วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

More Fun! ชุมชนบ้านคลองนาเกลือ สมุทปราการ ลงเรือล่องท่องเที่ยวคลองสรรพสามิตเติมบุญวัดดัง





More Fun !!ไปกับการล่องเรือท่องเที่ยวคลองสรรพสามิตร และปากน้ำพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

วางแผนเติมความสุข ออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิตกันช่วงต้นปี แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุง “บ้านคลองนาเกลือ” หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียเพื่อการท่องเที่ยวต้นแบบ ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

ชาวชุมชนบ้านคลองนาเกลือ มีบริการเที่ยวใหม่สไตล์ธรรมชาติ ด้วยบริการล่องเรือชมวิถีชีวิตริมคลองสรรพสามิตร เรือจะล่องโดยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่ง แยกไป 2 ทาง ทางแรก ทิศตะวันออก เส้นทาง จากปากอ่าวป้อมพระจุล หรือกลางแม่น้ำพระสมุทรเจดีย์ เกาะผีเสื้อสมุทร ชมหอชมเมือง ทางที่สอง ทิศตะวันตก เป็นเส้นทางบุญ เริ่มจากการแวะนมัสการหลวงพ่อโตวัดสาขลา กราบหลวงพ่อแก้วตานิมิตร วัดศรีคงคาราม ปิดท้ายด้วยการไปชมหลักเขต กรุงเทพฯ บางขุนเทียน

สุดฟินกับความสนุกใกล้ชิดธรรมชาติกับประสบการณ์ล่องเรือบ้านคลองนาเกลือ จ.สมุทรปราการ

ส่วนค่าบริการแบบเช่าเหมาลำ รวม ๆ กันท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะลงเรือลำเดียวกันครั้งละ 20-25 คน ค่าบริการ 3,500 บาท หรือจะเช่าเรือพร้อมบริการอาหารทะเลบนเรือ เป็นหมู่คณะ 10-15 คน คิดราคาคนละ 699 บาท หรือจะเหมาแต่เรือแล้วสั่งอาหารชุดไปรับประทานบนเรือก็ได้

มาแวะพักค้างคืนริมน้ำกันได้ที่โฮมสเตย์ที่มีบริการอยู่ในบ้านคลองนาเกลือ ฟินฟันมีความสุขจริง ๆ

ในชุมชนบ้านคลองนาเกลือ มีโฮมสเตย์ให้พักค้างคืนได้ด้วย ที่ “บ้าน รักษ์จากใจ” ชวนนักท่องเที่ยวให้อยู่กับธรรมชาติตามแบบวิถีชาวบ้าน นั่งกินลมชมวิว ตกปลา จับปู หรือนั่งเรือประชารัฐอนุรักษ์วิถีสายน้ำ ชมสองฝั่งคลองสรรพสามิตร ก็ได้ ราคา 2 วัน 1 คืน เพียงแค่คนละ 699 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ อยู่ดี กินอร่อย โอโซนบริสุทธิ์ มีครบทุกอย่าง

เป็นทริปดี ๆ ที่ต้องลอง แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยใกล้กรุง น่าท่องเที่ยว ทุกเวลา
More Food & Fun เมืองปากน้ำสมุทรปราการ
มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวชุมชน อาหารถิ่น กิจกรรมมันส์ ๆ ให้ร่วมสนุกทุกวัน


ปิดทองหลังพระฯหนุนแบงก์ชาติ-ทรูปั้นอาชีวะ ทำโปรเจ็กต์ออนแอร์"Fin.ดีมีตังค์" ดูแล้วรวย!

ปิดทองหลังพระฯหนุนแบงก์ชาติ-ทรูปั้นอาชีวะ

ทำโปรเจ็กต์ออนแอร์"Fin.ดีมีตังค์" ดูแล้วรวย!


เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #Finดีมีตังค์ #ปิดทองหลังพระ

มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ร่วมสนับสนุนโครงการ Fin.ดีมีตังค์ ซีซัน 2 ของธนาคารแห่งประเทศไทย
โครงการเฟ้นหาเด็กอาชีวะคิดค้นวิธีหาเงินสร้างตัวเอง ออกอากาศทุกเช้าวันเสาร์เริ่ม 1 ก.พ.63 ทาง True4u ช่อง24 

3
พันธมิตร “แบงก์ชาติ-true4u-มูลนิธิปิดทองหลังพระ” ผนึกความร่วมมือ หนุนรายการสุดเจ๋ง "Fin.ดี มีตังค์"  ส่องแนวคิดเด็กอาชีวะมุ่งสร้างตัวด้านการเงิน ออกอากาศทาง true4u ช่อง 24 ทุกเช้าวันเสาร์เริ่ม 1 ก.พ.63


นางสาวนวพร มหารักขกะ
ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าทาง อปท.ได้ริเริ่มจัดทำโครงการ Fin.ดี We Can Do ขึ้น โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถาบันการศึกษาด้านอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ในการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาในสังกัดได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อเรียนรู้แนวทางในการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์บริหารจัดการการเงิน ทำให้โครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนักศึกษาจะเรียนรู้วินัยทางการเงินและการพัฒนาธุรกิจแล้ว ยังปรากฏว่าสถาบันอาชีวะเริ่มบรรจุเรื่องการเงินและธุรกิจเข้าในการเรียนการสอน

"โครงการ Fin.ดี We Can Doเปรียบเหมือนพื้นที่แห่งจินตนาการให้เยาวชนชาวอาขีวะได้ทดลองคิดและออกแบบวิธีการนำความรู้ทางการเงินไปใช้ในชีวิตจริง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่เข้มแข็งแก่เพื่อน ๆ ในวิทยาลัยและขยายผลสู่ชุมชน ภายใต้แนวคิดผลงานของคนอาชีวะ เพื่อคนอาชีวะ"

นายการัณย์  ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการ
สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ


นายการัณย์  ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า ทางปิดทองหลังพระฯ ยินดีที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ เพราะคาดจะมีส่วนกระตุ้นให้เยาวชนมีความตระหนักรู้ทางการเงิน สอดคล้องกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงย้ำให้ระมัดระวังเรื่องการสร้างหนี้ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบันนี้

ความพอเพียง พอประมาณ มีเหตุมีผล เป็นหลักยึดสำคัญที่จะทำให้มีชีวิตที่ดี และการที่มีรายการ Fin.ดี มีตังค์ เกิดขึ้นมา จะทำให้โครงการของ ธปท.ที่ร่วมกับสถาบันอาชีวะศึกษาต่าง ๆ มีความสมบูรณ์ขึ้น เปิดให้ผู้ชมได้ติดตามเรื่องของเด็กอาชีวะและเรียนรู้การประยุกต์ใช้แนวพระราชดำริไปพร้อม ๆ กัน”


ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร
บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด
 

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า กลุ่มทรูยินดีสนับสนุนโครงการนี้อย่างยิ่ง เพราะสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท 

ทรูร่วมมือกับปิดทองหลังพระฯ ในหลายพื้นที่และหลายกิจกรรม ทำให้ได้เรียนรู้และได้สร้างประโยชน์เป็นอย่างมาก รายการ Fin.ดี มีตังค์ นี้จึงเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือกัน แต่พิเศษที่ทรูขยับมาสนับสนุนกลุ่มเด็กอาชีวะซึ่งกำลังจะเป็นอนาคตสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ”



