วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ทท.โร้ดโชว์ยุโรป3ประเทศ“เนเธอร์แลนด์-ฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม”ใช้เงินเที่ยวไทย6.6หมื่นล้าน

ททท.นำทัพเอกชนข้ามทวีปชิงตลาดทัวร์ยุโรปดาวเด่น3ประเทศ

โชว์“เนเธอร์แลนด์-ฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม”ใช้เงินเที่ยวไทย6.6หมื่นล้าน

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TATEU #ทททภูมิภาคยุโรป

อ่านในเว็บไซต์ #TheJournalistClubจากLinkนี้...



ททท.นำเอกชนลัดฟ้าข้ามทวีปตลุยขาย Amazing Thailand New Chapters” ปักธงชิงส่วนแบ่งรายได้ตลาดทัวร์ยุโรป 3 ประเทศ “เนเธอร์แลนด์-ฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม” ปี’62 ทำสถิติโกยเงินเข้าไทยรวมกว่า 66,431 ล้านบาท ปี’65 แอร์ไลน์แถวหน้าของโลกหนุนยุโรปเที่ยวไทยแห่เปิดบินตรงและบินเชื่อมต่อผ่านตะวันออกกลางแล้วทั้งเอมิเรตส์ อีวาแอร์ การบินไทย สถิติ 7 เดือนหลังเปิดประเทศ พ.ย.64-29 พ.ค.นี้ ยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 6.8 แสนคน  

 


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป รัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเต็มรูปแบบ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.จึงเร่งทำการตลาดเชิงรุกระยะไกลข้ามทวีปนำเอกชนท่องเที่ยวเดินทางไปส่งเสริมการขายกับคู่ค้าด้วยโครงการ “Amazing Thailand New Chapters Roadshow” มุ่งเจาะตลาดหลักภูมิภาคยุโรป 3 ประเทศ ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม ซึ่งเมื่อปี 2562 ก่อนวิกฤตโควิด-19 เคยสร้างเม็ดเงินเข้าไทยทั้งปีรวมกันกว่า 66,431 ล้านบาท จึงทำโร้ดโชว์นำสินค้าท่องเที่ยวของไทยไปเสนอขายกับคู่ค้าตลาดคุณภาพเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ประกอบด้วย 3 ประเทศ

พื้นที่แรก กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์  ททท.นำเอกชนไทย 13 ราย ร่วมขายในโครงการ  “Amazing Thailand New Chapters Roadshow to Amsterdam” เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 นำธุรกิจส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการโรงแรมของคนไทย 13 ราย แลกเปลี่ยนการซื้อขายกับบริษัทนำเที่ยว (TO/TA) ชั้นนำในอัมสเตอร์ดัม และเมืองใกล้เคียง 48 ราย

ขณะนี้เริ่มมีเที่ยวบินตรงแบบประจำให้บริการ ไป-กลับ ประเทศไทยกับเนเธอร์แลนด์แล้ว ตั้งแต่พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป สายการบินเคแอลเอ็มมีบริการบินตรง กรุงอัมสเตอร์ดัม-กรุงเทพ เดือนกรกฎาคม 2565 สายการบินอีวาแอร์ 3 เที่ยว/สัปดาห์ และมีเที่ยวบินเชื่อมต่อ (Connecting Flight) จากยุโรปผ่านตะวันออกอีกหลายเส้นทาง

เมื่อปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเนเธอร์แลนด์เดินทางมาไทยสร้างรายได้ 16,291.98 ล้านบาท จำนวน 230,006 คน



พื้นที่ 2 กรุงปารีส ฝรั่งเศส นำเอกชนไทยร่วมขายในโครงการ “Amazing Thailand New Chapters Roadshow to Paris” เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 มีโรงแรมกับบริษัทนำเที่ยวไทยเป็นตัวแทนผู้ขาย 12 ราย เจรจากับคู่ค้าในปารีส 63 ราย

ขณะนี้มีชาวฝรั่งเศสเดินทางมาไทยอย่างสะดวกสบาย โดยการบินไทย กับสายการบินแอร์ฟรานซ์ เปิดเที่ยวบินตรง กรุงปารีส-กรุงเทพฯ พร้อมทั้งมีเที่ยวบินเชื่อมต่อจากยุโรปผ่านตะวันออกกลางอีกหลายเส้นทางเช่นกัน

ปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวฝรั่งเศส เดินทางมาไทยสร้างรายได้ 42,827.24 ล้านบาท จำนวน 713,405 คน



พื้นที่ 3 กรุงเกนต์ ประเทศเบลเยียม ในโครงการ Amazing Thailand New Chapters Roadshow to Ghent” เมื่อ 25 พฤษภาคม 2565 มีเอกชนไทย 12 ราย เจรจาการขายกับบริษัทนำเที่ยวชั้นนำตัวแทนผู้ซื้อจากเมืองเกนต์และพื้นที่ใกล้เคียงรวม 60 ราย โดยมีเอมิเรตส์เป็นสายการบินพันธมิตรครั้งนี้ บริการนักเดินจากเบลเยี่ยมบินตรงเข้าไทย ไป-กลับ ระหว่าง กรุงบรัสเซลส์-กรุงเทพ และการบินไทยบินช่วงซัมเมอร์ ระหว่างกรกฎาคม-สิงหาคม 2565  รวมทั้งมีบริการเชื่อมต่อเที่ยวบินหรือ Connecting Flight ผ่านสายการบินจากตะวันออกกลาง  

 

สถิตินักท่องเที่ยวเบลเยี่ยมเข้าไทยก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 สร้างรายได้ 7,312.50 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวรวม 114,016 คน จากประชากรทั้งประเทศ 11 ล้านคน อาศัยอยู่ในเมืองเกนต์ 260,341 คน

 

ปัจจุบัน ททท.เล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดคุณภาพของนักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยมีสัญญาณและแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 โดยมีนักเดินทางจากยุโรปเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากถึง 250,948 คน ประกอบด้วย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เยอรมนี 45,874 คน 2.สหราชอาณาจักร 38,663 คน 3.รัฐเซีย 30,759 คน4.กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก 27,047 คน 5.ฝรั่งเศส (23,461 คน)

 

ปี 2565 ตั้งแต่รัฐบาลไทยประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกหรือ Thailand Reopening เมื่อรวมจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ไทยเริ่มเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด เมื่อพฤศจิกายน 2564 เรื่อยมาจนถึงล่าสุดเมื่อ 29 พฤษภาคม 2565 มียุโรปเที่ยวเมืองไทยรวมมากถึง 687,410 คน แบ่งเป็น

 


ช่วง 6 เดือนแรก ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 30 เมษายน 2565 มียุโรปเที่ยวไทยอีก 605,803 คน  ประกอบด้วย 5 อันดับแรก ได้แก่ ฝรั่งเศส 63,202 คน  ตามมาด้วย สหราชอาณาจักร เยอรมนี รัสเซีย และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก

 

จนถึงปัจจุบันระหว่าง 1 – 29 พฤษภาคม 2565 มีรายงานนักท่องเที่ยวยุโรปเที่ยวไทยมียอดสะสมถึง  81,616 คน ประกอบด้วย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สหราชอาณาจักร 21,123 คน 2.เยอรมนี 14,222 คน 3.ฝรั่งเศส 11,644 คน 4. รัสเซีย 6,425 คน  5.เนเธอร์แลนด์ 4,533 คน

 

ทั้งนี้ปี 2565 ททท.ตั้งเป้าจะทำให้รายได้ท่องเที่ยวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศรวมทั้งหมด  1.5 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 625,800 ล้านบาท จำนวน 7 -10 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 656,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคน-ครั้ง 




วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ทีเส็บปลุกสัมมนาไฮบริดวิธีใช้ดัชนีความสะดวกจัดไมซ์ ปลุกกระแสธุรกิจจัดกิจกรรมแนวใหม่เพิ่มรายได้เชิงรุก

ทีเส็บปลุกสัมมนาไฮบริดวิธีใช้ดัชนีความสะดวกจัดไมซ์

ปลุกกระแสธุรกิจจัดกิจกรรมแนวใหม่เพิ่มรายได้เชิงรุก

 เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TCEB #คู่มือใช้ดัชนีความสะดวกจัดไมซ์



นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สายงานบริหาร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำทีมผู้ที่สนใจกว่า 160 ราย เข้าร่วมงานสัมมนาแบบไฮบิดผสมผสานทั้งแบบออนไลน์ และ On-site เรื่องการใช้คู่มือ “ดัชนีความสะดวกในการจัดกิจกรรมไมซ์ หรือ Ease of Organising MICE Events Index” จัดเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

 

ซึ่งทางทีเส็บเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาและผลักดันคู่มือดัชนีความสะดวกในการจัดกิจกรรมไมซ์ดังกล่าวบรรจุภายใต้แผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวอาเซียน ส่งเสริมให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานด้านนโยบายแบบเชิงรุก      

 

โดยได้รับเกียรติเปิดงานจากผู้บริหารหน่วยงานเกี่ยวข้องคื นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ดร.รพีสุภา หวังเจริญรุ่ง ผู้ช่วยผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง 

ททท.หนุนโปรเจ็กต์2ศาสตร์“พอแล้วดี The Creator”ปี7 ก.ย.-ต.ค.นี้ลุยจัดสัญจรทั่วไทยปั้นนักธุรกิจพันธุ์ใหม่รุ่น7

ททท.หนุนโปรเจ็กต์2ศาสตร์“พอแล้วดี The Creator”ปี7

ก.ย.-ต.ค.นี้ลุยจัดสัญจรทั่วไทยปั้นนักธุรกิจพันธุ์ใหม่รุ่น7

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #ความพอดีTheCreator



 ททท.หนุนโปรเจ็กต์ “พอแล้วดี The Creator” ปั้นนักธุรกิจนิวเจนพันธุ์ใหม่ ปีที่ 7 รุ่น 7 หลอมรวมสองศาสตร์ “เศรษฐกิจพอเพียง+เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ยกระดับคุณภาพชีวิต สินค้า เคารพทรัพยากรธรรมชาติ นำไทยสู่โลกความยั่งยืนในอนาคต ก.ย.-ต.ค.นี้ เตรียมสัญจร 4 ภาค เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมภายใน ส.ค.นี้

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้สนับสนุนโครงการ “พอแล้วดี The Creator” ปี 2565 ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร 3 องค์กร คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท สมาร์ท คอส จำกัด มุ่งเน้นการพัฒนานักธุรกิจไทยเติบโตภายใต้ “ความพอดี” ทั้งเรื่องกำไรทางธุรกิจ การเกื้อกูลชุมชน เกื้อกูลโลก ตามแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หรือ ศาสตร์พระราชา (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจ สังคม และโลกในอนาคตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ปี 2565 โครงการ “พอแล้วดี The Creator” ก้าวสู่ปีที่ 7 และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสมัครรุ่นที่ 7 เป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หัวใจเกื้อกูลทั่วประเทศ ซึ่งจะคัดเลือกเพียงเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Training Workshop) เพียง 15 แบรนด์ ใช้เวลา 3 เดือน แลกเปลี่ยน เรียนรู้ อบรม และพัฒนา สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจโดยนำ 2 ศาสตร์ คือ แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ควบคู่กับแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)  หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วสามารถนำไปใช้ในชีวิตทำธุรกิจในโลกใหม่ โดยไม่ได้มองเพียงแค่ผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมและโลก พร้อมที่จะเป็นพลังธุรกิจให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม

ล่าสุดได้จัดเสวนาในหัวข้อการดำเนินธุรกิจภายใต้ “ความพอดี” นำโดย ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการ โครงการพอแล้วดี The Creator พร้อมองค์กรที่สนับสนุน เปิดเวทีพูดคุยแนะนำพอแล้วดี The Creator รุ่นที่ 7



ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการ โครงการพอแล้วดี The Creator เปิดเผยว่า โครงการพอแล้วดี The Creator จุดเริ่มเกิดขึ้นจากแนวคิดที่จะทำทุกคนมีโอกาสเป็นนักธุรกิจเกื้อกูลคนอื่นได้ เนื่องจากคนทั่วไปชอบคิดว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือ การทำไร่ ทำนา ทำสวน นึกถึงแต่การทำเกษตร ทั้งที่ความจริงแล้วในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนให้นำองค์ความรู้ไปปรับใช้ได้กับทุกรูปแบบในชีวิตและธุรกิจ ทำให้ประสบความสำเร็จ มั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน ได้

ปี 2565 จึงมุ่งต่อยอดโครงการ เดินหน้าสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ หัวใจเกื้อกูลให้ขยายผลออกไปในวงกว้างทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น วางแผนจัด “พอแล้วดี สัญจร” ขึ้นช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 กระจายจัดตามเมืองหลักทางธุรกิจของไทย 4 ภูมิภาค  เช่น เชียงราย ตรัง สุโขทัย บึงกาฬ หรือ ขอนแก่น

ประมาณเดือนสิงหาคม 2565 กำหนดเริ่มเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าฟังการอบรม  2 วันเต็ม เชิญชวนนักธุรกิจรุ่นใหม่ หัวใจเกื้อกูล เข้าอบรมครั้งละไม่เกิน 25 - 30 แบรนด์ เน้นสร้างการเรียนรู้ และ ฝึกปฏิบัติการจริงเรื่องการสร้างแบรนด์ผ่านแบรนด์ โมเดล โดยจัดให้มีวิทยากรระดับประเทศมาถ่ายทอดหลักการสำคัญในการทำ Business Model Canvas (BMC)  

สำหรับการอบรม 6 รุ่นที่ผ่านมาในโครงการ พอแล้วดี The Creator” ได้ส่งเสริมนักธุรกิจรุ่นใหม่กว่า 120        แบรนด์ เช่น  ไร่สุขพ่วง จันทรโภชนา  บ้านไร่ไออรุณ  The Yard Hostel  HOM Hostel & Cooking Club Hug Organic  ข้าวธรรมชาติ  ข้าวเพลงรัก ภูคราม Yano FolkCharm Kaspy Chew Green ว.ทวีฟาร์ม Dose BWILD ISAN บัวลอยกลมเกลียว madaraidee Greenery และอีกมากมาย  ทำหน้าที่สานต่อศาสตร์พระราชา ทำให้สังคมและภาคธุรกิจเข้าถึงความจริงที่จับต้องได้เรื่อง ความพอเพียงพอประมาณ และการเกื้อกูลอย่างสมดุล สามารถนำพาทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปสู่ความเจริญก้าวหน้าร่วมกันได้

 

ปี 2565 ก้าวสู่เป็นปีที่ 7 ที่โครงการ พอแล้วดี The Creator” ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรระดับประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ การสร้างแบรนด์ การทำการตลาด การสร้างนวัตกรรมสังคม มาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนอย่างใกล้ชิด

 


สุธีร์ ปรีชาวุฒิ เจ้าของสุธีร์ ออร์แกนิก ฟาร์ม จ.จันทบุรี พอแล้วดี The Creator รุ่น 1 กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการนี้ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างสรรค์ธุรกิจด้วยศาสตร์พระราชา ทำให้รู้จักว่าใครสามารถเข้าใจตัวเอง เข้าใจบริบทสังคม และเข้าใจโลก ซึ่งยิ่งทำให้ธุรกิจของตัวเองก้าวเดินไปข้างหน้าได้ชัดเจนมากขึ้น และยังเพิ่มศักยภาพและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

