วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ททท.ปรับใหญสินค้าท่องเที่ยวปี62สู่Tourism5.0 งัดเทรนด์โลก5Moreปลุกไทย-เทศ เที่ยวไทย -เที่ยวประตูลับสู่เมืองพญานาคหนองคาย

ททท.บิ๊กเชนจ์สินค้าท่องเที่ยวปี62สู่Tourism5.0
งัดเทรนด์5MOREดึงไทย-ฝรั่งแห่ทัวร์55เมืองรอง
คิงเพาเวอร์ยกดีสนีย์มาไว้ในไทย88วันบันทึกโลก
ททท.จัดPassport Saleยาแรงปลุกจีน10ล้านคน
บางจากชวนเยาวชนแข่งทำแผนธุรกิจปั๊มน้ำมัน
TCEBหนุนปั่นเลแท็บเดอฟรองซ์สำเร็จเกินคาด
ไปเปิดประตูลับเที่ยวเมืองพญานาคหนองคาย
ผู้สูงวัยเตรียมใจให้พร้อมรุกรับ2กลุ่มโรคคนแก่
ไทยสไมล์เทโปรตั๋วจีน/ฮ่องกงเหลือ2-3พันบาท
บินไทยใช้งาน45ปีลอนดอนขายพ่วงบินเอเชีย
เคทีซีออกพ็อกเก็ตบุ๊ค50ร้านอาหารดังลด20%
กรุงเทพฯคว้า1ใน10โลกเมืองท่องเที่ยวทำเงิน
ครม.ให้รวม4องค์กรตั้งใหม่กระทรวงอุดมศึกษา

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 

ช่วงที่ 1 ฟังกันชัด ๆ ว่า ปี 2562 ประเทศไทยจะเดินหน้าเข้าสู่ Tourism 5.0 ที่ “นางสาวฐานปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมาเล่าอย่างละเอียด  ถึงกลยุทธ์ใหม่ที่จะพลิกรูปแบบการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวอย่างแรงแบบ 360 องศา โดยงัดเทรนด์ 5 MORE มาตอบโจทก์พฤติกรรมการเที่ยวของทั้งคนไทยและทั่วโลก และกระแสเที่ยวแบบ D.I.Y. กำลังจะแพร่สะพัดสู่ทุกชุมชนและ 55 เมืองรอง ในปี 2562 ปีแห่งการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ภายใต้การดีไซน์เส้นทางแปลก แหวกแนว เต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้จริง ลองมาดูกันว่า Once a tourism จะแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวแบบเจ้าหญิง หรือเส้นทางเที่ยวของนักขุดทองนั้นมีที่ไหนบ้าง และน่าตื่นตะลึงเพียงใด



นางสาวฐานปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562 ได้ผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดย ดร.ยุทธศํกดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ประกาศให้เป็นปีการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนรับผิดชอบ (Tourism Responsibility) ต้องสัมผัส เรียนรู้ คืนประโยชน์สู่ชุมชน ซึ่งจะมีโครงการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวเพื่อมารองรับด้วยการประเมินเทรนด์ของพฤติกรรมการท่องเที่ยว ในยุคที่โลกยุคดิจิตอลเข้ามา จะทำให้ได้คำตอบถึงความต้องการของนักเดินทาง จึงทำวิจัยให้ตอบโจทก์ไลฟ์สไตล์ภายใต้ Tourism 5.0 นำนวัตกรรมออนไลน์ซึ่งเป็น 4.0 ผสมผสานกับสื่อออฟไลน์ใส่ความลึกซึ้งเพื่อให้เห็นแล้วไปบอกต่อ รวมถึงเมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสแล้วรู้สึกถึงคุณค่าที่ได้รับ

ขณะนี้ได้เก็บข้อมูลมาประเมินจนได้คำตอบเรื่อง 5 More Trends เริ่มจาก 

เทรนด์แรก More Authentic หมายถึงเทรนด์ของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งโลกต่างถวิลหารากเหง้าความดั้งเดิมผ่านเรื่องเล่าอย่างมีชีวิต ทำให้เกิดความพึงพอใจและภูมิใจในการไปท่องเที่ยวแล้วบอกต่อซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับทุกเพศทุกวัยล้วนต้องการเล่าเรื่องที่ไปสัมผัส จะเห็นชัดคือวัยเก๋าเป็นโปรดิวเซอร์เนื้อหาท่องเที่ยวให้เมืองไทย



เทรนด์ที่ 2 More Legacy แหล่งท่องเที่ยวสำคัญซึ่งเป็นความภูมิใจของชุมชน ก็เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าไปสัมผัสโดยเฉพาะตอนนี้เป็นกระแสที่ชาวต่างชาติต้องการมากสุด ที่ไทยมีเหนือกว่าประเทศอื่น ๆ คือความเป็นตัวตนคนไทยในการผสมผสานวิถีชีวิตอย่างลงตัว

เทรนด์ที่ 3 More Inspiration การหาแรงบันดาลใจ โดยเห็น Idol ท่องเที่ยวตามคนต้นแบบที่ตัวเองชื่นชอบ หรือความคิดอยากสร้างสรรค์ขึ้นมาที่จะเที่ยวในสไตล์ของตนเองเรียกว่า D.I.Y.Tourism ขณะนี้ ททท.เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นสินค้าใหม่ ๆ ตามชุมชน และ 55 เมืองรอง ในตลาดต่างประเทศจะเข้าสินค้าท่องเที่ยวชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี



เทรนด์ที่ 4 More Gastronomy การท่องเที่ยวเชิงอาหาร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกตอบสนองความต้องการของคนทุกวัยอีกเช่นกัน เพราะทุกวัยต้องกิน ยิ่งมีอาหารจานโปรดก็ทำให้คนเดินทางไปแสวงหาแหล่งกินอร่อย ๆ ซึ่ง ททท.ได้จัดรวบรวมให้มีทั้ง สตรีท ฟู้ด, Royal Cruisine  โดยได้ทำการโปรโมต เส้นทางตามรอยข้าวไทย และอื่น ๆ ที่ ททท.ให้ความสำคัญมากขึ้นในปี 2562

เทรนด์ที่ 5 More Fun ความบันเทิงทุกรูปแบบ ทั้งแมนเมด หรือสิ่งที่สร้างขึ้น เพื่อเติมเต็ม เป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างมิตรภาพกับท้องถิ่นกับนักเดินทางได้เป็นอย่างดี

สำหรับการใส่นวัตกรรมเข้าไปในสินค้าการท่องเที่ยว ตัวอย่าง D.I.Y.ลงไปเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสร้างสรรค์เมนูอาหารร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าไปได้ ขณะนี้มีโครงการ Chef Table กระจายไปทั่วประเทศ ออกมาเป็นอาหารจานใหม่บนโต๊ะ ผ่านวิถีการกินของคนยุคใหม่



ขณะนี้ ททท.ต้องหันมาใช้ Big DATA มาสังเคราะห์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในการนำมาพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวให้ตอบโจทก์ความต้องการที่แท้จริงของนักท่องเที่ยว รวมทั้งการนำไปใช้สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวในทุกภูมิภาค และการยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่นทุกแห่งด้วย

การสร้างเครือข่ายพันธมิตรในกลุ่มสินค้าท่องเที่ยวนั้น ททท.ได้ใช้โครงการ TAT 360 เป็นหัวหอกสำคัญทำงานร่วมกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งเปรียบได้กับนโยบายประชารัฐ เพราะการท่องเที่ยวเป็นเรื่องของทุกคนไม่ใช่เฉพาะ ททท.หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ดังนั้นก่อนสร้างสินค้าท่องเที่ยวออกจำหน่าย จะต้องรู้ถึงความสมดุลของท้องถิ่นกับความต้องการของคนที่จะเข้าไปเที่ยว อีกทั้งชุมชนท้องถิ่นจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ประการสำคัญภาครัฐต้องเข้าไปสนับสนุน ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ททท.ได้จัดกิจกรรมแคมเปญต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นไปยังเรื่อง Tourism Capicity ขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพราะแต่ละพื้นที่มีต้นทุนต่างกัน ปัจจุบันสามารถค้นหาข้อมูลได้สะดวกง่ายดาย เพราะ ททท.ได้จัดทำใหม่อย่างเป็นระบบ  เช่น สนใจท่องเที่ยวชุมชน ก็ค้นคำว่า Amazing Go Local หรือใส่แฮชแท็ก # ก็ได้ ตัวอย่าง Once as a Tourism เมื่อเสิร์ซหาเพื่อให้รู้ว่าครั้งหนึ่งหากอยากต้องการเป็นนักท่องเที่ยวในสไตล์ต่าง ๆ อาทิ อยากเป็นเจ้าหญิงนักท่องเที่ยว ก็จะมีคำแนะนำเส้นทางปรากฎขึ้นมาให้เลือกได้เลย หรือ Go Hunter นักท่องเที่ยวขุดทองควรจะไปที่ไหน 


กิจกรรมเหล่านี้ ททท.ได้ออกแบบแนวใหม่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวจริง หรืออีกตัวอย่างการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเมืองรอง ก็มีกิจกรรม “ต้องลอง ต้องรัก ต้องใส่ใจ” ตอนนี้เปิดตัวแคมเปญเรียบร้อยแล้ว เพื่อสื่อถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้าสู่เมืองรอง ต้องรักโดยใส่ใจชุมชนที่เข้าไปเที่ยว โดยใส่ใจสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ รักที่จะใช้ผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่น ซึ่งจะสามารถอีกช่องทางในการเพิ่มนักท่องเที่ยวกระจายเข้า 55 เมืองรอง



โดยสรุปเรื่องการสร้างเครือข่ายพันธมิตรสินค้าท่องเที่ยวจะไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกต่อไป ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม สมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ ร้านอาหาร สวนสนุก แต่ตอนนี้มีหน้าต่างบานใหม่ต้องเปิดประตูให้กับพันธมิตรมากขึ้น เช่นการร่วมมือกับพันธมิตรทำโครงการ Life & Learn กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่กว่า 700 บริษัท แต่ละปีจะต้องทำกิจกรรม Team Building, HR และสร้างผู้นำ-Leadership Programm แต่เดิมใช้เงินทำกิจกรรมตามเมืองหลักให้หันไปทำในเมืองรองเพิ่มขึ้น

ช่วงปลายปี 2561 จะมีกิจกรรมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ โดยเปิดพื้นที่เคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่นำร่อง 5 แห่ง รวมถึงช่วงต้นปี 2562 จะเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้างขึ้นเทรนด์ใหม่ดึงดูดได้ทั้งวัยเก๋า เจนวาย รวมไปถึงสินค้าท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และกิจกรรมใน 5 More Trends ททท.จะทยอยขยายเส้นทางท่องเที่ยวให้ได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ติดตามอัพเดทไฮไลต์โดนใจความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ตลอด ในเว็บไซต์ของ ททท.ได้แก่ www.สินค้าท่องเที่ยว.com   หรือ www.tourismthailand.org



ปี 2562 ททท.จะพลิกโฉมสินค้าท่องเที่ยวตอบโจทก์ความต้องการ 5 เทรนด์ ทำให้กลายเป็นพลังกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาใช้จ่ายเงินกระจายตามชุมชน และ 55 เมืองรอง อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมก้าวเข้า Tourism 5.0 อย่างสมบูรณ์

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวแรก “คิงเพาเวอร์ยกดีสนีย์มาไว้ในไทย88วันบันทึกโลก”



นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยกเรื่องราวของดีสนีย์โลกมาไว้ในประเทศไทยในโอกาสเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่งานครบรอบ 90 ปี แห่งความมหัศจรรย์ของ มิคกี้ เม้าส์ โดยได้จัดทำโครงการ “คิง เพาเวอร์ แอนด์ ดีสนีย์ เอนด์เลส เซเลเบรชั่นส์” (King Power and Disney’s Endless Celebrations) เทศกาลความหมัศจรรย์ไม่มีที่สิ้นสุด รวม 88 วัน ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 – 27 มกราคม 2562 ณ ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์  เพื่อสร้างปรากฎการณ์ใหม่ขึ้นในวงการร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวของไทยให้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติ โดยเฉพาะการปลุกกระแสนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังลดลงให้หันกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้งอย่างคึกคัก

อีกทั้งยังมีความเชื่อมันใน วอลท์ ดีสนีย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกมีชื่อเสียงความแข็งแกร่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล ที่เข้ามาร่วมงานกับคิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์คนไทย ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะนำชื่อของประเทศไทยเผยแพร่ให้นานาชาติรู้จักถึงพลังธุรกิจคนไทย พร้อมก้าวไปสู่เวทีโลก 

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า แนวโน้มโครงการนี้จะสามารถดึงนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติหมุนเวียนเข้ามาร่วมกิจกรรมความสนุก ความบันเทิง และช้อปปิ้งทั้งภายในงาน ร้านค้าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ เพิ่มอีกวันละอย่างน้อย 3,000-5,000 คน ขณะนี้ได้หารือกับทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมบริหารจัดการทั้งทางด้านปริมาณจราจรคนเดินทาง รถบริการขนส่ง รอบพื้นที่ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย 

โดยได้วางแผนลงทุนเนรมิตพื้นที่รอบบริเวณคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้กลายเป็นเมืองดีสนีย์แห่งแรกในเอเชีย ด้วยการจัด 3 บิ๊กอีเวนต์ใหญ่ ได้แก่ 

อีเวนต์แรก  เริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้ จัดกิจกรรมฉลองวันเกิดมิคกี้ เมาส์ ทำบันทึกสถิติลง กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส (Guinness World Records) ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561  ด้วยการเชิญชวนคนเกิดเดือนพฤศจิกายน1,928 คน ร่วมเป่าเทียนวันเกิดพร้อมกัน 1,928 เล่ม 

อีเวนต์ที่ 2 เดือนธันวาคม 2561 จัดกิจกรรมเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ข้ามคืนวันที่ 1 มกราคม 2562 กับตัวการ์ตูนของวอลต์ ดีสนีย์ สร้างความสุขให้ทั้งกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนานาชาติทุกเพศทุกวัยได้รับการคืนความสุขแบบครบวงจร

อีเวนต์ที่ 3 เดือนมกราคม 2562 จัดกิจกรรมวันเด็ก เปิดโอกาสให้เหล่าเยาวชนของชาติสนุกสนาน มีความสุขกับเหล่าการ์ตูนในความทรงจำของเด็ก ๆ ตลอดทั้งวัน

