วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ทอท.ไขทุกปมคาใจจ้างออกแบบเทอร์มินอล2-เที่ยวเมืองรองแม่ฮ่องสอน5อ.

บิ๊กทอท.ไขปมคาใจเทอร์มินอล2สุวรรณภูมิ
เคลียร์ทางทุกงานประมูล10ปีหน้า2แสนล้าน
คิงเพาเวอร์ชวนดูหนังตูน7แสนที่นั่ง 6ก.ย.นี้
ททท.บุกญี่ปุ่นปลุกMOTOGPบุรีรัมย์ต.ค.นี้
เที่ยวดนตรีฤดูฝนบางแสน-ศาสตร์พระราชา
บางจากร่วมวงบัตรฟลีทการ์ดใช้แทนเงินสด
นายกฯลุงตู่สั่งทอท.เร่งรับทำ4สนามบินตจว.
ทัวร์วิถีสุข5อ.แชมป์เมืองรองในแม่ฮ่องสอน
เลือกกินตามรสชาติอาหารตรงจริตร่างกาย
ไทยสไมล์อัดโปรตั๋วแรงเริ่มพันบาท1-2 ก.ย.
แอร์ไลน์ไทยเฮรับกม.ใหม่ขึ้นค่าตั๋วเพิ่มได้อีก
รัฐเท6พันล้านปั้นฮับสนามบินกระบี่-ขอนแก่น
เปิดเบื้องลึก“นก-ปิยะ”พ้นเก้าอี้ซีอีโอนกแอร์

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 ไขข้อข้องใจทุกปมสงสัยกับการสัมภาษณ์พิเศษ “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บนเส้นทางการประมูลทุกโครงการมีกฎ กติกา แจ่มชัด เอกชนทั้งหลายอย่าประเมินใบเสนอราคาของรัฐเป็นแค่กระดาษใบเดียว จนผู้ชนะอาจถูกจับแพ้ฟาล์วได้ จากกรณีตัวอย่างเขย่าวงการ งานสำรวจออกแบบสุวรรณภูมิหลังที่ 2 รวมถึงคำกล่าวหาลอกเลียนแบบ ทอท.ยุคนี้รัดกุมพอที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ เพราะยังมีเมกะโปรเจ็กต์อนาคตอีก 5-10 ปี มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ต้องประมูลต่อเนื่องในทั้ง 6 สนามบิน และการรับโอนใหม่จากกรมท่าอากาศยานอีกถึง 4 สนามบิน

นิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย


ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” เปิดเผยว่า ในการจัดทำทีโออาร์คัดเลือกเอกชนเข้ามาทำโครงการสำรวจออกแบบก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้ผู้ชนะคือ กลุ่มบริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้ ซึ่งถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์จนกลายเป็นดรามา 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก ผู้ได้คะแนนอันดับ 1 แพ้ฟาล์ว ประเด็นที่สอง สถาปนิกผู้ออกแบบลอกแบบมานำเสนองาน

จึงขอทำความเข้าใจถึงความถูกต้องตามขั้นตอนของ ทอท. ประเด็นแรก กรณีผู้ชนะรายแรกถูกจับแพ้ฟาล์ว ความจริงแล้วบริษัทเอส เอ ที่ชนะคะแนนเทคนิคไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการจัดทำใบเสนอราคาซึ่งเป็นแบบฟอร์มอย่างเป็นทางการของ ทอท.รวมถึงหลายกลุ่มสอบถามถึงความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องยื่นเสนอราคาโดยใช้แบบฟอร์มทางการของ ทอท.ซึ่งใบดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่กระดาษเปล่า แต่มีสาระสำคัญเกี่ยวเนื่องกำหนดกติกาเป็นลูกโซ่ 1.ต้องเสนอราคาโดยยืนยันราคาดังกล่าวภายใน 90 วัน 2.ต้องดำเนินการสำรวจออกแบบงานที่ได้รับมอบหมายให้แล้วเสร็จภายใน 300 วัน 3.ต้องนำหลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราส่วนตามเปอร์เซ็นต์ที่ระบุ พร้อมลงลายมือชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และตราประทับบริษัทมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการตรวจให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน



แบบฟอร์มที่กำหนดให้เอกชนใช้ยื่นเสนอซองราคามีสาระสำคัญตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการประมูลงานของหน่วยงานราชการปกติ เพราะหากไม่ใช้แบบฟอร์มตามกำหนด แต่ใช้วิธีเขียนใส่กระดาษรายที่  1, 2,3…เสนอราคาแตกต่างกัน ซึ่งตามเงื่อนไขผู้จ้างหรือ ทอท.ก็ต้องการได้ราคาต่ำสุด แต่พอเปิดซองแล้วไปเห็นราคารายอื่นแล้วเปรียบเทียบกันถึงส่วนต่างกำไร ก็สามารถกลับคำโดยระบุว่าราคาที่เสนอมาในกระดาษของตนเองครั้งแรกขอยืนราคาแค่ 1 วันเท่านั้น เท่ากับเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเพราะเท่ากับเป็นการขอดูราคาของคนอื่น ถึงจะเป็นผู้ชนะก็อาจจะไม่เข้ามาทำสัญญาก็ได้ โดย ทอท.ไม่สามารถเอาผิดได้ด้วย จึงเป็นแนวทางที่จะสร้างความโกลาหลได้ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้แบบฟอร์มใบเสนอราคาของ ทอท.เป็นมาตรฐานในการพิจารณาตัดสิน
แล้วกรณีดังกล่าวบริษัทผู้ชนะทางเทคนิค ไม่ได้ใช้แบบฟอร์มใบเสนอราคาของ ทอท.ยื่นเข้ามาให้พิจารณา จึงเข้าข่ายแพ้ฟาล์วนั่นเอง เพราะในทีโออาร์เขียนระบุไว้ชัดเจนหากขาดเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งจะไม่รับพิจารณา รวมทั้งวันซื้อซองทางเจ้าหน้าที่ ทอท.ก็ชี้แจงขั้นตอนอย่างละเอียด อีกทั้งในการมาซื้อซองเทคนิคส่วนใหญ่ก็ซื้อไปบริษัทละ 2 ซอง เพื่อไปจับมือกันทำข้อเสนอยื่นชิงงานโครงการนี้

เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนคณะกรรมการที่ทำหน้าที่คัดเลือกผู้ชนะทำตามกติกาการเปิดซองต้องพบใบเสนอราคาตามแบบฟอร์มของ ทอท.ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จาก 1.แบบฟอร์มใบเสนอราคาจะการเขียนเลขที่เรียงลำดับกำกับไว้ตั้งแต่ตอนซื้อขาย 2.มีเจ้าหน้าที่อธิบายรายละเอียดแก่ผู้ซื้อ 3.วิธีการซื้อขั้นต่ำจะซื้อ 2 ซองขึ้นไป เพราะต้องซื้อไปเผื่อกรณีจับมือกันทำคอนซอร์เตี้ยมมาเสนองาน ดังนั้นหากพลาดซองแรกก็มีซองที่สอง 4.ตามปกติผู้สนใจจะยื่นประมูลรู้อยู่แล้วว่ามีเอกสารสำคัญจะต้องใช้งานโดยมีเวลาถึง 100 วันก่อนจะมายื่นต้องรีบเสนอทักท้วงเข้ามายัง ทอท. แต่ตลอดระยะเวลาดังกล่าวกลับไม่มีผู้ทักท้วงใด ๆ มาทำภายหลังเปิดซองราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว



สำหรับคณะกรรมการตัดสิน ก็มีทั้งกรรมการอิสระจากสมาคมสถาปนิก และผู้เชี่ยวต่าง ๆ เข้ามาเป็นสักขีพยาน หรือกรรมการบ้าง ในการประกวดออกแบบ มีคนกลางเป็นพยาน พร้อมทั้งมีการจัดทำ VDO ทุกขั้นตอน

นายนิตินัยย้ำว่าแบบฟอร์มใบเสนอราคาของ ทอท.ครั้งนี้ ได้ใช้กับการเปิดประมูลโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็ใช้แบบฟอร์มดังกล่าวโดยไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด รวมทั้งกระทรวงคมนาคมเองก็ใช้แบบฟอร์มระบบราชการในลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงขอยืนยันถึงความโปร่งใสที่ประกาศให้ กลุ่มบริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้ ชนะในการเป็นดำเนินโครงการสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ที่จะต้องเดินหน้าออกแบบ เริ่มการก่อสร้างภายในปี 2562

สำหรับประเด็นการลอกแบบมาเสนองานนั้นจะทำอย่างไร ยกเลิกหรือเซ็นต์สัญญา ซึ่งเป็นจรรยาบรรณของสถาสถาปนิกในทีโออาร์ได้เขียนป้องกันไว้เช่นกันคือ ในพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ.2560 มาตรา 66 วรรคสอง ระบุชัดว่าการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อพ้นระยะเวลาอุธรณ์และไม่มีผู้ใดอุธรณ์ตามมาตรา 117 ให้เวลาภายใน 7 วันทำการ นับจากวันที่ลงประกาศในเครือข่ายกรมบัญชีกลาง หากไม่มีผู้ทักท้วงสามารถลงนามสัญญาได้ และ/หรือหากมีผู้ทักท้วงให้ ทอท.พิจารณาใน 7 วันถัดไป แล้วจะต้องแจ้งกลับภายใน 3 วัน ขณะนี้ยังอยู่ในระยะเวลาที่อุธรณ์ได้ตามเงื่อนไขกฎหมาย เป็นกลไก

นายนิตินัยกล่าวว่า ทอท.มีโครงการลงทุนที่จะต้องเปิดประมูลตามแผนยุทธศาสตร์ 2559-2569 ช่วง 10 ปี จะต้องลงทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท ผนวกกับกรณีที่ ทอท.ต้องรับโอนบริหารสนามบินภูมิภาคในประเทศอีก 4 แห่ง วงเงินการลงทุนราว 3,000 ล้านบาท และสร้าง 2 สนามบินใหม่ ภูเก็ตและเชียงใหม่แห่งที่ 2

ปัจจุบันเงินลงทุนจำนวน 200,000 ล้านบาท ตามแผนพัฒนาสนามบิน ทอท.ทั้ง 6 แห่ง กระจุกอยู่ในสุวรรณภูมิเกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 50 % ของทั้งหมด ประมาณ 13,000-140,000 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 กลุ่มงานใหญ่

กลุ่มงานที่ 1 โครงการเฟส 2 กำลังก่อสร้างแซตเทิลไลท์ เทอร์มินอล ที่จะต้องนั่งไฟโมโนเรลรางเบาไร้คนขับระยะทาง 1 กม.ไปโผล่กลางแอร์ไซด์ เทอร์มินอล ใช้เงินราว 62,000 ล้านบาท



กลุ่ม 2 การก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 วงเงินกว่า 20,000 ล้านบาท

กลุ่มงาน 3 เทอร์มินอลที่ 2 วงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เพิ่งประกาศผู้ชนะสำรวจออกแบบจนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

สำหรับ เฟส 2 สุวรรณภูมิ จะเป็นต้นแบบในการนำร่องของคำว่า CoST -Construction Sector Transparency Intiative หรือโครงการเพิ่มความใสก่อสร้างภาครัฐ” ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ซึ่ง ทอท.เป็นหน่วยงานบุกเบิกรายแรกที่เข้าระบบดังกล่าว เริ่มจาก จัดทำประกวดออกแบบ ปรับราคากลาง เบ็ดเสร็จเงินงบประมาณรัฐลงได้ราว 12,000 ล้านบาท จากราคาเต็ม 62,000 เหลือ 50,000 ล้านบาท

ดังนั้น ทอท.จึงต้องวางระบบความโปร่งใส พร้อมกำหนดกฎเกณฑ์ตามข้อมูลข้างต้น เพื่อป้องกันการร้องเรียนแบบแปลก ๆ ที่จะเข้ามาเหมือนกับการประมูลโครงการสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2

ตอนนี้การประมูลงานเฟส 2 สุวรรณภูมิ เหลือโครงการย่อย ๆ เพียง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ 1 บริเวณ Landside ตรงถนนยกระดับปัจจุบันโค้งทางเข้าสู่อาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิก่อนถึงประตูทางเข้า 1-2 จะมีพื้นที่ว่างอยู่ทางด้านซ้ายมือ จะทำเป็นอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ซึ่งจะต้องมีสายพานลำเลียงกระเป๋า กับระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Move : APM) ส่วนภายในอาคารผู้โดยสารปัจจุบันเป็นที่ตั้งเคาน์เตอร์แถว A, B ของการบินไทย ซึ่งเดิมเรียก East Wing แต่พอมีเทอร์มินอล หลังที่ 2 เข้ามาจึงต้องรอแบบก่อนจึงประมูลงานส่วนอื่นได้ เพื่อเชื่อมพื้นที่เข้าไปยังแถว A, B การบินไทย จะต้องใช้เทคนิคอะไรบ้างเข้ามาเชื่อมต่อพื้นที่อาคารเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน

จึงเป็นสาเหตุอีกประเด็นต้องชะลอการเปิดประมูลงานบางโครงการของเทอร์มินอล สุวรรณภูมิ หลังที่ 2 ไว้ ตอนนี้คือการก่อสร้างปรับปรุงในฝั่ง West Wing ไปก่อนพลาง ๆ ช่วงปลายอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังปัจจุบัน เมื่อการออกแบบแล้วเสร็จจนเริ่มเข้าสู่การเริ่มก่อสร้างอาคารใหม่หลังที่ 2 จึงจะกลับมาทำทางฝั่ง East Wing ทั้งหมดให้แล้วเสร็จ ซึ่งตามขั้นตอนได้ใช้แบบที่มีอยู่แล้ว โดยเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอีกครั้ง เพื่อรับทราบการเปลี่ยนกรอบเวลาก่อสร้างให้เป็นตามกำหนด

ตอนนี้การขออนุมัติต่าง ๆ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว ทอท.สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่

