“วิชัย” บ๊อสใหญ่คิงเพาเวอร์
ชี้ทาง“ฟื้นรายได้ท่องเที่ยว”ด่วนเร็วดีร่วมทุน“แอร์เอเชีย”ผุดดิวตี้ฟรีออนไลน์AEC
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : rakdeefm97.0@gmail.com
(ติดตามเนื้อหาของ คิง เพาเวอร์ ที่เขียนโดย "เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน" ได้ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน, มติชนสุดสัปดาห์ ประชาชาติธุรกิจ)
วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ กับลูกชาย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา |
ดึงจีนเพิ่มล้านคนฟื้นรายได้ไทยเร็วสุด
“วิชัย”
อธิบายภาพรวมของธุรกิจดิวตี้ฟรีซึ่งเกี่ยวโยงกับการท่องเที่ยวของประเทศว่า ปี 2557
การขยายยอดขายและรายได้ค่อนข้างลำบากจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะก่อนหน้านี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกย่ำแย่
การเมืองภายในประเทศวุ่นวาย ต่อเนื่องถึงเรื่องความจำเป็นที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา ประกาศใช้กฎอัยการศึก
นักท่องเที่ยวจากประเทศแถบเอเชียส่วนใหญ่เข้าใจและคุ้นชินกับกฎดังกล่าว
แต่นักท่องเที่ยวทวีปไกลจากสหภาพยุโรป อเมริกา และ อื่น ๆ
ตามปกติจะต้องซื้อประกันการเดินทาทุกครั้งที่ออกนอกประเทศหากประเทศใดใช้กฎอัยการศึกบริษัทต่าง
ๆ ในประเทศดังกล่าวก็ไม่รับทำประกันให้นักท่องเที่ยว
ตลาดเหล่านี้จึงหายไปจากเมืองไทย
ขณะนี้สิ่งที่ภาครัฐจะต้องเร่งลงมือทำอย่างรวดเร็วคือ
“คิดวิธีสร้างแรงจูงใจ” แล้วนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะเรื่องมาตรการใหม่ ๆ
ที่สามารถ “อำนวยความสะดวก” ให้นักท่องเที่ยวได้มากที่สุด
กับกลุ่มตลาดเป้าหมายในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งสามารถฟื้นฟูกำลังซื้อกลับมาได้เร็ว
โดยนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางได้ทันที ถ้ายิ่งประเทศไหนต้องใช้วีซ่าก็ควรยกเลิก
เนื่องจากการทำวีซ่าแต่ละครั้งต้องใช้เวลาพอสมควร
โดยเฉพาะ “สาธารณรัฐประชาชนจีน”
เป็นลูกค้ารายใหญ่แต่ละปีเดินทางเที่ยวต่างประเทศเกินกว่า 100 ล้านคน
เมืองไทยยังพร้อมที่จะเป็นจุดหมายปลายของนักท่องเที่ยวจีนสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วอีกสัก
1 ล้านคน
จากปีละ 4-5 ล้านคน ก็เพิ่มเป็น ปีละ 6-7 ล้านคน เพียงแค่ทุกฝ่ายต้องเห็นความสำคัญของการใช้มาตรการ
“อำนวยความสะดวก” ให้เกิดประโยชน์ โดยยังคงใช้เครื่องมือและกฎกติกาควบคุม
ป้องกัน ดูแล ด้านความมั่นคงและความเป็นระเบียบได้ตามปกติ
“ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวจีนที่มีศักยภาพพร้อมใช้จ่ายเงินตลอดการเดินทางท่องเที่ยวมีจำนวนมหาศาล
แล้วตอนนี้ประเทศอื่นทำตลาดชิงลูกค้าจีนไปมหาศาล
ช่วงที่เมืองไทยเกิดความวุ่นวายทางเกาหลีใช้จุดแข็งประชาสัมพันธ์ประกาศยกเลิกวีซ่าเปิดเกาะเจจูรองรับในเวลาเพียงไม่กี่เดือนจีนเดินทางไปเที่ยวเกาหลีนับ
10 ล้านคน เพราะอยู่ใกล้ใช้เวลาบินแค่ชั่วโมงเศษที่สำคัญสะดวกสบายไม่ต้องทำวีซ่า”
วันนี้มาตรการ “อำนวยความสะดวก” มีความสำคัญมาก รัฐบาลควรรับไปพิจารณาเพราะถือเป็น
ช่องทางที่จะเร่งฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยได้เร็วที่สุด จึงควรเลือกใช้ประโยชน์ด้านบวกและป้องกันผลกระทบด้านลบให้รัดกุม
