วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เปิดโมเดลธุรกิจ"สันธิยารีสอร์ต"เจ้าตลาดทัวร์เศรษฐีขายห้องคืนละหมื่น-เที่ยวกรุงเทพย้อนดู "ตลาดนางเลิ้ง-วังหลัง-วัดประยูร-โบสถ์ซานตาครู้ช"

เปิดโมเดลธุรกิจกลุ่มสันธิยารีสอร์ตเจ้าตลาดทัวร์คุณภาพ
ชูลงทุนวิลล่า”พะงัน-เกาะช้าง”พ.ย.62เปิดสันธิยาภูเก็ต
คิงเพาเวอร์มหานครชูขาย3เทรนด์มาแรงบนสกายวอล์ค
สนุกกับช้อปพันรับพันที่ร้านคิงเพาเวอร์รางน้ำถึง16ก.ค.
ททท.กอดคอพีทีทีบลูการ์ดบูม24เมืองรองโกย2หมื่นล้าน
BCPGเครือบางจากติดอันดับESG100ต่อเนื่อง2ปีซ้อน
เที่ยวกรุงเทพฯยลเสน่ห์เท่ๆ“ตลาดนางเลิ้ง-วังหลัง-ฝั่งธน”
 สำนักงานประกันสังคมแนะระวังโรคร้ายที่มากับหน้าฝน
 ททท.ผนึกศรีลังกาบุกเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวปี’62โต12%
 เปิดผลUNWTOชี้ท่องเที่ยวโลกพุ่ง-ไทยแชมป์อาเซียน
บางกอกแอร์บูมข้ามภาคกินดีอยู่ดี3วัน2คืนเชียงใหม่-กระบี่
กรมทางหลวงเท143ล้านปรับถนนเที่ยวเมืองระยอง
บัตรมิวเซียมพาสส์ผนึกเรือเจ้าพระยาแจกสิทธิ์ไม่ยั้ง

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #เที่ยวกรุงเทพ #ทัวร์ตลาดนางเลิ้ง 

โรงแรมเครือสันธิยารีสอร์ตผู้นำตลาดท่องเที่ยวคุณภาพของไทย
ช่วงที่ 1 เปิดโมเดลธุรกิจไฮเอนด์กับ “แดนนี่ สุโกมล” รองกรรมการผู้จัดการ เครือสันธิยา รีสอร์ตเชนคนไทยสไตล์หรูบนเกาะพะงัน เกาะช้าง เกาะภูเก็ต สามารถทำรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศเป็นกอบกำ หลังใช้เงินกว่าพันล้านเนรมิตโปรเจ็กต์ใหม่ “สันธิยา ภูเก็ต นาใต้” พร้อมอวดโฉม พ.ย.นี้ ด้วยราคาคืนละหลักหมื่นบาทขึ้นไป ตอนนี้ตลาดกระเป๋าหนักกลุ่มยุโรป อเมริกา แห่จองข้ามปี ใช้ 3 กลยุทธ์เอาอยู่ด้วย “ทุ่มทุนเนรมิตที่พักสไตล์วิลล่าทั้งโครงการ-ขายแพกเกจที่พักพ่วงโปรแกรมทัวร์และกิจกรรมหรู ๆ -ผนึกออนไลน์กระหน่ำขายตลาดไกลยุโรป อเมริกา” ไม่ทิ้งลูกค้าเอเชีย ปี’62 รายได้จึงโตแบบสวย ๆ เกิน 11 % 


แดนนี่ สุโกมล รองกรรมการผู้จัดการ เครือสันธิยารีสอร์ต


นายแดนนี่ สุโกมล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสันธิยา รีสอร์ต แอนด์ สปา เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินธุรกิจลงทุนโรงแรมภายใต้เชนการบริหารคนไทยนำเสนออัตลักษณ์วิถีความเป็นไทย มี 4 แห่ง เรือธงแห่งแรก “สันธิยา รีสอร์ต แอนด์ สปา เกาะพะงัน” เปิดบริการมาแล้ว 13 ปี และ“สันธิยา รีสอร์ต แอนด์ สปา เกาะยาวใหญ่” ใกล้ภูเก็ต เปิดประมาณ 7 ปี ซึ่งทั้ง 2 แห่ง มีลูกค้าหลักกลุ่มเดียวกันได้แก่ ยุโรป อเมริกา และมีเอเชียบางกลุ่ม เป็นลักษณะตลาดผสมผสานมีหลายสัญชาติ ส่วนโรงแรมน้องใหม่แห่งที่ 3 “สันธิยา ทรี รีสอร์ต เกาะช้าง” เปิดบริการได้ 3 ปี ลูกค้ามีความโดดเด่นโดยมีกลุ่มคนไทยเข้ามาใช้บริการมากขึ้น เพราะทำเลอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถขับรถมาพักผ่อนวันหยุด โดยแวะท่องเที่ยวจันทบุรี ตราด อุดหนุนจังหวัดทางผ่านเพื่อชิมและท่องเที่ยวสวนผลไม้

สันธิยา ทรี รีสอร์ต เกาะช้าง


 ไฮไลต์ของสันธิยา ทรี รีสอร์ต เกาะช้าง ที่ดึงดูดตลาดคนไทยเพราะเน้นจุดขายที่พักสไตล์วิลล่า Pool Suit Water View สนนราคาห้องพักโลว์ซีซัน ห้องมาตรฐาน 3,000 บาทขึ้นไป/ห้อง/คืน ส่วนห้องที่มีสระน้ำส่วนตัวจะประมาณ 7,000 บาทขึ้นไป/ห้อง/คืน ช่วงฤดูท่องเที่ยวราคาตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ของทุกปี จะขยับขึ้นอีกประมาณ 40 % ซึ่งคนไทยสามารถรับราคาดังกล่าวได้ทั้งในและนอกฤดูท่องเที่ยว ด้วยความหรูดูดีของสถานที่พัก ห้องพักของ สันธิยา ทรี เกาะช้าง แต่ละห้องสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำกลางเกาะช้าง บรรยากาศห้องพักจะมี 2 สไตล์ คือทะเลกับขุนเขาสวยงาม อีกทั้งยังมีแม่เหล็กใหญ่คือทั้งวิลล่าและตัวตึกอยู่ติดชายหาดเดินภายในเวลาอันรวดเร็วก็เล่นน้ำทะเลได้ ภายในรีสอร์ตจะมีร้านอาหารเก๋ ๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่อีก 2 สระ ห้องสมุด ห้องออกกำลัง



 สำหรับลูกค้าต่างชาติยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจในการร่วมลงมือทำอาหารไทย นั่งเรือไปชมตามเกาะต่าง ๆ ซึ่งเกาะช้างมีเกาะเล็กเกาะน้อย สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ตยามเย็นก็มีอาหารทะเลสดใหม่ ดนตรีไพเราะให้ฟังทุกค่ำคืน นายแดนนี่กล่าวว่า ได้วางกลยุทธ์รุกเจาะตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป กลุ่มหลักคือเยอรมันมีวันพักเฉลี่ยกว่า9 วัน/คน/ทริป ตามมาด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรปตอนเหนือจากเดนมาร์ก สวีเดน แต่ละปีมีจำนวนมาก ปี 2562 ได้ต้อนรับตลาดใหม่ ๆ จากโซนอเมริกา แคนาดา มีมากขึ้น โดยมาเที่ยวแล้วนิยมนอนพักผ่อนริมชายหาดเกาะช้าง



ในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้เป็นต้นไป จะเปิดบริการโรงแรมน้องใหม่ล่าสุด แห่งที่ 4 “สันธิยา ภูเก็ต นาใต้” หาดนาใต้ จังหวัดพังงา เป็นพูล วิลล่าทั้งหมด 120 หลัง ใช้เงินลงทุนอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ในพื้นที่กว่า 50 ไร่ เหตุผลที่ใช้ชื่อภูเก็ตเพราะชื่อเสียงติดตลาดการเดินทางเข้าถึงง่ายจากสนามบินภูเก็ตข้ามสะพานสารสินใช้เวลารวมเพียง 20 นาที โดยมีจุดเด่นเน้นความเป็นส่วนตัวเจาะตลาด “คู่ฮันนีมูน” ทุกวิลล่าจะมีสระน้ำทั้ง 2 ชั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวก หลัก ๆ ห้องอาหาร สระว่ายน้ำ กิจกรรมทางน้ำ การออกำลังกาย สอนมวยไทย โยคะ ตั้งเป้ากำลังซื้อจะตอบรับสูงกว่าทุกแห่ง ส่วนราคาห้องพักราคาพิเศษมาก ๆ ขั้นต่ำ 9,000 บาทขึ้นไป/ห้อง/คืน ขึ้นอยู่กับสไตล์วิลลาที่เลือกพัก

สำหรับปีต่อไปจะปรับขึ้นตามสถานการณ์ตลาดและมูลค่าการลงทุน ตอนนี้สามารถเข้าไปจองได้แล้ว แต่จะพักได้จริงตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป



 ทั้งนี้โดยภาพรวมแล้วจะเป็นลูกค้าเป้าหมายใกล้เคียงกับสันธิยา เกาะพะงัน และเกาะยาวใหญ่ คือตลาด ยุโรป อเมริกา ซึ่งลูกค้ากลุ่มใกล้เคียงกันนั้นเป็นไม้เด็ดของสันธิยาเพราะสามารถผสมผสานโปรแกรมการจองห้องพัก 2-3 แห่งได้ในแต่ละทริป เช่น พักเกาะช้างบินต่อไปสมุยเข้าพักที่พะงัน ซึ่งบางโปรแกรมบริษัทตัวแทนนำเที่ยวโปรโมตขายเป็น Twin Center ขายการท่องเที่ยวที่พักในไทย 2 แห่งผนวกเข้าด้วยกัน ทำให้ลูกค้าได้เปลี่ยนบรรยากาศและเส้นทางการพักผ่อน ทุกครั้งที่ได้มาพักในเครือสันธิยา ได้สร้างความไว้วางใจและประทับใจที่จะได้รับบริการตามมาตรฐานเดียวกันตามหลักสากล

 นายแดนนี่กล่าวว่า สันธิยาเป็นรีสอร์ตแบรนด์หรูหราสามารถเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา เข้าสู่ประเทศได้สูงกว่าทั่วไป สถิติมียอดวันพักทั้ง 4 รีสอร์ต เฉลี่ย 7.16 คืน/คน/ทริป สนนราคาห้องพักเกินกว่าคืนละ 5,000-100,000 บาท เหตุผลหลักที่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเลือกใช้สันธิยาคือบรรยกาศเงียบสงบ วิถีความเป็นไทย เหมือนได้อยู่บ้าน ซึ่งตกแต่งด้วยไม้สักทองทั้งหมด สถาปัตยกรรมไทย รักษาวัฒนธรรมการทักทายลูกค้าด้วยการไหว้และกล่าวคำว่าสวัสดี หากเป็นการเดินทางมาครั้งแรกก็จะประทับใจ ส่วนลูกค้ากลุ่มมาพักซ้ำก็ให้ความรู้สึกเสมือนญาติ ได้พบเจอพี่น้องของตนเอง แนวโน้มจะมีตลาดเทรนด์ใหม่ เช่น สันธิยา ทรี เกาะช้าง จะมีกลุ่มคนไทย และชาวจีนลักษณะที่มาเป็นคู่ เพื่อนฝูง และครอบครัวขนาดเล็ก ดังนั้นอัตราการเข้าพักเสริมเพิ่มเติมขึ้นสองหลักขึ้นไป ส่วนการกระจายเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเลือกพักหรูหรา ไปยังชุมชนรอบพื้นที่ และแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกล ก็จะได้อานิสงด้วย เพราะนักท่องเที่ยวพักค้างหลายวันต่างก็เลือกไปรับประทานอาหารด้านนอกรีสอร์ต ร้านรวงก็ขยายบริการมากขึ้น



 ปัจจัยรายได้ของเครือสันธยา หากเป็นพะงันกับเกาะยาวใหญ่ ใช้จ่ายในโรงแรมเฉลี่ย 4,000 บาท/คน/วัน ส่วนที่เกาะช้าง ใช้เฉลี่ยประมาณ 2,500 บาท/คน/วัน แต่จะใช้จ่ายในชุมชนมากกว่าที่อื่น ๆ ส่วนคนไทยจะได้รับบริการพิเศษด้วย เช่น อาหารเช้า มีปาท่องโก๋ ขนมครก รักษาเมนูความเป็นไทย พร้อมกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นอัตลักษณ์ไทยมาก ๆ


 นายแดนนี่กล่าวว่าสถานการณ์ห้องพักไตรมาส 2 พฤษภาคม-มิถุนายน 2562 ลดลงไปบ้างเล็กน้อยแตกต่างจากไตรมาส 1 อัตราการเติบโตดีมาก แนวโน้มไตรมาส 3 ตั้งแต่กรกฎาคมจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการวางแผนเดินทางไปเจาะตลาดแถบยุโรป และเอเชีย หมุนเวียนกันทุกเดือน เช่น จีน ไปปีละ 2 ครั้ง โดยคุยตรงกับบริษัทรายใหญ่ หรือยุโรปจะเน้นไปจัดสัมมนาโร้ดโชว์ ถึงแม้ปีนี้ค่าเงินบาทจะสูงขึ้น ทำให้เงินปอนด์และเงินยูโรลดค่าลง ส่งผลถึงราคาแพกเกจท่องเที่ยวของยุโรปมาไทยสูงขึ้น ก็ต้องฝ่าฟันข้อจำกัดเหล่านี้ไปให้ได้