            สำหรับรายการ Fin.ดี มีตังค์ เป็นประเภทเรียลริตี้ ความยาวตอนละ 30 นาที จำนวน 12 ตอน มุ่งเน้นการเผยชีวิตและแนวคิดของเด็กอาชีวะศึกษาในสถาบันต่าง ๆ ทั้งภาคเหนือ-ใต้-อีสาน-และตะวันออก นำเอาความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาตนเองอย่างน่าสนใจ โดยมีครูที่ปรึกษาและ ธปท. เป็นพี่เลี้ยง ดำเนินการออกอากาศทาง true4u ช่อง 24 ทุกวันเสาร์ เวลา 09.30 น เริ่มวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 2563 เป็นต้นไป สามารถดูซ้ำได้ทุกวันศุกร์ เวลา 09:30 น.เริ่มวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.2563 เป็นต้น

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

TCEBโชว์Thai MICE Connectยอดพุ่ง1.3หมื่น ลั่นปี’63ผุดวันสต็อปตลาดไมซ์ออนไลน์แห่งแรกในไทย


TCEBโชว์Thai MICE Connectยอดพุ่ง1.3หมื่น
ลั่นปี’63ผุดวันสต็อปตลาดไมซ์ออนไลน์แห่งแรกในไทย

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TCEB #Thai MICEConnect

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “
TCEB

TCEB โชว์ผลงาน 3เดือนแรกโปรเจ็กต์ “Thai MICE Connect” ผู้สมัครเข้าร่วมวง 3 ภาค สูงเกินเป้า 1.3 หมื่นราย ลั่นปี’63 ลุยตลาดไมซ์ออนไลน์ครบวงจรแบบวันสต็อปแห่งแรกของไทย
         
          นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB เปิดเผยว่า หลังเปิดโครงการ Thai MICE Connect เข้าสู่ตลาด E-Marketplace ผ่านเว็บไซต์ www.thaimiceconnect.com ซึ่งเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลสินค้า บริการ ผู้ขาย และผู้ผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยอย่างครบถ้วนในเชิงดิจิทัล พร้อมทำการสำรวจ วิเคราะห์ จัดเก็บข้อมูลสารสนเทศตลอดห่วงโซ่ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานของการจัดงานไมซ์ครอบคลุม 1.งานประชุม (meeting) 2.การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive) 3.ประชุมขนาดใหญ่ (Convention)  4.งานแสดงสินค้า (Exhibition)  ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กเข้าถึงตลาดได้เท่าเทียมกัน กระจายลูกค้าไมซ์ได้ทั่วถึงทุกกลุ่ม
         
TCEBผนึกความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อน Thai MICE Connect
ปี 2563 จะทำเป็นตลาดไมซ์ออนไลน์แบบครบวงจรเป็นแห่งแรกของเมืองไทย

โดย TCEB เปิดตัว Thai MICE Connect เมื่อปลายปี 2562 จนถึงขณะนี้ผ่านมาเพียง 3 เดือนเท่านั้น พบการคัดกรองคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดและการกรอกข้อมูลสมบูรณ์แล้ว 13,000 ราย สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมเพียง 10,000 ราย เป็นผู้สมัครที่กระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง 58%  ภาคใต้ 28% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14% ปี 2563 จะขยายพื้นที่ไปยัง 2 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เพื่อให้ข้อมูล E-Marketplace ธุรกิจไมซ์แห่งชาติสมบูรณ์ครบทั่วประเทศ โครงการ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ผ่านตลาดการค้าไมซ์ออนไลน์แบบครบวงจรเป็นแห่งแรกของเมืองไทย

โดยพร้อมเปิดรับผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์เข้าร่วม จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้


1.เป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดที่สำรวจข้อมูลในโครงการ 2.ประกอบกิจการหรือยื่นวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนหรือยื่นวัตถุประสงค์ในการส่งงบการเงินปีล่าสุดตรงกับหมวดธุรกิจไมซ์ทั้ง 10 หมวดหลัก 3.มีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท 4.เป็นผู้ประกอบการที่มีสถานะดำเนินกิจการอยู่  5.กรณีผู้ประกอบการที่มีอายุกิจการมากกว่า 3 ปี ต้องมีการยื่นงบการเงินล่าสุดตั้งแต่ปีงบการเงิน 2560 เป็นต้นมา
หากเป็นโรงแรมและรีสอร์ทต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ 6.หากเป็นบริษัทนำเที่ยวต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ผู้สนใจจะจัดงานไมซ์ (ผู้ซื้อ) สามารถใช้บริการแพลทฟอร์ม Thai MICE Connect เพื่อค้นหาผู้ให้บริการไมซ์ (ผู้ขาย) โดยเข้าไปเปิดบัญชีผู้ใช้งานได้ที่ www.thaimiceconnect.com  สมัครสมาชิกและกรอกข้อมูลโปร์ไฟล์ให้ครบถ้วน ตั้งรหัสผ่าน กดให้ระบบจดจำในครั้งต่อไป

เมื่อลงทะเบียนถูกต้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อเข้ามาใช้บริการครั้งต่อไปเพียงแค่กรอกรหัส ก็จะเห็นสัญลักษณ์กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ทำให้หาข้อมูลได้อย่างสะดวกมีธุรกิจหลากหลายเกี่ยวกับการจัดงานไมซ์เลือกจับคู่ได้ตามความต้องการ อาทิ ผู้จัดงาน สถานที่จัดงาน ที่พัก และอื่น ๆ ให้เลือกใช้ฟรี เพื่อจับคู่แลกเปลี่ยนการค้ากันตามระบบเงื่อนไขได้อย่างรวดเร็ว



ททท.ภาคกลางจัดเต็มซีเอสอาร์เที่ยวตามฝันซีซัน2 ปลุกจิตอาสา-เด็กด้อยโอกาสทัวร์ไทยฟรีปีหนูทอง

ททท.ภาคกลางจัดเต็มซีเอสอาร์เที่ยวตามฝันซีซัน2
ปลุกจิตอาสา-เด็กด้อยโอกาสทัวร์ไทยฟรีปีหนูทอง


เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #เที่ยวตามฝันครั้งหนึ่งในชีวิต #สะพานข้ามแม่น้ำแคว #วัดถ้ำเสือ #เมือมัลลิกา


ททท.ภาคกลางลุยจัด “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซัน 2” นำร่องให้รางวัลชีวิตจิตอาสา 4 กลุ่มใหญ่เที่ยวฟรี “กาญจนบุรี” พร้อมจ่อคิวทำอีก 2 แฟมทริปเด็กด้อยโอกาสบกพร่องทางกายและปกติ สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ในศรีราชา เขาใหญ่ ช่วงกุมภาพันธ์ 2563 ตั้งเป้าแจกแพกเกจเที่ยวฟรี 200 รางวัล 400 คน ร่วมเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบฉลอง 60 ปีททท.และผนึกองค์กรรัฐกับเอกชนจัดมหกรรมลดราคา คืนกำไร นักท่องเที่ยว ตอกย้ำเมืองไทย ใคร ๆ ก็เที่ยวได้
 
นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าปี 2563 ททท.ได้จัดแฟมทริปโครงการ “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซั่น 2” โดยใช้งบประมาณรวม 8 ล้านบาท ทำโปรแกรมท่องเที่ยวฟรีเพื่อเพิ่มมิติทางสังคมด้วยการนำการท่องเที่ยวเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความยั่งยืน มอบให้แก่ผู้ทำประโยชน์และผู้มีรายได้น้อยรับสิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทยอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ ตามนโยบายหลักการส่งเสริมท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล หรือ Tourism for All หรือ “เมืองไทย ใคร ๆ ก็เที่ยวได้” ตลอด 3 เดือน ระหว่างมกราคม-มีนาคม นี้ ได้จัดทำกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 