ภายในบริเวณได้ออกแบบและตกแต่งสถานที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชม ช็อป ชีล อย่างจุใจ โดยมีให้เลือกมากถึง 6 โซน ประกอบด้วย 1.โซน Celebration Express เป็นขบวนรถไฟมหาสนุกเคลื่อนไหวได้ 360 องศา 2.การ์เด้น ออฟ ดรีม สวนกลางถนนรางน้ำ 3.มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูราวาร์ด จำลองบรรยากาศย่านการค้าที่ไปด้วยร้านค้าและกิจกรรมมากมาย  4.มิคกี้ ฮอลล์เวย์ เป็นผนังอินเตอร์ แอคทีพ ที่มีการแสดงภาพกราฟฟิกน่ารัก ๆ และจอเล่นเกมได้ 5.เมกาสโตร์ พบกับโซนมหกรรมสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษจากดีสนีย์ 6.มิคกี้ แกลเลอรี่ นิทรรศการศิลปะสนุกสุดแนวในเชื่อ “ขอต้อนรับมิคกี้สู่ประเทศไทย” แต่ละโซนนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

ตลอดการจัดงาน 88 วัน ทางคิง เพาเวอร์ ได้นำผลิตภัณฑ์สินค้าอันมเป็นสัญลักษณ์เฉพาะที่จัดทำขึ้นในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก คือ มิกกี้ เมาส์ สวัสดี รวมทั้งได้นำผ้าขาวม้าไทยมาเป็นชุดแต่งกายตุ๊กตามิกกี้ เมาส์ ในแต่ละเวอร์ชั่น สะท้อนความเป็นไทยสู่สายตาคนทั่วโลก รวมทั้งนำเสนอคอลเลกชั่นสินค้าเกี่ยวกับมิคกี้ เม้าส์ และการ์ตูนต่าง ๆ ของดีสนีย์ อาทิ ตุ๊กตา เครื่องสำอาง กระเป๋า ของชำร่วยต่าง ๆ ทำให้กิจกรรมสนุก สร้างรอยยิ้มให้ชาวไทยและแขกผู้มาเยือนประเทศไทยมีความสุขตลอดทุกการเดินทาง

“มิคกี้ เม้าส์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของดีสนีย์ และเป็นการ์ตูนตัวโปรดของผม ผมขอแสดงความยินดีกับดีสนีย์ที่มาฉลองครบรอบ 90 ปี และยินดีที่ได้ร่วมงานกับ บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด นำความสุข ความสนุกสนาน มามอบให้ทุกคนผ่านกิจกรรมมากมาย”  

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นโครงการยังมีแผนกลยุทธ์ร่วมมือกับทาง บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ทยอยจัดมหกรรมกระตุ้นนักเดินทางทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมอย่างเต็มอิ่ม อาทิ คอนเสิร์ต และอื่น ๆ 

นางสาวสุภอร รัตนมงคลมาศ คันทรี เฮด บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดีสนีย์ และมิคกี้ เม้าส์ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและเป็นตัวละครอันเป็นที่รักของแฟน ๆ ชาวไทยทุกเพศทุกวัยมาหลายทศวรรษแล้ว และความร่วมมือกับคิง เพาเวอร์ ครั้งนี้ก็เพื่อมอบประสบการณ์ให้ได้ใกล้ชิดกับดีสนีย์อย่างเต็มที่ตลอดการจัดกิจกรรม

โดยเฉพาะไฮไลท์วันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 เชิญชวนคนเกิดเดือนพฤศจิกายน 1,928 คน มาร่วมสร้างสถิติกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส (Guinness World Records) ร่วมเป่าเทียนวันเกิดพร้อมกัน 1,928 เล่ม เรื่อยไปจนถึงอีกการจัดงานนิทรรศการศิลปะเชิงสร้างสรรค์ด้วยลวดลายบนหุ่นโมเดล มิคกี้ เม้าส์ จากฝีมือของศิลปินชาวไทยและนักแสดงระดับแถวหน้า และเหล่าคนดังมากมาย อาทิ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัยและก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ ป้าตือ-สมบัษร ถิระสาโรช เวย์ ไทเทเนียม-ปริญญา อินทชัย จี๊ป-ภาสินี คงเดชะกุล โอ-ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ ติ๊กกี้ ว้าว หรือ พิเชฐ รุจิวรารัตน์ เบนซิลล่า หรือ ปริญญา พิเชษฐศิริพร เนเวอร์-มงคล รัตนภักดี และแอน ออฟฟิซเซอร์ ดายส์ หรือ ฐิติภูมิ เพชรสังข์ฆาต  

ตลอด 88 วัน ทางดิสนีย์ จัดกิจกรรมแฟนดีสนีย์จะได้ช้อปสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษมากมาย ทั้งเสื้อผ้า
เครื่องแต่งกาย ตุ๊กตา เครื่องครัว ของใช้ต่าง ๆ ได้ในร้านคิง เพาเวอร์ ทุกสาขา รวมทั้งคิง เพาเวอร์ เมกาสโตร์ บนถนนรางน้ำ โดยไม่ต้องมีเที่ยวบินเดินทางไปต่างประเทศก็สามารถเข้ามาซื้อสินค้าได้ โดยมีผลิตภัณฑ์แบรนด์คุณภาพของไทยเป็น“สินค้าป้ายฟ้า” และอื่น ๆ  

อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกับ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้แก่  1.มหกรรม “มีท แอนด์ กรี๊ด” ฟินไปกับเหล่าบรรดาผองเพื่อนจากดีสนีย์ ที่จะยกขบวนมาสร้างสีสันอย่างเต็มอิ่ม ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2561 2.งานเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขที่มอบให้กับทุกคนในครอบครัว อาทิ มินิคอนเสิร์ตในวันคริสต์มาส โดยศิลปินชื่อดังระดับประเทศ และร่วมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ไปกับขบวนพาเหรดของดีสนีย์  พร้อมเฉลิมฉลองบรรยากาศแห่งความสุขหรรษาต่อเนื่องในปีใหม่ เมื่อเหล่าดาราดังพร้อมลูกๆ จูงมือกันร่วมเดินแฟชั่นโชว์ฉลองวันเด็กแห่งชาติ 

ข่าวที่ 2 “ททท.ใช้ยาแรงฟื้นทัวร์จีนจัดPassport Saleปลายปี’61”


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแก้วิกฤตตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ระหว่าง ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ได้ให้สำนักงาน ททท.สาธารณรัฐประชาชนจีน 5 แห่ง  ระดมอัดแคมเปญระยะสั้นนำเข้านักท่องเที่ยวจีนมาให้ได้เพิ่มอีก 1.5 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 5 แสนคน ซึ่งจใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 50,000 บาท/ทริป จะทำให้ตลอดปีนี้จะมีจำนวนเป็นไปตามเป้าประมาณ 10.5 ล้านคน  ควบคู่กับการทำกลยุทธ์ระยะเร่งด่วนนำเข้าตลาดกลุ่มประเทศในรัศมีการบินมาไทยไม่เกิน 6 ชั่วโมง จากทั้งภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเพิ่มจากปกติอีก 5 แสนคน 

โดยททท. มีไฮไลต์เตรียมจับมือกับสมาคมค้าปลีกไทย ทำแคมเปญ Passport Sale 2018 ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 2561 เพียงแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติโชว์พาสปอร์ตกับห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวที่กำลังประสบปัญหาตลาดจีนหายไป อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ก็รับไปเลยทันทีส่วนลดขั้นต่ำในการช้อปปิ้ง 14 % เป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม % บวก ส่วนลด 7 % และจัด Top Thailand Brand Sale นำสินค้าไทยแลนด์แบรนด์ยอดนิยมจากชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ มาร่วมขายด้วย รวมทั้งตลาดในประเทศก็ต้องเร่งทำกิจกรรมกระตุ้นทุกจังหวัด โดยเล็งจัดยิ่งใหญ่เคาน์ดาวน์ 5 เมืองรอง ลำพูน นครพนม จันทบุรี สตูล ราชบุรี

ขณะนี้การจัดทำโครงการ Passport Sale 2018 ททท.กำลังหารือกับกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก อาทิ Prada, Cucci และอีกมากมาย เข้าร่วมโครงการเพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นรายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะเร่งด่วน เข้ามาเสริมสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงพานิชย์เองเพิ่งแถลงตัวเลขส่งออกติดลบถึง 19 % ดังนั้นจึงต้องขอให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วยกันรักษารายได้ไว้ให้มากที่สุดโดยเฉพาะปี 2561 ต้องได้ตามเป้าประมาณ 3 ล้านล้านบาท และปี 2562 จะต้องได้ 3.4 ล้านล้านบาท

“รวมถึงได้มอบหมายให้ ททท.สำนักงานในประเทศตามพื้นที่รอยต่อชายแดน จัดทำโครงการ Grand Sale Dine & Fine 2018 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นำสินค้าโอท็อปในทุกหมวดมาจัดมหกรรมการขาย เพื่อกระตุ้นรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวตามตะเข็บชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเที่ยวพร้อมใช้เงินช็อปปิ้งสินค้าสร้างความคึกคักอีกช่องทาง”

ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ซึ่งเข้ามาปีละเกือบ 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งหมด ตอนนี้ตลาดจีนมาไทยลดลงอย่างฉับพลันเหลือขั้นต่ำ 10 % นั้น เกิดจากอารมณ์ ความรู้สึก ผนวกปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศจีนชะลอตัว ทางรัฐบาลจีนเองก็มีแคมเปญออกมารณรงค์ให้จีนเที่ยวในประเทศมากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยท้าทายอย่างมากของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะต้องร่วมมือกันในทุกช่องทาง

โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งหมด นำโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ประชุมหารือกันไปพร้อมทั้งรับปากเรียบร้อยแล้วที่จะต้องนำกฎ 12 ข้อมาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระบบการให้บริการคมนาคมขนส่ง และการจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็วที่สุด



หลังจากออกแคมเปญกระตุ้นแรง ๆ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้แล้ว จากนั้น ททท.จะรอดูผลลัพธ์ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า ช่วงตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2652 หากสถานการณ์ตลาดจีนยังไม่ฟื้นกลับมาในทางที่ดีขึ้น ก็จะอัดแคมเปญต่ออีกระยะก่อนถึงเดือนเมษายน 2562 อีกครั้ง

ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า ททท.ภายในวันพฤหัสที่ 25 ตุลาคม 2561 จะนำมาตรการเยียวยาและแก้ปัญหาทัวร์จีนลดลง เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) โดยมีเรื่องรายละเอียดของการพิจารณายกเว้นค่าธรรมการทำ VISA On Arrival : VOA ผนวกเข้าไว้ด้วย เพราะจะไม่ำด้ยกเว้นให้ระยะสั้น ๆ เฉพาะจีน แต่แนวโน้มไทยจะให้ทั้งหมด 21 ประเทศ แต่ก็ต้องทำข้อศึกษาถึงรายได้ของกระทรวงการต่างประเทศของไทย กับประเมินเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาตามโครงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าดังกล่าว ซึ่งภายในวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2561 นี้ ได้นำเรื่องทั้งหมดเข้าหารือในระดับรัฐบาลกับ ดร.วีระศักด์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อสรุปความชัดเจนก่อน ททท.จะนำมาตรการท่องเที่ยวประกาศใช้อย่างเป็นทางซึ่งจะเรียกว่าเป็นน้ำใจจากประเทศไทยมอบให้กับนักท่องเที่ยวนานาชาติต่อไป

ข่าวที่ 3 “บางจากปลุกเยาวชนร่วมออกแบบธุรกิจนวัตกรรมปั๊ม”



บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า สถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) บางจากฯ ร่วมกับ Startup Thailand Academy กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จ.นครราชสีมา และสถานพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักศึกษา Student Entrepreneurship Development Academy หรือ SEDA จัดโครงการ Hackathon ครั้งที่ 5 ในหัวข้อ แหกชีวิตติดปั๊ม

โดยได้เปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันทั้งนิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจ เข้าร่วมประกวดผลงานนวัตกรรมจากการเรียนรู้แนวคิด การลงมือประดิษฐ์ การนำ Open Innovation มาพัฒนามุมมองทักษะจากการเรียนรู้รอบด้าน ผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย 

ด้วยวิธีศึกษาข้อมูลจากการลงพื้นที่ในสถานที่จริง เพื่อนำมาคิดไอเดียหรือนวัตกรรมสำหรับพัฒนาการบริการและรูปแบบสถานีบริการน้ำมันบางจาก เป็นการสร้างความตระหนักและแรงบันดาลใจ เสริมสร้างความเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เตรียมความพร้อมในการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมใหม่อย่างเข้มข้น ลุ้นชิงเงินรางวัล พร้อมเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศเกาหลี และโอกาสในการร่วมงานกับบริษัท บางจากฯ


ข่าวที่ 4 “TCEBนำไทยสู่ความสำเร็จปั่นลาแท็บเดอฟรองซ์2018”



นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่า ในการสนับสนุนจัดมหกรรมงานปั่นบันลือโลก L' E Tape by Tour de France  2018 เมื่อวันที่ 21-22 ตุลาคม 2561 ที่จังหวัดพังงา นั้นประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีคนสนใจเข้าร่วมลงสนามแข่งขันปั่นจักรยานทางไกล โดยมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามากถึง 400คน และคนไทยในประะทศอีกว่า 1,100คน สร้างประวัติศาสตร์ที่มีคนสนใจเข้าร่วมมากที่สุดครั้งหนึ่งของการแข่งขันดังกล่าว โดยมีไฮไลต์การปั่นเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย ประเภทระยะทาง 70 กม.และ 140 กม.ซึ่งทาง TCEB ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดพังงา ส่งนักปั่นเข้าร่วมในระยะทาง 70 กม.ด้วย

สำหรับงาน L' E Tape by Tour de France ที่เสร็จสิ้นลงด้วยความเรียบร้อยและประสบความสำเร็จครั้งนี้ ถือเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะไทยได้รับเลือกให้จัดงานนี้เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังได้รับการถ่ายทอดกลยุทธ์และเทคนิควิธีการจัดแข่งขันปั่นจักรยานแบบมืออาชีพ ด้วย ระบบและการจัดการที่เจ้าของแบรนด์ Tour de France กับทางบริษัท Move Asia local partner นำมาใช้ครั้งนี้