 แนวโน้มตลอดปี 2562 กลุ่มสันธิยารีสอร์ต อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 5-7 % แต่ได้วางกลยุทธ์รายได้เติบโตสูงมากกว่าปี 2561 เพราะ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.พร้อมเทเงินลงทุนสูงขึ้นโดยสร้างห้องพักสไตล์วิลลาขายได้ราคาที่ดีกว่า พร้อมปรับโฉมห้องพักให้มีความส่วนตัวมากขึ้น 2.จัดทำแพกเกจพ่วงขายห้องพัก กิจกรรมท่องเที่ยว ล่องเรือ 3.ได้รับผลเชิงบวกจากการขายห้องพักรีสอร์ตผ่านออนไลน์อย่างรวดเร็วมาก จึงทำให้รายได้มากกว่าปีก่อนไม่ต่ำกว่า 11 % ถือเป็นสัญญาณที่ดีแต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะยังเหลือเวลากว่าจะสิ้นปีอีก 3-4 เดือน

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

 ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์โหมจุดขาย“มหานคร”3เทรนด์ใหม่มาแรง



 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าอวดโฉมผู้ปลุกตลาดท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ งัด 3 ไฮไลต์ “รูฟท็อปบาร์” รูปโฉมใหม่ จัดบิ๊กโปรโมชั่นจองซื้อออนไลน์ชวนไปวันธรรมดา 650 บาท/คน เริ่มวันนี้-30 ก.ย.62 “SKY RIDES” นำเครื่องเล่น VR มาชวนท่องความสูงแห่งแรกในเอเชีย จ่ายแค่ 250 บาท และรอตื่นตากับความอลังการของภัตตาคารลอยฟ้า “MAHANAKHON BANGKOK SKY BAR” ก.ค.นี้ 3 มุมต้องห้ามพลาดในคิง เพาเวอร์ มหานคร 

หลังจาก “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำทีมเปิดปฐมฤกษ์โครงการลงทุนใหม่ใจกลางกรุง “คิง เพาเวอร์ มหานคร” เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นมา โดยได้โชว์ไฮไลต์ชั้น 78 เป็นจุดขายใหม่ของกรุงเทพฯ คือ “มหานคร สกาย วอล์ค มหานคร : Outdoor Observation Deck” ตั้งอยู่สูงที่สุดชั้น 78 เหนือระดับจากพื้นถึง 314 เมตร วางกลยุทธ์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติขึ้นมาชมวิวพาโนรามารอบทิศทาง 360 องศา พร้อม ๆ กับเปิดให้ลงไปในโซน “กระจกลอยฟ้า : Glass Tray” โดนใจกลุ่มผู้ที่รักและชื่นชอบการผจญภัยลงไปเดินวัดใจมองทะลุกระจกนิรภัยดูตึกที่อยู่ด้านล่างร่วมสร้างประสบการณ์ความสนุกหวาดเสียวอย่างปลอดภัย


 ขณะนี้ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” พร้อมจะสร้างเซอร์ไพรส์นักท่องเที่ยวชาวไทยและนานาชาติอีกครั้งกับ 2 กิจกรรมใหม่ในมหานคร คิง เพาเวอร์ ต้องห้ามพลาดมาสัมผัสประสบการณ์ความสนุกได้ดังนี้ กิจกรรมแรก พบกับ “Roof Top Bar-ภัตตาคารลอยฟ้า” โฉมใหม่ ซึ่งได้จัดทำโปรโมชั่นบัตรให้จองซื้อผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ www.kingpowermahanakhon.co.th ในราคาพิเศษเพียงคนละ 650 บาท เชิญชวนทุกคนพาครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรู้ใจ เดินทางไปสัมผัสประสบการณ์สนุกและดี ช่วงวันธรรมดา วันจันทร์-วันศุกร์ ตลอด 3 เดือน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 30 กันยายน 2562 นักท่องเที่ยวจะได้รับสิทธิ์เดินชมครบทุกชั้น ตั้งแต่ชั้น 74, 75 และ 78 โดยเฉพาะบรรยากาศยามเย็นบนชั้นสูงสุด 78 ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าลงสู่ด้านหลังแม่น้ำเจ้าพระยา งดงามเกินบรรยาย ต้องซื้อบัตรราคาพิเศษไปชมให้เห็นด้วยตาตนเอง

 “Roof Top Bar-ภัตตาคารลอยฟ้า” โฉมใหม่ ได้รับการออกแบบโดย Wilson Associates บริษัทออกแบบภายในชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ผู้เนรมิตรพื้นที่กว่า 600 ตารางเมตรบนชั้น 78 ให้กลายเป็นรูฟท็อปบาร์สุดทันสมัย โดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ พร้อมสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติจดจำภาพความประทับใจไปตลอดกาล กับครั้งหนึ่งในชีวิตเมื่อได้มาท่องเที่ยวกรุงเทพมหานครและเมืองไทย



 กิจกรรมที่ 2 “มหานคร สกาย ไรด์ส :MAHANAKHON SKY RIDES” แห่งแรกในเอเชีย ที่ไฮเทคโนโลยีล้ำสมัยมานำเสนอนักท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสวิวเสมือนจริงไปกับเครื่องเล่น VR รูปแบบใหม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีโปรโมชั่นจ่ายแค่เพียงคนละ 250 บาทเท่านั้น ก็สามารถสนุกได้อรรถรสไปกับการโลดแล่นในความรู้สึกเสมือนกระโดดร่มล่องลอยอยู่กลางท้องฟ้าจากความสูงกว่า 300 เมตร ลงสู่พื้นดิน โดยมีทั้งความเร่ง ความเร็ว และแรงลมปะทะ บอกระยะทางอย่างชัดเจน นับเป็นอีกมุมแสนสนุก

เมื่อได้เดินเข้ามาสู่ คิง เพาเวอร์ มหานคร จุดร่วมสนุกในการเล่น VR รูปแบบใหม่แห่งแรกในเอเชียกับ “มหานคร สกาย ไรด์ส” นั้นอยู่บริเวณชั้น 1 ใกล้เคาน์เตอร์ขายตั๋วขึ้นชมสกาย วอล์ค จะใช้เวลาเล่นผาดโผนบนความสูงเสมือนจริงกับ VR ราว 2 นาที เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมใหม่ที่ต้องลอง ต้องห้ามพลาด !!

 จากนั้นประมาณเดือนกรกฎาคม 2562 คิง เพาเวอร์ มหานคร จะชวนมาฉลองความยิ่งใหญ่กับอีก 1 โครงการใหม่บนยอดอาคารทันสมัย นั่นก็คือการเปิดบริการ “ร้านอาหารลอยฟ้า-MAHANAKHON BANGKOK SKY BAR” บนชั้น 76-77 ซึ่งได้ทุ่มทุนดีไซน์ความเก๋ เท่ ล้ำสมัย ขนาดพื้นที่รองรับได้มากถึง 200 ที่นั่ง พร้อมบริการเสิร์ฟเมนูยอดนิยมส่งผ่านอัตลักษณ์ไทย และอาหารกับเครื่องดื่มสไตล์ฟิวชั่นผสมผสานอย่างลงตัว

 เพื่อตอกย้ำว่านักธุรกิจคนไทย “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ภายใต้การนำของทายาทรุ่น 2 “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และครอบครัวศรีวัฒนประภา ที่รับไม้ต่อจากวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานกรรมการผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น นักพัฒนาธุรกิจรุ่นสองก็มีศักยภาพความสามารถหลากหลายเป็นมืออาชีพไม่แพ้ชาติใดในโลก

 ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์รางน้ำอัดแคมเปญช้อปพันรับคืนพันบาท



 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนให้ไปช้อปกับแคมเปญแบบรับเต็ม ๆ “Shop 1,000 Get 1,000” ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันนี้- 16 กรกฎาคม 2562 โดยให้สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ เพียงซื้อสินค้าตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จรับเงิน (1 สิทธิ์/ ท่าน/ วัน) รับทันที คูปองส่วนลด 1,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าในครั้งต่อไป 3,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จรับเงิน โดยมีเงื่อนไข 1.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าร่วมรายการเพิ่มเติม ณ จุดขาย 2.สามารถ ใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์

 3.ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday Celebration , ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E- Cash, Cash Card , Gift Card , Gift Voucher, Cash Voucherรวมถึงคูปองส่วนลดอื่นๆ ยกเว้น ยอดเงินในบัตรสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครบัตรสมาชิก สามารถร่วมรายการ

4.บัตรเครดิตร่วมคิงเพาเวอร์กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย สามารถร่วมรายการ 5.คูปองส่วนลดมูลค่า 1,000 บาท ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดจากบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ 6.คูปองส่วนลด หมดอายุภายในวันที่ทำการแลกรับวันนั้น ๆ

 ข่าวที่ 3 “ททท.ผนึกพีทีทีบลูการ์ดโหมแจกสิทธิพิเศษเมืองรอง24จังหวัด”  



ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. จับมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เปิดแคมเปญ “เที่ยวเมืองรอง ความสุขยกกำลัง 2 กับ พีทีที บลูการ์ด” ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 –25 สิงหาคม 2562 เพื่อกระตุ้นคนไทยท่องเที่ยวเมืองรอง โดยมีโปรโมชั่นพิเศษให้สมาชิกบัตรสะสมคะแนน พีทีที บลูการ์ด (PTT Blue Card) เที่ยวเมืองรองรับแต้มได้ 2 เท่า และดึงแพทตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา มาเป็นพรีเซ็นเตอร์สร้างสีสันและความคึกคัก พร้อมทั้งตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้เข้าสู่พื้นที่เป้าหมายเมืองรองตลอดแคมเปญไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท 

สถิติปี 2561 ตลาดคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง 83.66 ล้านคน เติบโต 4.89 % สร้างรายได้ 230,998.17 ล้านบาท เติบโต 9.35%

 นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ กล่าวว่า แคมเปญนี้จะเชิญชวนสมาชิกสมาชิกพีทีที บลูการ์ดมากกว่า 4.5 ล้านราย ออกเดินทางเที่ยวในพื้นที่เมืองรอง 24 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย ลำปาง น่าน สมุทรสงคราม ราชบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม เลย บุรีรัมย์ นครศรีธรรมราช ตรัง ชุมพร ระนอง สตูล ตราด จันทบุรี และนครนายก โดยจะมอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกเมื่อใช้จ่ายเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น หรือซื้อสินค้าที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ และศูนย์บริการการยานยนต์ฟิต ออโต้ กว่า 1,000 สาขา ระหว่าง 1 กรกฎาคม 2562 –25 สิงหาคม 2562

 ซึ่งทุกยอดใช้จ่ายจะได้รับคะแนนสะสมพิเศษถึง 2 เท่า และจัดหาร้านค้าและโรงแรมกว่า 500 แห่งมอบส่วนลด โดยกดรับสิทธิ์ผ่าน พีทีที บลูการ์ด โมบาย แอปพลิเคชัน ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป

 ข่าวที่ 4 “บีซีพีจี ติดอันดับหุ้นยั่งยืน ESG100 ต่อเนื่อง 2ปีซ้อน” 

 นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทในเครือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ บีซีพีจี ติด ESG100 ประจำปี 2562 ด้วยการคัดเลือกจาก 771 หลักทรัพย์จดทะเบียน (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่ม ทรัพยากร (Resources) และยังเป็นบริษัทที่อยู่ในทำเนียบ ESG100 ติดต่อกัน 2 ปี

สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม รวมถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทและสังคม

 ช่วงที่ 2 มีเวลาตะลอนเที่ยวกรุงเทพฯ ในมุมใหม่กัน เริ่มจากไปเดินชมตลาดแห่งแรกของเมืองไทย “ตลาดนางเลิ้ง” หาของอร่อย ๆ ทั้งคาวหวาน กินกัน จากนั้นก็มุ่งตรงเข้าวัดที่ได้รับรางวัลระดับเอเชียแปซิฟิกอย่าง “วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร” แล้วไปหาชมบรรยากาศในบริเวณฝั่งธนบุรีย่านกุฎีจีน “ตลาดวังหลัง” กับโบสถ์ซานตาครู้ส ที่มีโดมอิตาลีสวยงาม ทางด้าน “สำนักงานประกันสังคม” เตือนให้ระวังโรคที่มากับหน้าฝน และฟังข่าวท้ายชั่วโมง “ททท.จับมือศรีลังกา” ปั๊มยอดท่องเที่ยวปี’62 เพิ่ม 12 % “เปิดรายงาน UNWTO” ชี้ท่องเที่ยวทั่วโลกโตสูงถึง 6 % “บางกอกแอร์” โหมขายเที่ยวข้ามภาค เชียงใหม่-กระบี่ จัดแคมเปญ “บินดีอยู่ดี” 3 วัน 2 คืน เริ่มที่ 7,950 บาท “กรมทางหลวง” เทงบ 143 ล้านบาท ยกเครื่องถนนสายท่องเที่ยวระยอง “มิวเซียมพาสส์” ผนึกเรือเจ้าพระยาแจกส่วนลดล่องเรือ ช้อปปิ้ง

