วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ทายาทดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์  เปิดแผนธุรกิจตลาดช้อปออนไลน์โตแรงในไทย-จีน

“อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา”ทายาทดิวตี้ฟรีคิงเพาเวอร์ 
เปิดแผนธุรกิจตลาดช้อปออนไลน์โตแรงในไทย-จีน


 เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ #kingpwer #อภิเชษฐ์ศรีวัฒนประภา #ดิวตี้ฟรี #AOT
 ติดตามได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/?p=1734438



ในโอกาสครบรอบ 30 ปี 3 ทศวรรษ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ผู้นำการบุกเบิกร้านค้าปลอดอากร (Duty Free) เมืองไทย โดยดำเนินธุรกิจครอบคลุมแบบครบวงจร มีทั้ง

1.ร้านค้าในเมือง (Duty Free Downtown) 4 แห่ง ได้แก่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต
2.ร้านค้าสนามบิน (Duty Free Airport ) 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต อู่ตะเภา
3.บนเครื่อง (Duty Free Onbroad) ของ 2 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย และแอร์ เอเชีย

4.การขายสินค้าออนไลน์ ผ่าน 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ www.kingpower.com  ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 และแอพลิเคชั่น Kingpower Application เริ่มต้นเปิดการขายออนไลน์ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
“อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษ ถึงกลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถสร้างยอดขายจากสนามแข่งขันช้อปปิ้งออนไลน์ กระตุ้นการใช้จ่ายเงินจากตลาดนักเดินทางคนไทยและนักท่องเที่ยวนานาชาติทั่วโลกที่ชื่นชอบมาพักผ่อนในประเทศไทย ซึ่งมีบริการจัดส่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกจากต้นทางถึงปลายทาง ด้วยคำถามและคำตอบที่น่าสนใจดังนี้

คำถามแรก - กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ วางกลยุทธ์เชิงรุกมุ่งพัฒนาธุรกิจการขายช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์ไว้อย่างไรบ้าง

อภิเชษฐ์ – ได้วางกลยุทธ์การตลาดภาพรวมเชิงรุกธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ปี 2562 ต่อเนื่องปี 2563 ลุยเจาะตลาดผ่าน 2 ช่องทาง คือ www.kingpower.com เข้าสู่ปีที่ 3 กับ Kingpower Application เดินหน้าบริการนักช้อปตลาดคนไทยและนานาชาติโดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า 10 ล้านคน

ปี 2562 การค้าออนไลน์ของคิง เพาเวอร์ มีสัญญาณบวกอย่างมีนัยสำคัญประเมินได้จากยอดขายตลอด 9 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-กันยายน 2562 เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 220 % หรือขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 2 เท่า โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจาก “การเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยวและนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติ” ยุคปัจจุบันและอนาคตหันมาสั่งซื้อสินค้าซึ่งสามารถเลือกหรือตัดสินใจได้ทันที เมื่อเห็นสินค้าที่ใช้อยู่เป็นประจำและคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์นั้น ๆ เป็นอย่างดี 
ประกอบกับการจัดทำหมวดสินค้าวางขายบนแพลตฟอร์ม www.kingpower.com ซึ่งดีไซน์จัดทำรูปแบบบริการตามมาตรฐานสากลพร้อมอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน โดยได้แบ่งประเภทผลิตภัณฑ์แยกหมวดชัดเจน ประกอบด้วย 1.สินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศ นักช้อปคนไทยจะต้องมีตั๋วโดยสารเครื่องบินเดินทางต่างประเทศ เมื่อซื้อแล้วจะต้องไปรับ ณ จุดรับส่งมอบสินค้าหรือ pick up counter ในสนามบินขาออกทั้งที่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ 2.สินค้าแบรนด์ไทย และ House Brand ส่วนใหญ่ผลิตและขายในประเทศได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเที่ยวบินต่างประเทศก็สามารถช้อปได้ ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์แก็ตเจ็ตและอิเลคทรอนิกส์ต่าง ๆ



คำถามที่ 2 – สินค้ายอดนิยม แบรนด์อินเตอร์ แบรนด์ไทย และ house Brand ที่ครองใจนักช้อปออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับแรก เป็นหมวดใดบ้าง

อภิเชษฐ์ – ก่อนอื่นขออธิบายถึงลูกค้าเป้าหมายหลักแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประอบด้วย

กลุ่มแรก “คนไทย” ที่เดินทางโดยต่างประเทศมีตั๋วโดยสารเครื่องบินขาออก แต่ละปีจะมีประมาณเกือบ 10 ล้านคน ส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้า 5 หมวดแรก เรียงตามลำดับดังนี้คือ น้ำหอม เครื่องสำอางค์ อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ สินค้าเอ็กซ์คลูซีพ และ แฟชั่น หากเป็นสินค้าผลิตและขายในไทยอย่างอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่าง ๆ ก็จะสั่งซื้อพร้อมบริการส่งถึงประตูบ้านมากถึง 80 % ถ้าเป็นสินค้าแบรนด์เนมก็จะต้องปฏิบัติตามกติกากรมศุลกากรโดยไปรับสินค้าบริเวณ pick up counter สนามบินขาออกในช่วงเวลาที่มีการเดินทางต่างประเทศที่เที่ยวบินที่ระบุแต่ละครั้ง

กลุ่มที่สอง “นักท่องเที่ยวจีน” จะนิยมซื้อสินค้า 5 อันดับแรก ตามลำดับคือ เครื่องสำอาง น้ำหอม สินค้าอุปโภคบริโภค ของฝาก และสินค้าไทย แบรนด์โด่งดังยอดฮิตที่ชาวจีนชื่นชอบมากสุด ๆ ก็มี เครื่องสำอางแบรนด์มิสทีน ยาหม่องตราถ้วยทอง ยาหม่องตราเสือ สมุนไพรไทย เรื่อยไปจนถึงเครื่องประดับ นาฬิกาแบรนด์ระดับกลาง ๆ ขึ้นไป

นอกจากนี้คนไทยและชาวจีนยังนิยมซื้อเครื่องปรุงอาหารไทยสำเร็จรูป เพราะเมื่อคนไทยไปต่างประเทศหลายวันพอรู้สึกอยากรับประทานอาหารไทยก็สามารถนำเครื่องปรุงเหล่านี้มาทำอาหารได้ทันที ส่วนคนจีนก็ชอบรสชาติอาหารไทยด้วยเช่นกัน อย่างเครื่องแกงสำเร็จรูปได้พัฒนาคุณภาพเป็นเกรดเอโดนใจคนไทยและต่างชาติ รวมถึงหมวดสินค้าที่ทำยอดขายแต่ละเดือนโดดเด่นเป็นพิเศษ เช่น ขนมขบเคี้ยว ผลไม้อบแห้งชนิดต่าง ๆ 


สำหรับสินค้า House Brand ของ คิง เพาเวอร์ เองก็ได้รับความสนใจสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะผลจากการคลุกคลีอยู่กับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างยาวนาน จึงได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ของฝาก ของที่ระลึก ซูวีเนียร์ ที่มีความแตกต่างจากตลาดทั่วไป มาวางขายบนชั้นวางออนไลน์โดนใจลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ 
ปัจจุบันยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรนำกลุ่มสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาร่วมวางขายทางออนไลน์และแอพลิเคชั่นคิง เพาเวอร์ เนื่องจากเริ่มเห็นถึงประโยชน์กับประสิทธิภาพการขาย จึงร่วมมืออย่างเต็มที่ ส่งผลดีต่อการเดินหน้านำสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ กับ คิง เพาเวอร์ แบรนด์ วางขายเพิ่มขึ้นโดยมีความแปลกแตกต่างจากสินค้าออนไลน์ทั่วไปของค่ายอื่น ๆ ประการสำคัญนักช้อปออนไลน์สามารถเลือกหมวดซื้อได้จำนวนมากมายหลากหลายผลิตภัณฑ์



คำถามที่ 3 -เจาะตลาดใหญ่อย่างไร โดยเฉพาะจีนซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยปีละ 10 ล้านคน หรือประชากรในสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกนับพันล้านคน

อภิเชษฐ์ ปัจจุบันชาวจีนฉลาดช้อปมาก โดยพฤติกรรมจะเข้าไปหาข้อมูลสินค้าแต่ละหมวดเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนั้นคิง เพาเวอร์ จึงได้วางกลยุทธ์รุกเจาะกำลังซื้อจีน ด้วยการดำเนินงานอย่างเป็นระบบขั้นตอน คือ 


1.เปิดรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ซื้อจีนทุกกลุ่มแล้วนำมาประมวลผล แล้วประยุกต์พัฒนาสินค้าให้ตรงใจอยู่ตลอด 


2.ลงทุนเปิดสำนักงานคิง เพาเวอร์ มา 4-5 แล้ว ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ข้อมูลก่อนและหลังการขายครบวงจร กิจกรรมโปรโมชั่น การขายผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงระหว่าง สินค้าดิวตี้ฟรีและบริการอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ตั๋วขึ้นชมจุดชมวิวสูงสุดในกรุงเทพฯและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “มหานคร สกาย วอล์ค” บนชั้น 78 อาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร  

3.ผนึกความร่วมมือกับบริษัทเครือข่ายแถวหน้าในจีนกลุ่มผู้ประกอบการ Online Travel Agents : OTA เปิดให้เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาด้วยกันในแต่ละส่วน เพราะจะเป็นพันธมิตรที่เข้าใจพฤติกรรมความต้องการของตลาดจีนด้วยกันเป็นอย่างดี สามารถให้คำแนะนำดีไซน์โปรดักท์แตกต่างจากบริษัทคนไทย อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการเลือกหมวดสินค้าที่จะนำมาวางขายให้โดนใจจีนได้มากกว่า กลยุทธ์นี้สามารถดึงดูดจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยแวะมาซื้อสินค้าในช้อปของคิง เพาเวอร์ แต่ละสาขา เพิ่มขึ้นด้วย



คำถามที่ 4 -ตอนนี้เข้าสู่ฤดูการแข่งขันร่วมประมูลโครงการประกอบกิจการบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร สนามบินดอนเมือง ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” แล้ว จะลงชิงชัยในเวทีนี้อย่างไร
อภิเชษฐ์ – การประมูลครั้งนี้ยังคงเข้าร่วมแข่งขันอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องบอกถึงข้อจำกัด เรื่องความต่างจากเมื่อ 7 ปีก่อน เนื่องจาก ทอท.เจ้าของสัมปทานแยกพื้นที่ออกจากกันเป็น 2 สัญญา คือ สัญญาแรก พื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี สัญญาที่สอง พื้นที่จุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรี แต่ด้วยข้อจำกัดของดอนเมืองซึ่งวางตำแหน่งเป็น “สนามบิน โลว์คอสต์ แอร์ไลน์ส” ต่อเนื่องมาหลายปีจึงส่งผลต่อลูกค้าที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ส่วนใหญ่จะใช้เงินอย่างประหยัดไม่นิยมซื้อสินค้าดิวตี้ฟรีเท่าที่ควร ตอนนี้ คิง เพาเวอร์ มีพื้นที่อยู่ 1,800 ตารางเมตร ทำยอดขายแต่ละเดือนเพียง 10-14 ล้านบาท รวมแล้วปีละไม่เกิน 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5 % ของยอดขายรวมทั้งหมดของดิวตี้ฟรีในไทย น้อยกว่ายอดขายในสนามบินภูมิภาค ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ แต่ละปียังทำได้ถึง 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8 %

ทั้งนี้มีรายงานว่า ทันทีที่ ทอท.เปิดให้เอกชนที่สนใจเข้าร่วมประมูล “งานให้สิทธิประกอบการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (duty free) ณ สนามบินดอนเมือง สามารถซื้อซองเอกสารการยื่นประมูล (TOR) ได้ตั้งแต่ 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2562  กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นรายแรกที่ไปซื้อซองทีโออาร์รายแรกเมื่อ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา 

สำหรับการพิจารณาตัดสินประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิในสัมปทานโครงการนี้ ทอท.กำหนดไว้ดังนี้ 

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ทอท.จะเปิดให้เอกชนรับฟังคำชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม และดูสถานที่ประกอบการ 

วันที่ 11 ธันวาคม 2562 จะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอรายละเอียด เวลา 09.00-11.00 น. ณ ห้องประชุม ทอท.1 ชั้น 6 อาคารสำนักงานใหญ่ ทอท.และในวันเดียวกัน จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติตอนเวลา 11.00 น.

วันที่ 12-13 ธันวาคม 2562 จะให้ผู้ผ่านคุณสมบัตินำเสนอผลงาน (Presentation) ข้อเสนอด้านเทคนิค ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ชั้น 7 อาคารสำนักงานใหญ่ ทอท.