โครงการที่ 2 ระบบสายพานของเดิมจากอาคารผู้โดยสารหลักหลังเดิมไปยัง Settlelight Teminal หลังใหม่ มีเฉพาะสายพานลำเลียงกระเป๋าผู้โดยสารขาออก ส่วนขาเข้ากำหนดใช้รถวิ่งบริการแทนโดยได้คำนึงถึงความปลอดภัยปริมาณจราจรจึงได้เพิ่มสายพานลำเลียงขาเข้าแทน
ทั้ง 2 โครงการดังกล่าว จะเปิดประมูลให้แล้วเสร็จภายในปีปฏิทินงบประมาณเดือนธันวาคม 2561 สามารถใช้ 4 เดือนนี้ทำภารกิจได้

นายนิตินัยกล่าวว่า ท่าอากาศยานอื่น ๆ ที่จะใช้วงเงินอีกประมาณ 100,000 ล้านบาท ได้ปรับโดยการนำโครงการศักยภาพไปรวมอยู่กับโครงการบริการ (level service) ล่าสุด ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มาตรวจงานกระทรวงคมนาคม รับทราบถึงแผนความคืบหน้าการพัฒนาท่าอากาศยานของ ทอท.ได้เห็นถึงความแออัดของพื้นที่รองรับผู้โดยสารตอนนี้เดินหน้าได้ช้ามาก จึงมีนโยบายให้หาแนวทางทำให้เร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน



ทอท.พบว่ามีงานบางส่วนสามารถทำได้โดยไม่ต้องรอ เช่น ลานจอดรถ เป็นการพัฒนาบริการทางสภาพัฒน์อนุมัติให้ ทอท.ทำไปก่อนได้ ต่อไปจึงจะนำโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับขีดความสามารถการรองรับ (capacity) หรือต้องผ่านขั้นตอนประเมินผลสิ่งแวดล้อม (EIA) ก็จะทำไปก่อน

ดังนั้นช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2561 จะเห็นตึกใหม่ขึ้นอยู่ตรงรอยต่ออาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นอาคารใหม่จัดทำขึ้นเพื่อให้บริการการเช็คอินเป็นกลุ่มหรือหมู่คณะ จะเปิดประมูลหาผู้รับเหมางานการลงทุนราว 200 ล้านบาท ภายในกันยายน นี้ จากนั้นจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 เดือน เตรียมเปิดเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ผู้โดยสารในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้

สำหรับการประมูลในท่าอากาศยานอื่น ๆ จะเริ่มขับเคลื่อนในอีก 2 เดือนข้างหน้า ต่อเนื่องไปอีก 2 ปี วงเงินลงทุนจำนวนหลายพันล้านบาท ทำการพัฒนาปรับปรุงแนวทางเดียวกันคือเร่งให้เร็วกว่าแผนระยะยาว เพราะทางคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.อนุมัติให้เปิดแผนกใหม่ระดมวิศวกร ทอท.จำนวนที่มีอยู่กว่า 100 คน ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ออกแบบ โดยเลิกจ้างเอกชนเข้ามาทำ ซึ่งการประมูลจ้างรายการสุดท้ายคืองานสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 นั่นเอง

วิศวกร ทอท.เหล่านี้เมื่ออกแบบเสร็จ ก็ไปคุมงานก่อสร้างด้วยทีมของตนเองตลอดการก่อสร้างทุกวันในอีก 10 ปีข้างหน้า เป็นการปรับโครงสร้างองค์กรทำให้การทำงานรวดเร็วตามเป้าหมาย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนดูหนังบริจาคเงินก้าวคนละก้าวเริ่ม6ก.ย.”


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนไปชมภาพยนตร์ “ก้าวคนละก้าว - 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” เริ่มฉายตั้งแต่ 6 กันยายน 2561 เป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์2 เครือใหญ่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเครือ เอส เอฟ ที่พร้อมเปิดต้อนรับคนไทยได้ชมฟรีมากถึง 720,000 ที่นั่ง ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ฉายให้ชม 1 รอบ และเสาร์-อาทิตย์ ฉายให้ชม 2 รอบ

โครงการนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ จีดีเอช และ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เชิญชวนคนไทยร่วมชมภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วัน เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดี ก้าวนี้..เพื่อศิริราช ด้วยการบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป

ผู้ชมและผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ กล่องรับบริจาคตรงเคาน์เตอร์โรงภาพยนตร์ และสามารถโอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ศิริราช เลขบัญชี 016-3-04556-7 กระแสรายวัน ชื่อบัญชี เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วย อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช หรือผ่านทาง คิว อาร์ โคด ผ่าน Mobile Banking และ SMS บริจาคครั้งละ 10 บาท โดยพิมพ์ T แล้วกด 4545099 โดย เริ่มบริจาคทาง SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2561 เป็นต้นไป


ข่าวที่ 2 “ททท.ลุยโปรโมตทัวร์โมโตจีพีเข้าไทย5-7ต.ค.61”



นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และทีมจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันจัดงาน “บุรีรัมย์ ไนต์” ขึ้นในกรุงโตเกียว เมื่อค่ำคืนวันที่ 28 สิงหาคม 2561 เพื่อเดินหน้าโปรโมตการท่องเที่ยวในระหว่างจัดแข่งขันรายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018” ระหว่าง 5 - 7 ตุลาคม 2561 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์

นายธเนศวร์ กล่าวว่า ททท.พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬายกระดับไทยเป็น Sport Tourism Destination และศูนย์กลางอาเซียน โดยจะจัดแข่งขันกีฬาเมกะอีเวนต์กับ เวิลด์ อินเตอร์เนชั่นแนลเกม และอีเวนต์ท้องถิ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มเทรนด์โลกเรื่องการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเติบโตสูง มีศักยภาพใช้จ่ายระหว่างการเดินทางสูง และมีวันพักเฉลี่ยยาวกว่าทั่วไป

ในช่วงปี 2561 - 2563 ที่ไทยได้รับสิทธิจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกโมโตจีพี จะเป็นรายการนำภาพจำของประเทศให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดทางสื่อออนไลน์ และออฟไลน์ ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ ผู้ชมนานาชาติกว่า 600 ล้านคน ซึ่งเดือนตุลาคมนี้คาดจะมีชาวต่างชาติเข้ามาชมกว่า150,000 คน

ผู้สนใจชมการแข่งขันซื้อบัตรได้ที่ www.allticket.com หรืvwww.motogp.com/en/event/Thailand และ Facebook : Chang International Circuit

ข่าวที่ 3 “เที่ยวดนตรีบางแสน-ทัวร์ศาสตร์พระราชา5ภาค”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนไปท่องเที่ยว "เทศกาลดนตรีฤดูฝน" Bangsaen Music in the Rain 2018"  วันเสาร์ที่ 1 กันยายน นี้ ที่แหลมแท่น จังหวัดชลบุรี ชมศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยได้ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป เป็นการจับมือกับทางเทศบาลเมืองแสนสุข และจังหวัดชลบุรี จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงดนตรีที่กำลังมาแรง

พบกับศิลปินชื่อดังที่จะมาขึ้นเวทีมีทั้ง  Phrima’s Band , นนท์ The Voice , ไมค์ ภิรมย์พร , กวาง AB normal ,  Boy peacemaker , PARADOX, 25 Hours , แก้ม วิชญาณี , กัน นภัทร , NUVO และ BIGASS โดยมีการฟิชเชอริ่งรอบพิเศษระหว่างศิลปินลูกทุ่งขวัญใจคนจน ไมค์ ภิรมย์พร กับ นนท์ The Voice ภายในงานได้คัดร้านอาหารชื่อดังทั่วชลบุรีมาบริการ และร้านค้าสตรีทอาร์ท แทททู เพ้นท์ ให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมอย่างสบายใจ

ส่วนกิจกรรม ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ  ททท.เป็นประธานเพิ่งจัดเสร็จสิ้นไปเป็นงาน “นิทรรศการตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” ททท. ร่วมกับ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และคณะทูตานุทูตจากหลากหลายประเทศ จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้า Central World ชั้น 6 โซน Central Court  เพื่อสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการพระราชดำริ ที่ทรงประทานแก่ปวงชงชาวไทย และชุมชนใน 5 ภูมิภาคของประเทศ ไฮไลต์ 6 แห่ง ถึงนิทรรศการจะเสร็จแล้ว ก็ยังสามารถดินทางไปท่องเที่ยวได้ต่อเนื่องตลอดทุกวัน ได้แก่

1. โครงการเกษตรวิชญา – ชุมชนบ้านไร่กองขิงจ.เชียงใหม่ 2. โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ 3. โครงการ 1 ไร่แก้จน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มณฑลทหารบกที่ 16 4. จ.ราชบุรี – ชุมชนบ้านศาลาดิน จ.นครปฐม 5. โครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ -  ชุมชนปากน้ำประแส จ.ระยอง 6. โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ - ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช ติดตามได้ทาง www.tourismthailand.org/kingwisdom

ข่าวที่ 3 “บางจากร่วมวงบัตรฟลีทการ์ดแทนเงินสด”



นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ร่วมมือกับทีเอ็มบี เปิดตัวบัตรเครดิตน้ำมันร่วม เชลล์ – บางจาก (Fleet Card) เป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าธุรกิจใช้บัตรเครดิตน้ำมันชำระเงินแทนเงินสด สำหรับค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมันหรือค่าบริการอื่น ๆ ได้ที่ปั๊มเชลล์ และบางจากทั่วประเทศรวมกว่า 1,600 แห่ง

โดยบางจากได้จัดทำระบบบัตรเครดิตน้ำมันฟลีทการ์ด เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าน้ำมันแทนเงินสด และยังได้เครดิตสูงสุดถึง 55 วัน รวมทั้งมีระบบรายงานที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการขนส่ง หน่วยราชการ และนิติบุคคล ในการบริหารจัดการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถใช้บริการได้ที่ปั๊มน้ำมันบางจากขณะนี้มีกว่า 1,100 แห่ง ทั้งบนเส้นทางสายหลักและสายรอง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ปี 2566 มีแผนเพิ่มรวมกว่า 1,500 แห่ง

และตามคาดการณ์ปี 2561 จะมีธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกขยายตัวเพิ่มขึ้น 5 – 7 % สอดคล้องกับสถานการณ์การใช้น้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ตามที่กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ระบุช่วงครึ่งปีแรกพบการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและดีเซลรวมเฉลี่ยวันละ 98 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 2.5 %  จึงเป็นแรงกระตุ้นให้บางจากฯ เร่งพัฒนาสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่บนเส้นทางถนนสายหลัก ควบคู่กับออกแบบพื้นที่ให้มีขนาดกว้างขวางพร้อมกับเปิดธุรกิจเสริม เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟอินทนิล  และบริการเสริมครบ รวมถึงเป็นจุดพักรถ – พักคนได้เป็นอย่างดี

ข่าวที่ 4 “นายกฯสั่งทอท.ลุยรับ4สนามบินผุดด่วนภูเก็ต/เชียงใหม่”




กระทรวงคมนาคม รายงานว่า ได้รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รับโอนท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยานทั้ง 4 แห่ง คือ อุดรธานี สกลนคร ตาก และชุมพร ไปบริหารจัดการ เร่งโอนให้ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังเร่งหาข้อสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการลงทุนก่อสร้างสนามบินใหม่แห่งที่ 2 ของ ทอท.อีก 2 แห่ง  ภูเก็ตแห่งที่ 2 กับเชียงใหม่แห่งที่ 2 ให้มีขีดความสามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคตอย่างเพียงพอ ลดความแออัดของนักเดินทางแก้ปัญหาการกระจุกตัวในสุวรรณภูมิและดอนเมือง

โดยให้ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ด้วยการหาข้อมูลอย่างให้ชัดเจนครบถ้วนทั้งเรื่อง รูปแบบการลงทุน ผู้ลงทุน บทบาทของ ทอท. บทบาทของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง แล้วให้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เปิดเผยว่า ได้นำเสนอผลการศึกษาการรับโอนสนามบินภูมิภาคให้กระทรวงคมนาคมเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 คาดภายในกันยายนนี้จะเสนอ ครม.และนายกรัฐมนตรีพิจารณา จากนั้นจะเร่งดำเนินการโดยด่วนภายในปี 2562 ก็จะเข้าไปลงทุนปรับปรุง พัฒนา บริหารเต็มรูปแบบได้อย่างแน่นอน

ช่วงที่ 2 ออกไปลั้ลลาเที่ยวเมืองรอง กับวิถีความสุข 5 อ.ได้ใน “แม่ฮ่องสอน” ช่วงครึ่งปีแรกแรงจัดจากโกยรายได้โตนำโด่งแซงจังหวัดอื่น ด้วยความงามยิ่งทุกสิ่งดึงดูดใจ เที่ยวเสร็จก็หันมาระวังสุขภาพกับข้อแนะนำ “การเลือกรสชาติอาหารให้ตรงจริตร่างกาย” และข่าวโดนใจทุกประเด็น ตั้งแต่ “โปรแรงไทยสไมล์ในงาน เที่ยวทั่วไทย” ขายตั๋วบินเหลือแค่ เที่ยวละพันบาท 1-2 กันยายน นี้ ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ “แอร์ไลน์เฮรับกฎหมายใหม่ กทพ.ให้ขึ้นค่าตั๋วเพิ่มได้” ตั้งแต่กันยายนี้เป็นต้นไป “รัฐเท6พันล้านปั้นสนามบินกระบี่-ขอนแก่น” ฮับการบินใหม่ และไขปริศนา “นก-ปิยะลาออกจากซีอีโอนกแอร์” ลึก ๆ แล้วโดนคว่ำงบฟื้นฟูหรือเพราะธุรกิจนี้มีความไม่แน่นอน