คุณชมพู่ กาญจนา ชนาเทพาพร ดีไซเนอร์สาวผู้ก่อตั้ง BWILD ISAN พอแล้วดี The Creator รุ่น 6 กล่าวว่า สมัครเข้าร่วมโครงการ พอแล้วดี The Creator รุ่น 6 มุ่งมั่นตั้งใจจะเปลี่ยนสิ่งธรรมดาจากอีสานให้กลายเป็นสิ่งพิเศษ ไม่ว่าจะวัสดุ คน วิถีชีวิต หรือสิ่งธรรมดาบ้าน ๆ ในสายตาคนอื่น เปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้มีคุณค่า ด้วยการใช้ทักษะงานฝีมือ ภูมิปัญญา ความสามารถที่แตกต่างกันของทีมงาน และการร่วมมือร่วมใจของคนต่างวัยในชุมชน เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดการทำธุรกิจที่ไม่มุ่งหากำไรเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งหวังจะพัฒนาชุมชน สังคม และคนรอบตัวควบคู่กันไป

 

นอกจากการอบรมแล้ว ทางผู้รับผิดชอบโครงการยังได้จัดกิจกรรม “พอแล้วดี MARKET” นำเสนอการสร้างสรรค์ธุรกิจภายใต้แนวคิด ความพอดีตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านการออกร้านของเหล่า พอแล้วดี The Creator ทั้ง 6 รุ่น 18  แบรนด์/ร้านค้า เช่น Manit Selected Yano Handicraft Bhukram Kaspy ข้าวศรีแสงดาว เย็นตาโฟตีลังกา และอื่น ๆ

 


โดยได้นำสินค้าทั้งอาหารและเครื่องดื่มผลิตจากธรรมชาติด้วยกรรมวิธีการเคารพธรรมชาติ ผู้ผลิต ชุมชนและสิ่งแวดล้อม เน้นผลผลิตที่ปลอดภัยกับผู้บริโภค แล้วยังมีเสื้อผ้า กับผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบธรรมชาติของไทยซึ่งกระบวนการผลิตก็เป็นไปแบบเกื้อกูลซึ่งกันและกันและไม่ทำลายธรรมชาติ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและชุมชนอีกด้วย

สำหรับผู้ที่เข้าร่วม “พอแล้วดี MARKET” จะมีโอกาสได้เรียนรู้ เติมเต็ม และทำหน้าที่สานต่อศาสตร์พระราชา นำไปสู่ความเข้มแข็งของธุรกิจ สังคม และ โลกในอนาคตไปด้วยกัน

 

ททท.รุกเร็วตลาดมาเลย์ระดมธุรกิจทัวร์เฮขายเที่ยวไทย ตั้งเป้าฟื้นกำลังซื้อระยะใกล้เคยทำสถิติเที่ยว4ล้านคน/ปี

ททท.รุกเร็วตลาดมาเลย์ระดมธุรกิจทัวร์เฮขายเที่ยวไทย

ตั้งเป้าฟื้นกำลังซื้อระยะใกล้เคยทำสถิติเที่ยว4ล้านคน/ปี

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #ททท

#MalaysiaSouthernThailandBusinessNetworking อ่านในเว็บไซต์TheJournalistClubจากlinkนี้...



ททท.รุกเร็วเจาะตลาดมาเลเซีย จัดใหญ่มหกรรมขาย“Malaysia Southern Thailand Business Networking เปิดด่านสะเดานำเอกชนจากรัฐต่าง ๆ 90 ราย นำร่องเที่ยวทางบกเข้ามาจับคู่ธุรกิจบริษัทนำเที่ยวไทยทั่วภาคใต้ พร้อมจัดทัวร์หาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งเป้าฟื้นกำลังซื้อเพื่อนบ้านเคยเที่ยวไทยปีละ 4 ล้านคน

 

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยนำร่องเจาะกลุ่มคุณภาพตลาดต่างประเทศระยะใกล้ (Short-Haul) ในพื้นที่หลักจากมาเลเซียร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ระหว่างวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2565  โดยมีบริษัทนำเที่ยวซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มผู้ซื้อการท่องเที่ยวไทย 90 ราย จากเมือง ยะโฮร์บาห์รู   มะละกา กัวลาลัมเปอร์ สลังงอร์ อิโปห์ และปีนัง เดินทางมายังประเทศไทย ระหว่างวันที่  27-30 พฤษภาคม 2565


ททท.ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยโครงการ Malaysia Southern Thailand Business Networkingเปิดให้เอกชนทั้ง 2 ประเทศจับคู่เจรจาธุรกิจกันในลักษณะ B2B -Business to Business ระหว่างตัวแทนการขายท่องเที่ยวของไทย (sallers) กับตัวแทนบริษัทผู้ซื้อมาเลเซีย (buyers) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ที่โรงแรม นิวซีซันส์ สแควร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีผู้ประกอบการของไทยกว่า 75 ราย ทั่วภาคใต้ในเมืองยอดนิยมทั้งในสงขลา นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พัทลุง และจังหวัดอื่น ๆ เข้าร่วมนำเสนอขายแพ็กเกจวางกลยุทธ์เจาะตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซียกระจายเดินทางไปตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึงตั้งแต่พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป

นายธเนศวร์ย้ำว่า ผู้ประกอบการมาเลเซียที่เข้าร่วมการขายครั้งนี้ ใช้วิธีเดินทางโดยรถบัส ทดลองการเข้าเมืองไทยผ่านด่านทางบก บริเวณด่านสะเดา จ.สงขลา เพื่อปลุกกระแสการขับรถผ่านด่านทางบกท่องเที่ยวเมืองไทย ควบคู่กับได้สร้างการรับรู้ถึงรูปแบบการเดินทางอย่างสะดวกสบาย มีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุข มาตรฐาน SHA การบริหารจัดการในพื้นที่ รวมถึงชวนสัมผัสเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหารไทย -อาหารฮาลาล แหล่งช้อปปิง

 


โดยเฉพาะการขายเชิงรุกเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจพิเศษ ได้แก่ 1.กลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม (Health & Wellness) 2.คู่แต่งงานและฮันนีมูน  (Wedding-Honeymoon) 3.นักท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism)  และ 4.นักท่องเที่ยวหรูหรา (Luxury)

 

ททท.ตั้งเป้าหมายสูงสุดมุ่งเน้นส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียเกิดการเดินทางซ้ำตลอดทั้งปี (All Year Around) จะช่วยเพิ่มทั้งรายได้ การสร้างงานให้คนท้องถิ่น และส่งเสริมระบบเศรษฐกิจทั่วสงขลา และจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ของไทย

ภายหลังกิจกรรมส่งเสริมการขาย ททท. ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะพันธมิตรผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งหมดรวมทั้งนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่ซื้อจากบริษัทนำเที่ยวท้องถิ่น ได้แก่ MCTA Penang, Bumi Kenyalang Travel, AR Travel, Confidence Travel, Golden Century เดินทางเข้ามาพักผ่อนในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระหว่าง 27-30 พฤษภาคม 2565

โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเป็นประธานงานเลี้ยงดังกล่าว ทางด้าน ททท.นำผู้เข้าร่วมงานรับรู้ถึงเมนูประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยมุมมองใหม่แคมเปญ “Amazing New Chapters” ชวนสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ผ่านการแสดงเชิงวัฒนธรรม ชมวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยซึ่งเน้นฉายภาพรวมสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเหนือระดับที่ประเทศไทยพร้อมที่จะส่งมอบถึงนักท่องเที่ยวทุกคน