วันที่ 16 ธันวาคม 2562 จะเปิดซองข้อเสนอค่าตอบแทนและประกาศผลคะแนนสูงสุด ตั้งแต่เวลา 9.30 น.เป็นต้นไป








วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

คิงเพาเวอร์นำทัพFOX HUNTวิ่งกับตูนในภาคใต้ คนแห่บริจาคกว่า36ล้านบาทช่วย 7 โรงพยาบาล


คิงเพาเวอร์นำทัพFOX HUNTวิ่งกับตูนในภาคใต้
คนแห่บริจาคกว่า36ล้านบาทช่วย 7 โรงพยาบาล


เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza # สวท97 # #KINGPOWERTHAIPOWERพลังคนไทย  #WeBelieveInThaiPower #เชื่อในพลังคนไทย #ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ #กล้าก้าว
ขอบคุณภาพจาก...ทีมงานคิง เพาเวอร์ 
ติดตามอ่านในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1730491


คิง เพาเวอร์ นำทัพนักเตะ FOX HUNT พร้อมพนักงานบริษัท 150 ชีวิต และนักวิ่งจากทั่วสารทิศกว่า 13,000 คน วิ่งกับ "พี่ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย" ผนึกพลังก้าวคนละก้าว ในภาคใต้ปิดท้ายที่ภูเก็ต ระดมเงินรวมได้ถึง 36 ล้านบาท มอบ 7 โรงพยาบาล ตอกย้ำความเชื่อมั่น "ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็ก ๆ" ของคนไทยสามารถสร้างความแกร่งให้ประเทศได้

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  รายงานว่า ระหว่างวันที่ 24-27 ตุลาคม 2562 ได้ดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม "CSR" มอบโอกาสที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ "คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย" โดยร่วมแสดงพลังครั้งสำคัญในงาน ‘ก้าวต่อไป" เหล่านักเตะเยาวชนไทย Fox Hunt รุ่น 1 ที่คิง เพาเวอร์ เปิดโอกาสให้ไปฝึกทักษะด้านกีฬาฟุตบอลในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ กับทีมพนักงานของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ สาขาภูเก็ตกว่า 150 คน ร่วมสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ร่วมวิ่งระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลในภาคใต้ฝั่งอันดามันที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมด 7 แห่ง


ยอดเงินที่ระดมจากจิตศรัทธาที่ช่วยกันวิ่งและบริจาคครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 36,000,000 บาท (ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2562) จะแบ่งช่วยเหลือทั้ง 7 โรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรี จ.ปัตตานี โรงพยาบาลตรัง จ.ตรัง โรงพยาบาลกระบี่ จ.กระบี่, โรงพยาบาลตะกั่วป่า และ โรงพยาบาลพังงา จ.พังงา โรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราช และโรงพยาบาลวชิระ จ.ภูเก็ต


นายณัฐชนน สร้อยจิตร หนุ่มนักเตะฝีเท้าดี จากโครงการ Fox Hunt รุ่นที่ 1 ปัจจุบันสังกัดทีมนครศรี ยูไนเต็ด กล่าวว่า ตั้งใจมาร่วมวิ่งช่วยเหลือคนใต้ในงาน ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ’ ภาคใต้ พร้อมชวนเพื่อนนักเตะในภาคใต้จากโครการ Fox Hunt รุ่นเดียวกัน อย่าง จักรกฤษณ์ วิเศษรัตน์ จากสโมสรสุราษฎร์ธานี ซิตี้ และจักรวุฒิ เมฆวัน ทีมสยาม เอฟซี มาร่วมวิ่งด้วย  อีกทั้งยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในภาคใต้มีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ ฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้มีโอกาสดีๆ ที่จะมาถึงทุกช่วงเวลา เช่นเดียวกับพวกเราที่คิง เพาเวอร์ ในโครงการ Fox Hunt จนกระทั่งได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้เรียนรู้เทคนิคการเล่นฟุตบอลระดับโลกมาถึงทุกวันนี้

การวิ่งกับตูนครั้งนี้นอกจากระดมทุนหาเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลในภาคใต้แล้ว ยังตั้งใจขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อโอกาสดีๆ ให้ชาวใต้ทุกคนออกกำลังกายสร้างเสริมสุขภาพที่ดีด้วย



“โอกาสที่ผมได้รับจาก คิง เพาเวอร์นั้น เป็นแรงบันดาลใจให้วันนี้อยากเป็นพลังเล็ก ๆ ของการร่วมส่งต่อโอกาสดี ๆ ให้คนใต้ด้วยกัน  จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ผมรับรู้ได้ถึงชีวิตเปลี่ยนไปได้มาก จึงได้ชวนมาวิ่งให้เต็มที่ เต็มกำลัง เพราะเมื่อโรงพยาบาลภาคใต้มีอุปกรณ์การแพทย์ที่ดีขึ้น จะช่วยเปลี่ยนชีวิตให้ทุกคนดีขึ้นเช่นกัน”

โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ตุลาคม 2562  พนักงานคิง เพาเวอร์ 150 คน เริ่มวิ่งเซตแรกด้วยระยะทาง 5.8 กิโลเมตร และมาวิ่ง Mini Marathon อีกครั้งช่วง 16.30 น. ตามเส้นทาง จุดสตาร์ตบริเวณ ลากูน่าโกรฟ - ซาน่าบีชคลับ พร้อมมีกิจกรรมให้คนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียงร่วมบริจาคเงิน และสนุกสนานกับกิจกรรมมากมาย อาทิ บูธถ่ายภาพสวยๆ คู่กับแสตนดี้พี่ตูน และก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ แบบสมจริง ณ บริเวณสวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต



ไฮไลท์กิจกรรมการวิ่งในภาคใต้ครั้งนี้ ชูคอนเซ็ปต์ ‘กล้าก้าวข้ามขีดจำกัด’ ชวนให้ทุกคนกล้าที่จะก้าวออกมาวิ่งทำลายสถิติตนเอง บนเส้นทาง 4  จังหวัด  ได้แก่ ตรัง กระบี่ พังงา และภูเก็ต ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร เช่นเดียวกับ ‘ตูน’ อาทิวราห์ คงมาลัย ที่ตั้งเป้าวิ่งก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ระยะทาง 114 กิโลเมตรภายในวันเดียว  มากกว่าเดิมเคยวิ่งได้ 100 กิโลเมตร

ภายในงานวิ่งที่ภาคใต้และภูเก็ต มีศิลปินดาราจิตอาสามาช่วยวิ่งผลัดเปลี่ยนตลอดเส้นทาง อาทิ นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ, เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์, ดีเจพุฒ-พุฒิชัย, จุ๋ย-วรัทยา, ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน, เต๋า-สมชาย เข็มกลัด, กาย รัชชานนท์ - ฮารุ สุประกอบ และอี๊ด-โปงลางสะออน รวมทั้งยังได้จัดคอนเสิร์ตสุดมันส์จากสุดยอดวงร็อคแถวหน้าของไทย BIG ASS และวง KLEAR ที่มาร่วมระเบิดความมันส์ให้แฟนๆ นักวิ่งได้ชมกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินท่ามกลางสายฝนเย็นฉ่ำ


สำหรับเส้นทางวิ่งปิดท้ายโครงการในภูเก็ต ช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย นั้น ได้คัดสรรบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามของทะเลอันดามันมาให้นักวิ่งกว่า 13,00 คน  ตลอดการสร้างสถิติมินิมาราธอนสุดประทับใจ พร้อมใจวิ่งสร้างปรากฎการณ์กับพี่ตูนทำสิ่งที่ดีคืนประโยชน์สังคมร่วมกันต่อไป


วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ททท.ตะวันออก9จังหสัดลุยขายไฮซีซันส่งท้ายปี62-MoreFun CSRมาแรงปี63-หนาวนี้GoLocalเที่ยวเมืองเลย

ททท.ตะวันออก9จังหวัดลุยขายไฮซีซันส่งท้ายปี62
ปลุกMoreFunCSR3พื้นที่นำร่องเที่ยวยั่งยืนปี’63
ชิมลางจัดมหกรรม”ชื่น-ชม-ชิม”จันทบูร 8-10 พ.ย.
ช้อปDelightsคิงเพาเวอร์ออนไลน์เทลดสุดๆ70%
สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์ออนไลน์-31ต.ค.ลด15%
ท่องเที่ยวชงงบปี63ขอ7.3พันล้านลุยพัฒนา6เรื่อง
ททท.ผนึกช้างใช้ป๋องเบียร์ชูแหล่งเที่ยวเจาะอังกฤษ
บางจาก-บีซีพีจีกอดคอคว้ารางวัลผู้นำพลังงานไทย
TCEBโกยคอนเว็นชั่นโลก18งานจัดในไทย5ปีหน้า
หนาวนี้Go Localปีนภูดูธรรมชาติชมวิถีเมืองเลย
เป็นตะคริวกลางคืนรีบบรรเทาอาการได้ด้วย3วิธี
แอร์เอเชียชูแชทบ็อทAVAบริการ24ชม.11ภาษา
AirBNBให้บุรีรัมย์เมืองยอดฮิตอันดับ3โลกปี’63
สุวรรณภูมิปิดซ่อมรันเวย์ยาว150วันเริ่ม8พ.ย.นี้
เรเนซองส์สมุยเทโปรพิเศษห้องพักไฮซีซัน4สไตล์


เข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen  และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋  #ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ #ทททตะวันออก #ชื่นชมชิมอาหารถิ่นจันทบูรสมัย2 #ปล่อยปูม้าเขี่ยปะการัง  #GoLocalเมืองเลย #งบท่องเที่ยวปี63

ช่วงที่ 1 เจาะลึก “วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชำแหละแผนตลาด 6 สำนักงาน 9 จังหวัด ลุยคลิกออฟการขายรับ 3 เดือนแรก “ตุลาคม-ธันวาคม นี้” ช่วงไฮซีซันส่งท้ายปี และเปิดรับรายได้ใหม่ในปีงบประมาณ 2563 ต่อยอดจุดแข็ง “More Fun” ขยายผล Food-อาหารถิ่น Fruit City-มหานครผลไม้ เปิดหน้าหอจดหมายเหตุเมืองจันท์จัดมหกรรมใหญ่ “ชื่น ชม ชิม อาหารถิ่นจันทบูร สมัย 2” วัดพลังท่องเที่ยว 8-10 พ.ย.นี้ พร้อมปลุกกระแสเที่ยวอย่างรับผิดชอบรณรงค์สร้างซัพพลายไซซ์ นำร่อง 3 พื้นที่ “เกาะสีชัง ชลบุรี-เนินฆ้อ ระยอง-อ่างคุ้งกระเบน จันทบุรี”

นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดทำแผนจากส่วนกลางไปสู่ภาคปฏิบัติการต้อนรับปีงบประมาณใหม่ 2563 ในภาคตะวันออก 6 สำนักงาน (พัทยา ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ฉะเชิงเทรา) ดูแลพื้นที่ท่องเที่ยว 9 จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ วางกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวฤดูท่องเที่ยว (Hight Season) ช่วงปีงบประมาณ 3 เดือนแรก แต่ 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ช่วงระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2562 จะทำกิจกรรมและข้อมูลพร้อมตัวชี้วัดจำนวนกับรายได้ที่หลั่งไหลได้ตามเป้าในแต่ละจังหวัดที่รับผิดชอบ

โดยมีจุดอ่อนที่จะต้องปิดจุดอ่อน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวรองภาคตะวันออก 2.อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นน้อย 3.การท่องเที่ยวช่วงวันหยุดมากกว่าวันธรรมดา จึงวางกลยุทธ์ใหม่ดังนี้ 1.สร้างกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจเพิ่มขึ้น ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเลทางน้ำมีความสวยงาม กิจกรรมจะนำเสนอแฟลกชิปเรื่องอาหารทะเลกับผลไม้จะอยู่ในช่วงมีนาคม-กรกฎาคม จะจัดอีเวนต์อาหาร เดือนตุลาคมนี้ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ วิ่งควาย รับบัวงานออกพรรษา ส่วนเดือนพฤศจิกายนนี้ จะจัดยิ่งใหญ่เปิดให้เข้าฟรีมหกรรม “ชื่น-ชม-ชิม อาหารถิ่นจันทบูร” สมัยที่สอง ระหว่าง 8-10 พฤศจิกายน นี้ โดยวันที่ 10 พฤศจิกายน ตรงกับวันพระราชสมภพพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี โดยเน้นธีมความรักระหว่างรัชกาลที่ 5 กับพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

รวมทั้งในงาน ชื่น-ชม-ชิม อาหารถิ่นจันทบูร ชูจุดเด่นด้วยเมนูอาหารย้อนยุครัชกาลที่ 5 นำเสนอผ่านภาพจำที่สวยงามผ่านหอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบูร จันทบุรี ซึ่งอาหารมีสถาปัตยกรรมสวยงาม เพียงแค่ตกแต่งบรรยากาศเพิ่มด้านหน้าแล้วนำอาหารย้อนยุค อาหารถิ่น อาหารอร่อย ของจันทบุรี มาวางจำหน่าย เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานตลอด 3 วัน ภายในพื้นที่มีวิถีชุมชนชาวญวน และคนท้องถิ่นผู้นับถือศาสนาคริสต์ 

พิเศษ ในจันทบุรีปลายปีจะมี 2 งาน งานแรก “ชื่น-ชม-ชิม จันทบูร” 8-10 พฤศจิกายน นี้ งานที่สอง ฉลองคริสต์มาส วันที่ 24-25 ธันวาคม 2562 มีโบสถ์งดงาม ชาวคริสต์ในจันทบุรีกับทั้งประเทศไทยมารวมตัวกันทำพิธีสำคัญ

ส่วนกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ในระยอง ตราด ทะเลเริ่มสวย เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก พ้นมรสุมแล้ว สามารถท่องเที่ยวได้ไปพร้อมกับ การวิ่ง ปั่นจักรยาน “นครนายก” จะมีกิจกรรมด้านการกีฬา วิ่งและปั่นบริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล กับเชิญชวนนักท่องเที่ยวไปสัมผัสดงกาแฟและทุ่งดอกไม้หน้าเขาฉกรรจ์ ตกเย็นก็รอดูค้างคาวนับล้านตัวบินออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพยามอาทิตย์อัสดง เป็นการนำเสนอรูปมุมมองใหม่ ๆ สามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ปลายปีอากาศจะดี เอกชนจะเปลี่ยนดอกไม้อย่างสวยงาม ทุ่งปอเทือง ดาวเรือง ดาวกระจาย และไม้เมืองหนาว ในบรรยากาศชีล ๆ ขณะเดียวกันก็มี “กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัย” ที่นครนายกด้วย

