วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ปฎิรูปผ่าตัดใหญ่กระทรวงท่องเที่ยวและกฬา-จับตาของบกลางปี 2หมื่นล้านฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว55เมืองรอง

รมว.วีระศักดิ์ลั่นปฏิรูปใหญ่กระทรวงท่องเที่ยวฯ
จับตาชงงบกลางปี2หมื่นล้านฟื้นฟู55เมืองรอง

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน www.facebook.com/penroongyaisamsaen

รมว.วีระศักดิ์" เดินหน้าปฏิรูปผ่าตัดใหญ่โครงสร้างท่องเที่ยวและกีฬาก่อนเลือกตั้ง ลั่นตั้งกระทรวงฯ มา15 ปี ทำภารกิจงานยังไม่เข้าเป้า จ่อโยกงานปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวคืนให้ ททท.จับตานัดแรกขอใช้งบกลางปี’61 กว่า 20,000 ล้านบาท ฟื้นเมืองรอง 55 จังหวัด รวมกว่า 2,600 โครงการ และใช้มหกรรมเอเชียแข่ง “MOTO GP 2018” บุรีรัมย์ ตัวชี้วัดข้าราชการกระทรวงก่อนผ่าตัดใหม่ยกแผง


นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและก๊ฬา เปิดเผยว่า ได้จัดการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการและรายงานความคืบหน้าความคืบหน้าในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทุกหน่วยงานในสังกัดท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2561เร่งเดินหน้านโยบายปฎิรูปการทำงานไปพร้อม ๆ กับผ่าโครงสร้างระบบภายในก่อนการเลือกตั้งทางการเมือง เพื่อวางแนวทางให้หน่วยงานภายในกระทรวงฯ เดินหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พุ่งเป้าทำนโยบายสำคัญอันดับต้น ๆ คือ การพิจารณาแผนปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับที่รัฐบาลเร่งให้ดำเนินการเสนอขอจากงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 ขณะนี้ทางกรมการท่องเที่ยวได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเตรียมเสนอขอใช้เกือบ 20,000 ล้านบาท จำนวนเกือบ 2,639 โครงการ ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่เมืองรองราว 1,843 โครงการ นั้น

ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะต้องดูรายละเอียดความจำเป็นของโครงการที่เสนอปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนา จะต้องสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด และมุ่งให้ทางท้องถิ่นมีส่วนร่วมฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศจัดทำโครงการตามความต้องการด้วย อีกทั้งจะพิจารณาโดยใช้เกณฑ์หลักเพื่อสร้างความยั่งยืนตมมแหล่งท่องเที่ยว ครั้งนี้จะพุ่งเป้าทำโครงการขนาดเล็กที่ได้ประโยชน์จริง และพับโครงการประเภทเมกะโปรเจ็กต์ไว้ก่อน


ประการสำคัญกำลังพิจารณาอาจจะต้องผ่าโครงสร้างงานใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะภารกิจงานปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาการท่องเที่ยว อาจจะต้องนำกลับไปให้การท่องเที่ยวแก่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการพร้อมกับบริหารงบประมาณที่เบิกจ่ายมาใช้ด้วย เนื่องจากหลังมีพระราชบัซญัติจัดตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้วย้ายภารกิจการเบิกจ่ายงบปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมการท่องเที่ยว ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาการทำงานยังไม่ได้เป็นตามเจตนาของกระทรวงเท่าที่ควร ดังนั้นในครั้งนี้เมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้เสนิของบกลางปี 2561 จึงจะต้องขอทบทวนระหว่างกรมท่องเที่ยวกับ ททท.ซึ่งเดิมเคยทำภารกิจนี้มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกได้ดีอยู่แล้วและมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถกระจายอยู่ในสำนักงานตามพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศ น่าจะทำภารกิจนี้ได้ดีกว่าหรือไม่


และเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศซึ่งต้องพึ่งพาพลังของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยการพัฒนาทั้งทางกายภาพแหล่งท่องเที่ยวและทำการตลาดแบบยั่งยืน จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกวิธทำงานที่ดีที่สุด เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการของบประมาณมาใช้ปรับปรุงฟื้นพัฒนา เพื่อจะได้ไม่เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนที่สุโขทัยขอเงินไปสร้างอาคารจนแล้วเสร็จแต่ไม่เคยใช้งานแถมปล่อยให้ต้นไม้ขึ้นกลางอาคารทรุดโทรมโดยเปล่าประโยชน์

นายวีระศักดิ์กล่าวว่าก่อนเดือนเมษายน 2561 จะต้องสรุปนโยบายและโครงการทั้งหมดที่เสนอขอใช้งบรายจ่ายกลางปี อาจจะไม่ถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องคัดกรองให้เฉพาะโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวจะต้องเข้าเกณฑ์ สะอาด สะดวก ปลอดภัย โดยจะเน้นพื้นที่ในเมืองรอง 55 จังหวัดที่รัฐบาลส่งเสริมให้คนไทยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวแล้วนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ตลอดปี 2561



รวมทั้งจะใช้งานเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน MOTO GP 2018 แข่งรถจักรยานยนตร์ระดับเอเชียที่ประเทศไทยประมูลมาจัดแข่งขันได้เป็นสนามท่ 15 จากทั้งหมด 19 สนาม จัดระหว่าง 2-7 ตุลาคม 2561 โดยใช้สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสถานที่จัดมหกรรมการแข่งขัน ดังนั้นจะขอใช้งานนี้เป็นตัวชี้วัดการทำงานของฝ่ายต่าง ๆ ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานร่วมกับหน่วยงานภมยนอกทั้งภาครัฐและเอกชนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงจับต้องได้ แตกต่างจากที่ผ่านมา 15 ปียังทำภารกิจตอบโจทก์ได้ไม่ชัดเจน แต่งานนี้จะมีนักเดินทางและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปชมการแข่งขันไม่ต่ำกว่า 100,000 คน ในพื้นที่เมืองรองจังหวัดบุรีรัมย์ เท่ากับเป็นการวัดความสามารถของทุกหน่วยงานจะรับมือกับคลื่นมหาชนรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไว้ให้ได้ และมื่อสิ้นสุดงานแล้วจะประเมินผลด้วยการนำผลงานครั้งนี้มาพิจารณาชี้วัดก่อนผ่าตัดโครงสร้างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาครั้งใหญ่ต่อไป



นายวีระศักดิ์ย้ำว่าในการประชุมมอบนโยบายวันที่ 29 มกราคม 2561 ทางสำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกฬาได้เขียนข้อเสนอให้พิจารณาแต่งตั้งผู้บริหารสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด 13 จังหวัด ขยับจากซี 9 ขึ้นเป็น ซี 10 นั้นตนจะยังไม่พิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างไรไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งระดับใดก็ตาม เพราะภารกิจเร่งด่วนต้องทำให้งานที่มีอยู่และการร่วมทำงานแบบบูรณาการทั้งภายในและภายนอกองค์กรเกิดเป็นรูปธรรมให้ได้ก่อน หลังจากที่ปล่อยกันมายาวนานถึง 15 ปี

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2561

ณรัล วิวรรธนไกร ทายาทSPA นำไทยขึ้นผู้นำเอเชีย-ททท.ใแร์งบกลางแสนล้านทำท่องเที่ยวแก้จน-เที่ยวภูหินร่องกล้า

เปิดใจทายาทธุรกิจSPAปั้นไทยขึ้นผู้นำเอเชีย
นำ3แบรนด์รุกต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย
คิงเพาเวอร์รางน้ำให้ช้อปรับ7 ต่อ ถึง 31ม.ค.
ททท.แชร์งบใหม่แสนล้านปี’61ทำเที่ยวแก้จน
บางจากมีบริการช่วยรถเสียฉุกเฉินตลอดทั้งปี
หนาวนี้บุกไปดูดงดอกไม้งามในภูหินร่องกล้า
เครื่องสำอางมาตรฐานมีวิธีดูอย่างไรปลอดภัย
ทอท.จ้างล็อกซ์เลย์ทำสายพานกระเป๋า3.6พันล.
ดอนเมืองแนะเลือกใช้3เส้นทางเข้าสนามบิน
กรมท่องเที่ยวฝันของบ2หมื่นล้านฟื้นฟูแหล่ง
โรงแรมวีดึงเชฟมิชลินโกยเงินวาเลนไทน์4วัน

สวัสดีวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen  

ช่วงที่ 1 ติดตามฟังการเจาะลึกทายาทนักธุรกิจรุ่นใหม่ “ณรัล วิวรรธนไกร” ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA กลุ่มทุนดาวรุ่งทางด้านเวลเนส สปา แบรนด์คนไทย จะมาเล่าเส้นทางสู่ความสำเร็จจากไทยขยายการค้าการลงทุนเข้าไปยังอาณาจักรแห่งมหาอำนาจด้านกำลังซื้อใหญ่ของโลกอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และกลุ่มอาเซียน ด้วย 3 แบรนด์ พร้อม ๆ กับสร้างนวัตกรรมการต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย โดยสามารถทำให้ตอบโจทก์นโยบายรัฐบาลในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและกระจายรายได้สู่ชุมชนไปพร้อม ๆ กันได้

ณรัล วิวรรธนไกร
 ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA
ณรัล วิวรรธนไกร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท สยาม เวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เปิดเผยว่า ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแลธุรกิจเวลเนสสปาแถวหน้าของเมืองไทยตั้งเป้าอีก 2 ปีข้างหน้าภายในปี 2563 จะนำธุรกิจผงาดขึ้นเป็นผู้นำภูมิภาคเอเชีย และจะสร้างรายได้หมุนเวียนปี 2561 ให้ได้ถึง 1,200 ล้านบาท เติบโต 25 % ธุรกิจหลักคือบริการเวลเนส สปา ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ “ระรินจินดา” สปาระดับพรีเมี่ยม “Let’s Relax” ระดับ 4 ดาว กระจายอยู่ตามหัวเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งปีนี้จะฉลองครบ 20 ปี และแบรนด์บ้านสวนมาสซาจ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่มุ่งมั่นจะให้ทุกภาคส่วนช่วยกันโปรโมตการท่องเที่ยวสู่เมือง กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

ตามแผนจะขยายแบรนด์ Let’s Relax สปาไทยแพร่หลายไปสู่ต่างประเทศ ล่าสุดเปิดแนวรุกขายแฟรนส์ไชน์ไปสู่ 3 มณฑลในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนแห่กันเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมากเป็นอันดับ 1 รวมทั้งได้เข้ามาใช้บริการ Let’s Relax รวมถึง 1 ล้านคน จึงเป็นการสร้างฐานที่ดีทางบริการกับลูกค้าจีน เห็นได้ชัดจากการจัดประกวดของ We Chat และ Weibo ซึ่งเป็นโซเชียลและออนไลน์ที่มีใช้มากที่สุดผลปรากฎว่าโหวตให้แบรนด์ของเราครองแชมป์ความพึงพอใจในบริการต่อเนื่องมาถึง 3 ปี ระหว่าง 2558-2559-2560 จึงก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้าไปลงทุนขยายแฟรนส์ไชน์ในจีนจะสนใจสัมผัสสปาไทย และดูแลสุขภาพมากขึ้น ปัจจุบันชาวจีนนิยมดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มตลอดจากทุกกลุ่ม

ส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาไทยสถิติปี 2560 ใช้เงินเฉลี่ยคนละมากกว่า 6,000 บาทต่อทริป แต่ลูกค้าของสยามเวลเนสจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวอิสระด้วยตนเอง (Free Individaul Travel : FIT) จึงมียอดการใช้เงินสูงกว่านักท่องเที่ยวจีนโดยทั่วไปใช้กับสปาไทย ปกติจะเข้ามาเลือกทำเมนูสปากับ Let’s Relax คนละ 1,000-1,500 บาทต่อครั้ง ส่วนใหญ่คือมาเป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว พาพ่อแม่ลูกเข้ามา จึงมีอัตราการเข้ามาทำสปาซ้ำ ๆ ค่อนข้างสูง

ขณะเดียวกัน บมจ.สยามเวลเนส ยังได้ขยายแฟรนส์ไชน์ Let’s Relax เข้าไปยังกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ CLMV มีอัตรการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างสดใส

ขณะที่แบรนด์ “ระรินจินดา” ระดับ 5 ดาวเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติระดับบนซึ่งต้องการโปรดักซ์ไฮเอนด์จากการนำโปรดักซ์สมุนไพรภูมิปัญญาไทยเข้ามาช่วยผ่อนคลายสุขภาพ ปัจจุบันมี 3 สาขา คือ ราชดำริ

นายณรัลย้ำว่าปี 2561 ได้เตรียมความพิเศษไว้ให้ลูกค้าคนไทยด้วยเช่นกันหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านเข้าสู่ปีที่ 4 แล้วก็ประเมินกำลังซื้อคนไทยระดับกลางขึ้นไปถึงกลุ่มบนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน จึงรุกเข้าไปทำประชาสัมพันธ์ภายใต้แบรนด์ระรินจินดาเจาะไฮเอนด์ด้วยคอนเซ็ปต์ Ultimate Wellness Experience ส่งมอบประสบการณ์สปาเอ็กซ์คลูซีฟจึงสร้างสรรเมนูสุขภาพตอบสนองวัยรุ่น วัยทำงาน

 รวมทั้งการนวดบำบัดสำหรับคุณแม่ก่อนและหลังคลอด อาทิ คอร์สอยู่ไฟนำภูมิปัญญาไทยมาต่อยอด โดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่ตลาดบนที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง หลังคลอดแล้วจะมีทรีตเมนท์ช่วยคุณแม่กลับมาสมบูรณ์อย่างรวดเร็วอีกครั้ง

และนวัตกรรมคอร์สใหม่การนวดผ่อนคลายแก้โรค office syndrome ร่างกายประสบอยู่จากการใช้แทปเล็ต มือถือ มากเกินไป

อีกทั้ง Let’s Relax ยังมีสาขาบริการอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า อโศก พร้อมพงษ์ เอกมัย ทองหล่อ สนามกีฬาแห่งชาติ ทำให้คนไทยเข้าถึงแบรนด์สปาไทยมากขึ้นในโซนใจกลางเมืองย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ และยังได้จับมือกับบัตรเครดิตพรีเมี่ยมที่ต้องการนำไลฟ์สไตล์เข้ามาสู่คนไทยและทำให้คนเลือกใช้แบรนด์สปามาตรฐานเพิ่มมากขึ้น

ส่วนแคมเปญใหม่ที่จะออกวางตลาดช่วงต้นปี 2561 นำโดยแบรนด์ระรินจินดาที่เปิดตัวคอนเซ็ปต์ Ultimate Wellness Experience จะมีแพกเกจใหม่ ๆ มาแนะนำ เช่น อัลตร้าโครน เครื่องปรับสัดส่วนของร่างกายเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างซิคแพ็ตเป็นเทรนด์ยอดนิยม จะมีบัตรไดม่อนกับรูบี้การ์ด เหมาะกับกลุ่มคนไทยที่ต้องการเข้ามาใช้อย่างสม่ำเสมอ ส่วน Let’s Relax จะเริ่มแคมเปญใหม่ช่วงกลางปีเพื่อฉลองครบ 20 ปี จะมีแคมเปญและสื่อสารการตลาดใหม่ ๆ ตอบโจทก์ผู้บริโภคคนไทย

นายณรัลกล่าวว่าทางสยาม เวลเนสต้องการจะเป็นผู้นำนวัตกรรมสุขภาพบริการด้วยเทรนด์ใหม่นำสปาจากนานาประเทศเข้ามาต่อยอด จึงได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นพบเห็นศาสตร์การแช่น้ำร้อนเรียกว่า “ออนเซน” จึงนำมาผสมผสานเข้ากับสมุนไพรไทยพัฒนาเป็นออนเซนในเมืองแห่งแรกของประเทศในแบบฉบับญี่ปุ่นที่สาขาทองหล่อ ส่วนผู้มีประสบการณ์เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วทำออนเซนมาก่อนจะมีบ่อน้ำร้อน บ่อออนเซน ทางบริษัทก็ได้ลงทุนทำ White Ion บ่อฟองออกซิเจนขาว ๆ ทำให้ผิวนุ่มเหมาะกับสุภาพสตรี หรือบ่อน้ำแร่คัดมาจากเมืองเคโระทากายาม่าติด 1 ใน 3 น้ำแร่ชั้นนำดีสุดของญี่ปุ่นมาใช้ดูแลบำรุงผิว

ส่วนผู้ชายที่มีอาการปวดเมื่อยได้ทำบ่อแช่ออนเซน World Pool กับ เจ็ตฟาสต์ ที่มีแรงดันน้ำและแรงดันลมทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