นางนงเยาว์ จิรันดร ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียเป็นตลาดสำคัญของไทยสถิติปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยมากที่สุดถึง 4.16 ล้านคน  โดยมีกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวซ้ำ (Revisit) มากกว่า 80 %  ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 24,000 บาท/ทริป มีระยะเวลาพำนักเฉลี่ยอยู่ในไทย 5 วัน/คน/ทริป สะท้อนให้เห็นถึงไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมครองใจชาวมาเลเซีย

ดังนั้นเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รวมทั้งรัฐบาลประกาศนโยบายเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ททท. เร่งทำตลาดทันทีร่วมทำงานกับพันธมิตรทั้งสายการบินและบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ที่เป็นผู้นำตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาตำแหน่งทางการตลาดให้ไทยยังเป็นจุดหมายปลายหลักของนักท่องเที่ยวมาเลเซียอย่างแข็งแกร่งตลอดไป 

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ถอดรหัส!!โรงแรมทั่วไทยพลิกวิธีลงทุนใหม่หลังโควิดหนีปัจจัยเสี่ยงสูง “โซลทวิน”ใช้แบรนด์โลกไอบิสสไตล์แบงคอกทวินทาวเวอร์รุกตลาดโลก

ถอดรหัส!!โรงแรมทั่วไทยพลิกวิธีลงทุนใหม่หลังโควิดหนีปัจจัยเสี่ยงสูง

“โซลทวิน”ใช้แบรนด์โลกไอบิสสไตล์แบงคอกทวินทาวเวอร์รุกตลาดโลก

โรงแรมเบนเข็มธุรกิจสู่BCGโมเดลปูพรมชิงส่วนแบ่งตลาดเทรนด์ยั่งยืน

ช้อปคิงเพาเวอร์ใช้Click&Collectสุวรรณภูมิ+กิฟท์โวเชอร์ฟรีใช้ที่ภูเก็ต

คิงเพาเวอร์วางขายแล้วที่สุวรรณภูมิSwatchคอลเลคชั่นอาร์ตโลก6รุ่น

ททท.บูมเที่ยว“Bliss Camp”ภาคกลาง17จังหวัดปั๊มตลาดเจนวาย-แซด

บางจากผนึกแสนสิริลุยต่อยดอโปรเจ็กต์นำขยะกำพร้าทำพลังงานไฟฟ้า

เทรนด์เที่ยวเกษตรอินทรีย์กินเมนูออร์แกนิก“ตลาดสุขใจ-ฟาร์มฝันแม่”

กรมอนามัยแนะวิธีป้องกันระวังสัตว์มีพิษ/แมลง4ชนิดที่มาช่วงหน้าฝน

KTCควงไฮแอทรีเจนซี่กรุงเทพฯแจกโปรบัตรวีซ่าสุดคุ้มบุฟเฟต์กินไม่อั้น

รร.อลอฟท์ชวนใช้โปรดีWeekend Vibesเที่ยวกทม.ได้นานถึง31ก.ค.65

 

ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ 

กรรมการบริหารโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ และอดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย 

 วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #ClickandCollect #ไอบิสสไตล์แบงคอกทวินทาวเวอร์  #ท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/diHza5veCD/

 

            ช่วงที่ 1 ถอดรหัสธุรกิจโรงแรมเมืองไทยหลังโควิดกับ “ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการบริหารโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ และอดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย เอกชนลุยเปิดแล้วทั่วประเทศ 70 % ปรับวิธีลงทุนใหม่เลี่ยงความไม่แน่นอนเสี่ยงสูง2 ปัจจัย “ปัญหาฉบับพลันกับรอตลาดต่างประเทศโตจริง” ย้ำยุคบูมห้องพักผุดเป็นดอกเห็ดมีลูกค้าต่างชาติ 40 ล้านคน ปี’65 ยุคฟื้นฟูลุ้นนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน พร้อมเปิดแผนลงทุนอนาคต “โรงแรม เดอะ โซล ทวิน ทาวเวอร์” ดึงเชนยักษ์โลกแอคคอร์กรุ๊ปนำแบรนด์ดัน “ไอบิส สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” ใหญ่สุดในเมืองไทย บุกตลาดยุคใหม่ มุ่งสู่กลุ่มคุณภาพสร้างความยั่งยืนภายใต้กรีนโฮเตล BCG โมเดล ลดคาร์บอน รักษาสิ่งแวดล้อม

 

นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการบริหารโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ และอดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า สถนการณ์หลังโควิด-19 เมื่อรัฐบาลยกเลิก Test & Go กับนักเดินทางทั่วโลกเข้าไทย ในส่วนของธุรกิจโรงแรมเมืองไทยทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว ยังต้องใช้ทยอยลงทุนปรับปรุงและเปิดบริการ เนื่องจาก 2 ปัจจัย คือ 1.ความเสี่ยงที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดโรคระบาดหรือปัญหาใดเข้ามาแบบฉับพลันอีกบ้าง 2.นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้มาพร้อมกันครั้งละมาก ๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบารต้องประมวลผลอย่างใกล้ชิดรอจังหวะเปิดตามสัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว

 

สถิติเดือนพฤษภาคม 2565 หลังยกเลิก Test & Go มีรายงานนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 10,000-20,000 คน อาจจะทำได้เดือนละ 1 ล้านคน นั่นหมายความว่าสิ้นสุดปี 2565 ตามคาดการณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเที่ยวเมืองไทยประมาณ 7-12 ล้านคน แนวโน้มมีสัญญาณดีขึ้น

 

แต่ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นกลุ่มซัพพลายได้ลงทุนห้องพักไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 30-40 ล้านคน พอนักท่องเที่ยวลดลงไปเป็นจำนวนมากเหลือปีละไม่ถึง 10 ล้านคน โรงแรมในเมืองท่องเที่ยวก็น่าจะเปิดห้องพักประมาณ 70 % ของทั้งหมด และบางส่วนเองก็ไม่พร้อมจะกลับมาเปิดด้วยเช่นกัน เรื่อยไปจนถึงการใช้เงินลงทุนปรับปรุงโรงแรมเนื่องจากปิดชั่วคราวมากว่า 2 ปี แต่ละโรงแรมคงจะต้องดูเงินในส่วนนี้ด้วย

นางศุภวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มโซลทวิน ทาวเวอร์ จับมือกับเชนแอคคอร์ผู้บริหารโรงแรมระดับโลกเปิดเป็น “ไอบิส สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” เพราะหลังโควิด-19 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปที่จะหันมามองหาที่พักโรงแรมที่มี “แบรนด์” ซึ่งเน้นมาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยต่าง ๆ  ถ้าหากการมีแบรนด์แล้วช่วยทำให้ “เกิดความเชื่อมั่น” แก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น ทางโซล ทวิน จึงจะทดลองขอใช้แบรนด์อาจจะเป็นสักระยะหรือระยะยาวต่อไป ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคนั่นเอง เนื่องจากหลังเปิดโลกให้เดินทางได้เหมือนเดิม การแข่งขันทางธุรกิจห้องพักย่อมสูงขึ้นอย่างแน่นอน

 


ความเป็นไปได้ที่ประกาศใช้แบรนด์ “ไอบิส สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย นั้น มีขั้นตอนจะต้องวางแผนปรับปรุงแต่ละส่วนให้ทันสมัยมากขึ้น สอดคล้องกับแบรนด์ให้ได้ก่อน จึงต้องใช้เวลาสักระยะ อย่างเร็วสุดน่าจะเกิดขึ้นได้เริ่มเปิดอย่างเร็วสุดหรือบางส่วนปลายประมาณปี 2565 และครบสมบูรณ์ปี 2566