ส่วนที่ 1 เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนที่ 2 ททท.ร่วมกับทางองค์การพันธมิตรภาครัฐและเอกชน 58 แห่ง มอบส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่ เปอร์เซ็นต์ลดราคาการเข้าชมหรือท่องเที่ยวตามเงื่อนไขของแต่ละแห่งที่มีอยู่ เช่น สวนสัตว์ อุทยาน ร.2 สมุทรสงคราม สวนพฤกษศาสตร์ เชียงใหม่ หุ่นขี้ผึ้ง นครปฐม หมู่บ้านควายไทย สุพรรณบุรี ส่วนที่ 3 ททท.ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน 37 แห่ง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคาร สถาบันการเงิน และอื่น ๆ คัดเลือกเด็กด้อยโอกาสไปเที่ยวตามความฝัน เส้นทาง ระยะเวลา รายละเอียดจะขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สู่สังคม (CSR) ควบคู่กันไปได้ด้วย

โดยจะผนวกเรื่องการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบตามเป้าหมายหลักในโอกาส ททท.ครบ 60 ปี ประกาศรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทุกวัย เดินทางท่องเที่ยวโดยการใส่ใจสิ่งแวดล้อม รักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ลดการทิ้งขยะ และอีกหลากหลายวิธีในการดูแลธรรมชาติให้ยั่งยืนในระยะยาว
 
สำหรับโปรแกรม “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซัน 2”  จัดเมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2563 โดย ททท.ได้เลือกตัวแทน 3 กลุ่มหลัก กลุ่มละ 20 คน ทดลองใช้สินค้าท่องเที่ยวตามเส้นทางต่าง ๆ ประกอบด้วย 

กลุ่มที่ 1 จิตอาสาผู้ทำงานช่วยเหลือสังคม ถือบัตรสวัสดิการรัฐ 4 กลุ่มย่อย เดินทางท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2563 ได้แก่ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณะสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน (อปพร.) กลุ่มอาสาพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน (อพม.) และกลุ่มอาสาสมัครกลุ่มเทพมหานคร เพื่อสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยมในทริปอิ่มบุญคือ “วัดถ้ำเสือ อำเภอท่าม่วง เพื่อสักการะหลวงพ่อชินประทานพร ภายในศาสนสถานที่มีสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงามตั้งอยู่บนยอดเขา “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” อำเภอท่ามะขาม ทางรถไฟมรณะสายประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 และเมืองมัลลิกา ร.ศ.124 อำเภอไทรโยค แหล่งท่องเที่ยวย้อนยุคความรุ่งเรืองสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาสภายใต้พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ.124 เมืองท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยเข้าไปเดินชมและถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ ของร้านอาหาร บ้านเรือนไทย 
 

กลุ่มที่ 2 เด็กด้อยโอกาสที่มีความบกพร่องทางกาย จะคัดเลือกตัวแทนคนตาบอด หูหนวก เวลแชร์ และอื่น ๆ ร่วมแฟมทริปไปท่องเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพฯ-พัทยา-ศรีราชา ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2563 

กลุ่มที่ 3 เด็กด้อยโอกาสปกติ เข้าร่วมแฟมทริปไปท่องเที่ยว กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ วันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563 
 
ผอ.ไพรัชช์กล่าวว่า หลังจากจัดทริปนำร่องทั้ง 3 กลุ่มเสร็จเรียบร้อย ททท.ได้จัดกิจกรรมมอบของขวัญเป็นรางวัลแพกเกจท่องเที่ยวฟรีตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งได้เปิดให้กลุ่มจิตอาสาผู้ทำประโยชน์เพื่อสังคมทั้ง 4 กลุ่มย่อย เข้ามาลงทะเบียนช่วงเปิดโครงการเมื่อเดือนธันวาคม 2562 และช่วงมกราคม 2563 ได้จับรางวัลผู้โชคดีเพื่อเดินทางฟรี 200 รางวัล รางวัลละ 2 คน รวม 400 คน ประกอบด้วย อสม.70 รางวัล อปพร.70 รางวัล อพม.40 รางวัล และ อสส.20 รางวัล โดยสามารถตรวจสอบการประกาศรายชื่อผู้โชคดีได้ทาง www.เที่ยวตามฝัน.com

 
ขณะที่กลุ่มจิตอาสาโดยรวมที่ร่วมเดินทางแฟมทริปโครงการ “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซัน 2” กับ ททท.ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในกาญจนบุรี สะท้อนความเห็นว่า ได้รับประสบการณ์และโอกาสที่ดีในการได้สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่นอกเหนือจากจังหวัดของตนเอง เป็นรางวัลชีวิตในการทำงานช่วยเหลือสังคมแล้ว ททท.มองเห็นคุณค่าได้ออกมาเปิดโลกกว้าง เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยภาคอื่น อีกทั้งการได้มารวมกลุ่มก็ยังได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเรื่องการทำงานของจิตอาสาแต่ละกลุ่ม ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้พัฒนาการทำงานเพื่อสังคมในพื้นที่ต่อไป 

สำหรับข้อเสนอแนะของกลุ่ม อสม.เกี่ยวกับการจัดทริป “เที่ยวตามฝัน ครั้งหนึ่งในชีวิต ซีซัน 2” ต้องการให้ ททท.เจ้าภาพจัดทำโครงการปรับลดเงื่อนไขกรณีผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ โดยให้โอกาสผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมอย่างทั่วถึง เนื่องจากทั้งประเทศเฉพาะ อสม.มีอาสาสมัครอยู่มากกว่า 1 ล้านคน บางคนก็ไม่มีบัตรสวัสดิการรัฐ ดังนั้นควรจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสักเล็กน้อยเพื่อให้เกิดการกระจายโอกาสเข้าถึงสิ่งที่ดีทางการท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียมกัน 

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563

คิง เพาเวอร์เข้มมาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่า ออกประกาศตามขั้นตอนความปลอดภัยสูงสุด

คิง เพาเวอร์เข้มมาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่า
ออกประกาศตามขั้นตอนความปลอดภัยสูงสุด
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #คิงเพาเวอร์เฝ้าระวังไวรัสโคโรน่า #savetourism


กลุ่มบริษัท คิง เพราเวอร์ ออกประกาศ มาตรการเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่า (Coronavirus) ตั้วแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามนโยบายรัฐบาล ตามรายละเอียดดังนี้



ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ตระหนักและมีความห่วงใยสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้ดำเนินการเพื่อตอบรับนโยบายของทางภาครัฐในการคุมเข้มการแพร่ระบาด รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า นักท่องเที่ยว จึงได้กำหนดมาตรการป้องปราม โดยคำนึงถึงการให้บริการและความปลอดภัยสูงสุด ดังนี้

1. มาตรการจัดเตรียมพื้นที่ให้บริการ และฆ่าเชื้อโรคพื้นที่ให้บริการทุกจุด ทั้งในคอมเพล็กซ์และพื้นที่บริการในท่าอากาศยาน ทุกสาขา รวมถึงโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ และตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร โดยมีการฉีดและอบโอโซนฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา และ H1N1 ทุกสาขา ตั้งแต่คืนวันที่ 25 มกราคม และดำเนินการต่อเนื่องด้วยการทำซ้ำทุก 2 สัปดาห์ ตลอดจนเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดห้องน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมถึงจุดที่มีลูกค้าใช้บริการจำนวนมาก

2. มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสุขอนามัยของลูกค้าและพนักงาน โดยพนักงานปฏิบัติงานหน้าร้านให้สวมหน้ากากอนามัย N95 พร้อมเพิ่มจุดให้บริการเจลล้างมือสำหรับลูกค้า พร้อมการเช็ดทำความสะอาดซ้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในจุดสัมผัสสาธารณะ

3. ประชาสัมพันธ์วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาแก่พนักงานรับทราบ รวมถึงการให้ลูกค้าร่วมกันตระหนักรู้

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมถึงติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาต่อไป


วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2563

ปิดทองหลังพระชูน่านโมเดลพลิกวิถีเกษตรยั่งยืน-นกแอร์ บางกอกแอร์ชิงขาย60เส้นทางความสุข


ปิดทองหลังพระชู“น่านโมเดล”พลิกวิถีเกษตรยั่งยืน
นำศาสตร์พระราชาปลดหนี้เพิ่มรายได้ลดเหลื่อมล้ำ
บัตรใหม่คิงเพาเวอร์สมัครปุ๊บรับ600กะรัตคุ้ม4ต่อ
ฉลาดช้อปคิงเพาเวอร์3หมื่นผ่อน0%ได้นาน10เดือน
“รมว.ท่องเที่ยว”ลั่นอัดยาแรงปั๊มรายได้ทัวร์อินเตอร์
ททท.ปลุกเที่ยววิถีธรรมชาติสวนพฤกษศาสตร์ระยอง
บางจากจัดเต็ม“แก้วเพาะกล้า”มอบกรมป่าไม้รักษ์โลก
ตลุย!ท่องเที่ยวบุกกินของอร่อย“ตรัง-สตูล”3วัน3 คืน
5วิธีหนีกลุ่มโรคNCDsต้องหาทางแก้พฤติกรรมตัวเอง
“นกแอร์-บางกอกแอร์”แข่งขาย60เส้นทางความสุข
ภูเก็ตจัดป่างเตงโห่ยชมโคมไฟอลังการวันนี้-8 ก.พ.

พบกันในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.กับ                “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLive97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  # #  #  #ตลุยกินพุงกางตรังสตูล3วัน3คืน  

ธนกร รัชตานนท์
ผู้จัดการโครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ จังหวัดน่าน

ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์ภาคสนามกับ “ธนกร รัชตานนท์ ผู้จัดการโครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ จังหวัดน่าน” เปิดอนาคตเกษตรกรนำศาสตร์พระราชา 6 มิติ ปลดหนี้ภาคครัวเรือนเร่งรวมกลุ่มเกษตรกรน่าน 3 พื้นที่ “วังผา-สองแคว-เฉลิมพระเกียรติ” กอดคอกันยกเครื่อง น้ำ ดิน ป่า เกษตร พลังงาน สิ่งแวดล้อม สร้างผลผลิตยึดหัวหาดส่งขายตลาดค้าปลีกรายใหญ่ ปี’63 ฟื้นแบรนด์ส้มสีทองครองแชมป์วงการค้าอีกครั้ง พร้อมผนึกแบงก์ชาติภาคเหนือปั้นครูการเงินการลงทุนประจำหมู่บ้าน เดินหน้าสู่การพัฒนาวิถีชีวิตเกษตรอย่างยั่งยืน เพื่อรอส่งไม้ต่อให้ท้องถิ่นดูแล



นายธนกร รัชตานนท์ ผู้จัดการโครงการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ จังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ปี 2563 เตรียมแผนงานพัฒนาพื้นที่ต้นแบบที่ทำมาต่อเนื่องมา 10 ปี โดยแบ่งเป็น “รอด-พอเพียง-ยั่งยืน” แต่ละปีได้แบ่งช่วงเวลาอย่างชัดเจน ปัจจุบันเข้าถึงขั้นความพอเพียง ก้าวต่อไปจะต้องพัฒนาสู่คความยั่งยืน โดยจะมองไปข้างหน้าทำให้เกิดความเข้มแข็งด้วยการ มีตลาดในรูปแบบการเชื่อมโยง รวมกลุ่มเกษตรเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้า  และนำศาสตร์พระราชาขยายจากพื้นที่ปิดทองหลังพระไปยังพื้นที่อื่น ๆ รอบพื้นที่ เนื่องจากทุกวันนี้การเปลี่ยนแปลงของโลกจะต้องหาช่องทางทำให้ชาวบ้านอยู่ได้ก่อน

แนวทางการขยายเครือข่ายพื้นที่นั้น ปิดทองหลังพระจะจับมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐที่ดำเนินแนวทางนี้อยู่แล้ว และธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคเหนือ ร่วมกันใช้ศาสตร์พระราชาอย่างเต็มศักยภาพ

ขณะนี้พื้นที่หลักที่ปิดทองหลังพระรับผิดชอบดูแลการพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรในจังหวัดน่านครอบคลุม 2.5 แสนไร่ ประกอบด้วย 1.อำเภอท่าวังผา 3 หมู่บ้าน พื้นที่ 3 หมื่นไร่ 2.อำเภอสองแคว 3 หมู่บ้าน พื้นที่กว่า 4 หมื่นไร่ 3.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ต้นแม่น้ำน่าน พื้นที่ 1.7 แสนไร่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา ยังไม่รวมพื้นที่ขยายผลโดยทางจังหวัดได้เข้าไปควบคุมดูแลทั้งหมด

ในพื้นที่ของปิดทองหลังพระดูแลได้นำหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใช้ 6 มิติ เรื่องน้ำ ดิน ป่า เกษตร พลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม ตอนนี้ขยับเข้าไปทำ “เรื่องน้ำ” เป็นตัวตั้ง กระจายระบบส่งน้ำตามพื้นที่ต่าง ๆ ต่อด้วยการ “ปรับปรุงดิน” ในพื้นที่ทำการเกษตรอย่างเหมาะสม และ “การปลูกป่า” ตอนนี้สามารถสร้างป่าเศรษฐกิจ ปีนี้เน้นการรวมกลุ่มเกษตรเพื่อ “แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร” หาวิธีนำชาวบ้านเข้าสู่ระยะที่ 3 ด้านการสร้างความยั่งยืน

มูลนิธิปิดทองหลังพระ จ.น่าน ประสานนำอ่างเก็บน้ำไปสร้างบนเนินเขาในอำเภอวังผา
เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้นำเพื่อประโยชน์ด้านการเกษตร
ปลูกพืชเศรษฐกิจ และทำปศุสัตว์ สร้างวิถีความยั่งยืนตามศาสตร์พระราชา

 ปี 2563 ทั้ง 3 พื้นที่ที่ปิดทองหลังพระรับผิดชอบดูแลอยู่นั้น แต่เดิมเคยมีปัญหาเชิงโครงสร้างแตกต่างกัน แต่วันนี้มีน้ำปลูกพืชทั้งระยะสั้น ระยะยาวอย่างไม้ผลก็เริ่มมีผลผลิตออกแล้ว ทำให้ชาวบ้านมีน้ำ การเกษตรได้ตลอดทั้งปี สิ่งที่ตามมาคือป่า บางพื้นที่เปลี่ยนจากพืชเชิงเดี่ยวอย่างข้าวโพดซึ่งส่งผลเสียทั้งทำลายป่าและเพิ่มสารเคมี หันไปปลูกไม้ผลแทน เริ่มเห็นผืนป่ากลับคืนมา 2.5 แสนไร่ ลดปัญหาหมอกควัน สถิติไฟป่าน้อยมากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 10 % หรือบางพื้นที่ก็เป็น 0 % เรียกได้กว่าไม่ได้สร้างมลพิษในอากาศเป็นฝุ่น PM 2.5 แต่อย่างใด

