วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

ททท.จัดกระหึ่มเที่ยวหน้าฝน55เมืองรอง-แจ๊คหม่านำทีมโกยเงินจีนเข้าไทย7แสนล้าน

ททท.จัดกระหึ่มเที่ยวหน้าฝน55เมืองรองคึกคัก
แจ๊คหม่าดันจีนคุณภาพบุกไทยโกย7แสนล้าน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen

https://www.matichon.co.th/news/935651

 https://youtu.be/SuMkn5qtASo


สถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยตลอดไตรมาสแรกปี 2561  สดใสนักท่องเที่ยวต่างประเทศเติบโตกว่า 22 % โดยเฉพาะจีนทุบสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปี หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเดือนละกว่า 1 ล้านคน ทำให้รายได้กระจายสู่ชุมชน เมืองหลัก เมืองรอง สร้างเศรษฐกิจฐานราก เริ่มคึกคักดีขึ้นตามลำดับ และทันทีที่รัฐบาล “พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา” เชิญนักลงทุนแถวหน้าของโลกอย่าง “แจ๊ค หม่า” ประธานอาลีบาบาเข้ามาลงทุนพร้อมกับให้ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ แจ๊ค หม่า ทำให้มองเห็นถึงรายได้จากทัวร์จีนตลอดปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมตั้งไว้แค่ 650,000 ล้านบาท ขยับเป็นเกือบ 700,000 ล้านบาท มากถึง 1 ใน 3 ของรายได้ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศทั้งหมด

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ททท.เตรียมเคลื่อนทัพใหญ่สร้างรายได้เพิ่มทั้งการโหมกิจกรรม แนะนำแหล่งท่องเที่ยว ชวนผู้คนออกมาเที่ยวหน้าฝน ทำให้เศรษฐกิจคึกคักมากยิ่งขึ้น สร้างท้องถิ่นเข้มแข็ง มั่นคง อยู่กินดีมีความสุขในการใช้ชีวิต

@ททท.จัดกระหึ่มเที่ยวหน้าฝน-วันธรรมดา

นายยุทธศักดิ์ สุภสร
 ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

“นายยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ช่วงฤดูฝนในช่วงนอกฤดูการเดินทาง (low season) คนไทยจะไปเที่ยวสวนผลไม้ “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” และ “วันธรรมดาน่าเที่ยว” ทุกภาค จะสร้างความคึกคักหลังสงกรานต์ หรือการเลือกเดินทางไปเที่ยวเมืองรอง โดยเฉพาะภาคตะวันออก ขณะนี้ทุกภาคก็มีผลไม้ท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวไปได้ทุกสวน

 ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2561 ททท.5 ภูมิภาค เตรียมจัดมหกรรม “วันธรรมดาน่าเที่ยว & Outdoor Fest”  นำผู้ประกอบการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นท่องเที่ยวหน้าฝน และชวนไปเที่ยววันธรรมดาลดความแออัดบางช่วงด้วยการชวนกันไปเที่ยววันธรรมดาทั้งใกล้และไกลได้ เช่น ระยอง ราชบุรี อุทัยธานี หรือบินข้ามภาคลงเชียงใหม่แล้วเดินทางต่อไปเที่ยวเมืองรองลำพูน เช่นเดียวกับภาคอื่น ๆ ในอีกหลายจังหวัดบินแบบเดียวกันเที่ยวได้สบาย ๆ

 เพราะตามเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2561 ททท.ตั้งไว้รวม 3 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท เน้นกลยุทธ์ชวนเที่ยววันธรรมดาให้ถึง 30 % ควบคู่กับเพิ่มอัตรารายได้จากการเข้าพักเฉลี่ยมากขึ้น ยิ่งช่วงค่าเงินบาทแข็งคนไทยจะเดินทางไปต่างประเทศเพิ่ม ดังนั้นจึงต้องหากิจกรรมชวนคนเที่ยวอยู่ในประเทศเพื่อรักษาส่วนแบ่งรายได้ไว้ให้ถึง 1 ใน 3 ของรายได้รวมตลอดปี

 สำหรับเป้าหมายในประเทศเดิมก็มี กลุ่มครอบครัว วัยรุ่น/เจนวาย ผู้หญิง ผู้สูงวัย จากนี้ไปต้องเพิ่มความถี่ให้ทุกกลุ่มออกมาเดินทาง หลังจากได้นโยบายเที่ยวเมืองรองสนับสนุนอีกทาง ส่วนการเพิ่มวันธรรมดาต้องเจาะกลุ่มผู้สูงวัยเพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาสามารถเดินทางได้ตลอด หรือกลุ่มเจนวายทำงานกับเดินทางไปพร้อมกัน

@ทุ่มงบกลางปี’61อัดฉีดเศรษฐกิจเมืองรองพุ่ง



ในช่วงพฤษภาคมนี้จะเริ่มนำงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2561 ประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่รัฐบาลมอบให้ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก จะนำไปพัฒนากิจกรรม สร้างการรับรู้ตลาด ใน 55 เมืองรอง ซึ่งมีมาตรการจูงใจของรัฐให้นำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษี 15,000 บาท ระหว่างมกราคม- 31 ธันวาคม 2561

ส่วนกิจกรมการตลาดปี 2561 จะต้องกระตุ้นนักท่องเที่ยวคนไทยใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มความแรงแคมเปญ Go Local ขณะนี้ทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รณรงค์ให้บริษัทที่จดทะเบียนนำพนักงานไปจัดกิจกรรม Team Building และประชุมสัมมนา ตามต่างจังหวัด



 ขณะที่ตลาดต่างประเทศได้หารือกับภาคเอกชนถึงโอกาสและช่องทางการตลาดแนวใหม่เพื่อร่วมมือกันนำนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เป้าหมาย รวมถึงโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ 2 เรื่องหลัก คือ เรื่องแรก อาหารถิ่น มีโครงการทำอาหารถิ่นโบราณต่อยอดกระแสออเจ้านิยมไทย เรื่องที่ 2 เข้าไปส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นขยายผลทำให้ชุมชนและเมืองรองมีรายได้เสริมมากขึ้น

 ททท.จะใช้แผนยกระดับสินค้าชุมชนท่องเที่ยวให้โดดเด่นด้วยกลยุทธ์การเข้าไปพัฒนาองค์ความรู้ และให้ชุมชนไม่ต้องลงทุนจนเกินตัว ทว่าให้รักษาเสน่ห์ความเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่นไว้ ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี รักษาความสะอาด ปลอดภัย และบริหารจัดการขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยวแต่ละครั้งที่เข้าไป เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการไปสัมผัสความเป็นวิถีชีวิตของท้องถิ่นมากกว่าแล้วก็กลับไปเที่ยวซ้ำ ๆ อีกทั้งยังหาแนวร่วมจากนักท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมดูแลความสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความสบายใจด้วยกันทุกฝ่ายในทุกมุมมองไหนทุกพื้นที่

@MOUแจ๊คหม่าทัวร์จีนทำเงินพุ่ง7แสนล้าน



นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ในการเตรียมพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวจีนซึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ไทยสูงเป็นอันดับ 1 ปีนี้แนวโน้มจะมีมากกว่า 11 ล้านคน ดังนั้นจะขอให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากันทั้งพฤติกรรมของจีนและชุมชนท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลและ ททท.ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเบื้องต้น (MOU) กับ แจ๊ค หม่า ประธานอาลีบาบา ร่วมมือทางการท่องเที่ยวกับธุรกิจในเครืออาลีบาบาคือ triggy เมื่อปี 2559 นำร่องทำไว้บ้างแล้วในการคัดเลือกบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวจีนคุณภาพเสนอขายการท่องเที่ยวเข้าไทย ปี 2561 หลังเอ็มโอยูแล้วก็จะเร่งต่อยอดทางด้านการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เลือก 5 เมืองรอง ได้แก่ เชียงราย ลำปาง สมุทรสงคราม ตราด สตูล รับตลาดคุณภาพจากจีน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การช้อปปิ้ง ไม่ต้องหอบสินค้าแต่จะเปลี่ยนเป็นใช้โลจิสติกส์ของอาลีบาบาขนส่งไปถึงปลายทาง ประการสำคัญที่สุดจะทำโครงการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยว โดย ททท.นำข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวไปไว้บนแพลทฟอร์มใน triggy  เพราะตามปกตินักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยจะใช้ชิพการ์ด ต่อไปก็สามารถนำรายละเอียดของนักท่องเที่ยวแต่ละคนมาใช้ประโยชน์ทั้งเรื่องวางจุดหมายปลายทางที่ต้องการเที่ยว การใช้จ่าย และช้อปปิ้งนิยมซื้อสินค้าอะไรบ้าง

 ททท.จะเร่งสื่อสารถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวถึงความร่วมมือระหว่างไทยกับแจ๊ค หม่า อาลีบาบานั้น ต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ไม่ได้เกิดการเอาเปรียบกัน แถมไทยยังนำโปรดักซ์ท่องเที่ยวไปไว้บนแพลทฟอร์มของไทยไปไว้ใน triggy ของอาลีบาบาเป็นหลัก เรื่องสำคัญคือต้องหาช่องทางวิธีทำให้ผู้ประกอบการ ชุมชนท่องเที่ยว และสร้างโอกาสให้ประเทศไทย ได้ประโยชน์สูงสุดจากความร่วมมือครั้งนี้


 ส่วนสถิติปี 2560 มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 9.8 ล้านคน ปี 2561 ตั้งเป้าไว้ 11 ล้านคน สร้างรายได้ 650,000 ล้านบาท เพิ่ม 22 % แต่ด้วยกลไกหลังจาก ททท.ร่วมมือกับ triggy จะทำให้รายได้เพิ่มอีก 20,000-30,000 ล้านบาท ปีนี้อาจได้ถึง 700,000 ล้านบาท

 ตั้งแต่มกราคม 2561 จนถึงขณะนี้ มีต่างชาติเข้าเมืองไทยเพิ่มขึ้นถึง 15 % โดยเฉพาะจีนเพิ่มระดับสูงถึง 30 % ระหว่างมกราคม-มีนาคม ปีนี้ จีนเข้ามาไทยแล้วเดือนละกว่า 1 ล้านคน เฉพาะกุมภาพันธ์เดือนเดียวมีถึง 1.2 ล้านคน วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ตรุษจีนมากสุดวันละ 50,000 คน เป็นการทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 58 ปี ททท. สะท้อนถึงกระแสนิยมของจีนเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของโลก

@ไทยเที่ยวไทยคึกคักไตรมาสแรกทะยานเพิ่ม 5%


นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าคนไทยเที่ยวในประเทศ ระหว่างมกราคม-มีนาคม 2561 ทั้งปีใหม่และตรุษจีนเดินทางเพิ่มกว่า 5 % จากยอดรวมปี 2560 มีประมาณ 154 ล้านคนครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น การเดินทางช่วงหยุดยาวสงกรานต์ 5 วัน คนไทยเพิ่มขึ้น 18 % แต่สิ่งที่ ททท.ได้รับรายงานตลอดเทศกาลได้กระจายความสุขในทุกภาคของประเทศ ต่อเนื่องเดือนพฤษภาคมนี้กระตุ้นรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10 % ด้วยปัจจัยสภาพอากาศเย็นชุ่มฉ่ำช่วงฤดูฝน ททท.จะเร่งทำกิจกรรมโปรโมชั่นตลอดทั้งเดือน บวกกับเศรษฐกิจเริ่มดี แหล่งท่องเที่ยวหลากหลายมีมุมใหม่ ๆ ทำให้คนหันมาเที่ยวหน้าฝนคึกคักมากขึ้น

ททท.ได้ทำให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต กระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางทั้ง ด้วยตนเอง กับครอบครัว และสามารถเที่ยวได้ตลอด ไม่ต้องคิดรอเที่ยวเฉพาะวันหยุด ด้วยความหลากหลาย ความมีเสน่ห์ ของสถานที่ จึงขอให้ทุกคนเปิดใจให้กว้างออกไปเดินทาง ทำให้เรามีพลังใช้ชีวิตบวกต่อไปอย่างมีความสุข เพราะทุกวันนี้เมืองไทยสวยทุกที่มีมุมใหม่ให้เลือกสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ ทุกวัน

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
-คอลัมนิสต์& บล็อกเกอร์ เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

เกาะติดธุรกิจแสนล้านคิงเพาเวอร์ปีที่ 29 ดันสินค้าชุมชนติดตลาดโลก

เส้นทางแสนล้าน“คิง เพาเวอร์”ปีที่ 29
ปลุกพลังชุมชน-เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง

ประเทศไทยในจังหวะขาขึ้นเรื่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำเงินเข้าระบบเศรษฐกิจได้เป็นกอบกำ แล้วรัฐบาล “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็พุ่งเป้าส่งเสริมนโยบาย “กระจายรายได้สู่ชุมชน” รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนร่วมมือกัน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างโอกาสให้ผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นอัตลักษณ์ไทยมีช่องทางการจำหน่ายเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากนานาชาติที่หลั่งไหลเข้าเมืองไทยปี 2561 มีแนวโน้มจะมากถึง 38 ล้านคน และคนไทยเที่ยวในประเทศอีกกว่า 160 ล้านคนครั้ง มีเงินจากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 3 ล้านล้านบาท