สำหรับ “ปราจีนบุรี” จะนำเสนอเมืองสมุนไพร มีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติปราจีนบุรีเปิดหลังปรับปรุงแล้วเสร็จ มีวัตถุโบราณสถานที่น่าสนใจ ส่วน “ฉะเชิงเทรา” เหมาะกับการไปสักการะขอพรศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระพิฆเนศมีทั้งองค์ นั่ง ยืน นอน ครบทุกรูปแบบ เป็นการท่องเที่ยวด้านความศรัทธา รวมทั้งการท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์ ในชุมชนสวนมะพร้าว หรือตลาด 100 ปี บ้านท่าใหม่ หรือ “สมุทรปราการ” ก็มีตลาดน้ำบางผึ้ง หลากหลายด้วยการกินและท่องเที่ยวพักผ่อน

ส่วนกิจกรรมเคาน์ดาวน์จะมีศูนย์กลางการจัดที่ “พัทยา” มีพลุสวยงามยิงขึ้นฟ้าท่ามกลางท้องทะเลสวยงา

นายวิบูลย์กล่าวว่าวางแผนผนึกความร่วมมือกับ สายการบิน สถาบันการเงิน ธนาคาร กลุ่มคอร์ปอเรตบริษัทขนาดใหญ่ เพิ่มกลุ่มใหม่อย่างชุมชนต่าง ๆ หรือ Community Base Tourism :CBT และบริษัทจัดการท่องเที่ยวเพื่อการประชุม หรือ Destination Management Meeting : DMC ช่วยกันโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวชุมชนซึ่งทำต่อเนื่องจากปี 2560-2563 รณรงค์การท่องเที่ยวเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ (CSR) และโดยเฉพาะท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อท้องถิ่นเพื่อสร้างความยั่งยืน เตรียมจัดทำโครงการรองรับในปี 2563 ไฮไลต์ทำกิจกรรมโครงการชวนนักท่องเที่ยวร่วมสร้างซัพพลายไซซ์ “ปล่อยปูคืนสู่ทะเล” หลายพื้นที่ภาคตะวันออกมีความพร้อม เนื่องจากนักท่องเที่ยวนิยมบริโภคปูเป็นอาหารจำนวนมาก จึงควรจะหันมาร่วมกันขยายพันธุ์ปูให้สมดุลกับความต้องการบริโภคด้วย จะนำร่องทำ 3 พื้นที่ ได้แก่ 

พื้นที่แรก เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี ร่วมกันทำกิจกรรมปล่อยปูม้ากับปลูกเนื้อเยื่อปะการังได้ตลอดทั้งปี จะเชิญชวนไปเยี่ยมวิถีชีวิตบนเกาะ ซึ่งมีพระราชวังจุฑาธุชที่สวยงาม กับอาหารทะเลสดอร่อยตามร้านอาหารท้องถิ่น

พื้นที่ 2 ชุมชนบ้านเนินฆ้อ จังหวัดระยอง ช่วงวันวาเลนไทน์จะจัดกิจกรรมปูดำ-ปูแสม จะปล่อยเป็นคู่ ๆ เพื่อให้ไปขยายพันธุ์ในทะเล หรือช่วงอื่นก็ปล่อยได้เช่นกัน ราคาเพียงตัวละ 39 บาท แล้วก็ยังมีการทำอีแปะสร้างบ้านหอย ทำซั้งเชือกสร้างบ้านปลา 

พื้นที่ 3 อ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีกิจกรรมเหล่านี้จัดต่อเนื่องเป็นประจำอยู่แล้ว

กิจกรรมนำร่องการท่องเที่ยวเพื่อบำเพ็ญประโยชน์สู่ชุมชนทั้ง 3 แห่งจะเป็นต้นแบบขยายไปทำในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย เป็นอีกช่องทางการตลาด ควบคู่กับการเน้นให้นักท่องเที่ยวเล็งเห็นความสำคัญการเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบที่ยั่งยืนระยะยาว
เหมาะจะขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มคอร์ปอเรต นักท่องเที่ยวครอบครัว เดินทางเข้าไปทำกิจกรรมดี ๆ ตลอดทริปได้ในภาคตะวันออก

ขณะเดียวกันการเดินหน้าโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” จะทำต่อเนื่องด้วยการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มเดินทางประชุมสัมมนาในชุมชน โดยเฉพาะพนักงานบริษัทห้างร้านขนาดใหญ่ และหน่วยงานต่าง ๆ ไฮไลต์จะทำโครงการ “กอล์ฟวันธรรมดา” เชิญชวนท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟข้ามภาค โดยได้หารือกันกับ ททท.ในประเทศครบทั้ง 5 ภูมิภาคแล้ว เพื่อยกระดับแต่ละพื้นที่มีศักยภาพชวนคนไปเล่นกอล์ฟ เลี่ยงการตีกอล์ฟวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยจะใช้ราคาลดพิเศษเป็นแรงจูงใจ เป้าหมายโดยรวมปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนคนเที่ยววันธรรมดาอีก 3-5 %

ภาพรวมในภาคตะวันออกจะชูธีม “More Fun-สีสันความสนุก” ช่วงมีนาคม 2563 เตรียมจัดงานใหญ่แบ่งเป็น 2 ช่วง ต้นเดือนมีนาคม ผู้ประกอบการมาออกบูธกอล์ฟวันธรรมดา ที่ไบเทค บางนา ช่วงปลายเดือนมีนาคมจัด “Food Fruit and Fun Festival” นำอาหารถิ่น ผลไม้จากภาคตะวันออก 9 จังหวัดมานำเสนอตลาดนักท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เพราะพอจัดงานเสร็จก็จะเข้าสู่ฤดูเทศกาลท่องเที่ยวสวนผลไม้

นายวิบูลย์ย้ำว่าโจทย์การทำตลาดท่องเที่ยวปี 2563 ค่อนข้างยาก เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับลดงบประมาณปี 2563 ที่จะเริ่มนำเงินเข้ามาใช้ได้แต่ล่าช้าไปเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่ภาคตะวันออกทั้ง 6 สำนักงาน 9 จังหวัด ก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มรายได้และนักท่องเที่ยวกระจายลงสู่ท้องถิ่นครบวงจร

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 ช้อปDelightsคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลดสูงสุด70%
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ได้เปิดช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.kinpower.com   โดยให้นักช้อปเข้ามาผูกไลน์ลงทะเบียนสมาชิกแล้วใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าราคาพิเศษกับแคมเปญ Delights & Surprises 2019 ระหว่างวันนี้ไปจนถึง 31 ตุลาคม 2562
ซื้อผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องสำอาง น้ำหอม ที่เข้าร่วมรายการมีราคาเซอร์ไพรส์เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท ลดสูงสุด 20 % พร้อมส่วนลด on top 10 % เมื่อช้อปครบ 50,000 บาท และ on top 5 % เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท
สำหรับในหมวด Home Delivery ให้ส่วนลดมากสุดถึง 70 % โดยไม่ต้องใส่รหัส

โดยจะให้แก่ผู้ที่เข้ามาผูกบัญชีออนไลน์กับบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ เพื่อรับสิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร ได้ครบ 3 สิทธิประโยชน์ ดังนี้ 1.รับหรือแลกใช้กะรัตสะสม 2.ส่วนลดพิเศษตามหน้าบัตร 3.สิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามโปรโมชั่น แต่ละสัปดาห์ไม่ซ้ำกัน โดยเฉพาะสิทธิพิเศษรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18 % จากธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงศรีอยุธยา ซิตี้แบงก์ เจซีบี ธนชาติ เคทีซี Sim2Fly และ AIG100
ส่วนขั้นตอนการผูกบัญชีออนไลน์กับบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ 1.เข้าเว็บไซต์ www.kingpower.com หรือ Kingpower Application 2.คลิกผูกบัญชีออนไลน์ 3.เลือกซื้อสินค้าผ่านช้อปออนไลน์เพื่อรับหรือแลกใช้กะรัตได้ทันที

ข่าวที่ 2 “สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์ออนไลน์ถึง31ต.ค.ลดเลย15% 
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดให้สมัครสมาชิกแล้ว รับคูปอง ON-TOP 10% พิเศษ !! เฉพาะวันนี้ – 31 ตุลาคม 2562 สมัครแล้วลดทันทีสูงสุด 15%

พิเศษ รับเพิ่ม ! คูปองส่วนลด ON-TOP 10% เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET หรือ ONYX สมัครได้ที่จุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา (ยกเว้น คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และอู่ตะเภา)

เพียงทำตามกติกา 1.ส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์ และคูปองส่วนลด ON-TOP 10% สามารถรับส่วนลดได้ที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา 2.คูปองส่วนลด ON-TOP 10% ไม่สามารถแลกคืน หรือทอนเป็นเงินสด 3.สมาชิก คิง เพาเวอร์ สามารถสะสมยอดซื้อ และกะรัตได้ตลอดระยะเวลา 2 ปี 4.คูปองส่วนลด ON-TOP 10% ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการ Birthday celebration, Gift voucher, Cash voucher, ยอดเงินในบัตรสมาชิก, E-cash, Cash card, Gift card, คูปองส่วนลดทุกประเภท ยกเว้นยอดเงินในบัตรสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครสมาชิก

ข่าวที่ 3 “ท่องเที่ยวชงงบปี’63ขอ7.3พันล้านลุย6เรื่อง”

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนองบประมาณบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2563 มูลค่ารวม 7,317.44 ล้านบาท ระบุนำมาใช้ส่งเสริมพัฒนาให้ไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นบนพื้นฐานวัฒนธรรมไทย ตามเป้าหมายหลัก ๆ 6 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 ระบบนิเวศการท่องเที่ยว ทำให้แหล่งท่องเที่ยวได้รับการฟื้นฟู 50 แห่ง จะใช้งบรวม 5,098.38 ล้านบาท พัฒนา 8 เขต ประกอบด้วย 1.เขตพัฒนาอารยธรรมล้านนา 5 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา 2.เขตมรดกโลกด้านวัฒนธรรม 4 จังหวัด ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก 3.เขตลุ่มเจ้าพระยาตอนกลาง 6 จังหวัด กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี  4.เขตฝั่งทะเลตะวันตก 4 จังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง  5.เขตวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง 5 จังหวัด เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร 6.เขตอารยธรรมอีสาน 5 จังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี 7.เขตอันดามัน 5 จังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง สตูล 8.เขตฝั่งทะเลตะวันออก

   โดยจะเทงบ 1,194.52 ล้านบาท ก่อสร้างทางหลวงชนบทเพื่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ 8 เขต เส้นทางเชื่อมต่อกับเมกะโปรเจ็กต์ Thailand Riviera ระทาง 286.135 กม. จากสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และเดินหน้าพร้อมกับใช้เงิน 2,827.88 ล้านบาท ส่งเสริมตลาดในประเทศกับต่างประเทศ ควบคู่การยกภาพลักษณ์การท่องเที่ยว  จัดทำอีเวนต์การขายและการตลาด จัดงานเทศกาลท่องเที่ยวระดับชาติ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมโครงการ งานต่าง ๆ 

ส่วนที่ 2 ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรวัฒนธรรม ตั้งเป้าสร้างรายได้เพิ่ม 10,384.08 ล้านบาท พร้อมกับดำเนินโครงการ 1.อนุรักษ์พัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์และโบราณสถาน 17 แห่ง โดยใช้งบ 155.48ล้านบาท 2.จัดกิจกรรมส่งเสริมงานประเพณี ดนตรี และกีฬา ใช้งบ 346.19 บาท เช่น ลอยกระทง เมืองรอง 2 แห่ง จัดอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2020 ดึงคนเข้าร่วม 30,000 คน จัดงานไหว้ครูมวยไทยโลกในกรุงเทพฯ และพระนครศรีอยุธยา จัดมหกรรมแข่งขันจักรยานทางไกลตามเส้นทางท่องเที่ยวหลัก 3.อนุรักษ์และพัฒนาพระราชบวรสถานมงคล (วังหน้า) 164 ล้านบาท  4.พัฒนาต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวและเมืองแห่งศิลปะเชิงสร้างสรร ใช้งบ 111.51 ล้านบาท ในพื้นที่พิเศษ 4 แห่ง ได้แก่ เลย เมืองเก่าน่าน  อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร และเมืองโบราณอู่ทอง 5.ปรับปรุงภูมิทัศน์โบราณสถาน โดยใช้งบ 313 ล้านบาท ปรับปรุงในกรุงเทพฯ ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี สุโขทัย เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา สงขลา นครศรีธรรมราช

ส่วนที่ 3 ท่องเที่ยวเชิงธุรกิจและเชิงกีฬา โดยมาจากตลาดไมซ์ปี 2563ต้องได้ถึง 220,499 ล้านบาท สูงกว่าปี 2561 ทำไว้ 209,999 ล้านบาท โดยใช้งบ 510.2819 ล้านบาท ดำเนิน โครงการที่ 1 บูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ 75.85 ล้านบาท ทำ 2 เรื่อง คือ 1. ส่งเสริมการจัดงานระดับโลกในพื้นที่ Thailand Riviera เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจขั้นต่ำ 50,000 คน วงเงิน 22.85 ล้านบาท 2.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจในพื้นที่ศักยภาพ งบ 20 ล้านบาท คัดมาแล้ว 10 เมือง คือ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่  โครงการที่ 2 ส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา  งบ 357.16 ล้านบาท  2 เรื่อง 1.พัฒนาเมืองกีฬา 36 ล้านบาท ให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในปี 2565 อย่างน้อย 2 เมือง มีจังหวัดที่เข้าเกณฑ์คัดเลือก เช่น ชลบุรี สุพรรณบุรี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุดรธานี กระบี่ 2.จัดกิจกรรมกีฬา 321.16 ล้านบาท เช่น งานโมโต จีพี งานเจ็ตสกีเวิลด์ แลถถ่ายทอดสดงานที่เกี่ยวข้อง