@เที่ยวเมืองรองวิถีสุข5อ.ในแม่ฮ่องสอน

เตรียมตัวกันแต่เนิ่น ๆ  ที่จะไปขึ้นเหนือไปสูดโอโซนช่วงฤดูหนาวที่ “แม่ฮ่องสอน” จังหวัดเมืองรองที่สามารถทุบสถิติการท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกครองแชมป์อัตราการเติบโตสูงสุด


เมืองรองที่ผู้คนจดจำว่า “แม่ฮ่องสอน” เป็นดินแดนแห่ง 1,864 โค้ง ผู้คนชนเผ่าต่างใช้ชีวิตอยู่กลางหุบเขาด้วยวิถีวัฒนธรรมความสุขสงบ ผ่อนคลาย กับสิ่งดี ๆ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยกให้เป็นเมือง 5 อ. คือ อากาศ อาหาร อาราม อารมณ์ อายุยืน



เมื่อเอ่ยถึงแม่ฮ่องสอนนักท่องเที่ยวล้วนต้องการไปพิชิต “ปางอุ๋ง-โครงการพระราชดำริปางตอง 2” เป็นสุดยอดของแหล่งอากาศบริสุทธิ์ ดั่งทะเลสาบกลางหุบเขาที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงก่อตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม ยาเสพติด การพัฒฯอาชีพ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นแหล่งพักผ่อนล่องเรือชมหงส์สวย ๆ ได้



จากนั้นก็ต้องไปชมวิถี “ชุมชนบ้านผาบ่อง” เพื่อชวนนักท่องเที่ยวไปสร้างอารมณ์ความสุข กับการเดินข้าม “สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุขภาพ” กลางทุ่งในบรรยากาศท้องทุ่งนาเขียวขจีสวยสุดบรรยายของชาวไทยใหญ่ ชาวปะกากะญอ ที่ตั้งถิ่นฐานสืบสานวัฒนธรรมอยู่กันมานับร้อยปี รอบบริเวณชุมชนแห่งนี้มีน้ำพุร้อนกับตลาดชุมชน ให้เยี่ยมชมด้วย



ต่อด้วยการท่องเที่ยว “อาราม” มีวัดมากมายที่ชาวไทยใหญ่สร้างไว้เป็นศูนย์กลางการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตัวอย่าง “พระอารามหลวงวัดจองคำ” สถาปัตยกรรมการสร้างด้วยศิลปะไทย ความโดดเด่นคือหลังคาเป็นทางปราสาท 9 ชั้น  ภายในมีวิหารหลวงพ่อโตองค์ใหญ่สุดในแม่ฮ่องสอน ส่วน “วัดจองกลาง” มีพระอุปคุตประดิษฐานอยู่ตรงบริเวณด้านหน้าทางเข้า แต่ละแห่งล้วนเป็นอารามที่น่าแวะสักการะกราบไหว้ทั้งสิ้น

มาถึง “อายุยืน” ต้องชวนกันไปแช่น้ำพุร้อนไทรงาม ในเขตอนุรักษ์ป่าไทรงาม มีแอ่งน้ำขนาดเล็กลดหลั่นเป็นชั้น ๆ คล้ายน้ำตก อยู่ท่ามกลางความเขียวน้ำใสมองทะลุไปถึงพื้นด้านล่าง ก็ทำให้วัยอย่างเรา ๆ มีความสุขได้



ส่วน “อาหารถิ่น” แนะนำให้ชิมพืชพักพื้นเมืองอย่าง “ถั่วลายเสือ” เนื้อนุ่มรสชาติหวานต่างจากถั่วลิสงทั่ว ๆ ไป แถมยังสามารถกินได้ทั้งเปลือก

เป็นเสน่ห์วิถีถิ่นของเมืองรอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ครบถ้วนทั้ง 5 อ.


ทว่าแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมดึงดูดนักท่องเที่ยวก็ยังมีไฮไลต์อีกหลายแห่ง อย่าง “พระธาตุดอยกองมู” อยู่กับชาวพื้นเมืองมาอย่างยาวนาน ตั้งตระหง่านอยู่บนดอยสูงมองเห็นวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามา 360 องศา ภายในยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นั่นคือภายในพระเจดีย์ใหญ่ได้บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะไว้



“ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ” ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม ของทุกปี ดอกบัวตองจะบานเหลืองสะพรั่งปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาสวยเกินคำบรรยายใด ๆ ต้องไปให้เห็นกับตา จึงจะสัมผัสได้ถึงความงดงามของธรรมชาติแต่ละปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ไปแม่ฮ่องสอนกันดีกว่า ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่ม ถามเบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672

@การเลือกรสชาติอาหารและข้อควรระวัง

กินอาหารที่มีรสชาติเดียวกันซ้ำซากทุกสถานการณ์ ย่อมก่อให้เกิดความเสียสมดุลของธาตุในร่างกาย การเลือกรสชาติของอาหารแต่ละประเภทมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

รสเปรี้ยว วิ่งเส้นตับ (ธาตุไม้) รสเปรี้ยวมีสรรพคุณ พยุง เหนี่ยวรั้ง ทำให้หยุด ระงับการหลั่งเหงื่อ ระงับการปล่อยสารคัดหลั่งต่างๆ การหยุดเลือด คนที่มีภาวะของตับเลือดพร่องให้กินของเปรี้ยวได้เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นโรคตับ (ภาวะของตับพร่องมากแล้ว) ห้ามกินของเปรี้ยวโดยเด็ดขาด นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุดิน (กระเพาะ ม้าม)

รสเผ็ด วิ่งเส้นปอด (ธาตุทอง) รสเผ็ดมีสรรพคุณ กระจาย แผ่ซ่าน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด คนที่ภาวะปอดอ่อนแอควรกินอาหารรสเผ็ดให้มากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคปอด (ภาระปอดพร่องมากแล้ว) ห้ามกินของเผ็ดโดยเด็ดขาด นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสเผ็ดมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุไม้ (ตับ)

รสหวาน วิ่งเส้นม้าม (ธาตุดิน) รสหวานมีสรรพคุณ บำรุงเสริมสร้าง ลดการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด คนที่ระบบการย่อยอ่อนแอ พลังม้ามบกพร่องให้กินอาหารรสหวานมากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคที่เกี่ยวกับการย่อยอาหารอ่อนแอมากๆ โรคเกี่ยวกับเอ็น ไม่ควรกินของหวานจัด นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสหวานมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุน้ำ (ไต)

รสเค็ม วิ่งเส้นไต (ธาตุน้ำ) รสเค็มมีสรรพคุณ ช่วยการสลายทำให้นิ่ม (สลายก้อนแข็ง) ช่วยระบาย แก้ท้องผูก คนที่มีไตพร่อง (ร้อนใน คอแห้ง ท้องผูก เหงื่อออกตามมือ, เท้า ปอด เมื่อยเอว สมรรถภาพทางเพศลดลง) ให้กินอาหารรสเค็มมากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคที่เกี่ยวกับไต (ไตอ่อนแอมากแล้ว) หรือโรคเลือด ห้ามกินของเค็ม นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไป จะกระทบกระเทือนธาตุไฟ (หัวใจ รวมทั้งระบบประสาท)

รสขม วิ่งเส้นหัวใจ (ธาตุไฟ) รสขมมีสรรพคุณขจัดร้อน สลายไฟ (ความร้อนในตัว) คนที่เลือดหัวใจพร่อง(นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ความรู้สึกร้อนในตัว ร้อนฝ่ามือฝ่าเท้า มีแผลร้อนในปาก กินอาหารรสขมมากหน่อย แต่ถ้าเป็นโรคพลังหัวใจพร่องมาก หรือโรคปวดกระดูก คอแห้ง ลิ้นแดง ไม่ควรกินอาหารรสขม นอกจากนี้การกินอาหารที่มีรสขมมากเกินไปจะกระทบกระเทือนธาตุทอง (ปอด)

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ไทยสไมล์อัดโปรแรงตั๋วบินเริ่มแค่พันบาท1-2ก.ย.นี้”



สายการบินไทยสมายล์ รายงานว่า ได้จัดทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารขายราคาพิเศษ ในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 48 ช่วงเสาร์ที่ 1-อาทิตย์ที่ 2 กันยายน นี้  ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีโปรแรง ๆ Smile Price เป็นตั๋วบินรวมทุกอย่างแต่ละเที่ยว ได้แก่ เส้นทางในประเทศ รวมทุกอย่าง เริ่มต้นเที่ยวละ 1,090 บาท เส้นทางข้ามภาค เริ่มเที่ยวละ 1,700 บาท เส้นทางต่างประเทศ เริ่มต้น 2,000 บาท ซื้อภายในงานแล้วนำไปใช้เดินทาง 5 ก.ย.2561  – 29 มี.ค. 2562

ตลอดการเข้าร่วมงานทางบูธไทยสมายล์ หมายเลข M32, M33 มีบริการขายสินค้าที่ระลึก Smile Gift ราคาพิเศษ อาทิ  ตุ๊กตาหมอนผ้าห่มฮักยิ้ม เซ็ทตุ๊กตาหมีหนูส้ม หมอนรองคอ พวงกุญแจ เนคไท ปากกา ผ้าพันคอ สอบถามเพิ่มที่ 1181 หรือ 0 2118 8888

ข่าวที่สอง “แอร์ไลน์เฮกม.ใหม่ก.ย.นี้ขึ้นค่าตั๋วเพิ่มได้”

นายจุฬา สุขมานพ กล่าวว่า ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยหรือกพท. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เห็นชอบร่างประกาศ กบร. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณค่าโดยสารและค่าระวางสำหรับอากาศยานขนส่งภายในประเทศ พ.ศ. .... โดยกำหนดให้เส้นทางบินภายในประเทศที่มีระยะทางบินเกิน 300 กิโลเมตร ให้ผู้ประกอบการอากาศยานขนส่งกำหนดค่าโดยสาร ดังนี้

1. เส้นทางบินที่ผู้ประกอบการอากาศยานขนส่งให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service) จะต้องมีบริการพื้นฐานขั้นต่ำอย่างน้อย 3 รายการ ที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ได้แก่ น้ำหนักสัมภาระลงทะเบียนอย่างน้อย 20 กิโลกรัม บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง และบริการให้เลือกที่นั่ง สามารถเรียกเก็บค่าโดยสารไม่เกิน 13 บาทต่อกิโลเมตร

2. เส้นทางบินที่ผู้ประกอบการอากาศยานขนส่งให้บริการต้นทุนต่ำ ให้กำหนดค่าโดยสารได้ไม่เกิน 9.40 บาทต่อกิโลเมตร

ส่วนการกำหนดค่าโดยสารชั้นที่สูงกว่าชั้นประหยัด ให้ตั้งราคาเพิ่มสูงกว่าชั้นประหยัดได้ไม่เกิน 30%  กฎหมายที่จะออกประกาศใหม่มีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน 2561 เป็นต้นไป

ข่าวที่สาม “รัฐเท6พันล้านปั้นสนามบินกระบี่/ขอนแก่นฮับใหม่”



นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานการลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานกระบี่และท่าอากาศยานขอนแก่นไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2561 ระหว่างกรมท่าอากาศยาน(ทย.)และ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อเดินหน้าพัฒนาเฟสแรก ท่าอากาศยานกระบี่และขอนแก่นวงเงินลงทุนรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ตามแผนยุทธศาสตร์กรมท่าอากาศยาน ปี 2560 – 2564 ตั้งเป้าผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค

รวมทั้งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยในระยะ 8 ปี (2558-2565) เน้นสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เชื่อมต่อโครงข่ายในประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ


ข่าวที่สี่ “เบื้องลึก"นก-ปิยะ"ไขก๊อกลาออกจากซีอีโอนกแอร์"



นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บอร์ดนกแอร์ได้มีอนุมัติตามหนังสือลาออกของนายปิยะ ยอดมณี จากการเป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีผล 22 กันยายน 2561 จากนั้นก็ให้แต่งตั้งนายประเวช องอาจสิทธิกุล ประธานกรรมการบริหาร รักษาการแทน ระหว่างสรรหาซีอีโอคนใหม่
ทั้งนี้มีกระแสดราม่าถึงสาเหตุการยื่นใบลาออกครั้งนี้ของนายปิยะที่ออกจากการบินไทยมาช่วยนายพาที สารสินบุกเบิกนกแอร์ตั้งแต่ยุคแรกถึงปัจจุบันรวมกว่า 14 ปี ซึ่งมีแรงกดดันลึก ๆ จากการเสนอที่ประชุมบอร์ดเมื่อเดือนสิงหาคมพิจารณาขอกู้เงินจากกลุ่มถือหุ้นราว 500 ล้านบาท มาจัดทำแผนฟื้นฟูนกแอร์ แต่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน จนเป็นชนวนมาสู่การยื่นใบลาออกดังกล่าว

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว-การบิน และผู้ดำเนินรายการ



วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รัฐผนึกไทยแลนด์ริเวียร่า-ระเบียงเศรษฐกิจเปิดตลาดทัวร์โลก-เที่ยวเบตงฟินสุด ๆ

“วีระศักดิ์”ดันรัฐจัดทัพใหญ่สร้างริเวียร่า-SEA
ชูภาคใต้2ฝั่งทะเล“ทัวร์-การค้า”ยึดตลาดโลก
คิงเพาเวอร์พร้อมแข่งดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิปี’61
ททท.ซิดนีย์ดึงศิลปินเขียนภาพรุกนิวเฉดปี62
BCPGเครือบางจากจ่ายปันผลกลางปีก.ย.นี้
ทอท.ลุ้นครม.ผ่านแผน2แสนล้าน5สนามบิน
ทีเส็บผนึกพันธมิตรเพิ่มไมซ์ในปท.6หมื่นล้าน
ทัวร์เบตงสัมผัสวิถีถิ่นอาหารชาติพันธุ์โบราณ
เคล็ดลับสุขภาพต้องกิน7อาหารห่างไกลโรค
นายกฯเลือกภาพเที่ยวทำปฏิทินททท.ปี’62
ชวนไปเทศการกินหอยที่ชะอำ 8-15ก.ย.นี้
ภูเก็ตเฮรับไพเรทเกิร์ลผุดแมนเมดเทรนด์โลก