 @มาค้นหาเสน่ห์เมืองกรุงในตลาดนางเลิ้ง-วังหลัง-วัดรั้วเหล็ก  



ในเดือนกรกฎาคมนี้ลองสำรวจแหล่งท่องเที่ยวดูบ้างมีทั้งตลาด และร้านอาหารพื้นบ้านน่าเดินอยู่หลายแห่ง อย่าง “ตลาดนางเลิ้ง” บนถนนนครสวรรค์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นตลาดแห่งแรกของเมืองไทย มีร้านค้าเรียงรายกันอยู่จำนวนมาก เลือกกินได้สารพัดเมนูคาวหวานอร่อย ในแต่ละวันช่วง 10 โมงเช้าถึงบ่ายโมง บรรยากาศจะค่อนข้างคึกคัก แล้วแนะนำให้ชิม เป็ดพะโล้รุ่งโรจน์ ไส้กรออกปลาแนม บะหมี่เกี๊ยวนางเลิ้ง หอยครกสุกัญญา สาคูไส้หมูแม่สะอิ้ง และอีกหลากหลายจานเด็ด



จากนั้นก็แวะวัด “ประยูรวงศาวาสวรวิหาร” หรือวัดรั้วเหล็ก อยู่ตรงเชิงสะพานพุทธยอดฟ้า เขตธนบุรี สร้างมานานเกือบ 200 ปี กวาดรางวัลมามากมาย เมื่อปี 2556 ชนะเลิศโครงการประกวดการอนุรักษ์ทางมรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเป็นวัดหนึ่งเดียวแห่งรัตนโกสินทร์ที่ใช้เสาอิฐเป็นแกนกลางเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ผนังด้านรอบองค์เจดีย์เจาะช่องลึกประมาณ 50 เซนติเมตร มีพระประจำวันเกิดบรรจุอยู่รอบทิศทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ไปทำบุญกัน



 หรือจะไปชม “ตลาดวังหลัง” ตรอกวังหลัง ซอยอรุณอัมรินทร์ 22 เขตบางกอกน้อย ก็มีของกินอร่อย ๆ เนเส้นทางสัญจรเป็นแหล่งรวมสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้าแบบเรียบง่ายราคาสบายกระเป๋า มีเสน่ห์ลึกซึ้งเก๋ไปอีกแบบ มีร้านวังหลังเบเกอรี่ที่ผู้คนนิยมมาอุดหนุน



 อีกแห่งคือ “โบสถ์ซานตาครู้ส” นิกายคาทอริก อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขตธนบุรี ถือเป็นศาสนสถานสำคัญย่านกุฎีจีน จุดเด่นอยู่ตรงยอดโดมแบบอิตาลีสวยงามสง่า ลักษณะคล้ายมหาวิหารฟลอเรนซ์ แบบเดียวกับพระที่นั่งอนันตสมาคม ภายในมีอาคารชั้นเดียว และประดับด้วยกระจกสีเล่าเรื่องราวคริสศาสนา เป็นความงดงามในเมืองกรุงที่น่าค้นหาและท่องเที่ยว

 ลองเที่ยวกรุงเทพฯ กันดูบ้างก็จะได้เห็นวิถีชีวิตในมุมใหม่ ที่มีเสน่ห์ เก๋ เท่ เที่ยวได้ทุกวัน ทุกเวลา 

@ประกันสังคมแนะให้ระวังโรคอันตรายที่มากับฝน 



สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แนะนำการดูแลสุขภาพช่วงฤดูฝนนี้ โรคที่คนเป็นกันมาก เช่น โรคไข้เลือดออก โรคคอติดเชื้อ โรคท้องเสีย โรคผิวหนังอักเสบ โรคฉี่หนู และโรคจากไวรัส ที่ทำให้เป็นหวัด และเป็นไข้ รวมถึงไข้หวัดใหญ่ ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าปี 2562 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้ว 175,199 ราย และมีผู้เสียชีวิต 14 ราย อีกทั้งพบกลุ่มเสี่ยงในผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ที่มีอาการรุนแรงจากโรคปอดอักเสบแทรกซ้อน

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคดังกล่าว สำนักงานประกันสังคมจึงขอแนะนำดูแลสุขภาพรับมือหน้าฝนว่า ควรดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้วในปริมาณที่เพียงพอ ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด กินอาหารที่ให้วิตามินสูงครบถ้วน พกร่มหรือเสื้อกันฝนไว้ตลอด เมื่อเปียกควรอาบน้ำสระผมทันที และควรกินยาดักไข้หากรู้สึกตัวอุ่น ๆ ร้อน ๆ หนาว ๆ และหากเกิดเจ็บป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในกรณีหากเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน

 ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ภายใน 72 ชั่วโมงแรก พร้อมนำหลักฐานมายื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน คือ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01) ใบรับรองแพทย์ ใบเสร็จรับเงิน และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรก ที่มีชื่อ – เลขที่บัญชี ของผู้ประกันตน

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้กำชับหน่วยงานและสถานพยาบาลที่ให้บริการในระบบประกันสังคมทั่วประเทศ แนะนำสิทธิประโยชน์ พร้อมดูแลผู้ประกันตนเต็มที่ 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/ จังหวัด/ สาขาทั่วประเทศที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง 

 ข่าวแรก “ททท.จับมือศรีลังกาปั๊มยอดนักท่องเที่ยวปี’62เพิ่ม12%



 นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิค การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กล่าวว่า ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่าง ททท. และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา จะเป็นการทำงานบูรณาการซึ่งกันและกัน โดยจะมุ่งเน้นร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายให้มีประสิทธิภาพ มีความชัดเจน และตระหนักถึงประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ รวมทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น และสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการท่องเที่ยวในภาวะวิกฤต เพื่อทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของผู้ทั้งสองประเทศ มีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

สถิติปี 2561 มีนักท่องเที่ยวศรีลังกามาไทย 65,000 คน และคาดปี 2562 จะมีประมาณ 73,000 คน เพิ่มขึ้น 12 % หรือ ช่วงเมษายน เป็นเดือนที่นักท่องเที่ยวศรีลังกาเดินทางเข้าไทยมากที่สุด

 ข่าวที่สอง “UNWTOเผยนักท่องเที่ยวโลกโต6%-ไทยแชมป์อาเซียนโกยทัวร์สุขภาพ 

 นางมิ่งขวัญ เมธเมาลี” ประธานสมาคมท่องเที่ยวอาเซียน (ASEANTA : ASEAN Tourism Association) เปิดเผยรายงานของสหประชาชาติด้านการท่องเที่ยว (UNWTO) ระบุช่วงมกราคม-มิถุนายน 2561 สถานการณ์ท่องเที่ยวทั่วโลกมีการเดินทางรวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านคน เติบโตเพิ่มขึ้น 6% ประกอบด้วย ยุโรป 713 ล้านคน เติบโต 7% เอเชีย-แปซิฟิก 343 ล้านคน เติบโต 7% อเมริกา217 ล้านคน เติบโต 3% แอฟริกา 67 ล้านคน เติบโต 4% และตะวันออกกลาง 64 ล้านคน เติบโต 5%

 สถิติที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวสูงสุด 10 อันดับแรก มีจำนวนรวมกันกว่า 102.44 ล้านคน เป็นจีนมากสุด 28.38 ล้านคน ตามมาด้วยประเทศกลุ่มอาเซียน ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา สปป.ลาวเมียนมา และบรูไน

ขณะที่ข้อมูลจาก Agoda.com สำรวจความต้องการของนักท่องเที่ยวมีต่างกันไป เช่น นักท่องเที่ยวเลือกไปมาเลเซียจะชอบการท่องเที่ยวเชิงอาหาร นักท่องเที่ยวมาไทย จำนวนมากเพื่อท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือ wellness tourism เที่ยวธรรมชาติและทิวทัศน์ ส่วนที่ไปอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะชอบเที่ยวธรรมชาติและทัศนียภาพ นักท่องเที่ยวไปสิงคโปร์ ส่วนใหญ่ชอบช้อปปิ้งและท่องเที่ยวเชิงหรูหรา

 สำหรับจีนเดินทางสูงสุด 28.38 ล้านคน กระจายมายังอาเซียนเรียงตามลำดับคือ อันดับ 1 มาไทย ต่อด้วย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว เมียนมา และบรูไน

 ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์ขายโปร3วัน2คืนบินดีอยู่ดีข้ามภาคเชียงใหม่-กระบี่” 



 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จัดโปรโมชั่น “บินดี อยู่ดี เชียงใหม่ - กระบี่ 2019” เสนอแพ็คเกจบัตรโดยสารเครื่องบินเส้นทางเชียงใหม่-กระบี่ พร้อมที่พัก 3 วัน 2 คืน และทัวร์เกาะ 1 วัน ราคาเริ่มต้นคนละ 7,950 บาทโดยมีกติกาต้องเดินทางพร้อมกัน 2 คนขึ้นไป จองที่นั่งและซื้อแพ็คเกจได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2562 นำไปใช้เดินทางได้จนถึง31 ธันวาคม 2562

โดยราคาดังกล่าวรวมตั๋วโดยสาร ไป-กลับ เชียงใหม่ – กระบี่ ห้องพัก 3 วัน 2 คืน พร้อมอาหารเช้า รถรับส่งไปกลับสนามบิน - โรงแรม และทัวร์เกาะ 1 วัน โดยสามารถเลือกแพ็คเกจทัวร์เกาะได้ตามเงื่อนไขของบริษัทนำเที่ยว ทั้งนี้ที่นั่งในแต่ละเที่ยวบินจะมีจำนวนจำกัด ขอรายละเอียดเพิ่มได้ที่อีเมล์ Thailandteamgroup@bangkokair.com 

ข่าวที่สี่ “ทางหลวงเท143ล้านปรับถนนใหม่หนุนท่องเที่ยวระยอง”  

นายกฤชเทพ สิมลี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ได้พัฒนาโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทบ้านชุมแสง อําเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีต ขนาด 2 – 4 ช่องจราจร กว้าง 7.00 – 14.00 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1.00 – 2.50 เมตร โดยมีจุดเริ่มต้นที่ กม.0+000 ถึงกม.ที่ 18+526 รวมระยะทาง 18.526 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 143.399 ล้านบาท สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว

โดยได้ปรับปรุงขยายความกว้างผิวจราจรและไหล่ทางพร้อมทั้งติดตั้ง อุปกรณ์อํานวยความปลอดภัยเพื่อรองรับการจราจรที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ อําเภอเขาชะเมากับอําเภอวังจันทร์เข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว เช่น อ่างเก็บน้ำประแสร์รวมถึงเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น น้ำตกเขาชะเมา น้ำตกคลองปลาก้าง ถ้ำเขาวง วัดถ้ำวัฒนมงคล และอื่น ๆ

 โครงการปรับปรุงถนนสายดังกล่าวก็เพื่ออํานวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวให้สามารถสัญจรไป-มา ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นลดต้นทุนด้านการขนส่ง ตลอดจนสนับสนุนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของระยอง

 ข่าวที่ห้า “มิวเซียมพาสส์พ่วงขายทัสร์เรือ409บาท

 นางซองทิพย์ เสริมสวัสดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและกิจกรรม และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและการตลาด มิวเซียมสยาม กล่าวว่า มิวเซียมสยาม และ บริษัท เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท จำกัด ได้จับมือกัน เปิดตัวแพคเกจสุดคุ้ม“มิวพาสพลัสวันเดย์รีเวอร์พาส” ให้สิทธิล่องเรือเจ้าพระยา 1 วัน ในราคาสุดคุ้มเพียง 409 บาท เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้บนเส้นทางแห่งสายน้ำครั้งแรกในไทย พร้อมชวนผู้ถือบัตรรับส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการตลอดเส้นทางการเรียนรู้

 แคมเปญนี้ตั้งเป้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มครอบครัว และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่สามารถให้เส้นทางการเดินเรือ เพื่อเชื่อมต่อไปยังแหล่งเรียนรู้ที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 13 แห่ง อาทิ ลงที่ท่าปากคลองตลาด เพื่อไปแวะที่มิวเซียมสยาม ลงที่ท่าพระอาทิตย์และเดินเท้าอีกนิดเพื่อไปยังบางลำพู รวมทั้งสามารถใช้เข้าชมแหล่งเรียนรู้ทั่วประเทศ 55 แห่ง โทร.02-225-2777ต่อ529  หรือ
เฟซบุ๊MusePass(https://www.facebook.com/musepass)

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ททท.เปิดแผนตลาดTATAP2020ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี63พุ่งถึง4ล้านล้านบาท-ชัพจรลงSouthพังงา ตะกั่วป่า ชุมชนท่าดินแดงแหล่งเมืองแร่ -สังเนห์ท่องป่าร้อยปีLittle Amazon