เพราะอนาคตอันใกล้ปี 2558 จะต้องเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ประเทศไทยควรแสดงศักยภาพที่มีเรื่อง
“ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์” ผนวกเข้ากับ “มาตรการความสะดวก” ในการเดินทางเข้า-ออก
อย่างปลอดภัยให้เกิดผลดีอย่างสูงสุดในการเป็นศูนย์กลาง AEC
ครอบคลุมทุกด้าน
เปิดบิ๊กโปรเจ็กต์ร่วมทุนแอร์ เอเชีย
“วิชัย” กล่าวว่าปี 2558 กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ วางแผนบุกเบิกทำโครงการใหญ่อีกครั้งด้วย กลยุทธ์ใหม่ “ร่วมทุนกับธุรกิจสายการบิน”
ขยายการลงทุนร้านค้าดิวตี้ฟรีในอาเซียนและเอเชีย ส่งเสริม
ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ทำให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนและเอเชียอย่างแท้จริง
แผนร่วมทุนดิวตี้ฟรีอาเซียนของ คิง เพาเวอร์ ขณะนี้กำลังเจรจาอยู่กับ โทนี่
เฟอร์นานเดส ซีอีโอ “แอร์ เอเชีย กรุ๊ป” เจ้าของสายการบินแอร์เอเชียทั้งในมาเลเซีย
ไทย อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศกลุ่มอาเซียน
รวมทั้งได้ยื่นประมูลทำดิวตี้ฟรีในเกาหลีด้วย จะรู้ผลว่าได้หรือไม่ประมาณต้นปีหน้า
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนกับ “แอร์ เอเชีย กรุ๊ป” จะนำนวัตกรรมเทคโนโลยี
“ขายออนไลน์” บนอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้เป็น “ช่องทางการขาย” โดยจะผนวกขาย
“สินค้าดิวตี้ฟรี” เข้าไปกับ “ระบบการจองตั๋วเครื่องบิน” ของแอร์ เอเชีย
กรุ๊ป ซึ่งขายผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก และมีเที่ยวบินรวมกันแล้วแทบจะเรียกได้ว่ามากที่สุดในเอเชีย
ทั้งภูมิภาคมีประชากรรวมแล้วหลายพันล้านคน
สินค้าหลักเน้นขาย “เครื่องสำอางค์” แบรนด์ต่าง ๆ
เป็นลำดับแรก เพราะเป็นตลาดใหญ่มีส่วนแบ่งยอดขายและการเติบโตมากที่สุด
สินค้าที่จะเน้นอีกกลุ่มคือ “ผลิตภัณฑ์ขนมไทย” ที่มีแพกเกจจิ้งสวยงาม เพื่อส่งเสริมวิถีไทยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กัน
“วิชัย” กล่าวว่า
หัวใจสำคัญของการลงทุนขยายดิวตี้ฟรีแนวใหม่จองซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต
ควบคู่กับทำจองตั๋วโดยสารของแอร์ เอเชีย กรุ๊ป คือ การใช้เงินลงทุน “สร้างโปรแกรมสั่งจองสินค้า”
บนสมาร์ทโฟน ออนไลน์ ทุกรูปแบบ และการเลือก “ทำเลที่ตั้งคลังสินค้า”
ตามประเทศปลายทางต่าง ๆ เพื่อส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด
สร้างความพึงพอใจให้ทุกฝ่าย อีกทั้งยังสามารถช่วยประเทศไทยสร้างส่วนแบ่งรายได้จากตลาดช็อปปิ้งเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับแผนการลงทุนโดยรวมตลอดปี 2558
จะขยายสาขาดิวตี้ฟรีประกอบด้วย
“การลงทุนในประเทศ” จะเปิดดิวตี้ฟรีในเมือง จ.ภูเก็ต พื้นที่ 20 ไร่
ใช้เวลาก่อสร้าง 10 เดือน ประมาณเดือนตุลาคมปีหน้าจะเริ่มเปิดบริการ
“การลงทุนต่างประเทศ” ร่วมทุนกับแอร์ เอเชีย กรุ๊ป เปิดตลาดดิวตี้ฟรีใหม่ในอาเซียน
ซึ่งสามารถลงมือทำได้ทันที คือ พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย
“วิชัย”
ยืนยันหนักแน่นว่าพร้อมที่จะช่วยทุกฝ่ายสร้างชื่อเสียง “ประเทศไทย” ในเวทีโลก และ
พร้อมจะส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกรูปแบบซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงอุตสาหกรรมเดียวที่ไทยจะแข่งขันและเป็นผู้นำอาเซียนได้อย่างสง่างาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น