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 เกาะติด “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผ่ายุทธศาสตร์ชาติแนวใหม่ใช้ท่องเที่ยวเป็นสปริงบอร์ดจุดเริ่มจากการปลุกกระแส “ไทยแลนด์ ริเวียร่า” ขยายเป็นซูเปอร์เมกะโปรเจ็กต์ เชื่อมโยงเข้ากับ SEA ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างประเทศมุมใหม่การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ร้อยต่อตลาดเข้ากับกลุ่ม BIMSTEC และประเทศฝั่งมหาสมุทรอินเดียอย่างแอฟริกา ทำให้ไทยกับโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน



ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จังหวัดชุมพร ภายใต้ชื่อ การประชุมแผนพัฒนาภาคใต้ฝั่งอันดามันและอ่าวไทย นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะร่วมเดินทางสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำโครงการ ไทยแลนด์ ริเวียร่า ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรี หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง เพื่อให้ได้เห็นรอยต่อเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัด 2 ฝั่งทะเล อ่าวไทยกับอันดามันในการร้อยเรียงพื้นที่เข้ากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ Southern Economic Corridor : SEA

จากนั้นจึงนำเสนอถึงภาพของการท่องเที่ยวทางทะเลเชื่อมโยงกันทั้ง 2 ฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จากสงขลา สุราษฎร์ธานี และฝั่ง กระบี่ พังงา ภูเก็ต สามารถร้อยเส้นทางให้เป็นผืนเดียวกันได้




ครม.สัญจรครั้งนี้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และกระทรวงเกี่ยวข้อง ต่างก็ได้เห็นโปรดักซ์ทางการท่องเที่ยวซึ่งมีไฮไลต์ในชุมพรเป็นการท่องเที่ยวด้านดำน้ำ ส่วนระนองโดดเด่นด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ำแร่ขึ้นชื่อระดับโลก ซึ่งต่อไปรัฐบาลจะได้นำมาวางแผนพัฒนาเชิงนโยบาย รวมถึงนำ ไทยแลนด์ ริเวียร่า ไปผูกเข้ากับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ อันเป็นพื้นที่ส่วนแคบที่สุดของทวีปเอเชียในการวางยุทธศาสตร์เชื่อม 2 มหาสมุทรเข้าด้วยกัน ระหว่างอ่าวไทย/อันดามันกับมหาสมุทรอินเดีย

ส่วนแรก เป็นการเชื่อมโครงข่ายคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ด้วยระบบราง โครงการรถไฟจากประจวบคีรีขันธ์มุ่งสู่ท่าเรือจังหวัดระนอง ส่วนที่ 2 เตรียมพัฒนาท่าเรือเพื่อการรองรับสินค้าส่งออกทางทะเลอันดามันทะลุไปยังตลาดเศรษฐกิจใหม่ในแอฟริกา ถือเป็น Southern Economic Corridor ส่วนที่ 3 นำเสนอภาพของการท่องเที่ยวทางทะเล 2 ฝั่งจากสงขลาเรื่อยไปจนถึงกระบี่ พังงา ภูเก็ต

ขณะนี้รัฐบาลเริ่มเดินหน้าพัฒนาแล้วโดยมีกระทรวงคมนาคมนำร่องก่อสร้างรางรถไฟจากสุราษฎร์ธานี ส่วนฝั่งระนองก็เตรียมทำสนามบิน กับโครงข่ายทางถนน จากระนอง สุราษฎร์ธานี สู่นครศรีธรรมราช ซึ่งคณะรัฐมนตรีร่วม ครม.สัญจรได้ทดลองนั่งรถวิ่งไปบนถนนเพชรเกษมเส้นทางลงภาคใต้ปัจจุบันซึ่งยังเป็นแค่ถนนทางหลวงแผ่นดินเพียง 2 เลน ที่ยังคงหลงเหลืออยู่แห่งเดียวในประเทศ นับจากนี้ไปรัฐบาลจะยกระดับเป็น 4 เลน เชื่อมถนนเส้นเลียบทะเลคู่ขนานเทือกเขาตะนาวศรี โดยจะทำให้เห็นถึงการพัฒนาในแนวดิ่งเกี่ยวกับระบบคมนาคม ด้วยเส้นทางสายหลักทางรถไฟ เชื่อมโยงเข้ากับระบบถนนเส้นทางย่อยเข้าสู่ชุมชน



ร้อยต่อจากเส้นทาง ไทยแลนด์ ริเวียร่า เลียบทะเลยาวไปถึงสุดแดนใต้ยังสุไหงโกลก แต่ละเมืองตามอำเภอต่าง ๆ มีเสน่ห์ความเก่าแก่โบราณกับหมู่บ้านวัฒนธรรมภาคใต้ผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ตามแผนพัฒนาจะวางผังทำเส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลแนวยาวทั้งหมด ทำให้การท่องเที่ยวทะเลกับภูเขามีจุดขายเชื่อมเข้ามาหากันได้ในอนาคต

ขณะเดียวกันก็จะต้องบูม “อาหารถิ่นภาคใต้” ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ อย่างในจังหวัดระนองเป็นเมืองท่าเรือที่มีแหล่งอาหารทะเลสดขึ้นฝั่งมากที่สุด และยังเป็นแหล่งสวนผลไม้ นอกเหนือจากน้ำแร่ น้ำพุร้อนของเทือกเขาตะนาวศรีจากภาคเหนือสู่ใต้ ก็เป็นอีกโครงการที่จะต้องพัฒนาควบคู่กันไป ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้นำน้ำแร่เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลแถบระนอง รวมทั้งนำมาใช้ในโครงการศูนย์พัฒนากีฬาและสุขภาพแบบครบวงจร



ตัวอย่างคือการทำ ลักษะวารี โรงพยาบาล หรือบ่อน้ำแร่ บ่อพ่อ-แม่-ลูก แต่ละบ่อมีอุณหภูมิความร้อนต่างกัน เป็นการนำความร้อนใต้พิภพมาให้นักท่องเที่ยวไปแช่เพื่อรักษาสุขภาพได้ ด้วยวิธีให้นักท่องเที่ยวไปยืนบนแผ่นหินที่ไม่ร้อนจนเกินไป หรือจะเป็นการนวดฝ่าเท้าก็สามารถทำได้

หลังจากคณะรัฐมนตรีสัญจรได้ไปพบเห็นก็จะได้มอบนโยบายให้หน่วยงานเกี่ยวข้องสนับสนุนพัฒนาต่อยอดอย่างเป็นระบบในการต่อท่อน้ำแร่สายหลักแล้วทำสายส่งย่อย ๆ หรือให้เอกชนจัดสร้างเป็นอาคารเล็ก ๆ เข้ามาทำเป็นร้านบริการน้ำแร่แบบญี่ปุ่นสไตล์ออนเซ็น หรือร้านสปาตุรกี และอื่น ๆ

ภายในบริเวณเดียวกันของแหล่งน้ำแร่ระนอง ยังมีลำธารน้ำเย็นไหลผ่านด้วย เบื้องต้นภาครัฐจะนำผู้ชำนาญการมาออกแบบให้เหมาะสมกับความร่มรื่นของธรรมชาติป่าในเมือง ขณะนี้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ค้นพบรอบพื้นที่มีเส้นทางท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาได้ประมาณ 7 กม. เพราะระนองเป็นเมืองฝนแปดแดดสี่ป่าเขียวตลอดทั้งท่องเที่ยวธรรมชาติได้เป็นอย่างดีและปลอดภัย มีกิจกรรมทำให้คนสนใจไปท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น กระจายสู่ท้องถิ่นมากขึ้นได้

รมว.วีระศักดิ์ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญต้องการจะลบภาพจำของนักท่องเที่ยวที่เข้าใจว่าระนองเป็นเพียงเมืองผ่านเท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือแทนที่จะมุ่งไปเที่ยวทะเลเพียงอย่างเดียว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เชิญชวนนักท่องเที่ยวไปร่วมได้อีกหลายอย่าง อาทิ การแช่น้ำแร่ ทำสปา เรียนรู้วิถีธรรมชาติ มีเสน่ห์ความเป็นเมืองรองที่มีความดั้งเดิมสมัยเมื่อหลายสิบปีก่อน

นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ไปวางแผนปรับปรุงพัฒนาท่าเรือซึ่งเคยทำไว้เมื่อปี 2546 ตอนนี้มีโครงของสิ่งปลูกสร้างเดิมต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ใหม่ โดยทำแผนเชื่อมเอเชียใต้ ดันเศรษฐกิจภาคใต้ผ่านท่าเรือสร้างรายได้หล่อเลี้ยงทั้งภาคใต้ได้มากกว่าเฉพาะแค่ระดับจังหวัดเดียวเท่านั้น

สำหรับการพัฒนาคู่ขนานให้กับชุมชนทางด้านเศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยว จะทำไปพร้อม ๆ กัน ตามที่มติการประชุม ครม.สัญจร มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย ร่วมมือกันทำระบบกิจกรรมชุมชน สร้างความเชื่อมโยงด้านสินค้าชุมชน สิ่งที่ยังขาดแคลนคือมัคคุเทศก์ในพื้นที่ ระบบองค์ความรู้บริการ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาคนเข้ามาสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยทยอยจัดทำแบ่งเป็นแต่ละเฟส เดินหน้าพัฒนาอย่างเป็นระบบ ถึงแม้รัฐบาลยุคนี้จะสามารถทำได้ทันทีก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติจะเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาด้วยในฐานะเจ้าของพื้นที่

จุดเริ่มวันนี้จะกลายเป็น “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ในอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์พร้อมชิงดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิปี’61”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ย้ำหนักแน่นมาตลอดว่า พร้อมลงสนามประมูลโครงการบริหารร้านค้าปลอดอากร (duty free) และเชิงพาณิชย์ (commercial) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ประกาศแผนเดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์ขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะ 5-10 ปีข้างหน้า

โดย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ระบุ ช่วงปลายปี 2561  จะต้องเปิด TOR ให้เอกชนเข้ามาประมูลชิงการบริหารพื้นที่บริการร้านค้าดิวตี้ฟรีและเชิงพาณิชย์พร้อมกัน 2 เทอร์มินอล พื้นที่รวมเกือบ 70,000 ตารางเมตร

1.พื้นที่ในอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 1 ถึงกำหนดจะต้องเปิดทีโออาร์ล่วงหน้าก่อนกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะบริหารครบตามสัญญาภายในกันยายน 2563 พื้นที่รวมกว่า 53,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาให้บริการร้านค้าดิวตี้ฟรี กับสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์

2.พื้นที่เปิดใหม่ในอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ซึ่งอยู่ระหว่างจัดจ้างสำรวจออกแบบและก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดใช้ปี 2564 แนวโน้มจะมีพื้นที่ร้านดิวตี้ฟรีและเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 10,000 ตารางเมตร

ส่วนกระแสความเคลื่อนไหวต่อเรื่องนี้ มีหลายฝ่ายระบุถึงโจทย์สำคัญของการคัดเลือกครั้งนี้ ต้องหากลุ่มผู้ประกอบการที่มีความเป็นมืออาชีพทางธุรกิจระดับโลก นอกจากความพร้อมทางการเงินลงทุนแล้ว ยังจะต้องสามารถนำพาประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำดิวตี้ฟรีของโลกด้วยเช่นกัน

ซึ่งตามสถิติกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ใช้เวลากว่า 28 ปี กระทั่งสามารถนำดิวตี้ฟรีไทยทำยอดขายติด 1 ใน 7 ของโลก ขณะนี้กำลังไต่อันดับขึ้นเป็น 1 ใน 5 ของโลก ด้วยการใช้ทักษะความชำนาญทางธุรกิจขยายกิจการร้านค้ารวม 9 แห่ง ประกอบด้วย ภายในท่าอากาศยานนานาชาติของไทย (duty free airport) 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ และร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown) ตามจังหวัดท่องเที่ยวหลัก 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ 2 สาขา คือ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ และศรีวารี ส่วนต่างจังหวัดก็มี พัทยา ภูเก็ต

ขณะที่โจทก์การเดินหน้าคัดเลือกผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ของ ทอท.ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ยังมีความท้าทายจากสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ทั้งเรื่องความเหมาะสมสอดคล้องกับโลกอนาคต นอกเหนือจากการสร้างยอดขาย ยังมีเรื่องของศักยภาพการวางกลยุทธ์สร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังไทยแล้วใช้จ่ายเงินอุดหนุนสินค้าที่ผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการสร้างมูลเพิ่มทางเศรษฐกิจกระจายสู่ระบบฐานราก ทำให้เงินคืนกลับสู่แหล่งผลิตต้นทางในชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง

คุณสมบัติประการสำคัญที่สุดคือ การรักษาความเชื่อมั่น ความสัมพันธ์ กับคู่ค้าและซัพพลายเออร์สินค้าแบรนด์เนมระดับโลกให้เกิดความไว้วางใจกลุ่มธุรกิจของไทยไม่ให้ด้อยไปกว่าคู่แข่งประเทศอื่น ๆ ในแถบเอเชียด้วยกัน เพื่อให้เครดิตคัดสินค้าที่ดีที่สุดมาวางขายในช็อปประเทศไทย
เพราะแต่ละปัจจุบันล้วนเป็นเงื่อนไขที่สำคัญมีผลต่อการรักษา “Brand Loyalty” ของดิวตี้ฟรีประเทศไทยที่กำลังจะเติบใหญ่ขึ้นเป็น  1 ใน 5 อรหันต์ดิวตี้ฟรีโลกให้คงไว้ในระยะยาว