ช่วงที่ 2 จะชวนไปเที่ยวมุมใหม่ “ประตูลับสู่เมืองพญานาค” และตะลอนทัวร์จังหวัดหนองคาย เป็นควันหลงหลังงานประเพณีบั้งไฟพญานาคริมแม่น้ำโขงเพิ่งจบไปหมาด ๆ ลองไปมุดถ้ำดินเพียง บ้านดงต้อง อำเภอสังคม แล้วจะรู้ว่าประตูลับสู่บาดาลสวยขนาดไหน และวัดต่าง ๆ ศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ส่วน “ผู้สูงวัย” เตรียมรับมือ 2 กลุ่มโรคที่ต้องเจอแน่ ๆ แล้วจะแก้อย่างไรต้องฟังดี ๆ ขณะที่ “ไทยสไมล์-การบินไทย” สาละวนทำแคมเปญขายตั๋วอุตลุด จีนอัดโปรรวมทุกอย่างแล้วเหลือแค่ 2,550-3,050 บาท ส่วน “กรุงเทพฯ” คว้า 1 ใน 10 เมืองท่องเที่ยวทำรายได้ดันจีดีพีไทยพุ่ง “เคทีซี” ออกพ็อกเก็ตบุ๊ค50ร้านอาหารพรีเมี่ยมพร้อมส่วนลด 20 % และ “ครม.” ให้ควบรวม 4 องค์กรตั้งใหม่เป็นกระทรวงอุดมศึกษา

@ชวนเที่ยวประตูลับสู่เมืองพญานาคที่หนองคาย



ช่วงตุลาคมของทุกปี นักท่องเที่ยวมักตั้งตารอดูบั้งไฟพญานาค วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตามเรื่องเล่าที่มีอยู่มาอย่างยาวนานถึงตำนานพญานาค ในจังหวัดหนองคาย 

ความเชื่อของ “ชาวบ้านดงต้อง” อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย คือจุดเริ่มของการเปิด “ประตูลับพญานาค” ซึ่งเล่ากันว่าบริเวณ “ถ้ำดินเพียง” วัดถ้ำศรีมงคล เป็นเส้นทางที่พญานาคใช้เป็นประตูจากเมืองบาดาลสู่โลกมนุษย์ ด้วยมีธิดาของพญานาคใช้ถ้ำแห่งนี้เดินทางขึ้นมายังพบชายคนรัก แล้วจากนั้นก็ได้ตัดขาดจากถ้ำแห่งนี้ไปโดยสิ้นเชิง

หากในทางโลกแล้ว วันนี้ “ถ้ำดินเพียง” บ้านดงต้อง คือ เส้นทางธุดงค์ของพระผู้ทรงศีล ซึ่งใช้ท่องแดนพุทธรรมเดินข้ามจากฝั่งไทยไปยังเวียงจันทน์ สปป.ลาว


นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเข้าไปเดินชมถ้ำ ซึ่งขอแนะนำให้ก่อนเข้าถ้ำจะต้องไปกับ ผู้นำทาง ที่มีความเชี่ยวชาญ เมื่อเข้าไปแล้วจะได้เห็นถึงลักษณะความคดเคี้ยว จินตนาการได้ว่าคล้ายการเลื้อยของพญานาค บริเวณด้านในมีความโค้งเว้าสวยงาม ตลอดเส้นทางก็มีหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลก ๆ เป็นจำนวนมาก และมีน้ำไหลตลอดทั้งปี



ไปถึงหนองคายแล้ว ห้ามพลาด ไปชมวิถีแห่งเมืองริมฝั่งโขงกันได้ เริ่มตั้งแต่ “ภูผาดัก” เป็นจุดชมวิวทะเลหมอก อันซีนเหนือลำน้ำโขง เหมาะกับการไปนั่งชมพระทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าออกมาจากทะเลหมอก เพื่อรับตะวันใหม่ เป็นจังหวะที่เชียงลั่นชัตเตอร์กับการเซลฟี่กันอย่างเพลิดเพลินกับความงดงามที่หาชมได้ยากในเมืองไทย



จากนั้นก็ไปชม “ศาลาแก้วกู่” หรือวัดแขก พิพิธภัณฑ์กลางแกจ้งเล่าเรื่องราวทางศาสนา พร้อม ๆ กับตำนานพื้นบ้าน ภายในมีข้าวของเครื่องใช้จัดเรียงให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ต้องยกให้ “สกายวอร์ค หนองคาย” เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ประจำเมืองหนองคาย เชิญชวนนักท่องเที่ยวขึ้นไปเดินบนพื้นกระจกใส เพื่อชมวิวพาโนรามาของหนองคายและแม่น้ำโขงได้แบบ 360 องศา 

หนองคายเป็น 1 ใน 55 เมืองทอง ดาวรุ่งของอีสาน อยู่ติดตะเข็บชายแดนไทย-สสป.ลาว ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี

@ รับมือโรคฮิตที่ผู้สูงวัยต้องเจอแน่ ๆ



แพทย์หญิงสกุณี ภระกูลสุขสถิตย์ ศูนย์การดูแลผู้สูงวัยแบบบูรณาการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า นับเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่สังขารย่อมร่วงโรยไปในอายุที่มากขึ้น เป็นเหตุให้ในผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัวต่างๆ มากกว่าคนในช่วงอายุอื่นๆ โดยปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

กลุ่มโรคเรื้อรังทั่วไป อาจพบโรคในกลุ่มนี้ได้ตั้งแต่ก่อนอายุ 60 ปี เกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรม หรือสาเหตุจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การบริโภคมากเกินความต้องการของร่างกาย ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การดื่มสุรา สูบบุหรี่ ฯลฯ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดโรคในกลุ่มนี้ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคตับอักเสบ เป็นต้น เมื่ออายุมากขึ้นมีโอกาสเกิดโรคมากขึ้น และหรือมีโรคร่วมอื่นๆ ทำให้มีอาการมากกว่า 1 โรค หากควบคุมโรคได้ไม่ดี เมื่อเวลาผ่านไปอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไต โรคหัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์ ตามมาได้

 กลุ่มโรคที่เกิดเฉพาะในผู้สูงอายุเกิดจากจากความเสื่อมถอยของร่างกายและอวัยวะภายในต่างๆ ตามอายุที่มากขึ้น เช่น การได้ยินลดลงหรือหูตึง การมองเห็นลดลง ตาฝ้าฟางในคนสูงอายุ ความจำแย่ลงจนอาจพัฒนาเป็นโรคสมองเสื่อม โรคกระดูกข้อเสื่อมต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม ข้อสะโพกเสื่อม ข้อหลังเสื่อม  ปัญหาเรื่องการกลั้นการขับถ่ายไม่อยู่ เป็นต้น

บางโรคอาจเกิดตามเพศตัวอย่างเช่น ในเพศหญิงมักจะมีอาการบางอย่างชัดเจนขึ้นในวัยหลังหมดประจำเดือน (วัยทอง) เช่น ผิวแห้ง ผมบาง กระดูกบาง กระดูกพรุน ส่วนในเพศชายอาจมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก เช่น โรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมตัวที่ดีถือเป็นอีกด้านที่ทำให้ผู้สูงอายุมีชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณค่า การเตรียมความพร้อมในด้านนี้ ได้แก่ การรักษาความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของสังคม เช่น การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง การทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ จะทำให้ลดความเหงา โดดเดี่ยว และรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง

รวมทั้งการเตรียมบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น เรื่องแสงสว่างภายในบ้าน การจัดวางสิ่งของต่างๆ ในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย การติดตั้งอุปกรณ์ช่วยการพยุงตัว เช่น ราวในห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ สำหรับผู้สูงวัย

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ไทยสไมล์เทตั๋วโปรถูกจีน/ฮ่องกง ต.ค.-พ.ย.61”



นางชริตา ลีลายุทธ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ ในเครือการบินไทย กล่าวว่าในช่วงตารางบินฤดูหนาวตั้งแต่ปลายตุลาคม 2561 เป็นต้นไป เตรียมเปิดเพิ่มเที่ยวบินตรง ไป-กลับ อีก 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง และภูเก็ต-ฮ่องกง เริ่ม 28 ตุลาคม นี้ โดยได้จัดทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคาพิเศษรวมทุกอย่างเริ่มต้นที่ 3,050 บาท  โดยได้จัดทำโปรโมชั่น Smile Price มหัศจรรย์แดนมังกร ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน 4 เมือง และเมืองเกาสง ไต้หวัน ราคาตั๋วรวมทุกอย่างแล้วเริ่มต้น 2,550 บาท/เที่ยว สามารถเข้าไปซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2561 เพื่อนำไปใช้เดินทางได้จนถึง 31 ธันวาคม 2561

ขณะเดียวกันก็ยังคงให้ความสำคัญกับการบินในเส้นทาง ไป-กลับ ไทยสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งไทยสไมล์ให้บริการอยู่ 4 เมือง จำนวนรวมสัปดาห์ละ 25 เที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ ไปยัง ฉางชา 4 เที่ยว ปรับลดลงจากเดิมสัปดาห์ละ 7 เที่ยว ส่วนอีก 3 เมือง คือ ฉงชิ่ง เจิ้งโจว 7 เที่ยว และกว่างโจว แต่ละเมืองมีบิน 7 เที่ยว (วันละ 1 เที่ยว)

ข่าวที่สอง “การบินไทยจัด45ปีบินลอนดอนเร่งขายพ่วงเส้นทางเอเชีย”



บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ร่วมกับLondon Restaurant Festival จัด Gourmet Odyssey: Flights of Fancy ฉลองครบ 45 ปี เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-ลอนดอน โดยได้รับเกียรติจากนายพิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ  เปิดงาน พร้อมกับการเชิญสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส พร้อมแขกผู้มีเกียรติกว่า 150 คน และได้ใช้งานนี้นำรถบัส THAI branded bus มาให้ผู้เข้าร่วมงานใช้เดินทางไปยัง 3 ภัตตาคาร ใน 3 เส้นทางบินยอดนิยมของชาวอังกฤษ ได้แก่ ร้าน Laos Café ร้าน Chisou และร้าน Scarlett Green 

เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เส้นทางบินเครือข่ายการบินไทย  ซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินทางจากลอนดอน มายังไทยแล้วบินต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ ได้ 

ข่าวที่สาม “เคทีซีเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊ค 50 ร้านอาหารพรีเมียมพร้อมลด20%



  นางประณยา  นิถานานนท์ ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊ค “KTC Cultural Dining Experience” หนังสือที่รวบรวมและคัดสรรร้านอาหารระดับพรีเมียม และร้านอาหารที่ได้รับรางวัลจากมิชลินไกด์ 2018 มากถึง 50 ร้าน มอบสิทธิประโยชน์ให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่ใช้จ่ายผ่าน บัตร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 31 มีนาคม 2562 รับส่วนลดสูงสุด 20% 

ในพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มนี้ได้เติมเต็มทั้งความสนุกและเพลิดเพลินกับเรื่องราวเนื้อแท้ของอาหารจากวัฒนธรรมที่แตกต่างทั้งจากโลกฝั่งตะวันตกและตะวันออก อาทิ ร้านเพสท์ แบงคอก ร้านเสน่จันทน์  ร้านคั่วกลิ้งผักสด  ร้านอัพสแตร์ส แอท มิคเคลเลอร์ แบงคอก ร้านเล็นซี่ ทัสคัน คิทเช่น ร้านมอซซา บาย โคคอต ร้านซูชิ อิชิซู (Sushi Ichizu)  ร้านริวนาเบะ และร้านซิน เทียน ตี้  สามารถดาวน์โหลดเป็นอีบุ๊คฟรีได้ที่ www.ktc.co.th/ktcculturaldiningexperience

ข่าวที่สี่ “กรุงเทพฯคว้ารายได้จีดีพี1ใน10ของโลกปี’61



กลอเรีย เกวารา ประธานและซีอีโอ สภาการท่องเที่ยวโลกและการท่องเที่ยว (WTTC) กล่าวว่า ได้เผยแพร่รายงานประจำปี ในงาน ฟอรั่ม ผู้นำเอเชีย WTTC ณ มาเก๊า เมื่อ 22 ตุลาคม 2561   ด้วยการเปิดผลรายงานครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดในโลก  72 เมือง สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องตลอดช่วง 6 เดือนปี 2561 มียอดรวมกันในสัดส่วน GDP สูงถึง 24.3% ของการท่องเที่ยวทั่วโลกและ GDP ของการท่องเที่ยว 

เมืองท่องเที่ยว 1 ใน 10 ของโลก มีกรุงเทพฯ ติดอันดับ 7 สามารถทำรายได้  21,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเมืองชั้นนำทางการท่องเที่ยวของโลก 10 อันดับแรก ที่มีขนาดของตลาดการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศและ GDP ของโลก ได้แก่ 

1. เซี่ยงไฮ้ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 
2. ปักกิ่ง 32,500  ล้านเหรียญสหรัฐ
3. ปารีส 28,000  ล้านเหรียญสหรัฐ
4. โอร์ลานโด 24,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. นิยอร์ก 24,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
6. โตเกียว  21,ล้านเหรียญสหรัฐ
7. กรุงเทพ 21,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
8. 8.เม็กซิโกซิตี้ 19,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
9. 9.ลาสเวกัส 19,500  ล้านเหรียญสหรัฐ
10. 10.เซินเจิ้น 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ


ส่วนเมืองชั้นนำของโลกในแง่ของการสร้างงาน ได้แก่ : จาการ์ตา, ปักกิ่ง, เม็กซิโกซิตี้, เซี่ยงไฮ้, กรุงเทพ, ฉงชิ่ง, นิวเดลี, มุมไบ, โฮจิมินห์ (ไซ่ง่อน) และเซินเจิ้น

ข่าวที่ห้า “ครม.ให้ควบรวม4หน่วยงานตั้งเป็นกระทรวงอุดมศึกษา”


นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2561 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ฉบับที่...พ.ศ.... ที่จะให้จัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ควบรวม 4 หน่วยงานไว้ด้วยกันคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) 

ตามขั้นตอนจากนี้จะต้องส่งร่างกฎหมายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แนวโน้มกระทรวงใหม่จะเป็นรูปธรรมได้ภายในเดือน - 2 เดือน 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ผู้ดำเนิน่รายการและคอลัมนิสต์


วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คิงเพาเวอร์จับมือวอลท์ดีสนีย์ฉลอง90ปีมิคกี้เมาส์ จัด88 วันดึงทัวร์กระหึ่มไทย2พ.ย.61-27ม.ค.62

https://www.matichon.co.th/publicize/news_1196037
คิงเพาเวอร์ควงวอลท์ดิสนีย์ฉลอง90ปีในไทย
โชว์พลังดูดทัวร์ไทย-อินเตอร์88วันบันทึกโลก

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gutourza #สวท97 #Kingpwer

คิง เพาเวอร์ ผนึกวอลท์ ดีสนีย์แบรนด์ดังระดับโลกจัดเมกะโปรเจ็กต์ “คิง เพาเวอร์ แอนด์ ดีสนีย์ เอนด์เลส เซเลเบรชั่นส์” แห่งแรกในเอเชีย สร้างความฮือฮาดึงตลาดท่องเที่ยวยุคใหม่ไทย-เทศ และพลิกสถานการณ์ทัวร์จีนกลับมาคึกคักอีกครั้ง ตลอดงาน 88 วัน “2 พ.ย.61-27 ม.ค.62” กับ 3 บิ๊กอีเวนต์บันลือโลก “ทำกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส” ชวนคนเกิดตรงกัน 1,928 คน เป่าเทียนฉลองวันเกิด 90  ปีมิคกี้ เมาส์ “คริสมาสต์-เคาน์ดาวน์” และ “งานวันเด็ก” กับเหล่าตัวการ์ตูนดัง ๆ



นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ได้จับมือกับ บริษัท เดอะ วอลท์ ดีสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยกเรื่องราวของดีสนีย์โลกมาไว้ในประเทศไทยในโอกาสเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่งานครบรอบ 90 ปี แห่งความมหัศจรรย์ของ มิคกี้ เม้าส์ โดยได้จัดทำโครงการ “คิง เพาเวอร์ แอนด์ ดีสนีย์ เอนด์เลส เซเลเบรชั่นส์” (King Power and Disney’s Endless Celebrations) เทศกาลความหมัศจรรย์ไม่มีที่สิ้นสุด รวม 88 วัน ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 – 27 มกราคม 2562 ณ ดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์  เพื่อสร้างปรากฎการณ์ใหม่ขึ้นในวงการร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยวของไทยให้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติ โดยเฉพาะการปลุกกระแสนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังลดลงให้หันกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้งอย่างคึกคัก

อีกทั้งยังมีความเชื่อมันใน วอลท์ ดีสนีย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกมีชื่อเสียงความแข็งแกร่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล ที่เข้ามาร่วมงานกับคิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์คนไทย ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะนำชื่อของประเทศไทยเผยแพร่ให้นานาชาติรู้จักถึงพลังธุรกิจคนไทย พร้อมก้าวไปสู่เวทีโลก



นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า แนวโน้มโครงการนี้จะสามารถดึงนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติหมุนเวียนเข้ามาร่วมกิจกรรมความสนุก ความบันเทิง และช้อปปิ้งทั้งภายในงาน ร้านค้าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ เพิ่มอีกวันละอย่างน้อย 3,000-5,000 คน ขณะนี้ได้หารือกับทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมบริหารจัดการทั้งทางด้านปริมาณจราจรคนเดินทาง รถบริการขนส่ง รอบพื้นที่ให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย

โดยได้วางแผนลงทุนเนรมิตพื้นที่รอบบริเวณคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้กลายเป็นเมืองดีสนีย์แห่งแรกในเอเชีย ด้วยการจัด 3 บิ๊กอีเวนต์ใหญ่ ได้แก่

อีเวนต์แรก  เริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้ จัดกิจกรรมฉลองวันเกิดมิคกี้ เมาส์ ทำบันทึกสถิติลง กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส (Guinness World Records) ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561  ด้วยการเชิญชวนคนเกิดเดือนพฤศจิกายน1,928 คน ร่วมเป่าเทียนวันเกิดพร้อมกัน 1,928 เล่ม



อีเวนต์ที่ 2 เดือนธันวาคม 2561 จัดกิจกรรมเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ข้ามคืนวันที่ 1 มกราคม 2562 กับตัวการ์ตูนของวอลต์ ดีสนีย์ สร้างความสุขให้ทั้งกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนานาชาติทุกเพศทุกวัยได้รับการคืนความสุขแบบครบวงจร

อีเวนต์ที่ 3 เดือนมกราคม 2562 จัดกิจกรรมวันเด็ก เปิดโอกาสให้เหล่าเยาวชนของชาติสนุกสนาน มีความสุขกับเหล่าการ์ตูนในความทรงจำของเด็ก ๆ ตลอดทั้งวัน

ภายในบริเวณได้ออกแบบและตกแต่งสถานที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชม ช็อป ชีล อย่างจุใจ โดยมีให้เลือกมากถึง 6 โซน ประกอบด้วย 1.โซน Celebration Express เป็นขบวนรถไฟมหาสนุกเคลื่อนไหวได้ 360 องศา 2.การ์เด้น ออฟ ดรีม สวนกลางถนนรางน้ำ 3.มิคกี้ แอนด์ เฟรนด์ส บูราวาร์ด จำลองบรรยากาศย่านการค้าที่ไปด้วยร้านค้าและกิจกรรมมากมาย  4.มิคกี้ ฮอลล์เวย์ เป็นผนังอินเตอร์ แอคทีพ ที่มีการแสดงภาพกราฟฟิกน่ารัก ๆ และจอเล่นเกมได้ 5.เมกาสโตร์ พบกับโซนมหกรรมสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชั่นพิเศษจากดีสนีย์ 6.มิคกี้ แกลเลอรี่ นิทรรศการศิลปะสนุกสุดแนวในเชื่อ “ขอต้อนรับมิคกี้สู่ประเทศไทย” แต่ละโซนนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่



ตลอดการจัดงาน 88 วัน ทางคิง เพาเวอร์ ได้นำผลิตภัณฑ์สินค้าอันมเป็นสัญลักษณ์เฉพาะที่จัดทำขึ้นในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก คือ มิกกี้ เมาส์ สวัสดี รวมทั้งได้นำผ้าขาวม้าไทยมาเป็นชุดแต่งกายตุ๊กตามิกกี้ เมาส์ ในแต่ละเวอร์ชั่น สะท้อนความเป็นไทยสู่สายตาคนทั่วโลก รวมทั้งนำเสนอคอลเลกชั่นสินค้าเกี่ยวกับมิคกี้ เม้าส์ และการ์ตูนต่าง ๆ ของดีสนีย์ อาทิ ตุ๊กตา เครื่องสำอาง กระเป๋า ของชำร่วยต่าง ๆ ทำให้กิจกรรมสนุก สร้างรอยยิ้มให้ชาวไทยและแขกผู้มาเยือนประเทศไทยมีความสุขตลอดทุกการเดินทาง

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์และผู้เขียน

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ททท.อัดบิ๊กแคมเปญ Passport Sale 2018 กู้ตลาดทัวร์จีน 3เดือนท้ายปี61

อัดแคมเปญPassport Saleดึงแบรนด์โลกลดมโหฬาร

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #tatcsr
อ่านได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1194298


ผู้นำ ททท.ลุยผ่าตัดใหญ่ตลาดจีนหดตัว ลั่น 3 เดือนสุดท้าย ต้องได้อีก 1.5 ล้านคน จับมือสมาคมค้าปลีกไทย งัดใช้แคมเปญเด็ด “Passport Sale 2018” ระดมแบรนด์โลกลดกระหน่ำเพิ่มขั้นต่ำ 14 % หวังปลุกจีนแห่ช็อประยะเร่งด่วน 15 พ.ย.15 ธ.ค.นี้ ควบทำสารพัดโปรเจ็กต์ดึงต่างชาติใช้เงิน และคนไทยเที่ยวโค้งสุดท้าย ผนึก SET ผุดโปรเจ็กต์ Local Life & Learn รณรงค์ 700 บริษัทจดทะเบียนแห่เที่ยวชุมชน 55 เมืองรอง



ดร.ยุทศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าแก้วิกฤตตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ระหว่าง ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ได้ให้สำนักงาน ททท.สาธารณรัฐประชาชนจีน 5 แห่ง  ระดมอัดแคมเปญระยะสั้นนำเข้านักท่องเที่ยวจีนมาให้ได้เพิ่มอีก 1.5 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 5 แสนคน ซึ่งจใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 50,000 บาท/ทริป จะทำให้ตลอดปีนี้จะมีจำนวนเป็นไปตามเป้าประมาณ 10.5 ล้านคน  ควบคู่กับการทำกลยุทธ์ระยะเร่งด่วนนำเข้าตลาดกลุ่มประเทศในรัศมีการบินมาไทยไม่เกิน 6 ชั่วโมง จากทั้งภูมิภาคอาเซียนและเอเชียเพิ่มจากปกติอีก 5 แสนคน

โดยททท. มีไฮไลต์เตรียมจับมือกับสมาคมค้าปลีกไทย ทำแคมเปญ Passport Sale 2018 ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 2561 เพียงแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติโชว์พาสปอร์ตกับห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวที่กำลังประสบปัญหาตลาดจีนหายไป อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ก็รับไปเลยทันทีส่วนลดขั้นต่ำในการช้อปปิ้ง 14 % เป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม % บวก ส่วนลด 7 % และจัด Top Thailand Brand Sale นำสินค้าไทยแลนด์แบรนด์ยอดนิยมจากชุมชนเมืองรองทั่วประเทศ มาร่วมขายด้วย รวมทั้งตลาดในประเทศก็ต้องเร่งทำกิจกรรมกระตุ้นทุกจังหวัด โดยเล็งจัดยิ่งใหญ่เคาน์ดาวน์ 5 เมืองรอง ลำพูน นครพนม จันทบุรี สตูล ราชบุรี



ขณะนี้การจัดทำโครงการ Passport Sale 2018 ททท.กำลังหารือกับกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก อาทิ Prada, Cucci และอีกมากมาย เข้าร่วมโครงการเพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นรายได้เข้าประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะเร่งด่วน เข้ามาเสริมสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากขณะนี้กระทรวงพานิชย์เองเพิ่งแถลงตัวเลขส่งออกติดลบถึง 19 % ดังนั้นจึงต้องขอให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วยกันรักษารายได้ไว้ให้มากที่สุดโดยเฉพาะปี 2561 ต้องได้ตามเป้าประมาณ 3 ล้านล้านบาท และปี 2562 จะต้องได้ 3.4 ล้านล้านบาท

“รวมถึงได้มอบหมายให้ ททท.สำนักงานในประเทศตามพื้นที่รอยต่อชายแดน จัดทำโครงการ Grand Sale Dine & Fine 2018 ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ นำสินค้าโอท็อปในทุกหมวดมาจัดมหกรรมการขาย เพื่อกระตุ้นรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวตามตะเข็บชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเที่ยวพร้อมใช้เงินช็อปปิ้งสินค้าสร้างความคึกคักอีกช่องทาง”

ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่าการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ซึ่งเข้ามาปีละเกือบ 10 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งหมด ตอนนี้ตลาดจีนมาไทยลดลงอย่างฉับพลันเหลือขั้นต่ำ 10 % นั้น เกิดจากอารมณ์ ความรู้สึก ผนวกปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศจีนชะลอตัว ทางรัฐบาลจีนเองก็มีแคมเปญออกมารณรงค์ให้จีนเที่ยวในประเทศมากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยท้าทายอย่างมากของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะต้องร่วมมือกันในทุกช่องทาง

โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งหมด นำโดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) ประชุมหารือกันไปพร้อมทั้งรับปากเรียบร้อยแล้วที่จะต้องนำกฎ 12 ข้อมาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระบบการให้บริการคมนาคมขนส่ง และการจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาโดยเร็วที่สุด



หลังจากออกแคมเปญกระตุ้นแรง ๆ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้แล้ว จากนั้น ททท.จะรอดูผลลัพธ์ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า ช่วงตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2652 หากสถานการณ์ตลาดจีนยังไม่ฟื้นกลับมาในทางที่ดีขึ้น ก็จะอัดแคมเปญต่ออีกระยะก่อนถึงเดือนเมษายน 2562 อีกครั้ง

ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า ททท.ภายในวันพฤหัสที่ 25 ตุลาคม 2561 จะนำมาตรการเยียวยาและแก้ปัญหาทัวร์จีนลดลง เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) โดยมีเรื่องรายละเอียดของการพิจารณายกเว้นค่าธรรมการทำ VISA On Arrival : VOA ผนวกเข้าไว้ด้วย เพราะจะไม่ำด้ยกเว้นให้ระยะสั้น ๆ เฉพาะจีน แต่แนวโน้มไทยจะให้ทั้งหมด 21 ประเทศ แต่ก็ต้องทำข้อศึกษาถึงรายได้ของกระทรวงการต่างประเทศของไทย กับประเมินเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาตามโครงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าดังกล่าว ซึ่งภายในวันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2561 นี้ ก็จะนำเรื่องทั้งหมด้ข้าหารือในระดับรัฐยาลกับ ดร.วีระศักด์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อสรุปความชัดเจนทั้งหมด ก่อนจะให้ ททท.นำมาตรการท่องเที่ยวประกาศใช้อย่างเป็นทางซึ่งจะเรียกว่าเป็นน้ำใจจากประเทศไทยมอบให้กับนักท่องเที่ยวนานาชาติต่อไป



ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ได้นำทีมเครือข่ายพันธมิตร เปิดโครงการ “Local Life & Learn” ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีสมาชิกบริษัทจดทะเบียนอยู่กว่า 700 บริษัท เดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและเมืองรอง เพิ่มรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลแพ็กเกจการทำ CSR ระหว่างองค์กรและชุมชน และกระตุ้นกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างความยั่งยืน CSR in The Local โดยเน้นกลุ่มตลาด Group FIT, MICE จัดประชุม สัมมนาและการจัดกิจกรรม CSR ในชุมชนและเมืองรอง ผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจริงในเมืองรองและทำกิขกรรม CSR อย่างเป็นรูปธรรม ตอบโจทย์การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้วยต้นแบบโมเดล “TAT 360° รู้รอบตัว ใส่ใจรอบด้าน” ภายใต้บริบทหน่วยงานที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

 ในโครงการ Local Life & Learn นั้น ททท.นำร่องเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย

1.แพกเกจชวนไปท่องเที่ยวชุมชนและเมืองรอง ทั้ง SDGs Education Package ที่ชวนคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามข้อตกลง SDGs, Growing Package ช่วยเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรในด้านต่าง ๆ หรือ Village Route & Homestay แพ็กเกจการท่องเที่ยวชุมชน และที่พักโฮมสเตย์ที่แบ่งไปตามทั่วทุกภูมิภาคขอไทย

