee กิจกรรมให้ความรู้เรื่องการทำกาแฟสูตรต่างๆ จากทีมงาน อินทนินทร์ คอฟฟี่ และ Coffee Clinic กิจกรรมการให้ความรู้ คำแนะนำเรื่องแหล่งวัตถุดิบ ทั้งเมล็ดกาแฟ เครื่องชง และวิธีการชง

3.โซน FOOD MARKET & STREET ARTจะรวบรวมอาหารถิ่นภาคเหนือที่หารับประทานได้ยาก จากร้านอาหารท้องถิ่นเก่าแก่ต่างๆ อาทิ ขนมจีนน้ำเงี้ยว จากร้านน้ำเงี้ยวป้าสุข โรตีร้านป้าใหญ่ ร้านลูกชิ้นสดท่าแพ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้เหล่าศิลปิน นักศึกษา ที่มาร่วมวาดภาพและจำหน่ายสินค้างานศิลปะ และดนตรีเปิดหมวก


4.โซน MUSIC IN THE GARDENพบกับกิจกรรมดนตรีในสวนจากศิลปินชั้นนำของเมืองไทยมากมาย อาทิ “ป๊อด ธนชัย อุชชิน” ศิลปินวงนกแล และมินิคอนเสิร์ตจากวง “ETC” นอกจากนี้ยังพบกับ Street show ของกลุ่มนักศึกษา ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นภายในสวน

ไฮไลต์อีกส่วนคือ “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” พรีเซ็นเตอร์ โครงการท้าเที่ยวข้ามภาค มาร่วมท้าเที่ยวข้ามภาคชวนคนไทยร่วม workshop ทำ coffee art  หรือกาแฟ Signature “ฮักเจียงฮาย”

ข่าวที่ 5 “TCEBบูมก้าวตามรอยพ่อ3พอ-THAILAND CONNECT”


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ตั้งแต่ในปีงบประมาณ 2561 เริ่มตุลาคมนี้เป็นต้นไป ได้นำโครงการ “ก้าวตามรอยพ่อประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ตามหลัก 3 พอ ได้แก่ พอเพียง เพิ่มพูน และพัฒนา มุ่งเน้นการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามากระตุ้นองค์กรและหน่วยงานเอกชนจัดประชุมสัมมนาในประเทศในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

โดยผ่าน 3 กิจกรรม คือ การสัมมนาเรียนรู้ การทำกิจกรรม และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นต้นแบบการเรียนรู้ที่นำปรับใช้ในการทำงาน และการใช้ชีวิต

เบื้องต้นได้คัดเลือกต้นแบบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 แห่ง ประกอบด้วย เรื่อง “พอเพียง” ในศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน (จ.จันทบุรี)ในเรื่อง “เพิ่มพูน” โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเรื่อง “พัฒนา” โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (จ.เพชรบุรี)



ตลอดปีงบประมาณ 2561 ระหว่างตุลาคม 2560-เดือนกันยายน 2561 ทาง TCEB ได้จัดทำแพคเกจสนับสนุนเอกชนที่นำพนักงานหรือลูกค้าไปประชุมสัมมนาหรือทำกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 30 คน ใน 19 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะได้รับการสนับสนุนค่าเดินทางหน่วยงานละ 30,000 บาทต่อกลุ่มคณะ

โครงการนี้ TCEB ได้รับความร่วมมือกับอีก 4 หน่วยงาน คือ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กลุ่มน้ำมันรำข้าวคิง ธนาคาร CIMBT และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เป็นแกนหลักระดมบริษัทนำเที่ยวจัดแพกเกจไมซ์ในโครงการพระราชดำริตลอดทั้งปี

สำหรับเสาร์ที่ 23 –อาทิตย์ที่ 24 กันยายน นี้ TCEB ได้นำนิทรรศการของโครงการเปิดให้หน่วยงานและประชาชนทั่วไปเข้าชมและศึกษา ณ บริเวณชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2560 TCEB เตรียมนำแคมเปญสื่อสารประเทศไทย “THAILAND CONNECT Your Vibrant Journey to Business Success, decoded with chapters of possibilities” ประกาศการขยายผลของแคมเปญในโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน IT&CM Asia and CTW Asia-Pacific 2017 งานเทรดโชว์ด้านไมซ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไฮไลต์โดยเน้นนำเสนอภารกิจในเชิงลึกมากขึ้น และสร้างความโดดเด่นให้กับจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากนานาชาติมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องต่อไป