หลังจากออนเซนเสร็จแล้วจะมีห้องหินร้อนซึ่งเป็นนวัตกรรมอีกอย่างจากญี่ปุ่น ก่อนที่จะไปทำการนวดแผนไทยซึ่งทางสยาม เวลเนส มีความชำนาญมากว่า 20 ปี ทั้งนวดไทย น้ำมัน และนวดเท้า

โดยสรุปแล้วเมื่อเข้ามาใช้บริการนวตกรรมออนเซนแบบญี่ปุ่นแล้วต่อด้วยนวดไทย ก็จะทำให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้นมากตั้งแต่หัวจดเท้าในแต่ละครั้งที่ได้ใช้บริการ

ส่วนสนนราคาค่าบริการแพกเกจสปาของสยาม เวลเนส ในส่วนออนเซนจับกลุ่ม B ถึง A- เริ่มต้นครั้งละ 650 บาทต่อเมนูทรีตเมนต์ หรือราว 2,000 เยน ซึ่งกระแสตอบรับจากกลุ่มญี่ปุ่นที่พำนักอาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย มีวัฒนธรรมการใช้ออนเซนสม่ำเสมอ พอได้พบกับแพกเกจคุณภาพจึงกลับมาใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ รวมถึงคนไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นตามนโยบาย VISA FREE จึงเริ่มคุณเคยกับการทำออนเซนก็กลับมาใช้บริการในไทยด้วย

นอกจากจะให้บริการเวลเนส สปา แล้วสยาม เวลเนส ยังได้ให้การสนับสนุนวัตถุดิบของคนไทยด้วยกันเพื่อนำมาทำผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามในรูปแบบที่ได้มาตรฐานสากล ตัวอย่างคือ ชา จากศูนย์พัฒนาพืชพรรณของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยทางฝ่ายบริหารสยาม เวลเนสได้เดินทางไปยังเชียงราย มีไร่ที่รัฐบาลจีนส่งมาให้รัฐบาลไทยเพื่อช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ จึงจะเห็นผู้สูงวัยที่ทำงานอยู่ในไร่ดังกล่าวมื้อเต่งตึงแต่ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามสภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากทุกวันจะใช้มือทำการสกัดน้ำมันชาอันมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ จึงได้นำน้ำมันชามาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ได้ด้วย

ส่วนการวางแผนขยายสาขาสปาไทยตามนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งเน้นนักธุรกิจโหมช่วยโปรโมตเมืองท่องเที่ยวรองของประเทศไทยนั้น ทางสยาม เวลเนส จะใช้แบรนด์ “บ้านสวนมาสซาส” ซึ่งเข้าไปซื้อแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2558 เป็นนวดไทยระดับ 3 ดาวที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีสาขาอยู่ตามชานเมืองกรุงเทพฯ 8 สาขา ขณะนี้ได้เพิ่มไปยังต่างจังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย เป็นพื้นที่ยังไม่มีบริการนวดไทยที่เป็นแบรนด์มาตรฐาน เพราะพฤติกรรมของคนไทยเองยอมจ่ายแพงขึ้นได้หากสถานที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ราคาสมเหตุผล จึงเป็นอีกสินค้าท่องเที่ยวสามารถตอบโจทก์ลูกค้าคนไทยและคนในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ กับผู้บริหารระดับกลางและสูง

นอกจากขยายตามหัวเมืองใหญ่ภาคอีสานแล้วก็กำลังศึกษาในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เพื่อต่ยอดภายใต้แบรนด์บ้านสวนมาสซาจ

สยาม เวลเนส กรุ๊ป นับเป็นแบรนด์สปาไทยที่แข็งแกร่งและพร้อมจะนำประเทศก้าวสู่ผู้นำสปาเอเชียได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์สัปดาห์ท้ายมค.รับ7ต่อ”


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำการบุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลอดอากรของเมืองไทย รายงานว่า ในปี 2561 มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการลงทุนก้าวไปสู่ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวแบบครบวงจร ควบคู่กับการกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้จ่ายเงินเพื่อกระจายเม็ดเงินหมุนเวียนให้ได้มากที่สุด จึงได้ทยอยจัดแคมเปญการขายแนวใหม่ ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา

โดยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนมกราคม ระหว่างวันนี้ - 31 มกราคม 2561 ที่คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้สมาชิกรับสิทธิ์เต็ม ๆ ถึง 7 ต่อ คือ ช็อปครบ 1,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท ช้อปครบ 3,000 บาท รับคูปองทานอาหาร 200 บาท ช้อปครบ 5,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,000 บาท

ช้อปครบ 15,000 บาท รับคูปองส่วนลด 1,500 บาท ช้อปครบทุก 20,000 บาท รับ Gift Voucher คืนสูงสุด 30,000 บาท ช้อปครบ 30,000 บาท ในแผนกแฟชั่นและนาฬิกา รับ Overnight Luggage รับ iPhone X

สอบถามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.จ่อใช้งบแสนล้านกลางปี’61ชูท่องเที่ยวแก้จน”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมโดยมีผู้บริหาร ททท.เข้าร่วมประชุมเรื่องการพิจารณารายจ่ายเพิ่มเติมหรืองบกลางปี 2561 และแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการบริหารเชิงพื้นที่ เพื่อจะจัดสรรงบรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีเรื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมอยู่ด้วย

ซึ่งบทบาทหลักของ ททท.มีหน้าที่เสนอแนวคิด วิธีทำแผนการดำเนินงาน สรุปเป็นโครงการลงมือปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อทำให้คนไปท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด พร้อมกับกระจายตัวเที่ยวตามเมืองหลักด้วย


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2561 จะเสนอแผนท่องเที่ยวแก้จน นำการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ชุมชน ภายใต้งบงบประมาณ 5,000 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 เพื่อเริ่มใช้ทำโครงการต่าง ๆ ได้ในช่วงระหว่างเมษายน-ตุลาคมนี้ เริ่มจากจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวค่อนข้างยากจน ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร คือ กาฬสินธุ์ แม่ฮ่องสอน จากนั้นจะกระจายไปใน 55 จังหวัด

เบื้องต้นจะนำร่อง 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และกาฬสินธุ์ เนื่องจากมีประชากรในพื้นที่มีค่าเฉลี่ยรายได้อยู่ในกลุ่มต่ำสุดของประเทศ จากการสำรวจพื้นฐานพบว่าทั้ง 2 จังหวัดมีความพร้อมอยู่แล้ว เช่น แม่ฮ่องสอน มีแหล่งน้ำพุร้อน ก็จะประสานกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ให้ช่วยให้คำแนะนำในการปรับปรุงมาตรฐานเพื่อรับการท่องเที่ยว

ส่วนกาฬสินธุ์จะต้องเน้นการสร้างแบรนด์ท่องเที่ยวเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ เนื่องจากสินค้าทางการท่องเที่ยวปัจจุบันยังขาดความชัดเจน


ข่าวที่ 3 “บางจากมอบบริการช่วยรถเสียฉุกเฉินฟรีตลอดปี”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดทำสิทธิประโยชน์เฉพาะให้แก่สมาชิกผู้ถือบัตรบางจากฯเพื่อเพิ่มความอุ่นใจของการเดินทางในประเทศไทย ตลอดปี 2561 ด้วย “บริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน” ฟรีตั้งแต่ที่คุณได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ จนถึง 31 ธ.ค. 2561 เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าแม้จะเกิดเหตุขัดข้อง ในระหว่างการเดินทาง และต้องการความช่วยเหลือ เราจะอยู่เคียงข้างคุณ ในทุกที่ที่ต้องการ

คลิกลงทะเบียนรับสิทธิ์ 15 ม.ค.–30 เม.ย. 61 www.bangchak.co.th หรือสอบถามได้ที่ 02-206-5494 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กติกาหลัก ๆ จะต้องเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ  ไม่รวมถึงรถรับจ้างขนส่ง รถสาธารณะเพื่อการพาณิชย์ และรถจักรยานยนต์ โดยจะให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทยตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตามเกาะต่าง ๆ แต่ไม่รวม เกาะภูเก็ต, เกาะสมุย และเกาะช้าง

สำหรับบริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน เพื่อสร้างความอุ่นใจในทุกเส้นทางซึ่งเครือข่ายพันธมิตรของบางจากพร้อมให้บริการในทุกเส้นทางครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วไทย และพร้อมแก้ไขปัญหาที่ทำให้รถยนต์สามารถเดินทางต่อไปได้อย่างไม่ปลอดภัย


โดยได้มอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายในการเดินทาง คือ

บริการช่างช่วยเหลือฉุกเฉิน - จัดส่งช่างซ่อมตามที่สมาชิกร้องขอ โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองจะไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนชิ้นส่วน หรืออะไหล่ (ถ้ามี)

บริการช่างกุญแจฉุกเฉิน – กรณีล็อครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จะประสานงานนำกุญแจสำรองเพื่อทำการเปิดให้แก่ท่าน โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง

บริการเติมน้ำมันฉุกเฉิน  - ในกรณีที่รถยนต์ของท่านน้ำมันหมดฉุกเฉินจนไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ทางเราประสานงานจัดหาเจ้าหน้าที่นำส่งน้ำมัน โดยคุ้มครองค่าแรงและค่าเดินทางของช่างสูงสุด 1,000 บาทต่อครั้ง

บริการรถยก-ลากฉุกเฉิน - จัดหารถยกเพื่อทำบริการยก/ลากจูงไปยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ท่านต้องการ โดยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการยก/ลากจูงฟรีใน 20 กิโลเมตรแรก (มูลค่า 2,300 บาท/ครั้ง) ค่าใช้จ่ายในกิโลเมตรถัดไปเป็นความรับผิดชอบของท่าน โดยเจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งค่าบริการ และขอความเห็นชอบจากท่านก่อนการดำเนินการ
บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงในกรณีที่รถเสีย

เงื่อนไข หมายเลขบัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์ คุ้มครองรถ 1 คัน จำกัดการใช้สิทธิ์ 1 หมายเลขสมาชิก / ประเภทของการบริการหัวข้อละ 1 ครั้ง และสิทธิประโยชน์เฉพาะสมาชิกที่ทำการลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ทาง SMS เท่านั้น

ช่วงที่ 2 ออกเดินทางไป “ภูหินร่องกล้า” พิษณุโลก แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยเป็นที่สุดแห่งการท่องเที่ยวแดนดอกไม้งามตามธรรมชาติฤดูหนาว ทั้งทุ่งดอกกระดาษและนางพญาเสือโคร่ง พร้อมกับเรื่องราวดี ๆ มากมาย ส่วนเรื่องสุขภาพมาดูกันว่าจะสังเกตุเครื่องสำอางอย่างไรที่ได้มาตรฐาน และข่าวท้ายชั่วโมง ทอท.ได้ไฟเขียวจากบอร์ดเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้จ้างกลุ่มล็อกซ์เลย์ลุยทำระบบสายพานกระเป๋าในวงเงิน 3,600 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จทันปี 2562 ตามแผนเพิ่มบริการให้เพียงพอต่อการขยายสนามบินรับผู้โดยสารเป็นปีละ 60 ล้านคน จากเดิม 45 ล้านคน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองออกมาย้ำกันชัด ๆ อีกครั้งถึงการใช้เส้นทางเบี่ยงเข้าสนามบินตลอดปีนี้ ขณะที่โรงแรมมีแพกเกจอาหารมานำเสนอช่วงวาเลนไทน์

@หนาวนี้ตามไปดูดงดอกไม้ในภูหินร่องกล้า



" แหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้เพาะชำกล้าไม้หายากที่ควรอนุรักษ์ พันธุกรรมไว้เพื่อปลูกตามแนวพระราชดำริ " โครงการพัฒนาป่าไม้ ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า ม.10 บ้านร่องกล้า ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลกอช.ภูหินร่องกล้า  เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ช่วงที่นิยมท่องเที่ยวอยู่ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ สำหรับเดือนอื่น ๆ ก็เที่ยวได้เช่นกัน


นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาสูดอากาศสดชื่นท่ามกลางภูเขาเขียวขจีสัมผัสอากาศเย็นสบายกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ที่นี่ยังมีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้และเพาะชำกล้าไม้หายาก อันเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่น่าสนใจไม่แพ้กัน



โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้าจัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสภาพป่า เพาะชำกล้าไม้ และ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับราษฎร ที่โครงการฯยังมีแปลงปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า แปลงสาธิต การปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน ปลอดสารพิษ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด

พื้นที่ในโครงการฯ มีแนวหินผาเป็นจุดชมวิวถึง 6 จุดสำคัญ ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก สามารถยืนชมทิวทัศน์ผืนป่าเขียวชอุ่ม ไม่เพียงแค่ทุ่งดอกกระดาษและหน้าผาแห่งรักเท่านั้น ในช่วงฤดูหนาว ที่นี่ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยผลิบานอีกหนึ่งจุดด้วย


เส้นทางท่องเที่ยว จ.พิษณุโลก

วันแรก “ช่วงเช้า” เยี่ยมชมศาลสมเด็จพระนเรศวร และพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีมหาธาตุ “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์จ่าทวี เดินเล่นถนนคนเดินพิษณุโลก ร่วมรำวงย้อนยุค

วันที่สอง “ช่วงเช้า”อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า “ช่วงบ่าย” อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เที่ยวในโครงการฯทุ่งดอกกระดาษ ผาบอกรัก


วันที่สาม “ช่วงเช้า” แวะจุดชมวิวภูทับเบิก และวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วรับประทานอาหารกลางวันที่เขาค้อทะเลภู “ช่วงบ่าย” เยี่ยมชมไร่บีเอ็น และ Route 12

สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ทุ่งดอกกระดาษหรือดอกบานไม่รู้โรย อันเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องเกล้า ลานหินปุ่ม ชมสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า ที่ลานหินริหน้าผา ผาชูธง จุดชมอาทิตย์ยามอัสดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

กิจกรรมห้ามพลาด  เดินชมทุ่งดอกกระดาษที่ผาพบรักและต้นเมเปิลเปลี่ยนสี ที่โรงเรียนการเมือง ในช่วงฤดูหนาว ลัดเลาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก ระยะทางประมาณ 2,460 เมตร

โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า โทร.08-1596-5977

การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง แยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง- บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานฯ รวมระยะทางประมาณ 31 กม.

@การดูเครื่องสำอางอย่างไรที่ได้มาตรฐาน

ทุกวันนี้คุณผู้หญิงและผู้ชายต่างก็หันมาใช้เครื่องสำอาง ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้ระบุวันหมดอายุเอาไว้ ตามกฎหมายของอังกฤษที่ระบุไว้ เวลาการใช้งานจะมีความปลอดภัยในการใช้ภายในระยะเวลา 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง ยกเว้นผลิตภัณฑ์นั้นระบุวันหมดอายุเป็นอย่างอื่นไว้ที่ฉลากก็ให้ถือตามนั้น

ปัจจุบันเครื่องสำอางส่วนมากนิยมผสมสารธรรมชาติลงไป ซึ่งจะมีผลทำให้อายุการใช้งานสั้นลง เนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์หรือสารอันตรายที่เกิดจากการสลายตัวของส่วนผสมในตำรับ

ข้อสังเกตเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน

1.ต้องมีฉลากระบุข้อมูลครบถ้วน ซึ่งประกอบด้วย
ชื่อผลิตภัณฑ์ รูปแบบ ครีม / น้ำใส / โลชั่น
วันเดือนปีที่ผลิต
ส่วนประกอบสำคัญ
สถานที่ของผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายที่ระบุไว้ชัดเจน

2. ควรวางจำหน่ายในสถานที่ที่เหมาะสม เพราะสภาพแวดล้อมมีผลต่อความคงตัวของผลิตภัณฑ์

3. ควรบรรจุในภาชนะปิดเรียบร้อย อยู่ในสภาพที่เหมาะสม สะดวกต่อการนำมาใช้ ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น ไม่ถูกความร้อนหรือแสงแดด

4. ควรมีความคงตัว มีคุณสมบัติคงเดิมระหว่างการนำไปใช้ ความข้น หนืด สี กลิ่น ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดอายุการใช้งาน

5. ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้เครื่องสำอางใหม่ทุกครั้ง โดยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยลงบนท้องแขน หรือบริเวณติ่งหูแล้วทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากมมีอาการผื่นผิดปกติเกิดขึ้นแสดงว่าสามารถใช้ได้

6. หากใช้เครื่องสำอางแล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครั้งแรก หรือใช้มาแล้วระยะหนึ่งก็ตาม ต้องหยุดใช้ทันที และถ้าหยุดใช้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกร เพื่อค้นหาสาเหตุและรักษาให้ถูกต้องอย่างเหมาะสม

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บอร์ดให้ทอท.จ้างกลุ่มล็อกซ์เลย์ทำสายพานกระเป๋า3.6พันล้าน”



นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ ทอท.จ้างนิติบุคคลร่วมทำงาน ล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เป็นผู้รับจ้างงานซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) (ขาออก) (BHS & EDS) ตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554 – 2560) โดยทางล็อกซเล่ย์-แอลพีเอส เสนองานติดตั้งระบบฯ ที่มีเทคนิคดีกว่าผู้เสนอราคารายอื่นและราคาต่ำสุด เป็นเงิน 3,646,789,999.99 บาท  (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %) ซึ่ง ทอท.เจรจาต่อรองลงเหลือ 3,646,560,000.-บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %) ต่ำกว่าราคากลาง 4 % หรือประหยัดงบประมาณลงได้กว่า 152,201,176.38 บาท

สอดคล้องกับแผนพัฒนาภาพรวมของสุวรรณภูมิโดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ในการรองรับการให้บริการผู้โดยสารจากปัจจุบัน 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคน และคาดว่าโครงการฯ จะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2562

ข่าวที่สอง “แนะใช้3เส้นทางใหม่เข้าสนามบินดอนเมือง”


นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง กล่าวว่า ตลอดปีนี้แนะนำให้ประชาชนและผู้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เพื่อเดินทาง เข้าสนามบินดอนเมืองในระหว่างกรมทางหลวงกำลังปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) ฝั่งขาออก บริเวณสะพานเข้า ทดม.เพื่อเพิ่มช่องจราจรทางตรงเป็น 3 ช่องจราจร โดยได้มีการรื้อถอนสะพานเดิมและจะปรับปรุงสะพานใหม่ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 จึงขอให้เลือกใช้เส้นทางเลี่ยงเพื่อเข้าสนามบินดอนเมืองอย่างสะดวกได้ 3 เส้นทาง ได้แก่

(1) ใช้สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก)

(2) ใช้ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์ขาออก)

(3) ใช้สะพานกลับรถหน้าฐานทัพอากาศดอนเมืองและเข้า ทดม.โดยช่องทางประตู 3 (ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า)

เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการดอนเมืองเลือกใช้สะพานทางเข้าหน้าคลังสินค้า (ถนนวิภาวดีฝั่งขาออก) มากกว่าเส้นทางอื่น ทำให้การจราจรภายในท่าอากาศยานติดขัด และผู้ใช้บริการไม่ได้รับความสะดวก โดยเฉพาะในช่วงเวลา 12.00 - 15.00 น.

  สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ดอนเมือง 0-2535-1192 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง)

ข่าวที่ 3 “กรมท่องเที่ยวฝันของบฟื้นฟูแหล่ง2หมื่นล้าน”


นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อยู่ระหว่างพิจารณาคำของบประมาณโครงการต่าง ๆ หลังจากได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เร่งฟื้นฟูพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังทรุดโทรมเพราะปริมาณคนเข้าไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเตรียมประเมินแผนงานเพื่อเสนอของบดำเนินการ 20,000 ล้านบาท ปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว2,639 โครงการ แบ่งเป็นเมืองรอง 55 จังหวัด 1,843 โครงการ เมืองหลัก 22 จังหวัด 796 โครงการ จะเน้นพื้นที่ชานเมืองหรือชุมชนนอกเมืองเรื่อยไปจนเมืองรอบสนามบินหลัก

แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูจะทำภายใต้แนวคิดหรือลักษณะโครงการที่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อชุมชนท้องถิ่น เช่น สร้างแหล่งกำเนิดสินค้าโอท็อปให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาตลาดเดิมให้มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว ปรับโฉมเมืองในไฮไลต์ในจังหวัดต่าง ๆ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ป้ายบอกทาง และการปรับปรุง ซ่อมแซมแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม รวมทั้งจัดทำแหล่งท่องเที่ยวเพื่อครทั้งมวล หรือ universal design

ข่าวที่สี่ “รร.วีชิงนำเชฟมิชลินสตาร์เสิร์ฟวาเลนไทน์เพียง4วัน”


โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลเลอรี บาย โซฟิเทล ชวนคู่รักเติมความหวานต้อนรับวาเลนไทน์ปีนี้ ด้วยมื้ออาหารสุดโรแมนติกแบบส่วนตัวใจกลางเมือง กับมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เพียงแค่ 4 วันเท่านั้น โดยเชฟซิลเวน เซนดร้า เชฟและเจ้าของร้าน Itinéraires ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส จะลัดฟ้ามารังสรรค์มื้ออาหารสำคัญวาเลนไทน์กุมภาพันธ์นี้ เป็นมื้อพิเศษสำหรับความตั้งใจนำเสนอรสชาติอันยอดเยี่ยมและเทคนิคประณีตสวยงามระดับเวิร์ลคลาสแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่าง วันที่ 14 ถึง 17 กุมภาพันธ์ 2561 แห่งเดียวเฉพาะที่ห้องอาหาร La VIE – Creative French Cuisine ชั้น 11 ประกอบด้วย


อาหารมื้อกลางวันแบบเซต 4 คอร์ส ราคา 3,000 บาทสุทธิ แบบเซต 4 คอร์สจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นเลิศ ราคา 4,500 บาทสุทธิ  เริ่มเสิร์ฟเวลา 12:00 น. เป็นต้นไป มื้อค่ำแบบเซต 6 คอร์ส ราคา 6,000 บาทสุทธิ แบบเซต 6 คอร์สจับคู่กับเครื่องดื่มชั้นเลิศ ราคา 8,000 บาทสุทธิ

ติดตามฟังรายการได้เป็นปนะจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง FM97.0 เวลา 11.00-12.00 น.

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์นำทีมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนเดินหน้า6แผนใหม่-เที่ยวเชียงใหม่มุมสูง ขุนวาง-ผาตั้งขุนช่างเคี่ยน

วีระศักดิ์นำไทยกอดคอรมว.อาเซียนรุก6แผนใหม่
ผนึกกระทรวงศึกษาปฏิวัติอาชีพท่องเที่ยวทุกวัย
คิงเพาเวอร์ให้โชว์บัตรคนไทยลดทั้งปี3สนามบิน
ททท.ใช้ATF2018ขาย4ธีมใหม่ทัวร์ไทย-อาเซียน
บางจากจัดแคมเปญยิ่งสะสมยิ่งแลกฟรีตลอดปี
เที่ยวเชียงใหม่มุมสูงขุนวาง-ผาตั้ง-ขุนช่างเคี่ยน
ระวังภัยสุขภาพโรคกระดูกเสื่อมเป็นได้ทุกวัย
การบินไทยงัดทุกแผนปลดหนี้บินเพิ่มไทย-เทศ
ไทยสไมล์จัดมหกรรมแชร์เพจลุ้นรับตั๋วบินฟรี
เจ้าท่าทุบโต๊ะขึ้นค่าเรือคลองแสนแสบ27มค.

สวัสดีวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen

ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำประเทศไทยยึดเวที ASEAN TOURISM FORUM 2018 กอดคอกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน 10 ประเทศ ผลักดันความร่วมมือด้วย 6 แผนที่จะไปสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อร่วมกันพลิกโฉมอาเซียนสร้าง “ความยั่งยืน-เชื่อมโยง-เสน่ห์ใหม่-ปลอดภัย-เรือสำราญ-ปลุกเทรนด์ทัวร์เยาวชนไร้พรมแดน” ใช้ท่องเที่ยวเป็นอาวุธและยาขนานใหญ่แก้ทุกปมเศรษฐกิจ และในไทยเตรียมจับมือกระทรวงศึกษาธิการสร้างมิติอาชีพท่องเที่ยวผุดหลักสูตรลัดดึงคนทุกกลุ่มทุกวัยเข้ามาเรียนให้ท้องถิ่นและเอกชนช้อปไปทำงาน

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 

ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การพูดคุยในเวทีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนระหว่าง ASEAN TOURISM FORUM 2018 พุ่งเป้าหมายหลักไปสู่การทำให้เกิดภาคปฏิบัติได้ภายในปี 2561 ใน 6 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 สร้างความยั่งยืนทางการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับสมาชิกอาเซียนไปในทิศทางเดียวกัน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตที่อาเซียนเที่ยวกันเองภายในภูมิภาคกว่า 30 % ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก หรือคิดเป็นประมาณปีละ 120 ล้านคน

เรื่องที่ 2 หารือเพื่อกำหนดความร่วมมือพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง สอดคล้องกับทุกวันนี้อาเซียนควรก้าวเข้าสู่การเดินทางแบบไร้พรมแดนและกลายเป็นภูมิภาคเดียวกันที่จะเพิ่มแม่เหล็กขั้วใหญ่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทาง


เรื่องที่ 3 นำเสนอเสน่ห์ใหม่อาเซียน โดยไฮไลต์เรื่องอาหารทั้งในแบบ Gastronomy & Cuisine เพราะอาหารของประเทศในกลุ่มอาเซียนได้รับความสนใจจากทั่วโลกเนื่องจากมีรากของวัฒนธรรมและศาสนา พุทธ มุสลิม ผสมผสานอยู่ในแต่ละเมนู แต่ละประเทศก็ต่างกันอย่างกัน แตกต่างจากอาหารทางฝั่งตะวันตก จะเป็นรูปแบบคือเริ่มจากซุปต่างๆ ตามด้วยจานหลักเป็นเนื้อสัตว์และของหวาน ไม่เหมือนของอาเซียนมีทั้ง ญี่ปุ่น จีน ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอื่น ๆ นำมาซึ่งกระแสใหม่ในเรื่องการกินตามเรื่องราวที่มีอยู่ในอาหารแต่ละจานคือ Gastronomy Tourism

นอกจากนี้ยังสามารถผนวกวัตถุดิบอาหารไทยและอาเซียนเพิ่มช่องทางการส่งออกสู่ตลาดทั่วโลกได้อีกทาง ในการเผยแพร่อาหารถิ่น ทำให้กลายเป็น “เมนูแห่งชาติ” และความถนัดของชาวอาเซียนนั่นคือส่งออกทั้งวัตถุดิบอาหารและผลิตเป็นแพกเกจสำเร็จรูปพร้อมรับประเทศ โดยเฉพาะคนไทยเก่งในเรื่องเหล่าอยู่แล้ว



เรื่องที่ 4 ความร่วมมือกันดูแลมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางอย่างสบายใจในการท่องเที่ยวต่อเนื่องไปยังแต่ละประเทศ

เรื่องที่ 5 เจรจาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญในลักษณะเรือ Cruise ขนาดใหญ่แต่ละลำเทียบเท่ากับตึกเกินกว่า 20 ชั้นขึ้นไป เทรนด์ใหม่มีนักเดินทางทุกกลุ่มวัยภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวเรือสำราญต่างจากสมัยก่อนมากที่มีแต่ผู้สูงวัยหรือคนเกษียณแล้ว ดังนั้นอาเซียนต้องหันมาสนใจในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยวเรือสำราญ จะต้องร่วมมือกันทำอย่างไรเพิ่มรายได้จากกำลังซื้อกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด ถือเป็นกลุ่มคุณภาพอย่างแท้จริง

เรื่องที่ 6 ผลักดันการท่องเที่ยวเยาวชน แนวโน้มคนกลุ่มนี้ในอาเซียนเป็นความหวังกำลังสำคัญของประชากรอาเซียนโดยแท้ เนื่องจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่จะไม่มีเส้นแบ่งทางด้านเชื้อชาติและภษา แต่จะออกเดินทางท่องเที่ยวโดยพุ่งเป้าไปยังเรื่องความสนใจทางความคิด โอกาส และแผนการเรียนรู้ โดยเด็กแต่ละชาติสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายด้วยการใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกันอย่างคล่องแคล่ว จึงถึงเวลาที่ระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวควรต้องจับมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวเยาวชนของอาเซียนให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่ออนาคตที่แข็งแรงของภูมิภาคนี้

จากเวทีการหารือร่วมกันเพื่อเดินหน้าอาเซียนในปัจจุบันและอนาคตจะเป็นอีกเวทีการเปิดมิติใหม่ของประเทศไทยเพื่อทำการ “พลิกโมเดล” หารายได้ทำให้การท่องเที่ยวกระจายรายได้เข้าถึงท้องถิ่นโดยตรงได้อย่างแท้จริง



ดร.วีระศักดิ์กล่าวว่าหลังเสร็จสิ้นภารกิจจากงาน ASEAN TOURISM FORUM : ATF 2018 แล้ว จะรีบทำนโยบายเชิงรุกด้านความร่วมมือกับกระทรวงอื่น ๆ ในประเทศ ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้จะทำข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ สร้างมิติใหม่นำสถาบันองค์กรการศึกษาภาครัฐและเอกชนเข้ามาหารือกัน เพื่อจัดทำโร้ดแมฟหลักสูตรแนวใหม่เปิดการเรียนการสอนอาชีพท่องเที่ยวแต่ละสาขาเรียนลัดจบเร็วทำงานได้ทันทีตามการเติบโตของอุตสาหกรรม หัวใจสำคัญคือจะเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มวัย ทุกอาชีพ เข้ามาเรียนหลักสูตรลัดแล้วสามารถทำงานได้ โดยสามารถเปลี่ยนจากอาชีพเดิมเข้าสู่อาชีพในวงการท่องเที่ยวได้ วิธีการเมื่อผลิตเรียบร้อยแล้วจะจัดเวทีให้องค์กรท้องถิ่น และเอกชนทุกสาขาเข้ามาช้อปหรือเลือกคนเหล่านี้ไปทำงานด้วยได้ทันที

การลงนามความร่วมมือดังกล่าวจะทำต่อจากการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนนี้สามารถบูรณาการท่องเที่ยวกับเส้นทางคมนาคมขนส่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพราะไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ ตอนนี้เรียกผู้ใช้บริการว่าเป็นนักท่องเที่ยวหมดแล้ว

ดร.วีระศักดิ์กล่าวทิ้งทายว่า นับจากนี้เป็นต้นไปท่องเที่ยวไทยจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะปลดล็อกปัญหาประเทศได้ครอบคลุมทั้งทางด้านการลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ การสร้างงาน สร้างอาชีพ และเกิดการพลิกโฉมตลาดในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้เปลี่ยนมุมชีวิตใหม่ให้ไทยเข้มแข็งทั้งในเชิงสังคม เศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ต่อไป


ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ให้โชว์บัตรคนไทย3สนามบินลดทั้งปี61

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ตลอดปี 2561 จะให้ความสำคัญกับตลาดคนไทยในการเข้ามาใช้บริการรานสาขาของคิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นมากกว่าดิวตี้ฟรี มีไลฟ์สไตล์ให้เลือกแบบครบวงจร รวมทั้งจะเน้นเพิ่มการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ไทยเพิ่มมากขึ้น เรื่อยไปจนถึงการจัดแคมเปญแต่ละเดือนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของคนไทยรุ่นใหม่ ๆ ควบคู่กันไปด้วย

เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของการ Thailand First คือประเทศไทยต้องมาก่อนในการร่วมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลยกระดับสินค้าชุมชนก้าวไกลไปสู่ตลาดโลก ด้วยการนำมาวางอยู่ตามร้านสาขาของดิวตี้ฟรี จากนั้นก็ช่วยกันสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในทุกช่องทาง รวมทั้งออนไลน์ของคิง เพาเวอร์ ซึ่งร่วมมือกับทางตลาดจีน อย่างความแข็งแกร่งต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้

สำหรับสิ่งที่จะช่วยคนไทยเดินทางอย่างสะดวกสบายแบบไม่สิ้นสุด ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง หมดเขต 31 ธันวาคม 2561 ทางคิง เพาเวอร์ จึงได้ทำแคมเปญมอบส่วนลด 10% ให้แก่นักเดินทางคนไทยทุกคน เพียงแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางไทยที่ร้านอาหารที่ร่วมรายการทั้ง 3 ท่าอากาศยาน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และยานภูเก็ต

ข่าวที่ 2 “ททท.ใช้ ATF2018บูมทัวร์4ธีมใหม่ไทย-อาเซียน”



นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้ใช้เวที A SEAN Tourism Forum : ATF 2018 เปิดตัวตลาดแนวใหม่ Open to the New Shades ปลุกกระแสการท่องเที่ยวในเรื่องความหลากหลายของโปรดักซ์ประเทศไทย เป็นเวทีที่ 2 ต่อเนื่องจากครั้งแรกเปิดตัวในงาน  World Travel Mart -WTM 2017 ณ กรุงลอนดอน อังกฤษ ครั้งที่ 3 จะไปเปิดนงานแกะสลักหิมะน้ำแข็งที่เมือง ซับโปโร ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 9 กุมภาพันธ์ นี้ เนื่องจากญี่เป็นตลาดที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นอันดับต้น ๆ ปี 2560 เข้ามากว่า 1.6 ล้านคน อีกทั้งยังนิยมใช้ดิจิตัลเป็นช่องทางและเครื่องมือการสื่อสารระหว่างการท่องเที่ยวด้วย