 ส่วนที่ 4 ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค จะต้องนำเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทสปี 2563 ไม่ต่ำกว่า 276,413 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2561 ทำไว้ 263,251 ล้านบาท ใช้งบ 138.45 ล้านบาท ทำ 2 โครงการ 1. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกลุ่มอาเซียน 110.95 ล้านบาท สนับสนุนให้เอกชนไทยเจรจาธุรกิจกับต่างชาติในงาน ไทยแลนด์ แทรเวล มาร์ต และร่วมกิจกรรมภายใต้กรอบทวิภาคี พหุภาคี ASEAN, GMS, ACMECS, IMT-GT 2.พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซียน ใช้เงิน 23 ล้านบาท

ส่วนที่ 5 ท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ ปี 2563 ตั้งเป้ารายได้จากตลาดต่างประเทศ 32,383 ล้านบาท สูงกว่าปี 2561 ทำไว้ 30,481 ล้านบาท ใช้งบ 106.06 ล้านบาท ทำ 2 เรื่อง 1.ก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือและบริหารจัดการให้ปลอดภัย งบ 50 ล้านบาท ทำ 3 แห่ง คือ ท่าเทียบเรือโดยสารท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด จ.กระบี่ กับ ท่าเทียบเรือท้องศาลาและท่าเทียบเรือหาดริ้น อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี 2.ศึกษา ออกแบบ วางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเทียบเรือรองสำราญขนาดใหญ่ งบ 31.60 ล้านบาท ในบริเวณ อ.เกาะสมุย อ่าวไทยตอนบน (กรุงเทพฯ สมุทรปราการ) ชายฝั่งทะเลอันดามัน (ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล)

ส่วนที่ 6 ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย ตั้งเป้าเลื่อนอันดับตามเกณฑ์ของ Global Wellness Institute ปี 2563 ไทยอยู่อันดับ 12 จากปัจจุบันอันดับ 13  ใช้งบ 88.17 ล้านบาท ทำ 2 เรื่อง 1.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ งบ 70.47 ล้านบาท ดำเนินการ จัดกิจกรรมกระตุ้นคนเดินทางเข้าไทยให้ตรงกับความต้องการของตลาดใส่ใจดูแลสุขภาพ และคัดสรรพร้อมนำเสนอสินค้ากับบริการรองรับการท่องเที่ยวสุขภาพ 2.พัฒนาเมืองสมุนไพรและศูนย์สุขภาพดี ใช้งบ 6 ล้านบาท ทำ 20 แห่ง ควบคู่การยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงามครบวงจร ภายใต้งบ 9.54 ล้านบาท

ข่าวที่ 4 “ททท.ผนึกช้างใช้ป๋องเบียร์ชูแหล่งเที่ยวเจาะอังกฤษมาไทย”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานลอนดอน รายงานว่า ได้ร่วมสนับสนุน กลุ่มช้าง Chang ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการบินไทยในลอนดอน เตรียมทำแพกเกจนำภาพแหล่งท่องเที่ยวแหล่งไทยแสดงไว้ข้างกระป๋องเบียร์ช้าง เพื่อวางจำหน่ายในห้าง TESCO  ทั่วอังกฤษรวม 380 สาขา จำนวนทั้งสิ้น 39,000 แพคเกจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รับสิทธิ์ลุ้น 10 รางวัล ในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการ EATHAI VISITHAI ปี 2563 ที่ ททท.ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องใช้กระตุ้นตลาดในลอนดอน

ข่าวที่ 5 บางจาก-บีซีพีจีกอดคอคว้ารางวัลผู้นำพลังงานไทย

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากคว้ารางวัล Thailand Energy Award 2019 ด้านพลังงานทดแทน ประเภทโครงการที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้า (Off Grid) จากโครงการ Green Community Energy Management System, GEMS อนาคตการซื้อขายไฟฟ้า และสถานีบริการน้ำมันอัจฉริยะ ที่ติดตั้งในสถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาศรีนครินทร์ 
จากเวทีงาน Thailand Energy Awards 2019 ซึ่งกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน จัดขึ้น เป็นรางวัลการชื่นชมยกย่องผู้ที่มีผลงานดีเด่น เป็นตัวอย่างที่ดีแก่องค์กรต่างๆ และมีส่วนส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทน โดยบางจากฯ ได้ร่วมจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ GEMS ดังกล่าวภายในงาน ณ BITEC บางนา 

ทางด้าน นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และฝ่ายบริหารบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่บริษัทคว้ารางวัล “Innovative Power Technology of the Year – Thailand”  จาก Asian Power นิตยสารพลังงานชั้นนำของเอเชีย ในฐานะบีซีพีจีเป็นผู้ริเริ่มทดลองซื้อขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้ารูปแบบใหม่แบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer) ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนที่โครงการทาวน์ สุขุมวิท 77 (T77)  ประสบความสำเร็จเป็นโครงการแรกในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ข่าวที่ 6 “TCEBโกยงานคอนเว็นชั่นโลก18งานจัดในไทย5ปีหน้า”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า สรุปปีงบประมาณ 2562 ร่วมกับภาคีพันธมิตรจับมือกันร่วมประมูลสิทธิชิงงานประชุมนานาชาติ (convention) เข้ามาจัดในไทยได้ถึง 18 งาน  ทยอยเข้ามาจัดระหว่างปี 2563-2569 เริ่มปี 2563 รวม 6 งาน  ปี 2564 จำนวน 7 งาน  ปี 2565 จำนวน 4 งาน ปี 2569 จำนวน 1 งาน คาดจะมีผู้เดินทางมาร่วมประชุมจากต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 30,100 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2,540 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพไทยในฐานะผู้นำตลาดการประชุมนานาชาติของอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (พ.ศ. 2559-2561) 

โดยเฉพาะตลาดคอนเวนชั่นมีความสำคัญ ถือเป็นความสำเร็จตอกย้ำเรื่องศักยภาพของธุรกิจไมซ์ไทยในระดับนานาชาติทุกมิติ โดยไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการจัดงานระดับโลก บุคลากรมืออาชีพระดับสากลทั้งสมาคม องค์กร และสถาบันการศึกษาที่เข้มแข็ง นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่จะได้มีโอกาสนำเสนอความเจริญก้าวหน้าเชิงวิชาการ การสร้างเครือข่ายแต่ละสาขาวิชาชีพในเวทีนานาชาติแล้ว ยังเปิดโอกาสให้บุคลากรในประเทศเข้าถึงองค์ความรู้ระดับสากล สร้างการเติบโตให้กับทุกอุตสาหกรรมผ่านเวทีการประชุมนานาชาติ ตลอดจนสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจ ทั้งจากการเดินทางมาประชุม การท่องเที่ยว และการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้านการจัดงานระดับโลก 

งานประชุมนานาชาติที่จะมาจัดในไทย ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการแพทย์ การบิน การศึกษา เช่น 1.งานประชุม World Congress of Psychiatry 2020 โดยสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย คาดมีต่างชาติเข้าร่วม 8,000 คน 2.งานประชุม The Routes Asia Development Forum 2020 โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีผู้ร่วม 1,500 คน 3.งานประชุม World Diabetes Congress 2021 โดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ มีผู้ร่วม 8,000 คน 4.งานประชุม International Conference on Family Planning 2021 โดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย มีผู้เข้าร่วม 3,500 คน 

ปี 2563 ทีเส็บตั้งเป้านักเดินทางกลุ่มไมซ์ รวมทั้งสิ้น 37,781,000 คน สร้างรายได้กว่า 232,700 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1,386,000 คน สร้างรายได้ 105,600 ล้านบาท ตลาดในประเทศ 36,395,000 คน สร้างรายได้ 127,100 ล้านบาท

ขณะที่สมาคมการประชุมนานาชาติระดับโลกปี 2561 (International Congress and Convention Association - ICCA) ระบุอุตสาหกรรมไมซ์ไทยครองอันดับ 1 อาเซียนด้านการจัดประชุมนานาชาติต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (ปี พ.ศ. 2559-2561) นำงานเข้ามาจัดเรียงลำดับแต่ละปีดังนี้ 174 งาน, 171 งาน และ 193 งาน และขึ้นเป็นอันดับ 4 เอเชีย จัดประชุมนานาชาติมากถึง 193 งาน รองจาก 1.ญี่ปุ่น 492 งาน 2. จีน 449 งาน 3.เกาหลี 273 งาน 

ช่วงที่ 2 ควงคู่รักไปวัดใจเที่ยวหน้าหนาวกับประสบการณ์ Go Local ขึ้นภู ดูวิว สัมผัสวิถีชุมชนคนเมืองเลย ที่ภูกระดึง-ภูเรือ-ภูลมโล ชมทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่ง เมเปิ้ลเปลี่ยนสี ส่วนใครที่ชอบเป็น “ตะคริวกลางคืน” ต้องอ่าน 3 วิธีช่วยได้ และข่าวลึก ๆ “แอร์เอเชีย” หันพึ่งแชทบอท AVAแทนคอลเซนเตอร์ ให้บริการ 24 ชั่วโมง โต้ตอบได้11 ภาษา “เซอร์ไพรส์บุรีรัมย์” AirBNBจัดเมืองเที่ยวติดอันดับ 3 ของโลกปี’63 “สุวรรณภูมิ” ปิดซ่อมรันเวย์ส 150 วัน เริ่ม 8 พ.ย.2562 “เรเนซองส์เกาะสมุย” เทโปรไฮซีซันขายห้องพักราคาพิเศษ 4 สไตล์

@หนาวนี้ชวนกันไปGo Local ขึ้นภูดูวิถีเมืองเลย

อากาศภาคเหนือเริ่มเย็นลง ไปปีนภูใกล้ชิดธรรมชาติกันที่เมืองรอง “จังหวัดเลย” อุทยานแห่งชาติ “ภูกระดึง” เปิดบ้านรอต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการผจญภัย รอวัดใจคู่รักที่ควงกันไต่เนินเขาระยะทาง 9 กม.ระหว่างสองข้างทางก็กินลมชมธรรมชาติป่าสน ต้นเมเปิ้ลแดงสดใส หรือจะขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดบนผายอดนิยมอย่าง ผาหมากดูก ผาเหยียบเมฆ ผานกแอ่น ผาจำศีล ผาแดง เลือกตามสบายสุดแต่ใจต้องการ
หรือจะไปปีนอีกสักแห่งที่ “ภูเรือ” ซึ่งมีลานหิน ป่าสน ดอกไม้ป่า และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก สวยแปลกตา ก่อนจะไปบันทึกรูปสวย ๆ ของผาน้ำตกอย่าง ห้วยไผ่ กับถ้ำไทร 

ส่วน “ภูลมโล” ตอนนี้ลุ้นว่าดอกนางพญาโคร่งในพื้นที่สุดลูกหูลูกตากว่า 1,000 ไร่ สีชมพูเริ่มบานปกคลุมทั้งหุบเขาให้ได้ถ่ายรูปแชร์ไปชวนเพื่อน ๆ มาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น บริเวณนี้เปิดให้กางเต็นท์พักแรมได้อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ

วางแผนท่องเที่ยวตามภูต่าง ๆ ในเมืองเลยสัก 3 วัน 

เริ่มวันแรก ลุยเก็บภาพ ทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่ง “ภูลมโล” แล้วขึ้น “ภูกระดึง” ท่ามกลางดงเมเปิลแดง แวะไปตามน้ำตกสวย ๆ อย่าง วังกวาง โผนพบ เพ็ญพบใหม่ ถ้ำใหญ่ กางเต็นต์นอนสักคืน 

วันที่สอง ไปชมไร่แมคาเดเมียที่ “ชุมชนปลาป่า” มุ่งหน้าขึ้น “ภูเรือ” ฟังเสียงน้ำตกไหลรินที่ ห้วยไผ่ ผาโหล่น้อย แล้วแวะพักเชียงคานเมืองเงียบสงบริมโขง 

วันที่สาม ไปชมคลื่นทะเลหมอกยามเช้าบน “ภูทอก” หรือจะปั่นจักรยาน เลียบชายโขง ชมบ้านไม้เก่าของชาวเชียงคา แบบไหนก็สุขได้ทั้งนั้น
ห้ามพลาด ซื้อผ้าฝ้าย มะขามแช่อิ่ม หน้ากากผีตาโขน ผลิตภัณฑ์อันเป็นสัญลักษณ์เมืองเลยติดมือกลับมาเป็นของกิน ของใช้ ของระลึก ด้วยช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน

@ตะคริวกินตอนกลางคืนบรรเทาอาการได้ด้วย3วิธี

ตะคริว คืออาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยไม่สามารถบังคับได้ การเป็นตะคริวอาจจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อส่วนใดของร่างกายก็ได้ ในบางรายอาจมีอาการตะคริวที่ขา ในขณะนอนหลับตอนกลางคืนจนสะดุ้งตื่น หรือที่เรียกว่า ตะคริวกลางคืน (Nocturnal Leg Cramps) ซึ่งมักเกิดกับกล้ามเนื้อขาและพบได้บ่อยในคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ 

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่พบว่าบางรายอาจสัมพันธ์กับการที่นั่งอยู่เป็นเวลานานๆ หรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป หรือการยืนหรือทำงานบนพื้นแข็ง เช่น คอนกรีตเป็นเวลานาน หรือนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น นอกจากนี้พบว่าอาการตะคริวอาจสัมพันธ์กับภาวะต่างๆ ได้แก่ การตั้งครรภ์ ภาวะขาดน้ำ กลุ่มโรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โรคต่อมไร้ท่อ หรือการรับประทานยาบางประเภท เช่น ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น หากเกิดขึ้นบ่อยหรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป

หากไม่อยากเป็นตะคริวตอนกลางคืนหรือขณะนอนหลับ ควรนอนในท่าที่สบายผ่อนคลาย ใช้หมอนรองขาให้สูงจากเตียงประมาณ 10 เซนติเมตร ห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมทั้งดื่มนมก่อนนอนเพื่อเพิ่มแคลเซียมและหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นตะคริวขณะนอนหลับ สามารถดูแลให้ดีขึ้นได้ 3 วิธี ดังนี้

1. ยืดกล้ามเนื้อขา ยืดขาให้ตรง 2. กระดกปลายเท้าขึ้นค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง 3. นวดกล้ามเนื้อขาเป็นวงกลมไปเรื่อยๆ จนอาการดีขึ้น

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “แอร์เอเชียชูแชทบอทAVAบริการ24ชั่วโมง11ภาษา
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไทยแอร์เอเชีย จะเข้าสู่ดิจิทัลเต็มตัวโดยได้ลงทุนนำแชทบอท “น้องเอว่า” AVA Live Chat แทน คอลเซนเตอร์ ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้โดยสาร 24 ชม. โชว์ตอบโต้ได้ 11 ภาษา สามารถแก้ปัญหาให้ผู้โดยสารได้จริง  หลังจากพบสถิติปี 2561 ถึงปัจจุบัน แนวโน้มผู้โดยสารจะใช้บริการสอบถามข้อมูลผ่านคอลเซ็นเตอร์ลดลง ส่วนใหญ่หันไปใช้ออนไลน์ติดต่อสายการบินมากขึ้น 

เทคโนโลยีใหม่ที่จะให้บริการถามตอบอัตโนมัติ AVA (เอว่า) แชทบ็อท-Al เป็นพนักงานอัจฉริยะเสมือนจริงของแอร์เอเชีย ซึ่งผู้โดยสารสื่อสารด้วยได้ผ่าน www.AirAsia.com  คลิกเลือก “บริการความช่วยเหลือ” หรือผ่าน AirAsia mobile App เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ตรวจสอบสถานะเที่ยวบิน แก้ไขข้อมูลส่วนตัวผู้โดยสาร ซื้อบริการเสริมพิเศษ เช่น สั่งจองอาหารล่วงหน้า เลือกที่นั่ง และอื่น ๆ 

ข่าวที่สอง “เซอร์ไพรส์!!AirBNBให้บุรีรัมย์ติดเที่ยวอันดับ3โลกปี’63”
Airbnb รายงานการจัดอันดับเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ความสนใจ 20 อันดับแรก เพื่อเลือกเดินทางเข้ามาปี 2563 ผลปรากฎว่ามีชื่อของ “จังหวัดบุรีรัมย์” ติดอันดับ 3 ในฐานะเมืองที่มีชื่อเสียง เป็นที่ตั้งของปราสาทหินเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อุดมไปด้วยภูมิทัศน์ธรรมชาติสวยงาม อีกทั้งยังสามารถอนุรักษ์โบราณสถานทางวัฒนธรรมให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ ไฮไลต์เดือนมีนาคม 2563 ยังจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันรถมอเตอร์ไซด์ความเร็วสูงโมโตจีพี ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม เซอร์กิต แนวโน้มปีหน้ามียอดนักท่องเที่ยวจองมาบุรีรัมย์เพิ่มขึ้น 383% 

ข่าวที่สาม “สุวรรณภูมิปิดซ่อมรันเวย์150วันเริ่ม8พ.ย.62”
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”  เปิดเผยว่า ตามที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้มีการดำเนินโครงการงานซ่อมแซมพื้นผิวทางวิ่งฝั่งตะวันออก (Runway 01R-19L) และทางขับออกด่วน (Rapid Exit Taxiway) ซึ่งแผนดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2562 - 2565 โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่ 2 จึงเตรียมปิดเพื่อปรับปรุงเริ่ม 8 พฤศจิกายน 2562 - 6 เมษายน 2563 รวม 150 วัน จะปรับปรุงพื้นผิวช่วงเวลา เวลา 01.30 - 08.30 น. ปรับรันเวย์ระยะทาง 1,100 เมตร และบริเวณแท็กซี่เวย์ด่วน B3, B5, B7, B8, B10 และ B11 รื้อพื้นผิวเดิมออกบางส่วน และปูพื้นผิวใหม่ด้วยเอสฟัสต์ ซึ่งจะทำให้พื้นผิวรันเวย์กับแท็กซี่เวย์มีความคงทน แข็งแรงยิ่งขึ้น สามารถรองรับการขึ้น-ลงของเที่ยวบินในอนาคตได้เต็มประสิทธิภาพ  

ส่วนช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ระหว่าง 25 ธันวาคม 2562 - 6 มกราคม 2563 และวันหยุดเทศกาลตรุษจีน 18 - 31 มกราคม 2563 จะงดปิดซ่อมทางวิ่งฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีเที่ยวบินคับคั่ง และมีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก 

โครงการปิดซ่อมพื้นผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์ ระยะที่ 2 นั้น ทอท.เสนอให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พิจารณาเห็นชอบเรียบร้อยแล้วเมื่อ 30 สิงหาคม 2562 รวมทั้งแจ้ง กพท. เพื่อออกประกาศ AIP Supplement ให้นักบินและผู้เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับแผนการดำเนินการดังกล่าวเมื่อ 26 กันยายน 2562 

ข่าวที่สี่ “เรเนซองส์สมุยเทโปรไฮซีซันห้องพักสุดพิเศษ4สไตล์”

เรเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา รายงานว่า ได้จัดทำโปรโมชั่นห้องพักพร้อมอาหารและทัวร์เกาะสมุยราคาพิเศษในแคมเปญ ‘Discover This Way’ ชวนลูกค้าร่วมสร้างประสบการณ์ค้นหาตัวตนและมนต์เสน่ห์แต่ละท้องถิ่นเสริมสร้างประสบการณ์มุมใหม่ระหว่างการเดินทางของนักท่องเที่ยวและส่งต่อความประทับใจให้ลูกค้าที่จองเข้าพักช่วงฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่วันนี้ -31 มีนาคม 2563 เงื่อนไขจะต้องจองขั้นต่ำ 2 คืนขึ้นไป จองออนไลน์ได้ที่ http://bit.ly/DISCOVERTHISWAY  ประกอบด้วย

1.ห้อง Deluxe Balcony ราคา 6,666 บาท+++ ต่อห้องต่อคืน 2.ห้อง Deluxe Seaview ราคา 7,777 บาท+++ ต่อห้องต่อคืน 3.ห้อง Pool Villa Garden ราคา 8,888 บาท+++ ต่อห้องต่อคืน และ 4.ห้อง Beachfront Pool Villa ราคา 9,999 บาท+++ ต่อห้องต่อคืน เป็นราคาที่รวมฟรีแบบครบจบทุกอย่างสำหรับ 2 คน/ห้อง/คืน ได้แก่ 

•ฟรีอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ทุกวันที่ห้องบานานา ลีฟ •ฟรีเครื่องดื่มต้อนรับ 2 คน •ฟรี Navigator's tour 3 ชั่วโมงพาเที่ยวรอบเกาะสมุย เช่น วัดราชธรรมารามพระธาตุเจดีย์ศิลางู สวนมะพร้าวสมุยบ้านกรูด อาร์ตคาเฟ่ใจกลางสมุย  •ฟรี Navigator’s table อาหารชุดดินเนอร์ โดยเหล่าเชฟจะนำเสนอเมนูอาหารท้องถิ่นให้ได้ชิมกันถึงโต๊ะอาหารที่ห้องบานานา ลีฟ และ •ฟรีเช็คเอาท์สายได้ถึง 14.00 น.

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

TCEBโกยงานคอนเว็นชั่นโลกเฮจัดในไทย18งาน ปูพรมไมซ์5ปีหน้าดึงเงินเข้าประเทศ2.5พันล้าน


TCEBโกยงานคอนเว็นชั่นโลกเฮจัดในไทย18งาน

ปูพรมไมซ์5ปีหน้าดึงเงินเข้าประเทศ2.5พันล้าน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : #gurutourza www.facebook.com/penroongyaisamsaen

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า สรุปปีงบประมาณ 2562 ร่วมกับภาคีพันธมิตรจับมือกันร่วมประมูลสิทธิชิงงานประชุมนานาชาติ (convention) เข้ามาจัดในไทยได้ถึง 18 งาน  ทยอยเข้ามาจัดระหว่างปี 2563-2569 เริ่มปี 2563 รวม 6 งาน  ปี 2564 จำนวน 7 งาน  ปี 2565 จำนวน 4 งาน ปี 2569 จำนวน 1 งาน คาดจะมีผู้เดินทางมาร่วมประชุมจากต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 30,100 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2,540 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพไทยในฐานะผู้นำตลาดการประชุมนานาชาติของอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (พ.ศ. 2559-2561)

โดยเฉพาะตลาดคอนเวนชั่นมีความสำคัญ ถือเป็นความสำเร็จตอกย้ำเรื่องศักยภาพของธุรกิจไมซ์ไทยในระดับนานาชาติทุกมิติ โดยไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการจัดงานระดับโลก บุคลากรมืออาชีพระดับสากลทั้งสมาคม องค์กร และสถาบันการศึกษาที่เข้มแข็ง นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่จะได้มีโอกาสนำเสนอความเจริญก้าวหน้าเชิงวิชาการ การสร้างเครือข่ายแต่ละสาขาวิชาชีพในเวทีนานาชาติแล้ว ยังเปิดโอกาสให้บุคลากรในประเทศเข้าถึงองค์ความรู้ระดับสากล สร้างการเติบโตให้กับทุกอุตสาหกรรมผ่านเวทีการประชุมนานาชาติ ตลอดจนสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจ ทั้งจากการเดินทางมาประชุม การท่องเที่ยว และการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้านการจัดงานระดับโลก



งานประชุมนานาชาติที่จะมาจัดในไทย ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการแพทย์ การบิน การศึกษา เช่น 1.งานประชุม World Congress of Psychiatry 2020 โดยสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย คาดมีต่างชาติเข้าร่วม 8,000 คน 2.งานประชุม The Routes Asia Development Forum 2020 โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีผู้ร่วม 1,500 คน 3.งานประชุม World Diabetes Congress 2021 โดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ มีผู้ร่วม 8,000 คน 4.งานประชุม International Conference on Family Planning 2021 โดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย มีผู้เข้าร่วม 3,500 คน



ปี 2563 ทีเส็บตั้งเป้านักเดินทางกลุ่มไมซ์ รวมทั้งสิ้น 37,781,000 คน สร้างรายได้กว่า 232,700 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1,386,000 คน สร้างรายได้ 105,600 ล้านบาท ตลาดในประเทศ 36,395,000 คน สร้างรายได้ 127,100 ล้านบาท

ขณะที่สมาคมการประชุมนานาชาติระดับโลกปี 2561 (International Congress and Convention Association - ICCA) ระบุอุตสาหกรรมไมซ์ไทยครองอันดับ 1 อาเซียนด้านการจัดประชุมนานาชาติต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (ปี พ.ศ. 2559-2561) นำงานเข้ามาจัดเรียงลำดับแต่ละปีดังนี้ 174 งาน, 171 งาน และ 193 งาน และขึ้นเป็นอันดับ 4 เอเชีย จัดประชุมนานาชาติมากถึง 193 งาน รองจาก 1.ญี่ปุ่น 492 งาน 2. จีน 449 งาน 3.เกาหลี 273 งาน




ขณะเดียวกันทีเส็บได้จัดงาน International Convention Bid Achievement Appreciation 2019 เพื่อมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่ภาคีผู้บริหารสมาคม องค์กร และสถาบันการศึกษา ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยในการยื่นประมูลสิทธิ์การจัดงานประชุมนานาชาติในปีงบประมาณ 2562 โดยมี18 หน่วยงาน ที่สร้างผลงานชนะการประมูลสิทธิ์ดึงงานเข้ามาจัดในไทยภายใต้การสนับสนุนของทีเส็บ สร้างผลสัมฤทธิ์สำเร็จตามนโยบายรัฐบาลไทยแลนด์ 4.0 รวมทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างความมั่นคงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย


วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562

นันทินี เชื้อชูวงศ์5เทรนด์ใหม่ตลาดโรงแรมไทย ITB ASIA2019ส่งสัญญาณธุรกิจรับมือการค้าไฮเทค-คิงเพาเวอร์คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีสนามบินเอเชียปี62


เจาะใจ”นันทินี เชื้อชูวงศ์”ชี้เป้าตลาดโรงแรม5เทรนด์ใหม่
เวทีITB ASIA2019ส่งสัญญาณธุรกิจไทยตั้งรับค้าไฮเทค
คิงเพาเวอร์เทDelightช้อปกระหึ่มโค้งสุดท้าย6สนามบิน
คิงเพาเวอร์โชว์มือโปรแชมป์ดิวตี้ฟรีสนามบินเอเชียปี’62
ททท.-UNESCOคลิกออฟปฏิญญาเที่ยวไทยยั่งยืนปี’63
บางจากปลื้มผลสำเร็จหุ้นคล้ายทุนหมื่นล้านขายเกลี้ยง
TCEBชูไทยแลนด์7MICEเฟส2สินค้าชุมชน14จังหวัดรุ่ง
ตะลอนเที่ยวชุมชนสถาปัตยกรรมเรือนไม้งามแพร่-น่าน
ปฏิบัติตัวอย่างไรให้ห่างไกลภัยโรคหัวใจ – หลอดเลือด
รัฐบาลชวนชมนิทรรศการเรือพยุหยาตราฯถึง11พ.ย.นี้
“บิ๊กตู่”ปิดเกมยื้อซีพี-รฟท.ลุยรถไฟ3สนามบินเปิดปี’66
ชิม ช้อป ใช้ เฟส2 ปลุกคนรวยเที่ยวเข้าเป้า6หมื่นล้าน