ช่วงที่ 2 จูงมือกันไปดูแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติของพ่ออันเป็นต้นแบบการบำบัดน้ำเสียและปกป้องสิ่งแวดล้อมที่ “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย” แล้วไปตามดู ครม.เปิดช่องให้ซื้อประกันสุขภาพใช้ลดหย่อนภาษีปี’60 ได้ และข่าวท้ายชั่วโมง ฮือฮากับแผนรื้อโครงสร้างธุรกิจของ “นกแอร์-บินไทย-ไทยสไมล์” ในขณะที่กลุ่มแอร์ เอเชีย งัดลูกเล่นใหม่ ๆ มาโกยผู้โดยสารตั้งแต่วัย 2 ขวบขึ้นไป


@ไปแหลมผักเบี้ยต้นแบบปกป้องสิ่งแวดล้อมทั่วไทย



เริ่มออกเดินทางไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ ใน “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ตั้งอยู่ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน  เวลา 06.00 - 18.00 น.

เป็นทั้งสถานที่เรียนรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็น " ต้นแบบ การบำบัดน้ำเสีย สู่น้ำใส ด้วยกลไก ของธรรมชาติ "หนึ่งในโครงการภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ช่วยเยียวยาและปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 แม่น้ำเพชรบุรีคือเป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ประสบปัญหาสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ร่วมกัน ศึกษาและหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเล จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติ ตามวัตถุประสงค์หลักคือการศึกษาวิจัยหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียกับขยะชุมชน ที่ประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศอย่างกว้างขวาง


โดยใช้พื้นที่บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของโครงการซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไปอย่างยั่งยืนช่วยให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับมาจนถึงปัจจุบัน

แหลมผักเบี้ยนอกจากจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณ ปากอ่าวแล้ว ยังสามารถชมนกหลากหลายสายพันธุ์ที่ หาชมได้ยากอีกด้วย เรียกว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับไปพร้อมกันในคราวเดียว

เมื่อไปถึง โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ แล้วสามารถไปร่วมกันทำ “กิจกรรมการศึกษาดูงาน” เริ่มจากเยี่ยมชมกระบวนการบำบัดน้ำเสียด้วยบ่อบำบัด หญ้ากรองน้ำ ป่าชายเลน ร่วมดูและทดลองทำเทคโนโลยีการทำปุ๋ยหมักจากขยะโดยการฝังกลบ ในกล่องคอนกรีต



“กิจกรรมสันทนาการ” ร่วมศึกษาเส้นทางธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน โดยลองพายเรือท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบริเวณปากอ่าวระยะทางราว 4 กม. เพื่อรอชมนกหายาก อาทิ นกยาง นกกาน้ำเล็ก นกเป็ดผีเล็ก นกอีเสือ สีน้ำตาล และนกกินเปรี้ยว ในแหล่งดูนกสำคัญแห่งหนึ่งของไทย สามารถดูได้ 2 ช่วง คือเช้าตรู่นกจะบินออกจากรังไปหากิน และช่วงแดดร่มลมตก นกจะโบยบินกลับรัง

ภายในโครงการฯ มีห้องประชุม 2 ห้อง รองรับได้ 100 คน แต่ไม่มีที่พักเพราะพื้นที่รอบบริเวณแถบหาดเจ้าสำราญมีบริการที่พักให้เลือกได้มากหลายหลายราคา
 
ส่วนการวางแผนสัมผัสธรรมชาติเส้นทางท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี

“ช่วงเช้า” เดินทางสู่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย เดินชมป่าชายเลน ดูนกหายาก “ช่วงบ่าย” พักผ่อน รับประทานอาหารทะเลสดๆ ที่หาดเจ้าสำราญ และหาดปึกเตียน

สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ขอแนะนำ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ศึกษาการบำบัดน้ำเสียด้วยกลไกธรรมชาติ ส่วนการจัดการระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย และระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม ที่อาศัยระบบพืชและ หญ้ากรอง จำพวก หญ้าแฝก ธูปฤาษี และกกกลม ช่วยบำบัดน้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สนใจท่องเที่ยวโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย  โทร. 0-3244-1264-5

การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3177 ตรงไป ระยะทางประมาณ 15 กม. สู่หาดเจ้าสำราญ ก่อนถึงหาดเจ้าสำราญราว 1 กม. จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปประมาณ 6 กม.
@ทำประกันสุขภาพ1.5หมื่นใช้ลดภาษีได้ปี’60