กลุ่มบริษัท “คิง เพาเวอร์” ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (duty free) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 29 ด้วยคอนเซ็ปต์ “ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวที่ตอบสนองการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด-Explore Endlessly Jouney”  ผสมผสานการลงทุนอย่างลงตัวทั้งแหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม ร้านอาหาร การเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร (hospitality) สร้างยอดขายรวมเข้าประเทศมูลค่ารวมปีละ 900,000-100,000 ล้านบาท



 “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ทำโครงการ “King Power Thai Power : พลังคนไทย” พุ่งเป้าสร้าง “COMMUNITY POWER-พลังชุมชนไทย” มุ่งมั่นยกระดับผู้ผลิตคัดสรรแบรนด์ไทยอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาวางจำหน่ายในร้านสาขาคิง เพาเวอร์ แต่ละปีขายได้ราว 20,000-25,000 ล้านบาท คิดเป็น 20-25 % ของทั้งหมด สามารถแบ่งปันรายได้สู่ฐานรากในปัจจุบันมีคู่ค้าผู้ผลิตสินค้าไทยจากชุมชนทั่วประเทศกว่า 154 กลุ่ม หลัก ๆ 4 หมวด คือ 1.ผ้าและเครื่องแต่งกาย 2.ของใช้ของที่ระลึก 3.สมุนไพรไทย 4.อาหารและเครื่องดื่ม วางขายในดิวตี้ฟรีของบริษัทมากกว่า 1,100 รายการ อีกทั้ง คิง เพาเวอร์ ได้สั่งซื้อสินค้าไทยชุมชนต่อเนื่องมา 28 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2532ถึงตอนนี้รวมกว่า 50,000 ล้านบาท ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อสินค้าชุมชนในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ สูงเป็นอันดับต้น ๆ  7 รายการ ได้แก่ น้ำผึ้ง เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ อาหารทะเลอบแห้งรสต้มยำโป๊ะแตก หมอนรองคอ ยาหม่องเขียว แก้วเป่ารูปช้าง แจกัน

ทุกวันนี้สินค้าไทยจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังได้เผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นไทยที่โดดเด่นแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ด้วย

ขณะที่เสียงสะท้อนจาก “เจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน” ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดช่องทางให้นำสินค้ามาวางจำหน่ายนับทศวรรษจนกลายเป็นสินค้าดาวรุ่งเชื่อมท้องถิ่นสู่ทั่วโลก สร้างทั้งโอกาส งาน อาชีพ ครอบครัว ลดความเหลื่อมล้ำ ค่อย ๆ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เศรษฐกิจในท้องถิ่นเติบโตอย่างเข้มแข็งตามตัวอย่าง 4 หมวด ล้วนมีเรื่องราวที่น่าสนใจ



หมวดแรก “ทองม้วน : King Pow Roll”  ขนมไทยดั้งเดิมวางจำหน่ายในร้านค้า คิง เพาเวอร์ มากว่า 18 ปี ทุกวันนี้มียอดขายเดือนละกว่า 20 ล้านบาท สามารถพลิกชีวิตวิศวกรไทยเจ้าของผลิตภัณฑ์ดีกรีนักเรียนนอกที่เคยล้มเหลวต้องปิดกิจการ แต่ได้เริ่มต้นใหม่ใช้บ้านหลังเล็ก ๆ ผลิตขนมทองม้วนขายอยู่ชั้นใต้ดินเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ ก่อนจะมีทีมงานคิง เพาเวอร์ สั่งมาวางขายในร้านดิวตี้ฟรีล็อตแรก 200 กล่อง ต่อมาทำรายได้จนสามารถสั่งเครื่องจักรนำเข้าจากเยอรมันมาผลิตทองม้วนสูตรพิเศษขณะนี้มีกว่า 30 รส พร้อมจ้างพนักงานได้ถึง 300-400 คน มีเงินเดือนหมุนเวียนไปเลี้ยงครอบครัวอีกนับพันและหมื่นคน จากขนมบ้าน ๆ สู่ตลาดส่งออกทั่วโลก ปัจจุบันมียอดขายปีละหลายร้อยล้านบาท



หมวดที่ 2 “แก้วเป่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย สร้างรายได้สู่ผู้ด้อยโอกาส” ได้ผู้นำคือ “ภพ เทวาสิต” ประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย ซึ่งตั้งใจเป็นผู้ให้คนอื่นโดยช่วยเหลือให้อาชีพพี่น้องผู้พิการคนอื่น ๆ มีงานมีอาชีพ หลังจากที่ได้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นสื่อกลาง ด้วยความโดดเด่นที่แตกต่างแก้วเป่าของสหกรณ์ฯ ที่เน้นใช้วัสดุจากอัญมณีมาทำเป็นลายธงชาติเป่าเป็นรูป ตุ๊กตุ๊ก ช้าง เรือสุพรรณหงส์ นักท่องเที่ยวสนใจสั่งซื้อ ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างมั่นคง ลดต้นทุนจากการสั่งซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก

ภพย้ำว่ากลุ่มคิง เพาเวอร์ ให้โอกาสทางการตลาด ซึ่งเป็นเรื่องตรงใจกลุ่มผู้พิการมากที่สุด มาตลอดระยะเวลา 4 ปี สร้างรายได้ให้คนพิการปีละหลายร้อยล้านบาท



หมวดที่ 3 “ข้าวแต๋น -Bangkok Cokies” จากอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ “ต๋อง” เป็นผู้นำมาเสนอคิง เพาเวอร์ พร้อมกับรับโจทก์หินที่ต้องทำให้ได้ 3 ข้อ คือ โจทก์ข้อแรก ต้องเป็นข้าวแต๋นหนึ่งเดียวในโลกไม่เหมือนใคร เขาจึงเลือกแหล่งปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์ พาทีมไปดูการทำปูผัดผงกระหรี่ แล้วคิดสร้างสรรค์สูตรนำอาหารมาเป็นขนมปรับส่วนผสมเปลี่ยนวิธีปรุงจนตอบโจทก์ความไม่เหมือนใคร ตอนนี้ทำได้ทั้งหมดเกือบ 70 รส วางขายในคิง เพาเวอร์ 18 รส

โจทก์ข้อสอง  ต้องเก็บได้นาน ด้วยการค้นพบวิธีลดน้ำมันที่เกาะตัวข้าวด้วยการอบ เมื่อค้นพบแล้วจึงสามารทำให้ข้าวแต๋นมีอายุการเก็บไว้บริโภคเพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 1 ปีเป็นผลสำเร็จ

โจทก์ข้อ 3 สร้างมูลค่าเพิ่มให้ข้าวไทย เพราะสิ่งแรกข้าวไทยในสายตาต่างชาติเป็นพรีเมียม โดยเฉพาะหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวขาว ทำให้รูปร่างของข้าวแต๋นรูปทรงดีวันนี้ต๋องได้ตั้งโครงการ “ขอบคุณชาวนา” มีเครือข่ายผู้ข้าวเกษตรอินทรีย์สามารถนำมาสร้างเป็นข้าวแต๋น ได้แบ่งเบาภาระเกษตรกร ทั้งเรื่องเมล็ดพันธุ์ เลิกใช้ปุ๋ย สร้างระบบท่อน้ำ

เส้นทางยาวไกลจากเมล็ดข้าวไทยที่ต้องฝากชะตากรรมไว้กับการส่งออกปีละหลายล้านตัน ปัจจุบันชาวนากลุ่มนี้ได้แปลงสภาพเป็นขนมในบรรจุภัณฑ์ดีไซน์หรูให้ทั่วโลกมาซื้อถึงเมืองไทย



หมวดที่ 4 แบรนด์ “คญาบาติก” ผู้ผลิตและจำหน่ายหน่ายผ้าบาติกชาวอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ที่มี “นิต-สำรอง ดรเขื่อนสม” สองสามีภรรยาริเริ่มช่วยกันทำหลังไม่ประสบความสำเร็จในการมาทำงานที่กรุงเทพฯ มีเงินเหลือติดตัวเป็นทุนเพียง 5,000 บาท ทั้งสองตัดสินใจกลับไปสร้างอาชีพในบ้านเกิด เริ่มต้นนำของดีที่มีอยู่ในท้องถิ่นคือ หนอนไหม ส่งต่อไปยังคนในชุมชนซึ่งมีทักษะ การสาว การกอ การทอ การฟั่น การไสกาว วาดลวดลาย ลงเทียน ทาสีทับ ต้มและตากจนแห้งสนิท จากมือสู่มือ ทำให้คำว่าบาติกสร้างสรรค์ได้หลากหลายจากการสร้างเรื่องราวของวิถีชีวิตคนอีสานจนกลายเป็น “แบรนด์คญา” ขึ้นมาในช่วงเวลานับ 10 ปี



แรงบันดาลใจบนผืนผ้าแบรนด์ “คญาบาติก” มาจากช่วงเริ่มต้นเป็นปีที่เกิดสึนามิทำให้นิตนำความเศร้ามาแปรเปลี่ยนเป็นลายเส้นสะบัดลงผ้าทุกผืนก่อนถ่ายทอดวิธีเขียนทั้งลายเส้น ลายดอกไม้ ให้สมซึ่งเป็นสามีที่ผันชีวิตจากอาจารย์มาร่วมกันเขียนลายผ้ามีงานมากขึ้นจนผลิตแทบไม่ทัน แถมยังได้คิดนวัตกรรมใหม่โดยกาว ซึ่งพอนำไปล้างออกจากผ้าก็แตกเป็นระแหงก็ร้อยเรื่องอีสานแห้งแล้งใส่เข้าไป



จังหวะชีวิตที่ “คญาบาติก” ได้มาพบกับ คิง เพาเวอร์ ในงานโอท็อปจัดที่เมืองทองธานี แล้วสั่งซื้อล็อตแรก 100 ชิ้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ได้ทำให้ความฝันของชาวปักธงชัยกลุ่มผู้ผลิตผ้าบาติกชุมชนกลายเป็นแบรนด์ที่นักท่องเที่ยวนานาประเทศสนใจ ผลิตภัณฑ์คญาบาติกได้ส่งผลไปถึงผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตขั้นตอนทั้ง ผู้เขียนลาย ผู้ฟอก ผู้กอ ผู้ย้อม ผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ขยายการผลิตได้จำนวนมากมาย เป็นโอกาสของผู้ผลิตเล็ก ๆ กลายเป็นแบรนด์สู่สากล
 
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในปีที่ 29  ด้วยพลังคนไทยก้าวสำคัญคือ “Community Power : พลังชุมชนไทย” ที่มีคำตอบตามนโยบายการสร้างเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำ ได้อย่างชัดเจน


ชุมพร-ระนอง ดาวรุ่ง2เมืองรอง2มหาสมุทร ทะเลสะอาดสุดในไทย-คิงเพาเวอร์ มอบห้องน้ำ10ล้านที่เชียงใหม่

ททท.บูมดาวรุ่งเมืองรองชุมพร-ระนอง2มหาสมุทร
ดำน้ำทะเลสะอาดของโลกดึงไทย-ฝรั่งQแรก4พันล.
วีระศักดิ์นำคิงเพาเวอร์มอบห้องน้ำ10ล้านเชียงใหม่
ททท.ดึงดาราผุดหนังโฆษณาเพลงอะเมซิ่งไทยเท่2
บางจากแจกยิ่งเติมยิ่งคุ้มผลิตภัณฑ์น้ำมันไฮดีเซลS
ทอท.ปลื้มร่วมบอร์ดACI-รับรางวัลคาร์บอนเครดิต
เที่ยวทะเลแสมสารไปปลูกป่าโกงกางแหลมฉบัง
วิธีออกกำลังกายอย่างปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน
คนไทยนับแสนเฮUKเปิดแอพทำวีซ่าในกรุงเทพฯ
มีเลียอินเตอร์ผุดโรงแรมเจ๋งหาดไม้ขาวบูมปี’64
แอร์เอเชียบินเพิมอุดร/พิษโลกโปรใหญ่456บาท

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza



ช่วงที่ 1 “วิริยา แก่นแก้ว” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร หญิงแกร่งอีกคนที่ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยวเมืองรอง จะมาให้ล้วงลึกถึงเรื่องราวทุกช็อตของพื้นที่ดาวรุ่งในชุมพร และระนอง เป็นเมือง 2 ฝั่งมหาสมุทรที่มีฤดูเที่ยวต่างกันโดยสิ้นเชิง “ชุมพร” ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทะเลสะอาดสุดในโลก แหล่งดำน้ำสวยงามสุดแห่งหนึ่งของท้องทะเลไทย ส่วน “ระนอง” เป็นถิ่นน้ำแร่ของคนรักการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขณะเดียวกันทั้งสองเมืองก็มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เฉพาะไตรแรกปีนี้ดึงเม็ดเงินท่องเที่ยวทะลักเข้าสู่พื้นที่แล้วเกือบ 4,000 ล้านบาท และตั้งแต่พฤษภาคม-กรกฎาคม 2561 ห้ามพลาด วันธรรมดาน่าเที่ยว และมหกรรมโปรโมชั่นแพกเกจดำน้ำที่จะยกกันมาปักหลักขายที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รวมถึงกิจกรรมเที่ยววิถีวัฒนธรรมพื้นถิ่น งานวิ่งแหวกเดือนมิถุนายน และวิสาขะโลกเดือนกรกฎาคม นี้