ส่วนมาตรฐานของท่าอากาศยานทั่วโลก ปัจจุบันได้กำหนดการให้สัมปทานร้านค้าปลอดอากร 4 รูปแบบ ได้แก่
1.สัมปทานรายใหญ่รายเดียว (Master Concessions)
2.สัมปทานตามที่ตั้ง (Multiple concessions by location)
3.สัมปทานตามกลุ่มสินค้า (Multiple concessions by category)
4.สัมปทานตามกลุ่มสินค้าและตามที่ตั้ง (Multiple concessions by category and by location)
ซึ่งแต่ละรูปแบบมีความสอดคล้องและเหมาะสมในด้านต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป

ขณะที่ ปัจจุบัน ทอท.ใช้รูปแบบการให้สัมปทานรายเดียว ดำเนินการเช่นเดียวกับท่าอากาศยานระดับโลกอย่าง ท่าอากาศยาน Heathrow สหราชอาณาจักร และท่าอากาศยาน Shanghai Pudong International Airport สาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานบอร์ด ทอท. ได้มีมติอนุมัติการจัดหาผู้รับจ้างสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แบ่งเป็น “ด้านทิศเหนือ” มีพื้นที่ 348,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 30 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้โดยระหว่างประเทศ 18 ล้านคน ภายในประเทศ 12 ล้านคน “ด้านทิศใต้” มีพื้นที่อาคาร 84,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้การเปิดทีโออาร์ประมูลพื้นที่งวดเข้ามาด้วยเช่นกัน

ดังนั้นในการเปิดประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิรอบนี้จะผู้ประกอบการมือใหม่หลายกลุ่มซึ่งประกาศตัวพร้อมลงสนามแข่งขัน จะโชว์ความเหนือชั้นชิงชัยกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้อย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป

ข่าวที่ 2 “ททท.เปิดมุมใหม่ทัวร์ศิลปินเขียนรูปเที่ยวไทย”



นายสมเกียรติ หาญสถิต ศิลปินผู้สอนเขียนภาพแหล่งท่องเที่ยวไทย ที่ใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลีย เปิดเผยว่าได้รับโจทก์จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานซิดนีย์ ให้เป็นแกนนำโครงการ “Amazing Thailand Open to the New Shades-Sketching in Thailand” ร่วมกับศิลปินออสเตรเลียผู้มีชื่อเสียงอีก 3 คน ได้แก่ Rob Candy, John Haycraft, Malcolm Carver เดินทางเข้ามาเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เพื่อเดินทางเขียนภาพแหล่งท่องเที่ยวตามเมืองหลัก เมืองรอง ทั่วไทย แล้วนำภาพทั้งหมดไปจัดแสดงยังนิทรรศการ “Royal Art Society เมืองซิดนีย์” ออสเตรเลีย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างแรงจูงใจชวนชาวออสเตรเลียเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยในมุมใหม่ ๆ ผ่านมุมมองภาพเขียนและภาพวาด ซึ่งมีเรื่องเล่าที่แม้แต่คนไทยเองก็ยังไม่เคยรู้มาก่อน

“สมเกียรติ” เล่าว่าได้รับการสนับสนุนจาก “รุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ” อดีตผู้อำนวยการ ททท.ซิดนีย์ ให้ลุกขึ้นมาทำโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2560 แล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ก็มี “สุลัดดา ศรุติลาวัณย์” ผอ.ททท.ซิดนีย์ คนใหม่เข้ามาสานต่อ “Amazing Thailand Open to the New Shades-Sketching in Thailand” ซึ่งเตรียมวางแผนทำแพกเกจขายในตลาดออสเตรเลีย เป็นครั้งที่ 2 ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม 2562 ตั้งเป้านำชาวออสเตรเลียกลุ่มคนมีฐานะที่เป็นลูกศิษย์เรียนเขียนภาพได้มีโอกาสเดินทางพักผ่อนและแวะพักวาดรูปตามจังหวัดท่องเที่ยวเส้นทางไฮไลต์ ได้แก่ วิถีชีวิตคน “เมืองเชียงคาน” จังหวัดเลย “พระนครศรีอยุธยา” เมืองมรดกโลกที่ไปแล้วไปอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ “ตลาดน้ำอัมพวาและป่าชายเลน” จังหวัดสมุทรสงคราม “เมืองน่ารัก” จังหวัดราชบุรี และกรุงเทพมหานคร



สมเกียรติยืนยันว่า การจัดโปรแกรมท่องเที่ยวแนวใหม่ โครงการ “Amazing Thailand Open to the New Shades-Sketching in Thailand” เป็นกิจกรรมบุกเจาะตลาดออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่ผู้คนชอบเรื่องศิลปะเป็นอย่างมากนั้น นับได้ว่า ททท.เดินทางมาถูกทาง เพราะจะสามารถขยายฐานนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเดินทางซ้ำ ๆ และกลุ่มเดินทางครั้งแรกได้เพิ่มมากขึ้น ปี 2562 จึงเตรียมทำโปรแกรมท่องเที่ยวชวนกันไปเป็นหมู่คณะ กลุ่มละ 8-10 คน เพราะนักเขียนถึงแม้จะเป็นมือสมัครเล่นก็มีความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งแต่ละคนพร้อมที่จะใช้จ่ายเงินไม่อั้น ทั้งการเข้าพักโรงแรมระดับไฮเอนด์ การรับประทานอาหารแต่ละมื้อ เรื่อยไปจนถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นกระจายรายได้สู่ชุมชน

สุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการ ททท.ซิดนีย์ กล่าวว่า พร้อมสนับสนุนการขยายฐานตลาดคุณภาพกลุ่มที่มีความสนใจเฉพาะเปิดมุมใหม่ในการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย รวมถึงโครงการ“Amazing Thailand Open to the New Shades-Sketching in Thailand” ที่จะจัดต่อเนื่องปี 2562 หลังจากช่วงระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2561 ได้นำสมาคมนักเขียนออสเตรเลีย Australia Society Writers Association :ASWT 2018 มาจัดประชุมสมาชิกและผู้ติดตามรวมกว่า 300 คน ณ โรงแรมอนันตรา แอนด์ รีสอร์ต สปา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ข่าวที่ 3 “BCPGเครือบางจากจ่ายปันผลกลางปี13ก.ย.นี้”

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าเตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) วันที่ 3 กันยายน 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 13 กันยายน 2561

                 โดยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 320  ล้านบาท

          กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 4 กันยายน 2561  และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่  13 กันยายน 2561 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 3 กันยายน 2561

ข่าวที่ 4 “ทอท.ลุ้นก.ย.นี้ครม.ผ่านแผน5สนามบิน2แสนล้าน”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายในเดือนกันยายน นี้มีความเป็นไปได้ที่กระทรวงคมนาคมจะเสนอแผนการลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน 5 แห่ง ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาให้ทันต่อการเติบโตของผู้ใช้บริการแต่ละปี ได้แก่ ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย หาดใหญ่ และภูเก็ต

ส่วนการโยกย้ายผู้บริหารตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 มีมติให้ย้าย ตำแหน่งสำคัญโดยมีผลมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป คือ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์  ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ย้ายไปดอนเมือง แล้วให้นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมืองมาอยู่สุวรรณภูมิแทน และแต่งตั้งเรืออากาศตรี ธานี ช่วงชู ผู้เชี่ยวชาญ 9 รักษาการ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต(สายสนับสนุนธุรกิจ) ขึ้นเป็นผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต แทนนายเพชร ชั้นเจริญ ที่กำลังจะเกษียนวันที่ 30 กันยายน นี้

ข่าวที่ 5 “ทีเส็บเล็งเพิ่มยอดไมซ์ในประเทศโกย6.2หมื่นล้าน”



นางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมปละนิทรรศการ  เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” ส่งเสริมตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศครอบคลุมการจัดประชุม งานแสดงสินค้า การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กระตุ้นการขยายเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ "ไมซ์เพื่อชุมชน" ร่วมกับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ นำผลิตภัณฑ์ชุมชนเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศเข้ามาร่วมเป็นสถานที่รองรับตลาดไมซ์ในประเทศ เนื่องจากในปี 2561 ทีเส็บสามารถทำให้ไมซ์ในประเทศสร้างรายได้กระจายสู่ทั่วประเทศได้กว่า 62,000 ล้านบาท จากตลาดไมซ์ในประเทศปีละประมาณ 29 ล้านคน

นางสาวกรรณิกา ว่องกุศลกิจ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวว่า พร้อมเป็นหนึ่งในภาคีพันธมิตรของทีเส็บในโครงการ ไมซ์เพื่อชุมชน ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ต้องดูแลพัฒนาการทำธุรกิจเพื่อคืนประโยชน์สู่สังคม (CSR) โดยมีโรงงานอ้อยและน้ำตาลตั้งอยู่จังหวัดใหญ่อย่าง สุพรรณบุรี ขอนแก่น ปัจจุบันผู้เข้าเยี่ยมชมงานได้ขยายความต้องการทำกิจกรรมมากกว่าขอเข้าไปดูการผลิตน้ำตาลเพียงอย่างเดียว บางกลุ่มที่มาจากต่างประเทศขอไปลองตัดอ้อยในไร่ด้วย ซึ่งทำให้มีประสบการณ์ตรงจนเข้าใจถึงขั้นตอนการผลิต และเมื่อกลับมาเป็นผู้ซื้อน้ำตาลจึงเข้าใจความยากลำบากของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

ตลอดหลายปีที่กลุ่มมิตรผลเริ่มทำกับชุมชน จนกระทั่งปีนี้มีทีเส็บเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรก็จะเป็นอีกช่องทางการต่อท่อและต่อยอด ให้บริษัทขนาดใหญ่และองค์กรต่าง ๆ เข้าถึงชุมชนมากยิ่งขึ้น นับเป็นความร่วมมือดี  ๆ ที่กลุ่มมิตรผลพร้อมสนับสนุนด้วยเช่นกัน

ช่วงที่ 2 ล่องสุดแดนใต้ไปเมืองรอง “เบตง ยะลา” พบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมแห่งชาติพันธุ์ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ่ายทอดจิตวิญญาณผ่านอาหารถิ่นจานเด็ดที่นักท่องเที่ยวต้องจดจำ พร้อม ๆ กับเปิดประสบการณ์แหล่งท่องเที่ยวอุโมงค์ประวัติศาสตร์เล่าเรื่องราวย้อนยุค เขื่อนบางลาง และพระธาตุแสนงดงาม ส่วนสุขภาพต้องรู้ไว้เลยกับ “การเลือกกิน7อาหารห่างไกลโรค” และข่าว นายกลุงตู่ร่วมแจมตัดสินภาพถ่ายแหล่งท่องเที่ยวที่จะนำมาทำเป็นปฏิทิน ททท.ปี 2562 และถึงแม้ช่วงนี้จะมีข่าวน้ำท่วมเพชรบุรี แต่สำหรับชะอำยังเที่ยวได้ ชวนไปร่วมเทศกาล “กินหอย ดูนก ตกปลา” 8-15 กันยายน นี้ และภูเก็ตสร้างความฮือฮาอีกครั้งเมื่อกลุ่มไพเรท เกิร์ล ทุ่มทุนสร้างแมนเมดแห่งใหม่พร้อมเปิดบริการเฟสแรก ต้นปีหน้า

@เที่ยวเมืองรองสุดแดนใต้เบตง ยะลา

กระแสเที่ยวเมืองรองกำลังมาแรง จึงขอชวนลงไปสัมผัสเมืองสุดแดนใต้ “อำเภอเบตง” จังหวัดยะลา เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางสายหมอก และความหลากหลายของอาหารถิ่นอร่อย ๆ เพียบ แถมแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งมีเรื่องราวสนุก ๆ ด้วย



เบตงเป็นเมืองรอยต่อตะเข็บแดนใต้ไทยกับมาเลเซีย นักท่องเที่ยวนิยมไปสูดโอโซนบริสุทธิ์ ชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก พร้อม ๆ กับตะลอนแวะชิมอาหารถิ่นเลื่องชื่อเมนูต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากรากวัฒนธรรมความเป็นอยู่ด้วยภาษา ชาติพันธุ์ อันหลากหลายหลอมรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน



อาหารจานแรก แนะนำ “ไก่สับเบตง” ทำมาจากไก่พื้นเมืองเนื้อเหนียวนุ่ม เป็นเมนูหายาก เพราะที่มาของไก่พันธุ์นี้ต้องบกว่าเข้ามาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษชาวจีนสมัยโบราณเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในเบตง


จานที่สอง “เคาหยก” เป็นสุดยอดอาหารเบตงอีกเมนูที่ต้องห้ามพลาด ทำมาจากเนื้อหมูกับเผือกผสมคลุกเคล้ากันได้อย่างลงตัว  ต่อด้วย “ผัดผักน้ำ” นำผักพื้นถิ่นคล้ายผักบุ้งกับผักชีล้อม รสชาติอร่อยมาผัดรวมกัน แถมคุณสมบัติยังช่วยแก้ร้อนในได้ด้วย และที่ขาดไม่ได้จะต้องชิมคือ “หมี่เบตง” รสชาติเหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นเมื่อได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจจดจำเบตงไปอีกนานแสนนาน



ส่วนแหล่งท่องเที่ยวเท่ ๆ ก็มี “อุโมงค์ปิยะมิตร” อายุเกือบ 50 ปี สร้างเมื่อปี 2519 มีความยาวคดเคี้ยวในภูเขาราว 1 กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งหลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียงของอดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายา ต่อมาได้กลับมาใจมาร่วมพัฒนาชาติไทย ภายในอุโมงค์แห่งนี้จึงจัดทำเป็นนิทรรศการเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจบันทึกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม



“พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ” เป็นมหาธาตุขนาดใหญ่สุดของภาคใต้ ที่มีความงดงาม ด้วยองค์ธาตุศรีทองก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสร้างโดยศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) คือ หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เมื่อไปถึงเบตงนักท่องเที่ยวแวะไปสักการะและเยี่ยมชมได้ตลอดทุกวัน