สำหรับพืชเศรษฐกิจในพื้นที่เด่น ๆ ซึ่งสามารถทำรายได้ให้เกษตรกรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แยกตามพื้นที่ ในอำเภอสองแควพืชเด่นคือมะนาวกับส้มโอ ตอนนี้มะนาวสามารถรวมกลุ่มตั้งวิสาหกิจชุมชนอย่างเข้มแข็ง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศระดับประเทศส่งมะนาวเข้าห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ พึ่งพาตนเองได้ มีธุรกิจอื่นเข้ามาแซกจากการวมกลุ่มปลูกมะนาว

ทางด้านอำเภอวังผาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเป็นพื้นที่ราบ มีพ่อค้าเข้ามาสั่งสินค้าจำนวนมาก จึงเน้นปลูกพืชระยะสั้น อย่าง พริก ผักกาดเขียว สร้างรายได้เพิ่มขึ้น ขณะนี้เตรียมฟื้นฟูรวมกลุ่มการปลูกส้มเขียวหวานซึ่งเป็นพืชขึ้นชื่ออดีตของจังหวัดน่านพันธุ์ส้มสีทองแต่หายจากตลาดไปได้สักพักแล้ว

ขณะที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ พื้นที่ต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน มุ่งแปรรูปกล้วยน้ำว้า มะม่วงหิมพาน ไร่กาแฟ เพื่อทดแทนการปลูกข้าวโพด

นายธนกรกล่าวว่า เปรียบเทียบชีวิตความเป็นอยู่ในเชิงรายได้ของชาวบ้านตลอด 10 ปีแรก กับที่จะก้าวไปข้างหน้านั้นพบว่า ในอดีตก่อนปี 2553 มีรายได้เฉลี่ยปีละกว่า 1 แสนบาท/ครัวเรือน ปี 2563 เพิ่มเป็นกว่า 2 แสนบาท/ครัวเรือน ส่วนกลุ่มชาวบ้านที่ไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่หน่วยราชการกำหนดเฉลี่ยปีละไม่เกิน -30,000 บาท/ครัวเรือน ก็ยังมีอยู่ในพื้นที่ปิดทองหลังพระดูแลจำนวนน้อยลงมาก จึงเป็นโจทย์ที่จะต้องเข้าไปแก้ไขควบคู่กันไป เพราะมีตัวแปรหลายปัจจัย เช่น คนชรา คนป่วย ลูกหลานไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ออกไปทำงานนอกพื้นที่ เป็นหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปดูแลให้ชาวบ้านอยู่ได้

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ
ขึ้นเวทีถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีบริหารจัดการเงินลงทุนแก่เกษตรกร จ.น่าน
เพื่อปลดหนี้ภาคครัวเรือน เพิ่มรายได้ สร้างอาชีพอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตามเรื่องรายได้ของชาวบ้านก่อนปี 2552 ที่ปิดทองหลังพระจะเข้าพื้นที่ไปทำงานมีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท จนกระทั่งตอนนี้ทางสถาบันการศึกษาเข้าไปเก็บสถิติจนพบว่าตอนนี้มีปีละกว่า 2 แสนบาท

ส่วนกลยุทธ์เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ก็ได้ “การตลาด” เป็นตัวนำจากเกษตรกรและเอกชนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ทำเกี่ยวกับไม้ผล ตัวอย่าง พืช ชวนมาให้องค์ความรู้ ปลูกพืชสายพันธุ์ใด ชนิดไหน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาด ที่ผ่านมาชาวบ้านปลูกโดยไม่ได้คำนึงถึงตลาด ดังนั้นจึงต้องให้เอกชนผู้ซื้อเข้าไปให้คำแนะนำแล้วทางชาวบ้านต้องรวมกลุ่มกันปลูกและผลิต

ปี 2563 โจทย์ที่จะต้องทำ คือ สร้างความเข้มแข็งและต่อยอดผลผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรหรือชาวบ้าน เพราะมีบางพื้นที่รวมตัวกันอย่างเข้มแข็งต้องการต่อยอด มีบางพื้นที่ยังไม่เข้มแข็งต้องค้นหาสาเหตุแล้วพัฒนายกระดับให้ทันกลุ่มอื่น

ประเด็นสำคัญอย่างยิ่งเกษตรกรเองไม่รู้ระบบวงจรการเงิน เป็นจุดอ่อนสำคัญมาก ภาคการเกษตรแทบจะไม่มีเงินออมเหลืออยู่เลย ปี 2563 ทางปิดทองหลังพระจึงร่วมกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ ลงพื้นที่ให้ความรู้เบื้องต้นแก่ชาวบ้านด้านการใช้เงินลงทุน เพื่อทำระบบการปลูก บัญชีครัวเรือน นำไปสู่การคำนวณเม็ดเงินลงทุนและผลกำไรแต่ละปี ตอนนี้ได้จัดสัมมนากลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จมาถ่ายทอดให้เครือข่ายเกษตรและผู้นำชุมชนแต่ละพื้นที่ของปิดทองหลังพระ และพื้นที่ขยายผลของจังหวัดน่าน

จากนั้นวางแผนถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเงินลงทุน และลดหนี้ภาคครัวเรือนอย่างเป็นระบบต่อไป โดยมีการสร้างครูการเงินทุกพื้นที่ ต่อไปชาวบ้านจะได้เข้าถึงการเงินและการลงทุนแบบง่าย ๆ แต่การทำสัมมนาเพียงครั้งเดียว จะต้องเพิ่มความเข้มข้นปี 2563 เพื่อเจาะลึกเข้าถึงชัดทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มปลูกมะนาวบ้านยอด และพื้นที่อื่น ๆ โดยใช้ทุนเดิมของคนที่ประสบความสำเร็จไปสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อการเพาะปลูกต่อกันเป็นลูกโซ่



นายธนกรกล่าวว่าในเฟส 3 จะต้องทำงานอย่างน้อยอีก 5 ปี เพื่อทำให้ชาวบ้านมีวิถีชีวิตการประกอบอาชีพสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าชาวบ้านจะต้องไปเฟ้นหาทุนเดิมและความต้องการอะไรเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ตอนนี้กำลังรวบรวมจุดแข็งของแต่ละที่เพื่อเสริมเข้าไป แต่ปิดทองหลังพระจะดึงองค์ประกอบจากทุกหน่วยมาร่วมกันทำ แล้วทางปิดทองหลังพระจะคอยเป็นหน่วยสนับสนุน คงไม่สามารถไปใช้แนวทางอุ้มอุปถัมภ์ได้ทั้งหมด แต่จะมุ่งเป็นตัวกลางประสานเชื่อมหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาร่วมมือกันช่วยพัฒนาเกษตรกรไปด้วยกัน เพื่อในอนาคตเมื่อถึงระยะหนึ่งปิดทองหลังพระก็จะต้องถอนตัวออกจากพื้นที่ เพื่อให้ภาครัฐที่รับผิดชอบท้องถิ่นเข้ามาดูแลสานต่อ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือเป็นกลไกสำคัญอยู่กับชุมชนทั้งชีวิต ทางปิดทองหลังพระจึงต้องเร่งสร้างการรับรู้และถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ให้ท้องถิ่นเข้ามารับช่วงไปดำเนินการตามหน้าที่เป็นอย่างดีต่อไปในระยะยาว

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1สมัครบัตรใหม่คิงเพาเวอร์รับ600กะรัตสิทธิ์คุ้ม4ต่อ”


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนสมัครบัตรสมาชิกใหม่ รับทั้งคูปอง On Top และอั่งเปา CARAT REWARDS! ฟรีสูงสุด 600 กะรัต  สมัครได้ที่จุดขาย และจุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา ยกเว้น คิง เพาเวอร์ สนามบินหาดใหญ่ และอู่ตะเภา