 

เมื่อมีแบรนด์ “ไอบิส ไลฟ์สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” จะเปลี่ยนชัดเจน คือ 1.โทนสีภายนอกอาคารทั้งหมด 2.ห้องพักกว่า 600 ห้อง 3.ห้องอาหาร เดิมมีชื่อเสียงด้านอาหารจีน แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็จะต้องดูกันต่อไป 4.ห้องจัดประชุม สัมมนา ยังคงเป็นหัวใจของโรงแรม ในส่วนห้องอาหารและเครื่องดื่มเคยทำรายได้หลักให้โรงแรมมาตลอด จึงยังต้องคงบริการส่วนนี้ไว้อย่างแน่นอน

สำหรับการวางเป้าหมายสู่โรงแรมสร้างสรรค์เข้าสู่เทรนด์โลกเรื่อง “ความยั่งยืน” ก่อนหน้านี้ได้ปูพรมลงทะเบียนเข้าร่วม Green Hotel มาอย่างต่อเนื่อง จากนี้ก็จะเข้าร่วมโครงการโรงแรมหนึ่งใน BCG Model และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์/Low Carbon เมื่อเปิดภายใต้แบรนด์ใหม่ “ไอบิส สไตล์” ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สิ่งที่โรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ มุ่งเน้นการช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และจะทำเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ได้เข้าร่วมกับทางสมาคมโรงแรมไทยและทางหอการค้าไทยทำโครงการดังกล่าวด้วย

โครงการทำกรีน โฮเต็ล หัวใจสำคัญที่สามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรม 1.ลดการใช้พลาสติก เลิกใช้ขวดน้ำพลาสติกในห้องพักแล้วใช้ขวดแก้วแทน 2.การแยกขยะ ช่วยป้องกันการเกิดสารปนเปื้อนต่าง ๆ โดยเฉพาะขยะเปียกจากเศษอาหาร แยกไม่ให้ปนเปื้อนแล้วนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไป

 


นางศุภวรรณ กล่าวว่า ผลจากนโยบายรัฐบาลเปิดประเทศเลิกใช้ Test & Go ตรวจหาเชื้อโควิดจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือ 1.จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มจากปกติวันละ 10,000 เป็น 20,000 คน รวม ๆ แล้วเดือนพฤษภาคมนี้จะได้ถึง 1 ล้านคน 2.ตลาดเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะหลักระยะไกลจาก สหราชอาณาจักร เข้ามามากเป็นอันดับ 1 ต่างจากตอนแรกจะมีสิงคโปร์ซึ่งอยู่ในอาเซียนอยู่ใกล้ เดินทางได้เร็ว หรือคนอาจจะอั้น จึงเข้ามามากสุด 3.เปลี่ยนโลว์เป็นไฮซีซัน เดิมพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นนอกฤดูกาลเดินทางหรือ Low Season ตอนนี้สถานการณ์กลับเป็นฤดูเดินทางคนทยอยเข้ามาขึ้น กรกฎาคม-สิงหาคม-กันยายน จะเป็นช่วงฤดูเดินทางหนาแหน่นหรือ Peak Season ด้วยเหมือนกัน จากซัมเมอร์ฮอลิเดย์ ก็มียุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ซึ่งจีนตอนนี้อาจจะต้องรออีกสักระยะ

พฤติกรรม “การใช้เงินของนักท่องเที่ยว” บางประเทศเปลี่ยนแปลง 1.กลุ่มประเทศที่ระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะค่าเงินเปลี่ยนไป เช่น มาเลเซีย ค่าเงินริงกิตแลกเป็นเงินไทยเหลือแค่ 1 ริงกิต แลกได้แค่ 7 บาท จากเมื่อก่อนแลกได้ถึง 10 บาท และเป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบีลบลงไป 2.กลุ่มลูกค้าหากเป็นระดับเอพลัส มีกำลังการจ่ายสูงก็ไม่ได้สนใจที่จะใช้จ่ายเงินได้ทุกอย่าง



ดังนั้น “การทำตลาดของโรงแรมและการท่องเที่ยว” น่าจะเปลี่ยนทิศทางมุ่งสู่ “ตลาดคุณภาพ” เป็นหลัก ซึ่งเริ่มได้จากทุกภาคส่วนที่จะเริ่มทำตลาดแนวใหม่ เช่น สร้างสรรค์การเพิ่มกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินมากขึ้น เช่น ห้องพักบวกทำสปาหรือเวลเนส และอื่น  ๆ

 

นางศุภวรรณกล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไป โรงแรมที่เริ่มทยอยเปิดจะต้องให้น้ำหนักความสำคัญเรื่องหลัก อันดับ 1 บริการ อันดับ 2 ความสะอาด ต้องดูให้มากขึ้น ทั้งห้องพักและทุกพื้นที่ภายในโรงแรม อดีตบางแห่งอาจจะมองข้ามนับจากนี้ไปจะต้องดูเรื่องความสะอาดเป็นหลักมาก ๆ ด้วย อันดับ 3 บุคลากรกับฮาร์ดแวร์ต้องดูแลพัฒนาบริการให้ดีด้วยเพื่อทำให้ธุรกิจโรงแรมเดินหน้าสู่ความยั่งยืน

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์ใช้Click&Collectสุวรรณภูมิ+กิฟท์โวเชอร์ฟรีใช้ที่ภูเก็ต

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำเสนอช้อปสบายแค่คลิกเดียวกับบริการKING POWER CLICK & COLLECTเลือกช้อปสินค้ากว่า 10,000 รายการ บนออนไลน์ทาง www.kingpower.com    หรือ King Power Application เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ช้อปออนไลน์ตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถไปรับได้ที่ Collection Point ที่สนามบินขาเข้าหรือขาออกแต่ละสนามบินได้ เป็นบริการอำนวยความสะดวก ทำให้ทุกการเดินทางท่องเที่ยวของทุกคนมีความสุข เดินตัวปลิวไปหาประสบการณ์แปลกใหม่หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ได้ทั่วเมืองไทย รวมถึงไปท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก โดยมีแคมเปญโดน ๆ ดังนี้

แคมเปญแรก -คิง เพาเวอร์สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สามารถใช้บริการ KING POWER CLICK & COLLECT ช่วยให้การช้อปปิ้งสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ห้ามพลาด!! เดินชมสินค้าจริงก่อนได้ทางหน้าร้านที่สนามบินสุวรรรณภูมิ แล้วคลิกซื้อทางออนไลน์ KING POWER CLICK & COLLECT แนะนำจุดศูนย์รวมสินค้าราคาดิวตี้ฟรียอดนิยม 3 โซน คือ

โซนแรก-ความงามและสุขภาพหรือ Beauty & Wellness

โซนที่ 2 น้ำหอมและเครื่องสำอางค์ หรือ Perfumes & Cosmetics

โซนที่ 3 สินค้าพิเศษเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว หรือTravel Exclusive  ตอบโจทย์นักเดินทาง จะช้อปให้ตัวเอง หรือเป็นของฝากแทนความรู้สึกดี ๆ  ต่อกัน

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่ม ณ จุดขาย หรือที่ King Power Contact Centre 1631 ก็ได้เช่นกัน  