ดังนั้น ททท.จึงใช้โอกาสการเป็นเจ้าภาพจัด ATF 2018 สื่อถึงท่าทีของตลาดที่ประเทศไทยจะทำร่วมกันกับสมาชิกอาเซียนภายใต้โครงการ Experience Thailand and More เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการกำหนดธีมให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยว 4 เส้นทาง ดังนี้

1.ภาคเหนือ  ชื่อเส้นทาง ASEAN Ancent  เชื่อมเส้นทางระยะทาง 1,025 กิโลเมตร จากเชียงราย สู่ลำพูน และใช้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางต่อไปยังเมียนมาอีก 2 เมือง คือ ปะกัน มัณฑเลย์ ซึ่งมีอารยธรรมที่ดีงามทางด้านวัฒนธรรม

2.ภาคใต้  ASEAN Paranakan ดินแดนธรรมชาติระยะทาง 728 กิโลเมตร จะเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล เข้าสู่มาเลเซีย 2 เมือง คือ ปีนัง ลังกาวี

3.ภาคอีสาน ASEAN  Mekong Active Adventure  ระยะทาง 867 กิโลเมตร จะใช้บุรีรัมย์เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกับสู่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ไปยัง แขวงจำปาสัก (สปป.ลาว)  และเข้ากัมพูชา 2 เมือง ได้แก่ สตุงเตร็ง (Stung Treng) และ เมืองKratie ในกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเส้นทางมีความงดงามอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ป่าเขา อยู่อย่างหลากหลายมากมาย

4.ASEAN Worldclass ใช้ธีม Culinary& Heritage City เชื่อมท่องเที่ยว 3 ประเทศ ที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม อาหารถิ่น มิชลิน ประเทศไทย ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพ สมุทรสงคราม ผ่านเข้า กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มะละกา สิงคโปร์ ซึ่งสมาชิกทั้งสองประเทศแข็งแรงและโดดเด่นเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี

นายธเนศวร์กล่าวว่าประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะทำให้อาเซียนเป็นเวทีที่เปิดใจ Open your heard ไม่ใช่คู่แข่งเป็นสนามแห่งมิตรภาพความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน  เนื่องจากปี 2560 คนอาเซียนมาเที่ยวไทย  9.8 ล้านคน และนักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวอาเซียนมากถึง 120.1 ล้านคน

สำหรับภาพรวมทางด้าน "รายได้" จากนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียนทั้งหมด 9 ประเทศ ปี 2560 เข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยรวม 242,357.40 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 9.8 ล้านคน

นักท่องเที่ยวอาเซียนตลาดดาวรุ่งมาแรงของไทยคือกลุ่มอาเซียนใหม่ CLMV สร้างมูลค่ารวม 102,361.74 ล้านบาท เท่ากับมีส่วนแบ่งการใช้เงินท่องเที่ยวในไทยเกือบ 50 % จากจำนวนนักท่องเที่ยวรวมกัน 3,419,426 ล้านคน ขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียนเก่าอีก 5 ประเทศ  ได้แก่ บรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ใช้เงินเที่ยวเมืองไทยรวมกัน 139,996 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวรวม 4,771,396 คน

ข่าวที่ 3 “บางจากกระตุ้นยิ่งสะสมยิ่งแลกฟรีตลอดปีจอ”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ตั้งแต่วันนี้ 31 ธ.ค. 2561  สมาชิกบัตรบางจากยิ่งสะสมคะแนนมาก ยิ่งแลกได้มากสมาชิกบัตรบางจากด้วยการเริ่มต้นเพียง 400 คะแนน เท่านั้น
โดยการเติมแก๊สโซฮอล์ 1 ลิตร รับ 1 คะแนน เติมดีเซล  1 ลิตร รับ 1 คะแนน สามารถที่จะใช้คะแนนแลกเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า กระเป๋าเดินทาง อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย

วิธีแลกของมีค่าต่าง ๆ ที่จัดเตรียมไว้ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่คลิกแลกคะแนน ได้ที่ http://bcprewards.bangchakcrm.com/th/   โดยมีเงื่อนไขการแลกของรางวัลตามขั้นตอนดังนี้

1.ติดต่อสอบถามการตัดคะแนน โทร. Call Center 1651 กด 4

2.ของรางวัลไม่สามารถแลกหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

3.การจัดส่งสินค้าให้ตามที่อยู่สมาชิกใช้เวลา 5-7 วันทำการ สำหรับ กรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 7-10 วันทำการ สำหรับจังหวัดอื่นๆ(นับจากวันที่หักคะแนนสะสมของสมาชิก)

4.คะแนนในบัตรสมาชิกจะถูกตัด ในวันทำการถัดไป หลังจากที่มีการติดต่อแลกของรางวัล

5.สิทธิ์การแลกคะแนนสำหรับเจ้าของบัตรสมาชิก ที่มีชื่อตรงกับในระบบเท่านั้น

ช่วงที่ 2 ขึ้นดอยในแดนล้านนาไปสัมผัสการท่องเที่ยว “เชียงใหม่ในมุมสูงเสียดดอย” ตลอดหน้าหนาวปีนี้ดอยอินทนนท์ทุกตารางนิ้วมีเรื่องราวความสุขจาก “ขุนวางสู่ผาตั้ง” ไปจนถึง “ขุนช่างเคี่ยน” แต่ละสถานีเกษตรหลวงแดนเหนือ คือแหล่งบ่มเพาะความงามอันอลังการของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระไทยบนดอย ช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ นี้ นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติมุ่งหน้าขึ้นดอยไปเก็บภาพอุโมงค์ดอกไม้กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ส่วนเรื่องสุขภาพก็ต้องย้ำกันถึงการป้องกันโรคข้อเสื่อมที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย และเกาะติดข่าว “การบินไทย” ออกตัวแรงทุกเรื่องตั้งแต่ต้นปีเพื่อจะปลดหนี้หลายพันล้านด้วยการพลิกการตลาด เปิดจุดบินเพิ่มทั้งในประเทศและทั่วโลก 4 ทวีป ทางด้านไทยสไมล์เน้นทำโปรเจ็กต์เพื่อสังคม ร่วมแชร์กิจกรรมลุ้นรับตั๋วฟรีในประเทศ ส่วนกรมเจ้าท่าทุบโต๊ะไปเรียบร้อยขึ้นค่าเรือโดยสารคลองแสนแสบ

@เที่ยวเชียงใหม่ในมุมสูงขุนวาง-ดอยผาตั้ง เชียงใหม่



หลังจากประเทศไทยเลือก “เชียงใหม่” เป็นเมืองต้อนรับแขกเมืองจากทั่วโลกในงาน ASEAN TOURISM FORUM 2018 แล้ว ก็เลยถือโอกาสนำสถานที่ “เที่ยวมุมสูง” ตามดอยต่าง ๆ มาแนะนำชวนไปท่องเที่ยวกัน อากาศตอนนี้เย็นสบาย ๆ

ช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มต้นที่ “ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)” ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ในวงล้อมของแนวเทือกเขาอินทนนท์ ห่างจากถนนสายหลักลึกเข้าไปราว 16 กม.ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) นับได้ว่าเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระดอยมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตอนนี้สองข้างทางบนถนนลาดยาวให้เดินแวะชื่นชมและสัมผัสความงดงามแวะบันทึกภาพเป็นระยะ ๆ ตอนนี้พากันออกดอกสีชมพูสว่างไสวเต็มต้น ขับให้ดอยขุนวางกลายเป็นสีชมพูไปทั้งดอย


การเดินทางมาเที่ยวควรใช้พาหนะส่วนตัว หรือเหมารถจากปากทางของดอยอินทนนท์จะสะดวกและเที่ยวได้อย่างมีความสุข บริเวณที่ดอกนางพญาเสือโคร่งจะชูช่อบานสะพรั่งหนาแน่น แถมยังมีไฮไลต์ตรง “ลานผาแง่ม” ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวแฟนคลับละครดังรากนครา จะมีสถูปจำลองของเจ้าแม้นเมืองในละครไว้ให้ชมด้วย

ภายในบริเวณมีแปลงไม้ผลเมืองหนาวให้เดินชมแปลงทดลองการเกษตรทั้ง สาลี่ พลัม ท้อ แนคตารีน หรือสตรอว์เบอร์รี่ จุดที่น่าแวะดูก็มี แปลงไม้ผลเมืองหนาว แปลงกาแฟ โรงกะเทาะเปลือกกาแฟ และแปลงทดสอบพันธุ์แมคคาเดเมีย
 

ลงจากศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวาง สามารถแวะ “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์” ซึ่งมีบริการ ร้านอาหารโครงการหลวงอินทนนท์ ไฮไลต์จะนำวัตถุดิบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่คือปลาเรนโบว์เทราท์กับสเตอเจี้ยน และผักเมืองหนาวปลอดสาร มาปรุงเป็นเมนู อาทิ ต้มยำปลาเทร้า ปลาสเตอเจี้ยน หรือจะทอด ราดน้ำปลา รสชาติอร่อย ผักก็มีชาโยเต้หรือผักมะระหวานผัดน้ำมัน กระหล่ำผัดน้ำปลา เห็ดหอมทอดกรอบ หรือจะเป็นลาบเป็ดกินกับผักเมืองหนาว สำหรับเครื่องดื่มจะเน้นขายน้ำผลไม้ที่ปลูกบนดอยอินทนนท์ สนนราคาอาหารแต่ละเมนู ไม่แพงอย่างที่คิดเริ่มต่ำกว่าหลัก 100 บาท ไปจนถึงสูงสุดคือหม้อไฟต้มยำปลาเทร้าท์ ปลาสเตอเจี้ยน หม้อละ 350 บาท นอกจากนี้ยังมีของหวานทำจากผลไม้ อย่าง พุดดิ้งหน้ามะม่วง หรือหน้ากล้วยต่าง ๆ เป็นอาหารถิ่นบนดอยอร่อยไปอีกแบบ



ระหว่างทางผ่านเข้าระหว่างอำเภอแม่วางกับจอมทอง ลองแวะเข้า “หมู่บ้านแม่กลางหลวง” ขับรถขึ้นดอยสูงชมทิวทัศน์มุมสูงกลางหุบเขามีท้องนาขั้นบันไดตามไหล่เขาสบายตา จุดหมายปลายทางจะพาไปสำรวจ “โฮมสเตย์-Giant Bamboo Hut”  บ้านไม้ไผ่ขนาดยักษ์ของชาวเขาหนุ่มชาวปะกากะยอ “ไกรสร เสาวคนธ์” ที่พลิกชีวิตหันมาเอาดีในการสร้างบ้านไม้ไผ่ออกแบบเป็นรูปลักษณะคล้ายเรือขนาด 4 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ธารน้ำตก ห้อมล้อมด้วยแปลงพืชผักเมืองหนาวและดอกไม้พืชเศรษฐกิจ เพิ่งจะเปิดบริการได้เพียง 4 เดือน แต่ก็มีครอบครัวคนรุ่นใหม่เข้าไปใช้บริการ ด้วยสนนราคาห้องพัก 1,500 บาทต่อคนต่อคืน รวมห้องพัก อาหารวันละ 2 มื้อ แต่ถ้าไปกลุ่มละเกิน 3 คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 8 คน ก็จะได้ส่วนลดเหลือเพียง 1,200 บาทต่อคนต่อคืน

ไกรสร เสาวคนธ์
เจ้าของโฮมสเตย์Giant Bamboo Hut บ้านแม่กลางหลวง อ.แม่วาง เชียงใหม่

ภายในบ้านพักชั้นใต้ดินจะเป็นห้องครัวสะอาดตา ชั้น 1 เป็นล็อบบี้นั่งเล่นแบบเปิดโล่ง ส่วนชั้น 3-4 เป็นห้องพัก พักได้ห้องละ 4 คน ไกรสรบอกว่าใครที่จะมาพักโฮมสเตย์แห่งนี้ต้องรักธรรมชาติ เพราะเมื่อเข้ามาพักแล้วจะได้อยู่อย่างเป็นส่วนตัว ตามกฎจะให้แบตเตอรี่นักท่องเที่ยวไว้ใช้ 1 ลูก แต่ต้องบริหารจัดการเองเพื่อให้มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ ถ้าใช้ไม่เป็นแบตหมดก่อนก็จะไม่ให้เพิ่มอีก จากประสบการณ์ไกรสรบอกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะบริหารจัดการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากคนไทยที่ยังไม่ค่อยรู้จักประหยัดสักเท่าไร

ส่วนกลางคืนบนหุบเขาแห่งนี้เงียบสงบ มืดสนิท จึงสามารถนอนดูดาวระยับเต็มท้องฟ้า และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในหุบเขาเป็นชาวเขาเผ่าม้ง ปะกากะยอ ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องกัน ช่วยกันทำมาหากินและเข้าใจเรื่องการดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้เป็นอาชีพเสริมหล่อเลี้ยงชีวิตคนบนดอยสูง ซึ่งตามปกติจะมีอาชีพหลักทำนา ปลูกพืชเมืองหนาวไว้กินหรือบางส่วนเหลือก็นำไปขาย อยู่กันอย่างพอเพียงมีความสุข


จากนั้นสามารถลงจากดอยมาลองพักค้างคืนที่ “นอกชานมีนา” อำเภอจอมทอง เพิ่งเปิดได้ไม่ถึง 2 เดือน ที่คนในชุมชนแห่งนี้ได้นำท้องนามาออกแบบสร้างเป็นบ้านพัก เก๋ เรียบหรู มีสไตล์ พร้อมลานกางเต็นท์สัมผัสบรรยากาศท้องทุ่ง โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ได้เลยทีเดียว

เช้าวันที่สองก็มุ่งหน้าขึ้น “พระตำหนักดอยผาตั้ง” ตรงหน่วยพิทักษ์ดอยผาตั้ง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพระตำหนักบ้านไม้หลังใหญ่ชั้นเดียวเป็นเอกลักษณ์สร้างในลักษณะทรงชาเลต์รายล้อมด้วยสวนจัดเรียบง่าย เป็นเรือนประทับแปรพระราชฐานและทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาทรงพัฒนางานบนดอยอินทนนท์และพื้นที่ใกล้เคียง



ปิดท้ายขอแนะนำให้ไปยัง “ขุนช่างเคี่ยน” หรือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางเดียวกันกับที่จะพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ บ้านม้งดอยปุย เป็นแหล่งวิจัยเมล็ดพันธุ์กาแฟ ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นอีกแห่งที่มีดอกนางพญาเสือโคร่งงดงามมาก ช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ยังคงออกดอกสีชมพูสะพรั่ง

เป็นทริปเที่ยวเชียงใหม่ในมุมสูงอย่างมีความสุข และได้สัมผัสวิถีชุมชนซึ่งมีความกระตือรือร้นตื่นตัวให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

สนใจไปท่องเที่ยวมุมสูงในเชียงใหม่ สอบถามได้ที่ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672

@‘กระดูกเสื่อม’ โรคที่เกิดได้กับทุกวัย

หลายคนคิดว่าโรคกระดูกเสื่อมมักจะเกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่จากกรณีข่าวล่าสุดที่มีศิลปินหนุ่ม ป่วยด้วย “โรคกระดูกเสื่อม” ก็อาจทำให้หลายคนเข้าใจได้แล้วว่าโรคนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศและทุกวัย ไม่เว้นแม้วัยรุ่นหนุ่มสาว

นพ.ประสงค์ โอนพรัตน์พิบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มงานออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา แนะนำว่า หากพบว่าตนเองเป็นโรคกระดูกเสื่อม สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เริ่มจากการเดิน นั่งที่ถูกต้อง คือนั่งตัวตรงและนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง ไม่ยกของหนักมากเกินไป ไม่ก้มเงยบ่อย และควรยืดเส้นยืดสายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อบ้าง

สำหรับสาวๆ ที่สะพายกระเป๋าหนัก หรือหิ้วของหนักข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท บริเวณสะบัก ทำให้กล้ามเนื้อมีอาการอักเสบ หรืออาจมีการชาของเส้นประสาท บริเวณแผ่นหลังได้ จึงไม่ควรสะพายกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน หากมีอาการปวดต้นคอ หรือชาปลายนิ้วมือ ควรพบแพทย์โดยด่วน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บินไทยงัดทุกแผนปลดหนี้เพิ่มบินไทย-ทั่วโลก”

นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าฝ่ายบริหารการบินไทยนำโดยนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และทีมงานฝ่ายการพาณิชย์ได้ร่วมใจกันออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปี 2561 เดินหน้ากลยุทธ์ผู้นำสายการบินไทยแลนด์ 4.0 อย่างเข้มข้นในเชิงสื่อสารการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผ่านสื่อทุกช่องทาง เพื่อโหมจุดขายในเส้นทางบินทั้งหมดทั่วโลกครอบคลุมกว่า 80 จุด โดยเฉพาะตลอดปี 2561 จะหันมาเน้นให้น้ำหนักกับการกลับมาเป็นผู้นำเส้นทางบินภายประเทศไทยด้วยยุทธศาสตร์ THAILAND FIRST ไฮไลต์ภายในช่วงครึ่งปีแรก 2561 การบินไทยจะพัฒนาช่องทางบริการสำรองตั๋วโดยสารแบบครบวงจรทางโทรศัพท์มือถือหรือ Mobile Smartphone Application  เพื่อให้เกิดการเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ กระตุ้นกลุ่มผู้โดยสารชั้นธุรกิจซื้อตั๋วโดยสารผ่านออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มหลักจะซื้อตั๋วชั้นประหยัด โดยภาพรวมการตลาดออนไลน์ทำเพื่อรองรับตลาดยุคใหม่ตามนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งให้ทุกภาคส่วนพัฒนาองค์กรเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยเร็ว

การบินไทยได้ทำแคมเปญกระตุ้นการเดินทางต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยรวมกว่า 35 ล้านคน และคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศปีละเกือบ 150 ล้านคนครั้ง รวมทั้งเร่งออกตัวแรงตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชเดือนมกราคม 2561 นำร่องทำ แคมเปญแรก “ไมล์ปันสุข” กระตุ้นสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส (ROP) ร่วมบริจาคไมล์ที่อยู่ในบัตรสมาชิกที่จะถูกแปลงเป็นเงินเพื่อสมทบทุนใช้ในการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ร่วมบริจาคได้ทางเว็บไซต์ www.thaiairways.com/rop  ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2561

แคมเปญที่  2 ทุ่มทุนผลิตภาพยนตร์โฆษณา The New Explorer #สบายต่างกัน  "บินกับนาย"  โดยเลือก “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ-น้องนาย” นักแสดงหนุ่มเป็นตัวแทนนักเดินทางของคนรุ่นใหม่ มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่อธิบายถึงจุดเด่นและดีของการบินไทยที่ล้ำสมัย ควบคู่การสร้างกระแสทำให้แบรนด์การบินไทยอยู่ในใจกลุ่มผู้โดยสารวัยรุ่นยุคใหม่ ซึ่งมีความสะดวกสบายทั้งฝูงบิน สิ่งอำนวยความสะดวก อาหารและเครื่องดื่ม เสน่ห์วิถีไทย โดยมีรางวัลระดับโลกการันตีจากสกายแทร็กซ์ ประจำปี 2560 ได้แก่ รางวัลอันดับ 1 ถึง 3 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ สายการบินที่ให้บริการชั้นประหยัดยอดเยี่ยมของโลก สายการบินที่ให้บริการสปาเลาจน์ยอดเยี่ยมของโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และสายการบินที่ให้บริการอาหารชั้นประหยัดยอดเยี่ยม

แคมเปญที่ 3 จัดกิจกรรม “รักคุณเท่าฟ้า” การขายตั๋วโดยสารโปรโมชั่นพิเศษช่วงปลายเดือนมีนาคม 2561 จะจัดทั้งในกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัล เวิลด์ และต่างจังหวัด ไฮไลต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่นซึ่งเป็นจังหวัดศูนย์กลางการเดินทางสูงเป็นอันดับต้น ๆ

ส่วนกลยุทธ์เชิงรุกการขยายเส้นทางบินใหม่สนองนโยบายรัฐบาลกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง การบินไทยเริ่มโปรโมตการขายในโปรแกรมทัวร์เอื้องหลวง เริ่มจากเชียงใหม่ทำเส้นทางเชื่อมโยงเข้าเมืองรอง จังหวัดลำพูน ลำปาง กระตุ้นชาวต่างชาติเข้าไปยังเมืองดังกล่าว รวมทั้งเส้นทางบินสู่ภาคใต้ ภาคอีสาน และช่วงตารางบินฤดูร้อน จะเริ่มกลับไปเปิดเส้นทางบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอน สัปดาห์ละ 3 เที่ยว โดยจะใช้วิธีสื่อสารตลาดการขายทั้งตั๋วโดยสารและแพกเกจท่องเที่ยวผ่านออนไลน์เอื้องหลวงและเว็บไซต์ www.thaiairways.com

สำหรับปี 2561 การบินไทยตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางรายได้เพิ่มเป็น 2 หลัก โดยจะเน้นเพิ่มทั้งคุณภาพและอัตราบรรทุกเฉลี่ยผู้โดยสาร ทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในประเทศที่มีความเข้มแข็งในแถบ อาเซียน เอเชีย ยุโรป ทวีปไกลในอเมริกา และกำลังจะเปิดจุดบินตามคอนเซ็ปต์ใหม่เส้นทางระหว่างประเทศเข้าสู่เมืองรองคือ ไป-กลับ เชียงใหม่-เทเป (ไต้หวัน) ช่วงครึ่งหลังปีนี้โดยไทย สไมล์

นายวิวัฒน์กล่าวว่าวางกลยุทธ์เชิงรุกตลอดไตรมาสแรกปีนี้ มกราคม-มีนาคม จะเพิ่มเส้นทางบิน ไป-กลับ จากไทยและต่างประเทศทั่วโลก เริ่มเทศกาลตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เตรียมทำเที่ยวบิน Extra Flight ใช้ฝูงบินขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อนำนักท่องเที่ยวจากมณฑลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามายังไทยรวมกว่า 14,000 คน ควบคู่เพิ่มเที่ยวบินในหลายจุด เช่น กรุงเทพฯ-โซล ช่วงวาเลนไทน์ จากวันละ 3 เป็น 5 เที่ยว กรุงเทพฯ-ปูซาน เพิ่ม 5 เป็น 7 เที่ยว

 ส่วนไตรมาส 2 ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ จะเพิ่มความถี่สนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น อีก 1 เที่ยว เพราะการบินไทยเพิ่งได้รับสิทธิการบินเพิ่มเรียบร้อยแล้ว จะบินเพิ่มตั้งแต่ 25 มีนาคม นี้เป็นต้นไป ปัจจุบันการบินไทยมีบริการบินเข้าสนามบินหลัก ๆ ในญี่ปุ่น ได้แก่ นาริตะ วันละ 3 จะเพิ่มเป็น 4 เที่ยว ฮาเนดะจาก 2 เป็น 3 เที่ยว ทำให้ทุกวันนี้มีบินเข้าเมืองโตเกียววันละ 6 เที่ยว กำลังจะเพิ่มเป็นวันละ 7 เที่ยว เพราะนักเดินทางกลุ่มคุณภาพเลือกใช้การบินไทยมากขึ้น

รวมทั้งได้สิทธิการบินจากอินเดียให้ประเทศไทยเพิ่มเที่ยวบินประจำได้ 6,100 ที่นั่ง วันที่ 24 มกราคม นี้ ทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จะประชุมสายการบินของไทยทั้งหมดเพื่อแบ่งโควต้าและช่วงเวลาบินเข้าอินเดีย ซึ่งการบินไทยตั้งเป้าจะขอบินเมืองใหญ่ เช่น เดลี บอมเบ บังกาลอ ไฮเดอราบัด เชนไน อย่างน้อยเมืองละ 2 เที่ยว/วัน โดยจะใช้ทั้งการบินไทยและไทยสไมล์ให้สอดคล้องกับต้นทุนและตลาดผู้โดยสาร อีกทั้งกำลังศึกษาจุดบินสู่อเมริกาทั้งฝั่งอีสต์และเวสต์โคสต์ มหานครนิวยอร์ก ซึ่งจะสรุปได้ภายในปีนี้

ทั้งนี้การบินไทยจะเร่งเพิ่มความถี่เที่ยวบินต่างประเทศแต่ละเส้นทางให้มีบริการวันละ 1 เที่ยว ตัวอย่าง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ขณะนี้มีถึงวันละ 7 เที่ยว ส่วนยุโรปจุดบินเพิ่งเปิดใหม่ กรุงเทพฯ-เวียนนา (ออสเตรีย) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว จะเพิ่มเป็น 5-6-7 เที่ยว ซึ่งมีผู้โดยสารทั้งขาเข้าและออกดีมาก จากนั้นขยายไป แมดริด (สเปน) มอสโก รัสเซีย กำลังจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

ข่าวที่สอง “แชร์ทุกจุดที่บินกับไทยสไมล์ลุ้นรับตั๋วฟรี”

สายการบินไทยสมายล์ ชวนแฟนเพจร่วมกันแชร์เรื่องราวดีๆ ในกิจกรรม ‘แชร์รอยยิ้ม เมื่ออวัยวะไปถึง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ไทยสมายล์ให้รอยยิ้มช่วยชีวิต Smile for Life” พร้อมลุ้นรับตั๋วเครื่องบินจากไทยสมายล์ฟรี
ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงคลิกกดแชร์โพสต์กิจกรรมที่บรรยายความรู้สึกของผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะที่คุณประทับใจไปที่หน้า Wall ของคุณ พร้อมตั้งค่าเป็น Public (สาธารณะ) จากนั้น Capture หน้า Wall ของคุณที่แชร์กิจกรรมนี้ และโพสต์ใต้คอมเมนต์ บอกเหตุผลที่ประทับใจเรื่องราวพร้อมติด #Thaismileairways  #Smileforlife  #ส่งรอยยิ้มส่งตั๋วให้อวัยวะ ที่ใต้โพสต์ เพื่อลุ้นรับบัตรโดยสารชั้นที่นั่ง Smile Class ไป-กลับ ภายในประเทศเส้นทางใดก็ได้ รวม 4 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง จะทยอยแจกสัปดาห์ละ 1 รางวัล

ข่าวที่สาม “กรมเจ้าท่าขึ้นค่าเรือในคลองแสนแสบเริ่ม 27ม.ค.นี้”

กรมเจ้าท่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 ของประกาศคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือเดินประจำทาง ลงวันที่ 29 กันยายน 2559 ได้มีประกาศ เรื่องปรับปรุงอัตราค่าโดยสารเรือกลเดินประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามช่วงราคาน้ำมันดีเซล เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2561 เป็นต้นไป  โดยขึ้นค่าเรือโดยสารในคลองแสนแสบตามระยะทางคือคนละ 10-12-14-16-18-20 บาทต่อครั้ง  
                   สอบถามได้ที่ สำนักมาตรฐานทะเบียนเรือ กลุ่มพัฒนาระบบทะเบียนเรือ โทร.0 2233 1311-8 ต่อ 288 หรือ 0 2267 2367

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 เวลา 11.00-12.00 น.

วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

ททท.จัด3งานใหญ่รับต้นปี61โกยเงินเข้าชุมน-ATF2018 เชียงใหม่ทั่วโลกแห่ร่วมงาน

ททท.จัด3งานยักษ์ดึงเงินเข้าชุมชนต้นปี’61
เที่ยวเมืองไทย-ตรุษจีน-ATF2018แรงสุดๆ

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #Amazingthailand
https://www.matichon.co.th/news/812273



นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การตลาดที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงในการจัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 38” ระหว่าง 17-21 มกราคม 2561 ณ สวนลุมพินี ตลอด 5 วันกระแสตอบรับความสำเร็จดีเกินคาดทำรายได้ถึง 500 ล้านบาท มีผู้เข้าชมและช้อปปิ้งสินค้าชุมชนและเมืองรองของทั้ง 5 ภูมิภาค ผลิตภัณฑ์ยอดขายครองแชมป์ก็มีผ้าพื้นเมืองเหนือ อีสาน ใต้ และอาหารถิ่น ขายดี ตลอดงานมีจำนวนผู้เข้าชมมากถึง 680,000 คน อัตราการเพิ่มทั้งจำนวนและรายได้ผู้เข้างานนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10-15 % เป็นผลมาจากการวางแผนและจัดทำผังงานได้เป็นอย่างดี สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินเต็มที่ โดยเฉพาะผ้าพื้นเมืองรุ่น Limited ซื้อภายในงานแล้วรอคิวรับสินค้าภายหลัง ส่วนอาหารถิ่นและของดีกรุงเทพฯ 50 เขตก็ขายดีมากเช่นกัน


นายุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการ ททท. กล่าวว่า ททท.ได้ใช้เวทีงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 เปิดประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปี โดยนำ Music Marketing เข้ามาเสริมทัพ จัดทำอัลบั้มเพลงท่องเที่ยว “Open to the New Shades”เป็นแคมเปญด้านการสื่อสารการตลาดปี2561 เพื่อใช้โปรโมตการท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง จำนวน 13 เพลง แต่งเนื้อร้องทำนองโดยคุณโก้ Mr. Saxman นักดนตรีแจ๊สชั้นนำของเมืองไทย บรรจงบอกเล่าถึงเสน่ห์ของเมืองไทย ผ่านตัวโน๊ต จังหวะ และเสียงดนตรีของทั้งเครื่องดนตรีไทยและดนตรีสากล พร้อมทั้งใส่จินตนาการเกี่ยวกับเมืองไทยที่ผสมผสานกันอย่างไพเราะและลงตัวสำหรับเพลงหลักของอัลบั้มชุดนี้คือ “Open to the New Shades” ได้เชิญนักดนตรีชั้นนำจากทั่วโลกมาร่วมเล่นและลงเสียงกว่า 20 คน

เมื่อผนวกการเร่งออกตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นปีของ ททท.จัดงานต่อเนื่องจากงานแรกช่วงเปิดปีศักราชจัด “Amazing Thailand Countdown” 31 ธันวาคม 2560- 1 มกราคม 2561 กระแสตอบรับการท่องเที่ยวตามที่ ททท.ไฮไลต์จัด 4 เมืองรอง 1 เมืองหลักก็ประสบความสำเร็จทำรายได้เมืองละ 500 ล้านบาท รวม 5 จังหวัดนำเงินกระจายสู่พื้นที่ราว 2,500 ล้านบาท รวมเข้ากับงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยแล้วเม็ดเงินการท่องเที่ยวกระจายตรงลงสู่ท้องถิ่นรวมกว่า 3,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และจะยังคงมีนักท่องเที่ยวในกลุ่มที่เข้าชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยอีกกว่า 61 % ของทั้งหมดเดินทางไปเที่ยวตามพื้นที่ต่อเนื่องตลอดปี 2561



นายธเนศวร์กล่าวว่า แผนงานขั้นต่อไปหลังเสร็จเสร็จมหกกรรมเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 ทางฝ่ายสื่อสารการตลาด ทททจะเดินหน้าทำทันทีอีก 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ดึงสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวชัด ๆ ขึ้นมาขาย รวมทั้งให้ชุมชนเตรียมความพร้อมควบคู่กันไป ทาง ททท.ฝ่ายสินค้าและตลาดในประเทศที่ดูแลสำนักงานทั่วประเทศ 40 แห่ง พร้อมใจกันพัฒนาท่องเที่ยวเมืองหลักขยายไปยังเมืองรอง ส่วนที่ 2 นำเครื่องมือทางการสื่อสารเข้ามาใช้เต็มรูปแบบ ตามช่องทางสื่อที่มีอยู่จำนวนมาก ตัวอย่าง จะร้อยเรียงการสื่อสารจากเวทีการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร  ส่วนที่ 3 โปรโมตเมืองท่องเที่ยวรองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีแบรนด์โดนใจ ทั้งที่ กาฬสินธุ์ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งผมจะลงพื้นที่ไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อหาบุคลิกของกาฬสินธุ์ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวเป็นจุดขายไฮไลต์คือ “ไดโนเสาร์” เตรียมหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และผู้เกี่ยวข้องถึงวิธีทำเรื่องแบรนด์ไดโนเสาร์เชื่อมโยงไปถึงเส้นทางท่องเที่ยวเข้าขอนแก่นได้ด้วย เป็นการสร้างแบรนด์ให้ชัดเจนเพื่อกระตุ้นรายได้ให้เข้าไปเร็วที่สุด


“ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้นโยบายช่วงเทศกาลสงกรานต์ควรมีภาพของนักท่องเที่ยวเล่นหยอกล้อเล่นกับไดโนเสาร์ นำไปสู่การขยายผลโปรโมตเชื่อมโยงเข้าด้วยกันในหลายจังหวัดภาคอีสานต่อไป เป็นภารกิจของฝ่ายสื่อสารการตลาด ททท.ที่จะต้องรุกหนักอย่างรวดเร็วด้วยอีกทาง” นายธเนศวร์กล่าว

จากนั้นจังหวัดเป้าหมายต่อไปคือ “แม่ฮ่องสอน” ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เข้าพัฒนาทางด้านซัพลลายไซต์ ทางคมนาคมก็ได้เข้าเชิญชวนให้สายการบินเปิดเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น และด้วยทัศนียภาพของเมืองอยู่บนภูเขาสูง ททท.คาดหวังหากมีสายการบินเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นก็จะเริ่มมีนักท่องเที่ยวไหลเข้าไปมากขึ้น เพราะปัจจุบันเดินทางรถค่อนข้างจะผ่านโค้งจำนวนมาก ในมุมการโปรโมตไม่น่าหนักใจเพราะช่องทางของ ททท.ทำได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่ต้องไปคุยกับทางท้องถิ่นให้ชัดถึงตัวตนของพื้นที่ ซึ่งเป็นหลักการทำโปรโมตต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมนำเสนอจุดขายและอัตลักษณ์แต่ละแห่ง