สมัครสมาชิกบัตรใหม่  คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา ทั้งที่รางน้ำ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต สุวรรณภูมิ  ดอนเมือง  ระหว่างวันนี้-29 กุมภาพันธ์ 2563 รับทันทีคูปองส่วนลด On Top เมื่อ 1.สมัครบัตร Onyx มูลค่า 60,000 บาท รับคูปองส่วนลด On Top 10% จำนวน 2 ใบ  พร้อมรับอั่งเปาเงินคืน 600 กะรัต (มูลค่า 600 บาท) และสิทธิประโยชน์ส่วนลดตามประเภทบัตรได้อีก 15 %  2.สมัครบัตร Scarlet มูลค่า 6,000 บาท รับคูปองส่วนลด On Top 10% จำนวน 1 ใบ  พร้อมรับอั่งเปาเงินคืน 60 กะรัต (มูลค่า 60 บาท)  และสิทธิประโยชน์ส่วนลดตามประเภทบัตรได้อีก 10 %

ส่วนการช้อปสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ , ศรีวารี และภูเก็ต ระหว่างวันนี้ – 1 กุมภาพันธ์ 2563 รวมถึงช้อปออนไลน์รอลุ้นรับอั่งเปาส่วนลดสินค้าสูงสุด 20% เพื่อเลือกช้อปออนไลน์ที่ www.kingpower.com หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น King Power ที่ App Store หรือ Google Play สามารถใช้คูปองส่วนลดดังกล่าวได้ทันทีตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2563

ทั้งนี้สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทั้งหมด ยังสามรถรับความเฮงสุดคุ้มได้อีกถึง 4 ต่อด้วยกัน คือ

ต่อที่ 1 ลดทันที สูงสุด 15% ได้แก่ บัตร NAVY มูลค่า 1,000 บาท ได้สิทธิ์ส่วนลด 5% 2.บัตร SCARLET มูลค่า 6,000 บาท ได้สิทธิ์ส่วนลด 10% 3.บัตร ONYX มูลค่า 60,000 บาท ได้สิทธิ์ส่วนลด15%

ต่อที่ 2 รับเพิ่มคูปองส่วนลด ON-TOP สูงสุด 10% บัตร NAVY รับคูปองส่วนลด ON-TOP เพิ่ม 5% จำนวน 1 ใบ บัตร SCARLET คูปองส่วนลด ON-TOP เพิ่ม 10% จำนวน 1 ใบ บัตร ONYX รับคูปองส่วนลด ON-TOP เพิ่ม 10% จำนวน 2 ใบ

ต่อที่ 3 รับฟรี ! ตุ๊กตาดิสนีย์ เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET หรือ ONYX และช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ รับทันทีในวันสมัครจำกัด 1 สิทธิ์ / คน / ตลอดรายการ เฉพาะการสมัครใหม่ที่ คิง เพาเวอร์ สาขา รางน้ำ สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง

ต่อที่ 4 ฟรี ! ประกันอุบัติเหตุคุ้มครองเดินทางต่างประเทศ AIG มูลค่า 500,000 บาท พร้อมค่ารักษาพยาบาล 10,000 บาท เฉพาะการสมัครสมาชิกที่ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง

ข่าวที่ 2 ฉลาดช้อปคิงเพาเวอร์3หมื่นผ่อน0%นาน10เดือน”


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ให้สมาชิกช้อปเต็มที่อย่างฉลาด ด้วยการแบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2563 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร ศรีวารี พัทยา และภูเก็ตคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และศูนย์ปฏิบัติการ การบินไทย

เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ แบ่งชำระ 0% สูงสุด 6 เดือน ช้อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ แบ่งชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน
เพียงทำตามเงื่อนไข 1. ต้องเป็นยอดซื้อหลังจากหักส่วนลดต่างๆ (ยอดสุทธิ) ภายในแผนกสินค้าเดียวกัน 2.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าเพิ่มเติม ณ จุดขาย 3.สินค้าแผนกสุราและบุหรี่ไม่สามารถร่วมรายการ 3.ยอดซื้อที่เกิดจากการเข้าร่วมโครงการผ่อนชำระ 0% สามารถร่วมรายการส่งเสริมการขายประจำเดือนได้ รวมถึง CARAT Rewards และการสะสมยอดซื้อเพื่อปรับสถานภาพสมาชิกสามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสมาชิก คิง เพาเวอร์ 4.บัตรเครดิตกรุงศรีอยุธยา และบัตรผ่อนชำระในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ สามารถร่วมรายการได้เฉพาะ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และศูนย์ปฏิบัติการ การบินไทย



นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการเป็นประธานปล่อยแถว “สร้างความเชื่อมั่นเทศกาลตรุษจีน 2563” ณ บริเวณวงเวียนโอเดียน เยาวราช ว่าตลอดเทศกาลตรุษจีนระหว่าง 23-31 มกราคม 2563 ได้มอบนโยบายให้ตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานเกี่ยวข้องภาครัฐ ช่วยกันดูแลความปลอดภัยแก่นักเดินทางได้พักผ่อนอย่างมีความสุข

โดยเฉพาะตรุษจีนเยาวราช ซึ่งมีผู้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยเงินจำนวนมากช่วงเทศกาล รวมทั้งเข้ามาท่องเที่ยวเลือกรับประทานอาหารอร่อยย่านสตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียงของไทย ดังนั้นจึงได้กำชับให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร รถบริการสาธารณะ ห้ามเอาเปรียบ หลอกลวง นักท่องเที่ยว ช่วยกันรักษามาตรฐาน เพื่อที่จะได้สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวจีนและชาติอื่น ๆ นำเงินเข้ามาสร้างรายได้กระจายไปยังคนไทยทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 ทางรัฐบาลจีนเองก็ได้ประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นและห้ามเที่ยวบินเข้าออก ชั่วคราว เพื่อค้นหาสาเหตุตามแหล่งที่เป็นกำเนิดโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ส่วนทางรัฐบาลไทยก็ได้ประกาศให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังตั้งแต่เครื่องบินโดยสารของสายการบินต่าง ๆ สนามบินซึ่งเป็นประตูเข้า-ออก ของนักท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อสร้างมาตรการป้องกันความเสี่ยงทั้งหลายไม่ให้เกิดขึ้น จนกลายเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ

ส่งผลให้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว และ ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออกมายืนยันว่าในช่วงที่รัฐบาลจีนประกาศห้ามคนเดินทางออกนอกประเทศช่วงที่มีไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ระบาดจะส่งผลต่อนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยไตรมาสแรกปีนี้ ระหว่างมกราคม-เมษายน 2563 รายได้จะลดลงไปราว 48,000-51,000 ล้านบาท แต่ก็ต้องยอมรับสภาพ อีกทั้งยังต้องช่วยกันป้องกันดูแลระวังโรคดังกล่าวอย่างเข้มงวด

ส่วน รมว.พิพัฒน์ ยังกล่าวถึงการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ วันที่ 31 มกราคม นี้  พร้อมจะเสนอมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวหลัก ๆ คือ ฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย หากไม่ผ่านการเห็นชอบ ก็จะขอขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA)ไปจนถึงสิ้นปี2563 แทนกำหนดเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 30เม.ย.2563 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจาก 2 ตลาดใหญ่ แข่งกับประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซียได้ประกาศให้ฟรีวีซ่าแก่จีนและอินเดีย เริ่มแล้ว 1ม.ค.-31ธ.ค.2563

