ปลุกเจนวาย18ล้านคนเที่ยวไทยในวันธรรมดา
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2559 เวลา 11.00-12.00
น.พบกันในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทาง
“สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.
เปิดรับสาระข่าวเศรษฐกิจท่องเที่ยวเสาหลักสำคัญของประเทศได้ครอบคลุมหลากหลายเนื้อหา
ช่วงแรกเวลา 11.15 น. “คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์” ประธานกรรมการ 2 องค์กรมหาชน คือ ประธานกรรมการ 2 องค์กรมหาชน
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ / TCEB, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ “อพท.” พ่วงอีกตำแหน่งในฐานะ กรรมการประชารัฐด้านการท่องเที่ยวและไมซ์
จะมาอัพเดทให้ฟังว่า “แผนเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างองค์กรมหาชนทั้ง TCEB กับ อพท.จะไปต่อได้พร้อมทั้งจะบูรณาการภารกิจให้เป็นหนึ่งเดียวกันทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากกระจายความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน ผลักดันนโยบายประชารัฐ ให้เกิดเป็นรูปธรรม นำ
อุตสาหกรรมบริการครบวงจรของไทยก้าวเข้าสู่ประเทศผู้นำประชาคมอาเซียนหรือเออีซีแบบจับต้องได้
ลองมาฟังการวางกลยุทธ์ปลุกเครือข่ายบริษัทขนาดใหญ่ให้หันมาเดินสายจัดไมซ์ช่วยชาติตลอดปี
2559 และก้าวใหม่ของชุมชนการท่องเที่ยวยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ต้องเสริมความแกร่งด้านไหนบ้างถึงจะไม่ล่มเหมือนในอดีตนับร้อยปีที่ผ่านมา
ต่อด้วยการฟังข่าวสารหลัก ๆ ช่วงแรก
ข่าวที่ 1 “เบื้องลึกจุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรีดอนเมือง”
จุดเริ่มจากปี 2555 เมื่อรัฐบาลมีนโยบายให้เปิดใช้งานสนามบินดอนเมืองอีกครั้ง ทอท. จึงเปิดให้มีการประมูลกิจกรรมต่าง ๆ
ภายในดอนเมืองขึ้น ประกอบด้วย 1.“ร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดอากร” (Duty Free Shop) และ 2.กิจกรรมการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากรจากร้านค้าปลอดอากรในเมืองหรือ Pick Up Counter แต่ครั้งนี้
ทอท. ได้นำกิจกรรมร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดอากร( และกิจกรรมการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร
ผนวกรวมกันไว้ใน TOR เดียว) โดยผู้ชนะการประมูลจะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ประกอบกิจการข้างต้นภายในสนามบินดอนเมืองเพียงรายเดียวทั้ง
2 กิจกรรม บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลในนามบริษัท คิง
เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จำกัด
ในการประมูลครั้งนี้นอกเหนือจากคิง เพาเวอร์ แล้ว ยังมีผู้เข้าประมูลรายอื่น
ๆ ได้แก่ 1. เดอะมอลล์กรุ๊ปจับมือกับ Shilla (เกาหลี) 2. บริษัท สยามฟิวเจอร์ จับมือกับ Lotte (เกาหลี) และ
3. กลุ่มเซ็นทรัล
ผลคือ กลุ่มคิง เพาเวอร์ เป็นผู้ชนะการประมูล
และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ประกอบกิจการร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และเป็นผู้ประกอบการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร
ภายใต้สัญญาฉบับเดียวในสนามบินดอนเมือง ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 กันยายน
2565
ข่าวที่ 2 “ปลุกกำลังซื้อเจนวายเที่ยวไทยเพิ่ม3เท่า”