ผู้นำททท.จัดทัพใหญ่”TATAP2020”ตั้งเป้าโกยรายได้4ล้านล้าน
ชู4ดีโครงสร้าง-สินค้า-ลูกค้า-แบรนด์”1จังหวัด1เที่ยวรับผิดชอบ
 คิงเพาเวอร์เปิดโมเดลซูปเปอร์วินวิน3สัมปทาน4สนามบินทอท.
ททท.จัดคาราวานกระต่ายไฮเทคบูมวันธรรมดานำร่องจันทบุรี
แพร่บุกขายไทยเที่ยวไทยเทแพกเกจทัวร์ราคาเดียว1,192บาท
บางจากเลื่อนนำBBIGเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี63รอความเสถียร
TCEBดันพัทยาฮับไมซ์EEC-จ่อดึงAIRSHOWมาอู่ตะเภาปี’66
 ชีพจรลงSouthเที่ยวงพังงา”เมืองเก่าตะกั่วป่า-ชุมชนเหมือง”
 มารู้จักขยะกันดีกว่าแล้วช่วยกันแยกให้ถูกวิธีช่วยลดโลกเลอะ
ทอท.ครึ่งปีแรกโกย3.2หมื่นล้านผุดสนามบินไฮเทคฉลอง40ปี
แอร์พอร์ตลิงก์ครบ8ปีลดค่าสินค้าแจกสิทธิ์ผู้โดยสารถึงส.ค.นี้ 


ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรมดาน่าเที่ยว #ชีพจรลงSouth #ชุมชนท่าดินแดง 

 ช่วงที่ 1 เกาะติดแผนแม่บทการตลาดกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี2563 จัดทัพท่องเที่ยวสร้างปาฎิหารย์ทำให้ประเทศมีรายได้แตะ 4 ล้านล้านบาท ฝ่าสถานการณ์ร้อนรอบด้าน รักษาตำแหน่งรายได้อันดับ 7 ของโลก โดย ททท.จะบูรณาการทำงานด้วยอาวุธครบมือตามแผนปฏิบัติการ 4 บวก 4 “4 ดี-โครงสร้างดี-สินค้าดี-ลูกค้าดี-แบรนด์ดี” ยกเครื่องซัพพลายใหม่เน้น “ความปลอดภัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครองใจตลาดกลุ่มคุณภาพ “4 เทรนด์มหาอำนาจโลก -Health&Wellness-Wedding&Honeymoon-Sport tourism- Responsible Tourism” งัดโปรเจ็กต์ 1 จังหวัด 1 ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยไม่หวั่นสงครามการค้าหรือค่าเงินบาทแข็ง ยังมีมุมบวกพร้อมขายอีกเพียบ  


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการจัดประชุมแผนการตลาดประจำปี 2563 :TAT Action Plan 2020 นั้นเป็นไปตามแผนระยะยาว สืบเนื่องจาก ททท.มีแผนวิสาหกิจระหว่างปี 2560-2564 ขณะนี้ขยายไปถึงปี 2565 สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การนำไปใช้จะเริ่มกรอบงบประมาณใหม่ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564 โดยมีกระบวนการรับฟังภาคเอกชน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อนำมาปรับปรุงกัน โดยนำพนักงาน ททท.ระดับบริหารตามสำนักงานทั้งในและต่างประเทศมาร่วมหารือกัน การประชุมระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2562 จะจัดทำแผนการตลาดปี 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การจัดทำโครงสร้างภายในองค์กร 2.พัฒนาสินค้าท่องเที่ยวที่ดี 3.มีตลาดหรือลูกค้าท่องเที่ยวที่ดี และ 4.มีแบรนด์การท่องเที่ยวที่ดี ตรงตามวิสัยทัศน์ของ ททท.ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ส่วนตัวชี้วัดจะมีหลัก ๆ การทำรายได้เพิ่มตั้งเป้าจะเติบโตเฉลี่ยอีก 10 % และติดอันดับโลก 1 ใน 7 การทำรายได้จากท่องเที่ยวในปี 2563-2564

สำหรับปีนี้หลังจากได้รับฟังความคิดเห็นมีหลายสะท้อนปัญหาโดยขอให้ ททท.เข้ามาดูแลทางด้าน Supply Size มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้สำเร็จเข้ามาเที่ยวปีละกว่า 38 ล้านคน และคนไทยเที่ยวในประเทศอีกกว่า 146 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้กว่า 3 ล้านล้านบาท แต่พอไปถึงจุดหนึ่งแล้วก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจจะทำการท่องเที่ยวไม่ยั่งยืน

 ดังนั้นจึงขอให้หันมาดูเรื่อง Supply Size 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ด้านความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง การทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี 2.การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังอยู่ในกระแสความสนใจของตลาดทั่วโลก ตัวอย่างกลุ่มนักท่องเที่ยวสแกนดิเนเวียตระหนักมากเรื่องการท่องเที่ยวอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปี 2563 จึงจะบรรจุแผนชัดเจนทั้ง 2 เรื่อง พร้อมกับต้องเดินหน้าบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดูแลภารกิจด้านการดูแลแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจัง



ขณะที่ภารกิจด้านการดูแลตลาดนักท่องเที่ยว (Demand) ททท.ต้องทบทวนการกระจายรายได้จำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าประเทศเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่มุ่งให้ช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อจะทำให้เกิดการกระจายเม็ดเงินถึงมือชุมชนจะต้องหาช่องทางขยายผลต่อยอดอย่างไรได้อีกบ้าง รวมถึงการเพิ่มฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพถึงเวลาที่จะต้องเลือกแล้ว เพราะประเทศมีขีดความสามารถทางการรองรับปริมาณคนอย่างจำกัด

 สรุปแล้วแนวทางของแผนตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2563 ทางด้าน Supply size เน้นมาตรฐานความปลอดภัยควบคู่กับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ส่วนทางด้าน Demand size มุ่งคัดกรองเลือกนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยบูรณาการทั้ง 2 ด้านไปพร้อม ๆ กัน

ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า จะเดินหน้าสร้างพลังเพื่อทำให้เกิดความสนใจหันมาท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ เริ่มจากระหว่างเตรียมแผนหารือกันภายในหน่วยงาน คิดตรงกันให้สร้างความเข้มแข็งการห่วงใยสิ่งแวดล้อมโดยเริ่มต้นจากคนในประเทศก่อน จะนำร่องทำ โครงการ “1 จังหวัด 1 ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ” เพื่อสร้างกระแสรวมทั้งทำเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงการท่องเที่ยวรูปแบบดังกล่าวจะเกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน เจ้าของแหล่งท่องเที่ยว หรือผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งจะนำร่องทำทันทีตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 เป็นต้นไป




 ส่วนแม่เหล็กที่จะทำให้รายได้ปี 2563 ให้ทะยานไปถึงเกือบ 4 ล้านล้านบาท จากการเติบโตเฉลี่ย 10 % จะใช้แม่เหล็กเรื่องจุดเด่นของไทยซึ่งมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวตอบสนองผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มตลาด ซึ่งที่ผ่านมาสามารถเพิ่มการเติบโตปีละ 10 % ได้ จากนี้ไป ททท.ยังจะเดินหน้าหันมาเน้นสร้างความยั่งยืนควบคู่การรักษารายได้ท่องเที่ยวให้ติดอันดับ 7 ของโลกนั้น กำลังพิจารณาว่ายังจำเป็นต้องคงเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10 % ต่อไปหรือไม่ เพราะสถิติปี 2561 ทำเงิน 3.1 ล้านล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้เพียง 3 ล้านล้านบาท ปี 2562 ตั้งไว้ 3.4 ล้านล้านบาท ปี 2563 จะต้องตั้งเป้าหมายอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไร

 หลักการตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2563 จึงต้องพิจารณาถึงเนื้อในว่า รายได้หลักมาจากส่วนใดบ้าง ซึ่งจะให้น้ำหนักกับ 4 กลุ่มตลาด ประกอบด้วย 1.กลุ่มตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ : Health & Wellness 2.การท่องเที่ยวคู่รัก-คู่แต่งงานWedding & Honeymoon 3.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา : Sport Tourism 4.การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ :Responsible Tourism จะเริ่มทำตลาดจริงจังเพื่อให้คนเหล่านี้เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่าง กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเดินทางเข้ามาใช้บริการในไทยมีค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/คน/ทริป หากนำเข้ามาได้ 1 ล้านคน เท่ากับจะตุนรายได้ไว้ในกระเป๋าแล้วถึง 100,000 ล้านบาท เป็นแนวคิดที่จะขับเคลื่อนตลาดท่องเที่ยวปีต่อไป มุ่งเน้น “รายได้กับเจาะเซ็กเมนท์” เป็นภาพรวมที่จะทำอย่างเต็มที่

 ส่วนการกระจายรายได้สู่เมืองรอง ทำได้ 2 อย่าง ประกอบด้วย 1.กระจายในเชิงพื้นที่ เร่งกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง รัฐบาลใหม่จะมีนโยบายอย่างไรซึ่งหากมองเห็นประโยชน์ชัดเจนก็ควรจะดำเนินการส่งเสริมต่อเนื่องต่อไป 2.กระจายในเชิงเวลา ปลุกกระแสคนออกมาท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินจัดกิจกรรมวันธรรมดา เช่น กลุ่มเจนวาย ผู้หญิง ผู้สูงวัย เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เข้ามาเป็นฤดูกาล จะต้องทำการตลาดนอกฤดูกาลอย่างเข้มข้นเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวตอนโลว์ซีซัน กลยุทธ์การบุกเจาะตลาดต่างประเทศก็ต้องขยายแนวไปในพื้นที่เมืองรองตามประเทศต่าง ๆ ด้วย เช่น อังกฤษ ก็จะเปิดตลาดแมนเชสเตอร์ เบอร์มิ่งแฮม เข้ามาเพิ่มด้วยเช่นกัน


 ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า เตรียมรับมือกับสถานการณ์ซึ่งถูกจับตาอาจจะมีผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาไทย เรื่องแรก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีน จะพยายามมองมุมบวกทำให้การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยที่ 5 ซึ่งคนส่วนใหญ่ต้องการพักผ่อนหรือให้รางวัลตัวเอง หากถูกจำกัดที่จะเดินทางระยะไกล ต่อไปนักท่องเที่ยวจีนอาจจะหันมาไทยเพิ่มขึ้นเพราะถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ครองใจจีนได้ กำลังเตรียมทำแคมเปญ “คนไทยจีนครอบครัวเดียวกัน” ตอกย้ำความสัมพันธ์มองไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ตอนนี้ ททท.ในจีน 5 สำนักงาน ที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว คุนหมิง เฉินตู เริ่มเจาะกลุ่มตลาดบน เพราะตอนนี้ชาวจีนนิยมส่งลูกหลานไปศึกษายังประเทศไกลเริ่มหันมามองไทยซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่แพง จึงทำให้เห็นโอกาสการเติบโตของจีนมาไทยเติบโตดีต่อไป




 เรื่องที่ 2 ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ก็สร้างความวิตกกังวล โดยได้รับรายงานจาก ททท.สำนักงานแถบยุโรป ระบุขณะนี้ค่าเงินบาทเริ่มส่งผลกระทบต่อต้นทุนการให้บริการของบริษัทตัวแทนนำเที่ยวเพิ่มขึ้น 10-20 % ไทยจึงต้องเผชิญความกดดันเรื่องแข่งขันกับอีกหลายประเทศที่พร้อมใช้มาตรการราคาเข้ามาสร้างความได้เปรียบ เช่น ตุรกี รัสเซีย ค่าเงินถูกลง ราคาท่องเที่ยวจึงถูกลงโดยอัตโนมัติ แต่จากการประเมินของ ททท.ตอนนี้ค่าเงินบาทอาจไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจไม่เลือกมาเที่ยวเมืองไทย จะมาแต่ระวังเรื่องการใช้เงินมากขึ้นเพราะแลกเงินได้น้อยลง อาจลดเวลาพักในไทยแบ่งเวลาไปยังประเทศเพื่อนบ้านแทนด้วยค่าใช้จ่ายต่ำกว่า หรือประหยัดโดยหันไปซื้อสินค้าตามร้านสะดวกนอกโรงแรมมากขึ้นก็เป็นได้