“วิริยา แก่นแก้ว” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร (ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร และระนอง) เปิดเผยว่า ปี 2561 พื้นที่สองจังหวัดดาวรุ่งเมืองรองของประเทศไทย ในช่วงต้นปีออกตัวแรงสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวทำสถิติ 3 เดือนแรก มกราคม - มีนาคม 2561 รวมเกือบ 4,000 ล้านบาท เริ่มจาก “จังหวัดระนอง” ทั้งจำนวนและรายได้เพิ่มขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากสายการบินเปิดบินตรงทั้งนกแอร์ และไทย แอร์เอเชีย รวมทั้งรัฐบาลทำถนนในระนองซึ่งเป็นเมืองภูเขาสามารถลดจำนวนคดเคี้ยวลดโค้งกว่า 490 ได้เหลือโค้งอยู่จำนวนไม่มาก ทำให้นักท่องเที่ยเดินทางสะดวก จึงดึงดูดรายได้เข้าพื้นที่ตลอดไตรมาสแรกปีนี้ราว 1,132 ล้านบาท เติบโต 24 % ถึงแม้ฐานจะไม่มากด้วยภูมิศาสตร์ของระนองเป็นผืนป่า เป็นชีวมวลโลกที่รักษาป่าไว้ได้มากที่สุด


ส่วนจังหวัดชุมพรมีรายได้ 2,836 ล้านบาท เพิ่ม 19 % มีผู้มาเยี่ยมเยือนราว 710,000 คน นับได้ว่าสูงพอสมควรจากเมืองที่เคยเป็นแค่เมืองผ่านของทั้งคนไทยและนานาชาติ

สำหรับจุดขายทางท่องเที่ยวของชุมพร ระนอง ปีนี้จะหันมาเน้นความยั่งยืน โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโตประมาณ 10 % แต่ก็ยังโชคดีช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2561 แม้จะจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 9 % ทว่ารายได้จากการใช้จ่ายสูงถึง 32 % เติบโตมากกว่าจำนวนถึง 4 เท่า



ผอ.วิริยากล่าวว่า ตลอดการท่องเที่ยว 2 เมืองรองช่วงครึ่งปีหลัง 2561 วางแผนนำเสนอการท่องเที่ยวทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงใน 2 มหาสมุทร เริ่มจาก “ระนอง” ช่วงท่องเที่ยวฤดูฝนในฐานะจังหวัดในกลุ่มจังหวัดอันดามัน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ปลายตุลาคม ของทุกปี ฝนจะตกต่อเนื่องแล้วทำให้การท่องเที่ยวเขียวขจีสดชื่น สามารถท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเมืองน้ำแร่ระนอง รวมทั้งมีวิถีชีวิตชาวชุมชนดั้งเดิมแบบ ปารานากัน ผสมผสานกับบรรยากาศวินเทจ เมืองน่าอยู่สำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคเกี่ยวกับไขข้อ กระดูก สามารถเดินทางมาพักผ่อนพร้อมรักษาได้ดีมากระนองจึงเหมาะกับวัยเก๋ามาก ๆ รวมทั้งยังมีประวัติศาสตร์น่าสนใจเชื่อมโยงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เหมาะกับ “วัยรุ่น” พระองค์ท่านทรงเมตตาสามารถถ่ายทอดการท่องเที่ยวระนองได้ครบผ่าน พระราชวังรัตนรังสรรค์ กับถนน 10 สาย ที่พระองค์ท่านพระราชทานนาม รวมถึงชาวพารานากันมีเสน่ห์ทั้งชุดแต่งกายสวมชุดพารานากัน ชิมอาหารถิ่นที่ทรงคุณค่าโดยเฉพาะเรื่องปลาหลุมพุก(ปลาชิงชัง) ซึ่งมีวิธีการปรุงละเมียดละไมเสริมคอลลาเจนได้มากแก่นักท่องเที่ยวทุกวัย



ไฮไลต์การท่องเที่ยวระนอง มีทั้งวิถีชุมชน สามารถล่องแพเปียกไปชมกระชังปลา ดูการเลี้ยงหอยแมลงภู่ และหอยต่าง ๆ พร้อมชิมอาหารทะเลแบบอิ่มหนำสำราญ


ขณะที่ “จังหวัดชุมพร” เป็นเมืองรองอีกแห่งที่โดดเด่นด้านการเที่ยวทะเลฤดูการเดินทางจะตรงกันข้ามกับระนอง ททท.ได้สร้างมุมใหม่ในชื่อว่าเป็น “ทะเลเพื่อชีวิตผืนสุดท้ายของอ่าวไทย” เหตุเพราะเมื่อเดือนมกราคม 2561 ทางอธิบดีกรมควบคุมมลพิษได้ประกาศให้ชุมพรเป็นทะเลที่มีความสะอาดมากสุดอันดับ 1 ที่อ่าวสะพีและหาดทุ่งวัวแล่น โดยมีที่มาในชื่อหาดทรายสวย 400 ลี้ ที่ผ่านมา ททท.โปรโมตให้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งมี “สวนดอกไม้ใต้ทะเลผืนใหญ่สุดในอ่าวไทย” และมีฉลามวาฬปรากฎตัวให้เห็นทุกวัน สะท้อนถึงความสมบูรณ์ของทะเล จากตัวชี้วัดอีกอย่างคือ “ม้าน้ำ” ซึ่งมีชุมชนม้าน้ำอยู่กันมา 400 ปี นักท่องเที่ยวสามารถมาร่วมกิจกรรมไปช่วยกันเลี้ยงม้าน้ำ สร้างบ้านปลา จากอำเภอปะทิวเรื่อยไปจนถึงอำเภอละแม นักท่องเที่ยวสามารถไปสัมผัสวิถีชุมชนประมงชายฝั่ง ซึ่งพวกเขาได้ร่วมกันสร้างบ้านปลารักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลไว้เป็นอย่างดี






การท่องเที่ยวในชุมพรมีกิจกรรมหลากหลาย ไฮไลต์คือการไปดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก ดูดอกไม้ทะเล และยังได้พบเห็นฝูงปลามหึมาชนิดต่าง ๆ ที่นำมาเป็นอาหารของนักท่องเที่ยว ทั้งปลาทู ปลาจะระเม็ด และอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถดื่มด่ำกับท่องเที่ยวใต้น้ำ ส่วนใหญ่บริษัทขายแพกเกจท่องเที่ยวดำน้ำจะขายควบคู่กับกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล จะมีกิจกรรมหลัก ๆ จะอยู่ในช่วงพฤษภาคม-ตุลาคม นี้

สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวไฮไลต์แต่ละเดือนในจังหวัดชุมพร

เดือนพฤษภาคม 2561 เตรียมจัดงาน “กรมหลวงชุมพร” ซึ่งเป็นที่เคารพของทหารเรือและยังประโยชน์ทางการแพทย์จนได้ชื่อว่าหมอพร จะจัดวันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน ทางจังหวัดชุมพรร่วมกับกองทัพเรือกำหนดจะปรับปรุงพัฒนา “เรือรบหลวงชุมพร” ซึ่งเป็นเรือตอปิโดลำสุดท้ายของโลกที่เหลืออยู่ โดยจะมีพิธีบวงสรวงและวัตถุมงคล นำรายได้มาสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ ต่อไปจะได้ให้เยาวชนได้มาเรียนรู้พร้อมกับเทิดพระเกียรติกรมหลวงชุมพรด้วย

เดือนมิถุนายนนี้มีกิจกรรม “วิ่งแหวกทะเล” มีนักท่องเที่ยวนับพันคนเข้ามาร่วมงาน โดยจะต้องดูว่าช่วงวันที่น้ำทะเลลงต่ำสุด ก็จะประกาศให้นักวิ่งมารวมตัวกันวิ่งตั้งแต่เกาะพิทักษ์ อำเภอหลังสวน แล้วจะแจ้งนักท่องเที่ยวในช่วงก่อนเริ่มงาน

เดือนกรกฎาคม จะจัดกิจกรรม “วันวิสาขะโลก” ชุมพรเป็น 1 ใน 4 พระธาตุแดนใต้อยู่ที่อำเภอสวี ปีนี้จะมีพิธีเขียนผ้าพระบทพร้อมกับแห่ผ้าขึ้นธาตุ ระหว่าง 27-28 กรกฎาคม 2561



ผอ. วิริยากล่าวว่า ด้วยความหลากหลายของแหล่งและกิจกรรมการท่องเที่ยว จึงได้คัดสรรแม่เหล็กหลัก คือ “แหล่งท่องเที่ยวทะเล” โดยไม่ทิ้ง “แหล่งท่องเที่ยวรอง” ขณะนี้ได้สร้างการรับรู้เนื่องจากคนส่วนใหญ่เห็นว่าชุมพร ระนองเป็นเมืองผ่าน ดังนั้นจึงใช้วิธีนำสื่อบล็อกเกอร์ชั้นนำ 10 เพจ เข้าไปรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว และนำเสนอมุมมองแปลกแหวกแนว จุดดำน้ำสวยงาม วิถีชุมชน อาหารถิ่น เช่น ชุมพรมีไข่แมงดานำมาทำเป็นขนมหวาน จุดแข็งดังกล่าวหลายฝ่ายจึงต้องการทำเป็น Gastronomy กระแสตอบรับดีมาก วัดและประเมินได้จากช่วงเทศกาลสงกรานต์นักท่องเที่ยวยืนยันดูข้อมูลจากเพจของบล็อกเกอร์ต่าง ๆ

อีกทั้งยังได้ทำ MOU กับ 4 สมาคมท่องเที่ยวในประเทศ ควบคู่กับเดินทางไปโร้ดโชว์นำโดยผู้อำนวยการภุมิภาคภาคใต้ คัดสรรสินค้าไปนำเสนอผ่าน Sale Call บุกเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในภาคอีสาน ตอนนี้เริ่มจากนำผู้ประกอบการมาสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล โดยหลายเอเย่นต์ทั้งทางอีสานและกรุงเทพฯ ประทับใจ ทยอยส่งนักท่องเที่ยวเข้าชุมพรและระนองยาวไปจนถึงเดือนกันยายนนี้เรียบร้อยแล้ว

สำหรับในงาน “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ระหว่าง 10-13 พฤษภาคม 2561 ที่จะจัดในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชุมพรมีไฮไลต์จะใช้เวทีนี้สร้างการรับรู้ “กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำลึก” ในฐานะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทะเลสวยงามสุด ๆ พร้อมกับรณรงค์ให้ช่วยเก็บขยะใต้น้ำ จึงได้นำผู้ประกอบการดำน้ำทั้งหมดมาขายในงานนี้ โดยมีโปรโมชั่นแพกเกจดำน้ำลึกและน้ำตื้น ลด 15-30 % โดยจะประเมินสถานการณ์การขายของภาคอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย

ตลอด 2 ปีนี้ ชุมพร ทำรายได้เติบโตดีมากแล้วจากงาน Diving ที่จัดควบคู่กับงาน วันธรรมดา น่าเที่ยว ปีนี้ตั้งเป้าจะมียอดขายเพิ่ม 20 % พร้อมทั้งเตรียมแจกหมอนตุ๊กตาปลาผีเสื้อเหลืองชุมพรเป็นสัญลักษณ์ความรักของโลก (ปีที่แล้วแจกตุ๊กตาฉลามวาฬ) เพื่อให้กลุ่มผู้ซื้อแพกเกจดำน้ำลึกประทับใจ รวมทั้งโปรโมตร้านอาหารที่เข้าร่วมกิจกรรม จะดึงจุดสนใจได้พอสมควร เพราะนักดำน้ำส่วนใหญ่ชอบของหายากกลับบ้านเป็นที่ระลึก

ภายในงาน “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ททท.จะเน้นขายการท่องเที่ยว ชุมพร ระนอง เรื่องความสด สงบ ไม่วุ่นวาย สำคัญสุดคือจุดขายทะเลชุมพรสะอาดที่สุด จูงใจให้คนที่อยากเรียนดำน้ำจะมาเที่ยว ความแตกต่างคือแค่นั่งเรือเพียง 30 นาที ก็พบแหล่งดำน้ำแล้ว แตกต่างจากดำน้ำในทะเลจังหวัดอื่นจะต้องใช้เวลานั่งเรือ 1-2 ชั่วโมง

ททท.สำนักงานชุมพร ได้ทุ่มเทสร้างสรรค์การท่องเที่ยวเมืองรอง “ชุมพร-ระนอง” ใน 2 ฝั่งมหาสมุทรให้กลายเป็นสวรรค์แห่งใหม่ในการท่องเที่ยวทางทะเลอันสวยงามทั้งน้ำตื้น น้ำลึก และเมืองสุขภาพชั้นนำของประเทศ เพื่อที่จะเป็นแม่เหล็กขั้วใหม่ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติเข้าไปกระจายเม็ดเงินสู่ชุมชนท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “วีระศักดิ์นำคิงเพาเวอร์นำร่องมอบห้องน้ำ10ล้านเชียงใหม่”



นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ล่าสุดลงพื้นที่กับนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมทีมผู้บริหาร จัดทำกิจกรรมโครงการส่งมอบและเปิดห้องน้ำสาธารณะที่สวนพฤกษศาสตร์ เชียงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำร่องแห่งแรก 10 ล้านบาท โดยทั้งสองฝ่ายได้ออกแบบร่วมกันเพื่อการท่องเที่ยวสำหรับคนทั้งมวลหรือ Tourism for All ทั้งผู้บกพร่องทางร่างกาย/คนพิการ เด็ก ครอบครัว และผู้สูงวัย สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย พร้อมทั้งเลือกทำเลห้องน้ำสร้างห้องน้ำไว้ติดลานจอดรถ ใกล้อาคารบริการเครื่องดื่ม และทางเดินชมยอดไม้หรือcanopy walk อันสวยงาม

โดยมีผู้อำนวยการองค์การสวนพฤษศาสตร์ มารับมอบโครงการเพื่อรับไปดูแลรักษาต่อในระยะยาว เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในบางช่วงบางวันมากถึง วันละ 4,000 คน ไฮไลต์ของสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติตั้งอยู่บนเขาห่างจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ราว 35 นาที



“เพื่อความมั่นใจผมลองนั่งรถวีลแชร์เข้าห้องน้ำ พร้อมกับสำรวจทางลาด วงกบ ราวจับ สายกริ่งเรียกความช่วยเหลือ บานเลื่อน ป้ายบอก แสงส่องสว่าง สายล้างชำระ การทำพื้นเทลาดเพื่อให้น้ำไม่นองง่าย ๆ หลังเสร็จภารกิจส่งมอบโครงการห้องน้ำสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเรียบร้อย ทุกคนก็ช่วยกันทาสีเก้าอี้ชมสวน ปลูกต้นไม้ร่วมกันเพิ่มเติม” นายวีระศักดิ์กล่าว

ข่าวที่ 2 “ททท.ผุดหนังโฆษณา-เพลงดันอะเมซิ่งไทยเท่ภาค2”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ เปิดตัว แคมเปญ “amazing ไทยเท่” ภาคสองโดยเน้นการผลิตภาพยนต์โฆษณาโดยใช้กลยุทธ์ดนตรีสื่อสารการตลาดหรือ Music Marketing ภายใต้แนวคิด “เมืองไทย สวยทุกที่ เท่ทุกเวลา สามารถชวนคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในมิติร่วมสมัย และชูความเป็นไทยในภาพลักษณ์ที่ “เท่” ทันสมัย มีสไตล์ ผ่าน “ไทยเท่ Music Story” โดยได้นำ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” มาร่วมร้องเพลงใหม่และสร้างแรงบันดาลใจปลุกกระแสไทยเที่ยวไทย และ หนึ่ง ETC ร่วมถ่ายทอดบทเพลงยามรัก

แคมเปญ อะเมซิ่ง ไทยเท่ คือหนึ่งในการสร้างแคมเปญสื่อสารการตลาดในประเทศ ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับตลาดในประเทศ ปี 2561 พร้อมกับนำเสนอภาพลักษณ์วิถีไทย “เท่” ในมิติที่ร่วมสมัย ให้เกิดการรับรู้และสร้างมุมมองใหม่ต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองรอง นำเสนอความ “เท่” และ “มุมมอง” ของการเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยในมิติร่วมสมัย ชูความเป็นไทยในภาพลักษณ์ที่เท่ ทันสมัย มีสไตล์ เข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอมุมมองใหม่จากการเดินทางท่องเที่ยวทำให้ทุกการเดินทางมีแต่เรื่องมหัศจรรย์

โดยจะช่วยสร้างแรงบันดาลและประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางท่องเที่ยวผ่าน “ไทยเท่ Music Story” ด้วยวิธีใช้ดนตรีเล่าความเท่ของแหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งมีบทเพลง “ยามรัก” ที่ นายอภิวัฒน์ พงษ์วาท หรือ หนึ่ง วง ETC ถ่ายทอดความรู้สึก แล้วนำเสนอผ่านพรีเซ็นเตอร์   “นายอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ดารานักแสดงมาดเซอร์ที่สามารถสะท้อนมุมมองด้านการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัวควบคู่กับภาพยนตร์โฆษณาชุด “มุมมอง” จำนวน 2 เรื่อง เพื่อนำเสนอมุมมองและเรื่องราว “เท่” ของเมืองไทย เชิญชวนให้ทุกคนออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพบความมหัศจรรย์ที่ไม่รู้จบของเมืองไทย โดยใช้ช่องทางทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ผ่านการนำเสนอผลงานโฆษณาในรูปแบบต่างๆ และกิจกรรมทางด้านการสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดความต้องการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ททท. ได้ดำเนินต่อยอดการสื่อสารจากแคมเปญหลักส่งเสริมการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง สนับสนุนให้เกิดความยั่งยืน สื่อสารคุณค่า “วิถีไทย” ผ่านประสบการณ์เอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นคุณประโยชน์จากการเดินทางและสามารถสัมผัสได้ถึงคุณค่าในเชิงมุมมองใหม่ ปลุกกระแสด้วยการจัดทำสกู๊ปพิเศษ ผ่านกลยุทธ์ Celebrity Endorsement ได้แก่ เจ้านาย-จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน, ฌอน-จินดาโชติ, สิงโต นำโชค, ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช และไบร์ท-พิชญทัฬน์ จันทร์พุฒ เพื่อให้สามารถสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

ในช่วงปลายปี 2561 ททท.เตรียมกิจกรรมไฮไลท์ การแสดงดนตรี “รวมพลคนเท่” โดยศิลปินชั้นนำเพื่อตอกย้ำช่วงสิ้นสุดแคมเปญ

ติดตามเข้าร่วมกิจกรรม Amazing ไทยเท่ ได้ที่ www.facebook.com/อะเมซิ่งไทยเท่ หรือ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672

ข่าวที่ 3 “บางจากจัดใหญ่ยิ่งเติมยิ่งคุ้มไฮดีเซลS”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนสมาชิกเข้าร่วมมหกรรมแคมเปญในการใช้น้ำมัน กับแคมเปญ “ยิ่งเติม..ยิ่งคุ้ม”  สำหรับสมาชิกบัตรบางจากดีเซลคลับ วันนี้ - 31 ธ.ค. 61 เมื่อเติมน้ำมันบางจาก ไฮ-ดีเซลS รับคะแนนสะสมคูณ 2 (มูลค่าส่วนลดสูงสุด10 สต./ลิตร)

ด้วยวิธีง่าย ๆ ในการรับสิทธิประโยชน์จากสถานีบริการและผลิตภัณฑ์สินค้าของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

1.เติมน้ำมันบางจาก ไฮดีเซลs รับคะแนนสะสมคูณ2 จากคะแนนสะสมที่ได้รับปกติ
(ปกติเติมน้ำมันดีเซล 4 ลิตร รับคะแนนสะสม 1 คะแนน)

2.การคิดคะแนนสะสมเมื่อเติมไฮดีเซลs : จำนวนการเติมน้ำมัน หาร 4(ผลลัพท์ที่ได้เศษปัดทิ้ง) คูณ 2 ตัวอย่าง เติมน้ำมัน 31 ลิตร คะแนนสะสมที่ได้เท่ากับ (31 หาร 4) คูณ 2
คะแนนที่ได้รับ 14 คะแนน

3.สามารถสะสมคะแนนจากการเติมน้ำมันดีเซลสูงสุดไม่เกิน 300 ลิตร/ครั้ง และไม่เกิน 2,000 ลิตร/เดือน

4.บัตรสมาชิก 1 ใบ สะสมได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1651 กด 4

ข่าวที่ 4 “ทอท.ปลื้มACIดึงเป็นบอร์ดอินเตอร์ถึงปี’64”



นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสภาท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airport Council International : ACI) แต่งตั้งให้ นางสาวศศิศุภา สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์) เข้ารับหน้าที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ACI World Governing Board เริ่มตั้งแต่ 24 เมษายน 2561 – 23 เมษายน 2564

สำหรับบอร์ดชุดนี้มี 28 คน ได้รับการแต่งตั้งจาก ACI และ Immediate Past Chair ซึ่งจำนวนของคณะกรรมการของแต่ละภูมิภาคจะขึ้นอยู่กับปริมาณผู้โดยสารและจำนวนสินค้าและไปรษณียภัณฑ์เข้า - ออก มีวาระการทำหน้าที่ ACI World Governing Board คราวละ 3 ปี และต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 วาระ

นายนิตินัย กล่าวว่าการเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ ACI World Governing Board จะเพิ่มโอกาสให้ ทอท.เข้าไปมีบทบาทและส่วนร่วมเชิงรุกด้านการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวกับการบริหารท่าอากาศยาน รวมทั้งโอกาสพบปะและสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรและท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วโลกนอกเหนือจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกระหว่างกัน และเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มช่องทางการตลาด หรือทำธุรกิจร่วมกันกับพันธมิตรจากท่าอากาศยานอื่นๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ทอท.ยังถือเป็นตัวแทนประเทศไทยที่มีบทบาทในองค์กรระดับโลก สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศด้วย เพราะทันที่มี ทอท.ได้เข้าเป็นสมาชิก ของ ACI ก็ได้ร่วมประชุมและกิจกรรมต่างๆ ที่ ACI จัดขึ้นในวันที่ 20 มีนาคม 2561 หลังจากนั้นในการประชุม ACI ประกาศรับรองให้ผู้บริหาร ทอท.เข้าตำแหน่งกรรมการอย่างเป็นทางการในงานประชุม ACI World Special Meeting of Members เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 โดยได้ให้เข้าร่วมประชุม 13th ACI Asia - Pacific Regional Meeting Assembly, Conference & Exhibition ณ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น

ในงานดังกล่าว นางสาวศศิศุภา สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์) ทอท. ยังได้เป็นตัวแทนองค์กรขึ้นรับมอบประกาศนียบัตร Airport Carbon Accreditation ด้วยเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 ในโอกาสที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้รับการรับรอง Airport Carbon Accreditation ระดับที่ 3 “Optimisation” จากการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี มุ่งมั่นในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีการประชุม 13th ACI Asia Pacific Regional Assembly, Conference and Exhibition ณ Tokyo Bay Makuhari Hall จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น

ช่วงที่ 2 จะชวนไปเที่ยวสร้างประโยชน์คืนสู่ท้องทะเลไทยกับทริป “ล่องทะเลช่องแสมสาร” อำเภอสัตหีบ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในระบบปิดที่ Percula ศูนย์เพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนในแสมสาร จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นก็ร่วมกับกองทัพเรือมุ่งหน้าสู่แหลมฉบังนำต้นกล้าโกงกางไปปลูกป่าให้สัตว์น้ำ ชีวิตดีดี๊เมื่อได้เที่ยวอย่างรู้คุณค่าของการคืนประโยชน์สู่ธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ละเลยเรื่องสุขภาพ “

@เที่ยวทะเลแสมสารไปปลูกป่าโกงกางแหลมฉบัง



วันนี้ขอเปิดฟ้าในฝั่งทะเลอ่าวไทย บริเวณแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติเรียนรู้ระบบนิเวศน์ในระบบปิดและธรรมชาติกันที่ “Percula-ศูนย์เพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน” ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะทะเลไทย หมู่บ้านช่องแสมสาร อำเภอสัตหีบ เพื่อการเรียนรู้ศึกษาทุกเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตของทะเลอ่าวไทย ก่อนจะมุ่งลงหน้าลงน้ำ นำกล้าโกงกาง ไปปลูกกันอย่างสนุกสนาน ร่วมกิจกรรมปักฉบับ ๆ แบบเป็นทีมได้เลย สนุกไปอีกแบบ

เริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวครึ่งวันแรกช่วงเช้าเดินเข้าไปยัง “Percula-ศูนย์เพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน” ทำความรู้จักกับทะเลไทยให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชใต้ทะเลเขาอยู่กันอย่างไร พอตกบ่ายก็ขึ้นเรือมุ่งหน้าสู่ “เกาะแสมสาร” แล้วปั่นจักรยานวัดกำลังขา ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นกันพอหอมปากหอมคอ ยามค่ำคืนลองก่อกองไฟทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ ให้มากขึ้น เพราะเช้าวันถัดไปจะต้องกอดคอกันไปช่วยทหารเรือนำต้นกล้าไปร่วมปลูกป่าโกงกางคืนชีวิตให้ธรรมชาติงดงามอยู่ต่อไป

เข้าสู่วันที่สองนั่งเรือไปยัง “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” แล้วจะต้องทึ่งกับสัตว์ดึกดำบรรพ์อายุกว่าร้อยปี ถึงเต่าทะเลจะต้วมเตี้ยมแต่ก็ยังประโยชน์ต่อโลกมากมายที่ฉายให้เห็นภาพการพึ่งพาซึ่งกันและกันในวิถีธรรมชาติแห่งท้องทะเลอ่าวไทย