แคมเปญที่ 2 –รับฟรี ! GIFT VOUCHER 500 บาท คิง เพาเวอร์ มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้กับนักเดินทางเหล่าขาช้อปเมื่อใช้บริการ KING POWER CLICK & COLLECT   รับกิฟท์โวเชอร์นำไปใช้เป็นส่วนลดในเมืองท่องเที่ยวทั่วจังหวัดภูเก็ตกว่า 50 แห่ง ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และสปาชั้นนำ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565 เมื่อคลิกซื้อสินค้าดิวตี้ ฟรี ออนไลน์ ครบ 5,000 บาทสุทธิ/ใบเสร็จ รับทันทีกิฟท์โวเชอร์ ซึ่งสามารถให้ผู้อื่นรับคูปองใช้สิทธิ์แทนได้ เพียงคลิกเพื่อช้อปได้เลยที่ https://bit.ly/3JrsvBc หรือลองดูรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมกับพันธมิตรธุรกิจที่เข้าร่วมแคมเปญที่ https://bit.ly/3L4oYc2

 


ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์วางขายแล้วที่สุวรรณภูมิSwatchคอลเลคชั่นอาร์ตโลก6รุ่น

คิง เพาเวอร์ อัพเดทนาฬิกาแบรนด์ดัง ขณะนี้ทางค่าย Swatch จับมือกับ Centre Pompidou พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยระดับโลกถ่ายทอดผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซสู่นาฬิกาสุดอาร์ต 6 สไตล์ มาวางขายแล้วที่ “คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ” พบกับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด Swatch X Centre Pompidou  ได้รวบรวม 6 ผลงานศิลปะระดับโลกมาถ่ายทอดความงดงาม เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมดื่มด่ำงานศิลป์ระดับตำนานได้อย่างง่ายดายไปกับ Swatch

นาฬิกาสุดอาร์ตทั้ง 6 สไตล์ ได้ถ่ายทอดลงบนนาฬิกาโมเดลยอดฮิตอย่าง GENT ขนาดหน้าปัด 34 มม. และ NEW GENT ด้วยขนาดหน้าปัด 41 มม.ประกอบไปด้วยผลงานจากศิลปินชื่อดังระดับโลก ได้แก่ Amedeo Modigliani, Robert Delaunay, Frida Kahlo, Piet Mondrian และ Wassily Kandinsky

ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ Swatch เปิดประตูพาแฟนคลับเข้าสู่โลกแห่งศิลปะกับ คอลเลคชั่น Swatch X Centre Pompidou ระดับมาสเตอร์พีซ 6 ผลงาน จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป Centre Pompidou แลนด์มาร์กสำคัญ ณ กรุงปารีส มาบรรจงดีไซน์ลงในนาฬิกาทั้ง 6 เรือน

นักช้อปสามารถติดรายละเอียดการสถานที่วางจำหน่ายได้เพิ่มเติมทาง Line OA @swatch_th Facebook: SWATCHTHAILAND Instagram: @SWATCH_TH

 


ข่าวที่ 3 ททท.บูมเที่ยว“Bliss Camp”ภาคกลาง17จังหวัดปั๊มตลาดเจนวาย-แซด

 

นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ททท. เปิดเผยว่า เดินหน้ากระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศโดยได้จัดทำ "Central See You เสน่ห์กลางใจ” ภายใต้แนวคิด “เทรนดี้ C2 ภาคกลาง” ระหว่าง 24- 26 มิถุนายน 2565 นำร่องที่แก่งลานรัก จังหวัดสระบุรี ตั้งเป้ารุกเจาะนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่กลุ่ม Gen Y – Z  มาร่วมเปิดประสบการณ์เที่ยวแบบเทรนดี้สไตล์แคมป์ปิ้ง รวมทั้งการตอบโจทย์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19 ที่เน้นออกเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ ผ่านกิจกรรม “Bliss Camp เพิ่มพลังชีวิต ติดธรรมชาติที่มุ่งชวนสัมผัสเสน่ห์อันหลากหลายของภาคกลางรวมทั้งหมด 17 จังหวัด

ททท.พร้อมจะใช้โครงการ "Central See You เสน่ห์กลางใจ” กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มการจ้างงาน วันเพิ่มพักค้างคืนในสระบุรี สร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่แก่ผู้ประกอบการ และผลักดันการทำตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยให้ได้เป้าหมายรวมทั้งประเทศตลอดปี 2565 จะมีคนเที่ยวในประเทศ160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 626,000 ล้านบาท พึ่งพาการท่องเที่ยวในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เติบโตกลับมาเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศทำให้คนมีงานทำ มีรายได้ มากขึ้นอีกครั้ง

ผอ.จุฑาทิพย์ กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคกลาง วางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์เบื้องต้น 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 มีเดีย แฟม ทริป นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว 4 จังหวัด คือ สระบุรี-ลพบุรี-พระนครศรีอยุธยา-ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคม 2565 ร่วมกันทดสอบสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ และเก็บข้อมูลประชาสัมพันธ์  พื้นที่เชื่อมโยงในจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ ซึ่งใช้เวลาเดินทางระยะสั้น ๆ             

กิจกรรมที่ 2 จัดทำโครงการ “Bliss Camp เพิ่มพลังชีวิต ติดธรรมชาติ ระหว่าง 24 – 26 มิถุนายน 2565 ที่แก่งลานรัก จ.สระบุรี ดีไซน์กิจกรรมในงานให้มีความหลากหลาย สามารถส่งมอบประสบการณ์และความรู้สึกใหม่ที่ดี ๆ  ทำให้บรรยากาศในแคมป์เต็มไปด้วยความสุข 6  โซนหลัก ประกอบด้วย 

1.โซน Art & Craft กิจกรรมเด็ด 17 จังหวัดภาคกลาง 2.โซน Showcase กิจกรรมสาธิต ใช้ชีวิตแคมป์ปิ้ง 3.โซน Activities กิจกรรมสนุก สไตล์ Extreme 4.โซน Camping ชาวแคมป์กางเต็นท์ พักผ่อนแบบชิลๆ 5.โซน Food & Drink ร้านค้าชุมชน อาหารและเครื่องดื่ม 6.โซน Entertainment ขับกล่อมบรรยากาศภายในแคมป์ด้วยเสียงดนตรีและความสนุกสนานจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ สิงโต นำโชค และวงนั่งเล่น

ขณะเดียวกัน ททท. ภูมิภาคภาคกลางได้ทำประชาสัมพันธ์โครงการ และกิจกรรมผ่านรายการของเครือข่ายพันธมิตร รวมทั้งเผยแพร่ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ร่วมมือกันสร้างรายได้และสร้างความมั่นใจให้คนออกมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ผนวกกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการพลิกฟื้นกิจการกลับมาสร้างสินค้าท่องเที่ยวของประเทศให้แข็งแกร่งอีกครั้ง

 


ข่าวที่ 4 บางจากผนึกแสนสิริลุยต่อยอดโปรเจ็กต์นำขยะกำพร้าทำพลังงานไฟฟ้า

            นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากร่วมกับ “แสนสิริ” ผู้นำอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย ต่อยอดเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกัน จัดกิจกรรมเชิญชวนลูกบ้านและบุคคลทั่วไป เปลี่ยน 'ขยะกำพร้า' สู่ 'พลังงานไฟฟ้า' ภายใต้โครงการ Waste to Worth: ขยะกำพร้าสัญจร

เมื่อเร็ว ๆ นี้จัดกิจกรรม รวบรวมปริมาณขยะกำพร้าได้กว่า 1,460 กก. ซึ่งทางแสนสิริรวมพลังครอบครัวแสนสิริ พนักงานและบุคคลทั่วไปนำส่งขยะกำพร้า ไปตั้งจุดรับหน้าฮาบิโตะ มอลล์ (Habito Mall)

โครงการดังกล่าววางแผนต่อยอดกิจกรรม ขยยทำในเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้แสนสิริอื่น ๆ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการช่วยลดปริมาณขยะไปสู่ภูเขาขยะให้ได้มากที่สุด รุกหน้าตามเป้าหมาย Net-Zero สู่การเป็นอสังหาฯ ไทยรายแรกปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น "ศูนย์" ด้วย'ขยะกำพร้า'