“เขื่อนบางลาง” โครงสร้างเป็นเขื่อนหินถมดินเหนียว สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำปัตตานี สภาพโดยรอบทัศนียภาพสวยงาม อากาศดี เป็นศูนย์รวมการพักผ่อนของนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นและจากทั่วสารทิศ สามารถล่องเรือไปชมป่าฮาลาบาลาได้ด้วย

เที่ยวเมืองไทยเท่และเก๋ไก๋กว่าที่ไหน  ๆ ต้องห้ามพลาดไปเยือนสุดแดนใต้ในสยามที่เบตงสักครั้งในชีวิต

@กินอาหารชะลอวัยห่างไกลโรค

อาหาร นับเป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้ปัจจัยด้านอื่นๆ ขั้นพื้นที่ที่ช่วยให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ แต่บรรดาอาหารก็มีเยอะแยะมากมาย ที่ให้ทั้งคุณและโทษ จะดีกว่าไหม หากเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

1.น้ำ ไม่ต้องแปลกใจ น้ำเป็นสรรอาหารที่สำคัญที่สุด ร่างกายต้องใช้น้ำในการย่อยและดูดซึมอาหาร  เผาผลาญพลังงาน ขจัดของเสีย ตลอดจนรักษาสมดุลอุณหภูมิในร่างกาย เราควรดื่มน้ำสะอาด วันละ 8 แก้ว ขึ้นไป

2.ผัก การกินผักควรกินให้หลากหลายชนิด หลายสี วันละ 5-6 อุ้งมือ ขึ้นไป ผักนั้นอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ มีกากใยอาหาร สาร Antioxidant หรือที่เรียกว่า สารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารต้านแก่

3.ผลไม้ แนะนำให้กินผลไม้สดหลากหลายชนิด หลากหลายสี วันละ 4-6 อุ้งมือ ผลไม้อุดมด้วยวิตามิน วิตามิน แร่ธาตุ มีกากใยอาหาร สาร Antioxidant หรือที่เรียกว่า สารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารต้านแก่

4.หอมและกระเทียม เป็นสมุนไพรธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย  ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี

5.ธัญพืชชนิดไม่ขัดสี มีทั้งโปรตีน วิตามินบีและอี แร่ธาตุ ใยอาหาร และมีสารต้านมะเร็ง แนะนำให้รับประทานครั้งละ 1.5 ถ้วยตวง อาหารประเภทข้าวซ้อมมือ  ข้าวโพด ลูกเดือย ขนมปังโฮลวีท

6.ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง  เป็นแหล่งอาหารที่ดีขอโปรตีน  กากใยอาหาร วิตามินบีสูง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง และโปรตีนจากถั่วเหลืองช่วยลดคอเลสเตอรอล

7.ถั่วเปลือกแข็ง เช่น ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ มีโปรตีนและวิตามินบีและอี ใยอาหารและไขมันชนิดดี ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “นายกฯคัด13ภาพแหล่งเที่ยวปฏิทินททท.ปี62”

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเยว่า ในโอกาสการเป็นประธานการมอบรางวัลโครงการแรกของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดประกวด"มหัศจรรย์เมืองไทย เก๋ไก๋ทุกมุมมอง" ที่ได้ระดมช่างภาพสมัครเล่นทั่วประเทศ ส่งภาพถ่ายเข้าร่วมแข่งขันกัน จัดทำปฎิทิน ททท. ประจำปี 2562 โดยมีจำนวนผู้ชนะเลิศ 13 ภาพ จากผู้ชนะเลิศ รองชนะเลิศ ชมเชย ทั้งหมด 124 ภาพ

อีกทั้งยังเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับเกียรติจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกิตติมศักดิ์คัดเลือกภาพถ่ายในโครงการนี้ ซึ่งเป็นภาพรางวัลชนะเลิศ13 ภาพ

รมว.วีระศักดิ์ เล่าว่าในชีวิตก็ได้มีโอกาสเป็น "ช่างภาพมือสมัครเล่น" ผมมีความใฝ่ฝันเห็นช่างภาพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในการปลุกจิตวิญญาณ (inspiration) สังคมการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ ๆ ซึ่งได้หารือกับฝ่ายบีหารของ ททท.ให้จัดกิจกรรมโครงการดังกล่าวอย่างเนื่องในปีต่อไป ภายใต้ธีมถ่ายภาพท่องเที่ยวรณรงค์ให้ผู้คนทุกกลุ่มหันมาใส่ใจดูแลรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมในทุกสถานท่ทุกชุมชนไปด้วยกัน

ทางด้าน นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า โครงการนี้ ได้ดำเนินการโดยผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ ททท.และสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จากจำนวน 10,653 ภาพ คัดเลือกจนกระทั่งได้ภาพเด็ดเข้ารับราวัลรวม 124 ภาพ ประกอบด้วย ภาพชนะเลิศ 13 ภาพ รองชนะเลิศ 11 ภาพ และรางวัลชมเชย 100 ภาพ ในวันที่ 4-14 ธันวาคม 2561 จะนำภาพที่เข้ารับรางวัลทั้งหมดไปจัดแสดงและเผยให้สาธารณชนได้ชม ณ หอศิลปะกรุงเทพมหานคร

สำหรับผู้ชนะเลิศได้รับเงินรางวัลมูลค่ารางวัล 50,000 บาท รองชนะเลิศ 11 ภาพ รางวัลละ 30,000 บาท รางวัลชมเชย 100 ภาพ ได้เป็นสมาชิก อสท.ฟรี ตลอด 1 ปี

ส่วนภาพชนะเลิศ 1 ใน 13 ภาพนั้น มีผลงานของนักศึกษาหญิงระดับเยาวชนชั้นมัธยมศึกษา คว้ารางวัลการประกวดภาพถ่ายของ ททท.ในครั้งนี้ด้วย

ข่าวที่สอง “ชะอำชวนร่มเทศกาลกินหอย/ดูนก8-15ก.ย.”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี  รายงานว่า ได้ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี  ชมรมพ่อค้าชะอำ และ LEO Soda Water จัดงาน “เทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก ชะอำ ครั้งที่ 19 ประจำปี 2561” ระหว่าง  8-15 กันยายน 2561  ณ บริเวณจุดชมวิวชายหาดชะอำ อำเภอชะอำ

ภายในงานจัดออกร้านขายอาหารทะเลสด สารพัดเมนูหอยและอื่น ๆ โดยมีกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังในอชะอำกว่า 50 ร้าน มาจำหน่ายราคาคุณภาพ พร้อมชมการแสดงดนตรีได้ทุกคืน ชมการแสดงนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับนกนานาชนิด การออกร้านจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นบนถนนคนเดิน  จัดทัวร์ดูนกนานาชนิดบนเส้นทางดูนกในชะอำ อาทิ ทุ่งตะกาดพลี คลองเทียน วนอุทยานเขานางพันธุรัตน์ และลงเรือตกหมึกกลางทะเล

ข่าวที่สาม “ภูเก็ตได้ไพเรทเกิร์ลแม่เหล็กใหม่ดึงรายได้ปี’62”

นายไมเคิล ไอลิง ผู้จัดการทั่วไปโครงการบลูทรี ภูเก็ต บริษัท ไพเรท เกิร์ล จำกัด กล่าวว่าวางแผนลงทุนกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ในพื้นที่ราว 140 ไร่ บริเวณอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตั้งเป้าพัฒนาการก่อสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แห่งใหม่ ควบคู่กับทำโครงการบลูทรี ภูเก็ต โดยมีคริสตัน ลากูนส์จากอเมริกาซึ่งมีชื่อเสียงเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เฟสแรกจะสามารถเปิดบริการได้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ปีแรกตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเข้าชมกว่า 1.5 ล้านคน

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0



วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

TCEB นำทัพไมซ์จีน อเมริกาหลายหมื่นคนบุกไทยปี'62-สวนนงนุชเปิดทัวร์บหุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกของโลก

ทีเส็บเปิดมิติใหม่ตลาดไมซ์ชุมชน-อินเตอร์
ปี’62“จีน-อเมริกา”แห่ใช้เงินประชุมทั่วไทย
คิงเพาเวอร์-ไทยเบฟโหมสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง
ททท.นำคนดังบูม5จุดทัวร์ศาสตร์พระราชา
บางจากชวนเติมFurioรับฟรีทันทีกระติกน้ำ
บอร์ดทอท.อนุมัติจ้างดีไซน์สุวรรณภูมิหลัง2
ดึงไมซ์ในประเทศร่วมมหกรรมขาย30ส.ค.นี้
ต้องเที่ยวหุบเขาไดโนเสาร์โลกได้ที่สวนนงนุช
ข้อควรระวังวิธีอาบน้ำคนไข้อย่างปลอดภัย
7เดือนแรกท่องเที่ยวตุนรายได้1.18ล้านล้าน
ดึงโฮมสเตย์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ลดภาษี
สมุทรปราการโหมขายท่องเที่ยว4กลุ่มใหม่

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 เปิดมิติใหม่กับ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” รุกแรงเมกะโปรเจ็กต์ “ไมซ์เพื่อชุมชน” และการนำทัพไมซ์ทั่วโลกหลั่งไหลเข้าประเทศในปี 2562 โดยเฉพาะไมซ์จีนแห่แหนมาจัดงาน IDA ในไทย ไมซ์อเมริการะดมพลคนพลังงานกว่า 15,000 คนมาจัดในไทยเช่นกัน และสิงคโปร์ก็พร้อมแนะนำนวัตกรรมการสร้างไมซ์สตาร์ตอัพในไทย

จิรุตถ์ถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ได้ขับเคลื่อนไมซ์เพื่อชุมชนที่ได้เปิดตัวครั้งใหญ่ร่วมกับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ชุมชน ทั่วประเทศมีทั้งหมด 8,400 สหกรณ์ ได้คัดเลือกมา 35 แห่ง เพื่อซีเอสอาร์คืนประโยชน์สู่สังคม โดยได้ทำทำคู่มือ ซึ่งต้องการให้กลุ่มบริษัทคอร์ปอเรตจากหอการค้าไทยมาร่วมกว่า 50 แห่ง มาพบกับสหกรณ์ตัวอย่าง 16 แห่ง พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมานำเสนอพบเจรจากับหอการค้าที่พร้อมเปิดให้ความรู้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน ทั้งเรื่องแพกเกจและเส้นทางสัมมนาไมซ์เพื่อชุมชนให้เกิดการค้าขายสินค้าได้ดีขึ้น ทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า



โดยได้ริเริ่มการจัดประชุมเมืองไทยในโครงการพระราชดำริมาตั้งแต่ปี 2550 จนกระทั่งปี 2561 ได้นำร่องต่อยอดโครงการ "ไมซ์เพื่อชุมชน" ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 บุกเบิกนำสมาชิกบริษัทขนาดใหญ่ในเครือข่ายอนาคตไทยลงพื้นที่จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฎิบัติการและสำรวจผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นของชุมชนสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 นำสื่อมวลชนร่วมสำรวจและทำกิจกรรมในสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จากนั้นวันที่ 23 สิงหาคม 2561 จัดเวที “ไมซ์เพื่อชุมชน มิติใหม่อุตสาหกรรมไมซ์” โดยเชิญผู้บริหารหน่วยงานเกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชน เปิดเวทีเสวนา พร้อมกับจัดตั้งโต๊ะจับคู่เจรจาธุรกิจ (Table top sale) ระหว่างกลุ่มผู้แทนผู้ที่จะนำตลาดไมซ์ลงพื้นที่ ได้แก่ องค์กรธุรกิจชั้นนำ มูลนิธิต่าง ๆ สถานศึกษา สถาบันการเงิน รวมกว่า 100 ราย มาพบกับตัวแทนชุมชนสหกรณ์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ขายเจ้าของสินค้ากว่า 16 แห่ง เพื่อแสวงหาโอกาส แบ่งปันองค์ความรู้ ช่วยต่อยอดการพัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน


ทีเส็บตั้งเป้าให้เกิดมิติใหม่ของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ โดยเตรียมเดินหน้า 3 แผนหลัก ประกอบด้วย

แผนที่ 1 การนำตลาดกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และหน่วยงานต่าง ๆ  เข้าไปหาชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งทาง TCEB ได้จัดแพกเกจสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรต่าง ๆ ที่นำพนักงานไปจัดไมซ์ตามชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ รวมทั้งยังร่วมกับสมาคมธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ สำรวจเส้นทางการโปรโมตไมซ์เพื่อชุมชน ควบคู่กันไปด้วย

แผนที่ 2 จัดทำมาตรฐานห้องประชุม โดยจะจัดส่งหน่วยงานที่มีองค์ความรู้ทางด้าน Thailand MICE Venue Standard เข้าไปให้คำแนะนำแก่ชุมชน

แผนที่ 3 จัดทำเอกสารคู่มือแนะนำสถานที่ให้ฟรีแก่เอกชนที่จะนำไมซ์ไปจัดในชุมชน เปิดช่องทางการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ทาง www.businesseventthailand.com

ตลอดปี 2561 เป็นต้นไป TCEB จะผนึกความร่วมมือกับทุกฝ่ายขับเคลื่อนไมซ์เพื่อชุมชนให้กลายเป็นพลังสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่นสามารถมีตลาดเข้าไปอุดหนุนสินค้าและบริการที่จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ด้วยมิติใหม่ไมซ์ในประเทศ



ส่วนตลาดไมซ์ต่างประเทศที่จะหลั่งไหลเข้าไทย งานแรก IDA-International Dragon Award 2018 กลุ่มเอกชนผู้ประกอบการธุรกิจประกันขายตรง ระหว่างนี้ก็มีบริษัทจัดการประชุมหรือ Destination Management Company จากสาธารณะรัฐประชาชนจีนเดินทางลงสำรวจพื้นที่อยู่ในกระบี่จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2561 ตอกย้ำความเชื่อมั่นซึ่งทุกคนมีความสุขและเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ระหว่างประเทศ