จากนั้นได้เวลานำกล้าไม้โกงกางไปยัง “แหลมฉบัง” เพื่อร่วมปลูกป่าแบบสร้างกันสรรค์กันแล้ว วิธีการสร้าง “ชุมชนใต้ท้องทะเล” นอกจากปลูกป่าโกงกางแล้ว ยังสามารถเตรียมท่อพีวีซีเพื่อใช้ยึดปะการังไว้ในบริเวณที่เหมาะสมระหว่างพื้นดินกับป่าชายเลนที่เราเลือกช่วยกันปลูกกล้าโกงกางลงไป เพื่อคืนความสมบูรณ์สู่ธรรมชาติอีกครั้ง

ต่อด้วยกันเก็บขยะในป่าชายเลนขึ้นมาเพื่อลดปริมาณขยะ ทำให้ป่าชายเลนเป็นบ้านที่สมบูรณ์ของสัตว์น้ำ

ก่อนกลับอย่าลืมอุดหนุนผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน ซึ่งมีอาหารทะเลแห้งและแปรรูปให้เลือกมาฝากคนทางบ้าน
สนใจจะท่องเที่ยวเพื่อคืนประโยชน์สู่สังคมด้วยการปลูกกล้าป่าโกงกางในแหลมฉบัง สอบถามได้ที่ โรงเรียนวัดแหลมฉบัง โทร.038-494-4702

@วิธีออกกำลังกายอย่างปลอดภัยในหน้าร้อน

ช่วงอากาศร้อนหลายๆคนมักเลี่ยงไม่ออกกำลังกาย หรือไม่ทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้าน แต่เลือกจะอยู่ในห้องปรับอากาศที่บ้าน หรือห้างสรรพสินค้า แต่จริงๆ แล้วการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรทางกาย เช่น ทำสวน ล้างรถ ฯลฯ สามารถที่จะทำได้ในช่วงที่มีอากาศร้อน โดยต้องระวังเรื่องของอากาศที่ร้อนการเสียเหงื่อที่มากจนเกินไป ซึ่งร่างกายจึงต้องพยายามขับเหงื่อออกมาให้มากกว่าปกติ ส่งผลให้ระบบของร่างกายทำงานหนักขึ้นและยังทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุต่างๆ อีกด้วย

สิ่งที่ควรทำถ้าต้องออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมทางกายในช่วงที่มีอากาศร้อน คือ

1.จิบน้ำบ่อยๆ ทุกๆ 15 – 30 นาที ในขณะที่ออกกำลังกาย (ใช้จิบ ไม่ควรดื่มทีเดียวหมดขวด)

2.พยายามใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

3.นำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว (จะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น)

ในกรณีที่ต้องอยู่ในสภาวะที่มีอากาศร้อนเป็นระยะเวลานานๆ อาจจะต้องดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยกับแร่ธาตุที่ร่างกายสูญเสียไปจากการขับเหงื่อ การดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีความเข้มข้นของน้ำตาลสูงเกินกว่า 10-20% จะขัดขวางการดูดซึมของกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องอืด จุกเสียดได้ ส่วนการดื่มน้ำอัดลมที่มีความเข้มข้นสูง ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแล้ว ยังมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นอีก กระเพาะอาหารขยายตัวมากขึ้นขัดขวางการหดตัวของกล้ามเนื้อกระบังลม

เราควรสังเกตว่า ร่างกายเราเสียเหงื่อมากเกินไปหรือไม่ ให้ดูจากอาการเหล่านี้

1.รู้สึกเพลีย 2.ไม่มีแรง 3.ปากแห้ง 4.กระหายน้ำ

อาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมทางกายในสภาวะที่มีอากาศร้อน ได้แก่

1.ตะคริว (Heat Cramps) เกิดจากความไม่สมดุลของแร่ธาตุในร่างกายจากการสูญเสียเหงื่อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหดตัวเกร็งอย่างรุนแรง รู้สึกเจ็บปวดมาก บริเวณที่พบเห็นบ่อยๆ คือ ต้นขา และน่อง วิธีแก้ไขให้พยายามยืดเหยียดกล้ามเนื้อในส่วนที่มีการหดเกร็ง

2.เพลียแดด (Heat Exhaustion) เกิดจากการที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงแต่ไม่เกิน 40 องศา หรือในกรณีบางคนที่ไม่เคยออกกำลังกายในสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้เกิดอาการเพลีย อ่อนแรง กระหายน้ำ ปวดหัว อาจจะมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย วิธีแก้ไข ให้พยายามหลบเข้าที่ร่ม หาที่ที่มีอากาศถ่ายเท หรืออาจจะนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว เพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น

3.ลมแดด (Heat Stroke) เกิดจากการออกกำลังกายในสภาพอากาศที่ร้อนเป็นระยะเวลานาน ทำให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นมากกว่า 40 องศา จะมีอาการในช่วงแรก คือ กระหายน้ำ ตัวร้อน หายใจหอบสั้นถี่ ปากคอแห้งผาก ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจจะมีอาการเวียนศีรษะ ตาพร่า ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายและสติสัมปชัญญะได้น้อยลง เกิดคลื่นไส้ อาเจียน อาการก่อนที่จะเป็นลมแดด คือ ผิวหนังแห้ง เหงื่อไม่ออก และอาจถึงขั้นหมดสติซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “คนไทยนับแสนเฮUKเปิดให้ขอวีซ่าผ่านApp”

Jiten Vyas ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติภาคพื้นของ VFS Global เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดตัวศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าผ่านแอพพลิเคชั่นวีซ่ามือถือในประเทศไทยซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับคนไทยที่จะขอวีซ่าไปยังประเทศในกลุ่มสหราชอาณาจักร (United Kingdom : UK) โดยทำศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าเคลื่อนที่ หรือ Mobile Visa Application Center-MVAC โดยผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือสามารถโหลดแอพลิเคชั่น ที่ติดตั้งเทคโนโลยี end-to-end เพื่อลงทะเบียนรับข้อมูลและรับใบสมัครวีซ่าทั้งส่งแบบบุคคลหรือกลุ่ม ที่จะเปิดบริการในกรุงเทพฯ 2 แห่ง คือ ลาดพร้าวและ สวนหลวง มีตึกทำการตั้งอยู่ที่ คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ (CDC) 1420/1 ถ. ประดิษฐ์มนูธรรมแขวงลาดพร้าวเขตปทุมวันกรุงเทพฯ(วันจันทร์ 09:30 - 15:00 น.) และ ธัญญาปาร์ค 735,735 / 1-8 ถนนศรีนครินทร์สวนหลวงกรุงเทพฯ (วันอังคาร 09.30 น. - 15.00 น.) มีค่าธรรมเนียม 3800 บาทต่อใบและต้องชำระผ่านบัตรเครดิตออนไลน์

"การเปิดแอพลิเคชั่นให้เขียนคำร้องขอวีซ่าถือเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของนวัตกรรมที่ทันสมัยและเป็นผู้นำตลาดของ VFS Global ในประเทศไทยและแสดงให้ UKVI และ VFS Global สามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้บริการลูกค้าของเราในประเทศไทยและทั่วโลก" นายนิคเคร้าช์ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคของวีซ่าสหราชอาณาจักรกล่าว และการเข้าเมืองในเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ "

MVAC นำเสนอหลักการที่สำคัญในวิธีการทำงาน 2 ประการ คือ 1.การใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้นและ 2.การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าในขั้นตอนการขอวีซ่ามากขึ้น ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแล้ว VFS Global สามารถเสนอข้อเสนอที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้ชาวไทยที่ยื่นขอวีซ่าประเทศอังกฤษแต่ละปีมีจำนวนประมาณ 80,000 คน สามารถทำได้ในรูปแบบที่ทันสมัยและสะดวกสบายมากขึ้น "

โดยผู้ใช้บริการจะต้องเลือกกรุงเทพมหานครเป็นสถานที่และเลือก "Mobile VAC - Crystal Design Center" หรือ "Mobile VAC - Thanya Park" ในหมวดที่ได้รับการแต่งตั้ง ผู้สมัครยังสามารถกรอกใบสมัครออนไลน์และจองนัดหมายสำหรับที่อยู่ที่ระบุไว้ ทางออนไลน์ได้

ข่าวที่สอง “มีเลียผุดโรงแรมใหม่ภูเก็ตไม้ขาวดูดทั่วโลกเพิ่มปี’64”


นายเมธาพงษ์ อุปัติสิงห์ กรรมการผู้จัดการโรงแรม ภูเก็ต วิลล่า กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับ Melia Hotels International หนึ่งในบริษัทชั้นนำของโรงแรมรีสอร์ทใหญ่ที่สุดในโลกลงทุนเปิดโครงการ Phuket Villa Group เพื่อขยายกลุ่มโรงแรมในไทย พัฒนาบริการโรงแรมมีเลีย ภูเก็ต ไม้ขาวพร้อมเปิดให้บริการเป็นแห่งที่ 5 ในไทยภายในปี 2564 เป็นต้นไป เพื่อดึงกำลังซื้อตลาดท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูจากทั่วโลกที่หลั่งไหลเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต

สำหรับ Melia Phuket Mai Khao ประกอบด้วย พูลวิลล่าส่วนตัว 101 หลัง 2 สระว่ายน้ำปา ห้องอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ทำเลที่ตั้งของรีสอร์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต มีสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงทั้ง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ รอยัลภูเก็ตมารีน่าและท่าเรือแหลมหิน

ข่าวที่สาม “ไทยแอร์เอเชียเพิ่มบินตรงอุดร-พิษณุโลกตั๋วโปร456บาท”

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ไทยแอร์เอเชียพร้อมบุกตลาดในประเทศ โดยเตรียมเพิ่มความถี่เที่ยวบิน ไป-กลับ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-อุดรธานี จากวันละ 5 เป็น 6 เที่ยว กรุงเทพฯ-พิษณุโลก จากวันละ 2 เป็น 3 เที่ยว ซึ่งการเพิ่มเที่ยวบินดังกล่าวจะสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางให้ผู้โดยสารที่สามารถเลือกเวลาบินได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายการบินภายใประเทศที่เข้มแข็ง

อีกทั้งแอร์เอเชียได้จัดทำโปรโมชั่นพิเศษราคาเริ่มต้นที่เที่ยวละ 456 บาท  เริ่มจองราคาพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 6 พฤษภาคม 2561 และสามารถเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2561 จองได้ทาง www.airasia.com และทุกช่องทางจำหน่าย ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“แอร์เอเชียเพิ่มความถี่เที่ยวบินในหลากหลายเส้นทางบิน เพื่อรองรับความต้องการบินภายในประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และในปีนี้เราเน้นการขยายการเติบโตของตลาดในประเทศ สร้างเส้นทางบินให้ครอบคลุม และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางต่างๆ ให้ผู้โดยสารเลือกเดินทางได้ตามเวลาที่ต้องการ” นายสันติสุข กล่าว

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561

ททท.พลิกขายท่องเที่ยวเอเชีย-จีนปี61 กวาดเงิน1.2 ล้านล้าน เปิด5เมืองรับทัว์จีน

ไทยพลิกขายท่องเที่ยวตลาดเอเชีย-จีนปี61
กวาดเงิน1.2ล้านล้านชู5เมืองรองรับทัวร์จีน
คิงเพาเวอร์แบ่งรายได้แสนล้านไหลสู่ชุมชน
ททท.โรดโชว์แหลกทั้งยุโรป-บราซิล/อเมริกา
บางจากจัดหนักคนรักFurioลดให้เลย20%
ทอท.ลุยเร็วดอนเมืองเฟส3-28เมย.ปิดถนน
เที่ยวสบาย ๆ ชวนทำCSRชายหาดป่าตอง
เลือกกินอาหาร5อย่างกระตุ้นสมองสดใส
บินไทยแจงผู้ถือหุ้นปี60ขาดทุนต่อ2พันล.
บินไทยดึงเชฟมิชลินเสิร์ฟกรุงเทพฯ-ปารีส
เอ็มบีเคเปิด“ทินิดี”โรงแรมน้องใหม่รับไมซ์
โรงแรมโฟร์วิงจัดเต็มเวดดิ้ง19-20พ.ค.นี้

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”  ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza

สันติ ชุดินธรา
 รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ช่วงที่ 1 ห้ามพลาดพบกับ “สันติ ชุดินธรา” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเปิดมุมมองและฉายภาพ “รายได้ท่องเที่ยวก้อนใหญ่ที่ไหลบ่าเข้าประเทศ” มาจาก “นักท่องเที่ยวจีนและเอเชีย” ปี 2561 มีความท้าท้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อรัฐบาลชวนนักลงทุนจีนแถวหน้าของโลกอย่าง “แจ๊ค หม่า” ประธานอาบีลาลาเข้ามาขยายธุรกิจในไทย โดยได้ให้ ททท.MOU กับแจ็ค หม่า เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายไหมนำเงินกลุ่มทัวร์คุณภาพจากจีนเข้าสู่ไทยในปี 2561 ให้ได้ถึง 6 แสนล้านบาท ส่วนกลยุทธ์เชิงรุก ททท.ได้โหมทำโร้ดโชว์ในช่วง 4 แรกต่อเนื่องกันรวดเดียวถึง 4 ครั้ง เพื่อเจาะกำลังซื้อกลุ่มขนาดเล็ก กลุ่มลักชัวรี่คนรวยรักสุขภาพและความงาม และได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้จีนไปเที่ยว 5 เมืองรอง เชียงราย ลำปาง สมุทรสงคราม ตราด สตูล

นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.วางกลยุทธ์โหมทำการตลาดเพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคเอเชียให้เติบโตสูงต่อเนื่องมาหลายปี สถิติปี 2560 มีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยทั้งหมด 35.5 ล้านคน มาจากเอเชีย แปซิฟิกใต้มากถึง 26.5 ล้านคน ประกอบด้วย เอเชีย 14.4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นตลาดจีน 8.9 ล้านคน ส่วนที่เหลือมาจาก อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย โดยภาพรวมอัตราการเติบโตถึง 2 หลัก โดยเฉพาะจีนเติบโต 12 % ส่วนรายได้เข้าประเทศโดยภาพรวมทำไว้ 1.8 ล้านล้านบาท เอเชีย แปซิฟิกใต้ ทำเงินมากถึง 1.16 ล้านล้านบาท ทั้งจากเอเชีย 7.3 แสนล้านบาท อาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย รวมกัน 4.3 แสนล้านบาท



ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2560 ได้ตัวช่วยจากนักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย อาเซียน จีน อินเดีย ออสเตรเลีย สูงมากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้รวมที่หลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ตามปีงบประมาณ 2561 ผ่านมาแล้ว 2 ไตรมาส ตั้งแต่ตุลาคม 2560-มีนาคม 2561 เฉพาะ 3 เดือนแรกปี 2561 ตลาดจีนยังคงเติบโตเกินกว่า 30 % อินเดียพุ่งไปถึง 15 % เกาหลี เวียดนาม ออสเตรเลียประคองตัวขึ้นมาได้ดีมากเช่นเดียวกัน

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนกำลังเป็นกระแสแรงมากนั้น ททท.ปรับแผนตอบสนองเป้าหมายโดยขณะนี้ได้เน้นให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่มตลาดจีนคุณภาพสูง ถึงแม้จะพยายามทำมาหลายปีแล้วด้วยการปรับฐานเน้นเจาะกลุ่มระดับกลางและบนเพิ่มขึ้น ด้วยการเดินหน้าหารือกับบริษัทตัวแทนนำเที่ยวของจีน เพื่อหันมาเพิ่มการขายโปรแกรมท่องเที่ยวราคาสูงขึ้น กระจายตัวไปยังเมืองรอง มาท่องเที่ยวอย่างมีความสุขเสพสุนทรีความงดงามทางธรรมชาติมากกว่าที่ไปกระจุกตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหลักมากเกินไป

ปี 2561 จึงเน้นการโปรโมตเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดเล็กเฉลี่ย 5-8 คน/กลุ่ม แทนการส่งเสริมให้ชาวจีนมาเป็นจำนวนมากพร้อมกันหลายรถบัสเดินทางไปเที่ยวโดยไม่เห็นความสวยงาม ตลาดแนวใหม่จะมุ่งนำเสนอนักท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างสบาย ๆ ทั้งเรื่องที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะขายได้ราคาสูงขึ้นตามลำดับ



กลยุทธ์ที่ ททท.จะสร้างแรงจูงใจตอนนี้ได้ทำแล้วทั้งเรื่องหารือกับ 2 กลุ่มหลัก คือ บริษัททัวร์ต้นทางกลุ่มผู้ขายในจีนกับบริษัทตัวแทนในไทยซึ่งเป็นผู้รับนักท่องเที่ยว บริหารการใช้แผนกท่องเที่ยวมาออกแบบให้บริการตามความต้องการเฉพาะของนักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดเล็ก ผลจากการหารือร่วมกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทางบริษัททัวร์ทั้งสองประเทศแจ้งเทรนด์ปีนี้เริ่มหันมาเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ

ดังนั้น ททท.จะเร่งสร้างเวทีให้มีการเจรจาระหว่างกลุ่มขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เบื้องต้นนำร่องทำโร้ดโชว์ไปแล้วในเมืองเศรษฐกิจรองของจีน 4 เมืองใหญ่ ได้แก่ จีหนาน สีเจอจวง เจิ้งโจ อู่ฮั่น ซึ่งแต่ละเมืองมีประชากรกว่า 100 ล้านคน ช่วงระหว่าง 23-27 เมษายน 2561 จัดงานตั้งโต๊ะเจรจาธุรกิจเน้นกลุ่มตลาดหรูหรา Luxury Roadshow 2018 โดยได้เชิญบริษัทชั้นนำ โรงแรมระดับบน 15 ราย เวลเนสสปาและโรงพยาบาลรวมกันอีก 25 ราย ไปทำตลาดในมณฑลปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว พร้อมทั้งมีโอกาสพบกับกลุ่มทัวร์ โอเปอเรเตอร์ของจีนระดับบนด้วยเช่นกัน

จากนั้นช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ททท.มีแผนนำกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวขายทัวร์ออนไลน์ชั้นนำของไทยเรียกกลุ่ม Online Travel Association ไปพบกับนักผู้ประกอบการออนไลน์ของจีนในมณฑลเฉินตูกับกวางโจ เพื่อสร้างโอกาสการพบปะเจรจากันอย่างเต็มที่อีกครั้ง

นายสันติกล่าวว่าการวางแผนเพิ่มความเข้มข้นกระตุ้น “คนจีนใช้จ่ายเงินเที่ยวเมืองไทย” เฉพาะช่วงครึ่งปีแรกได้ทำโร้ดโชว์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง จากนี้ไปก็จะรุกหนักโดยเฉพาะการเพิ่มรายได้จากหมวดช้อปปิ้งและอาหาร ขณะนี้ ททท.ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำให้ไปช้อปปิ้งโดยไม่ผ่านบริษัทตัวแทนนำเที่ยว เพิ่มช่องทางให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อสินค้าได้ตามชอบในราคาเหมาะสมด้วย ทำวิธีแนะนำการช้อปและเลือกกินอาหารผ่าน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5 สำนักงาน (ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เฉินตู กวางโจว คุนหมิง) ได้เปิดเว็บไซต์ พร้อมร่วมกับ WeChat ซึ่งแต่ละเว็บไซต์มีผู้ติดตามอยู่นับล้านคน รวมทั้งออนไลน์ทั้งหมด ที่ ททท.ทุกสำนักงานมีอยู่นำข้อมูลใส่ไว้ให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการ

ปี 2561 ตั้งเป้ารายได้จากตลาดจีนทุกเมืองเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 % จากปี 2560 สถิติจีนนำเงินเข้ามาท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ไทย 529,000 ล้านบาท ปี 2561 แนวโน้มจะทำได้เกือบ 600,000 ล้านบาท



ส่วนวิธีการกระจายนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจากพื้นที่จังหวัดหลักระบายไปสู่จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้นนั้น นอกจากจะมุ่งเจาะขายจีนกลุ่มขนาดเล็กแล้ว ก็ยังสร้างจูงใจมากขึ้นในเฉพาะบางพื้นที่ปี 2561-2562 เลือกส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 5 แห่ง ได้แก่ เชียงราย ลำปาง  สมุทรสงคราม (อัมพวา) ตราด สตูล เพราะเล็งเห็นความพร้อมทั้งการเข้าถึงได้สะดวก มีโรงแรมเพียงพอ ตัวอย่าง ตราด และ สตูล มีทะเลที่จีนชื่นชอบ ส่วนเชียงราย ลำปาง มีวัฒนธรรมโดนใจเกี่ยวกับ อารยธรรมล้านนาและวัด

นายสันติกล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าของพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชนและเมืองท่องเที่ยวรอง ขอให้ทุกแห่งเตรียมความพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวซึ่งมีจำนวนมาก ดังนั้นทุกพื้นที่ต้องเตรียมความพร้อมมากเป็นพิเศษดังนี้

1.ต้องประเมินขีดความสามารถในการรองรับแต่ละครั้งรับได้พร้อมกันจำนวนเท่าไรต่อครั้ง 2.การสื่อสารทางภาษา เพราะนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่อ่านภาษาอังกฤษเริ่มเข้ามาเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่จีนก็ยังต้องการป้ายบอกทางภาษาจีนที่สื่อสารตรงกันได้

นักท่องเที่ยวตลาดเอเชีย แปซิฟิกใต้ นับเป็นกลุ่มกำลังซื้อที่นำเงินเข้ามาใช้จ่ายสูงที่สุดเกินกว่า 2 ใน 3 ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แล้วแนวโน้มในปี 2561 ตลาดก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนและทุกฝ่ายในภาครัฐกับเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกันบริหารจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาท่องเที่ยวของประเทศเติบโตบนความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์แบ่งยอดขายแสนล้านสู่ชุมชน



วันนี้การท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังเป็นผงาดเป็นดาวรุ่งภูมิภาคเอเชีย ที่มีนานาชาติทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายเดินทางเข้ามาเที่ยวตามเป้าหมายปี 2561 จะทำได้กว่า 38 ล้านคน ใช้จ่ายเงินรวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ในทางกลับกันปีนี้สมาคมไทยบริการการท่องเที่ยว (Thai Travel Agent Association :TTAA) ผู้นำกลุ่มสมาชิกบริษัทตัวแทนนำเที่ยวต่างประเทศได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าปี 2561 จะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 10 ล้านคน เม็ดเงินจะไหลออกนอกประเทศมูลค่านับล้านล้านบาทเช่นกัน

โจทก์ใหญ่ของประเทศไทยตอนนี้จะต้องหาวิธีทำให้ “เงินต่างชาติและคนไทย” อยู่ในประเทศให้มากที่สุดช่วงการท่องเที่ยวขาขึ้นในปี 2561 จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง สิ่งที่ทุกฝ่ายควรจะเพิ่มยอดรายได้ช้อปปิ้งคือ ต้องเร่งสร้าง “สินค้าไทย” แจ้งเกิดอย่างรวดเร็วมีมาตรฐานพร้อมเข้าสู่ตลาดสากล และทำให้ “สินค้าแบรนด์เนม” ที่นักช้อปทั่วเอเชียยอมควักเงินจ่ายแบบไม่อั้นซึ่งไทยพยายามในการผลักดันให้ประเทศก้าวเข้าสู่ “ศูนย์กลางช้อปปิ้งพาราไดซ์” เป็นจริงขึ้นมาให้ได้

ปรากฏการณ์ธุรกิจที่น่าสนใจคือ “การพัฒนาธุรกิจร้านค้าปลอดอากร” (duty free shop) ของ “กลุ่มบริษัท คิง  เพาเวอร์” ให้กลายเป็น “ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวที่ตอบสนองการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด “Explore Endlessly Jouney”  ผสมผสานการลงทุนอย่างลงตัวด้วยการเนรมิตร แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม ร้านอาหาร และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร (hospitality) จนสามารถสร้างยอดขายรวมเข้าประเทศมูลค่ารวมปีละ 900,000-100,000 ล้านบาท

สำหรับยอดขายปีละเกือบ 100,000 ล้านบาท นั้น กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับจากกำลังซื้อของสมาชิก“คนไทย” ปีละกว่า 7 แสนราย และ “ต่างชาติ” เกินกว่า 10 ล้านคน ขณะนี้ที่ตลาดมาแรงคือนักท่องเที่ยวจีนที่เลือกช้อปในร้านคิง เพาเวอร์ ปีละกว่า 7-8 ล้านคน

แต่หัวใจสำคัญของการขายสินค้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สามารถตอบโจทก์ตามนโยบายภาครัฐคือ “การกระจายรายได้สู่ชุมชน” เนื่องจากในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ตามสนามบิน (duty free airport) และในเมือง (duty free downtown) ทั้ง 10 แห่ง ได้คัดเลือกชุมชนผู้ผลิตสินค้าไทยมาวางจำหน่าย สามารถแบ่งปันรายได้ด้วยการนำสินค้าไทยตามท้องถิ่นทั้ง 4 ภาค มาวางขายทำเงินได้เป็นกอบกำปีละกว่า 20,000-25,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20-25 % ของรายได้ทั้งหมด


“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า  ปัจจุบันกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีคู่ค้าผู้ผลิตสินค้าไทยจากชุมชนทั่วประเทศกว่า 154 กลุ่ม หลัก ๆ 4 หมวด คือ 1.ผ้าและเครื่องแต่งกาย 2.ของใช้ของที่ระลึก 3.สมุนไพรไทย 4.อาหารและเครื่องดื่ม นำเข้ามาวางจำหน่ายในดิวตี้ฟรีตามสาขาต่าง ๆ ของบริษัทมากกว่า 1,100 รายการ รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ ได้สั่งซื้อสินค้าไทยตามชุมชนทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบันมีมูลค่ารวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท ขณะนี้มีสินค้าชุมชนที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อสูงเป็นอันดับต้น ๆ  7 รายการ ได้แก่ น้ำผึ้ง เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ อาหารทะเลอบแห้งรสต้มยำโป๊ะแตก หมอนรองคอ ยาหม่องเขียว แก้วเป่ารูปช้าง แจกัน