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่พระนครศรีอยุธยา   เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการภาษีให้นำค่าใช้จ่าย “การประกันสุขภาพ” ของผู้ที่มีเงินได้ มาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท เมื่อรวมค่าเบี้ยลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต และเงินได้ที่ฝากไว้กับธนาคารต้องไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี

โดยเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายเริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นไป ตามกระทรวงการคลังรายงานว่า มาตรการดังกล่าวส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐไม่มากนัก แต่จะช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณของรัฐด้านสุขภาพได้

ขณะเดียวกันก็ยังไม่ขยายวงเงินประกันเกิน 1 แสนบาท ในการให้สิทธิลดหย่อนจากการซื้อประกันชีวิตเดิม เพราะปัจจุบันผู้มีรายได้ปานกลางไม่ได้ใช้สิทธิจนครบ 1 แสนบาท ถ้าขยายเพดานก็จะช่วยผู้มีรายได้สูงนั่นเอง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “นกแอร์ผ่าแผนเพิ่มทุน-หุ้นสามัญขอ3ปีฟื้นธุรกิจ”



นายปิยะ ยอดมณี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนกแอร์ มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างธุรกิจโดยอนุมัติให้เดินหน้าทั้ง  2 ส่วน คือเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ควบคู่กันไป ตั้งเป้าหมายระดมทุนครั้งใหม่ได้ถึง 1,700 ล้านบาท เพื่อเร่งทำตามแผนฟื้นฟูระยะ 3 ปี (2560-2562) ตามสูตรลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

โดยนกแอร์วางกลยุทธ์เดินหน้า ส่วนที่ 1 แผนเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ ครั้งที่ 2 จำนวน 1,207 ล้านบาท จากเดิม 1,292 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 2,499 ล้านบาท ส่วนที่ 2จัดสรรหุ้นสามัญใหม่จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1,135 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ด้วยราคาเสนอขายหุ้นละ 1.50 บาท จำกัดไว้ไม่เกิน 71 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 จะเปิดให้จองซื้อและชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. 2560

ส่วนการลดค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ปี 2560-ต้นปี 2561เตรียมปลดระวางเครื่องบินเก่า 7 ลำ คือ ATR72-500 จำนวน 2 ลำ โบอิ้ง 737-800 จำนวน 5 ลำ โดยมีฝูงบินรวม 24 ลำ จากนั้นระหว่างปี 2562-64 ก็รับมอบเครื่องบินใหม่ โบอิ้ง 737 MAX  8 ลำ ตามแผนปี 2562 รับ 2 ลำ ปี 2564 รับ 2 ลำ ส่วนปี 2561 จะปรับเพิ่มชั่วโมงการใช้งานเครื่องบินให้เพิ่มความคุ้มค่าการใช้งานเป็นลำละ 10-11 ชั่วโมง/วัน จากปัจจุบันลำละ 8 ชั่วโมง/วัน

ขณะเดียวกันก็ยังจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ตั้งแต่ 30 กันยายนนี้ เป็นต้นไป หันไปจะบริการเช่าเหมาลำจากสนามบินอู่ตะเภาไปยังจีน 5 เมืองหลักได้แก่ อินชวน หลินยี นานชาง ไห่โข่ง และฉางชา สัปดาห์ละรวม 12 เที่ยว

สำหรับผู้ถือหุ้นนกแอร์ ที่จะได้รับสิทธิ์เพิ่มทุนจดทะเบียน ประกอบด้วย การบินไทย จะใช้เงินเพิ่มทุนประมาณ 380 ล้านบาท และกลุ่มครอบครัว “จุฬางกูร” ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนมากเป็นอันดับหนึ่ง

ทั้งนี้ในวันที่ 27 กันยายน 2560 นี้ การบินไทยจะนำทีมนัดประชุมพิเศษ เพื่อวางทำแผนฟื้นฟูเพิ่มประสิทธิภาพนกแอร์หลังประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ซึ่งจะพิจารณาเรื่องสำคัญ 3 ส่วน 1.จัดตั้งคณะกรรมการบริหารชุดพิเศษ (Execlutive Management Committee) 2.การใช้ทรัพยากรทางร่วมกันระหว่างนกแอร์กับการบินไทยในการให้บริการ 3.จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเข้ามาเสริมความเข้มแข็งในระยะยาว