“สุจิตรา จงชาณสิทโธ" รองผู้ว่าการด้านการตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางท่องเที่ยวใน “วันธรรมดา- วันจันทร์ถึงพฤหัสบดี” ของทุกสัปดาห์ โดยพุ่งเป้าสร้างแคมเปญและกิจกรรมการขายเจาะกลุ่มตลาดหลัก “เจนวาย” ซึ่งในประเทศไทยมีจำนวนทั้งหมด 18 ล้านคน เมื่อปีที่ผ่านมาออกเดินทางท่องเที่ยวแล้วถึง 7.7 ล้านคน เป็นตลากมีศักยภาพสามารถตัดสินใจอย่างอิสระได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจำกัด อีกทั้งยัง นิยมเดินทางบ่อยกว่ากลุ่มทั่วไปถึง 3 เท่า ด้วยการเลือกท่องเที่ยวในสถานที่แปลกใหม่ เดินทาง ตามกระแสนิยม
ทั้งนี้ ททท.วางแผนลงทุนใช้งบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์จุดขายเชิงรุกในตลาดเจนวาย อายุระหว่าง 15-22 ปี ด้วย 3 โครงการหลัก ประกอบด้วย วันธรรมดาน่าเที่ยว โครงการเขาเล่าว่า...24 แห่ง และเมืองต้องห้ามพลาด พลัส 24 แห่ง
ข่าวที่ 3 “
“นพดล ภาคพรต” ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม นำทีมจัดยิ่งใหญ่
“งานไหว้ครูมวยไทยโลกครั้งที่
12” วันที่ 17 มีนาคม ouhณ วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ดึงผู้รักมวยไทยทั่วโลกมาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
ปีนี้ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้น 6.12 % หวังจะมีนักมวยไทยชาวต่างชาติเข้าร่วมพิธีไหว้ครู 1,200 คน จากทั่วโลก 54
ประเทศ คาดจะมีรายได้หมุนเวียน 20 ล้านบาท และกระตุ้นการเที่ยวเชื่อมโยงไปยังเมืองใกล้เคียงได้ด้วย
“นพรัตน์ เมธาวีกุลชัย” ผู้อำนวยการ TCEB งัดกลยุทธ์แผนการขายอุตสาหกรรมไมซ์ไทยกับตลาดโอเชียเนีย
ผ่านกิจกรรมซีเอสอาร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน Thailand, Sustainability
& Soulful CSR Destination ด้วย 4
แนวทางหลัก คือ 1.กิจกรรมซีเอสอาร์บริเวณชายทะเล เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่นไทย 2.กิจกรรมซีเอสอาร์ในกรุงเทพมหานคร
เน้นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม 3.กิจกรรมซีเอสอาร์ในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร ที่เปิดโอกาสให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมจากในห้องประชุมสู่พื้นที่ฟาร์มการเกษตร
4.กิจกรรมตามรอยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมาชิกบัตรบางจากรับสิทธิ์ฟรีไปเลย KFC ระหว่างวันนี้– 31 พ.ค. 59 เพียงแค่ “นำคะแนนสะสมในบัตรบางจาก”
ไปรับสิทธิจากร้าน KFC ในเครือ
CRG 207 จากสาขาทั่วประเทศ รับฟรี “เฟรนช์ฟรายส์ (ใหญ่)
มูลค่า 45 บาท เมื่อซื้อไก่ทอด 3 ชิ้น
พิเศษ 111 บาท (ปกติ 156 บาท)
“เพ็ชร ชั้นเจริญ” ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บมจ.ท่าอากาศยานไทย
หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ช่วยแจ้งผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องถึง
ปัญหาของสายการบินนกแอร์ ยังไม่นำเครื่องของตนเองมาให้บริการที่สนามบินดอนเมือง
และแจ้งผลแบบวันต่อวัน โดยยังคงใช้เครื่องของ 2 แอร์ไลน์ช่วยบินวันละ
12 เที่ยว ได้แก่ ไทยไลอ้อนแอร์ 4
เที่ยว 2 เส้นทาง คือ อุดรธานี, สุราษฎร์ธานี
และไทยสมายล์ 8 เที่ยว 3 เส้นทาง
อุบลราชธานี, เชียงใหม่, อุดรธานี
และหากทันทีที่นกแอร์แจ้งความพร้อม ทอท.ก็พร้อมส่งข้อความถึงผู้โดยสารทันที
ข่าวที่ 7 “ไทยแอร์เอเชียเทกระจาดตั๋ว0บาท3ล้านที่”
“ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย
โหมกลยุทธ์ทำโปรโมชั่นขายตั๋วโดยสารราคา “0 บาท” จำนวน 3 ล้านที่นั่ง กำลังเปิดให้เลือกจองทั้งเที่ยวบินในและต่างประเทศทั่วเอเชีย
ระหว่างวันนี้-วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559 นี้ ขณะนี้กระแสตอบรับดีมากและมียอดการสั่งซื้อหนาแน่นทุกชั่วโมง
สำหรับไทยแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินวันเกินกว่า 100 เที่ยว จึงทำโปรโมชั่นตั๋วโดยสาร 0 บาท ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ทุกปี ปีละ