สำหรับการผลิตสื่อโฆษณาแนวใหม่ ๆ ททท.ตั้งโจทก์ต้องผลิตภาพยนต์โฆษณาให้โด่งดังมุ่งเข้าสู่เมืองรอง ขณะนี้กำลังเปิดให้บริษัทเอเย่นต์ซี่โฆษณาแข่งขันกันเข้ามารับผิดชอบการผลิตโปรดักชั่น ส่วนแนวคิดเนื้อหาคอนเซ็ปต์หลักทาง ททท.จะดูแลเอง และจะใช้ซิลิบริตี้เป็นพรีเซ็นเตอร์นำกระแส เน้นความพอเพียง เป็นจริงจัง พร้อมทั้งต้องแน่ใจเมื่อสร้างกระแสแล้วต้องทำให้ท้องถิ่นชุมชนเกิดรายได้จริง ด้วยวิธีบูรณาการหลายส่วนเข้าด้วยกันมีอีเวนต์เข้ามาเสริมต้องเกี่ยวโยงไปถึงเชิง CSR การโฆษณาด้วย



สำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีน ททท.เตรียมโปรโมตเพื่อรองรับการหลั่งไหลของคลื่นนักท่องเที่ยวจีน นั้น จะกระจายต่างชาติและคนไทยไปท่องเที่ยวเมืองรอง อาทิ กรุงเทพฯ ไปจังหวัดรอบปริมณฑล นครสวรรค์ไปพิษณุโลก ชลบุรี ไประยอง จันทบุรี หรือนครสวรรค์ไปพิษณุโลก แต่จะไม่เร่งรัดถึงขนาดต้องเปิดเมืองใหม่ให้นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไป แต่จะดูเรื่องความพร้อมของชุมชนเป็นหลัก เพราะการโปรโมตเมืองรองไม่ได้เน้นสร้างดีมานต์จนมากเกินไป แต่จะเน้นการสื่อสารตลาดให้เกิดความเข้าใจและภาพจำของดีมานต์และซัพพลายให้ภูมิใจในการเป็นเจ้าของบ้าน สิ่งที่ต้องเพิ่มพิเศษคือช่วยกันสอดส่องดูแลทั้งเรื่องห้ามหลอกลวงนักท่องเที่ยวและมาตรการความปลอดภัย หลักดังกล่าวนี้สามารถใช้ได้กับการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเป็นกุญแจดอกหลักในการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ

นอกจากนี้ ททท.ยังเป็นตัวแทนประเทศไทยจัดงานใหญ่ ASEAN TOURISM FORUM 2018 เป็นเจ้าภาพ6 ครั้ง ระหว่าง 22-26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะใช้ธีม ภายใต้ Theme Theme Theme Theme “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหวางประเทศสมาชิกอาเซียน ปีนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้ขายการท่องเที่ยว (Sellers) เข้าร่วม 276 องค์กร  323 บูธ ประกอบด้วย โรงแรม 73 % ธุรกิจท่องเที่ยว/ไมซ์ 11 % หน่วยงานการท่องเที่ยว/สมาคม 9 % บริษัทตัวแทนท่องเที่ยว/ทัวร์โอเปอเรเตอร์ 4 % ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ

ส่วนผู้ประกอบธุรกิจชาติสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมขายท่องเที่ยวกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกในงาน TRAVEX อันดับ 1 คือ ไทย 117 ราย ลำดับรองลงไป ได้แก่ อินโดนีเซีย 50 ราย ฟิลิปปินส์ 30 ราย มมาเลเซีย 24 ราย สิงคโปร์ 20 ราย เวียดนาม 15 ราย กัมพูชา 10 ราย สปป.ลาว 4 ราย เมียนมา 3 ราย โดยมีตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อ (buyer) จากทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ 240 ราย ประกอบด้วย ยุโรป 113 ราย เอเชีย 28 ราย อาเซียน 62 ราย อเมริกา 40 ราย

ภายในงาน ATF  2017 เป็นครั้งแรกในรอบ 37 ปีที่ไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า ASEAN PRODUCT SHOWCASES ให้แก่ 10 ประเทศอาเซียน แต่ละประเทศจัดสาธิตแสดงสินค้าและวัฒธนธรรมต่าง ๆ

การบินไทยปี2561 ลุยเปิดเส้นทางใหม่ในประเทศ-ทั่วโลกเพียบ อัดแคมเปญออนไลน์ขายตั๋วทัวร์เอื้องหลวง

“บินไทย”ปีจอบุกตลาดออนไลน์-โมบายแอพ
อัดแคมเปญบินเพิ่มเพียบชิงเค้กไทย-ทั่วโลก

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สบายต่างกัน
อ่านได้ด้วยอีกช่องทางใน https://www.matichon.co.th/news/812033
www.facebook.com/penroongyaisamsaen

บิ๊กการบินไทยโหมกระตุ้นตลาดปีจอ’61 เปิดแนวรุก “ออนไลน์-โมบายแอพลิเคชั่น” ครบวงจร ขานรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 “อุษณีย์ แสงสิงแก้ว” สั่งลุยไทยแลนด์ เฟิร์ส เปิดจุดบินเมืองรอง บุกบินเพิ่มทั่วโลก ตรุษจีนนำทัวร์จีนเข้าไทยกว่า 14,000 คน จ่อเพิ่ม ไทเป-เชียงใหม่ ญี่ปุ่น อินเดีย ยุโรป อเมริกา


นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าฝ่ายบริหารการบินไทยนำโดยนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และทีมงานฝ่ายการพาณิชย์ได้ร่วมใจกันออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปี 2561 เดินหน้ากลยุทธ์ผู้นำสายการบินไทยแลนด์ 4.0 อย่างเข้มข้นในเชิงสื่อสารการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผ่านสื่อทุกช่องทาง เพื่อโหมจุดขายในเส้นทางบินทั้งหมดทั่วโลกครอบคลุมกว่า 80 จุด โดยเฉพาะตลอดปี 2561 จะหันมาเน้นให้น้ำหนักกับการกลับมาเป็นผู้นำเส้นทางบินภายประเทศไทยด้วยยุทธศาสตร์ THAILAND FIRST ไฮไลต์ภายในช่วงครึ่งปีแรก 2561 การบินไทยจะพัฒนาช่องทางบริการสำรองตั๋วโดยสารแบบครบวงจรทางโทรศัพท์มือถือหรือ Mobile Smartphone Application  เพื่อให้เกิดการเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ กระตุ้นกลุ่มผู้โดยสารชั้นธุรกิจซื้อตั๋วโดยสารผ่านออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มหลักจะซื้อตั๋วชั้นประหยัด โดยภาพรวมการตลาดออนไลน์ทำเพื่อรองรับตลาดยุคใหม่ตามนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มุ่งให้ทุกภาคส่วนพัฒนาองค์กรเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยเร็ว



การบินไทยได้ทำแคมเปญกระตุ้นการเดินทางต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยรวมกว่า 35 ล้านคน และคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศปีละเกือบ 150 ล้านคนครั้ง รวมทั้งเร่งออกตัวแรงตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชเดือนมกราคม 2561 นำร่องทำแคมเปญแรก “ไมล์ปันสุข” กระตุ้นสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส (ROP) ร่วมบริจาคไมล์ที่อยู่ในบัตรสมาชิกที่จะถูกแปลงเป็นเงินเพื่อสมทบทุนใช้ในการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ร่วมบริจาคได้ทางเว็บไซต์ www.thaiairways.com/rop  ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2561



แคมเปญที่  2 ทุ่มทุนผลิตภาพยนตร์โฆษณา The New Explorer #สบายต่างกัน  "บินกับนาย"  โดยเลือก “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ-น้องนาย” นักแสดงหนุ่มเป็นตัวแทนนักเดินทางของคนรุ่นใหม่ มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่อธิบายถึงจุดเด่นและดีของการบินไทยที่ล้ำสมัย ควบคู่การสร้างกระแสทำให้แบรนด์การบินไทยอยู่ในใจกลุ่มผู้โดยสารวัยรุ่นยุคใหม่ ซึ่งมีความสะดวกสบายทั้งฝูงบิน สิ่งอำนวยความสะดวก อาหารและเครื่องดื่ม เสน่ห์วิถีไทย โดยมีรางวัลระดับโลกการันตีจากสกายแทร็กซ์ ประจำปี 2560 ได้แก่ รางวัลอันดับ 1 ถึง 3 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ สายการบินที่ให้บริการชั้นประหยัดยอดเยี่ยมของโลก สายการบินที่ให้บริการสปาเลาจน์ยอดเยี่ยมของโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และสายการบินที่ให้บริการอาหารชั้นประหยัดยอดเยี่ยม



แคมเปญที่ 3 จัดกิจกรรม “รักคุณเท่าฟ้า” การขายตั๋วโดยสารโปรโมชั่นพิเศษช่วงปลายเดือนมีนาคม 2561 จะจัดทั้งในกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัล เวิลด์ และต่างจังหวัด ไฮไลต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่นซึ่งเป็นจังหวัดศูนย์กลางการเดินทางสูงเป็นอันดับต้น ๆ

ส่วนกลยุทธ์เชิงรุกการขยายเส้นทางบินใหม่สนองนโยบายรัฐบาลกระจายรายได้สู่ชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง การบินไทยเริ่มโปรโมตการขายในโปรแกรมทัวร์เอื้องหลวง เริ่มจากเชียงใหม่ทำเส้นทางเชื่อมโยงเข้าเมืองรอง จังหวัดลำพูน ลำปาง กระตุ้นชาวต่างชาติเข้าไปยังเมืองดังกล่าว รวมทั้งเส้นทางบินสู่ภาคใต้ ภาคอีสาน และช่วงตารางบินฤดูร้อน จะเริ่มกลับไปเปิดเส้นทางบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอน สัปดาห์ละ 3 เที่ยว โดยจะใช้วิธีสื่อสารตลาดการขายทั้งตั๋วโดยสารและแพกเกจท่องเที่ยวผ่านออนไลน์เอื้องหลวงและเว็บไซต์ www.thaiairways.com

สำหรับปี 2561 การบินไทยตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางรายได้เพิ่มเป็น 2 หลัก โดยจะเน้นเพิ่มทั้งคุณภาพและอัตราบรรทุกเฉลี่ยผู้โดยสาร ทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในประเทศที่มีความเข้มแข็งในแถบ อาเซียน เอเชีย ยุโรป ทวีปไกลในอเมริกา และกำลังจะเปิดจุดบินตามคอนเซ็ปต์ใหม่เส้นทางระหว่างประเทศเข้าสู่เมืองรองคือ ไป-กลับ เชียงใหม่-เทเป (ไต้หวัน) ช่วงครึ่งหลังปีนี้โดยไทย สไมล์

นายวิวัฒน์กล่าวว่าวางกลยุทธ์เชิงรุกตลอดไตรมาสแรกปีนี้ มกราคม-มีนาคม จะเพิ่มเส้นทางบิน ไป-กลับ จากไทยและต่างประเทศทั่วโลก เริ่มเทศกาลตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เตรียมทำเที่ยวบิน Extra Flight ใช้ฝูงบินขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อนำนักท่องเที่ยวจากมณฑลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามายังไทยรวมกว่า 14,000 คน ควบคู่เพิ่มเที่ยวบินในหลายจุด เช่น กรุงเทพฯ-โซล ช่วงวาเลนไทน์ จากวันละ 3 เป็น 5 เที่ยว กรุงเทพฯ-ปูซาน เพิ่ม 5 เป็น 7 เที่ยว


 ส่วนไตรมาส 2 ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ จะเพิ่มความถี่สนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น อีก 1 เที่ยว เพราะการบินไทยเพิ่งได้รับสิทธิการบินเพิ่มเรียบร้อยแล้ว จะบินเพิ่มตั้งแต่ 25 มีนาคม นี้เป็นต้นไป ปัจจุบันการบินไทยมีบริการบินเข้าสนามบินหลัก ๆ ในญี่ปุ่น ได้แก่ นาริตะ วันละ 3 จะเพิ่มเป็น 4 เที่ยว ฮาเนดะจาก 2 เป็น 3 เที่ยว ทำให้ทุกวันนี้มีบินเข้าเมืองโตเกียววันละ 6 เที่ยว กำลังจะเพิ่มเป็นวันละ 7 เที่ยว เพราะนักเดินทางกลุ่มคุณภาพเลือกใช้การบินไทยมากขึ้น

รวมทั้งได้สิทธิการบินจากอินเดียให้ประเทศไทยเพิ่มเที่ยวบินประจำได้ 6,100 ที่นั่ง วันที่ 24 มกราคม นี้ ทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จะประชุมสายการบินของไทยทั้งหมดเพื่อแบ่งโควต้าและช่วงเวลาบินเข้าอินเดีย ซึ่งการบินไทยตั้งเป้าจะขอบินเมืองใหญ่ เช่น เดลี บอมเบ บังกาลอ ไฮเดอราบัด เชนไน อย่างน้อยเมืองละ 2 เที่ยว/วัน โดยจะใช้ทั้งการบินไทยและไทยสไมล์ให้สอดคล้องกับต้นทุนและตลาดผู้โดยสาร อีกทั้งกำลังศึกษาจุดบินสู่อเมริกาทั้งฝั่งอีสต์และเวสต์โคสต์ มหานครนิวยอร์ก ซึ่งจะสรุปได้ภายในปีนี้

ทั้งนี้การบินไทยจะเร่งเพิ่มความถี่เที่ยวบินต่างประเทศแต่ละเส้นทางให้มีบริการวันละ 1 เที่ยว ตัวอย่าง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ขณะนี้มีถึงวันละ 7 เที่ยว ส่วนยุโรปจุดบินเพิ่งเปิดใหม่ กรุงเทพฯ-เวียนนา (ออสเตรีย) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว จะเพิ่มเป็น 5-6-7 เที่ยว ซึ่งมีผู้โดยสารทั้งขาเข้าและออกดีมาก จากนั้นขยายไป แมดริด (สเปน) มอสโก รัสเซีย กำลังจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

นอกจากนี้นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ยังมีนโยบายในการลดต้นทุนเพื่อฟื้นฟูการบินไทยมีรายได้เติบโต 2 หลัก ทำกำไรได้อีกครั้งในปี 2561 โดยให้เร่งศึกษาการปรับแผนลงทุนสำนักงานการบินไทยในต่างประเทศทั่วโลกทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรป เริ่มนำร่องศึกษาแล้ว 4 แห่ง เพื่อย้ายหรือยุบสำนักงานใจกลางเมืองซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงไปอยู่ในทำเลเหมาะสม พร้อมลดขนาดพื้นที่ทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีช่องทางการขายผ่านดิจิตอล ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงออนไลน์ เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย สมาร์ทโฟนโมบายแอพลิเคชั่น ได้เป็นอย่างดี จึงตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดการขายโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้การบินไทยกลายเป็นเบอร์หนึ่งในฐานะสายการบินแห่งชาติให้ได้

วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561

ทัวร์ในประเทศขานรับนโยบายบิ๊กตู่ขาย3โปรแกรมทอง-เที่ยวพิษณูโลกมุมใหม่ในนาบัว เรนฟอเรสต์ สวนร่มเกล้า

เอกชนยกเครื่องทัวร์ในประเทศหวังโกย3แสนล้าน
เร่งผลิตแพกเกจเที่ยวไทยรับ3นโยบาย“รัฐบาลบิ๊กตู่”
คิงเพาเวอร์ลดทุกมื้อ30%ควิซีนอันปลั๊ก-รามายณะ
ททท.ดึงทั่วโลกซื้อขายกระหึ่มATF2018เชียงใหม่
บางจากเจ้าแรกไทยUSAให้2ใบรับรององค์กรกรีน
ชม”นาบัวพุทธ-เรนฟอเรส-บ้านร่มเกล้า”พิษณุโลก
ระวังภัยสุขภาพใกล้ตัวจากเวียนศรีษะสารพัดโรค
TCEBชูพ็อกเก็ตบุ๊คไมซ์ปรับทัศนคติอุตฯแสนล้าน
ทางหลวงชนบทรุกทำถนนเลียบทะเลเที่ยวเมืองรอง
สภาทัวร์ตื่นบี้รัฐปรับท่าเทียบเรืออันดามันรับทัวร์โต
บินไทยชวนบริจาคไมล์ปันสุขช่วยการแพทย์ศิริราช
แอร์เอเชียชิงเปิดบินทะเลใต้ใกล้กรุง“กทม-ชุมพร”

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza

ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) นำทัพบริษัทสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวผุดรายการนำเที่ยวหวังแชร์ส่วนแบ่งรายได้ในประเทศเข้ากระเป๋าเอกชนตลอดปีจอกว่า 300,000 ล้านบาท ด้วยการเร่งทำแพเกจทัวร์ขานรับ 3 นโยบาย “เที่ยวเมืองรอง-อาหารถิ่นและมิชลิน-กระจายเงินสู่ชุมชนท่องเที่ยวฐานราก” ไปพร้อม ๆ กับปลุกจิตสำนึกขั้นรุนแรงแก่นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่เดินทางเป็นกรุ๊ปกับบริษัททัวร์ช่วยเก็บขยะดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เก่า ก่อนขยายไปเที่ยวตามพื้นที่ใหม่ ๆ

นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์
 นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เ


นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ปี 2561 ภาคเอกชนจะเน้นเดินตามนโยบายของภาครัฐทั้งการส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษีในเมืองรองทั่วประเทศ 55 จังหวัด การท่องเที่ยวชุมชน รวมถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวิถีไทยอย่างยั่งยืน ผนวกเรื่องการปลุกกระแสอาหารมิชลินและอาหารถิ่น โดยจะทำโปรแกรมท่องเที่ยววางตลาดขายในแต่ละช่วงให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกต้นปีได้ทำแพกเกจเที่ยวภาคเหนือ ไตรมาสสองเข้าสู่ฤดูร้อนกำลังทยอยผลิตแพกเกจลงสู่ภาคใต้ และช่วงกลางปีไตรมาสสามเป็นฤดูฝนก็จะทำแพกเกจท่องเที่ยวในรัศมีรอบกรุงเทพฯ 300 กม.