2. Thailand Local Giving แผนผนวกยุทธศาสตร์สร้างส่วนร่วม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพของชุมชน โดยผู้ที่สนใจท่องเที่ยวสไตล์ชุมชน สามารถเข้ามาเลือกซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวได้ผ่านทางในเว็บไซต์ Amazing Thailand Go Local

3. ขยะให้โชค อีกกิจกรรมดีๆ ที่ ททท. ใส่ใจและเล็งให้เห็นความสำคัญกับการกำจัดขยะ สามารถแยกขยะให้ถูกวิธี และสร้างให้เห็นว่าขยะในมือของคุณ สามารถจะนำไปสร้างสังคม ก่อประโยชน์ให้ชุมชนได้อีกทาง รวมถึงการรณรงค์ให้เกิด การ up cycling นำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยจะมีอุโมงค์ขยะ จำนวน 12 จุด ตามสำนักงานททท. ทั่วประเทศ

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

กรุงเทพฯติดเมืองทำเงินท่องเที่ยว1ใน10ของโลกปี61-WTTCยกให้เป็นมหานครเศรษฐกิจดาวรุ่ง

กรุงเทพฯคว้ารายได้ท่องเที่ยวทำจีดีพี1ใน10ของโลก
WTTCเปิดผลสำรวจเศรษฐกิจเมืองใหญ่ครึ่งปี'61คึกคัก

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน  #สวท97

สภาท่องเที่ยวโลก เปิดผลสำรวจ “กรุงเทพฯ” ติด 1 ใน 10 เมืองสร้างรายได้ท่องเที่ยวของโลก สร้างงานมากสุดในรอบครึ่งปีแรก 2561

กลอเรีย เกวารา ประธานและซีอีโอ สภาการท่องเที่ยวโลกและการท่องเที่ยว (WTTC) กล่าวว่า WTTC ได้เผยแพร่รายงานประจำปีในงานฟอรั่ม ผู้นำเอเชีย WTTC ณ มาเก๊า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561   โดยเปิดผลรายงานครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดในโลก  72 เมือง ที่มีศักยภาพสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องตลอดช่วง 6 เดือนปี 2561 มียอดรวมกันในสัดส่วนของGDP สูงถึง 24.3% ของการท่องเที่ยวทั่วโลก



ประกอบด้วยเมืองชั้นนำทางการท่องเที่ยวของโลก 10 อันดับแรก ที่มีขนาดของตลาดการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศและ GDP ของโลก ได้แก่

1. เซี่ยงไฮ้ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.  ปักกิ่ง 32,500  ล้านเหรียญสหรัฐ
3. ปารีส 28,000  ล้านเหรียญสหรัฐ
4. โอร์ลานโด 24,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. นิยอร์ก 24,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
6. โตเกียว  21,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
7. กรุงเทพ 21,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
8. 8.เม็กซิโกซิตี้ 19,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
9. 9.ลาสเวกัส 19,500  ล้านเหรียญสหรัฐ
10. 10.เซินเจิ้น 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนเมืองชั้นนำของโลกยังสามารถครองตำแหน่งของการสร้างงานเติบโตมากขึ้น ได้แก่ : จาการ์ตา, ปักกิ่ง, เม็กซิโกซิตี้, เซี่ยงไฮ้, กรุงเทพ, ฉงชิ่ง, นิวเดลี, มุมไบ, โฮจิมินห์ (ไซ่ง่อน) และเซินเจิ้น



ประธานและซีอีอ WTTC กล่าวว่า ในจำนวน 54% ของประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเมืองกลายเป็นฮับเศรษฐกิจโลกผลักดันการเติบโตและนวัตกรรมได้ดึงดูดผู้คนจำนวนมากที่เดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมการทำธุรกิจและการใช้ชีวิต การเติบโตนี้ยังส่งผลให้การท่องเที่ยวในเมืองเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นแนวโน้มคาดว่าจะยังคงรักษาแรง รายงานของ WTTC จึงชี้ให้เห็นถึงความสำคัญสำคัญของเมืองที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลกและความสำคัญของภาคธุรกิจนี้เป็นอย่างไร กว่าครึ่งพันล้านทริปไปถึงเมืองเป็นประจำทุกปีคิดเป็น 45% ของการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลก

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ททท.สิงคโปร์รุกเทรนด์3ตลาดมาแรงปี62 MOUสิงคโปร์แอร์ไลนโกยรายได้เข้าไทย5.5หมื่นล้าน

ททท.สิงคโปร์รุกเทรนด์ใหม่3ตลาดมาแรงโกยเงินปี’62
ผนึกสิงคโปร์แอร์เพิ่มรายได้-ทัวร์คุณภาพ5.5หมื่นล้าน

อ่านได้ใน มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1190880

ททท.สิงคโปร์ลุยปั๊มรายได้ปี’62 เข้าไทย 5.5 หมื่นล้านบาท พักเจาะ 3 กลุ่มมาแรง “กอล์ฟ-สูงวัย-เจน M” ชูโมเดลเพิ่มยอดใช้จ่าย ขยายวันพัก เที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน จ่อ MOU สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กวาดลูกค้าทั่วโลกเที่ยวต่อในชุมชนทั่วไทย

ขจรเดช อภิชาติตรากุล
 ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
 สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์


นายขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ปี 2562 วางกลยุทธ์เชิงรุกแผนเจาะตลาดสิงคโปร์ลูกค้าเก่าแก่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไทยนำเงินเข้ามาใช้จ่ายกระจายตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศปีละกว่า 50,000 ล้านบาท ปีหน้าอาจจะทำรายได้ถึง 55,000 ล้านบาท โดยจะเร่งเดินหน้าเพิ่มความเข้มข้น 2 เรื่องหลัก คือ เพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวและเน้นเจาะตลาดกลุ่มคุณภาพสูง ประกอบด้วย 3 กลุ่มโดดเด่น คือ 1.นักกอล์ฟมีผู้เล่นกว่า 250,000 คน 2.ผู้สูงวัยทั้งกลุ่มเกษียนและมีรายได้สูง 3.กลุ่มนักศึกษา คนรุ่นใหม่ หรือ Millenials Generation เจน M เพื่อกระตุ้นให้มาเที่ยวไทยต่อเนื่องเกินปีละ 1 ล้านคนขึ้นไป ซึ่งขณะนี้มีเที่ยวบิน ไป-กลับ สิงคโปร์-ไทย กว่า -350 เที่ยว/สัปดาห์

ระหว่างงาน ITB ASIA 2018 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ยังได้ร่วมคณะกับนายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท.พบปะผู้บริหารสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เครือข่ายพันธมิตร เพื่อหารือเรื่องเตรียมลงนาม Memorandum of Understand : MOU ต่อครั้งที่ 2 ในการร่วมมือกันนำนักท่องเที่ยวนานาประเทศที่บินกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เดินทางเข้าไทยเพิ่มปี 2562-2563 โดยเมื่อปี 2561 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้ทำเอ็มโอยูครั้งแรกไปแล้ว

ประโยชน์ที่จะได้จากการร่วมมือกับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ซึ่งมีสายการบินในเครืออีก 2 แอร์ไลน์ส ได้แก่ ซิลค์แอร์ และสกู๊ต  มีเที่ยวบินจากสิงคโปร์ตรงเข้า 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต หาดใหญ่ (สงขลา) สมุย (สุราษฎร์ธานี) ททท.พยายามเลือกเส้นทางไม่ให้ทับการบินไทย ทุกฝ่ายจะได้วิน วิน โดยยังมีส่วนแบ่งการตลาดนานาชาติในสิงคโปร์อีกกว่า 20 % พร้อมบินต่อมาเที่ยวเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย และพื้นที่ใหม่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลตะวันออก ( Eastern Economic Corridor : EEC)  กระจายรายได้สู่เมืองผลไม้ ระยอง จันทบุรี ตราด

สำหรับการหารือเบื้องต้นระหว่าง ททท.กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 มี 4 เรื่อง ดังนี้

เรื่องที่ 1 ทำกิจกรรมการตลาดนำผู้โดยสารจากตลาดทั่วโลกในเครือข่ายที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ให้บริการทั้งจาก เอเชียใต้ในตลาดใหญ่อย่างอินเดีย และแปซิฟิกใต้ 2 ประเทศหลัก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และกลุ่มตลาดศักยภาพอื่น ๆ

เรื่องที่ 2 ททท.สำนักงานสิงคโปร์ จะเร่งทบทวนแผนการตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส พร้อมจะส่งต่อให้ไทย

ทั้ง 2 เรื่องแรกนี้ทางฝ่ายสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส กับ ททท.สิงคโปร์ จะนำกลับไประมวลรายละเอียด เพื่อวางแผนทำงานเชิงรุกในตลาดเป้าหมายให้สอดคล้องกัน จากนั้น ททท.ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ จะสรุปแผนงานโครงการเสนอผู้บริหารให้แล้วเสร็จภายสิ้นปี 2561

เรื่องที่ 3 เสนอสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส เปิดบินตรงเส้นทางใหม่ ไป-กลับ สิงคโปร์-อู่ตะเภา เพิ่มเที่ยวบินตรงสู่เชียงใหม่

เรื่องที่ 4 ททท.เตรียมจัดแฟมทริปนำตัวแทนของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ช่วงต้นปี 2562 ให้เข้ามาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภาคตะวันออกทั้งหมด



นายขจรเดชย้ำว่า ในภาพใหญ่ปี 2562 จะโปรโมตจุดขายแหล่งท่องเที่ยวไทยในสิงคโปร์ตามแคมเปญ Go Local สร้างประสบการณ์เดินทางกระจายสู่ชุมชน 55 เมืองรอง 22 เมืองหลัก พัฒนาตลาดเที่ยวเมืองไทยให้ครอบคลุมทั้ง 5 เรื่อง ได้แก่ 1.เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ 2.เพิ่มรายได้และขยายวันพัก 3.ขยายพื้นที่ท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง 4.ปลุกจิตสำนึกการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ : Responsibilty Tourism เนื่องจากพฤติกรรมของชาวสิงคโปร์นิยมท่องเที่ยวพร้อมกับนำอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์เข้ามาบริจาคช่วยเหลือดูแลชุมชนสังคมระหว่างเดินทางในไทย 5.สร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามกระแสโลกปัจจุบันและอนาคต

“สถิติปี 2561 ชาวสิงคโปร์เดินทางเที่ยวเมืองไทยทะลุ 1 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งสิงคโปร์ ซึ่งบนเกาะมีชาวสิงคโปร์ราว 2 ล้านคน กับกลุ่มผู้พำนักอาศัยอีก 1.2 ล้านคน การเจาะกลุ่มเป้าหมายตลาดนักกอล์ฟ ซึ่งมีรายได้และสามารถใช้จ่ายเงินมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 2 เท่า โดยมีจำนวนนักกอล์ฟทั่วสิงคโปร์กว่า 2.5 แสนราย เลือกใช้สนามกอล์ฟทั่วไทยตามเมืองรองเล็ก ๆ ดึงดูดนักกอล์ฟหลายจังหวัดที่ยังไม่เคยเดินทางเข้าไป

ผลจากการโปรโมตท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ขณะนี้ทำให้มีนักกอล์ฟหญิงสิงคโปร์ กับครอบครัว และเยาวชน หันมาให้ความสนใจเล่นกอล์ฟด้วย จึงได้ตลาดครอบครัวพ่วงเข้ามาด้วย นับเป็นกระแสมาแรงในตลาดสิงคโปร์ต่อเนื่องปี 2561-2562 สามารถขายเมืองรองในไทยเพิ่มวันพักมากขึ้นได้ เช่น นครนายก ลพบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี มีสนามกอล์ฟที่ดีรองรับ เป็นทางเลือกใหม่ของนักกอล์ฟจะได้เล่นสนามดี ๆ ส่วนครอบครัวก็เลือกพักรีสอร์ตเก๋ ๆ ชมไร่ไวน์ สวนผลไม้ภาคตะวันออกได้”  

นายขจรเดชกล่าวว่าปี 2561 นักท่องเที่ยวสิงคโปร์จะเดินทางเข้าไทยครบ 1 ล้านคน จึงได้ทำโครงการ “Dear Singaporien Thanks A Million” ซึ่งริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2560 ปูพรมโหมกระแสการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ในสิงคโปร์เพิ่มความสัมพันธ์ 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น โดยเปิดตัวโครงการ Thanks A Million ต่อเนื่อง 4 เดือนระหว่างสิงหาคม-ธันวาคม 2561 ด้วยเป้าหมายสำคัญ คือ 1.ขอบคุณชาวสิงคโปร์ในการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย และช่วยประชาสัมพันธ์ไปยังครอบครัว  2.ช่วยขยายโปรดักซ์ใหม่ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ที่มาเป็นประจำทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ท่องเที่ยวไปยังชุมชน ประสบการณ์อาหารถิ่น ททท.สิงคโปร์ ทยอยนำเสนอเข้าไปยังกลุ่มต่าง ๆ ทั่วสิงคโปร์

3.สร้างเครือข่ายพันธมิตรและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว อีกทั้งได้เชื่อมโยงเข้าไปยังสายการบินตอบรับเข้าโครงการดังกล่าว ที่ผ่านมามี 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย บางกอก แอร์เวย์ส แอร์ เอเชีย สนับสนุนเทั้งของรางวัล ตั๋วเครื่องบิน มากมาย และกลุ่มเรือสำราญ ครุยส์ แคริเบียน เดินทางจากสิงคโปร์มาภูเก็ตก็เข้าร่วมด้วย



ส่วน ททท.สิงคโปร์ ได้สนับสนุนบัตร บีทีเอส คูปองซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมบัตรฟรีนวดแผนไทยตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นกลยุทธ์สร้าง CRM-Customer Relationship Management ช่วงสิงหาคม-ตุลาคม 2561 นักท่องเที่ยวได้รับสิทธิประโยชน์ ของรางวัล ของแถม เป็นการขอบคุณจากเมืองไทย