เข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen  และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋  # # #  #  #  #

                ช่วงที่ 1 ธุรกิจโรงแรมห้ามพลาด “นันทินี เชื้อชูวงศ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รามาการ์เดนส์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ ชี้เป้า 5 เทรนด์ใหม่จากเวที ITB ASIA 2019 จุดเปลี่ยนปี 2563 เครือข่าย OTA แปลงร่างการค้าห้องพักโลก หันขายบนแอพลิเคชั่นมือ ถือแบบครบวงจร ห้อง-สารพัด optional” ส่งสัญญาณเตือนเอกชนไทยตื่นตัวระวังธุรกิจอินเตอร์รูปแบบใหม่ เป็นดาบสองคม พร้อมจะกลืนรายได้จากไทยทุกช่องทาง ส่วนกระแสมาแรงเหมาซื้อห้องพักโลว์ซีซันไปจัดกลุ่มทำ HOT SALE ในตลาดโลกเชื่อวินวินกันทุกฝ่าย แนะโรงแรมในไทยเตรียมรับมือความท้าทายเศรษฐกิจโลกปีหน้า ต้องกล้าดึงเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเป็นตัวช่วยภาคบริการด่วน
นางสาวนันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รามาการ์เดนส์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ 

นางสาวนันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ รามาการ์เดนส์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ เปิดเผยว่าในการเข้าร่วมงานเจรจาธุรกิจในมหกรรมการค้าท่องเที่ยวระดับอินเตอร์ International Travel Brose (ITB) Asia 2019 ณ ประเทศสิงคโปร์ ได้พบกับเทรนด์ใหม่ของคู่ค้าซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการการค้าท่องเที่ยวนานาชาติ จำนวนมากแตกตัวออกมาจากบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์แถวหน้าของโลก (Online Travel Agents :OTA) หันมาพัฒนาธุรกิจเองผ่านเว็บไซต์และแอพลิเคชั่นโดยได้เข้ามาเจรจากับผู้ประกอบการไทย 1.ขอคอนเทร็กซ์ตรงกับขอ Alotment ห้องพักโรงแรม  2.บริษัทขายออนไลน์กลุ่มใหม่เริ่มลงรายละเอียดมากขึ้น ตัวอย่างการ D-USE บวก Optional ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เคยมีมาบ้างแล้วแต่ปี 2562 เห็นปรากฎการณ์ความชัดเจนมาก เพราะการขอซื้อจะไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะห้องพักเพียงอย่างเดียว แต่ได้เพิ่มออปชั่น เช่น สปา ดินเนอร์ โปรแกรมต่าง ๆ ที่แต่ละโรงแรมมีบริการลูกค้าภายในแต่ละประเทศนั้น ๆ สร้างจุดเปลี่ยนน่าสนใจมากขึ้น

3.มีบางบริษัทขอให้ทางโรงแรมเข้าร่วมเป็นซัพพลายเออร์กับกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจผู้นำตลาดไมซ์จัดการประชุม เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าของเอเย่นต์สายพันธุ์ใหม่ ๆ เพื่อรับส่วนต่างคอมมิสชั่น  4.บริษัทนำเสนอการขายสไตล์ Pay per Click จะดึงโรงแรมเข้าไปอยู่บนแพลตฟอร์มของบริษัทตนเองโดยมีชื่อเว็บไซต์โรงแรมสแลชตามด้วยชื่อของบริษัทคู่ค้า จากนั้นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาคลิกดูข้อมูลก็จะให้ทางโรงแรมจ่ายตามจำนวนคลิกหรือการจองห้องพัก แต่โรงแรมจะรู้ได้อย่างไรในการโปรโมตจริงหรือไม่ จะต้องเข้าไปดูหลักฐานจาก IP ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นหน้าร้านการขายร่วมรูปแบบใหม่ ราคาจ่ายแต่ละคลิกเริ่มต้นที่ 1 เหรียญสหรัฐ เป็นช่องทางการทำตลาดรูปแบบใหม่ที่จะช่วยให้โรงแรมมีโอกาสมากขึ้น

5.กลุ่มบริษัทที่ขอให้โรงแรมจ้างไกด์ให้เพียงอย่างเดียว กลยุทธ์การค้าลักษณะดังกล่าวซึ่งบริษัทเหล่านี้จะใช้วิธีสร้างเครือข่ายจ้างไกด์และเส้นทางท่องเที่ยวเป็นสต็อกไว้ทั่วโลก เพียงแค่นำลูกค้าเข้ามาใช้พักค้างคืนโรงแรมตามประเทศต่าง ๆ แล้วพวกเขาก็สามารถทำทัวร์ได้เองแบบครบวงจร จึงเป็นสัญญาณอันตรายต่อบริษัททัวร์ในไทยหรือประเทศอื่นด้วย เพราะจะถูกธุรกิจใหม่กลืนอาชีพและรายได้ไปโดยอัตโนมัติ อีกทั้งทางโรงแรมจะต้องให้ข้อมูลกับไกด์ที่คัดเลือกมาเข้าใจถึงพฤติกรรมลูกค้าต้องการโปรแกรมท่องเที่ยวในไทย โดยห้ามพาไปแวะช้อปปิ้งในแหล่งที่ไม่ต้องการ



นางสาวนันทินีกล่าวว่า ระหว่างงาน ITB ASIA 2019 มีกลุ่มเอเย่นต์คู่ค้าเสนอขอเหมาห้องพักช่วงโลว์ซีซันไว้ โดยขอลดราคาจากปกติไปอีก 30-40 % เพื่อนำห้องไปบริหารจัดการเทขายผ่านออนไลน์หรือแอพลิเคชั่นเปิดให้รีบเข้ามาจองราคาสุดพิเศษช่วงสั้น ๆ 1-2 สัปดาห์ แต่จะทำการขายต่อเนื่องในตลาด 1-2 เดือน พร้อมกับวางแผนให้แต่ละประเทศใกล้กันด้วยว่านักท่องเที่ยวควรเลือกจองช่วงโลว์โรงแรมในไทย ก่อนเดินไปเที่ยวต่อในประเทศใกล้เคียงที่มีห้องราคาโลว์ซีซันต่อเนื่องที่ไหนได้อีกบ้าง

สำหรับประโยชน์ที่ผู้ประกอบการไทยจะได้รับจากการมีคู่ค้าเทรนด์ใหม่เข้ามาเหมาห้องพักโลว์ซีซันไปทำตลาดให้ในเวิลด์ไวด์ เพราะแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองไทยมีช่วงฤดูท่องเที่ยวและโลว์ซีซันต่างกัน เช่น ฝั่งทะเลอันดามันกับอ่าวไทย หรือสมุย ภูเก็ต บางช่วงไม่ตรงกัน จึงเป็นโอกาสอีกช่องทางที่จะขายได้มากขึ้นในราคาพิเศษกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น

ภายในงาน ITB ASIA 2019 ก็มีคู่ค้าสนใจ 2-3 ราย เข้ามาดีลห้องพักช่วงโลว์ซีซันจากรามาการ์เด้นราคาพิเศษด้วยเช่นกัน กำลังอยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารเพื่อปิดดีลดังกล่าว ด้วยโครงสร้างห้องพักของโรงแรมมีจำนวนรวม 512 ห้อง ช่วงโลว์ซีซันก็จะมีห้องว่างสามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ เช่นเดียวกับโรงแรมอื่น ๆ ในเมืองไทย



ยิ่งตอนนี้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวนานาชาติเปลี่ยนไปใช้ออนไลน์สูงขึ้นทุกปี ตอนนี้จึงมีกลุ่มธุรกิจใหม่เข้ามานำเสนอขายเทคโนโลยีสแกนใบหน้าเหมือนในงาน ITB ASIA 2019 ปีนี้สิงคโปร์ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับผู้เข้าร่วมงานทุกกลุ่มด้วยเช่นกัน

เทคโนโลยีสแกนใบหน้าจึงมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวเมืองไทยในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะระบบสามารถติดตามพฤติกรรรมการใช้จ่ายเงินภายในโรงแรมในแต่ละฟังก์ชั่นได้ เช่น กินอาหารห้องไหนด้วยความถี่มากเป็นพิเศษ สนใจใช้บริการกิจกรรมใดบ้าง

ขณะนี้มีบริษัทดาหน้ากันเข้ามาเสนอขาย Mobile Application เลือกเฉพาะกลุ่มชัดเจน อายุ 25 ปีบวกลบไม่เกิน 30 ปี เป็นกลุ่มที่นิยมใช้สมาร์ทโฟน มีความรู้ในการใช้มือถือจองห้องพักโรงแรม และโปรแกรมท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ ดังนั้นรามาการ์เดนส์เองเตรียมรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโดยการลงทุนเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น นำโทรศัพท์แม่แบบที่ใช้เป็นเครือข่ายยิงสัญญาณไปตามห้องพักของลูกค้าภายในโรงแรมเพื่อบริการลูกค้า ซึ่งเครื่องจะสามารถแปรภาษาได้ตามที่ลูกค้าต้องการได้อย่างดี ปัจจุบันทดลองใช้งานแล้ว อยู่ในช่วงประมวลผลว่าเทคโนโลยีชนิดนี้สามารถช่วยให้การปฏิบัติงานของโรงแรมคล่องตัวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่อย่างไร เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยียุคใหม่ด้วย



นางสาวนันทินีกล่าวว่าสถานการณ์การขายห้องพักผ่านออนไลน์เป็นเทรนด์มาแรงยอดจองเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากผู้ชำนาญการใช้ออนไลน์แล้ว ยังมีกลุ่มออฟไลน์หันมาใช้ออนไลน์สูงขึ้น บางโรงแรมอาจหวือหวามากโดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมขนาดไม่เกิน 80 ห้อง มีรายละเอียดกิจกรรมไม่ซับซ้อนมาก แต่บางโรงแรมอาจจะค่อยเป็นค่อยไป อย่างรามาการ์เดนส์ยังมีสัดส่วนออนไลน์ไม่ถึง 50 % เนื่องจากมีบริการที่ยังต้องพึ่งพาพนักงานอธิบายรายละเอียดบริการที่มีมากกว่าการซื้อขายเพียงอย่างเดียว เช่น ขายหลายรูปแบบมีงานฟังก์ชั่น ลูกค้าต้องการพูดคุยโต้ตอบข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการใช้งานซึ่งมีลักษณะเฉพาะงาน

ปี 2563 รามาการ์เดนส์ชูโปรดักต์เด่น ๆ เป็นวันสต็อป เซอร์วิส ได้แก่ 1.รถบริการรับ-ส่ง มีรูปแบบรวมอยู่ในการขายนักท่องเที่ยวหมู่คณะ 2.การขายห้องพักแบบ DAY USE จองพักเฉพาะกลางวันก่อนไปสนามบินดอนเมือง เมื่อก่อนขายดีแต่ตอนนี้ลดลงบ้างเพราะผู้โดยสารหลักจะเป็นกลุ่มใช้เงินประหยัด ต่างจากทางฝั่งสนามบินสุวรรณภูมิจะขายห้องเดย์ยูสได้ดีกว่าด้วยความหลากหลายของลูกค้า แต่ก็จะพยายามขายให้มากขึ้น 3.กีฬาภายในโรงแรมมีสปอร์ต คอมเพล็กซ์ เต็มรูปแบบ มีสควอช 2 สนาม เทนนิส 6 สนาม และยิมเนเซียม เป็นโปรดักต์ทางเลือกนำเสนอขายจะเน้นให้น่าสนใจมากขึ้น

ไฮไลต์ปีหน้าจะเน้นหนักการเจาะตลาดประชุม สัมมนา รับกรุ๊ปนักกีฬา จากกลุ่มประเทศหนีหนาวซ้อมไม่ได้ต้องมาใช้สถานที่ซ้อมในเมืองไทย ตอนนี้ก็ได้คุยกับทางกลุ่มกีฬาที่จะเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก 2020 ซึ่งมีบางกลุ่มเคยใช้รามาการ์เดนส์

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการรามาการ์เดนส์ กล่าวว่า ปี 2563 การรับมือกับสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศรุนแรง การดำเนินธุรกิจจึงท้าทายและหาช่องทางออกค่อนข้างยากพอสมควร แต่ก็ยังพอพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือเข้าถึงสร้างความรวดเร็ว นำเสนอโปรดักต์ได้คล่องตัว ก็ต้องนำเข้ามาใช้ พร้อมกับอบรมพนักงานให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย





ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนช้อปDelights&Surprises6สนามบิน

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนช้อปในช่วงสัปดาห์สุดท้ายแคมเปญฉลอง 30 ปี “Delights and Surprises celebrate 30 years of remarkable journey ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม ได้ลุ้นบินฟรี 30 เส้นทาง”  ช้อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) วันนี้ – 31 ต.ค. 2562 ที่ คิง เพาเวอร์ สาขา 6สนามบินหลัก ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ อู่ตะเภา

พิเศษ! สมาชิก CROWN, VEGA รับคูปองลุ้น 2 สิทธิ์ คุ้มยิ่งกว่า! เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และแลกคะแนนเท่ากับยอดซื้อ รับคืนสูงสุด 20% เป็นเครดิตเงินคืน ในบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ได้แก่ ไทยพาณิชย์  กสิกรไทย  กรุงไทย  กรุงศรีบัตรเครดิต ทหารไทย ธนชาต ยูโอบี ซิตี้แบงค์ ไอซีบีซี

กติกาลุ้นรับตั๋วบินฟรี 30 เส้นทาง 1.ตรวจสอบสินค้าร่วมรายการเพิ่มเติม ณ จุดขาย 2.ใช้ร่วมกับส่วนลดบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ 3.ผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการ  4.ใช้บัตรเครดิตร่วมลดได้ของ คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย   5.สมาชิกที่ได้รับของรางวัลที่มีมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% 6.รางวัลลุ้นทริปท่องเที่ยว 30 เส้นทางพร้อมตั๋วบินตามประเทศที่กำหนด เท่านั้น 1 รางวัล  2 คน และผู้ได้รับรางวัลต้องเสียภาษีสนามบิน ภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงเอง

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์คว้าแชมป์ดิวตี้ฟรีสนามบินเอเชียปี62

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า คิงเพาเวอร์คว้ารางวัลชนะเลิศผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีสนามบิน ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียต่อเนื่องปีที่ 2 จากเวที เวิลด์ ทราเวล อวอร์ดส” ปี 2562 ( World Travel Awards Asia & Oceania Gala Ceremony 2019)    จัดที่เกาะฟูกว๊วก เวียดนาม  โดยมี นายอันทาเรส เชง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานจัดซื้อสินค้า และ นายแดนนี่ ฮุย  ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายงานจัดซื้อสินค้า- วางแผนกลยุทธ์สินค้า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล
รางวัลดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ด้านการบริหารธุรกิจดิวตี้ฟรีในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานสากล
นายอันทาเรส เชง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานจัดซื้อสินค้า กล่าวว่า การคว้ารางวัล “Asia’s Leading Airport Duty Free Operator 2019” ปีที่ ยืนยันถึงศักยภาพความสามารถของบริษัทคนไทย ในการบริหารธุรกิจดิวตี้ฟรี โดยปีนี้คิง เพาเวอร์ ก้าวสู่ปีที่ 30 นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยด้วย ไม่นับรวมรางวัลอื่นๆ ที่ คิง เพาเวอร์ เคยได้รับในระดับโลกมาแล้วรวมกว่า 100 รางวัล
เมื่อปี 2561 คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ สาขา “World’s Leading Airport Duty Free Operator 2018” ในงาน World Travel Awards Grand Final ณ เมืองลิสบอน โปรตุเกส

ข่าวที่ 3 ททท.ร่วมยูเนสโก้ชูปฎิญญาท่องเที่ยวยั่งยืนปี’63

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า  3 ททท. ร่วมกับ 2 พันธมิตร เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป และ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เปิดปฏิญญายูเนสโก ประกาศเดินหน้าทำการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน - The UNESCO Sustainable Tourism Pledge โดยไทยเป็นประเทศแรกนำร่องโครงการระดับโลกและพร้อมจะเป็นผู้นำท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีข้อตกลงสนับสนุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและการแก้ไขปัญหาขยะในทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกในอาเซียน

ปี 2563 ททท.มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณค่า Brand ประเทศไทย ผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม-Preferred Destination
               
                ทางด้าน เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ได้ลงนามความร่วมมือครั้งนี้ มุ่งสนับสนุนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ ททท.  โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เน้นเจาะกลุ่มคุณภาพรายกลุ่ม (Segment) ตามแผนตลาด 5 GO ได้แก่ 1.กลุ่มกำลังซื้อสูงมีความใส่ใจสิ่งแวดล้อม-Go high 2.กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่-Go New Customer  3.กระตุ้นเข้ามาไทยช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว -Go Low Season  4.ประสบการณ์ท่องเที่ยวชุมชน-Go Local 5.ใช้ระบบดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้เข้าถึงลูกค้า-Go Digital 

                เอร์เนสโต อ็อตโตเน อาร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปด้านวัฒนธรรรม ยูเนสโก กล่าวว่า ความร่วมมือในปฏิญญาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนจากคำพูดให้เป็นการลงมือปฏิบัติของทั้ง 3 พันธมิตร อันจะเป็นก้าวสำคัญช่วยลดปริมาณขยะการท่องเที่ยว ควบคู่การส่งเสริมบทบาทด้านวัฒนธรรมพัฒนาไปอย่างยั่งยืน ดีต่อโลกและชุมชนและอาจเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะยกระดับสู่ระดับโลกต่อไป

ข่าวที่ 4 บางจากปลื้มหุ้นคล้ายทุนหมื่นล้านบาทขายเกลี้ยง

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์
ที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ มูลค่าเสนอขายรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับเรทติ้ง “BBB+” จากทริส
เรทติ้ง (เรทติ้งองค์กร “A” แนวโน้ม “คงที่”) จ่ายดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี สำหรับช่วง 5 ปีแรก โดยทำการออกหุ้นกู้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562

การเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ลักษณะดังกล่าว
ครั้งแรกของบางจาก ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างท่วมท้น บริษัทจึงตัดสินใจเพิ่มมูลค่าการเสนอขายจากเดิม 6,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นกู้สำรอง (Greenshoe) เพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการลงทุนของผู้ลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบางจากฯ ส่งผลให้สามารถระดมทุนได้ตามแผนการจัดหาเงินที่ระดับต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม 

นายสุรชัย โฆษิตเสรีวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามมาตรฐานการบัญชีใหม่ ฉบับที่ 32 หรือ TAS 32 ที่ปรับปรุงเรื่องการแสดงรายการเครื่องมือทางการเงิน จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 นั้น บริษัทได้ตระหนักถึงผลกระทบและได้มีการหารือกับที่ปรึกษากฎหมายและผู้สอบบัญชี เพื่อจัดทำข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดนี้ ให้สามารถนับเป็นส่วนของทุนในทางบัญชีได้ 100% ตลอดอายุหุ้นกู้ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่ ดังนั้นการใช้มาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่หรือ TAS 32 ปี 2563 จึงไม่มีผลกระทบต่อหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ แต่อย่างใด

ข่าวที่ 4 TCEBเคลื่อนทัพไทยแลนด์7ไมซ์เฟส2ลดขยะโลก”



นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB เปิดเผยว่า ได้เดินหน้าโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 เฟส เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดยได้คัดเลือกเส้นทางไมซ์สายใหม่ที่มากด้วยแนวคิดเชิงสร้างสรรค์มากถึง 115 ผลิตภัณฑ์ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพิ่มโอกาสทางการตลาด นำเสนอสินค้าพร้อมบริการใหม่ ๆ ประการสำคัญจะรายได้เข้าชุมชนแหล่งผลิตครอบคลุมถึง 14 จังหวัด ประกอบด้วย 2 กลุ่ม 1.ไมซ์ซิตี้ 5 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น 2.เมืองรองเชื่อมโยง 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร อุดรธานี เชียงราย ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สงขลา และนครศรีธรรมราช  รวมทั้งจะกระตุ้นให้กลุ่มผู้ซื้อเลือกมาจัดนำงานมาจัดในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป

ส่วนโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes เฟส 1 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ดังตัวอย่างชุมชนดังต่อไปนี้คือ 1.บ้านหัวฝาย อ.ชนบท จ.ขอนแก่น มีกลุ่มนักเดินทางไมซ์มาเยือนมากขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ ขนาดกลุ่มละ 30-300 คน สร้างรายได้เข้าชุมชนได้ผลิตหม่อนไหมและทอผ้าแบบเต็มกำลัง ได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันต่างๆ แถมชุมชนยังมีความเข้าใจไมซ์มากขึ้น  2.ชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย พัทยา ผลตอบรับดีเกินคาดมีนักเดินทางไมซ์ไทยและต่างชาติเข้าไปใช้บริการเติบโตมากถึง 200%  3.ไร่วานิช จ.ภูเก็ต กลายเป็นสถานที่จัดกิจกรรม Team Building ให้โรงแรมและรีสอร์ทต่าง ๆ ทั่วภูเก็ต เช่น The Charm Resort and Spa และมีกิจกรรมเชิงอาหารจากหน่วยงานราชการของภูเก็ต นำอาหารถิ่นของเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนไปบริการผู้เข้าประชุม 300 คน 

ทีเส็บจึงตั้งเป้า Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 เฟส ทั้ง 115 ผลิตภัณฑ์ จะประสบความสำเร็จ ตลาดไมซ์ชุมชนเติบโตและกระจายรายได้ถึงมือชาวบ้านอย่างเต็มประสิทธิภาพ

สำหรับ 7 Themes ประกอบด้วย 1. การผจญภัย (Exhilarating Adventures)  2.นำเสนออาหารไทยทุกการจัดงานที่หลากหลาย (Culinary Journeys) 3. กิจกรรม CSR และการประชุมเชิงอนุรักษ์ (CSR and Green Meetings) 4. ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Fascinating History and Culture) 5. การสร้างทีมเวิร์ค (Treasured Team Building) 6. การจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ (Lavish Luxury) 7. กิจกรรมบรรยากาศชายหาด (Beach Bliss) แต่ละธีมจะมีไอคอนสื่อถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น ไอคอนรูปคลื่นสื่อถึงธีมชายหาด

ปี 2562 มีกิจกรรมไฮไลท์แต่ละธีมต่างกันดังนี้

1.ธีมการผจญภัย ชูกีฬาทางน้ำที่อมรา วอเตอร์ สปอร์ต พัทยา ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับการพายเรือแพดเดิลบอร์ด เรือใบ และกีฬาทางน้ำอื่นๆ ในทะเลพัทยา และทำกิจกรรม CSR ช่วยเก็บขยะกับทางชุมชน  

2.ธีมนำเสนออาหารไทยทุกการจัดงานอย่างหลากหลาย ไฮไลต์ที่บ้านดินอาข่าโฮมสเตย์ บ้านหล่อโย จ.เชียงราย จะได้เรียนรู้การทำอาหารพื้นบ้านของชนเผ่าอาข่า

3.ธีม CSR กับการประชุมเชิงอนุรักษ์ ชูโครงการปักจิตปักใจ จ.เชียงใหม่ ร่วมเรียนรู้และให้โอกาสผู้พิการทางสายตา

4.ธีมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ลองลงมือเขียนไห เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานเก่าแก่ ณ โฮมสเตย์เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมบ้านเชียงและวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร บ้านเชียงก้าวหน้า จ.อุดรธานี

5.ธีมสร้างทีมเวิร์ค แนะนำสวนเกษตรมีกิน จ.ขอนแก่น ผู้จัดสัมมนาสามารถแบ่งกลุ่มแข่งขันทำอาหารพื้นบ้าน เช่น แข่งขันตำส้มตำ และอื่น ๆ

6.ธีมการจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ แนะนำ Spectrum Rooftop Lounge and Bar  กรุงเทพฯ  สถานที่จัดงานแบบพิเศษบนดาดฟ้าที่สามารถชมวิวตึกระฟ้าของเมืองหลวงยามค่ำคืน

7.ธีมกิจกรรมบรรยากาศชายหาด แนะนำไฮไลท์ที่ห้ามพลาด ก็คือ เกาะเฮ จ.ภูเก็ต
               
นางสาวกฤษณี ศรีษะทิน ประธานฝ่ายพัฒนาศักยภาพ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) “TICA กล่าวว่า ในฐานะวิทยากรด้านเวิร์กชอปโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 ปีนี้ได้เดินทางไปร่วมทำกิจกรรมทั้งเมืองไมซ์ซิตี้และเมืองรองทุกพื้นที่ทุกจังหวัด เล็งเห็นถึงประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้นแก่ทั้ง กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไมซ์ กลุ่มที่ ชุมชนยังสามารถพัฒนาตัวเอง ต่อยอดการบริการ ด้วยการนำเอกลักษณ์หรือจุดเด่นท้องถิ่นมาบอกเล่าให้คนอื่นได้รับรู้ กลุ่มที่ นักเดินทางไมซ์ต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเคยเดินทางมาเมืองไทยแล้วต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากกว่าเข้าร่วมประชุมสัมมนา แต่ได้ทดลองทำจริง ได้เรียนรู้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ด้วย

           
             นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ (สทน.)  กล่าวว่า ขณะนี้ สทน.เน้นขับเคลื่อนเมืองทางภาคใต้ซึ่งมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ร่ำรวยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่น่าสนใจ โดยได้เดินทางทดสอบเส้นทางสายไมซ์ใหม่ในสงขลา นครศรีธรรมราชข ได้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นทั้งความรู้ คอนเนคชั่น กิจกรรม โดยมีสมาชิก 90% มีลูกค้าเป็นบริษัทและคอร์ปอเรทอยู่โดยส่วนใหญ่จัดการประชุม (Meeting) และอินเซนทีฟ (Incentive) เป็นหลัก สามารถเชื่อมโยงเข้าร่วมโครงการไมซ์เฟสสองกับทีเส็บได้อย่างมีคุณภาพ
                

นายประเสริฐ ฤทธิ์รักษา ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชน จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนชุมชนหรือเจ้าของพื้นที่ผลิตภัณฑ์ไมซ์ใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2019 ปีนี้ ได้ต้อนรับกลุ่มตลาดไมซ์คุณภาพซึ่งเข้ามาช่วยสร้างโอกาสให้กลุ่มท่องเที่ยวชุมชน ช่วยกระจายรายได้ เพราะภูเก็ตมีจุดขายมากกว่าทะเลนั่นคือ มีชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมที่ยังคงรักษารากเหง้าและวิถีชีวิตเอาไว้ให้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกหลายจุด ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมด้วยการเปิดบ้านต้อนรับนักเดินทางไมซ์ หรือชวนมาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือทำ CSR รวมทั้งชาวไร่สับปะรดต่อยอดการขายได้ โดยนำผลผลิตแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม หรืออาหารว่างเสริมระหว่างการประชุม ส่วนสวนยางพาราดีไซน์พื้นที่ร่มรื่นปรับให้เป็นสถานที่จัดงานได้ ซึ่งผู้นำชุมชนเน้น 3 เรื่องหลัก คือ สะดวก สะอาด ปลอดภัย 