2 ครั้ง การขายภายใน 13 มีนาคม นี้
เมื่อซื้อพร้อมจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว สามารถนำไปใช้เดินทางได้ตลอด 9 เดือนหน้า ระหว่าง1 ตุลาคม 2559-22 พฤษภาคม 2560
@ไปชม “สันหลังมังกรทอง-นิล”เมืองตรัง
ตามรอย “โครงการเขาเล่าว่า...” ไปชม “สันหลังมังกร-เกล็ดทองคำ”
มหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งท้องทะเลอันดามัน ปัจจุบันหนึ่งในไวรัลคลิปของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”
(ททท.) แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเขาเล่าว่าชุดแรก
ซึ่งกำลังสร้างความฮือฮาในหมู่นักท่องเที่ยวคนไทยอยู่ในขณะนี้ ต้องห้ามพลาดไปเที่ยวชมกันได้ในช่วงวันธรรมดาจะยิ่งเติมเต็มความสุขได้มากกว่าวันอื่น
ๆ
“สันหลังมังกร” แห่งใหม่ ถูกขนานนามให้เป็นสันหลังมังกรตัวที่ 9 และ 10 ในอันดามัน อยู่ที่หมู่ 2 บ้านตันหยงสตาร์ และ หมู่ 4 บ้านทุ่งรวงทอง ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียง
จ.ตรัง ส่วนตัวที่ 1-8 นั้น
เป็นสันทรายซึ่งเกิดจากเปลือกหอยละเอียดทอดยาวจากเกาะสะบัน อ.ทุ้วหว้า จังหวัดสตูล
มาจนถึงทะเลฝั่งจังหวัดตรัง มีความยาวอย่างน้อย 1.5 กม.
มีลักษณะทางธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวคนไทยและนานาประเทศมักเรียกง่าย
ๆ ว่า “ทะเลแหวก” นั่นเอง ทว่าจุดเด่นของสันหลังมังกรจะแตกต่างจากทะเลแหวกทั่วไป
ตรงเรื่องการเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติเกิดจากเปลือกหอยละเอียดทั้งหมดก่อตัวเป็นสันทรายไม่ใช่ทรายละเอียดแบบทะเลแหวกทั่วไป
การไปชมจะเดือนละ 2 ครั้ง ตอนข้างขึ้นและข้างแรม 13 ค่ำ-5 ค่ำ คือ โดยจะเห็นได้ช่วงเช้าประมาณ
10 โมง หรือช่วงบ่าย ประมาณ 3 โมง
นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปชม “สันหลังมังกร”
ก่อนออกจากที่พักควรจะตรวจสอบเวลาให้เรียบร้อยก่อนเพื่อจะได้ชมสันหลังมังกรที่สวยงามโดยไม่เสียเที่ยว
ตามความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมาว่า
ผู้ที่นับถือมังกรหรือใครก็ตามหากมีโอกาสได้ไปชมสันหลังมังกร จะมี “โชคลาภ”
เกิดความเป็น “สิริมงคล” แก่ชีวิต อยู่เย็นเป็นสุขขึ้นมาอย่างทันตาเห็นทีเดียว
ช่วงวันที่ 11-12 มีนาคม
2559 องค์การบริหารส่วนตำบลตะเสะ อ.หาดสำราญ
จ.ตรัง ได้จัดงานแข่งเรือประเพณีประจำปี 2559 โดยใช้ชื่องาน “เปิดทะเลอันดามัน
ชมสันหลังมังกรนิล” เพื่อสืบสานประเพณีและวิถีชีวิตประมงชายฝั่ง
ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ทำประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องในทุก ๆ ปีต่อไป เพื่อให้เป็นงานท่องเที่ยวท้องถิ่นสร้างรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับในพื้นที่ใกล้เคียงยังมี “แลนด์มาร์คแห่งใหม่”
ให้ได้ดื่มด่ำความงดงามแห่งท้องทะเล บริเวณ “เกาะกวาง” สถานที่ท่องเที่ยวสามารถแวะชมได้ 3 แห่ง เริ่มต้นจาก “สุสานหอย” เป็นอีกที่เกิดจากากรพัดพาของคลื่นทะเล
แห่งที่สอง “หินเหล็ก” เป็นอีกหนึ่งปรากฏการร์ทางธรรมชาติ
และแห่งที่สาม “จุดชมวิว” สามารถมองเห็นทัศนียภาพของหมู่เกาะต่างๆ
ซึ่งรายล้อมอยู่รอบ ๆ บริเวณได้อย่างใกล้ชิด สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่
เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย 1672
@6วิธีป้องกันยูวีแดดใต้ฟ้าเมืองไทย
“รศ.พญ.ณัฏฐา รัชตะนาวิน” หน่วยโรคผิวหนังภาควิชาอายุรศาสตร์และ
สาราณียกร สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำการใช้ “ครีมกันแดดป้องกันยูวี” ให้มีประสิทธิภาพดังนี้
1.