ข่าวที่สอง บินไทยเห่อฝูงบินดรีมไลเนอร์บินเชียงใหม่/ภูเก็ต


ขณะที่ นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  หลังรับมอบเครื่องรุ่นใหม่ลำแรกโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ จะนำมานำร่องบริการบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวในประเทศยอดนิยม 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เริ่มวันที่23 ก.ย.-15 ต.ค. 2560 และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ระหว่าง 16 ต.ค.-15 พ.ย. 2560 ก่อนจะนำไปบิน กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ จากนั้นเมื่อรับเครื่องครบ2 ลำ ก็จะขยายไปบิน กรุงเทพฯ-โอ๊กแลนด์ (นิวซีแลนด์) วันละ 1 เที่ยวตั้งแต่ 16 พ.ย.เป็นต้นไป

นางอุษณีย์ กล่าวว่าแนวโน้มรายได้ของการบินไทยโดยรวมในปี 2560 จะทำให้ถึงเป้าหมาย 1.9 แสนล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายตั๋วโดยสารให้ได้ถึง 1.5 แสนล้านบาท


ข่าวที่สาม “ไทยสไมล์ชิมลางบินเกาสง/หลวงพระบาง”

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ กล่าวว่า ไทยสไมล์ได้ร่วมกันกับการบินไทย ประกาศเปิดเส้นทางบินตรงใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพ-เกาสง เมืองท่าและศูนย์กลางธุรกิจทางภาคใต้และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไต้หวัน และ กรุงเทพ-หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกของ สปป.ลาว ซึ่งจะเริ่มเที่ยวบินปฐมฤกษ์วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

โดยไทยสไมล์ กำหนดบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง แบบประจำทุกวันด้วยบริการเต็มรูปแบบด้วยราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นที่ 4,680 บาท/เที่ยว รวมทุกอย่างแล้ว เมื่อซื้อตั๋วระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 จากนั้นนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2560

ข่าวที่สี่ “แอร์เอเชียงัดกลยุทธ์โกยลูกค้าวัย2ขวบ”

Mr. Siegtraund Teh  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ แอร์ เอเชีย กรุ๊ป เปิดเผยว่า ลูกเล่นใหม่ที่จะนำมาใช้กระตุ้นกลุ่มผู้โดยสารรุ่นใหม่ จึงได้จัดทำ Treats Youn Flyers to Free Inflight Meals หรือบริการอาหารฟรีให้แก่เด็กอายุระหว่าง 2-12 ปี ภายในวันที่ 28 กันยายน 2560 นี้ โดยได้รับการสนับสนุนอาหารฟรีจากร้านดัง Lil’ Star Combo  เพราะสถิติแต่ละวัน แอร์ เอเชีย กรุ๊ปให้บริการผู้โดยสารเด็ก ๆ วันละกว่า 6,000 คน

ส่วนผู้โดยสารทั่วไปที่จองเมนูอาหารล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่องในแต่ละเที่ยวบินจากร้านอาหารดังกล่าวก็จ่ายค่าบริการจองเพียงครั้งละ 10 ริงกิตเท่านั้น

สำหรับร้าน Lil’ Star Combo พันธมิตรใหม่ของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป มีเมนูซิกเนเจอร์นำเสนอทั้งพิซซ่าไก่ขนาดมินิ พร้อมสแน็กบ็อก ที่การันตีคุณภาพ และในเส้นทางบินสู่อินเดียก็ยังมีเมนูมังสะวิรัตไว้บริการเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย

ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์ฯขาย390บาทไฟลต์เช้าตีสามครึ่งไปภูเก็ต”

ทางด้าน นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป เตรียมนำร่องเพิ่มบริการบินในประเทศช่วงเช้าตรู่ 2 เส้นทาง ไป-กลับ ดอนเมือง-เชียงใหม่ ออกจากดอนเมือง  เวลา 05.10 น.  จากวันละ 12 เป็น 13 เที่ยว และดอนเมือง-ภูเก็ต ออกจากดอนเมือง เวลา 03.35 น.จากวันละ 17 เป็น 18 เที่ยว ซึ่งจะใช้ราคาตั๋วโดยสารเป็นแม่เหล็กดึงดูด ผู้ใช้บริการ เริ่มต้นเพียง 390 บาท เปิดให้ผู้โดยสารเข้าไปจองซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และในอนาคตจะขยายความถี่บินเช้าเส้นทางอื่นๆ ด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com



จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...