โดยมี 5 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มหาดไทย กลาโหม การต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมหารือร่วมกันอย่างรอบด้าน เบื้องต้นเห็นด้วยแล้ว 4หน่วยงาน เหลือกระทรวงการต่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจน

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าจะหารือ ครม.เศรษฐกิจ อีกกว่า 10 มาตรการ เช่น กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คล้ายโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เบื้องต้นอาจแจกคูปองเงินสดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงสนามบิน เหมือน “ชิม ช้อป ใช้” เวอร์ชั่นชาวต่างชาติ เพื่อชดเชยผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า โดยในส่วนนี้จะใช้เงินจากงบประมาณกลางในวงเงินไม่ต่างจากโครงการชิมช้อปใช้ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันและตั้งข้อสังเกตุอยู่ในขณะนี้ว่าข้อเสนอการแจกคูปองมีมูลค่าเป็นเงินสดแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติถูกต้องตอบโจทย์การแก้ปัญหาท่องเที่ยวได้จริงหรือไม่ และ/หรือจะเป็นการนำภาษีของประชาชนไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง



นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ระยอง ซึ่งสามารถท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง โดยระหว่าง 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2563 ทางสวนพฤกษศาสตร์ระยอง ได้จับมือกันระหว่างภาคีเครือข่ายส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในท้องถิ่นจังหวัดระยอง จัดงาน “วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก จังหวัดระยอง ประจำปี 2563” เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ บึงสำนักใหญ่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ

โดยได้จัดให้บริการนั่งเรือชมธรรมชาติความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำ การเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชนการแข่งขันพายเรือ ถ่อเรือ การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ระดับประเทศ           การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและการแข่งขันวิ่งมาราธอนเพื่อสุขภาพและการอนุรักษ์ พื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetland run mini marathon 2020) ณ สวนพฤกษศาสตร์ระยอง



โดยได้จัดให้บริการนั่งเรือชมธรรมชาติความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำ การเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชนการแข่งขันพายเรือ ถ่อเรือ การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน จำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ระดับประเทศ           การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและการแข่งขันวิ่งมาราธอนเพื่อสุขภาพและการอนุรักษ์ พื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetland run mini marathon 2020) ณ สวนพฤกษศาสตร์ระยอง
                 
                รวมทั้งมีมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น พิธีทำบุญตักบาตร สืบชะตาบึง พิธีมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เขียนบทความส่งเสริมการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ชมการแสดงของเยาวชนที่แสดงออกถึงการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ  การจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ กิจกรรมสร้างสรรค์ทางวิชาการของเยาวชน การจัดสวนหย่อม การประกวดจัดสวนถาดชื้น-แห้ง โดยมีน้ำเป็นองค์ประกอบ การวาดภาพธรรมชาติ การตอบปัญหาทางด้านพฤกษศาสตร์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การประกวดสิ่งประดิษฐ์จากวัสดุที่เหลือใช้ การคัดแยกขยะ การเสวนาเกี่ยวกับพืช สัตว์ รุกรานต่างถิ่นในพื้นที่ชุ่มน้ำ

      

สอบถามเพิ่มได้ที่สวนพฤกษศาสตร์ระยอง โทร. 0 3863 8880-1 และนายวัชนะ บุญชัย หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ระยอง โทร.09 3138 9095 




นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายวิษณุ วงศ์สุมิตร ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจกาแฟและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด และพันธมิตร ร่วมส่งมอบแก้วเครื่องดื่มอินทนิลย่อยสลายได้ให้นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในโครงการ “แก้วเพาะกล้า”
แก้วดังกล่าวที่ได้รับคืนจากเพื่อนพนักงานกลุ่มบริษัท บางจากฯ และลูกค้าร้านอินทนิลทั่วประเทศ ส่วนแก้วเพาะกล้าเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างบางจากกับกรมป่าไม้ ที่นำไปเพาะชำต้นกล้าไม้ ทดแทนการใช้ถุงพลาสติกดำ ลดการสร้างขยะ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ส่งเสริมการนำวัสดุที่ใช้แล้ว มาใช้ใหม่ และคืนประโยชน์สู่สังคมด้วยการสร้างความร่วมมือของประชาชน ซึ่งจะรับคืนแก้วอินทนิลใช้แล้วและส่งมอบให้แก่กรมป่าไม้จนถึงปลายปี 2563

                ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยในมุมตลุยกินกันพุงกางในยุทธจักรของอร่อย “ตรัง-สตูล” ลองสักตั้งตลอด 3 วัน 3 คืน ส่วนคนที่ไทยต้องตื่นตัวป้องกัน “โรค NCDs” เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองด่วน “นกแอร์-บางกอกแอร์” ควงแขนขาย 60 เส้นทางความสุขตลอดปีหนู และ “โคมไฟ ป่างเตงโห่ย ภูเก็ต” สวยขนาดไหนต้องไปชม ตั้งแต่วันนี้- 8 กุมภาพันธ์ 2563

@ตลุย!ท่องเที่ยวกินของอร่อย“ตรัง-สตูล”3วัน3คืน

ตลุยกินให้พุงกางกับสารพัดเมนูอาหารคาว อาหารทะเล และอาหารหวาน ในยุทธจักรของอร่อยจังหวัดตรัง

ถึงเวลาออกไปเที่ยวถิ่นของกินอร่อย กินจนตัวแตก 3วัน3คืน “ตรัง-สตูล” ล่องใต้บุกไปยุทธจักรเมืองของอร่อยในจังหวัด “ตรัง” กัน ตลุยกินอาหารถิ่นไม่ซ้ำแบบ 9 มื้อ  3 วัน 3 คืน ลองประสบการณ์แปลกใหม่กับร้านที่มีบริการตั้งแต่ อาหารจานเดียว จานยักษ์ใส่เข่ง กินได้ตลอดทั้งคืนทั้งวัน เรื่อยไปจนถึงร้านของฝาก


เมนูขึ้นชื่อที่ฝังลึกอยู่กับวิถีเมืองตรังมายาวนานเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ คือ ร้านติ่มซำ อาหารเช้า แทบทุกร้านจะเสิร์ฟติ่มซำอร่อย ๆ ที่ได้รับความนิยมก็มี ร้านเรือนไทยติ่มซำ ร้านพงษ์โอชา ตามมาด้วยหมูย่างเจ้าถิ่น แม้แต่ร้านในตลาดเทศบาลก็มีหมู่ย่างรสเด็ดชื่อร้านโกเกา

มื้อเที่ยง กับมื้อเย็น มีข้าวหมูแดง หมูกรอบ หมี่ฮกเกี้ยน ราดหน้าซูเปอร์จานยักษ์ อาหารทะเล


สำหรับของฝากต้อง เค้กเมืองตรัง ทุกร้านมีขายแวะได้เลย ส่วนที่มีชื่อโด่งดังมาก ๆ ก็ต้องร้าน เค้กเบญจมิตร เค้กขุกมิ่ง

การเดินทางตลุยกินอาหารถิ่นเมืองตรัง ต้องวางแผนกันสักนิด “วันแรก” มื้อแรกเริ่มเบา ๆ ด้วยปาท่องโก๋กับกาแฟ ติ่มซำ หมูย่าง เสร็จสรรพก็ออกเดินไปชมเมืองเก่าสุดคลาสสิคตรง “สถานีรถไฟกันตัง” จากนั้นก็ไปยัง “บ้านพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎา” จวนเก่าเจ้าเมืองตรัง แล้วก็ลองหาชิม “เค้กหมูย่าง” แห่งเดียวในประเทศไทย ต้องกินสักมื้อ ช่วงเย็นเลือกร้านอาหารทะเลสด พร้อมกับเดินทางไปพักสตูลสักคืน