เนื่องจาก “ขยะกำพร้า” เป็นขยะมูลฝอยที่รีไซเคิลไม่ได้ ขายต่อไม่มีมูลค่า ไม่ผ่านกระบวนการกำจัดที่ถูกต้อง จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษระบุว่า สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องของรัฐและเอกชนมีกว่า 85% และเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในบริเวณและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ตลอดจนภาวะโลกร้อน

ซึ่งทาง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2050 มุ่งเน้นด้านการบริหารจัดการทรัพยากรเป็นประเด็นที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างมาก  โดยมองในมุมการจัดการของเสียนั้นได้ดำเนินการจัดการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องตามนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอันสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและวาระแห่งชาติ โดยสนับสนุนการจัดการขยะอย่างถูกวิธี ลดผลกระทบต่อสังคมจากปริมาณขยะถูกทิ้งในบ่อและลดปริมาณมลพิษทางอากาศจากการฝังกลบ

จากการริเริ่มตั้งจุดรับขยะกำพร้าที่ปั๊มบางจากในกรุงเทพฯ ปริมณฑลร่วมกับเอ็น 15 เทคโนโลยีตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 มีกระแสตอบรับที่ดี จึงได้ต่อยอดความร่วมมือกับทางแสนสิริ ตั้งจุดรับขยะกำพร้าหน้าฮาบิโตะ มอลล์ (Habito Mall) เมื่อ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน พนักงานและบุคคลทั่วไปที่ต้องการกำจัดหรือทิ้งขยะกำพร้า โดยเอ็น 15 เทคโนโลยีได้รวบรวมนำไปเข้าสู่กระบวนการกำจัด ด้วยการบดและสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ

 

โดยได้นำขยะไปใช้ในโรงงานเพื่อทดแทนถ่านหินในเตาเผาปูนซีเมนต์ กลายเป็นพลังงานทดแทนอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแม้จะยังไม่ใช่วิธีจัดการที่ดีที่สุด เนื่องจากมีการเผา แต่ถือเป็นการเผาด้วยอุณหภูมิสูง กำจัดความเป็นพิษได้ดีกว่า รวมทั้งอยู่ภายใต้การควบคุมมลพิษและบำบัดไอเสียตามมาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนปล่อยสู่บรรยากาศ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งช่วยลดขยะที่ต้องไปฝังบ่อกลบที่ก่อให้เกิดก๊าซมีเทน และยังช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย

            ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไม่ตกเทรนด์ในภาคกลาง ทริปดี ๆ เส้นทาง “เกษตรอินทรีย์” ชมแหล่งเพาะปลูกพื้นที่ต้นแบบ “สวนสามพราน” ช้อปผลิตภัณฑ์เครือข่ายทั่วประเทศที่ “ตลาดสุขใจ” นครปฐม เดินทางไป ชิมเมนูออร์แกนิกที่ “ฟาร์มฝันแม่” จ.ราชบุรี แล้วแนะนำให้วางแผนไปต่อยังอันดามัน ภูเก็ต กระบี่ พร้อมกันกับฟังแพทย์แนะนำ “วิธีป้องกันระวังสัตว์พิษ/แมลง 4 ชนิด”มาช่วงหน้าฝน ข่าวโปรเด็ด ๆ ของโรงแรมทั่วกรุง ข่าวแรก “เคทีซีผนึกโรงแรมไฮแอทรีเจนซี” ให้สมาชิกบัตรเคทีซีวีซ่ารับโปรบุฟเฟต์กินกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น ลด 50 % ข่าวที่สอง “โรงแรมอลอฟท์สุขุมวิท” Weekend Vibes ชวนพักกรุงเทพฯราคาซูเปอร์เซฟได้นานขึ้น รับสิทธิ์อื้อซ่า

 


ท่องเที่ยว - เทรนด์เที่ยวเกษตรอินทรีย์กินเมนูออร์แกนิก“ตลาดสุขใจ-ฟาร์มฝันแม่”

การเดินทางหาประสบการณ์ใหม่หลังโควิดกับการท่องเที่ยวมุมใหม่ ทริปนี้ แนะนำ เส้นทางท่องเที่ยวตามแหล่ง "เกษตรอินทรีย์"ทั่วไทย ซึ่งมีความหมายและวิธีทำเกษตรอินทรีย์ ที่มากกว่าปลอดสารเคมี แล้วตอนนี้คนรุ่นใหม่ก็นิยมหันท่องเที่ยวแบบอินทรีย์ หรือ “Organic Tourism  ซึ่งมีเมนูอินทรีย์ หรือOrganic food บริการด้วย

ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง กับสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) นำเสนอทริปท่องเที่ยวเส้นทงดี ๆ ที่ได้พรีเซนเตอร์รักษ์โลกอย่าง “อเล็กซ์ แรนเดล” ชวนไปร่วมเรียนรู้ และเที่ยวแบบอินทรีย์ด้วยกัน



เส้นทางแรก “ตลาดสุขใจ” อ.สามพราน จ.นครปฐม จุดเริ่มต้นของสามพราน โมเดล ซึ่งมีพื้นที่ปลูกพืชวัตถุดิบอาหาร ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมพร้อมการสาธิตขั้นตอนการทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ติดแม่น้ำนครชัยศรีกว่า 30 ไร่ รวมถึงมี “ตลาดสุขใจ” ซึ่งมีเครือข่ายจากทั่วประเทศนำสินค้าเกษตรอินทรีย์วางขายกว่า 50 บูธ ให้แวะช้อปได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น



เส้นทางที่ 2 ปักหมุดที่ "ฟาร์มฝันแม่" จังหวัดราชบุรี ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ เป็นทริปเที่ยวต่อเนื่อง เน้นเรื่องลิ้มรสอาหารปรุงจากวัตถุดิบอินทรีย์ ตามสูตร  "Farm to Table"   ฟาร์มแห่งนี้ได้พลิกฟื้นจากผืนดินแห้งแล้ง ที่สารเคมีถูกทำลายอย่างหนัก กระทั่งวันนี้แปลงโฉมพัฒนาระบบนิเวศน์ใหม่ แล้วสร้างสรรค์เมนูอาหารอินทรีย์มีดีไซน์เก๋ ๆ ทุกจานอย่างสวยงาม

 

ตอนเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง “ฟาร์มฝันแม่” เป็นฟาร์มไข่แดงที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่เกษตรที่ใช้เคมี ทว่าวันนี้เกษตรกรรอบข้างเห็นประโยชน์จึงหันมาทำเกษตรอินทรีย์ ขยายกลุ่มเครือข่ายอินทรีย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นอีกเส้นทางทั้งเทรนดี้ เที่ยวสนุก กินเมนูอร่อย กินปลอดภัย อีกแห่งในภาคกลาง

 

นอกจากนี้ ททท.ยังได้ทำเส้นทางท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์ -Organic Tourism ในแหล่งท่องเที่ยวโด่งดังฝั่งอันดามัน ภูเก็ต และ กระบี่   ด้วยคอนเซ็ปต์ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือeco friendly” และ กินอาหารออร์แกนิกเพื่อสุขภาพแข็งแรงอายุยืน ช่วยฟื้นฟูตัวเองและธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน  


สุขภาพ – กรมอนามัยแนะวิธีป้องกันสัตว์พิษ/แมลง4ชนิดที่มาช่วงหน้าฝน

นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย  อธิบดีกรมอนามัย แนะนำประชาชน ช่วงหน้าฝนประชาชนควรจัดสภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและบริเวณรอบบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่รกรุงรัง เพื่อป้องกันแมลง สัตว์มีพิษที่พบบ่อย 4 ชนิด ได้แก่