ทางทีเส็บประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะลดลงบ้าง แต่ด้วยน้ำใจของคนไทย รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องเดินทางไปพบปะเจรจารวมถึงทีเส็บก็ได้ไปพบกับทางเอกชนไมซ์ในจีน ซึ่งจะต้องทำต่อเนื่องสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะจีนเป็นตลาดสำคัญไมซ์ โดยเฉพาะจัดแสดงสินค้าทางด้านอาหาร พลังงาน มีลูกค้าจากจีนสนใจ และควรใช้กลยุทธ์ความเป็นพันธมิตรหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจมากกว่าเป็นคู่แข่ง

ส่วนงานสำคัญอีกอย่างคือจัดประชุมพลังงานจากอเมริกาขนาด 15,000 คน โดยมีจุฬาลงกรณ์เป็นแม่งานใหญ่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี



ทางด้านการเดินทางไปร่วมมือกับทางองค์การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Broad :STB) มีนวัตกรรมที่จะเป็นเครือข่ายพันธมิตรทางนวัตกรรมที่จะเราเองก็จะทำการจับคู่ และฐานข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเอกชนผู้ประกอบการ งานไปร่วมกับสิงคโปร์ครั้งนี้ก็มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะนำเข้ามาใช้ในไทย ตัวอย่างคือ connect การลงทะเบียนจับคู่การประชุม นัดหมายการเจรจาการค้า โดยมีแอพลิเคชั่นโรงแรมและการเดินทางขนส่ง ซึ่งทางทีเส็บมีหน่วยงานใหม่ตั้งขึ้นมารับผิดชอบโดยเฉพาะ และมีการทำงานร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติพัฒนากลุ่ม Start up ซึ่งทีเส็บทำครั้งแรกเป็นแคมป์เยาวชน จัดการแข่งขัน 2 กลุ่ม ทำแอพลิเคชั่นการจองและเอ็กซิบิชั่นจำลองสถานการณ์จัดงาน ซึ่งจะเดินหน้าทำโครงการดังกล่าวต่อไป
อนาคตนอกจากจะให้งบประมาณแล้วยังจะให้การส่งเสริมในด้านอื่น ๆ คู่ขนานกันไปด้วย โดยได้จัดทำเป็นการจัดงานปีละ 1 ครั้ง กับทางสำนักงานนวัตกรรม ซึ่งจะเข้าร่วมทางด้าน distric innovation ซึ่งเป็นนวัตกรรมไมซ์ของทีเส็บ

สำหรับการทำไมซ์เพื่อชุมชนปี 2561 เป็นการทำงานร่วมกับสหกรณ์ชุมชน จะต้องใช้ไมซ์กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ทำให้ชุมชนจับคู่กับตลาด เปิดเส้นทาง และให้ความรู้สถานที่จัดงาน เป็นกลยุทธ์บูรณาการความร่วมมือ ทำให้สังคมรู้จักทีเส็บในฐานะองค์กรไมซ์มากเพิ่มขึ้น

ข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ผนึกไทยเบฟปั้นบอลไทยสู่บอลโลก”



นายอัยยวัฒน์  ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ จับมือกับ กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ จัดทำโครงการร่วมกันในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าทำแนวความคิดผลักดันฟุตบอลไทยพัฒนาไปในทางที่ดีและก้าวไปสู่ระดับโลกได้ โดยเชื่อในศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องของกีฬาฟุตบอล คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนและผลักดัน SPORT POWER มาโดยตลอด เราเริ่มทำตั้งแต่การปลูกรากฐานให้กับเยาวชนไทยทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของตัวเอง จนสามารถเข้าไปสู่การเล่นฟุตบอลมืออาชีพได้

ความร่วมมือครั้งนี้พุ่งเป้าเส้นทางสู่ความสำเร็จทำให้เยาวชนไทยเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ ไม่ได้มุ่งเฉพาะการทำธุรกิจด้วยการติดแบรนด์โลโก้ขายแบรนด์เบียร์เพียงอย่างเดียว แต่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนกีฬา การสร้างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางกีฬาในระดับอาเซียนและเอเชียจะต้องหันมาสนใจมากกว่าปัจจุบัน
ตามมอบลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกในโครงการล้านลูก ล้านพลัง สานฝันเด็กไทย  ให้เยาวชนไทยได้มีลูกฟุตบอลที่มีมาตรฐานไปฝึกฝน เราสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแบบมาตรฐานสากล โครงการคลินิกฟุตบอล Fox Dream ที่ให้โอกาสเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลกับนักเตะระดับทีมชาติ เพื่อบอกเล่าประสบการณ์เคล็ดลับต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับเยาวชน เรามี King Power’s Cup ที่เป็นเวทีในการคัดเลือกเยาวชนไทยฝีเท้าดีทั่วประเทศเพื่อเข้าไปอยู่ในโครงการ FOX HUNT ซึ่งน้องๆ จะได้รับทุนการศึกษาและไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ”

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับคิง เพาเวอร์ ภายใต้แบรนด์เครื่องดื่มตราช้างและเบียร์    ไซง่อน ซึ่งเป็นเบียร์ยอดนิยมในประเ ทศเวียดนาม และเป็นสินค้าในเครือไทยเบฟเวอเรจ เข้าเป็นสปอนเซอร์ของทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ โดยโลโก้ของเบียร์ไซง่อนจะอยู่บนแขนเสื้อชุดแข่งทั้ง 3 แบบของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนเบียร์ช้าง ซึ่งวางจำหน่ายกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ได้รับสิทธิ์จำหน่ายที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม


 โดยเข้าซื้อกิจการซาเบโก้ในเวียดนาม ทำให้เบียร์ไซง่อน รวมทั้งความสัมพันธ์อันยาวนานของไทยเบฟกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในไทย ที่พร้อมจะขยายไปถึงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคตข้างหน้า

โดยแฟนเลสเตอร์ ซิตี้ และไทยเบฟเวอเรจ สามารถเลือกซื้อชุดแข่งฤดูกาลใหม่ 2018/19 ได้ทั้ง 3 แบบ ชุดแข่งทีมเหย้าสีน้ำเงิน Home Kit ชุดแข่งทีมเยือนสีเทาสุดเท่ห์ Away Kit และชุดแข่งทีมเยือนสีขาว Third Kit ได้แล้วที่ LCFC Store คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา

ข่าวที่ 2 “ททท.โหม5เส้นทางเที่ยวตามศาสตร์พระราชา”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำเส้นทางของโครงการแหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว 5 เส้นทาง คือ 1.โครงการ 1 ไร่แก้จน ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน มณฑลทหารบกที่ 16 จังหวัดราชบุรี–ชุมชนบ้านศาลาดิน จังหวัดนครปฐม 2.โครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำต้นลำปะเทีย-ชุมชนบ้านโคกเมือง จ.บุรีรัมย์ 3.โครงการศูนย์บริการการพั ฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ-ชุ มชนปากน้ำประแส จ. ระยอง 4.โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำ ปากพนัง-ชุมชนบ้านแหลม จ.นครศรีธรรมราช  5.โครงการเกษตรวิชญา-ชุมชนบ้านไร่ กองขิง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงทั้งทางด้านพื้นที่ และการเชื่อมโยงด้านการน้ อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง

ททท.ได้นำคณะทูตลงพื้นที่ช่วงเดือนสิงหาคม-เดื อนกันยายน 2561 ควบคู่การประชาสัมพั นธ์ผ่านกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมติดตามและเข้าร่วมเป็ นส่วนหนึ่งของโครงการได้ที่เว็ บไซต์ www.tourismthailand.org/ kingwisdom

ขณะเดียวกันก็ได้นำศิลปินดาราแถวหน้าของเมืองไทยลงพื้นที่ทั้ง 5 เส้นทาง ในโครงการ“แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์ พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” มีทั้ง อเล็กซ์ เรนเดล, เฟรซ-อริศรา วงษ์ชาลี, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ และครอบครัว, ดุ๊ก-ภาณุเดช วัฒนสุชาติ และ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความปลามปลื้มใจที่ได้ลงพื้นที่ สัมผัสชีวิตตามแนวพระราชดำริที่ แฝงไปด้วยความเรียบง่าย พอเพียง แต่เลี้ยงตนได้อย่างสุขใจ ในโครงการ “แหล่งท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์ พระราชา สู่การเชื่อมโยงแอ่งท่องเที่ยว” โดยโครงการนี้เป็นการน้ อมนำศาสตร์ของพระราชา เพื่อมาต่อยอดในการบูรณาการภูมิ ปัญญาท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิ ดการเดินทางท่องเที่ ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ ยวตามรอยศาสตร์พระราชา และการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงแอ่ งท่องเที่ยว หรือการเดินทางสู่เมืองรอง

ข่าวที่ 3 “บางจากชวนเติมFurioรับฟรีกระติกน้ำลดโลกร้อน”

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ขอนำผลิตภัณฑ์คุณภาพ FURiO น้ำมันหล่อลื่นเกรดพรีเมี่ยม ที่มี RESPOPLEX เทคโนโลยีระดับโลก สร้างโมเลกุลเคลือบยึดเกาะทรงพลัง ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ในทุกสภาวะการใช้งาน พิสูจน์แล้วด้วยการทดสอบจากทีมรถแข่งระดับโลก ณ สนามแข่งเมือง เลอม็อง ประเทศฝรั่งเศส ที่แสนหฤโหดขับต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

พิเศษ ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง ถึง 30 ก.ย. 61

            ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเบนซินสังเคราะห์แท้ 100% FURiO F1 SN 0W-40 หรือ 5W-30 หรือ 5W-40 ขนาด 4 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี กระติกน้ำสุญญากาศ  ZOJIRUSHI  เก็บร้อนเย็น     24 ชม. มูลค่า 1,200 บาท      
       
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นดีเซลสังเคราะห์แท้ 100% FURiO F1 DIESEL CJ-4 5W-30 ขนาด  6 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี ขนาด 1 ลิตร พร้อมกระติกน้ำสุญญากาศ  ZOJIRUSHI เก็บร้อนเย็น 24 ชม. มูลค่า 1,200 บาท
         
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเบนซินสูตรสังเคราะห์ FURiO F2 SN 5W-30 หรือ 10W-40 ขนาด          4 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี เสื้อยืด FURiO สุดเท่ห์  มูลค่า 350 บาท
         
ซื้อน้ำมันหล่อลื่นดีเซลสูตรสังเคราะห์ FURiO F2 CI-4 10W-30 หรือ 15W-40 ขนาด      6 ลิตร 1 กระป๋อง รับฟรี ขนาด 1 ลิตร พร้อมเสื้อยืด FURiO สุดเท่ห์  มูลค่า 350 บาท  


ข่าวที่ 4 “บอร์ดทอท.อนุมัติดีไซน์อาคาร2สุวรรณภูมิ329ล้าน”



บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่าผลการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ ทอท.เป็นประธาน มีมติอนุมัติให้ ทอท.จ้างกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงานดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก เป็นผู้รับจ้างงานสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างกลุ่มอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เป็นเงินรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 329,560,000.-บาท  สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ.ประกอบด้วย
1.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A มีพื้นที่ประมาณ 348,000 ตารางเมตร เป็นอาคารแบบ Multi-Terminal สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 30 ล้านคน แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคน พร้อมทั้งปรับปรุงลานจอดอากาศยานให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารโดยมีหลุมจอดประมาณ 14 หลุมจอด

2. งานก่อสร้างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน A, B และ C

3.งานก่อสร้างอาคารบริการท่าอากาศยานครบวงจร (Airport Multiplex Building: AMB) ด้านทิศใต้ของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่อาคารประมาณ 84,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถยนต์ในอาคารได้ประมาณ 1,000 – 1,500 คัน และมีลานจอดรถยนต์ภายนอกอาคารอีกประมาณ 1,500 – 2,000 คัน

4.งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ โดยเป็นระบบรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก (MTB) และอาคารเทียบเครื่องบิน A  ในปัจจุบัน ไปยังอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และเชื่อมต่อการเดินทางจากอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 กับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link มีระยะทางรวมทั้งระบบยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร
5.งานระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้โดยสารปีละ 30 ล้านคน และเชื่อมต่อกับระบบของอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน

6. งานก่อสร้างระบบถนนภายในท่าอากาศยานเพื่อใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออกอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2

7.งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการฯ

สำหรับการลงนามในสัญญาแล้ว ผู้รับจ้างจะมีเวลาออกแบบ 10 เดือน จากนั้น ทอท.จะนำแบบไปประมูลงานก่อสร้าง ซึ่งคาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 2562 แล้วเสร็จในปลายปี 2564 เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน

ข่าวที่ 5 “ทีเส็บชวนร่วมมหกรรมTDMM30ส.ค.-2ก.ย.นี้”



สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TECB” รายงานว่า ได้ร่วมกับ บริษัท PK Exhibition ผู้จัดงานไทยเที่ยวไทย จัดงาน “Thailand Domestic MICE Mart 2018 (TDMM 2018)” ระหว่าง 30 สิงหาคม-2 กันยายน 2561  ณ ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ จัดเวทีพบปะแลกเปลี่ยนการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อ ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐที่มีการจัดประชุมสัมมนา บริษัทเอกชนที่มีการจัดประชุมสัมมนา และอินเซ็นทีฟ บริษัททัวร์ บริษัทออแกไนเซอร์  ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการด้านการประชุมสัมมนากับผู้ประกอบการไมซ์ กลุ่มโรงแรม รีสอร์ท ศูนย์ประชุม สถานที่จัดกิจกรรม สายการบิน และอื่น ๆ จึงขอเชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานไมซ์สมัครเข้าร่วมงานได้

ไฮไลท์ในงานครั้งนี้จะได้พบกับผู้ประกอบการไมซ์ในประเทศ และกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น Company outing, Team building, CSR กิจกรรมจับรางวัลมากมายตลอดงาน งานสัมมนา และผู้ประกอบการไมซ์กลุ่มจังหวัดต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับชุมชนและประเทศต่อไป