ปี 2561 บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวภาคเอกชนในกลุ่มของ สทน.จะทำโปรแกรมและแพกเกจท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดในทุกฤดู เนื่องจากประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ต้นปีมีสัญญาณที่ดีของผู้บริโภค หลังจากรัฐบาลหันมาส่งเสริมเมืองรอง และจะผนวกเจาะขายกลุ่มตลาดประชุมสัมมนา ท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริ เน้นทำกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อคืนกำไรสู่สังคม ซึ่งทางองค์กรเอกชนติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อโปรแกรมดังกล่าวสูงขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายเงิน 2 คืน 1 วัน 3,000-4,000 บาทต่อคนต่อทริป แต่เมื่อใส่กิจกรรมซีเอสอาร์เพิ่มเข้าไปจะใช้จ่ายเพิ่ม 4,000-5,000 คนต่อทริป

กลุ่มนักท่องเที่ยวมาแรงปีนี้คือ กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้หญิง ผู้สูงอายุ กลุ่มเจนวาย แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มเป็นพิเศษ โดยมีแหล่งท่องเที่ยวรองรับซึ่งจะต้องร่วมมือกับท้องถิ่นและองค์กรต่าง ๆ เพื่อแก้ไขความเสื่อมโทรม เพราะหลายปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวเดิมจึงเริ่มทรุดโทรมและไม่สมควรที่จะทิ้งของเก่าแล้วไปหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่มาขายโดยไม่ได้ดูแลรักษา ดังนั้นจึงต้องรณรงค์เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ


ปีนี้ทางผู้ประกอบการนำเที่ยวจะทำ 3 ก. คือ 1.การกิน เพราะมีความโดดเด่นทางด้านอาหารถิ่นและร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน ไกด์ บุ๊ค 2.การกอด เพื่อให้รักประวัติศาสตร์ ชีวิต ชุมชน ที่ดีงามไว้ และ 3.การเก็บ ดูแลรักษาปัญหาโดยร่วมเก็บขยะตามแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการปลุกจิตสำนึกกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พาเข้าไปจะต้องไม่ทำลายธรรมชาติหรือสร้างปัญหาต่าง ๆ ทิ้งไว้

ตั้งแต่เริ่มเปิดศักราชใหม่ทางเอกชนได้ร่วมหารือและจับมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลังกันทำเรื่อง ความสะดวก ปลอดภัย สะอาด

ขณะเดียวกันเอกชนก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในมหกรรม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561” จัดเป็นงานที่ดีที่ได้ยกของเด่น ๆ มาไว้ยังสวนลุมพินี ในช่วง 2 ปีหลังพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมมากขึ้น ทาง ททท.และกระทรวงท่องเที่ยวฯ ก็เห็นความสำคัญ เพิ่มบทบาทเอกชนในงานมากขึ้น ด้วยการให้นำสินค้าของบริษัทนำเที่ยวตั้งเป็น Clinic ท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณโซนสอง มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลรายละเอียดทุกเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางแต่ละฤดู

โปรแกรมที่นำไปวางเพื่อแนะนำแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย เดินชมตามภูมิภาคต่าง ๆ แล้ว ต้องการจะเดินทางไปท่องเที่ยวหลังจากนี้เป็นต้นไป ก็แวะไปยังคลินิกท่องเที่ยวของ สทน.เพื่อขอคำแนะนำการทำโปรแกรมหรือวางแผนการเดินทางได้ตลอดจนถึงวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม นี้

แนวโน้มของคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตลอดปี 2561 จะมีแรงกระตุ้นจากการใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเข้ามาปลุกกระแสตลอดทั้งปีทั้งเดินทางและใช้เงินเพิ่มมากขึ้น โดยจะช่วยสร้างเงินสะพัดให้อยู่ในกลุ่มของภาคเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศตามเป้า 1 ล้านล้านบาท น่าจะได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความสงบของประเทศด้วย เพราะไทยเป็นจุดหมายปลายที่ได้รับความนิยมจากคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งการเป็นเจ้าบ้านที่ดีและการดูแลเรื่องความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์ไลฟ์สไตล์ใหม่กินอาหารได้จุดใจมค.ลดเลย30%”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังปรับโฉมใหม่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ต้อนรับเดือนมกราคม 2561 ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ไม่ต้องมีเที่ยวบินเดินทางต่างประเทศก็มาเดินช้อปที่ร้านดิวตี้ฟรี รางน้ำ อันเป็นจุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ ที่มีทั้งร้านอาหารสตรีทฟู้ด สินค้าแบรนด์ไทย และช่วงครึ่งหลังเดือนมกราคมนี้ พร้อมมอบความคุ้มค่าในการใช้บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อต่าง ๆ เริ่มจาก “บาร์บีคิวซันเดย์บรั๊นซ์บุฟเฟต์” รับทันทีส่วนลด 30 % โดยจ่ายรวมท้งอาหารรวมเครื่องดื่มเพียงคนละ 1,255 บาทเท่านั้น เด็กอายุต่ำกว่า 11 ปีรับประทานฟรี ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ)

สำหรับเมนูบาร์บีคิวซันเดย์บรั๊นซ์บุฟเฟต์ได้จัดทัพอาหารทะเลนำเข้ามามายมาให้เลือกรับประทานกันอย่างจุใจ ทั้ง หอยนางรมฟินแคลร์ ปูหิมะฝรั่งเศส เนื้อสัตว์รวมถึงซี่โครงย่างสไตล์ลาตินนำเข้าจากอเมริกา ในมุมบาร์บีคิว และเมนูนานานาชาติละลานตา

ส่วนที่ “ภัตตาคารรามายณะ ภูเก็ต คอมเพล็กซ์” ในดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ก็จัดโปรโมชั่นพิเศษ มา 3 จ่าย 2 ระหว่างวันนี้ – 31 มกราคม 2561 เต็มอิ่มกับบุฟเฟต์นานาชาติ อาหารและเครื่องดื่มหลากชนิด เพียงแค่ใช้บัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ กับโปรโมชั่นพิเศษดังกล่าวที่ภัตตาคารรามายาณะ ภูเก็ต เปิดบริการทุกวัน ในการเลือกรับประทาน บุฟเฟต์มื้อกลางวัน เพียงคนละ 400 บาทสุทธิ บุฟเฟต์มื้อค่ำ จัดเต็มอาหารทะเล เพียงคนละ 600 บาทสุทธิ สำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร.0 7639 7888 ต่อ 8387, 8389

ข่าวที่ 2 “ททท.ดึงอินเตอร์กว่า500องค์กรร่วมนิวเฉดATF2018เชียงใหม่”



ททท.เปิดกลยุทธ์นำไทยเจ้าภาพครั้งที่ 6 จัดงานใหญ่อาเซียน ATF 2018 ปลุกผู้ขาย 276 องค์กร เจรจาคู่ค้าจากทั่วโลก 240 ราย พร้อมเป็นประเทศแรกดีไซน์พื้นที่ “โปรดักซ์ โชว์เคส” ให้สมาชิก 10 ประเทศ ตั้งเป้าจุดพลุความร่วมมือ “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ASEAN Tourism Forum (ATF 2018 ) ) ระหว่าง 22 -26 มกราคม2561 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเฉลิมพระเกียรติ จ.เชียงใหม่ ภายใต้ Theme Theme Theme Theme “ASEAN-Sustainable Connectivity Connectivity Boundless Prosperity”เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหวางประเทศสมาชิกอำเซียน และประเทศไทยได้เป็นเจ้ำภาพจัดรวม 5 ครั้งแล้ว ปี 2561 เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 6 (ATF ครั้งที่ 37)

ปีนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้ขายการท่องเที่ยว (Sellers) ตอบรับเข้าร่วมงานมากถึง 276 องค์กร รวม 323 บูธ ประกอบด้วย โรงแรมที่พัก 73 % ธุรกิจท่องเที่ยว/ไมซ์ 11 % หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว/สมาคม 9 % และบริษัทตัวแทนท่องเที่ยว/ทัวร์โอเปอเรเตอร์ 4 % ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจของชาติสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมขายท่องเที่ยวกับตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกในงาน TRAVEX อันดับ 1 คือไทยมี 117 ราย ลำดับรองลงไป ได้แก่ อินโดนีเซีย 50 ราย ฟิลิปปินส์ 30 ราย มมาเลเซีย 24 ราย สิงคโปร์ 20 ราย เวียดนาม 15 ราย กัมพูชา 10 ราย สปป.ลาว 4 ราย เมียนมา 3 ราย

ทางด้านตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อ (buyer) จากทั่วโลกมีจำนวนรวม 240 ราย ประกอบด้วย ยุโรป 113 ราย เอเชีย 28 ราย อาเซียน 62 ราย อเมริกา 40 ราย



ภายในงาน ATF  2017 ได้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า ASEAN PRODUCT SHOWCASES ให้แก่ 10 ประเทศในอาเซียนเพื่อมาสาธิต สินค้ำและวัฒธนธรรมของแต่ละประเทศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงาน ATF ที่ออกแบบการจัดพื้นที่ให้ในลักษณะนี้

ส่วนของประเทศไทย บริเวณ ASEAN Product Showcase ททท.ได้นำเสนอตู้ภาษาไทย และการจัด DIY ศิลปะบนช้ำงปูนปลาสเตอร์ ภายใต้โครงการ ELEPHANT PARADE LAND เพื่อนำรายได้จากการขายช้างปูนพลาสเตอร์ นำไปช่วยรักษาช้างที่ป่วยในประเทศไทยซึ่งช้างปูนปลาสเตอร์เหล่านี้ได้ผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกส่งออกไปขายในตลาดยุโรป และอเมริกาหารายได้เพิ่มอีกช่องทาง

รวมทั้งการจัดทำโซน “Premium Product Showcase” 3 ไฮไลต์ ประกอบด้วย 1.พื้นที่นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวต้นแบบ -Best Itineraries Showcase 2.พื้นที่สาธิตการทำอาหารและผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร – Cooking Demonstration 3.พื้นที่จัดแสดงสินค้าพรีเมี่ยม คิชเช่นแวร์และอุปกรณ์การตกแต่ง - Premium Product D

ข่าวที่ 3 “บางจากผงาดรายแรกได้2ใบรับรองLEEDจากUSA”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัว 2 ใบรับรองแห่งอาคารสีเขียวระดับนานาชาติ หรือใบรับรอง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design: LEED) ของสภาอาคารเขียวสหรัฐ อเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC) ตามที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท บางจากฯ ได้รับใบรับรองดังกล่าวในระดับ Platinum โดยเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยที่ได้รับใบรับรองในประเภท LEED for Commercial Interior (LEED CI) บนพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

สำหรับงานตกแต่งภายในเชิงพาณิชย์ ได้ทำพิธีเปิดตัวใบรับรอง LEED ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์  พร้อมได้รับเกียรติจาก Mr. Erik Anderson ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และกลุ่มพันธมิตรร่วมแสดงความยินดี

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท บางจากฯ มีการตกแต่งด้านสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึง การประหยัดพลังงาน น้ำ การดูแลคุณภาพอากาศ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้อาคาร และสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาให้ใบรับรองจาก USGBC โดยใบรับรองทั้ง 2 ที่บริษัท บางจากฯ ได้รับ แบ่งเป็น ใบรับรองที่มอบให้สำหรับ Bangchak Convention and Meeting Center บนพื้นที่ขนาด 2,193 ตารางเมตร บริเวณห้องประชุมชั้น 8 และชั้น 10 และใบรับรองที่มอบให้ Bangchak @Bangchak Head Office บนพื้นที่ขนาด 10,676 ตารางเมตร ของอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัท บางจากฯ โดยมีเกณฑ์การพิจารณา 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้าน Sustainable Sites, Water Efficiency, Energy and Atmosphere,  Material and Resources, Indoor Environmental Quality, Innovation และ Regional Priority Credit

การได้รับใบรับรองครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจากผู้บริหารและพนักงานบางจากฯ ทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ปฏิบัติตามนโยบายด้านการบริหารจัดการอาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ด้วยบริษัท บางจากฯ มีวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่กลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียวชั้นนำในเอเชียที่มีบรรษัทภิบาลที่ดีและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางแบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน มีแนวทางการบริหารสู่ความยั่งยืนที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหประชาชาติที่ว่าด้วยเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนในการจัดการและพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในระดับโลก

 ช่วงที่สอง ออกเดินทางไปท่องเที่ยวมุมใหม่ในเมืองอกแตก “พิษณุโลก” แล้วจะรู้จักเมืองไทยกว้างขึ้นกับทุ่งนา ป่าเขา ธรรมชาติเชิงเกษตร ทุกอนูบนผืนแผ่นดินไทยคือความสุขของทุกคน เมื่อได้ไปซึมซัมความสุขที่ โฮมสเตย์บ้านนาบัวพุทธ ไร่เรนฟอเรสต์ และสวนพฤกษศาสตร์ร่มเกล้า

@เที่ยวพิษโลกมุมใหม่ในนาบัวพุทธ/ไร่เรนฟอเรสต์-สวนพฤกษศาสตร์”



การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยิ่งถ้าได้ไปทัวร์เมืองไทยในพื้นที่ใหม่ตามเมืองท่องเที่ยวยิ่งได้กำไรชีวิตใน “พิษณุโลก” เมืองอกแตกที่ใคร ๆ ยังเข้าไม่ถึง วันนี้จะพาไปอิ่มเอมใจตามชุมชน 3 อำเภอ เริ่มจาก “โฮมสเตย์บ้านนาบัว” อำเภอนคร ที่ตำบลนาบัวเป็นหมู่บ้านตั้งอยู่กลางหุบเขาคล้ายแอ่งกระทะ ชาวบ้านแถบนี้จะใช้แปลงนาทำอาชีพปลูกดอกบัวพุทธ ดอกสีม่วงเป็นริ้วทิวงามตลอดท้องทุ่ง พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ท่องเที่ยวเชิงการเกษตร รอบบริเวณมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้ง น้ำตก เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เดินชมต้นจำปาขาวอายุกว่า 700 ปี การสาธิตทำนาโยน การทำปุ๋ยชีวภาพใช้อย่างปลอดภัย อีกทั้งชาวชุมชนได้คิดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย เป็นการแสดงพื้นบ้าน การทำหัตถกรรมท้องถิ่น

ชาวนาบัวเป็นชุมชนที่ได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความโดดเด่นเรื่องการบริหารจัดกงานเงินออมและการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คงความอุดมสมบูรณ์ เรื่อยไปจนถึงการรักษาประเพณีพื้นบ้านไว้เป็นอย่างดี


จากนั้นเดินทางไปยัง “อำเภอวังทอง” เพื่อไปสูดโอโซนบริสุทธิ์ที่ “เรนฟอเรสท์ ฟาร์ม” ที่ตำบลแก่งโสภา เป็นอีกแห่งที่นำแนวคิดการพึ่งพาตนเองด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ดูแลกันเอกง กระทั่งสามารถผลิตพลังงานทดแทนจากไบโอดีเซล ไบโอแก๊ส น้ภส้มควันไม้เตาพลังงานแกลบ และพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้เอง แถมยังเป็นแหล่งคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพพื้นบ้าน มีทั้ง สบู่ น้ำยาสระผม น้ำยาเอนกประสงค์ ยาหม่อง กลายเป็นธุรกิจชุมชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปลุกจิตสำนึกดึงเยาวชนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย



มีกรรมวิธีการพัฒนาฟาร์มอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งเรื่องการเพาะปลูก ผลิตอาหารปลอดสารเคมี ทำปศุสัตว์ บ่อปลา เลี้ยงไก่ไข่ เป็ด หมูหลุม ไส้เดือน ปุ๋ยหมัก เรื่อยไปจนถึงการผลิตพลังงานจากธรรมชาติใช้เอง การปลูกป่าแบบสวนผสม สามารถลดค่าใช้จ่ายแถมมีรายได้อย่างยั่งยืน


 ปิดท้ายที่ “อำเภอชาติตระการ” ไปชม “สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าพิษณุโลกในพระราชดำริ” ที่ตำบลบ่อภาค สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จทอดพระเนตการดำเนินงานของโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่ ภูขิด ภูเมี่ยง ภูสอยดาว จากนั้นจึงมีพระราชประสงค์เพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอันสมบูรณ์ไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและเพื่อสนับสนุนราษฎรในหมู่พื้นที่ พร้อม ๆ กับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

 ไปถึงแล้วนักท่องเที่ยวจะได้ชมการจัดแสดงพรรณไม้ประจำถิ่น ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ โรงเรือนกล้วยไม้ไทยสายพันธ์หายากกว่า 300 ชนิด รวมถึงพรรณไม้ค้นพบใหม่อย่าง สร้อยสยาม และที่สำคัญมีเส้นทางให้เดินท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติหรือจะเลือกนั่งรถอีแต็กของชาวบ้านก็ได้ ตลอดสองข้างทางจะได้เพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งไปพร้อม ๆ กัน

 ความสุขของทุกคนอยู่ใกล้แค่เอื้อม เพียงออกไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวเมืองไทย แล้วจะเห็นมุมใหม่ในอีกหลายมิติคงอยู่และเปลี่ยนแปลงไปอย่างสร้างสรรค์ ออกมาท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยมีสิ่งสวย ๆ งาม มากกว่าที่คิด

@ระวังอาการเวียนศรีษะกับภัยสุขภาพใกล้ตัว

ปัจจุบันหลายคนอาจเคยเกิดอาการเวียนศีรษะ ซึ่งพบได้บ่อยกับทุกเพศทุกวัย และก่อนต้องเผชิญกับการเจ็บป่วยด้วยอาการดังกล่าว การป้องกันโดยดูแลสุขภาพ รู้เท่าทันโรคเพื่อรักษามีความสำคัญ

          อาการเวียนศีรษะ จากข้อมูลงานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพงานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้ว่า เวียนศีรษะ เป็นอาการที่ใช้อธิบายความรู้สึกไม่สบายที่เกิดขึ้นจากการรบกวนสภาวะการรับรู้สภาพการทรงตัวของร่างกาย เกิดจากความผิดปกติของระบบการทรงตัวระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบ ได้แก่ สายตา ระบบรับความรู้สึกของข้อต่อทั่วร่างกาย ระบบประสาทการทรงตัวในหูชั้นใน และระบบประสาทกลาง ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมสัญญาณประสาท

          สำหรับ อาการเวียนศีรษะหมุน เป็นความรู้สึกเหมือนมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของ สิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือของตนเอง หรือเสียการทรงตัว ทำให้ผู้นั้นไม่สามารถควบคุมการทรงตัวในลักษณะ ปกติได้ มักมีอาการเวียนหมุน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ รอบตัวหมุน ซึ่งในความจริงนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ได้หมุน อาการเวียนศีรษะชนิดนี้จึงค่อนข้างรุนแรง และอาจมีอาการแทรกซ้อน อื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ใจเต้นแรง ฯลฯ  โดยสาเหตุอาการเวียนศีรษะชนิดนี้คือ ความผิดปกติของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน

          โรคที่เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะจึงได้แก่ โรคหูชั้นในผิดปกติ อาจเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่บางรายอาจมีประวัติโรคทางหู หรืออุบัติเหตุมาก่อน โรคกลุ่มนี้จะก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะที่พบบ่อยที่สุด โดยเป็นแบบบ้านหมุนหรือโคลงเคลง และมักมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย ขณะเกิดอาการมักต้องอยู่นิ่ง ๆ หากเคลื่อนไหวศีรษะอาจทำให้มีอาการมากขึ้น และมักเป็นขณะเปลี่ยนท่าทาง เช่น ลุกจากเตียงนอนหรือล้มตัวลงนอน ตะแคงซ้ายขวา ในบางรายอาจมีอาการหูอื้อและเสียงรบกวนในหู

          การอักเสบติดเชื้อ เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อย มักจะเป็นหวัดหรือระบบทางเดินหายใจอักเสบนำมาก่อน หากเชื้อลามเข้าหูชั้นในและเส้นประสาทจะเกิดการอักเสบ ส่งผลให้มีอาการเวียนศีรษะรุนแรง และเป็นอยู่หลายวัน แต่การได้ยินจะปกติดี  ส่วนการอักเสบของหูชั้นในที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาการจะรุนแรงมากและอาจสูญเสียการได้ยิน พบในผู้ที่มีประวัติโรคการอักเสบของหูส่วนกลาง หูน้ำหนวก แล้วโรคลุกลามเข้าไปในหูชั้นใน

          นอกจากนี้เกิดจาก อุบัติเหตุ ที่ทำอันตรายต่อหูชั้นใน โดยเฉพาะอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะอย่างมาก ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน บางรายอาจสูญเสียการได้ยินร่วมด้วย โดยอาการจะเป็นนานหลายวันถึงสัปดาห์ จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้น

          โรคเนื้องอกเส้นประสาทการทรงตัวหรือเส้นประสาทการได้ยิน มักพบอาการเสื่อมการได้ยิน ร่วมกับอาการมึน เวียนศีรษะ อาจมีเสียงรบกวนในหู ในรายที่ก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่ ไม่ได้รับการรักษา อาจมีอาการชาที่ใบหน้าซีกนั้น เดินเซ หรืออาการทางสมอง เนื่องจากก้อนเนื้องอกไปกดเส้นประสาท

          อีกทั้งระบบการไหลเวียนเลือดก็เป็นอีกสาเหตุ หากเลือดไหลเวียนไปสมองไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดอาการมึนเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมได้ อย่างเช่น การลุกขึ้นยืนเร็ว ๆ จากท่านอนหรือท่านั่ง ซึ่งทั่วไปจะหายได้เอง

          แต่สำหรับผู้ป่วยจะเกิดอาการค่อนข้างบ่อย สาเหตุเกิดจากความดันโลหิตต่ำ เส้นเลือดตีบ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือโลหิตจาง เป็นต้น ส่วน โรคทางระบบประสาท มักมีอาการเวียนศีรษะร่วมกับอาการทางระบบประสาทอื่นๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง ชารอบปากและแขนขา เห็นภาพซ้อน และโรคภูมิแพ้ก็เป็นอีกสาเหตุซึ่งบางคนอาจเวียนศีรษะเมื่อได้รับสิ่งที่แพ้

          อย่างไรก็ตามอาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่เกิดจากหลายสาเหตุ เมื่อมีอาการพบความผิดปกติไม่ควรวางใจ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ทั้งนี้การดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย การเล่นกีฬาเบา ๆ หรือบริหารร่างกาย เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพการทรงตัว  ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ลดภาวะที่จะก่อให้เกิดความเครียด รักษาอารมณ์และสภาพจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส พักผ่อนให้เพียงพอ

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “

นายจิรุตถ์  อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า “ไมซ์เป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ทั่วโลและไทยให้ความสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ของโลกมีขนาดใหญ่ถึงเกือบ 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2560 ไทยมีรายได้จากไมซ์ต่างประเทศและคนไทยมาจัดงานรวม 36.3 ล้านคน สร้างรายได้ 1.79 แสนล้านบาท

จากปัจจัยดังกล่าวจึงเกิดแนวคิดจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊ค “MICE ไม่ได้แปลว่าหนู” เล่มแรกของเมืองไทย โดยรวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับไมซ์ในมุมต่าง ๆ มาเล่าอย่างเข้าใจง่าย  อ่านตามไปได้อย่างเพลิดเพลิน เปี่ยมอรรถรส จนเกิดความรู้ ความเข้าใจ เป็นการจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ มาร่วมสร้างสรรค์ไมซ์ให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต ต่อยอดสร้างคนพันธุ์ไมซ์รุ่นใหม่ให้กับประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการในธุรกิจไมซ์ หรือคนที่สนใจอยากเข้ามาทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงนิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไป”

“ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม TCEB ผู้รับผิดชอบการจัดทำพ็อกเก็ตบุ๊ค กล่าวว่า ได้จัดพิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คขั้นต่ำ 5,000 เล่ม ส่วนหนึ่งจะแจกไปยังสถาบันการศึกษาที่สอนหลักสูตรเกี่ยวข้องกับไมซ์และตั้งเป้าหมายจะสร้างความรู้ความเข้าใจไมซ์แก่คนทั่วไปอย่างถูกต้องมากขึ้น ด้วยเนื้อหาภายในพ็อกเก็ตบุ๊ก “MICE ไม่ได้แปลว่าหนู” แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

ส่วนแรก KNOW MICE นี่ล่ะ...ไมซ์ แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับธุรกิจไมซ์ ไม่ว่าจะเป็นความหมายที่แท้จริงของหัวใจ 4 ห้องที่สำคัญของไมซ์ Meetings, Incentive Travels, Conventions และ Exhibitions แล้วยังทำให้เรารู้ด้วยว่า ธุรกิจที่พักแนวใหม่ Airbnb ซึ่งฉีกกรอบการเข้าพักแบบเดิมๆ ได้แนวคิดมาจากงานประชุมสัมมนาด้านการออกแบบที่ซานฟรานซิสโกในปี 2007 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ  Airbnb เกิดจากธุรกิจไมซ์นั่นเอง  นอกจากนั้นยังได้รวบรวมเทรนด์ใหม่ๆของไมซ์ที่ห้ามพลาด อาทิ Sport Event หรือ Smart MICE ที่มีการนำดิจิทัลหรือการนำ Mobile Application มาใช้เพื่อสร้างสีสันให้ไมซ์ รวมไปถึงการนำเสนอเรื่องจัดตั้งเมืองไมซ์หรือ MICE Cities อย่างเป็นทางการได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่นและพัทยา เป็นต้น

ส่วนที่สองได้แก่ THE MIGHTY MICE เมื่อไมซ์เข้ามา จงเปิดประตู เป็นการถอดบทเรียนการประมูลสิทธิ์ การดำเนินงานเป็นเจ้าภาพจัดงานของไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยนำเสนอทั้งหมด 7 งานด้วยกัน ได้แก่ Organo Gold Asia Convention ซึ่งถูกยกให้เป็นกรณีศึกษาของการจัดงานประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2558 และปี 2560, การจัดประชุม Quantum FY18 Sales & Partner Kick off 2017 ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เลือกเชียงใหม่เป็นปลายทางการประชุมที่ทุกอย่างในงานได้เตรียมไว้ให้ทุกคนร้อง“ว้าว”, การประชุมสมัชชาสหภาพคนตาบอดโลก, งาน FDI Annual World Dental Congress 2015 ครั้งที่ 103 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค เป็นงานประชุมทันตแพทย์โลกขององค์กรสหพันธ์ทันตกรรมโลก ที่มีคนเข้าร่วมงานเป็นหมื่นคน ประเทศไทยใช้เวลาเตรียมงานนี้ถึง 2 ปีเต็ม, Future Energy Asia 2018 งานประชุมพลังงานระดับโลกซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในต้นปี 2561 มีคนเข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 1,500 คน และคาดว่าจะมีคนเข้าชมงานจัดแสดงสินค้าไม่น้อยกว่า 15,000 คน, งาน  VIV Asia  เป็นงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านปศุสัตว์และสัตว์น้ำระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และจัดขึ้นในประเทศไทยหลายต่อหลายครั้งจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสุดท้ายงาน  Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014 งานเทศกาลหุ่นโลกที่หุ่นจากนานาประเทศกว่า 80 ประเทศได้พากันเดินขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่และยาวเหยียดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร

ส่วนที่สาม มีชื่อว่า WHEN MICE MEETS MASS บทเรียนนอกตำราจากคนพันธุ์ไมซ์  เป็นบทสัมภาษณ์บุคคลแถวหน้าของประเทศในแวดวงไมซ์กว่า 11 คน จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ทั้งหมดเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมได้นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างจริงจัง

ข่าวที่สอง “สภาท่องเที่ยวดันรัฐยกเครื่องท่าเทียบเรือทั่วอันดามัน”


นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า เตรียมผลักดันให้รัฐบาลเข้ามาปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือน้ำลึกในเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งกลุ่มจังหวัดอันดามันเป็นพื้นที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศปี 2560 มีมูลค่า690,000 ล้านบาทเศษ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ท่าเที่ยบเรือที่ได้มาตรฐานในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ในช่วงน้ำลงเรือขนาดใหญ่และขนาดกลางไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้เนื่องจากลำคลองตื้นเขิน ต้องถ่ายผู้โดยสารจากเรือใหญ่สู่เรือหางยาวเพื่อเข้าฝั่ง การเดินทางและขนสัมภาระลำบากต้องใช้เวลามากทำให้กระทบไปถึงผู้โดยสารบางรายต้องเดินทางไปต่อเที่ยวบิน เพื่อปรับภาพลักษณ์และบริการใหม่ให้ได้มาตรฐาน ภาครัฐควรเข้ามาพัฒนาท่าเที่ยบเรือดังกล่าวตลอดจนการขุดลอกคลองบริเวณท่าเทียบเรือหาดนพรัตน์ธาราโดยเร่งด่วน และพัฒนาท่าเทียบเรือในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตในอนาคตด้วย

ข่าวที่สาม “ทช.ลุยสร้างถนนเชื่อมท่องเที่ยวทะเลใต้ชุมพร-ระนอง”

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ได้ขานรับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลภาคใต้ตอนบนอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวโดยการเร่งทำโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ ดังนั้นกรมทางหลวงชนบทจึงลุยปรับปรุงถนนเชื่อมเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมโดยเน้นความต่อเนื่อง สวยงาม ร่มรื่น สะดวก และง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว เริ่มจากในชุมพรมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง เช่น หาดบ่อเมา หาดทรายรี หาดบางเบิด และอีกหลากหลายแห่ง

ขณะนี้กรมทางหลวงชนบท ได้เดินหน้าก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 3201-บ้านบางจาก อำเภอปะทิว ชุมพร ระยะทาง 8.595 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณการก่อสร้าง 83.480 ล้านบาท พัฒนาหาดบ่อเมาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของชุมพร ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเครื่องหมายจราจรคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2561

ข่าวที่สี่ “การบินไทยชวนบริจาคไมล์ซื้ออุปกรณ์แพทย์ให้ศิริราช”

นางอุษณีย์แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการบริจาคไมล์ “ไมล์ปันสุข” ชวนให้สมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส มาร่วมกันสร้างความดีด้วยการบริจาคไมล์สะสมกับโครงการบริจาคไมล์ ร่วมบริจาคได้ทางเว็บไซต์ thaiairways.com/rop  ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2561 แทนการเปลี่ยนเป็นบัตรโดยสารการบินไทยในเส้นทางต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ  เพื่อนำไปมอบให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเป็นการหารายได้สมทบทุนใช้ในการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช

ข่าวที่ห้า “ไทยแอร์เอเชียนำร่องบินแล้วกรุงเทพฯ-ชุมพร”

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผอ.ฝ่ายการพาณิชย์ ไทยแอร์เอเชียแอร์เอเชีย กล่าวว่าเปิดเส้นทางบินใหม่ลงสู่ทะเลภาคใต้เปิดประตูสู่แหล่งดำน้ำที่สวยงามของเมืองไทยมีชื่อเสียงติดอันดับโลกอย่าง เกาะเต่า โดยจัดบินตรงทุกวัน "กรุงเทพ-ชุมพร" ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษ ออกจากกรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบิน FD 3148 ออกจากกรุงเทพฯ 07.25 น. ถึงชุมพร 08.35 น. ส่วนขากลับด้วยเที่ยวบิน FD 3149 ออกจากชุมพร 09.10  น. ถึงกรุงเทพฯ 10.35 น.

ทั้งนี้ได้เปิดตัวเที่ยวบินใหม่ กรุงเทพฯ-ชุมพร ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 พร้อมทั้งยังได้แจกตั๋วบินฟรี ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ชุมพร คนละ 1 ที่นั่ง ให้แก่ผู้โชคดี 30 คนแรกที่ร่วมสนุกลงทะเบียนเข้างานแอร์เอเชีย


จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...