ป้องกันตัวเองจากแสงแดดโดยใช้วิธีกฎของเงา
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจนกว่าเงาจะยาวกว่าตัวของเรา คือช่วงเช้าก่อน 11.00 น.
และช่วงเย็นหลัง 14.00 น. เป็นช่วงปลอดภัย เพราะมีแสงยูวีบีน้อย
2.
เสื้อผ้า เสื้อผ้าเนื้อแน่น สีเข้ม หนา
จะป้องกันแสงทุกประเภทได้ประมาณ 90%
3.
ร่ม
เนื้อผ้าของร่มส่วนใหญ่จะกันแสงแดดได้ดีประมาณ 80 - 90%
ซึ่งประสิทธิภาพในการป้องกันแดดของร่มขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และ
ระยะห่างของร่มจากผู้ใช้ ถ้าร่มและตำแหน่งของดวงอาทิตย์ อยู่
เหนือศีรษะพอดีก็จะป้องกันได้ดีที่สุด แต่โลกมีการเคลื่อนที่
ดวงอาทิตย์จึงจะไม่อยู่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นร่มจึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ
70 - 80%
4.
หมวก หมวกปีกกว้าง เนื้อหนา สีเข้ม
ก็จะป้องกันแสงได้มากที่สุด
5.
แว่นกันแดด การป้องกันแสงแดดด้วยแว่นตา
ไม่จำเป็นต้องเป็นแว่นตาราคาแพง เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันยูวีแตกต่างกันไม่มาก
จะแตกต่างเพียงสไตล์การออกแบบเท่านั้น
ซึ่งแว่นตากันแดดที่ดีจะเป็นแว่นที่คาดมาถึงด้านข้าง (Wrap around) และมีการ์ดด้านบน เพื่อป้องกันแสงแดด การใช้แว่นกันแดดมีประโยชน์มาก
หากแสงแดดมาจากด้านหน้า แว่นกันแดดจะปกป้องได้ดี แต่ถ้าหากแสงแดดมาจากด้านบน เช่น
เวลาเที่ยงก็จะป้องกันได้น้อย เพราะแสงส่องผ่านมาจากขอบแว่นด้านบน
ในเป็นชาวตะวันตก กระบอกตาจะลึกกว่าชาวเอเชียทำให้ได้แสงแดดน้อยกว่าชาวเอเชีย
ที่มีเบ้าตาตื้น
6.
การทาครีมกันแดด ควรทาให้หนาสม่ำเสมอ
เพราะผิวของมนุษย์ไม่เรียบ มีรอยหยักตื้นเป็นคลื่น
ถ้าเราทาเพียงชั้นเดียวก็จะเหลือบริเวณที่ครีมกันแดดครอบคลุมไม่ถึง
เพราะฉะนั้นจึงควรต้องทาครีมกันแดดบาง ๆ ทับกัน 2 รอบ
และทาครีมกันแดดเฉพาะผิวหนังที่ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยเสื้อผ้า เช่น ใบหน้า คอ หรือ
หลังมือ เป็นต้น เพื่อลดความสิ้นเปลือง
สำหรับข่าวเบรกที่สอง
ฟังซีรีย์มหกรรมงานท่องเที่ยวระดับโลก ITB
2016 จัดครบ 50 ปี ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน
ข่าวแรก “ไทยเปิดดิสคัพเวอร์ อะเมซิ่งไทยแลนด์”
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท. นำเอกชนท่องเที่ยวไทย 107 ราย บุกไปพบผู้ซื้อจาก 198
ประเทศ ในงานInternational Tourism Borse (ITB) พร้อมกับเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ภายใต้แนวคิด ดิสคัฟเวอร์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์
เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดยุโรปอย่างสแกนดิเนเวียน ตอนนี้มีเวียดนามเป็นคู่แข่งสำคัญที่สนับสนุนให้เอกชนลงทุนสร้างโรงแรมกว่า
800 ห้อง พร้อมมีกาสิโนตอบโจทย์ตลาดกลุ่มนี้ได้ดี
ส่วน “จุฑาพร เริงรณอาสา” รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป
แอฟริกาตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. เร่งใช้เครื่องมือดูดส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการเฉพาะกลุ่มเศรษฐียุโรป
เช่น เล่นกอล์ฟ ฮันนีมูน แถมปีนี้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด “เดสติเนชั่น เวดดิ้ง
ครองเกส” บี้กับปารีส ฝรั่งเศส และมอสโก รัสเซีย เพื่อช่วงชิงผู้ประกอบการจัดงานแต่งงานและฮันนีมูนหรูจากทั่วโลก
มาจัดที่ จ.ภูเก็ต เดือนเมษายน ปี 2560
สำหรับ “เวียดนาม” บุกดึงทัวร์สแกนดิเนเวีย โดยชูแหล่งเที่ยวใหม่ “ฟูก๊วก” แต่ไทยก็ใช้