การเพิ่มยอดขายสินค้าโอท็อปชุมชนั้นสอดคล้องกับแผนพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งได้ประกาศทำโครงการ “King Power Thai Power : พลังคนไทย” โดยเน้นการสร้าง “COMMUNITY POWER-พลังชุมชนคนไทย” มุ่งมั่นยกระดับผู้ผลิตสินค้าไทยตามชุมชนให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดโลก ด้วยการคัดสรรแบรนด์ไทยอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นมาวางจำหน่ายในร้านสาขาคิง เพาเวอร์ ทำให้ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของคนไทยได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั่วโลก ส่งเสริมผู้ผลิตในชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งยังได้เผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านอัตลักษณ์ของสินค้าที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ

ก้าวต่อไปของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ หลังจากลงทุนเพิ่มอีก 14,000 ล้านบาท ซื้อโครงการมหานคร ไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร

“อัยยวัฒน์” ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะนำกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สําคัญทางเศรษฐกิจ การค้า ของประเทศไทยในระดับสากล เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พร้อมที่จะรองรับการเติบโตของประชาคมอาเซียนในอนาคต  เพราะโครงการมหานครเพียบพร้อมด้วยบริการต่าง ๆ มากมาย ทั้งโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับ 5 ดาว ร้านอาหารแถวหน้าของไทยและต่างประเทศ จุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระจามุม 360 องศา ทั้งหมดคือแม่เหล็กขั้วใหญ่ที่จะดึงดูดนักเดินทางทั่วโลกเลือกกรุงเทพมหานครเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในระยะยาว

เป็นการแสดงพลังของภาคเอกชนเพื่อช่วยรัฐสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ

ข่าวที่ 2 “ททท.ตลุยโร้ดโชว์แหลกทั้งยุโรป-บราซิล/อเมริกา”



นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้จัดงาน Thai Fest 2018 ณ Atlantico Rome ร่วมกับทุกฝ่ายช่วยกันยกระดับงานไทยเทสต์ ในต่างประเทศควบคู่กับการสร้างภาพจำด้านการท่องเที่ยวตามแนวคิด Open to the New Shades ภายในงานได้จัดขายรายการนำเที่ยวมายังประเทศไทย นำอาหารถิ่นวัฒนธรรมไปเผยแพร่สินค้าทางการท่องเที่ยวมุมใหม่ โดยจัดทีมสาธิตการทำอาหารไทย แข่งขันตำส้มตำ การทำหัตถกรรมของชุมชนต่าง ๆ และนำนักชกไทยไฟต์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวอิตาลีไปร่วมแจกลายเซ็น สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว และผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมถึงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอิตาลีและรายการวิทยุชื่อดังถ่ายทอดการจัดงานครั้งนี้ด้วย

นางสาวจิตติมา สุขผลิน ผู้อำนวยการภูมิภาคอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทาง ททท.สำนักงานลอสแองเจลิส ได้เข้าร่วมสนับสนุนการจัดงาน Sao Paulo Fashion Week (SPFW) 2018 ณ Ibirapuera Park ภายในงานมีบูธไทย พาวิลเลียน ขนาด 80 ตารางเมตร โดยคณะผู้จัดงาน SPFW ออกแบบโดยได้แรงบัลดาลใจหลังจากเมื่อช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ปีนี้ ได้เดินทางมาสำรวจและบันทึกภาพแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในไทย ทั้งกรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่

ภายในบูธไทย พาวิลเลี่ยนงาน SPFW 2018 ด้วยการจัดมุมสาธิตการนวดไทย ร้อยมาลัยดอกไม้สด มอบให้กลุ่มเซลิบริตี้จากบราซิลและสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงาน พร้อมกับเปิดให้ชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย โดยคุณอู๋ วิโรจน์ จากแอลเอ และมีเชฟบราซิลมาปรุงอาหารไทยเสิร์ฟภายในงาน

สำหรับงาน SPFW 2018  ตลอด 4 วัน มีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน โดยไทยเป็นประเทศเดียที่ได้รับความสนใจเป็นดาวเด่นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวขวัญใจลูกค้าบราซิลและอเมริกา รวมทั้งตลอดการจัดงานยังได้เผยแพร่ออกอากาศในช่องแฟชั่นต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียชั้นนำเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มดีไซเนอร์ เซลิบริตี้ เป็นทั้งกลุ่มตลาดคุณและหรูหราที่มีกำลังซื้อสูงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ข่าวที่ 3 “บางจากจัดหนักน้ำมันหล่อลื่นFurioลด20%”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ทำแคมเปญ “จัดหนัก!! ท้าลมร้อน” เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับส่วนลดน้ำมันหล่อลื่น FURiO สูงสุด 20% ตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 256 เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ (F1) หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นกึ่งสังเคราะห์ (F2)


พิเศษสุดๆ ... รับโบนัสความคุ้มค่า 3 ต่อ เมื่อเข้ารับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการฟิวริโอแคร์ และวอชโปร

ต่อที่ 1 ฟรี!! บริการตรวจสภาพรถยนต์ 11 รายการ (ฟรีค่าแรง) ได้แก่ ตรวจเช็คน้ำมันเบรกและคลัทซ์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ก้านปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก หม้อน้ำและระดับน้ำในท่อ ไส้กรองอากาศ แบตเตอรี่ สายพานเครื่องยนต์ สภาพยางและแรงดันลม ระบบไฟฟ้า

ต่อที่ 2 ฟรี!! ไส้กรองน้ำมันเครื่องมูลค่าสูงสุด 500 บาท (เฉพาะยี่ห้อ Green Serve และ Power S เท่านั้น ทั้งนี้มูลค่าของแถมขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ ในกรณีที่ไม่มีรุ่นที่ระบุ หรือ เป็นรุ่นพิเศษที่ทางร้านไม่มีจำหน่าย ขึ้นอยู่กับการประเมินของศูนย์บริการฯ)

ต่อที่ 3 ฟรี!! ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องมูลค่าสูงสุด 475 บาท (Flushing Oil) ยี่ห้อ "Green Flush" โดยมูลค่าของแถมขึ้นอยู่กับรุ่นรถยนต์ และการประเมินของศูนย์บริการฯ

ศูนย์บริการฟิวริโอแคร์ และวอชโปร ที่ร่วมรายการทั่วประเทศกว่า 29 แห่ง


ข่าวที่ 4 “บอร์ดทอท.สั่งลุยเร็วขึ้นดอนเมืองเฟส3-28เม.ย.ปิดถนน”



นายอเนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”  กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติแผนแม่บทฉบับปรับปรุงเพิ่มเติมที่จะใช้เงินลงทุนรวม 49,400 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาท่าอากาศยานให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิมและตอบโจทก์ผู้โดยสารที่กำลังประสบปัญหาความแออัด เบื้องต้น 3  ประกอบด้วย ท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ระหว่างปี 2561-2567 วงเงิน 35,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เฟส 1 ระหว่างปี 2561-2565 วงเงิน 10,000 ล้านบาท ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เฟส 1 วงเงิน 4,400 ล้านบาท

การปรับปรุงเพิ่มเติมในท่าอากาศยานให้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเป็นปีละ 40 ล้านคน ต่างจากแผนเดิมจะรับได้แค่ปีละ 30 ล้านบาท ท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ทอท.จะนำอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเก่า (Domestic Terminal) ที่ปิดใช้บริการมานานกว่า 10 ปี ปิดเมื่อปี 2549 โดยจะนำมาเปิดใช้ใหม่ทำเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (International Terminal) เนื่องจากขณะนี้และในอนาคตจะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางหนาแน่นจนอาจสร้างความแออัดได้ โดยจะใช้เวลาปรับโฉมใหม่ให้แล้วเสร็จ 2 ปี พร้อมเปิดบริการได้ช่วงปี 2564

รวมทั้งจะใช้เงินอีก 200 ล้านบาท ก่อสร้างอาคาร “เช็คอิน” หลังใหม่พื้นที่ประมาณ 3,500 ตารางเมตร กำหนดแล้วเสร็จภายใน 1 ปี เริ่มบริการปี 2562 เป็นต้นไป โดยตั้งอยู่บริเวณข้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลัง 1 เพื่อให้บริษัทนำเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะมาเช็คอิน หรือ Group Checkin

ส่วนท่าอากาศยานเชียงใหม่ แผนฉบับปรับปรุงใหม่มีโครงการสำคัญ ๆ อาทิ อาคารจอดรถขนาดรองรับได้ 300 คัน ขยายถนนขาออกด้านหน้าอาคารเป็น 3 ช่องจราจร ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือรองรับลานจอดรถลีมูซีน แท็กซี่ เพื่อบรรเทาความแออัดของบริเวณจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสารด้านล่าง

ขณะที่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จะขยายปรับปรุงการรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน โดยจะบริหารจัดการพื้นที่การใช้งานใหม่แยกกันอย่างชัดเจนทั้งขาเขาและขาออก โดยเปลี่ยนชั้น 1 เป็นขาเข้า และชั้น 2 เป็นขาออก พร้อมกับเพิ่มหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มอีก 10 หลุม

ทางด้านส่วนกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่าคืนวันที่ 28 เม.ย.2561  จะมีการปิดถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก เพื่อดำเนินการยกทางเดินสกายวอล์ค รถไฟฟ้าสายสีแดง(สถานีดอนเมือง) ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น.จึงขอให้ลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น อาทิ ถนนโลคอลโร้ดหรือถนนเลียบทางรถไฟ กำแพงเพชร 6

ช่วงที่ 2 ลัดฟ้าลงทะเลอันดามันใต้ไปสร้างสรรค์ความฉลาดให้ชีวิตเติมเต็มธรรมชาติระหว่างวันท่องเที่ยวกับทริป “เที่ยวหาดป่าตองสบาย ๆ” พร้อมกับช่วยกันเก็บกันขยะชายหาด สร้างน้ำสวยทะเลใส ให้โลกน่าอยู่ แล้วต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพกับการเรียนรู้ “เลือกกิน5อาหารกระตุ้นสมอง” และข่าวผลการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของการบินไทย ปี 2561 แจ้งผู้ถือหุ้นว่าผลการดำเนินงานปี 2560 “การบินไทย” ยังขาดทุน 2,072 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ส่วน เอ็มบีเค กรุ๊ป เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่ชื่อ “ทินิดี” ที่ปทุมธานี ต้อนรับไมซ์โรงงาน ส่วนโรงแรมโฟร์วิงชวนคู่รักที่เตรียมหาสถานที่แต่งงานไปเจอกันในงาน Wedding Fair 2018

@ท่องเที่ยวสบายๆในหาดป่าตอง



ยุคนี้ไม่ว่าจะไปพักผ่อนมุมไหนในเมืองไทย ขอรณรงค์ให้ช่วยกันเก็บขยะรักษาสิ่งแวดล้อม ทริปนี้จึงอยากชวนไป “หาดป่าตอง” สัก 2 วัน เดิน นั่ง นอน กินลมชมวิวทะเลไข่มุกอันดามัน จังหวัดภูเก็ต หาดที่มีความสนุกทั้งตลอด 24 ชั่วโมงทั้งยามพระอาทิตย์ขึ้นและลับขอบฟ้า

ยามพระอาทิตย์จ้าช่วงกลางวันเตรียมสวมชูชีพไปลุยฟองคลื่นใกล้ ไกล ฝั่ง ในโซนที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวสนุกกับกิจกรรมทางน้ำสุดเอ็กซ์ตรีม เลือกได้เลย จะเล่นผาดโผนอยู่บนเจ็ตสกีแรง หรือโต้คลื่นด้วยเซิร์ฟบอร์ดคู่ใจ และสัมผัสคลื่นแบบเบา ๆ บนบานานาโบ๊ท ส่วนสีสัน Night Life ยามราตรีช่วงค่ำคืนก็มีร้านอาหารเก๋ ๆ ดนตรีสนุก ๆ



แล้วจับจองมุมเด่น ไว้นั่งชม “อ่าวโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว” เลื่องชื่อ ณ จุดชมวิว 3 อ่าว เมื่อมองมุมต่ำลงมาแล้วจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต บริเวณ หาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกระรน ต้องบอกเลยว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่รังสรรค์ให้อ่าวทั้งสามเรียงร้อยกันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ดื่มด่ำเสร็จแล้ว รอเวลาไปชมดวงอาทิตย์ยัง “แหลมพรหมเทพ” เติมเต็มความสุขเก็บความประทับใจให้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดไป



เที่ยวทั่วหาดป่าตอง และ 3 อ่าวเสร็จแล้ว แนะนำให้ไปเดินเที่ยว “ย่านเมืองเก่า” ยังคงเก็บสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล์ ชิโน-โปตุกีส” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยุคก่อนสู่ปัจจุบันถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและความหลากหลายทางวัฒนธรรมบน “ถนนถลาง”