ไฮไลต์เดือนธันวาคม 2561 นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เข้าไทยจะครบ 1 ล้านคน อีกครั้ง จึงได้หารือกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้สุวรรณภูมิ ทำกิจกรรมฉลองและต้อนรับนักท่องเที่ยวสิงคโปร์คนที่ 1 ล้าน พร้อมมอบรางวัลตั๋วเครื่องบินกับสิทธิประโยชน์มากมาย และได้หารือกับผู้บริหารเพื่อมอบบัตรอีลิตการ์ดมูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อกระชับความสัมพันธ์สร้างความประทับใจทำให้ชาวสิงคโปร์เดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป

โครงการแจกบัตรอีลิตการ์ดกับนักท่องเที่ยวสิงคโปร์คนที่ 1 ล้านนั้น อยู่ในขั้นตอนการหารือจะสรุปได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่ประโยชน์จะเกิดต่อเนื่องในอนาคตนั้นมีมหาศาลกับการเพิ่มรายได้จากตลาดสิงคโปร์



ขณะเดียวกันปี 2562 ททท.สิงคโปร์ จะเดินหน้าสร้างความสำเร็จทางการตลาดด้วยศักยภาพไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของสิงคโปร์ ดังนั้นจะเร่งเพิ่มจุดขายแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง ควบคู่การหาลูกค้าใหม่ ๆ ภายใต้ 2 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

กลยุทธ์แรก เจาะกลุ่มผู้สูงวัย Active Senior ซึ่งเคยเดินทางเข้าไทยคนละ 4-5 ครั้ง ต้องเสนอขายโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง มีเวลาว่าง ไม่มีความกังวลเรื่องรายได้

กลยุทธ์ที่สอง กลุ่มเดินทางครั้งแรก First Visit เล็งกลุ่ม GEN M โดยเตรียมหารือแยกเป็น 2 ทาง ได้แก่

 1.จับมือกับทางสถาบันการศึกษาในระบบ และกระทรวงการศึกษาของสิงคโปร์ เพื่อให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ นำนักศึกษาเดินทางเข้ามาทำ Educational Trip รวมถึงการเรียนการสอนนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งเมืองไทยมีความพร้อมสูง

2.กลุ่มการศึกษานอกระบบ กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนมีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งติดเทรนด์ใหม่ ๆ ในกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีโปรดักซ์ใหม่เกิดอยู่ตลอดทั้งร้านอาหารบนเปิดโล่งบน Roof Top คาเฟ่ธีมแปลก ๆ อาหารเก๋ ๆ ร้านเค้ก ร้านกาแฟ ดึงดูดเจน M ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกลุ่มส่งต่อข้อมูลให้เพื่อนฝูงและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

ททท.จะทำให้นักท่องเที่ยวสิงคโปร์เป็นโมเดลตลาดต้นแบบของทั่วโลกที่เดินทางเข้าเมืองไทยในปี 2562 พัฒนาตลาดท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพิ่มรายได้และวันพัก นำไปสู่การวางระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ผู้เขียนและคอลัมนิส์ท่องเที่ยว


วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ททท.ผ่าแผนเจาะสิงคโปร์ปี62โกยเงิน5.5หมื่นล้าน-ดึงอีลิตการ์ดแจก1ล้านคนที่ล้าน

ททท.สิงคโปร์ผ่าตลาดเทรนด์แรงปี’62โกยเงิน5.5หมื่นล้าน
ลุย“กอล์ฟ-สูงวัย-เจนM”อีลิตจ่อแจกล้านบาทคนที่ล้านธ.ค.
คิงเพาเวอร์ต้อนรับวินเตอร์ระดมน้ำหอมให้ช้อป6แบรนด์โลก
ททท.ผุดHell Tasteนำร่อง10เส้นทางทัวร์อาหาร 6จังหวัด
บางจากชวนปั่นพิชิตแก่นมะกรูด/จ.อุทัยร่วมสร้างสุข11พ.ย.
ทอท.เท 400 ล้านตั้งบริษัทใหม่บริการภาคพื้นทุกสนามบิน
ออกไปเที่ยวล้านนามุมใหม่สัมผัสความต่าง5ชุมชน4จังหวัด
เคล็ดลับดูแลสุขภาพจากภายในอย่างไรไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
แควนตัสบูมแคมเปญสุขภาพ  Fly Pink ระดมเงินแก้มะเร็ง
โรงแรมแชงกรี-ล่ากรุงเทพฯคว้าบริการเยี่ยมอันดับ6 โลก
สุขสมในเมกะโปรเจ็กต์ไอคอนสยามลั่นดึงเที่ยว22ล้านคน
อควาบาร์ อนันตราสยามจัดเต็มปาร์ตี้ฮาโลวีน 31 ต.ค.นี้

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97


ช่วงที่ 1 เกาะติดนักบริหารท่องเที่ยวมืออาชีพ “ขจรเดชขจรเดช อภิชาติตรากุล” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ จะมา “ผ่าแผนการตลาดปี 2562” นำนักท่องเที่ยวคุณภาพสิงคโปร์ ที่มีเงิน มีงาน มีความรู้ 3 กลุ่มใหม่มาแรง “นักกอล์ฟ-ผู้สูงวัย-เจน M” เข้ามาปิดช่องว่างได้ทั้ง 5 ด้าน “นักท่องเที่ยวคุณภาพ-เพิ่มรายได้และวันพัก-ขยายฐานเที่ยวชุมชน/เมืองรอง-ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม-สร้างการท่องเที่ยวยั่งยืน” เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเกรดเอจากสิงคโปร์เข้าปีละกว่า 1 ล้านคน นำเม็ดเงินกว่า 55,000 ล้านบาท หลั่งไหลเข้ามาสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืน ในชุมชน เมืองรอง ทั่วประเทศ เดือนธันวาคม 2561 เตรียมฉลองด้วยการแจกบัตรอีลิตการ์ด มูลค่า 1 ล้านบาท ให้กับนักท่องเที่ยวสิงคโปร์คนที่ 1 ล้าน สิ่งที่ให้ต่อไปการท่องเที่ยวไทยจะยิ่งได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าทวีคูณ

ขจรเดช อภิชาติตรากุล
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์


นายขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ปี 2562 วางกลยุทธ์เชิงรุกแผนเจาะตลาดสิงคโปร์ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าแก่ชื่นชอบเดินทางท่องเที่ยว ขณะนี้นำรายได้เข้าไปกระจายตามเมืองท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ใช้จ่ายเฉลี่ย 42,000 บาท/คน/ทริป ไม่รวมกับกลุ่มนักกอล์ฟและผู้สูงวัยซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังขยายฐานเพิ่มปีหน้าพร้อมใช้จ่ายเงินมากกว่าตลาดปกติ 2 เท่า ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ปีต่อไปรายได้จะไปถึง 55,000 ล้านบาท รวมถึงจะเป็นประโยชน์กับสถานที่ท่องเที่ยวชุมชน เมืองรอง และการสร้างประสบการณ์ตามแคมเปญ Go Local อีกทั้งยังเป็นกลุ่มสำคัญขับเคลื่อนซีเอสอาร์ พร้อมทั้งการให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งการมอบอุปกรณ์กีฬา การศึกษา และทำด้านจิตอาสา นำไปสู่การพัฒนาตลาดท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2562 ททท.ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าร่วมมหกรรมขายการท่องเที่ยวรายการใหญ่ระดับโลก ITB ASIA 2018 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีตัวแทนผู้ซื้อการท่องเที่ยวจากทั่วโลกสนใจจับคู่เจรจาธุรกิจกับไทย โดยเฉพาะสิงคโปร์ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้



ส่วนสถิติปี 2561 ชาวสิงคโปร์เดินทางเที่ยวเมืองไทยจำนวนทะลุ 1 ล้านคน ต่อเนื่องมากตั้งแต่ปี 2560 จากประชากรบนเกาะซึ่งมีทั้งชาวสิงคโปร์กว่า 2 ล้านคน และกลุ่มผู้พำนักอยู่ 1.2 ล้านคน โดยปีหน้าสิงคโปร์เป็นตลาดที่มีความมั่นคงทางด้านการเติบโตอย่างโดดเด่นชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นคือค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเมืองไทยค่อนข้างสูง จึงจะเร่งเดินหน้าทำเรื่องที่เป็นหัวใจหลักในการนำนักท่องเที่ยวสิงคโปร์เข้าไทยด้วย 2 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.เพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยว 2.เน้นตลาดคุณภาพสูง

แนวทางแรก เร่งเพิ่มค่าใช้จ่าย วางรากฐานเจาะกลุ่มเป้าหมายพอสมควรแล้ว จากตลาดนักกอล์ฟ ซึ่งมีรายได้และสามารถใช้จ่ายเงินมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 2 เท่า โดยมีจำนวนนักกอล์ฟทั่วสิงคโปร์กว่า 2.5 แสนราย เตรียมเข้าถึงให้ได้มากสุดด้วยการใช้สนามกอล์ฟทั่วไทยตามเมืองรองเล็ก ๆ เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักกอล์ฟหลายจังหวัดที่ยังไม่เคยเดินทางเข้าไป

ผลพวงจากการโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ ขณะนี้ทำให้มีนักกอล์ฟหญิงสิงคโปร์ ครอบครัว เยาวชน หันมาให้ความสนใจเล่นกอล์ฟด้วย จึงได้ตลาด “ครอบครัว” พ่วงเข้ามาด้วย นับเป็นกระแสมาแรงในตลาดสิงคโปร์ต่อเนื่องปี 2561 และ 2562 ซึ่งจะเป็นตลาดคุณภาพกลุ่มนักกอล์ฟ ครอบครัว เชื่อมโยงในการขายเมืองรองของไทย ถึงจำนวนจะไม่มากแต่ก็มีบทบาทสำคัญไปยังการขยายวันพักเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว Hidden Gems ของไทย อาทิ นครนายก ลพบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี ล้วนแล้วแต่มีสนามกอล์ฟซึ่งมีจุดขายที่ดี เดินทางเข้ามาทำการตลาดมากขึ้น เป็นทางเลือกใหม่ของกอล์ฟได้เล่นสนามดี ๆ ส่วนครอบครัวก็สามารถพักรีสอร์ตเก๋ ๆ ชมไร่ไวน์ สวนผลไม้ภาคตะวันออก โดยสรุปกอล์ฟจะเป็นแม่เหล็กนำกลุ่มกอล์ฟและครอบครัว หลั่งไหลเข้ามาในฐานะตลาดคุณภาพโดยได้ทั้งจำนวนคนและรายได้สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป

นายขจรเดช กล่าวว่า ปี 2561 มีแนวโน้มนักท่องเที่ยวสิงคโปร์จะเดินทางเข้าไทยครบ 1 ล้านคน จึงได้จัดทำโครงการ “Dear Singaporien Thanks A Million” เป็นโครงการของ ททท.สิงคโปร์ริเริ่มทำขึ้นตั้งแต่ปี 2560 เป็นกระแสประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในสิงคโปร์ให้ทั้งสองประเทศกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 ได้ทำ Thanks A Million ในระยะเวลา 4 เดือน สิงหาคม-ธันวาคม 2561 โดยมีหัวใจสำคัญ ๆ คือ



 1.ขอบคุณชาวสิงคโปร์ในการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย และช่วยประชาสัมพันธ์ไปยังครอบครัว

2.ช่วยขยายโปรดักซ์ใหม่ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาเป็นประจำทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ขณะนี้ได้ขยายพื้นที่ท่องเที่ยวไปยังชุมชน ประสบการณ์อาหารถิ่น ททท.สิงคโปร์ ทยอยนำเสนอเข้าไปยังกลุ่มต่าง ๆ ทั่วสิงคโปร์


3.สร้างเครือข่ายพันธมิตรและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว อีกทั้งได้เชื่อมโยงเข้าไปยังสายการบินตอบรับเข้าโครงการดังกล่าว ที่ผ่านมามี 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย บางกอก แอร์เวย์ส แอร์ เอเชีย สนับสนุนเต็มที่ ทั้งของรางวัล ตั๋วเครื่องบิน มากมาย และกลุ่มเรือสำราญ ครุยส์ แคริเบียน เดินทางจากสิงคโปร์ ไปภูเก็ต ก็เข้าร่วมด้วย ลูกค้าก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย

ขณะเดียวกัน ททท.สิงคโปร์ ได้สนับสนุนบัตร บีทีเอส คูปองซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมด้วยบัตรฟรีนวดแผนไทยตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นกลยุทธ์การสร้าง CRM-Customer Relationship Management ตั้งแต่สิงหาคม-ตุลาคม นี้ นักท่องเที่ยวได้รับสิทธิประโยชน์ ของรางวัล ของแถม เป็นการขอบคุณจากเมืองไทย

ส่วนเหตุการณ์สำคัญที่สุดในเดือนธันวาคม 2561 ตัวเลขนักท่องเที่ยวสิงคโปร์เข้าไทยจะครบ 1 ล้านคน อีกครั้ง ดังนั้น ททท.ได้หารือกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำกิจกรรมเฉลิมฉลองต้อนรับนักท่องเที่ยวสิงคโปร์คนที่ 1 ล้าน ก็จะได้รับรางวัล ตั๋วเครื่องบินพร้อมสิทธิประโยชน์ โดย ททท.กับพันธมิตรพร้อมให้ ที่ผ่านมาคุยกันที่จะมอบเป็น “อีลิตการ์ด” มูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อกระชับความสัมพันธ์ความประทับใจที่จะทำให้ชาวสิงคโปร์เดินทางเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป



สำหรับการแจกบัตรอีลิตการ์ดนั้น อยู่ในขั้นตอนการหารือจะสรุปได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่ประโยชน์ที่จะเกิดต่อเนื่องในอนาคตนั้นมีมหาศาลกับการเพิ่มรายได้จากตลาดสิงคโปร์

ผอ.ททท.สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ล่าสุดยังเตรียมเจรจากับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ซึ่งพร้อมจะบินตรงไปยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญในไทย ทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย นอกเหนือจากกรุงเทพฯ โดยเมื่อปี 2561 ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้ลงนามเอ็มโอยูกับทางสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ทำโปรโมชั่น มอบสิทธิพิเศษ กระตุ้นกำลังซื้อเข้าสู่ 4 จังหวัดหลัก จากนั้นปี 2562 จะขยายผลโครงการนี้ต่อเนื่องให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น หารือกันอย่างชัดเจนในการนำพื้นที่อื่น ๆ ทั้ง เอเชียอย่างอินเดีย และแปซิฟิกใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สนับสนุนนอกเหนือจากชาวสิงคโปร์


ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าสร้างความสำเร็จทางการตลาดปี 2562 ด้วยศักยภาพไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของสิงคโปร์ ดังนั้นจึงจะมุ่งเน้นเร่งขยาย 1.แหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง 2.การหาลูกค้าใหม่ ๆ ภายใต้ 2 กลยุทธ์หลัก กลยุทธ์แรก เจาะกลุ่มผู้สูงวัย Active Senior ซึ่งเคยเดินทางเข้าไทยคนละ 4-5 ครั้ง จึงต้องมุ่งนำเสนอโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง มีเวลาว่าง ไม่มีความกังวลเรื่องรายได้ แล้วยังแอคทีพ กลยุทธ์ที่สอง กลุ่มเดินทางครั้งแรก First Visit เล็กกลุ่มวัยรุ่นหรือ millanial เรียกว่า GEN M ขณะนี้กำลังเตรียมหารือแยกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่



1.จะร่วมกับทางสถาบันการศึกษาในระบบ และกระทรวงการศึกษาของสิงคโปร์ เพื่อให้มหาวิทยาลัยต่างๆ นำนักศึกษาเดินทางเข้ามาทำ Educational Trip รวมถึงการเรียนการสอนนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งในเมืองไทยมีความพร้อมสูง

2.กลุ่มการศึกษานอกระบบ วัยรุ่นและมีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ พฤติกรรมติดกับเทรนด์ใหม่ ๆ ทางกรุงเทพฯ เป็นเมืองเทรนด์ที่มีความแปลกใหม่อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บน Roof Top หรือคาเฟ่ธีมแปลก ๆ อาหารเก๋ ๆ ร้านเค้ก ร้านกาแฟ แนวใหม่ จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดเจน M ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกลุ่มส่งต่อข้อมูลให้เพื่อนฝูงและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

กลยุทธ์เชิงรุกทั้งหมดของ ททท.สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ มีความโดดเด่นซึ่งสามารถปิดช่องว่างทำให้การท่องเที่ยวไทยได้รับประโยชน์ครบถ้วน ในด้านการเพิ่มทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพิ่มรายได้ ขยายวันพัก ขยายพื้นที่เมืองหลักไปยังเมืองรอง ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม และท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตลอดปี 2562


ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์นำน้ำหอมเทรนด์โลกให้ช้อปรับวินเตอร์6แบรนด์”




กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า เตรียมต้อนรับช้อปปิ้งในช่วงเปิดฤดู Winter Season ด้วยการคัดสรรน้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดจากหลากหลายชั้นนำระดับโลกมาให้เลือกถึง 6 แบรนด์ด้วยกัน ที่ได้นำนวัตกรรมดอกไม้ผลิตเป็นน้ำหอมให้ทุกคนเติมเต็มเสน่ห์ความหอมใหม่ให้เลือกกันอย่างจุใจ

แบรนด์แรก VALENTINO DONNA ROSA VERDE EDT ภายในขวดแก้วที่มีรูปทรงโดดเด่นอันเป็นสัญลักษณ์ของวาเลนติโน คือกรุ่นกลิ่นความหอมที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวของดอกกรีนโรส ชามาเต เบอร์กามอต ขิง และดอกแม็กโนเลีย (125ml 3,900 Baht)

แบรนด์ที่ 2 GUCCI BLOOM ACQUA DI FIORI EDT ความหอมใหม่ที่เป็นเสมือนตัวแทนแห่งความสุขและพลังของวัยเยาว์ กรุ่นกลิ่นหอมจากกัลบานัม ดอกเล็บมือนาง น้ำมันดอกซ่อนกลิ่น และสารสกัดจากดอกมะลิที่เบ่งบานเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น (50ml 2,925 Baht / 100ml 4,030 Baht)


แบรนด์ที่ 3 COACH FLORAL EDP  กลิ่นหอมสุดประทับใจจากมวลแมกไม้ที่เปิดตัวด้วยเอกลักษณ์ความสดชื่นของซิตรัสและซอร์เบต์สับปะรดหอมหวานชื่นใจ ตามด้วยกลิ่นอุ่นอวลของกลีบดอกกุหลาบ ปิดท้ายด้วยความเย้ายวน

แบรนด์ที่ UICY COUTURE - VIVA LA JUICY SOIRÉE EDP ความหอมที่จะช่วยเติมสีสันให้กับชีวิต ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นจากผลไม้ ทั้งพิงค์กีวีและส้มแมนดาริน ผสมผสานด้วยดอกไม้ตระกูลมะลิและบัว ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเย้ายวนจากอำพัน มัสก์ และไม้หอมนานา (50ml 2,700 Baht / 100ml 3,520 Baht)


แบรนด์ที่ 5 JO MALONE -NASHI BLOSSOM / SAKURA CHERRY BLOSSOM / PLUM BLOSSOM LIMITED EDITION COLOGNE กลิ่นหอมใหม่แบบลิมิเต็ด เอดิชั่น 3 แบบ 3 สไตล์ ที่มาในขวดดีไซน์เรียบหรู สะท้อนเอกลักษณ์ของโจ มาโลน (100ml 4,590 Baht)

แบรนด์ที่ 6 NARCISO RODRIGUEZ - FOR HIM BLEU NOIR EDP กลิ่นหอมที่ชวนให้ตราตรึง ความลงตัวของความทันสมัยและความสง่างาม ผสมผสานเบสโน้ตจากไม้หอมนานา กลิ่นกลางเป็นเสน่ห์จากมัสก์ และปิดท้ายด้วยความหอมจากจันทน์เทศและกระวาน (50ml 2,140 Baht / 100ml 2,855 Baht)

ข่าวที่ 2 “ททท.ชูHelloTasteนำร่อง10เส้นทางทัวร์อาหาร6จังหวัด”



นางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  เปิดเผยว่าได้ดำเนินโครงการสร้างสรรค์สินค้าอาหารเพื่อการท่องเที่ยวภายใต้ธีม Hello Taste Thailand เพื่อนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงอาหารรูปแบบ Gastronomic Tourism ซึ่งหมายถึงการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่มุ่งเน้นประสบการณ์เกี่ยวกับมรดกของท้องถิ่นผ่านการเรียนรู้โดยใช้อาหารท้องถิ่นเป็นสื่อกลางเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการพัฒนาสินค้าและบริการการท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารที่แตกต่าง โดยเน้นความเป็นดั้งเดิม (Authentic)

ระหว่างการจัดมหกรรมท่องเที่ยวรายการระดับโลกงาน ITB ASIA 2018 ระหว่าง 17-19 ตุลาคม 2561 ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ ททท.ได้นำคู่มือ Hello Taste Thailand ของฝ่ายสินค้าไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คู่ค้าทั่วโลกได้รับรู้ถึงโปรดักซ์ใหม่ในเส้นทางการท่องเที่ยวอาหารสุดอลังการของไทย

ส่วนขั้นตอนการทำ Hello Taste Thailand ทาง ททท.ฝ่ายสินค้า ได้ระดมกลุ่มนักออกแบบประสบการณ์ และบริษัททัวร์ อาหาร มาร่วมสร้างสรรค์ 10 เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารรูปแบบ Gastronomic Tourism  6 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ตสุราษฎร์ธานี จันทบุรีและพระนครศรีอยุธยา

หลังจากออกแบบเส้นทางเสร็จสิ้น ฝ่ายสินค้าได้เชิญบริษัททัวร์และตัวแทนการขายท่องเที่ยวที่มีการนำเสนอขายโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงอาหารให้ร่วมเดินทางไปทดสอบสินค้าและเส้นทางเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ซึ่งได้นำมาปรับในรายละเอียดของโปรแกรมเพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น

โปรแกรมท่องเที่ยวเชิงอาหาร Hello Taste Thailand ทั้งหมด 10 เส้นทาง พร้อมเข้าสู่กระบวนการตลาดและการขายอย่างเป็นรูปธรรม ทางฝ่ายสินค้าได้จัดกิจกรรมโดยเชิญพันธมิตรการตลาดและตัวแทนการขายท่องเที่ยวบริษัททัวร์ต่าง ๆ ที่สนใจสินค้าท่องเที่ยวเชิงอาหาร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) การบินไทยหนุ่มสาวทัวร์ และอื่น ๆ อีกกว่า 10 บริษัท มาร่วมเปิดประสบการณ์ พร้อมกับ เจ้าหน้า ที่ ททท ฝ่ายตลาด ทั้งใน และ ต่างประเทศ เป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนกระทั่งได้ข้อสรุปออกมาเป็นการท่องเที่ยวเชิงอาหารครบทุกเส้นทาง ที่จะนำเสนอขายตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 เริ่มตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ข่าวที่ 3 “บางจากชวนสมัครปั่นพิชิตแก่นมะกรูดจ.อุทัย11พ.ย.นี้”



บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนร่วมโครงการ “Bangchak Charity Bike Ride 2018 Experience Nature ปั่นพิชิตแก่นมะกรูด ดินแดนหนาวสุดกลางสยาม ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลบานไร่ จังหวัดอุทัยธานี   สัมผัสวิถีชุมชน พร้อมร่วมกันมอบจักรยานให้กับสภาเด็กและเยาวชน โรงเรียนในพื้นที่แก่นมะกรูด เพื่อใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชน ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2561 โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนหน้างานได้วันที่ 10 พฤศจิกายน 2561 เวลา 13.00-19.00 น.

โดยแบ่งเป็นการปั่นใน 3 ระยะทาง 26 กม., 37 กม. และ 70 กม.ค่าสมัครราคาเดียวเพียงคนละ 300 บาท และรับสมัครเพียง 1,000 คนเท่านั้น จุด Start อยู่ตรงบริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลบานไร่


สามารถเข้าไปลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมการแข่งขันเฉพาะทางออนไลน์ที่ event.thaimtb.com

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ก็เพื่อ 1. สร้างสรรค์กิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพ  2. ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและกิจกรรมท่องเที่ยวเกษตรชุมชน 3. รณรงค์การใช้จักรยานในการเดินทาง ส่งเสริมกิจกรรมให้กับชุมชน สิ่งแวดล้อม และสังคม

ผู้เข้าร่วมการปั่นสามารถลุ้นรับ รางวัล/รางวัลพิเศษ ได้ดังนี้

1.ประเภท A ระยะทาง 70 km. ชาย-หญิง 3 ลำดับแรกที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในช่วงการแข่งขันจะได้รับ โล่รางวัล

2.ประเภท B ระยะทาง 37 km. ชาย-หญิง 3 ลำดับแรกที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในช่วงการแข่งขันจะได้รับ โล่รางวัล

3.ประเภท C ระยะทาง 26 km. ชาย-หญิง 3 ลำดับแรกที่ทำเวลาได้ดีที่สุดและเที่ยววิถีชุมชนทุกจุด ได้โล่รางวัล

4.นักปั่นอาวุโสสูงสุด (นับเวลาตามบัตรประชาชน) จะได้รับของที่ระลึกจากบางจาก

5.นักปั่นเยาวชนอายุน้อยที่สุด (นับเวลาตามบัตรประชาชน และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง) จะได้รับของที่ระลึกจากบางจาก

6.จับสลากผู้โชคดีที่เข้าร่วมงาน รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 1,000 บาท รวม 10 รางวัล โดยผู้โชคดีจากการจับรางวัลจะต้องอยู่ในบริเวณงาน ณ เวลาจับรางวัลเท่านั้น


ข่าวที่ 4 “ทอท.เท400ล้านผุดใหม่บริษัทบริการภาคพื้นสนามบิน”




บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่า ล่าสุดได้จัดทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงโครงการร่วมลงทุนระหว่าง ทอท.กับ บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (SAL) เพื่อดำเนินการจัดตั้ง บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยาน จำกัด (AOT Ground Aviation Services Co.,Ltd.) โดยมีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท

สำหรับการจัดตั้งบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยาน จำกัด มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Services Equipment) ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. และได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561


ทั้งนี้โครงสร้างของบริษัทใหม่จะมี AOT ถือหุ้นสามัญ 49 % ส่วน  SAL ถือหุ้น 51 % ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 47 %และหุ้นบุริมสิทธิ 4 % โดยหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิเช่นเดียวกับหุ้นสามัญ ยกเว้นเรื่องการลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีสิทธิในสัดส่วน 10 หุ้นต่อ 1 เสียง  โดยได้เรียกชำระค่าหุ้นครั้งแรกจากผู้ถือหุ้นในอัตรา 25 % ของทุนจดทะเบียน


ช่วงที่ 2 พร้อมหรือยังกับการออกเดินทางไปสัมผัสวิถีล้านนา 4 จังหวัด 5 ชุมชน จากเชียงใหม่ ลำพูน น่าน สุโขทัย เสน่ห์แห่งความสุขแต่ละที่มีให้เลือกต่างกัน ส่วนสุขภาพต้องรู้แล้วว่า “เคล็ดลับจากภายในเลือกกินอาหารอย่างไร”ไม่ต้องพึ่งมีดหมอเสริมความงาม ส่วนข่าวแรง ๆ ต้องยกให้ “สายการบินแควนตัส” นำโดยกัปตันกับลูกเรือทั้งหมดพร้อมใจกันทำโปรเจ็กต์ดี ๆ “Fly pink” วันนี้-15 พฤศจิกายน 2561 รณรงค์หารายได้สมทบทุนช่วยคนป่วยโรคมะเร็ง ส่วน “โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ” มาพร้อมกับข่าวดีคว้าบริการยอดเยี่ยมอันดับ 6 ของโลก “มหัศจรรย์โครงการ-สุขสม” ในเมกะโปรเจ็กต์ไอคอนสยาม เตรียมเปิด 9 พฤศจิกายน นี้ หวังช่วยชาติดึงนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมปีละ 22 ล้านคน และผู้รักในมิติผี ๆ ต้องแต่งแฟนซีไปปาร์ตี้ที่ “อควา บาร์ โรงแรมอนันตรา สยาม “ ค่ำคืน 31 ตุลาคม นี้

@ตลุยเที่ยว5ชุมชนล้านนาเชียงใหม่-ลำพูน-น่าน-สุโขทัย

การเดินทางเที่ยวหน้าฝนในมุมต่างจากฤดูอื่น ๆ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น และ “การท่องเที่ยวชุมชน” ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากกระแส ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋เก๋สไตล์ลึกซึ้ง

เส้นทาง “เหนือฝันล้านแรงบันดาลใจ” ในเมืองอารยธรรมล้านนา 2 จังหวัด เชียงใหม่กับลำพูน มีชุมชนท่องเที่ยวว้าว ๆ มาชวนไปชมได้ตลอดหน้าฝนเรื่อยไปจนถึงหน้าหนาวของทุกปี