ขณะเดียวกันก็ได้ปลูกจิตสำนึกคนในชุมชนให้ตระหนักอย่างมากเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมใจกันปฏิเสธพลาสติกอย่างสิ้นเชิง เน้นใช้วัสดุและภาชนะรักษ์โลก และรณรงค์ให้กลุ่มไมซ์ร่วมอนุรักษ์คืนชะนีสู่ป่า ทำธนาคารปูม้า ปลูกหญ้าทะเล ช่วยเพิ่มห่วงโซ่อาหารสู่วงจรชีวิตพะยูน และอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่จะดำรงอยู่อย่างยั่งยืน

                ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไม่ต้องเดี๋ยวไปเที่ยว “วิถีชุมชนบ้านไม้สักโบราณเมืองแพร่-น่าน ล้านนา” สวยโดนใจทุกมุม มีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะหลายแห่ง ด้านสุขภาพ “ชี้ช่องวิธีห่างไกลโรคหัวใจและหลอดเลือด” ส่วนข่าวน่าฟัง “รัฐบาลจัดนิทรรศการแสดงพยุหยาตราชลมารค” ให้ประชาชนได้ชมที่ท้องสนามหลวง 24 ต.ค.-11พ.ย.นี้ “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์” นำทีมปิดเกมยื้อซีพี-รฟท.ลุยสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบินเปิดบริการให้ได้ปี 2566 และ “ชิม ช้อป ใช้ เฟส2” ให้ใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 ธ.ค.นี้ หวังปลุกคนออกมาใช้เงินเที่ยวมากถึง 6 หมื่นล้านบาท

@ตะลอนทัวร์ชุมชนบ้านสวยล้านนาแพร่-น่าน



เมืองไทยไม่ต้องเดี๋ยวเที่ยวได้ทันที ทริปนี้ชวนกันไป “ทัวร์ชุมชน ชมวิถีเรือนไม้สักงาม” แห่งล้านนาตะวันออก ที่ “แพร่” ไปดื่มด่ำกับมรดกทางสถาปัตยกรรมของบ้านไม้สักแต่ละหลังโดดเด่นต่างกัน เป็นของบรรดาเชื้อพระวงศ์ คหบดี  และเจ้านายสมัยโบราณ ซึ่งมีเรื่องราวแตกต่างกันไป
เริ่มต้นตรง “บ้านวงศ์บุรี” เรือนปั้นหยาเก่าแก่ที่สุด ไร่เรียงไปที่ “คุ้มเจ้าหลวง” คุ้มเจ้าเมืองโบราณเคยเป็นคุกขังนักโทษ “บ้านวงศ์พระกาง” ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งการค้าสำคัญ “บ้านขัติยะวรา” เรือนชั้นเดียวสไตล์ขนมปังขิงสีสดงดงาม “บ้านหลวงศรี” อาคารสีครีม ชมพู น้ำตาล “บ้านเจ้าหนา” บ้านเจ้าหนานไชยวงศ์” เป็นเรือนไม้ฉลุลายแบบขนมปังขิงอีกหลัง ทาสีขลิบแดง จุดเด่นมีห้องน้ำแบบดั้งเดิม “คุ้มวิชัยราชา” อาคารไม้สักทาสีครีมเขียว ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าบ้านหลังนี้เคยช่วยข้าราชการไทยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่



ลองจัดเวลาไปพักผ่อนสัก 3 วัน วันแรกนั่งเครื่องไปลงที่ “น่าน” แวะ “วัดภูมินทร์” กราบพระคู่เมือง แล้วไปเดินชมวิถีท้องถิ่นใน “ชุมชนบ้านในเวียง” มีกิจกรรมชวนนักท่องเที่ยวทำ ตุงค่าคิง สลักพระไม้ กรวยดอกไม้ ทอผ้าฝ้าย ต่อด้วย “ชุมชนบ่อสวก” ชมต้นแบบเตาเผาโบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ นอนพักค้างคืนในรีสอร์ตกลางเมืองน่าน

เช้าวันใหม่ตรงเข้าเมืองแพร่ จุดแรกแวะสักการะ “พระธาตุแช่แห้ง” เที่ยว “ชุมชนม่วงตี๊ด” ที่มีความโดดเด่นด้านการทำโคมมะเต้าถวายเทียนสะเดาะเคราะห์ถวายพระธาตุ แล้วก็เดินชมบ้านเรือนสวย ๆ ทำจากไม้สักทรงต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ข้างต้น
วันสุดท้ายก่อนกลับช่วงเช้าแวะ “พระธาตุช่อแฮ” มื้อเที่ยงต้องลองชิมอาหารถิ่น “ขนมจีนน้ำย้อย” เลื่องชื่ออร่อยในแบบล้านนา พร้อมกับเลือกช้อปของดีอย่าง เสื้อหม้อห้อม จิ๊นส้ม ผ้าตีนจกเมืองลอง เดินทางไปสนามบินแพร่ ขึ้นเครื่องกลับบ้านอย่างสบายใจ

@ปฏิบัติอย่างไรให้ห่างไกล โรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรอันดับต้นๆ ของคนไทย โรคหัวใจที่พบบ่อย คือ โรคหัวใจขาดเลือด หรือ โรคหลอดเลือดแดงโคโรนารี เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน ส่วนใหญ่เกิดจากไขมันและเนื้อเยื่อสะสมอยู่ในผนังของหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดชั้นในหนาขึ้น
1.ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่าปล่อยให้อ้วนลงพุง โดยผู้ชายรอบเอวไม่ควรเกิน 36 นิ้ว ( 90 ซ.ม. ) ผู้หญิงรอบเอวไม่ควรเกิน 32 นิ้ว ( 80 ซ.ม. )

2.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคุมปริมาณและสัดส่วนเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยหลีกเลี่ยงอาหารทีมีไขมันหรือโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ เครื่องใน ไข่แดง เนย ครีม  ลดอาหารเค็มจัด หวานจัด รับประทานผัก ผลไม้รสไม่หวานให้ครบทั้ง 5 สี ได้แก่ คะน้า แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ หอมแดง กระเทียม เพิ่มวิตามิน เกลือแร่ และระบบภูมิคุ้มกันโรค

3.งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4.ผ่อนคลายความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ 5.ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างถูกวิธี เหมาะสมต่อสภาพร่างกาย เพศ และวัย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันๆ ละ 30 นาที

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ชมนิทรรศการพยุหยาตรชลมารคที่สนามหลวงถึง11พ.ย.นี้”

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อาทิ กระทรวงกลาโหม สำนักนายกรัฐมนตรี จัดแสดงนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562  ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-22.00 น. ณ ท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ อนุรักษ์ สืบสานและต่อยอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่ โดยภายในนิทรรศการฯ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย

          ส่วนที่ 1 “เถลิงถวัลย์ราชสมบัติ สยามรัฐสีมา” มีรูปแบบการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ได้แก่

ห้องที่ 1 “มหามงคลสมัยพระขวัญไผทเถลิงรัช” จัดแสดงองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาและภาพพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ และการแสดงมหรสพสมโภชทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผ่านจอแอลอีดีและแท่นอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา รวมทั้งห้องสมุดอิเล็กกทรอนิกส์ E-book สำหรับสืบค้นข้อมูลภาษาไทยและอังกฤษ

ห้องที่ 2 “นิรมิตเรืองนทีเถลิงหล้า” จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความสุขของคนไทยใต้ร่มพระบารมีผ่านจอแอลอีดีในรูปแบบ ๓ มิติ ประกอบการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากดารา นักแสดงที่มีชื่อแสง และการแสดงขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค เรือพระราชพิธีจำลอง 52 ลำ พร้อมกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

ห้องที่ 3 “ขบวนนาวาอารยศิลป์แผ่นดินสยาม” จัดแสดงองค์ความรู้เกี่ยวกับขบวนพยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนำเสนอภาพขบวนเรือจากอดีตถึงปัจจุบันผ่านจอแอลอีดี รวมทั้งกาพย์เห่เรือ จำลองเรือ ๕๒ ลำ ประกอบคำบรรยาย พร้อมทั้งจัดแสดงดนตรีประกอบการเห่เรือและหุ่นแสดงเครื่องแต่งกายของพนักงานประจำเรือ ทั้งนี้ ภายในพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการฯ ทั้ง 3 ห้อง จัดทำอารยสถาปัตย์และจัดเจ้าหน้าที่อำนวยการความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุอีกด้วย

          ส่วนที่ 2 “ศรีศุภรยาตรา ปวงประชาชนรวมใจถวายพระพร” จัดแสดงเรือพระที่นั่งจำลอง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชและเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ประกอบการแสดงเห่เรือจากกองทัพเรือ รวมทั้ง มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก 4 ภูมิภาค และการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ การแสดงละครนอก ละครใน โดยนักแสดงจากกรมศิลปากรและสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

          ส่วนที่ 3 “ม่านธาราลือขจรเฉลิมราชย์องค์ราชัน” จัดแสดงม่านน้ำประกอบแสง สี เสียง เฉลิมพระเกียรติฯ นำเสนอวิถีชีวิตคนไทยกับสายน้ำที่ผูกพันมาอย่างยาวนาน และความวิจิตร และตระการของโขนเรือขบวนพยุหยาตราทางชลมารค รวมทั้งพระราชกรณียกิจต่างๆ ผ่านเทคนิคม่านน้ำ

          ส่วนที่ 4 “เอมอิ่มสุขสันต์ครบครันสำรับไทย” จำหน่ายสุดยอดอาหารไทยเลิศรสจากร้านที่มีชื่อเสียง

ข่าวที่สอง “คลังลุ้นชิมช้อปใช้เฟส2หวังท่องเที่ยวสะพัด6หมื่นล้าน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่าทันทีที่กระทรวงการคลัง เปิดให้การลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 เพิ่มอีก 3 ล้านคน กำหนดให้ลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน วันละ 2 รอบ รอบละ 5 แสนราย จะเต็มภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยได้เปลี่ยนทั้งเวลา การให้สิทธิประโยชน์มากขึ้น รวมถึงปรับการเติมเงินกระเป๋า 2 ให้ง่ายขึ้น และให้ใช้สิทธิ์ได้จนถึง 31 ธันวาคม 2562 จึงคาดการณ์จะมีประชาชนใช้จ่ายท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือปีนี้ 5-6 หมื่นล้านบาท
สำหรับชิมช้อปใช้ เฟส 2 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
  1. กลุ่มที่เคยลงทะเบียน 10 ล้านคน ชิมช้อปใช้ เฟสแรกเมื่อเข้ามาลงเฟส 2 จะไม่ได้รับเงิน 1,000 บาท แต่จะได้ใช้สิทธิ์เงินคืน (ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่) เมื่อเติมเงินเข้ากระเป๋า G-Wallet 2 สามารถขอรับเงินคืนได้สูงสุดถึง 20% ของยอดใช้จ่ายส่วนที่เกิน 30,000 - 50,000 บาท หรือสูงสุด 8,500 บาท
2. กลุ่มที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อนจะได้รับเงิน 1,000 บาท หากเติมเงินเข้าประเป๋า G-Wallet 2 สามารถขอรับเงินคืนได้ 15 - 20% ของยอดใช้จ่ายส่วนที่เกิน 30,000 - 50,000 บาท หรือสูงสุด 8,500 บาท
ส่วนห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกและรายย่อย ที่เข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 2 สามารถจัดโปรโมชั่น เช่น ออกคูปอง ออกบัตรกำนัล (voucher) เพื่อกระตุ้นให้คนใช้เพิ่มทางกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ซึ่งมีแรงจูงใจการคืนเงินถึง 20% สูงสุด 8,500 บาท วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 50,000 บาท
โดยกำหนดให้ร้านค้าจัดโปรโมชั่นได้ในกติกา 3 ข้อ ดังนี้1.ต้องใช้ภายในวันนั้นให้หมด 2.ต้องใช้ภายในสาขาที่จัดโปรโมชั่นเท่านั้น แ3.แลกคืนเป็นเงินสดไม่ได้ ซึ่งจะถือว่าไม่ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
ข่าวที่สาม “บิ๊กตู่ปิดเกมยื้อซีพี-รฟท.ลุยรถไฟ3สนามบินเปิดปี’66

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระหว่าง กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่ยกกันร่วมเป็นสักขีพยานอย่างคับคั่งมีทั้งนายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ฝั่งคมนาคมมากันพร้อมหน้าทั้ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดคมนาคม นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายวรวุฒิ มาลา วรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการ ผู้ว่ารฟท.นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

 โดยมีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ รฟท. เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กิโลเมตร ขบวนรถทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง   เริ่มต้นทางที่ “สนามดอนเมือ” ตรงสู่สถานีกลางบางซื่อ ผ่านสถานีมักกะสัน “เข้าสนามบินสุวรรณภูมิ” ต่อไปตามแนวทางรถไฟสายตะวันออก ผ่านแม่น้ำบางปะกง เข้าสถานีฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา ไปสิ้นสุดที่ “อู่ตะเภา” 

การลงนามสัญญาครั้งนี้เป็นครั้งแรกของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่นำร่องใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP Net Cost) ภายใต้สัญญาร่วมลงทุน 50 ปี อีกทั้งทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญาโดยสัญญามีมูลค่าสูง 224,544 ล้านบาท คาดประเทศได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงสัญญาสัมปทานวงเงินตามความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรี 119,425 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) กลุ่มเอกชนเสนอกรอบวงเงินที่รัฐร่วมลงทุน 117,226 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 2,200 ล้านบาท  

ตั้งเป้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะเปิดให้บริการได้ปี 2566  ซึ่งจะช่วยพัฒนาเมืองรอบสถานี นำความเจริญสู่ชุมชน เกิดการกระจายรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจราว 650,000 ล้านบาท ช่วงการก่อสร้างจะเกิดการจ้างงานมากถึง 16,000 อัตรา และอีก 5 ปีหน้าจะมีการจ้างงานในธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากกว่า 100,000 อัตรา

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...