1. งู  มักอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้นแฉะ รก และมีแหล่งอาหาร เช่น หนู โดยให้สำรวจบริเวณรอบบ้านปิดช่องทางที่หนูและงูสามารถเข้ามาได้รวมทั้งตรวจสอบระบบท่อไม่ให้มีรูรั่วหรือรอยแตก ควรตรวจสอบรองเท้าก่อนใส่ เนื่องจากงูอาจหลบซ่อนอยู่ หากพบงูอยู่ในบ้านให้โทร 199 เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการกรณีถูกงูกัดให้ปฐมพยาบาลโดยล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ห้ามกรีดหรือดูดบริเวณที่ถูกกัด ไม่ควรขันชะเนาะ รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที และจดจำลักษณะงูที่กัดเพื่อแจ้งแพทย์ให้การรักษาที่ถูกต้อง

 

2. ตะขาบ  เมื่อโดนกัดจะมีอาการปวด คัน บวมแดงบริเวณที่ถูกกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาด และประคบน้ำอุ่นครั้งละประมาณ 10 นาทีเพื่อลดอาการบวมหลีกเลี่ยงการเกา แกะบริเวณที่ถูกกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อหากพบว่ามีอาการบวมหรือปวดเพิ่มขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์

 

3.แมงป่อง  ผู้ที่ถูกแมงป่องต่อย จะปวดบวมบริเวณที่ถูกต่อย โดยมากจะมีอาการในวันแรกและมักหายได้เองส่วนรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีหัวใจเต้นเร็วหายใจเร็ว ความดันโลหิตสูง ปวดกล้ามเนื้อและกระดูก ปฐมพยาบาลโดยทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาดและประคบเย็นครั้งละประมาณ10 นาที เพื่อลดอาการบวมและ

 

4.  แมลงก้นกระดก  ลำตัวเป็นปล้องๆ มีสีดำสลับสีแดงหรือสีแดงอมส้ม ห้ามตีหรือขยี้ด้วยมือเปล่า ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษเขี่ยแมลงออกไปหากสัมผัสโดนตัวแมลง พิษของมันจะทำให้ปวดแสบปวดร้อน มีอาการคัน ผิวไหม้ ผื่นแดง และเป็นตุ่มน้ำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ จุ่มหรือแช่บริเวณที่โดนแมลงในน้ำเย็น 5 - 10 นาที สลับกับการเป่าให้แห้งหากมีอาการอักเสบรุนแรงให้รีบพบแพทย์ทันที

 

ทั้งนี้ วิธีการป้องกัน คือ ดูแลและหมั่นทำความสะอาดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีมุมอับชื้น หรือเป็นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของแมลง สัตว์มีพิษ คัดแยกขยะก่อนทิ้ง และทิ้งขยะหรือเศษอาหารในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งเพาะพันธุ์  ส่วนบริเวณภายนอกบ้านควรปรับปรุงให้โล่งเตียน หากมีการปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน ควรตัดแต่งไม่ให้รกรุงรังพร้อมกับกำจัดเศษใบไม้ใบหญ้าทุกครั้งไม่ควรกองทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เป็นที่อาศัยของสัตว์มีพิษได้

ข่าวท้ายชั่วโมง


ข่าวแรก - KTCควงโรงแรมไฮแอทรีเจนซี่กรุงเทพฯแจกโปรบัตรวีซ่าสุดคุ้มบุฟเฟต์กินไม่อั้น

เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับโรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท มอบโปรโมชันสุดพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 – วันที่ 31 ตุลาคม 2565 เปิดให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า ได้อิ่มอร่อยสุดคุ้มกับเทศกาล “บุฟเฟต์กุ้งแม่น้ำ All You Can Eat” วันจันทร์ – วันศุกร์ ในราคาเพียง 1,299 บาทสุทธิ/คน  จากปกติ 1,411 บาท และวันเสาร์ – วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ จ่าย1,599 บาท/คน จากปกติ 1,764 บาท

ทางโรงแรมไฮแอทฯ ได้คัดสรรกุ้งแม่น้ำคุณภาพและขนาดใหญ่มาเสิร์ฟให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า แบบไม่จำกัดจำนวน จากปกติจำกัดจำนวนกุ้งแม่น้ำที่ 4 ตัว/คน รวมทั้งอาหารทะเลอื่นๆ ประกอบด้วย หอยแมลงภู่เสิร์ฟบนน้ำแข็ง ปลาหมึก และปลากะพง พิเศษ! เนื้อวัวคุณภาพสุดพรีเมี่ยมจากออสเตรเลีย

รวมถึงเมนูไฮไลท์อาหารไทยรสเด็ด อาทิ แกงกุ้งใบชะพลู ข้าวผัดน้ำพริกดำ และต้มส้มปลากะพง “บุฟเฟต์กุ้งแม่น้ำ All You Can Eat” ที่ห้องอาหารมาร์เก็ต คาเฟ่ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เปิดให้บริการทั้งมื้ออาหารกลางวันและค่ำ

สอบถามเพิ่มที่KTC PHONE 02 123 5000 หรือ www.ktc.co.th สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ : http://bit.ly/apply-ktc

 


ข่าวที่สอง -รร.อลอฟท์ชวนใช้โปรดีWeekend Vibesเที่ยวกทม.ได้นานถึง31ก.ค.65

โรงแรม อลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 ในเครือแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ชวนสเตเคชั่นใจกลางกรุงเทพนำเสนอโปรโมชั่น ‘Weekend Vibes’ โดยลูกค้าสามารถจองสำหรับการเข้าพักภายใน 31 กรกฎาคม 2565 ราคาเริ่มต้นที่ 3,449++ บาท/คน/คืน มีห้องพักราคาพิเศษรวมสิทธิต่าง คือ อาหารเช้า 1 คน ซีฟู้ดดินเนอร์บุฟเฟต์ ศุกร์ เสาร์ ที่ห้องอาหารเครฟ ชั้น 8 มื้อค่ำเปิด 18.00-22.00 น. และคะแนนโบนัสแมริออท “บอนวอย”เข้าพักแต่ละครั้งจะได้รับ 1,000 คะแนน  เอื้อให้ลูกค้ามีเวลาท่องเที่ยวในกรุงเทพได้นานยิ่งขึ้น



สำหรับซีฟู้ดบุฟเฟต์ดินเนอร์ที่ห้องอาหารเครฟ ลูกค้าจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารทะเลจัดเต็มไม่อั้น ไม่จำกัดเวลา ทั้งแบบออนไอซ์และปิ้งย่าง เช่น หอยนางรม ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ กุ้งลายเสือ กั้ง แซลมอน หอยหวาน ปลากระพง หมู เนื้อ ไก่ นอกจากนี้ยังมีพาสต้าเส้นสด สปาเกตตี้ ซูชิ ขาแกะอบ หมูกรอบ โคลด์คัต ชีสแพลตเตอร์ ขนมหวานและไอศกรีมโฮมเมดหลากหลาย

โทร 02 207 7000 หรือแชทผ่านไลน์ https://lin.ee/ZE9eT (@AloftBangkok)

พร้อมสมัครสมาชิกแมริออท บอนวอย ได้ฟรีเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ที่ https://www.joinmarriottbonvoy.com/apac/s/en/ch/CHPIRJ

 

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ททท.จัด“Maha Songkran World Fest2025”ดันไทยติด1ใน10สุดยอดเฟสติวัลโลก

  ททท.จัดสุดอลังการ“ Maha Songkran WorldFest 2025” ดันไทยติด 1 ใน 10 สุดยอดเฟสติวัลโลก-โกย 2.6 หมื่นล้าน   กระทรวงการท่องเที่ยว กับ ททท...