ปักหลักกันที่ “เชียงใหม่” ชุมชนแรก ต้องไป “ชุมชนแม่กำปอง” ต.ห้วยแก้วกิ่ง อ.แม่ออน เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 50 กม.ตั้งรกรากอยู่กันมานานกว่า 100 ปี รอบหมู่บ้านตั้งอยู่กลางอ้อมกอดธรรมชาติหุบเขา ลำธาร อากาศเย็นสบายตลอดปี สมัยก่อนมีดอกไม้เล็ก ๆ สีแดงออกเหลือบานอยู่ริมลำธารชาวบ้านเรียกว่า “ดอกกำปอง” อันเป็นชื่อที่นำมาตั้งเป็นหมู่บ้าน ทุกวันนี้กำปองกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบสโลไลฟ์ที่ยังคงใช้วิถีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม



ชุมชนที่ 2 “หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ปงห้วยลาน” ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง อยู่ห่างจากเมืองเชียงใหม่เพียง 25 กม. หมู่บ้านแห่งนี้เป็นต้นแบบการอนุรักษ์ป่าที่ได้น้อมนำพระราชดำรัสพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยแปรรูปยางรักเพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำ “เครื่องเขินล้านนา” แต่ละบ้านจะปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ พร้อมกับ ทอผ้าฝ่ายบ้านปง จักรสาน ทำลูกประคบ เก็บเห็ดธรรมชาติ หาปลาในห้วยลานมาเป็นอาหารยังชีพ ขณะนี้เปิดโฮมสเตย์ตามแบบวิถีชาวบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว



จากเชียงใหม่ไปเที่ยวชุมชนแห่งที่ 3 ของชาวปะกากะยอที่ “ชุมชนพระบาทห้วยตุ้ม” ต.นาทราย อ.ลี้ จังหวัดลำพูน ทั้งหมู่บ้านชาวปะกากะยอจะได้รับการสอนสั่งจาก “ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา” ให้ทำบุญถือศีลปฎิบัติธรรมตามศรัทธา และสวมใส่เสื้อผ้าที่โดดเด่นเป็นเอลักษณ์เฉพาะโดยมีย่ามคู่กายพกติดตัวทุกคน

ถึงแม้ครูบาวงจะมรณภาพไปแล้ว ชุมชนแห่งนี้ก็ยังคงทำตามคำสอน และบริโภคอาหารมังสะวิรัตทุกมื้อ ทุกเช้าชาวบ้านจะเดินไปใส่บาตร กวาดลานวัด ทำสังฆทานผัก



หรือจะเลือกขึ้นพื้นที่สูงสู่ “เมืองน่าน” ถิ่นฐานของปู่ม่าน-ย่าม่าน แวะไปสัมผัสขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ใน ชุมชนที่ 4  “ชุมชนหนองบัว (ชาวไทลื้อ)” ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา หมู่บ้านแห่งนี้มีชาวจีนเชื้อสายไท้ลื้อจากแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งรกรากอยู่มานาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะจะค้นหาเสน่ห์วิถีชีวิต การทอผ้าลายน้ำไหล ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้ชุมชน แล้วยังได้นำศิลปะการทอผ้าด้วยมือ แปรรูปเป็น กระเป๋า ผ้าคลุมไหล่ ผ้าม่าน ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อตามชอบกันทุกทริป



ต่อด้วยชุมชนที่ 5  “ชุมชนบ้านนาต้นจั่น” ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ดินแดนป่าไม้ธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพ ทำนา ปลูกผลไม้ ทอผ้า จักสาน มีบริการโฮมสเตย์ พร้อมกิจกรรมบายศรีสู่ขวัญ โดยเฉพาะ “เมนูอาหารถิ่น” อย่าง “ข้าวเปิ๊บ” โดนใจนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ แถมชาวบ้านยังถ่ายทอดวิชาทำผ้าหมักโคลนกับพาเที่ยวชุมชน สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

เที่ยวได้ทุกที่ ทั้ง 5 ชุมชน สอบถามเพิ่มที่ คอล เซนเตอร์  1672 หรือ ททท.สำนักงาน เชียงใหม่ โทร. 053-248-604-5, ททท.แพร่-น่าน โทร.054-521-127 ททท.สุโขทัย โทร.055-616-228-9

@เคล็ดลับสวยจากภายในอย่างถูกวิธีไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

หากพึ่งพาแต่อาหารเสริมและเทคโนโลยีความงามต่างๆที่ช่วยให้ร่างกายภายนอกแลดูอ่อนวัย  แต่ในขณะเดียวกันกลับไม่ได้ใส่ใจดูแลความแข็งแรงของร่างกายภายในอย่างถูกวิธีอย่างแท้จริง อาจทำให้โรคภัยมาเยือนได้

 เคล็ดลับสวยจากภายในอย่างถูกวิธี


1.ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

2.เสริมเติมด้วยอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

3.ออกกำลังกายเป็นประจำ

4.พักผ่อนให้เพียงพอ

5.หมั่นเติมความสดชื่นให้ร่างกาย

6.ทำจิตใจให้แจ่มใส

7.หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ ปีละ 1-2 ครั้ง


ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “แควนตัสชูฟลายอิ้งถึง15พ.ย.ระดมทุนช่วยโรคมะเร็ง”



สายการบิน แควนตัส รายงานว่า ได้จัดทำโครงการรณรงค์ด้านสุขภาพ โดยเหล่านักบินรวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำภาคพื้นสายการบินแควนตัส และแควนตัสลิ๊งค์ ร่วมมือกันทำผ่านแคม “เปญฟลายพิ้งค์ (FlyPink)” เรื่องมะเร็งเต้านม ด้วยการติดเข็มกลัด ริบบิ้น ที่มีอินทรธนูพิเศษ เป็นการระดุมทุนให้กับมูลนิธิมะเร็งเต้านมแห่งชาติ (National Breast Cancer Foundation) และมูลนิธิโมเว็มเบอร์ (Movember)

โดยพนักงานเครือแควนตัสกรุ๊ปได้ร่วมกันติดเข็มกลัดโครงการฟลายพิ้งค์ ไปจนถึง 15 พฤศจิกายน 2561 เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนกัปตันได้เปลี่ยนจากการติดอินทรธนูปรกติมาเป็นอินทรธนูสีชมพู พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินติดเข็มกลัดสีชมพู และพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินติดริบบิ้นสีชมพู

ผู้สนใจสามารถร่วมใส่เสื้อสีชมพูเพื่อแสดงความภูมิใจและรณรงค์กับแคมเปญนี้ หรือร่วมสนับสนุนได้ด้วยที่ flypink.net.”

ทั้งนี้เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา กัปตันซูซาน แม็คฮาฟฟี่ย์ กัปตันของสายการบินแควนตัสลิ๊งค์ สายการบินในเครือแควนตัสกรุ๊ปได้ริเริ่มแคมเปญฟลายพิ้งค์ เพื่อระดมทุนให้งานวิจัยโรคมะเร็งเต้านม และนับตั้งแต่เปิดตัวแคมเปญเป็นต้นมาปรากฏว่าสามารถระดมทุนได้ 500,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นประมาณ11,637,165 ล้านบาท และส่งอินทรธนูที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษไปยังผู้ประกอบการ 135 รายในกว่า 30 ประเทศ

 โดยปีนี้ แคมเปญฟลายพิ้งค์จะระดมทุนให้กับมูลนิธิโมเว็มเบอร์ (Movember) ที่ทำงานเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมากโดยได้มีการดีไซน์เพิ่มหนวดเข้าไปด้วย

  นางราเชล คารร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิโมเวมเบอร์ กล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เห็นสัญลักษณ์หนวดและริบบิ้นสีชมพูอยู่ด้วยกันเป็นครั้งแรกเพื่อร่วมระดมทุนเรื่องมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก ความร่วมมือจากฟลายพิ้งค์ปีนี้จะเป็นพลังส่งเสริมแรงกล้า รวมทั้งน่ายินดีอย่างยิ่งที่กัปตันแม็คฮาฟฟี่ย์ช่วยส่งเสริมเรื่องสุขภาพให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

ศาสตราจาย์ซาราห์ ฮอสคิง ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิมะเร็งเต้านมแห่งชาติ กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนแควนตัสกรุ๊ปผ่านทางแคมเปญฟลายพิ้งค์ ซึ่งจัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 4 ช่วยให้สามารถสานต่อโครงการวิจัยด้านมะเร็งเต้านมเพื่อหยุดการเสียชีวิตจากผู้ป่วยโรคนี้ได้

ข่าวที่ 2 “แชงกรี-ลากรุงเทพฯปลื้มคว้าอันดับ6โรงแรมโลก”




มิส แคโรไลน์ เชีย ผู้จัดการใหญ่ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ กล่าวว่า “โรงแรมได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับรางวัลโรงแรมชั้นนำอันดับ 6 ในกรุงเทพฯ ประจำปี ค.ศ. 2018-Top Hotels in Bangkoจากเวทีการประกาศรางวัล รีดเดอร์ส ช้อยส์ อวอร์ดส ประจำปี ค.ศ. 2018 (Condé Nast Traveler’s 2018 Readers Choice Award) ครั้งที่ 31 อันเป็นความภาคภูมิใจที่โรงแรมได้รับการโหวตจากผู้อ่านนิตยสารนิตยสาร คอนเด นาสต์ ทราเวลเลอร์ทั่วโลกจำนวนกว่าครึ่งล้าน

สะท้อนถึงมาตรฐานบริการของ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งมุ่งมั่นและรักษามาตรฐานการให้บริการอย่างอบอุ่นจากหัวใจที่เป็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคเอเชียในแบบฉบับของโรงแรม และการบริการแบบใส่ใจในทุกรายละเอียดและเหนือความคาดหมายที่พร้อมมอบให้กับแขกที่มาใช้บริการที่โรงแรมฯ อย่างสม่ำเสมอต่อไปในอนาคต

  สำหรับโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา รองรับตลาดได้ครอบคลุมทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ อยู่ใกล้กับศูนย์การค้า สถานที่ท่องเที่ยว ย่านธุรกิจชั้นนำ   มีห้องพักและห้องสวีททั้งหมด 802 ห้อง ภายในอาคารแชงกรี-ลา วิง และอาคารกรุงเทพ วิง ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำ หรือวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวง พร้อมตกแต่งด้วยผ้าไหมเพื่อสื่อถึงเอกลักษณ์ในความเป็นไทย อีกทั้งสถานที่ตั้งยังติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสะพานตากสิน และ เดินทางโดยรถยนต์ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ภายในเวลาเพียง 40 นาที

ข่าวที่สาม “สุขสยาม-ไอคอนสยามเปิด9พ.ย.หวังทัวร์22ล้านคน”



นายวรกิตติ์ นวสกุลเกียรติ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดธุรกิจท่องเที่ยว บริษัท กูร์เมต์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะเจ้าของโครงการ “สุขสยาม-SOOKSIAM”  ตั้งอยู่ในอาคารไอคอนสยาม เตรียมเปิดบริการอย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561  พร้อมแล้วที่จะนำเสนอความมหัศจรรย์อัตลักษณ์ไทยครบวงจรภายใต้คอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “cocreation” โดยมีภาคีพันธมิตรผู้ประกอบการทั่วทุกภาคกว่า 3,000 ราย เข้ามาร่วมโครงการทั้ง อาหาร งานศิลปะ หัตถกรรม งานฝีมือ เวชศาสตร์ การแสดง การละเล่นพื้นบ้าน วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อทั่วไทย 77 จังหวัด โดยตั้งเป้าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมปีละถึง 22 ล้านคน

โดยได้วางกลยุทธ์เดินสายโร้ดโชว์นำร่องเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวนานาชาติแถบเอเชียเป็นหลัก โดยได้รุกไปสร้างการรับรู้ยัง เมียนมา มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย ในอนาคตเตรียมบุกตลาดโซนยุโรป

สำหรับจุดขายที่โดดเด่นภายในบริเวณสุขภาพคือสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม 4 ภาค การแสดงหมุนเวียน แบ่งเป็นวันธรรมดา 2 รอบ และวันหยุด 4 รอบ  โดยนำเอกลักษณ์ของแต่ละภาคมาไว้ให้นักท่องเที่ยวสัมผัส คือ “ภาคกลาง” ทำตลาดน้ำ เรือนหลังวัง ตลาดผลไม้ ตลาดดอกไม้ “ภาคเหนือ” สร้าง กาดมั่ว บ้านศิลปิน นอร์ธบาซาร์ “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โชว์วิถีชีวิต โรงสีข้าว ตลาดพื้นเมือง ผ้าไหม “ภาคใต้” เน้นความเด่นของ Old Town ตึกแบบชิโนโปรตุกีส โซนเมืองเก่า เรือกอ บีชคลับและบาร์ อาหารทะเล


  ทั้งนี้ โครงการสุขสยาม ใช้เงินลงทุนกว่า 700 ล้านบาท ตั้งอยู่ในบริเวณชั้น G พื้นที่ 15,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น G เป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท กูร์เมต์ เอเชีย จำกัด กับบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้ที่ได้รับสิทธิบริหารไอคอนสยาม

ข่าวที่สี่ “อนันตราเปิดอควาบาร์จัดปาร์ตี้ฮาโลวีน31ต.ค.นี้”



โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ  ชวนแต่งแฟนซี ไปปาร์ตี้ ฮาโลวีน ณ อควา บาร์ ในค่ำคืนวันพุธที่ 31 ตุลาคม 2561 สนุกสุดเหวี่ยงในช่วงตั้งแต่เวลา 18.00 – 23.30 น.

ปีนี้ อควา บาร์ จะตกแต่งให้บรรยากาศหลอกหลอนดั่งบ้านผีสิง สุดระทึกขวัญ ดื่มด่ำความสนุกสนานจากเสียงดนตรีและดีเจ พร้อมรับลมธรรมชาติของสวนปาริชาติ คอร์ท เลือกทานอาหารเมนูที่ท่านชื่นชอบและจิบเครื่องดื่มสูตรพิเศษสำหรับคืนวันปล่อยผี  อาทิ Black Dahlia, Insidious และ “Blood Omen

โทร.0 2126 8866   ต่อ 1210 หรือ  www.siam-bangkok.anantara.com

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ FM97.0


จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...