ซึ่งทางฝ่ายแผนของ ททท.กำลังติดตามประมวลผลการเปลี่ยนแปลงการใช้เงินของนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด หรือคนไทยอาจจะหันไปเดินทางออกเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นเมื่อเงินบาทแข็งค่าก็จะกระทบกับเป้าหมายกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศด้วยอีกทาง เพราะเป้าหมายตอนนี้ต้องการส่วนแบ่งรายได้คนไทยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 33 % ของรายได้ทั้งหมด ดังนั้นตลาดต่างประเทศระยะใกล้จากอาเซียนและเชียจึงเป็นตัวแปรสำคัญ ปี 2563 จะทุ่มทำวางกลยุทธ์แรก “บริหารความเสี่ยง” กระจายความสำคัญให้เท่า ๆ กัน แต่จีนก็ยังเป็นเบอร์ 1 ซึ่งกำลังชะลอตัว แต่อาเซียนก็มีบทบาทสำคัญด้วยความใกล้ชิดมีพรมแดนติดกัน วัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน ส่งผลให้เดินทางเข้ามามากขึ้นปีละกว่า 10 ล้านคน รวมถึงเอเชียตะวันออกก็ต้องรักษาฐานไว้ ด้วยการเจาะเซ็กเมนท์ได้แก่ เกาหลีใต้มุ่งขยายฐานนักกอล์ฟ ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับตลาดผู้หญิงมากขึ้น ส่วนเอเชียใต้อย่างอินเดียได้อานิสงจากการยกเว้นค่าธรรมเนียม VISA ON ARRIVAL :VOA เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ ต่อไปจะบุกกลุ่มครอบครัว และโอเชเนีย คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เริ่มฟื้นตัวกลับมาเสริมตลาดที่หายไป แม้แต่อเมริกาตอนนี้ส่งสัญญาณเติบโตอย่างน่าแปลกใจเพราะเดินทางระยะไกลและไม่มีเที่ยวบินตรง

ส่วนยุโรปกลางสถานการณ์ค่อนข้างดีถึงแม้ฐานจะต่ำบ้าง แต่ ปราก-สาธารณรัฐเช็ค ฮังการี โปแลนด์ จะเป็นดาวรุ่งของไทยในอนาคต อย่างไรก็ตามในการตั้งเป้าหมายปี 2563 ที่จะทำรายได้ให้เข้าเป้าเฉียด 4 ล้านล้านบาท นั้น ททท.ต้องฝ่าฟันความท้าทายในข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างให้ได้ โดยเฉพาะปัจจุบันถูกมองเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวด้านปริมาณหรือจำนวนมาก (mass tourism) แต่นับจากนี้ไปจะเติบโตในเชิงปริมาณแทบจะไม่ได้แล้ว แต่ ททท.นำเสนอรัฐบาลพยายามจะย้ำ “รายได้” จะไม่น้อยกว่าเดิมจากปี 2562 ตั้งไว้ 3.4 ล้านล้านบาท ปี 2563 ก็ต้องเกือบ 4 ล้านล้านบาท ความสำเร็จของไทยที่ผ่านมาเกิดขึ้นได้เพราะ ททท.ทำงานเชิงบูรณาการกับทุกภาคส่วนอย่างเจ้าของพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอีกหลากหลายหน่วยงาน จึงขอให้ยกระดับความตื่นตัวถึงมาตรการความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แทนการมองเพียงรายได้เพียงมิติเดียว โดยเพิ่มกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่นักท่องเที่ยวจะมีมูลค่าเพิ่มช่วยการเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น

ดังนั้นตอนนี้ ททท.กำลังคิดจะทำตัวชี้วัดใหม่คือ Return on Experience :ROX เพื่อเป็นเครื่องมือหรือกลไกบูรณาการความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยวของประเทศ เพราะคงไม่ใช่รายได้แต่ขยายผลเรื่องประสบการณ์เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการทำตลาดท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ใหม่ของ ททท.นั่นเอง

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 ข่าวที่ 1 ““คิง เพาเวอร์”โชว์พลังธุรกิจทศวรรษหน้าปี’63-74” 






 อนาคตของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ภายใต้การนำของ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีก 10 ปีข้างหน้านั้น ได้รับความสนใจต่อเนื่องจากหลาย ๆ ฝ่าย ถึงการเดินหน้า “พลังพัฒนาธุรกิจ” หลังชนะงานประมูลโดยทำคะแนนเทคนิคนำโด่งส่วนเรื่องราคาก็เสนอผลตอบแทนขั้นต่ำทิ้งคู่แข่งแบบขาดลอย ทำให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ต้องตัดสินให้เป็นผู้ชนะได้รับสิทธิประกอบกิจการดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 สัมปทานสัญญา ใน 4 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ ภายใต้สัญญาใหม่ 10 ปี 6 เดือน ระหว่าง 28 กันยายน 2563 – 31 มีนาคม 2574 ด้วยมูลค่าผลตอบแทนขั้นต่ำใหม่ต้องจ่ายให้ ทอท.ปีละรวมกว่า 23,548 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20 %ของรายได้หรือยอดขายหมุนเวียนแต่ละปี

 นัยสำคัญที่ได้จากการประมูลรอบนี้ถือเป็น “ซูเปอร์ วิน วิน” อันเกิดจาก กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทำให้ ทอท. สามารถเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งใหญ่ 2 เรื่องหลัก คือ เรื่องแรก “ยกระดับรายได้ Non Aero” จากกิจการพาณิชย์สนามบินที่ไม่ได้มาจากการบิน ปรับสัดส่วนสูงขึ้นได้เร็วกว่าเป้าหมายไปอยู่ในเกณฑ์สากลสนามบินโลกที่ 50 % เรื่องที่สอง “ปรับสัดส่วนรายได้ Aero” จากกิจการสนามบินได้อย่างเหมาะสมมาอยู่ที่ 50 % ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก เพราะที่ผ่านมาเจ้าของสนามบินส่วนใหญ่ต้องแขวนอนาคตการเติบโตทางรายได้ไว้กับค่าธรรมเนียมปริมาณเที่ยวบินขึ้น-ลง และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าออกสนามบินแต่ละปี นอกจากเรื่องสัดส่วนรายได้ Non Aero จะเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไปแล้ว

ยังมีอีกนัยเรื่อง “ผลกำไรสุทธิรายปี” ของ ทอท.ช่วง 10 ปีหน้าจะเติบโตแตะปีละ 50,000 ล้านบาทเพิ่มเป็นเท่าตัวด้วยหรือไม่ ? จะต้องรอลุ้นกันต่อไป จากปี 2561 สามารถทำกำไรไว้ได้ถึง 25,000 ล้านบาท

 ถึงแม้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะใส่ตัวเลขผลตอบแทนหน่วยงานรัฐน้อยหรือมาก ก็ยังโดนจับจ้องและ/หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างนั่นเอง ส่วนความจริงที่ปรากฏนั้นมีความชัดเจนอยู่ในตัว คือได้เสนอผลตอบแทนขั้นต่ำโดยทำประเมินตามปัจจัยแวดล้อมหลัก ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สร้างความเป็นธรรมโดยไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน ได้แก่

 1.การเดินทางของคนในประเทศและทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การเพิ่มความถี่เข้าออกมีมากขึ้น

 2.ขนาดพื้นที่ประกอบกิจการภายในสนามบินขยายการลงทุนมากขึ้นจากอาคารเทียบเครื่องบินหลังใหม่ (Midfield Satllite Terminal)

 3.ทักษะและประสบการณ์ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สั่งสมมา 30 ปี ทำให้มีความชำนาญในธุรกิจสูง ปัจจุบันสามารถนำดิวตี้ฟรีของไทยทำยอดขายติด 7 ของโลก

 4.มีเครือข่ายพันธมิตรสินค้าแบรนด์เนมแถวหน้าของโลกสนับสนุนเลือกให้นำผลิตภัณฑ์แบบใหม่ล่าสุดมาวางขายในดิวตี้ฟรีไทยเป็นพื้นที่แรก ๆ ของภูมิภาคเอเชีย และปัจจัยปลีกย่อยอื่น ๆ อีกหลายอย่าง 5.มีสินค้าพลังชุมชนเข้ามาเสริมทัพในจังหวะที่เทรนด์ผู้บริโภคในตลาดโลกโหยหามากขึ้น การที่ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” เสนอจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำแต่ละโครงการสูงกว่าคู่แข่งเท่าตัวทิ้งห่างคู่ต่อสู้แบบไม่เห็นฝุ่น ทำให้รัฐวิสาหกิจ ทอท.ได้รับประโยชน์ต่อเนื่องไปอีก 1 ทศวรรษหน้า ประกอบด้วย

 1.บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้รับสิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (duty free) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในพื้นที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังที่ 1 และอาคารเทียบเครื่องบิน (Midfield Satellite terminal) พื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 30,000 ตารางเมตร โดยได้เสนอผลตอบแทนขั้นต่ำ (minimum guarantee) สูงสุดปีละ 15,419 ล้านบาท

 2.บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ได้รับสิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (commercial area) ภายในอาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และอาคารเทียบเครื่องบินหลังใหม่ ซึ่งจะมีพื้นที่ประกอบกิจการเพิ่มขึ้นรวมกว่า 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป จึงได้เสนอผลตอบแทนขั้นต่ำ (minimum guarantee) สูงสุดปีละ 5,798 ล้านบาท

 3.บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้รับสิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ ได้เสนอผลตอบแทนขั้นต่ำ (minimum guarantee) สูงสุดปีละ 2,331 ล้านบาท

 ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เปิดเผยว่า ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้จะเริ่มทำสัญญากับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่ได้รับสิทธิประกอบกิจการทั้ง 3 โครงการ จะได้ทยอยวางแผนการลงทุนใหม่ให้สอดคล้องกับช่วงอาคารเทียบเครื่องบินหลังใหม่เตรียมเปิดบริการภายในเมษายน 2563 เพราะเมื่อทำสัญญากับเอกชนผู้ชนะสัมปทานร้านค้าดิวตี้ฟรีและเชิงพาณิชย์เสร็จเรียบร้อย จะได้เข้าไปพัฒนาควบคู่กับอีกบริษัทที่ได้รับงานวางระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในอาคารดังกล่าว โดยจะมีพื้นที่การค้าเพิ่มอีก 9,000-24,000 ตารางเมตร และมีหลุมจอดเครื่องบินรองรับเที่ยวบินมากขึ้นอีก 28 หลุม

ทำให้ผู้ชนะการประมูลเล็งเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ใช้สอยซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อรายได้จะเติบโตแบบก้าวกระโดดตามไปด้วย จึงเสนอราคาผลตอบแทนสูงตามจริง 

ข่าวที่ 2 “ททท.ส่งทัพกระต่ายไฮเทคบูมเที่ยววันธรรมดานำร่องที่จันท์”




 นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยววันธรรมดาน่าเที่ยว@จันทบุรี ตั้งเป้าเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี เพิ่มทั้งจำนวนและรายได้มากขึ้นตลอดทั้งปี ล่าสุดได้จัดพิธีปล่อยขบวนรถโมเดล “กระต่ายหมาย..จันท์” มุ่งหน้าสู่จันทบุรี เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารด้วยไฮเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ Gen Y และสาวกโซเชียลวัยต่าง ๆ สามารถสแกน QR Code จากโมเดลกระต่าย ซึ่งจะนำไปติดตั้งตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วจันทบุรีที่เข้าร่วมกิจกรรม เช่น ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าของที่ระลึก พร้อมใจกันมอบรับส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษอย่างต่อเนื่องช่วงวันธรรมดา วันจันทร์–วันพฤหัสบดี ตั้งแต่15 กรกฎาคม - 15 กันยายน 2562

 เป็นอีกกลยุทธ์ที่จะช่วยปลุกกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวผู้ที่ชื่นชอบถ่ายภาพพร้อมทั้งแชะแชร์ส่งต่อชวนกันมาเที่ยวเพิ่มขึ้นตลอดปีนี้

 ระหว่างวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคม 2562 ในจันทบุรีเชิญชวนนักท่องเที่ยวไปพบกับกิจกรรมส่งเสริมการเดินทาง“วันธรรมดาน่าเที่ยว @จันทบุรี” บริเวณด้านหน้าอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อำเภอเมือง พร้อมกับโมเดลกระต่ายหมาย...จันท์ ทั้ง 40 ตัว มาจัดแสดงด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพความประทับใจ รวมทั้งจัดให้ชมมินิคอนเสิร์ตจาก โต๋- ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และทอม- อิศรา กิจนิตย์ชีว์

 ภายในงานจะได้รวมร้านค้าที่มีชื่อเสียงทั่วจันทบุรีมาไว้ให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจ มีทั้ง ร้านอาหารถิ่นชื่อดัง ร้านค้าชุมชน OTOP กิจกรรมสาธิตสินค้าชุมชน ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์สนุกสไตล์ More Fun ตะวันออก อย่างเต็มที่

 นายวิบูลย์ นิมิตวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” เล็งเห็นถึงศักยภาพจันทบุรีเป็นเมืองรองด้านการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง มีจุดขายหลากหลายมุมทั้งสวนผลไม้ ธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม ชุมชน ร้านอาหาร หน่วยงานดูแลแหล่งท่องเที่ยว มีความเข้มแข็ง และพร้อมจะผนึกความร่วมมือกับ ททท.กระตุ้นทั้งจำนวนและรายได้ให้คนเดินทางตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเข้าไปพักผ่อนช่วงวันธรรมดา วันจันทร์-พฤหัสบดี ของทุกสัปดาห์ ซึ่งจะได้รับความสะดวกในราคาสบายกระเป๋า จากส่วนลดที่จัดเตรียมไว้มากมายตลอด 60 วัน ระหว่าง 15 กรกฎาคม -15 2562

 ปัจจุบันจันทบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ วิถีวัฒนธรรมชุมชนรอบอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ในอำเภอเมือง รวมถึงอาหารถิ่น การท่องเที่ยววิสาหกิจชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วครอบคลุมถึง 4 อำเภอได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอขลุง อำเภอแหลมสิงห์ และแหล่งท่องเที่ยวสนุก ๆ อื่น ๆ มีกระจายอยู่ทั่วทั้งจันทบุรีเช่นกัน

ข่าวที่ 3 “ททท.แพร่เทขายแพกเกจราคาเดียว1,1192บาท”




 ททท สำนักงานแพร่ ร่วมงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 51 กิจกรรมวันธรรมดาน่าเที่ยว พบกันคูหา I31 และ I 32 วันที่ 27-30 มิ.ย. 62 ณ ไบเทค บางนา ซื้อแพคเกจทัวร์ลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรี บินนกแอร์ กรุงเทพ-แพร่ (ไป-กลับ)จำนวน 1 ที่นั่ง ฟรี โดยมีแพกเกจ “เมืองแพร่ที่ไม่ธรรมดา” ราคาเดียว 1,192 บาท 2 เส้นทาง ได้แก่ 

เส้นทางที่ 1 “อิ่มบุญ 4 พระธาตุแห่งรุ่งอรุณ อิ่มใจบ้านนาคูหา” ไปสักการะ พระธาตุช่อแฮ พระธาตุจอมแจ้ง พระธาตุดอยเล็ง พระธาตุอินทร์แขวน แล้วสัมผัสวิถีการกินมื้อกลางวันกับชุดปิ่นโตนาคูหา เพื่อชมธรรมชาติ ทุ่งหน้า ปลูกห้อม ย้อมห้อม แอ่วเมืองเก่า

 เส้นทางที่ 2 “สามเมืองสุขใจ ลอง มา(น) แพร่ ...เมืองที่ต้องลองไป 1.บ้านปิน พระธาตุห้วยอ้อ 2.โกมลผ้าโบราณ ขนมเส้นย้อย 3.เมืองมานด่านใต้ 4.ปลูกสักบ้านแม่พวก ห่อคัมภีณืใบลานวัดสูงเม่ 5.เที่ยวเมืองแพร่ 6.แอ่วเมืองแพร่คุ้มหลวง 7.คุ้มวิชัยราชา

 ข่าวที่ 4 “บางจากเลื่อนนำบีบีไอจีเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปปี63” 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแนวโน้มเรื่องการนำบริษัทย่อย บมจ. บีบีจีไอ (BBGI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะเลื่อนไปเป็นต้นปี 2563 จากเดิมคาดจะสามารถกระจายหุ้นเพื่อเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจากแนวโน้มตลาดหุ้นปัจจุบันยังไม่ดี ส่วนภาพรวมปีหน้าน่าจะมีเสถียรมากขึ้นกว่าปัจจุบัน สำหรับแผนดำเนินงานของบริษัทในปี 2562 บางจากคาดยังคงเป็นไปตามเป้า โดยยอดขายน้ำมันเติบโต 5-6% มากกว่าตลาดรวมที่โดย 4% ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP)

 ข่าวที่ 5 “TCEBดันพัทยาฮับไมซ์EECดึงแอร์โชว์จัดที่อู่ตะเภาปี’66” 




 นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์ทำตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ตามแผนยุทธศาสตร์เมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลในโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งกำลังก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมเชื่อมต่อทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เชื่อมโยงกัน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา โดยทีเส็บร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และเมืองพัทยา ผลักดันแนวทางการพัฒนาเมืองไมซ์พัทยา หรือ PATTAYA MICE City ให้ยกระดับเป็น EEC MICETROPOLIS เพื่อเป็นฮับไมซ์ภาคตะวันออกต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก คือ การส่งเสริมภาพลักษณ์ “พัทยาเมืองใหม่” หรือ Neo Pattaya ตามที่เมืองพัทยารุกการพัฒนาครบวงจรทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม

 ตามสถิติปี 2561 พัทยาทำรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ สูงถึง 16,064 ล้านบาท โดยมีต่างชาติ 169,629 คน และคนไทย 1,789,966 คน 

ตั้งแต่ปลายปี 2562 เป็นต้นไป วางเป้าหมายจะใช้ศักยภาพพัทยาเป็นเวทีทำธุรกิจ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพิ่มความเข้มข้นด้านเทคโนโลยีส่งเสริมการขยายตัวทุกอุตสาหกรรมสำคัญของไทยใน EEC เช่น งาน Airshow งาน PATA Destination Marketing Forum 2019ควบคู่กับร่วมส่งเสริมการตลาดไมซ์เมืองพัทยาในงานเทรดโชว์ตลาดต่างประเทศ อาทิ เยอรมนี อเมริกา สเปน

 โดยเฉพาะการเตรียมดึงงาน AIRSHOW ระดับโลกมาจัดที่สนามบินอู่ตะเภาช่วงปี 2566-2567 หลังจากได้พูดคุยกับผู้จัดในงาน Airshow 2019 ที่ฝรั่งเศส รวมถึงได้ทำประเมินรับฟังความเห็นมีผู้เกี่ยวข้องต้องการมาจัดในไทยสูงถึง 81 % แต่ TCEB จะต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลไทยอีกครั้ง

 ช่วงที่ 2 เที่ยวแล้วมีแรงบันดาลใจต้องไปเที่ยวเมืองที่มีดีมากกว่าทะเลใน “พังงา” ชมเมืองเก่าตะกั่วป่า ชุมชนท่าดินแดงดูร่องรอยรางแร่โบราณนั่งคะยักชมป่าโกงกาง เขาหน้ายักษ์ “ชุมชนสังเนห์” พายแคนูเที่ยวป่า Little Amazon กินของอร่อยตามร้านท้องถิ่นที่ได้มิชลินและขนมเต้าส้ออายุกว่า 110 ปี ที่สำคัญเรื่องสุขภาพตอนนี้ “เรารู้จักขยะกันแค่ไหนต้องคัดแยกให้เป็น” และข่าวท้ายชั่วโมง “ทอท.ครึ่งปีแรกโกยรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท เตรียมฉลอง 40 ปีโดยพัฒนาสนามบินเป็นไฮเทคดิจิตอล และแอร์พอร์ตลิงก์ครบ 8 ปี แจกส่วนลดสินค้าและสิทธิพิเศษให้ผู้โดยสารเพียบ 

@เที่ยวพังงามีมากกว่าทะเล”เมืองเก่าตะกั่วป่า-เหมืองป่าชุมชน”




 รวมทั้งยังได้นำร่องโครงการ “ถนนคนเดินเมืองเก่าตะกั่วป่า : Takuapa Old Town Walking Street” อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เปิดบริการเป็นครั้งแรกช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว โดยได้รณรงค์ร้านค้าบนถนนเมืองเก่ากว่า 100 คูหาเปิดขายทุกวันอาทิตย์สร้างความคึกคักช่วงหน้าฝนระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม นี้ ควบคู่กับการแนะนำสถานที่ต้องห้ามพลาดตะกั่วป่าโดยได้จัดรถสองแถวไม้ ให้บริการฟรีประจำเส้นทาง เขาหลัก-ตะกั่วป่า ออกทุก 1 ชั่วโมง ไป-กลับ ยัง 8 จุด ได้แก่



 1.ศาลเจ้าพ่อกวนอู-ที่เคารพศรัทธาของชาวตะกั่วป่าและพื้นที่ใกล้เคียง 2.สะพานเหล็กบุญสูง-สะพานข้ามลำธารลำลางเหมืองแร่เป็นร่องรอยความผูกพันอาชีพดั้งเดิม เป็นแลนด์มาร์กจุดแวะถ่ายรูป 3.โรงเรียนเต้าหมิง-โรงเรียนเก่าแก่จีนแห่งแรกของเมืองไทยที่ลูกหลานคหบดีชาวจีนต้องไปเรียน 4.บ้านขุนอินทร์-บ้านคหบดีคนสำคัญที่มาปกครองตะกั่วป่า 5.วัดเสนานุชรังสรรค์-ชาวไทยเชื้อสายพุทธให้ความสำคัญมาก 6.กิจกรรมทำขนมเต้าส้อ-เพื่อเรียนรู้การทำขนมพื้นเมือง 7.แต่งกายบะบ๋า-ผู้หญิงสวมผ้าซิ่นปาเต๊ะกับเสื้อลายดอก ผู้ชายสวมราชประแตน กางเกงสูทคอเต่า 8.ถนนคนเดินตะกั่วป่า มาร่วมกิจกรรม ถ่ายรูปสตรีทอาร์ตสไตล์กราฟิตี้กับภาพหนูน้อยมาร์ดีสามตา






 เที่ยวพังงาในชุมชนท่องเที่ยว “ชุมชนท่าดินแดง” อ.ท้ายเหมือง อดีตเป็นแหล่งผลิตแร่ดีบุกที่ยังมีร่องรอยรางแร่โบราณ การร่อนแร่ให้ชม มีกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ-More Inspire ให้นักท่องเที่ยวร่วมทำอาหารถิ่น อาทิ เมนูน้ำพริก ชมและลงมือทำผักสลัดที่สามารถปลูกได้ในพื้นที่ใช้น้ำน้อย ล่องเรือคะยักท่องป่าโกงกางที่สมบูรณ์แบบ และลงเรือยนตร์ไปยังเกาะบริเวณเขาหน้ายักษ์สัมผัสชายหาดทรายขาว ดูทุ่งหญ้าสะวันนาสีเหลืองทองจะบานเพียง 1 สัปดาห์ช่วงพฤศจิกายนของทุกปี ชุมชนจะคิดค่าทำกิจกรรม 400-800 บาท/คน เป็นการกระจายเม็ดเงินให้เครือข่ายชุมชนมีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยวเฉลี่ย 2,000-7,000 บาท/ครัวเรือน



 “ชุมชนคลองสังเนห์” อ.ตะกั่วป่า ได้ชื่อว่าเป็น Little Amazon เมืองไทย ชาวบ้านรวมตัวกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนสังเนห์บริการพายเรือแคนูครั้งละ 1 ชั่วโมง ท่องเที่ยวป่าไทรและป่าจากโบราณอายุนับ 100 ปี ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์มีสัตว์น้ำหลายชนิดอาศัยอยู่ ค่าบริการท่องเที่ยวคิดค่าเรือ 500 บาท/ลำ นั่งได้ 2 คน ส่วนฝีพายฟรี 1 คน จะมีรายได้ 200 บาท/เที่ยว

 ส่วนตลาดพื้นบ้านที่น่าท่องเที่ยวก็มี “ตลาดปากถักหรือตลาดในหมอก” บ้านปากถัก ต.ท่านา อ.กะปง สร้างความตื่นตาด้วยสินค้ามากมายให้เลือกลางหมอกหนาตั้งแต่ 6 โมงเช้า และร้านขนมท้องถิ่นดั้งเดิมก็ต้องแวะ “ร้านดวงรัตน์” อ.ตะกั่วป่า ต้นตำรับขนมเต้าส้อสารพัดไส้สืบทอดสูตรลับความอร่อยกันมาถึง 110 ปี “ร้านวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านปลิง” อ.เมือง เป็นแห่งเดียวที่ทำเต้าส้อสูตรใบเหมียงพืชพื้นถิ่นที่ปลูกอยู่รอบบ้าน ทำให้มีรายได้เสริมตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท/ครัวเรือน/เดือน



 ร้านอาหารต้องห้ามพลาดในพังงาที่คว้ารางวัลมิชลินไกด์ต้องแวะชิมในอำเภอตะกั่วป่า 3 ร้าน ได้แก่ “ในเหมืองเขาหลัก” เป็นบุฟเฟต์มื้อกลางวันและค่ำ 199 บาท/คน “ร้านครัวน้อง” และ “ร้านครัวใบเตย” เมนูอาหารจะเน้นรสจัดจ้านแบบภาคใต้ มีทั้งแกงส้ม(แกงเหลือง) ผัดสะตอ และอาหารประจำบ้านของคนพังงาคือเมนูหมู อาทิ หมูคั่วเกลือ หมูฮ้อง และอื่น ๆ



 เมื่อเอ่ยที่พักต้องลองเช็คอิน “เทวาสม เขาหลัก บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า” ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า มีอยู่ 68 ห้อง สนนราคาห้องพัก ช่วงฤดูท่องเที่ยวตั้งแต่ 7,000-100,000 บาท/ห้อง/คืน ช่วงหน้าฝนนอกฤดูท่องเที่ยว 3,500-5,000 บาท/ห้อง/คืน ก่อนกลับให้แวะแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์อีกแห่ง “เสม็ดนางชีบูติก” ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นจุดชมวิวอ่าวพังงาทะเลอันดามันได้แบบ 360 องศา มีบริการร้านอาหาร เครื่องดื่ม ห้องพักไล่ระดับตามไหล่เขา 14 ห้อง และลานกางเต็นต์สัมผัสธรรมชาติ มีรถสองแถวฟรีจากพื้นราบขึ้นไปยังจุดชมวิว

 นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แคมเปญ “ชีพจรลง South” กระตุ้นการท่องเที่ยวภาคใต้เชิงรุกช่วงฤดูฝนระหว่างมิถุนายน-กันยายน นี้ เพื่อกระจายสู่ชุมชนเมืองหลักและเมืองรองทั้ง 14 จังหวัด ตามเป้าหมายปี 2562 จะต้องทำรายได้รวม 8 แสนล้านบาท จึงได้โหมทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ บล็อกเกอร์ซึ่งเป็นไอดอลนักเดินทาง 5 สาว รีวิวตามสถานที่ต่าง ๆ เชิญชวนคนไทยออกมาเที่ยวโดยมีรางวัลให้ลุ้นรับถึง 2 แสนบาท พร้อมกับระดมผู้ประกอบการนำเที่ยวกว่า 100 บริษัท ผลิตแพกเกจ สามารถจองซื้อได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป โดยโปรโมตผ่านเว็บไซต์ www.ชีพจรลงSouth.com มีให้เลือก 10 รายการ ผู้ที่เข้าไปจอง 1,000 คนแรก รับฟรีผลิตภัณฑ์ถุงเป๋าชีพจรลง South ลดโลกร้อน และยังเข้าไปติดตามในเพจเฟจบุ๊คของ ททท.ภาคใต้และสำนักงานททท.ทั้ง 10 แห่ง

 @คุณรู้จักขยะดีแค่ไหนมาช่วยกันแยกให้ถูกที่เพื่อสิ่งแวดล้อม 

ทุกวันนี้ เรื่องการจัดการขยะถือเป็นปัญหาใหญ่ ด้วยเหตุผลหนึ่งก็คือ เพราะคนทิ้งขยะโดยไม่รู้ว่าควรจะแยกขยะก่อน หรือควรแยกอย่างไร เนื่องจากขยะที่ปะปนกันส่งผลให้จัดการขยะได้ยาก ขณะที่ขยะบางอย่างนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก ขยะบางชิ้นเป็นขยะอันตราย ต้องจัดการอย่างถูกวิธี หากเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก็จะสามารถช่วยโลกของเราให้มีสภาพที่ดีขึ้นได้ ขยะปัจจุบันที่จะต้องคัดแยกเพื่อทิ้งหรือใช้ประโยชน์ต่อได้ มีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่

1.ขยะย่อยสลาย/เปียกเช่น เศษผัก เปลือกผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ เศษเนื้อสัตว์ ลักษณะ : ขยะเน่าเสียและย่อยสลายได้เร็ว สามารถนำมาหมักทำปุ๋ยได้

2.ขยะรีไซเคิล เช่น แก้ว กระดาษ กระป๋องเครื่องดื่ม เศษพลาสติก เศษโลหะ อะลูมิเนียม ยางรถยนต์ กล่องกระดาษ กล่องเครื่องดื่ม ลักษณะ : บรรจุภัณฑ์หรือวัสดุเหลือใช้ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้

 3.ขยะอันตราย เช่น เข็มฉีดยา แบตเตอรี ถ่านไฟฉาย น้ำมันเครื่องใช้แล้ว ลักษณะ : ขยะปนเปื้อนหรือมีองค์ประกอบของวัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ วัตถุมีพิษ วัตถุที่ทำให้เกิดโรค วัตถุกัดกร่อน และวัตถุที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 4.ขยะทั่วไป เช่น ถุงขนมกรุบกรอบ ถุงพลาสติกบรรจุผงซักฟอก พลาสติกห่อลูกอม ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถุงพลาสติกใส่อาหาร ลักษณะ : ขยะที่ย่อยสลายยากและไม่คุ้มค่าสำหรับการนำกลับมาใช้ใหม่ ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 ข่าวแรก “ทอท.ครึ่งปีแรกโกย3.2หมื่นล้านผุดสนามบินไฮเทคฉลอง40ปี”

 ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ทอท.จะครบรอบ 40 ปี ปัจจุบันบริหารสนามบิน 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ (ทสภ.) ดอนเมือง (ทดม.) ภูเก็ต (ทภก.) เชียงใหม่ (ทชม.) หาดใหญ่ (ทหญ.) และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ทำรายได้ 6 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 31 มีนาคม 2562 (งบการเงินเฉพาะบริษัท) จากการขายหรือให้บริการ 32,035.09 ล้านบาท และรายได้อื่น 781.59 ล้านบาท รวมรายได้คิดเป็น 32,816.69 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่าย 15,275.45 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,565.42 ล้านบาท จึงทำให้มีกำไรสำหรับงวดดังกล่าว จำนวน 13,975.81 ล้านบาท

ปี2563 ในโอกาสครบ 40 ปี ตั้งเป้าก้าวสู่สนามบินที่พร้อมให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลเต็มรูปแบบ ขณะนี้มีโครงการพัฒนา ทสภ. ปีงบประมาณ 2554 – 2560 ระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 พร้อมด้วยระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) จะเปิดได้ภายในปี 2563 ส่วน ทดม.จะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 เพื่อรองรับผู้โดยสารภายในประเทศ การขยายและปรับปรุงหลุมจอดอากาศยาน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 ส่วนที่ ทภก.อยู่ระหว่างก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศให้รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ 10.5 ล้านคน และก่อสร้างลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยาน Code E จำนวน 3 หลุมจอด คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565

ข่าวที่สอง “8ปีแอร์พอร์ตลิงก์ลดสินค้า-แจกสิทธิผู้โดยสารเพียบ”

 บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จัดกิจกรรมฉลอง 8 ปี โดยแจกของขวัญ ความสุข ความบันเทิง ให้ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สมาร์ทพาส ทุกประเภท เมื่อโชว์บัตรประชาชน แจกสิทธิพิเศษในเดือนเกิดมากมาย ได้แก่ บัตรชมภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ ซีนีม่า มูลค่า 480 บาท ที่นั่ง Deluxe Seat หรือ Premium Seat หรือเลือกรับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ (Starbucks) ลายใหม่ล่าสุด หรือเดินทางฟรีวันเกิดแบบไม่จำกัดตลอดทั้งวันถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดร้านค้าและบริการภายในสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 8 สถานี ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2562 โทร. 1690 ตลอด 24 ชม. หรือ www.srtet.co.th, www.facebook.com/AirportRailLink

 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ททท.ส่งทัพกระต่ายหมาย...จันท์ ไฮเทคปลุกทัวร์วันธรรมดา  ธุรกิจทั่วจันทบุรีพร้อมใจจัดโปร15ก.ค.-15ก.ย.

ททท.ส่งทัพกระต่ายไฮเทคปลุกทัวร์วันธรรมดา 
ธุรกิจทั่วจันทบุรีพร้อมใจจัดโปร15ก.ค.-15ก.ย.



เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง  ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #MoreFunตะวันออก #วันธรรมดาน่าเที่ยว #วันธรรมดาน่าเที่ยว #จันทบุรี

ติดตามอ่านได้ในข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_2659669


 ททท.ลุยกระตุ้น “วันธรรมดา น่าเที่ยว” จัดทัพใหญ่ปล่อย “กระต่ายหมาย.จันท์” ผุดสื่อพีอาร์ไฮเทคยุคใหม่ลงพื้นที่จันทบุรี 40 ตัว สร้างสีสัน More Fun ตะวันออก ชวน Gen Y และสาวกโซเชียล บุกไปสแกน QR CODE รับมหกรรมโปรโมชั่นพิเศษ ฟิน กิน เที่ยว แชะ แชร์ ตามโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกตลอด 2 เดือนเต็ม ระหว่าง 15 ก.ค.-15 ก.ย.นี้ 




 นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยววันธรรมดาน่าเที่ยว@จันทบุรี ตั้งเป้าเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี เพิ่มทั้งจำนวนและรายได้มากขึ้นตลอดทั้งปี

ล่าสุดได้จัดพิธีปล่อยขบวนรถโมเดล “กระต่ายหมาย..จันท์” มุ่งหน้าสู่จันทบุรี เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารด้วยไฮเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตอบสนองพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ Gen Y และสาวกโซเชียลวัยต่าง ๆ สามารถสแกน QR Code จากโมเดลกระต่าย ซึ่งจะนำไปติดตั้งตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วจันทบุรีที่เข้าร่วมกิจกรรม เช่น ที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าของที่ระลึก พร้อมใจกันมอบรับส่วนลดและโปรโมชั่นพิเศษอย่างต่อเนื่องช่วงวันธรรมดา วันจันทร์–วันพฤหัสบดี ตั้งแต่15 กรกฎาคม - 15 กันยายน 2562 เป็นอีกกลยุทธ์ที่จะช่วยปลุกกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวผู้ที่ชื่นชอบถ่ายภาพพร้อมทั้งแชะแชร์ส่งต่อชวนกันมาเที่ยวเพิ่มขึ้นตลอดปีนี้



 ระหว่างวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคม 2562 ในจันทบุรีเชิญชวนนักท่องเที่ยวไปพบกับกิจกรรมส่งเสริมการเดินทาง“วันธรรมดาน่าเที่ยว @จันทบุรี” บริเวณด้านหน้าอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อำเภอเมือง พร้อมกับโมเดลกระต่ายหมาย...จันท์ ทั้ง 40 ตัว มาจัดแสดงด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพความประทับใจ รวมทั้งจัดให้ชมมินิคอนเสิร์ตจาก โต๋- ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และทอม- อิศรา กิจนิตย์ชีว์

 ภายในงานจะได้รวมร้านค้าที่มีชื่อเสียงทั่วจันทบุรีมาไว้ให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจ มีทั้ง ร้านอาหารถิ่นชื่อดัง ร้านค้าชุมชน OTOP กิจกรรมสาธิตสินค้าชุมชน ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์สนุกสไตล์ More Fun ตะวันออก อย่างเต็มที่

 ส่วนทัพกระต่ายไฟเบอร์กลาสล็อตนำร่องของ ททท.ชุดนี้ ถือเป็นศิลปะการจัดวาง (Art Installation) โมเดลไฟเบอร์กลาสรูปกระต่าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “กระต่ายหมาย...จันท์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจาจังหวัดจันทบุรี คือ กระต่ายในดวงจันทร์ที่เปล่งแสงเป็นประกาย หมายถึง ความสวยงาม สงบ ร่มเย็นเป็นสุข คอยทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความแรงในการดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวด้วยสีสันและความหมายที่ลึกซึ้งโดยได้ดีไซน์กระต่ายดังกล่าวเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบยืนความสูง 160 เซนติเมตร แบบนั่งความสูง 140 เซนติเมตร นักท่องเที่ยวสามารถสแกน QR Code เพื่อหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและปรโมชั่นพิเศษได้แบบครบวงจร



 นายวิบูลย์ นิมิตวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท.กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดการโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” เล็งเห็นถึงศักยภาพจันทบุรีเป็นเมืองรองด้านการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง มีจุดขายหลากหลายมุมทั้งสวนผลไม้ ธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน รวมทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม ชุมชน ร้านอาหาร หน่วยงานดูแลแหล่งท่องเที่ยว มีความเข้มแข็ง และพร้อมจะผนึกความร่วมมือกับ ททท.กระตุ้นทั้งจำนวนและรายได้ให้คนเดินทางตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเข้าไปพักผ่อนช่วงวันธรรมดา วันจันทร์-พฤหัสบดี ของทุกสัปดาห์ ซึ่งจะได้รับความสะดวกในราคาสบายกระเป๋า จากส่วนลดที่จัดเตรียมไว้มากมายตลอด 60 วัน ระหว่าง 15 กรกฎาคม -15 กันยายน 2562



 ปัจจุบันจันทบุรี มีแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ วิถีวัฒนธรรมชุมชนรอบอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ในอำเภอเมือง รวมถึงอาหารถิ่น การท่องเที่ยววิสาหกิจชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วครอบคลุมถึง 4 อำเภอได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอขลุง อำเภอแหลมสิงห์ และแหล่งท่องเที่ยวสนุก ๆ อื่น ๆ มีกระจายอยู่ทั่วทั้งจันทบุรีเช่นกัน

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ททท.จัดเต็มเที่ยวใต้14จังหวัดโกย8แสนล้าน  บูมหน้าฝน“ชีพจรลงSouth”-เมืองเก่าตะกั่วป่า

ททท.จัดเต็มเที่ยวใต้14จังหวัดโกย8แสนล้าน 
บูมหน้าฝน“ชีพจรลงSouth”-เมืองเก่าตะกั่วป่า


เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #เที่ยวกับกู๋ #ชีพจรลงSouth #ถนนคนเดินเมืองเก่าตะกั่วป่า #TATภาคใต้ 
ติดตามอ่านได้ในมติชนออนไลน์https://www.matichon.co.th/publicize/news_1555670 



ททท.กระหน่ำแคมเปญ ““ชีพจรลง South” 14 จังหวัด เข้าเป้ารายได้ 8 แสนล้าน ลุยเปิดจุดขายเที่ยวหน้าฝน “ถนนคนเดินเมืองเก่าตะกั่วป่า” 8 แหล่งห้ามพลาด ชวนเที่ยวทั่วพังงา ชุมชน ร้านอาหารถิ่นมิชลินไกด์ เตรียมชง TATAP 2020 ปี’63 จัดทัพขาย 4 โซนรุกตลาดคนรวย 

นิธี สีแพร ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคใต้ ททท.


 นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าขณะนี้เร่งแคมเปญ “ชีพจรลง South” กระตุ้นการท่องเที่ยวภาคใต้เชิงรุกช่วงฤดูฝนระหว่างมิถุนายน-กันยายน นี้ เพื่อกระจายสู่ชุมชนเมืองหลักและเมืองรองทั้ง 14 จังหวัด ตามเป้าหมายปี 2562 จะต้องทำรายได้รวม 8 แสนล้านบาท จึงได้โหมทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ บล็อกเกอร์ซึ่งเป็นไอดอลนักเดินทาง 5 สาว รีวิวตามสถานที่ต่าง ๆ เชิญชวนคนไทยออกมาเที่ยวโดยมีรางวัลให้ลุ้นรับถึง 2 แสนบาท พร้อมกับระดมผู้ประกอบการนำเที่ยวกว่า 100 บริษัท ผลิตแพกเกจ สามารถจองซื้อได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป โดยโปรโมตผ่านเว็บไซต์ www.ชีhttp://xn--south-x7qg9ovbu.com/ มีให้เลือก 10 รายการ ผู้ที่เข้าไปจอง 1,000 คนแรก รับฟรีผลิตภัณฑ์ถุงเป๋าชีพจรลง South ลดโลกร้อน และยังเข้าไปติดตามในเพจเฟจบุ๊คของ ททท.ภาคใต้และสำนักงานททท.ทั้ง 10 แห่ง

 รวมทั้งยังได้นำร่องโครงการ “ถนนคนเดินเมืองเก่าตะกั่วป่า : Takuapa Old Town Walking Street” อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เปิดบริการเป็นครั้งแรกช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว โดยได้รณรงค์ร้านค้าบนถนนเมืองเก่ากว่า 100 คูหาเปิดขายทุกวันอาทิตย์สร้างความคึกคักช่วงหน้าฝนระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม นี้ ควบคู่กับการแนะนำสถานที่ต้องห้ามพลาดตะกั่วป่าโดยได้จัดรถสองแถวไม้ ให้บริการฟรีประจำเส้นทาง เขาหลัก-ตะกั่วป่า ออกทุก 1 ชั่วโมง ไป-กลับ ยัง 8 จุด ได้แก่

ศาลเจ้าพ่อกวนอู ถนนคนเดินเมืองเก่าตะกั่วป่า จ.พังงา


 1.ศาลเจ้าพ่อกวนอู-ที่เคารพศรัทธาของชาวตะกั่วป่าและพื้นที่ใกล้เคียง 2.สะพานเหล็กบุญสูง-สะพานข้ามลำธารลำลางเหมืองแร่เป็นร่องรอยความผูกพันอาชีพดั้งเดิม เป็นแลนด์มาร์กจุดแวะถ่ายรูป 3.โรงเรียนเต้าหมิง-โรงเรียนเก่าแก่จีนแห่งแรกของเมืองไทยที่ลูกหลานคหบดีชาวจีนต้องไปเรียน 4.บ้านขุนอินทร์-บ้านคหบดีคนสำคัญที่มาปกครองตะกั่วป่า 5.วัดเสนานุชรังสรรค์-ชาวไทยเชื้อสายพุทธให้ความสำคัญมาก 6.กิจกรรมทำขนมเต้าส้อ-เพื่อเรียนรู้การทำขนมพื้นเมือง 7.แต่งกายบะบ๋า-ผู้หญิงสวมผ้าซิ่นปาเต๊ะกับเสื้อลายดอก ผู้ชายสวมราชประแตน กางเกงสูทคอเต่า 8.ถนนคนเดินตะกั่วป่า มาร่วมกิจกรรม ถ่ายรูปสตรีทอาร์ตสไตล์กราฟิตี้กับภาพหนูน้อยมาร์ดีสามตา



 ระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ททท.ภาคใต้ได้นำทีมผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม และสื่อมวลชนรวมกว่า 40 คน สำรวจและทดสอบสินค้าการท่องเที่ยว จ.พังงา ตามแหล่งท่องเที่ยวชุมชนไฮไลต์ แห่งที่ 1 “ชุมชนท่าดินแดง” อ.ท้ายเหมือง อดีตเป็นแหล่งผลิตแร่ดีบุกที่ยังมีร่องรอยรางแร่โบราณ การร่อนแร่ให้ชม มีกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ-More Inspire ให้นักท่องเที่ยวร่วมทำอาหารถิ่น อาทิ เมนูน้ำพริก ชมและลงมือทำผักสลัดที่สามารถปลูกได้ในพื้นที่ใช้น้ำน้อย ล่องเรือคะยักท่องป่าโกงกางที่สมบูรณ์แบบ และลงเรือยนตร์ไปยังเกาะบริเวณเขาหน้ายักษ์สัมผัสชายหาดทรายขาว ดูทุ่งหญ้าสะวันนาสีเหลืองทองจะบานเพียง 1 สัปดาห์ช่วงพฤศจิกายนของทุกปี ชุมชนจะคิดค่าทำกิจกรรม 400-800 บาท/คน เป็นการกระจายเม็ดเงินให้เครือข่ายชุมชนมีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยวเฉลี่ย 2,000-7,000 บาท/ครัวเรือน

 แห่งที่ 2 “ชุมชนคลองสังเนห์” อ.ตะกั่วป่า ได้ชื่อว่าเป็น Little Amazon เมืองไทย ชาวบ้านรวมตัวกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนสังเนห์บริการพายเรือแคนูครั้งละ 1 ชั่วโมง ท่องเที่ยวป่าไทรและป่าจากโบราณอายุนับ 100 ปี ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์มีสัตว์น้ำหลายชนิดอาศัยอยู่ ค่าบริการท่องเที่ยวคิดค่าเรือ 500 บาท/ลำ นั่งได้ 2 คน ส่วนฝีพายฟรี 1 คน จะมีรายได้ 200 บาท/เที่ยว

ส่วนตลาดพื้นบ้านที่น่าท่องเที่ยวก็มี “ตลาดปากถักหรือตลาดในหมอก” บ้านปากถัก ต.ท่านา อ.กะปง สร้างความตื่นตาด้วยสินค้ามากมายให้เลือกลางหมอกหนาตั้งแต่ 6 โมงเช้า และร้านขนมท้องถิ่นดั้งเดิมก็ต้องแวะ “ร้านดวงรัตน์” อ.ตะกั่วป่า ต้นตำรับขนมเต้าส้อสารพัดไส้สืบทอดสูตรลับความอร่อยกันมาถึง 110 ปี “ร้านวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านปลิง” อ.เมือง เป็นแห่งเดียวที่ทำเต้าส้อสูตรใบเหมียงพืชพื้นถิ่นที่ปลูกอยู่รอบบ้าน ทำให้มีรายได้เสริมตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท/ครัวเรือน/เดือน 



สำหรับร้านอาหารต้องห้ามพลาดในพังงาที่คว้ารางวัลมิชลินไกด์ต้องแวะชิมในอำเภอตะกั่วป่า 3 ร้าน ได้แก่ “ในเหมืองเขาหลัก” เป็นบุฟเฟต์มื้อกลางวันและค่ำ 199 บาท/คน “ร้านครัวน้อง” และ “ร้านครัวใบเตย” เมนูอาหารจะเน้นรสจัดจ้านแบบภาคใต้ มีทั้งแกงส้ม(แกงเหลือง) ผัดสะตอ และอาหารประจำบ้านของคนพังงาคือเมนูหมู อาทิ หมูคั่วเกลือ หมูฮ้อง และอื่น ๆ เมื่อเอ่ยที่พักต้องลองเช็คอิน “เดวาสม เขาหลัก บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า” ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า มีอยู่ 68 ห้อง สนนราคาห้องพัก ช่วงฤดูท่องเที่ยวตั้งแต่ 7,000-100,000 บาท/ห้อง/คืน ช่วงหน้าฝนนอกฤดูท่องเที่ยว 3,500-5,000 บาท/ห้อง/คืน 



ก่อนกลับให้แวะแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์อีกแห่ง “เสม็ดบางชีบูติก” ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นจุดชมวิวอ่าวพังงาทะเลอันดามันได้แบบ 360 องศา มีบริการร้านอาหาร เครื่องดื่ม ห้องพักไล่ระดับตามไหล่เขา 14 ห้อง และลานกางเต็นต์สัมผัสธรรมชาติ มีรถสองแถวฟรีจากพื้นราบขึ้นไปยังจุดชมวิว

ผอ.นิธี กล่าวว่า นอกจากโหมโปรโมตเที่ยวหน้าฝนแล้ว ยังเตรียมเสนอแผนการตลาดเทรนด์ใหม่การท่องเที่ยวภาคใต้ปี 2563 ในเวทีTAT Action Plan 2020 (TATAP 2020) เป็นการประชุมของ ททท.ทั้งในประเทศและทั่วโลกที่จะนำผลสรุปจากการหารือร่วมกับเอกชนท่องเที่ยวมาพูดคุยกันเพื่อจัดทำแผนตลาดประจำปี 2563 ระหว่าง 1-4 กรกฎาคม นี้ ที่จังหวัดอุดรธานี โดย ททท.ภาคใต้จะพุ่งเป้าการเจาะกำลังซื้อตลาดคุณภาพเทรนด์ท่องเที่ยวหรูเพื่อเพิ่มรายได้จากการใช้ต่อคนมากขึ้น โดยมีแหล่งท่องเที่ยวพร้อมขายทั้ง อาหารการกินสด อาหารถิ่นรสชาติอร่อย ผสมผสานกับวัฒนธรรมแตกต่างจากภาคอื่น ๆ ไฮไลต์ 4 โซนหลัก ได้แก่ 1.กินสบาย 2.ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3.ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเที่ยว และ 4.กินหลากหลาย 5 จังหวัดชายแดนใต้

 โซนแรก สุราษฎร์ธานี ระนอง เน้นการกินแบบสบาย ๆ มีทั้งสวนผลไม้ ท้องทะเลสดใหม่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง มีฉลาม วาฬ ภูเขา แม่น้ำ เหมาะกับกลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้หญิง

 โซนที่ 2 นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง ชูจุดขายกินแบบดั้งเดิม เสริมความเชื่อ เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอาหารถิ่นหลากหลาย ไปไหว้พระธาตุเมืองนคร แห่ผ้าขึ้นธาตุ ชักพระ โนราห์ลงครู อาบน้ำว่าน ตรัง-จะมีเทพธาโรขึ้นชื่อ

 โซนที่ 3 เมืองหลัก ภูเก็ต-กระบี่-พังงา-เกาะสมุย เป็นพื้นที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาท่องเที่ยว หรือในช่วงเวลาพิเศษต้องมากับคนพิเศษ ซึ่งเน้นความหรูหราอยู่สบาย แล้วยังมีกิจกรรมอีเวนต์ การท่องเที่ยวเชิงดนตรี กีฬา ทำให้เกิดเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น

 โซนที่ 4 เมืองชายแดน สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กินหลากสไตล์หลายวัฒนธรรม ซึ่งมีความผสมผสานไทยพุทธ ไทยมุสลิม ไทยเชื้อสายจีน โดยมีสงขลากับสตูลเป็นจุดเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านกระจายไปยังจังหวัดใกล้เคียงได้ เน้นเจาะกลุ่มหรูหรา วัยทำงาน พร้อมใช้จ่ายเงินเต็มที่ท่องเที่ยวได้จริง

ส่วนแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ภาคใต้ที่จะเพิ่มรายได้เงินใช้จ่ายต่อคนมากขึ้น คือนำผลิตภัณฑ์สินค้ามูลค่าสูง เช่น แหลมสัก ชูการขายท่องเที่ยวล่องเรือหรูไปทำกิจกรรมดูฟาร์มกุ้งมังกร หรือดำน้ำแถวชุมพร สุราษฎร์ธานี ฝั่งกระบี่ ภูเก็ต พังงา มีที่พักหรู ล่องเรือยอร์ช นครศรีธรรมราช พัทลุง เน้นสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เตรียมทำโปรโมชั่นดึงวัยรุ่นกลุ่มแฟนคลับ “ไลลา” ต้นตำรับแบรนด์ของขลังยอดนิยมชวนคนเที่ยวดินแดนของขลัง และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สร้างมูลค่าเพิ่มมาให้ได้มากที่สุด

ททท.ภูมิภาคภาคใต้จะทำให้แคมเปญ “ชีพจรลง South” สร้างแรงบันดาลใจ-More Inspire สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ชุมชนเติบโตเพิ่มขึ้นในปี 2563 อีกกว่า 10 % ต่อไป


ททท.จัด“Maha Songkran World Fest2025”ดันไทยติด1ใน10สุดยอดเฟสติวัลโลก

  ททท.จัดสุดอลังการ“ Maha Songkran WorldFest 2025” ดันไทยติด 1 ใน 10 สุดยอดเฟสติวัลโลก-โกย 2.6 หมื่นล้าน   กระทรวงการท่องเที่ยว กับ ททท...