ระหว่างการพักผ่อนอยู่ในหาดป่าตอง แนะนำให้นักท่องเที่ยวร่วมสร้างสรรค์ประโยชน์ด้วยการ “ลงมือช่วยกันคนละไม้ละมือเก็บขยะให้เกลี้ยงหาด” เพื่อทำให้ทริปการพักผ่อนของเรามีคุณค่าต่อตนเอง ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทำได้ง่าย ๆ เมื่อไปยืนสูดกลิ่นอายทะเลยามเช้าตรู่ ก็สามารถนำถุงขยะติดตัวไปด้วยแยกขยะแต่ละชนิด ได้ทั้งการเดินออกกำลังกายและช่วยดูแลปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมชายหาดได้ด้วย และหากนักท่องเที่ยวคนไหนชื่นชอบดำน้ำจะอาสาไปกับเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บขยะใต้ทะเลก็สนุกได้รสชาติการเที่ยวป่าตองในอีกรูปแบบ



ส่วนเรื่องต้องห้ามพลาดทำคือ ชิม แชะ แชร์ ช้อป อาหารพื้นเมือง จานเด็ดต้นตำรับต้องชิม “หมี่ฮกเกี้ยนหรือหมี่แปะกง” ที่ร้านต้นโพธิ์ แล้วก็แวะเช็คอินที่ “ตลาดชุมชนฉำฉา” มุ่งหน้าเข้าร้าน “พรทิพย์” ร้าขายของฝากของที่ระลึก ก่อนขึ้นเครื่องแวะอีกที่ตรง “ร้านแม่จู้” นอกจากจะมี อาหาร ขนม พื้นเมืองจะรักษารสชาติดั้งเดิมไว้ตามต้นแบบเป๊ะแล้ว ยังดีไซน์แพกเกจจิ้งสุดอลังการ สนนราคาก็หาซื้อได้สบายกระเป๋า

เที่ยวหาดป่าตองทั้งสนุกแถมได้ทำประโยชน์คืนความสุขให้ทะเลอันดามันทริปอย่างนี้ทำได้เลยทุกครั้ง หากต้องการคำแนะนำทริปเที่ยวเก็บขยะทะเลในภูเก็ต สอบถามได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว ฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักงานปลัดเทศบาลนครภูเก็ต โทร.076-214-306

@5 อาหาร ช่วยกระตุ้นสมอง

สมองเป็นอวัยวะสำคัญอวัยวะหนึ่ง ที่ต้องใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการคิด วิเคราะห์ หรือจดจำรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ 5 ชนิดช่วยกระตุ้นสมองใสได้ตลอดเวลา

1.ปลาซาร์ดีน อุดมด้วยโอเมก้า 3 ปริมาณสูง โดยผลวิจัยจากสหรัฐฯ พบว่า กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) ในโอเมก้า 3 สำคัญต่อการพัฒนาสมองส่วนความจำ และการเรียนรู้ ทั้งยังพบว่ากรดไขมันชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองถึง 65% ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเอง แต่ได้จากอาหารที่บริโภค เช่น ปลา ถ้าได้กินปลาซาร์ดีนเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ เมนูแนะนำทำง่าย อาทิ ปลาซาร์ดีนผัดซอสมะเขือเทศ ข้าวผัดปลาซาร์ดีน พาสต้าปลาซาร์ดีน เป็นต้น

2.ไข่ ภายในบรรจุโคลีน สารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเซลล์สมอง มีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ ซึ่งไข่แดงจัดเป็นอาหารที่ให้โคลีนมากสุดชนิดหนึ่ง และยังช่วยลดการเสื่อมของเซลล์สมองซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์

3.ข้าวโอ๊ต โดยฟอสฟาติดิลโคลีนที่พบในเลซิติน จะช่วยด้านความจำ แถมข้าวโอ๊ตยังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานสูงไขมันต่ำ มีวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยมาก ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดทำให้ไม่หิวระหว่างมื้อบ่อย ๆ

4.วอลนัต ประกอบด้วย โปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินบีให้พลังงานและพัฒนาการทำงานของสมอง ผลวิจัยจากต่างประเทศ พบว่าวอลนัตยังช่วยเพิ่มความสามารถของสมองจากการต้านสารอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลาย เซลล์สมองได้

5.กล้วย มีวิตามินบี 6 ช่วยให้การสื่อสารระหว่างกล้ามเนื้อกับเส้นประสาทเป็นไปได้สะดวก ทั้งยังช่วยให้สมองผลิตสารเซโรโทนินที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวลได้

หากรับประทานอาหารทั้ง 5 ชนิดเป็นประจำได้ยิ่งดีมีประโยชน์ เพื่อสมองกระฉับกระเฉงฟิตที่จะเรียนรู้ใหม่ทุกวัน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “การบินไทยแจงผู้ถือหุ้นปี’60ขาดทุนกว่า2พันล้าน”

ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 โดยมี พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง รักษาการประธานกรรมการบริษัทฯ เป็นประธานการประชุม และมีคณะกรรมการ ฝ่ายบริหาร ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เข้าร่วมการประชุม ได้สรุปผลการดำเนินงานของการบินไทยปี 2560 ทั้งบริษัทฯ และบริษัทย่อย เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้วขาดทุนสุทธิ 2,072 ล้านบาท

 ทั้งการบินไทยและบริษัทย่อย มี “กำไรจากการดำเนินงาน” ธุรกิจการบิน (Operating profit)  2,856 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 29.8% สาเหตุหลักมาจากค่าน้ำมันเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยสูงกว่าปีก่อน 24.2% ส่วนรายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยก็ต่ำกว่าปีก่อน 7.7% เพราะการแข่งขันรุนแรงและการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมัน (Fuel Surcharge) ถึงแม้จะมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารสูงกว่าปีก่อน

สำหรับ “รายได้” รวมทำได้ 191,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,389 ล้านบาท คิดเป็น 6.3 เพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่นๆ

ส่วน “ค่าใช้จ่ายรวม” ประมาณ 189,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,604 ล้านบาท คิดเป็น 7.1% เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 4,879 ล้านบาท เพิ่ม 10.8% จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24.2% ประกอบกับปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิต ถึงแม้จะทำวิธีบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันจึงสูงขึ้น 8,313 ล้านบาท คิดเป็น 6.6% สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น

ทางด้าน “ต้นทุนทางการเงินสุทธิ” ลดลง 588 ล้านบาท คิดเป็น 11.5% จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อน เป็นผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 2,856 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,215 ล้านบาท

ข่าวที่สอง “ปี’61บินไทยดึงเชฟมิชลินเสิร์ฟกรุงเทพฯ-ปารีส”


นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมนายเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน ร่วมกับ นายดีภัค โอหริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมเลอบัว แอนด์ รีสอร์ท นำเชฟชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ มิสเตอร์ริวกิ คาวาซากิ เชฟมิชลินสตาร์ ประจำห้องอาหารเมซซาลูน่า โรงแรมเลอบัวฯ และมิสเตอร์ฟรองซัวร์ อดัมสกี้ เชฟมิชลินสตาร์ จากฝรั่งเศส มาออกแบบเมนูอาหารให้บริการแก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจของการบินไทย ในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปารีส เที่ยวบิน TG 930 และ 931  เริ่ม 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป โครงการดังกล่าวจะมีให้บริการตลอดทั้งปี 2561 ซึ่งจะปรับเปลี่ยนเมนูทุกๆ 2 เดือน

ข่าวที่สาม “บินไทยเสิร์ฟของหวานวันครบรอบ 58 ปี”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 58 ปี วันที่ 1 พฤษภาคม นี้ ได้สร้างสรรค์ขนมหวานเมนูพิเศษ นำมาให้บริการแก่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน

เส้นทางภายในประเทศ จะให้บริการทุกเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ (ยกเว้น TG207 เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต) และทุกเที่ยวบินขาเข้าจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ (ยกเว้น TG208 และ TG226 เส้นทางภูเก็ต- กรุงเทพฯ)  แบ่งเป็น ชั้นธุรกิจเสิร์ฟ มันเชื่อมแกะสลัก ชั้นประหยัด เสิร์ฟตะโก้ไพลินกรอบ และบลูเบอร์รี่ชีสพาย

เส้นทางระหว่างประเทศ มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ในทุกเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพฯ (ยกเว้นเที่ยวบินไปยังตะวันออกกลาง และ เอเชียใต้บางเส้นทาง)  ชั้นหนึ่งเสิร์ฟเค้กกล้วยหอมมะพร้าวครีมชีส พร้อมไอศกรีมกะทิซอสคาราเมล ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด เสิร์ฟเค้กกล้วยหอมมะพร้าวครีมชีส พร้อมซอสคาราเมล

ข่าวที่สี่ “เอ็มบีเคเปิดโรงแรมน้องใหม่ทินิดี-ปทุมธานี”

นายอาทร วนาสันตกุล กรรมการผู้จัดการ เอ็มบีเค โฮเต็ล แอนด์ ทัวร์ริซึ่ม (MBKHT) กล่าวว่า ได้เปิดตัวโรงแรมน้องใหม่  “ทินิดี โฮเต็ล แอท บางกอก กอล์ฟคลับ” ตั้งอยู่ในสนามกอล์ฟบางกอก กอล์ฟคลับ และสนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟคลับ เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบที่สุดในย่านปทุมธานี ด้วยหลากหลายมิติ คือ มิติที่ 1  ห้องพักโอ่อ่า128 ห้อง ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวสนามกอล์ฟและทิวทัศน์ธรรมชาติโดยรอบ  มีห้องประชุมที่สามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 10 คน ถึง 500 คน มีห้องอาหารชั้นเลิศบริการทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรมและลูกค้าทั่วไป

ส่วนมิติที่ 2 ‘เล่น หรือ Play’ บริการศูนย์กลางด้านกีฬาและสุขภาพ (Wellness Center) เพราะเรามีทั้งสนามกอล์ฟชั้นนำ 2 สนาม ฟิตเนส  เซ็นเตอร์ที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุด สระว่ายน้ำ จ็อคกิ้งแทรค แบ็ดมินตัน เทนนิส โยคะ นวดแผนไทย และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย บริการทั้งลูกค้าที่พักในโรงแรม และเปิดรับสมาชิกทั่วไป

ข่าวที่ห้า “ทุกคู่รักไปพบกันในงานโฟร์วิงเวดดิ้งแฟร์19-20พค.”

โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท26 กรุงเทพ ชวนคู่รักที่กำลังวางแผนเข้าสู่ประตูวิวาห์ เชิญเยี่ยมชมบรรยากาศจริง และลิ้มรสอาหารเสมือนวันงาน ในงานเวดดิ้งแฟร์ Perfect Wedding ครั้งที่ 2 พบกันในวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2561 ณ ห้อง กัญญลักษณ์บอลรูม  เวลา 10.00-19.00 น.  ด้วยราคาที่ทุกคู่รักสัมผัสได้ อาทิ โต๊ะจีนเริ่มต้นที่ 9900 บาท งานเลี้ยงค๊อกเทลเริ่มต้นคนละ 750 บาท และงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์เริ่มต้นคนละ 850 บาท  ราคานี้เฉพาะงานเวดดิ้งแฟร์เท่านั้น


เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ผู้ดำเนินรายการ

กรมเจ้ารุกหนักเฟอรี่-รถเชื่อมทะเลEEC3จังหวัด"เพชร-ประจวบ-ชล"ท่องเที่ยวพุ่งปี64

เจ้าท่ารุกหนักเฟอรี่-รถเชื่มอ่าวไทยออก-ตก
ดันท่องเที่ยว"เพชร-ประจวบ-ชล"พุ่งแรงปี'64

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen



นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า เปืดเผยว่า ได้เสนอแนวคิดการพัฒนาเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งเรือเฟอร์รี่ เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน 2จุด เชื่อมโยง 3 จังหวัด ได้แก่เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี) กับ แหลมฉบัง/ศรีราชา/พัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลประเทศไทยภาคตะวันตกและตะวันออก  ซึ่งสามารถช่วยย่นระยะทางและเวลาเทางรถยนต์กว่า 300 กิโลเมตร หันมาใช้เฟอรี่เหลือเพียงประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นการเพิ่มทางเลือกในการให้บริการขนส่งโดยสารแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว


รวมถึงจะเป็นทางอีกทางเลือกที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาค ลดอุบัติเหตุทางถนน ปัญหาการจราจร และค่าบำรุงรักษาทางถนน ขานรับนโยบายรัฐบาลช่วยธุรกิจท่องเที่ยวขยายตัวและสนับสนุนการลงทุนใหม่เชื่อมโยง EEC และการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตามแนวชายฝั่งทะเล Thailand Riviera ตะวันตก



ขณะเดียวกันทางกรมเจ้าท่ามีแผนจะพัฒนาท่าเรือปากร่องน้ำปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรองรับการขนส่งผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว พร้อมรถยนต์เชื่อมระหว่างอ่าวไทยกับท่าเรือเฟอร์รี่ ที่กองทัพเรือจะพัฒนา ณ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ คาดจะแล้วเสร็จพร้อมกันประมาณปลายปี 2564

ททท.จัด“Maha Songkran World Fest2025”ดันไทยติด1ใน10สุดยอดเฟสติวัลโลก

  ททท.จัดสุดอลังการ“ Maha Songkran WorldFest 2025” ดันไทยติด 1 ใน 10 สุดยอดเฟสติวัลโลก-โกย 2.6 หมื่นล้าน   กระทรวงการท่องเที่ยว กับ ททท...