ตื่นเช้าขึ้นมาก็มองหา โจ๊กหมู บะกุ๊ดเต๋ ติ่มซำ รองท้อง เพื่อเติมพลังก่อนจะเดินไปชม “คฤหาสน์กูเต็น” เดินผ่านตึกเก่าถนนบุรีวานิช มีตึกเก่าเป็นย่านโอลด์ทาวน์เมืองสตูล มีในเมืองร้านชาชักและโรตี ต้องลองอีกเช่นกัน สั่งลาสตูลด้วยการกินอาหารทะดและอาหารอิสลามริมทะเล แล้วขับรถกลับมานอนเมืองตรัง

วันสุดท้าย ตื่นเช้าไปร้านขนมจีน จบด้วยขนมหวานโรตีเมืองตรัง กรอบนุ่ม แล้วห้ามพลาด สั่งราดหน้าจานยักษ์มาชิม กับอาหารประจำถิ่นริมฝั่งแม่น้ำตรัง

ท่องยุทธจักรอาหารอร่อย “ตรัง-สตูล” จนครบ 3 วัน 3 คืนแล้ว ก็แยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน



วงการแพทย์แนะนำให้หันมาใส่ใจป้องกัน NCDs-Non Communication Diseases ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับพฤติกรรม โดยโรคจะสะสมอาการและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นโรคของความไม่รู้ เเละโรคจากการทำร้ายตัวเอง เพราะทุกอย่างที่คุณทำเป็นตัวกำหนดโรคที่คุณจะเป็น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ คือ ทุกคนต้องช่วยกันให้ความรู้ข้อมูลเรื่องกลุ่มโรค NCDs ว่าเป็นวิกฤตโรคเรื้อรังที่รุนเเรงในระดับโลก เพื่อให้ตระหนักต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์ทำงาน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดโรคเป็นอย่างมาก เเละกลายเป็นต้นเเบบที่ผิดให้คนในครอบครัวของตนเอง ฉะนั้นการป้องกันรักษาที่ได้ผลสุด คือ การหยุดที่สาเหตุ ซึ่งสามารถทำได้โดย

5 วิธีหนีกลุ่มโรค NCDs

1.ไม่ดื่มเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์

2.ไม่สูบบุหรี่

3.เลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม จัด เเละเพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหาร

4.ออกกำลังกาย

5.อารมณ์ดี คิดบวก ไม่เครียด พักผ่อนให้เพียงพอ

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก“นกแอร์-บางกอกแอร์”ขาย60เส้นทางความสุข

                ปี 2563 เป็นปีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครบ 60 ปี บรรดาสายการบินชั้นนำของประเทศทั้ง นกแอร์ บางกอกแอร์เวย์ส จัดทำแคมเปญร่วมการขาย 60 เส้นทางความสุข

วุฒิภูมิ จุฬางกูร
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน)

นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการ 60 เส้นทางความสุข @เมืองไทย เดอะ ซีรีส์ นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวไปแล้วมีความสุขที่สุด 3 ฤดูกาล ได้แก่ หน้าหนาว หน้าร้อน หน้าฝน มอบข้อเสนอพิเศษให้คนไทยเดินทางเที่ยวใน 60 เส้นทางความสุขของแต่ละฤดูกาลตลอดปี 2563 ประกอบด้วย ซีรีส์แรก Hello Winter ทางนกแอร์จะทำโปรโมชั่น "Girl Gang ลั้นลา" รวมเมืองน่าท่องเที่ยวในฤดูหนาวไว้ เช่น
 1.ครามสกล สกลนคร เมืองคราฟท์ร่วมสมัย…สกลละเบ๋อ ที่มาพร้อมกิจกรรมเดินสายไหว้พระ ทำบุญ เที่ยวชุมชน ชมธรรมชาติ สัมผัสเสน่ห์แดนอิสานเมือง 3 ธรรม และช็อปผ้าไทยสไตล์ชิคบนถนนผ้าคราม

2.ทะเลบัวแดง อุดรธานี เมืองสายบุญท่องแดนดินถิ่นอีสาน ตามรอยเส้นทาง 3 ธรรม ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับสิริมงคลเสริมดวงชะตาบนเส้นทางสายมูเตลู

3.ไร่ชาฉุยฟง เชียงราย ดินแดนสูงสุดแดนสยาม แหล่งเที่ยวเชิงผจญภัย ล่องแพไม้ไผ่ริมน้ำกก ชมวิวทะเลหมอกงามบนยอดดอยสูง นั่งห้อยขาจิบชากาแฟชมวิวพาโนรามาบนยอดดอยผาหมีหรือขึ้นดอยช้างชมต้นทางกรรมวิธีผลิตกว่าจะเป็นกาแฟพรีเมี่ยมติดอันดับโลก

4.ขุนช่างเคี่ยน เชียงใหม่ แหล่งชมซากุระเมืองไทยที่สวยไม่แพ้ที่ไหนในโลก จะบานสะพรั่งรับลมหนาวช่วงต้นปีที่

อีกทั้งนกแอร์ยังมีโปรโมชั่นพิเศษอื่น ๆ ตลอดโครงการ ติดตามข้อมูลทางFaceBook หรือ www.nokair.com

ขณะที่ “บางกอกแอร์เวย์ส” เปิดตัวแคมเปญท่องเที่ยวประจำปี 2020 นำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์และแพ็กเกจบัตรโดยสารเครื่องบินพร้อมที่พักและรถรับ-ส่งสนามบิน



นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ร่วมจัดโครงการ 60 เส้นทางความสุข และโครงการ Amazing Thailand Premium กับ ททท. โดยใช้ บางกอกแทรเวลคลับ (BTC) ทำแคมเปญท่องเที่ยว 2 รูปแบบ ขยายฐานตลาดในประเทศและเพื่อนบ้าน คือ โปรแกรมท่องเที่ยว Miracle Indochina จัดทัวร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟเจาะกลุ่มลูกค้าแบบหมู่คณะเดินทางสู่เส้นทางแห่งอารยธรรม 11 เส้นทาง ทั้งในไทยและภูมิภาคอินโดจีน/เอเชีย กับแพ็กเกจ “Fly Boutique Stay Unique” ขายแพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก 4-5 ดาว และรถรับ-ส่ง สนามบินราคาพิเศษ เจาะกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (F.I.T)



นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้เปิดงานเทศกาลโคมไฟ “ป่างเตงโห่ย” ซึ่งจัดระหว่างวันนี้ - 8 กุมภาพันธ์ 2563 ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาช่วงตรุษจีน ถือเป็นวันที่สำคัญที่สุดของคนไทยเชื้อสายจีน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยทุกครอบครัวได้ทำความสะอาดบ้านครั้งยิ่งใหญ่ ซื้อของตกแต่งประดับประดา เช่น คำอวยพร โคมไฟ โดยประดับประดาด้วยสีแดง ให้โชคดี อายุยืน ร่ำรวยดี มีความสงบสุข

สำหรับประเพณีประดับโคมไฟ “ป่างเตงโห่ย” จังหวัดภูเก็ต  นั้น ทุกบ้านได้ประดับโคมไฟอย่างสวยงาม ร่วมกับไลม์ไลท์ อเวนิว ภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต และเครือข่ายด้านวัฒนธรรมในพื้นที่ภูเก็ต เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงาม ส่งเสริมการสร้างบรรยากาศ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้เข้าภูเก็ต

               
                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...