ช่วงที่ 2 ติดตามมุมใหม่ในการท่องเที่ยว “สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี” กับการทุ่มทุนสร้าง “เมืองหุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกในโลก” ที่ได้ปั้นไดโนเสาร์ครบ 400 สายพันธุ์ ขนาดเท่าตัวจริง วางสลับอยู่ตามโลเกชั่นแตกต่างกันไปเสมือนอยู่ในโลกไดโนเสาร์ของจริง แล้วจากนั้นมาเรียนรู้ถึง “ข้อควรระวังในการอาบน้ำอย่างปลอดภัย” และข่าวเจ๋ง ๆ ในรอบสัปดาห์

@ทัวร์หุบเขาไดโนเสาร์แห่งแรกในโลกที่สวนนงนุช



ออกไปร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ใน "สวนนงนุช" จังหวัดชลบุรี แอ่งท่องเที่ยวในโลกใหม่ในเมืองสีเขียวในพื้นที่กว่า 1,700 ไร่ ที่มีบริการครบทุกอย่าง เริ่มจากตาดูต้นไม้หลากหลายหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกกว่าล้านต้น หูได้ยินเสียงลมธรรมชาติ ผัสสะแห่งไอเย็นของลมธรรมชาติ


ตอนนี้อยู่ระหว่างการเนรมิต พื้นที่กว่า 50 ไร่ ผุดโซนหุบเขาไดโนเสาร์ 400 สายพันธุ์ กำลังปั้นแต่ละสายพันธุ์ได้แล้ว 400 ตัว กำลังทยอยปั้นให้ครบ 1,000 ตัว ความมหัศจรรย์ของหุบเขาไดโนเสาร์ปั้นจากวัสดุขนาดเท่าตัวจริง ปรากฏกายอยู่ตามโลเกชั่นต่าง ๆ ทั้งบนถนน ในแอ่งน้ำ และตามหุบเนินเขา รวมถึงไฮไลต์อันเป็นสัญลักษณ์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไดโนเสาร์เพื่อเป็นสัญลักษณ์การแชะแชร์รูปถ่ายของนักท่องเที่ยวไทยและนานาชาติ



สีสันของดินแดนหุบเขาแห่งไดโนเสาร์สวนนงนุช เมื่อได้เข้าไปเดินอยู่ท่ามกลางความสลับซับซ้อนเสมือนอยู่ในเมืองจำลองของชุมชนไดโนเสาร์อย่างแท้จริง

อีกทั้งในบริเวณไม่ไกลกันยังมี “สวนเกษตรอินทรีย์” ปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ แยกโซนออกไป โดยมีโรงครัวขนาดใหญ่เปิดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าไปเรียน Cooking Class ด้วยเมนูพื้นฐานแบบง่าย ๆ คือ สลัดโรล นำผักสลัด 5-6 ชนิด ที่ปลูกอยู่ในแปลงผักเกษตรอินทรีย์ใกล้ ๆ โรงครัวนำมาจัดเรียงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองทำแล้วนำมารับประทานเป็นออร์เดิร์ฟมื้อเที่ยง ก่อนจะไปทำเมนูต่อเนื่อง “แกงเขียวหวานไก่” ภายในพื้นที่มีครัวจำลองเตาแก๊สพร้อมอุปกรณ์จำนวนเกือบ 100 ชุด ให้นักท่องเที่ยวได้ทำไปพร้อม ๆ กับเชฟใหญ่คอยสอนทำไปด้วยกัน ใช้เวลาเพียง 10 นาที ก็สามารถได้แกงรสชาติอร่อยมารับประทานมื้อเที่ยงร่วมกัน



สำหรับเครื่องแกงเขียวหวานมีสูตรปรุงสำเร็จเป็นแพกเกจบรรจุซองขายนักท่องเที่ยว โดยมีเครื่องแกงอาหารถิ่นไทยหลายเมนูวางขายอยู่ในร้านติด ๆ กับโรงครัวของสวนนงนุช



นอกจากนี้ก็ยังมีสะพานลอยฟ้าลัดเลาะรอบสวนเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ความยาวราว 3 กิโลเมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปเดินชมภาพจากมุมสูงทั้งสวนตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศส สวนเกษตรอินทรีย์ และอื่น ๆ



ภายในสวนนงนุชปัจจุบัน เพิ่งจะเปิดบริการจุดขายใหม่คือ ศูนย์ประชุมนานาชาติ  NICE Convention  ขนาด 5,700 ตารางเมตร รองรับการจัดสัมมนาแบบโต๊ะจีนได้ถึง 10,000 คน มีลานจอดรถรองรับได้ 5,000 คัน

นอกจากนี้ยังมีบริการที่พักเป็นรีสอร์ตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีจำนวนประมาณกว่า 200 ห้อง พร้อมกับร้านอาหารบริการบุฟเฟต์มื้อกลางและวันค่ำ มีอาหารไทย อินเตอร์เนชั่นแนล รสชาติดี พร้อมของหวานไทยหลากหลายชนิด ไว้บริการ



สามารถซื้อบัตรเข้าชมตลอดทั้งวันในราคาคนละ 500 บาท สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ครบ หรือจะซื้อเฉพาะบัตรเข้าสวนนงนุชเพียงอย่างเดียวก็ได้ในราคาคนละ 120 บาท หากสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจะต้องซื้อบัตรเพิ่มเฉพาะรายการเป็นทางเลือกตามความชอบของนักท่องเที่ยว

วันนี้สวนนงนุชมีมุมใหม่  ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกและตื่นเต้นไปกับกิจกรรมมากมาย แวะไปเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งช่วงวันธรรมดา และวันหยุด เที่ยวไทยในเมืองหลักและเมืองรองสามารถไปได้ตลอดทุกวัน

@ข้อควรระวังการอาบน้ำอย่างปลอดภัย

การอาบน้ำชำระร่างกาย มีความละเอียด มีมุมมอง และเทคนิคต่างๆ มากมาย ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากน้ำเพื่อผลในการกระตุ้นร่างกาย ฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย

1. ควรงดการอาบน้ำในบุคคลเหล่านี้ คือ คนที่มีไข้สูง หรืออยู่ในระยะที่เริ่มจะมีอาการไข้เฉียบพลัน, ผู้ป่วยโรคหัวใจรุนแรง, โรคเลือดจาง, โรคไตวายรุนแรง, คนที่ดื่มเหล้าเมา

2. โรคที่ติดต่อกันง่าย เช่น วัณโรค แผลติดเชื้อที่ผิวหนัง ไม่ควรอาบน้ำในสระหรือที่สาธารณะร่วมกัน และควรใช้อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวเท่านั้น

3. คนที่มีโรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด ไม่ควรแช่น้ำร้อนนานเกิน 10 นาที ในขณะที่แช่น้ำร้อนควรถูนวดตัวไปด้วย เพื่อช่วยให้การไหลเวียนที่ผิวดีขึ้น

4. การแช่น้ำร้อนนานกว่าครึ่งชั่วโมง จะทำ ให้เลือดลงมาสะสมที่ผิวหนัง ส่งผลให้ไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ อาจเป็นลมได้

5. ไม่ควรอาบน้ำในขณะเหงื่อออกมาก จะทำให้ไม่สบาย เพราะรูขุมขนกำลังเปิด ความเย็นจะเข้าสู่ร่างกาย

6. การอาบน้ำหลังกินข้าวอิ่มใหม่ๆ จะทำให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพน้อยลง

7. การอาบน้ำร้อนปกติอุณหภูมิไม่ควรเกิน 40 องศาเซลเซียส ยกเว้นกรณีพิเศษที่ต้องการผลเฉพาะ

เป็นวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ในการอาบน้ำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ท่องเที่ยว7เดือนแรกโกยได้แล้ว1.18ล้านล้านบาท”



กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยว 7 เดือน ปี 2561 นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้เงินเที่ยวเมืองไทยระหว่าง มกราคม-มิถุนายน ปีนี้ ได้มากถึง 1,182,272.03 ล้านบาท โดยมีตลาดจีนเป็นแชมป์ใช้จ่ายเงินรวมกว่า 3.71แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 27%

โดยมีสถิติที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวตลาดจีนเดินทางมาไทยตลอด 7 เดือน ระหว่างมกราคม - กรกฎาคม 2561 สร้างมูลค่ารายได้รวมทั้งสิ้น 371,345.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 27.86 % เฉพาะ กรกฎาคม 2561 เพียงเดือนเดียวที่เกิดเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตมากที่สุด มีผลทำให้ "จำนวนนักท่องเที่ยวจีน" ตลอดทั้งเดือน มีเพียง 929,771 คน ลดลงไปแค่ 0.87 %

ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ทั้งหมดตลอดกรกฎาคม 2561 เดือนเดียวมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,175,981 คน

ทางด้าน ไทยเที่ยวไทยครึ่งปีแรกทำเงินพุ่งเกินคาด5.19แสนล้าน โดยมีนครศรีแชมป์ ตามติดด้วยเมืองรองในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแรงจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตมากสุด15 %

สถิติคนไทยเที่ยวในประเทศ ตลอดครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2561 มีจำนวรวมทั้งสิ้น 74.96 ล้านคน-คร้ง ทำเงินได้แล้วถึง 5.19 แสนล้านบาท

โดยมีการเดินทางเที่ยวในประเทศทั่วไทย 55 เมืองรอง ตลอด 6 เดือนแรกปีนี้ มีนักท่องเที่ยวรวม 41.83 ล้านคน-ครั้ง รายได้พุ่ง 1.17 แสนล้านบาท

จังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่ครองใจชาวไทยด้วยกันได้มากที่สุดคือ "นครศรีธรรมราช” กวาดรายได้ตลอดทั้ง 6 เดือนแรกไปทั้งสิ้น 1,829.78 ล้านบาท ขณะที่"แม่ฮ่องสอน" ซึ่งได้ชื่อว่ายากจนสุดในประเทศ หลังจาก ททท.โหมโปรโมตหลังคณะรัฐมนตรีไปจัดประชุมสัญจร จากนั้นก็สามารถปลุกรายได้การท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกเติบโตมากสุดถึง 15.08 %

ข่าวที่สอง “สมุทรปราการโหมท่องเที่ยว4กลุ่ม”

นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้แคมเปญ “Explore The New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ”  ด้วยแคมเปญ “Explore The New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ” เชิญชวนท่องเที่ยว 4 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มเรียนรู้ :แหล่งเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สำคัญในช่วงเวลาต่าง ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ : แหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ โครงการลูกพระดาบส : ศูนย์เรียนรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพตามแนวพระราชดำริ ป้อมพระจุลจอมเกล้า : หลักฐานแห่งยุทธนาวี ระหว่างสยามและฝรั่งเศส เพื่อรักษาเอกราชชาติไทย

2.กลุ่มริเริ่ม : พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนในเชิงสร้างสรรค์ หมู่บ้านภูมิปัญญา OTOP ได้แก่ บ้านคลองนาเกลือ ม.2 หมู่บ้านภูมิปัญญา :สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ โดดเด่นเครื่องจักสานและสินค้าโอทอป กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรสวนเก้าแสน บางพลี : กลุ่มแม่บ้านชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ สวัสดิการชุมชนและกิจกรรมลดรายจ่าย เพิ่มรายได้  ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทวิบุญ : แปลงนา บ่อน้ำ เลี้ยงปลา ตามหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่ตั้งอยู่กลางเมืองอุตสาหกรรม

3.กลุ่มร่วมทำ : อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วยสองมือของนักท่องเที่ยว และชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนของสถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ : สัมผัสแหล่งโอโซนได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำกิจกรรมสุขภาพได้ทุกเพศวัย ล่องเรือชมธรรมชาติสาขลา : เส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านขุนสมุทรจีน ไหว้พระขอพรวัดขุนสมุทราวาส สถานตากอากาศบางปู : ชื่นชมธรรมชาติป่าชายเลน บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ตื่นตาตื่นใจกับนกอพยพในช่วงฤดูหนาว

4.กลุ่มแบ่งปัน : ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แบ่งปันความดีงาม ประเพณีพื้นถิ่น ได้แก่ ประเพณีรับบัว : “หนึ่งเดียวในโลก แห่งเดียวในไทย” จัดขึ้นทุกวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 สักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง สัมผัสวิถีวัฒนธรรมชาวบางพลี สงกรานต์พระประแดง : สนุกสนานกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวมอญพระประแดง ชมขบวนรถบุปผชาติ การประกวดหนุ่มน้อยลอยชายและนางสงกรานต์ รื่นรมย์ชมของดีสมุทรปราการ : เมืองแห่งสีสันมหัศจรรย์แห่งความสุขเทศกาลแห่งความสนุกสนาน ชมคอนเสิร์ตจากศิลปินและชิมอาหารทะเลสดๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประเพณีห่มผ้าแดง : รวมใจศรัทธาชาวปากน้ำ แห่ผ้าแดงห่มองค์พระสมุทรเจดีย์ สัญลักษณ์คู่เมืองสมุทรปราการ

ข่าวที่สาม “ดึงโฮมสเตย์ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ขายท่องเที่ยว”



กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รายงานว่าได้ทำแบบรายงานการสมัครใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้โฮมสเตย์ทั่วประเทศตามชุมชนเมืองหลัก เมืองรอง ที่มีห้องพัก 1-4 ห้อง ที่พร้อมจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก สมัครใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว อย่างน้อยท้องถิ่นละ 1 แห่ง โดยอัพโหลดรูปาพแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สำหรับชุมชนท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมโครงกานี้สามารถติดต่อได้ที่โทร. 02-241-6930 อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถนำใบเสร็จจากการพักโฮมสเตย์ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ในปี 2561 ตามนโยบายของรัฐบาล

ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์การบินและท่องเที่ยว ผู้ดำเนินรายการ สวท.97


จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...