“ขนอม”นครศรีธรรมราช ลงสนามแข่งเจาะนักท่องเที่ยวซ้ำที่มีถึง
70% ควบคู่กับการเพิ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬามาจัดที่ภูเก็ต อีกทั้งตอนนี้
ททท.เปิดใหม่อีกแห่ง ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก จะช่วยเสริมทัพทำตลาดเชิงลึก ปั๊มรายได้รวมปีนี้ให้ถึงเป้า
2.41 ล้านล้านบาท
ข่าวที่สอง “ไทย-10ชาติผนึก50แคมเปญ50ปีอาเซียน”
ระหว่างงาน ITB 2016 ไทยและกลุ่มสมาชิกอาเซียน 10 ชาติ ยังได้ประกาศความร่วมมือผนึกกันขายแคมเปญ ““Visit ASEAN@50:Golden Celebration,” เพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งสมาคมอาเซียนครบ
50 ปี ในปี 2560 โดยตั้งเป้าไฮไลต์การขายท่องเที่ยวอาเซียน 50
เส้นทางที่สร้างประสบการณ์ความทรงจำไม่มีวันลืม และ 50 เทศกาล จะเน้นเทศกาลอาหารท้องถิ่นของแต่ละประเทศมานำเสนอขาย
ให้กับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศหลัก ๆ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย
ออสเตรเลีย เยอรมันี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และ
แคนาดา
ตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้แคมเปญ ““Visit ASEAN@50:Golden Celebration” เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเข้ามาเที่ยวเส้นทางเชื่อมโยงทั่วอาเซียนในปี
2560 ไม่ต่ำกว่า 121 ล้านคน
สร้างรายได้กว่า 83,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทำให้นักท่องเที่ยวมีวันพักเฉลี่ยสูงถึงครั้งละ 6 วัน
ข่าวที่สาม “ไทยครองรองแชมป์เอเชียขวัญใจทัวร์โลก”
“IPKs World Travel Monitor” รายงานผลสรุปประเทศในกลุ่มเอเชียที่เข้าร่วมงาน
“ITB 2016” ระหว่างวันที่ 9-13 มีนาคม 2559 ยืนยันสถิติประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางมี
“ส่วนแบ่งการตลาดนักท่องเที่ยวนานาชาติ” ในปี 2557-2558 6 อันดับแรกในเอเชีย
ปรากฏชื่อ “ประเทศไทย” ครองอันดับความนิยมของประเทศจุดหมายปลายการท่องเที่ยวจากตลาดโลกสูงเป็นอันดับ
2
มีส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวนานาชาติสูงถึง 15 % ส่วนประเทศที่ครองแชมป์คือ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” มีคนเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวมากที่สุดถึง
27 % รองลงมาเป็น
ประเทศซึ่งเป็นกาเกาะรวมกัน เช่น มาเก๊า ฮ่องกง ครองตลาดอยู่ 26 % รองลงไปเป็นเกาหลี 9 % ขณะที่ มาเลเซีย กับ ญี่ปุ่น
ครองส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวด้วยสัดส่วนเท่ากันคือประเทศละ 8 %
ข่าวที่สี่ “ชวนประกวดการเป็นเจ้าบ้านที่ดีชิง1.4แสนบาท”
กรมการท่องเที่ยวจับมือ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.)
จัดโครงการประกวดภาพยนตร์เสริมสร้างจิตสำนึกการเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่
ทุกระดับ ส่งผลงานเข้าประกวดเพื่อชิงเงินรางวัล 140,000 บาท โดยผลิตภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเน้นช่วยกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยน
3 เรื่อง คือ 1.ทัศนคติของคนไทยให้ยึดมั่นความซื่อสัตย์ในการประกอบธุรกิจ
2.เปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยในการต้อนรับ และ 3.ให้บริการนักท่องเที่ยวในฐานะเจ้าบ้านที่ดี
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า
รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น