ท่องเที่ยวชูเขาเล่าว่า-วันธรรมดาปั๊ม8.5แสนล.
6เดือน“ยุทธศักดิ์”ผู้ว่าททท.ชงตั้งกองทุนทัวร์
“วีระศักดิ์”เสนอร่างพ.ร.บ.ไมซ์ภายในเม.ย.นี้
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2559 เวลา 11.00-12.00 น.พบกันในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
ทาง “สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz. เปิดรับสาระข่าวเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลากหลายเรื่องน่ารู้
ช่วงแรกเวลา 11.15 น. “คุณสุจิตรา
จงชาณสิทโธ” รองผู้ว่าด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เตรียมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในประเทศช่วงครึ่งปีหลังงบประมาณ 2559 (เมษายน-กันยายน 2559)
นำศิลปินชั้นนำมาร่วมสร้างสีสันวิถีท้องถิ่น-วิถีไทย
เป็นต้นแบบชวนคนไทยออกมาใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวอย่างคึกคักกับ 2 โครงการ “เขาเล่าว่า...” 24 แห่ง และ
“วันธรรมดาน่าเที่ยว” ลองมาดูกันว่าประชากรไทยปัจจุบันมีประมาณ 68 ล้านคน เป็นคนวัยทำงานวัย 23-50 ปี
ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดในสังคมมีมากถึง 32 ล้านคน กับ
“ผู้สูงวัย” วัย 55-80 ปีที่ใช้ชีวิตชีล ๆ
หลังเกษียนมีอยู่ราว 19 ล้านคน จะออกมา “เที่ยวไทยช่วยชาติ”
กันได้มากน้อยขนาดไหน และ
จะทำให้การกระจายรายได้จากคนไทยเที่ยวในประเทศกระจายรายได้สู่ชุมชนถึงเป้าหมาย 8.5
แสนล้านบาท ได้เท่าเทียมทั่วถึงอย่างไร ต้องมาฟัง
“รองผู้ว่าหญิงเหล็ก ททท.” ที่คุมการท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค
สำหรับข่าวช่วงเบรกแรก
ข่าวที่ 1 “ลุ้น3.6ล้านบาทบินฟรีดูเลสเตอร์ติดขอบสนามอังกฤษ”
ตลอดเดือนมีนาคม นี้ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” จัดมหกรรมการซื้อ Cash Card ตามที่กำหนด รับไปเลย Gift Card ให้ช้อปเพิ่มได้ฟรี แบบไม่ต้องลุ้น ซื้อได้เลยไม่ต้องมีไฟลท์บิน เฉพาะที่คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ
ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต รับสิทธิพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ช้อปสูงสุด 12 ท่านแรก ที่คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ
จะได้รับทริปบินฟรีไปเชียร์เลสเตอร์ ซิตี้ ติดขอบสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
ประเทศอังกฤษ 12 รางวัล รางวัลละ 2ที่นั่ง
แจกยิ่งใหญ่มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท บินไปชม Premier League ในนัดปิดบ้านเลสเตอร์
พบเอฟเวอร์ตัน วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2559
ข่าวที่ 2 “ชวนชาวไทย68ล้านคนพลิกวันว่างเป็นวันเศรษฐกิจ”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ให้ดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์วันธรรมดาน่าเที่ยว นั้น ได้ไปจัดทำสำรวจภาพรวม “การพลิกวันว่างให้เป็นวันเศรษฐกิจ” จากรายงานของกรมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย พบว่าภาพรวมคนไทยทั่วประเทศขณะนี้มีจำนวนกว่า 68 ล้านคน แบ่งเป็น
กลุ่มที่มีมากที่สุด อยู่ในวัยทำงาน อายุ 23-55 ปี มีมากถึง 32 ล้านคน
กลุ่มรองลงมา เป็นกลุ่มคน เจน วาย มีอยู่ 19 ล้านคน
กลุ่มที่มีมากอันดับสาม เป็นผู้สูงวัย อายุ 55-80 ปี มีอยู่ 19 ล้านคน
และกลุ่มสุดท้าย คนวัยเรียน อายุ 15-22
ปี มีอยู่ 6.5 ล้านคน
จึงได้วางกลยุทธ์กระตุกคนไทยส่วนใหญ่ในแต่ละกลุ่มดังกล่าว “เห็นคุณค่าของการเดินทางท่องเที่ยววันธรรมดา”
ที่จะต้องออกมาเดินทางให้ได้มากที่สุด
สนับสนุนการสร้างรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศตลอดปีนี้ให้ได้มากถึง 8.5 แสนล้านคน กระจายสู่ 8,400
ชุมชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยจะเริ่มเดินหน้ากิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์เริ่มตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2559 เป็นต้นไป
โดยจะเน้นผลิตสื่อโฆษณาที่โน้มน้าวเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก เพื่อทำให้คนส่วนใหญ่เล็งเห็นถึงคุณค่า “เที่ยววันธรรมดา คือ
ความประทับใจที่สุดกับวิวพิเศษ ๆ ส่วนตัว หรือการออกไปเที่ยวกับคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก
ครอบครัว หรือเพื่อน ก็ตาม ในการพากันออกไป พักผ่อน รับประทานอาหาร
แสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวในความทรงจำ และ การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างไม่เร่งรีบ
ในช่วงวันธรรมดา จันทร์-พฤหัสบดี
ข่าวที่ 3 “ยุทธศักดิ์โชว์6เดือนก้าวใหม่ผู้นำททท.”
“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) โชว์การดำเนินงานในรอบ 6 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ
ททท.ในปีงบประมาณ 2559 เริ่ม 1 กันยายน 2558-29 กุมภาพันธ์ 2559
จากการผนึกความร่วมมือกับทีมบริหาร ระดับรองผู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยวาดฝันเปลี่ยนแปลงเป้ารายได้ท่องเที่ยวให้สูงกว่าปกติอีก
50,000 ล้านบาท จาก 2.34 เป็น 2.41
ล้านล้านบาท ภายใต้แคมเปญ “เที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ลุ้นล้าน” กระตุ้นการเพิ่มรายได้จากคนไทยเที่ยวในประเทศและการท่องเที่ยวเชื่อมโยงประชาคมอาเซียนระหว่างไทยไปยัง
สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ขยับจาก 8.5 แสนล้านบาท เป็น 9 แสนล้านบาท
ส่วนรายได้ต่างประเทศ ต้องทำให้ได้ 1.56 ล้านล้านบาท
พร้อมชูแนวคิดใหม่อีก 2 เรื่อง ได้แก่
เรื่องแรก ของบประมาณกลางจากรัฐบาล 870 ล้านบาท
มาทำกิจกรรมปลุกกระแสคนไทยเที่ยวในประเทศ 6 โครงการ
เรื่องที่ 2 เสนอจัดตั้ง จัดตั้งกองทุน Tourism Response Fund ให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในปี
2559 โดยจะขอให้รัฐสนับสนุนเงินก่อตั้งเบื้องต้น
200 ล้านบาท เพื่อมาใช้สร้างความเชื่อมั่น
ภาพลักษณ์ แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามาใช้เงินในไทย
ข่าวที่ 4 “บางจากมอบเงินสาธารณประโยชน์”
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เป็นตัวแทนสมาชิกบัตรบางจากแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับ
มอบเงินจากส่วนลดสะสมรวมเป็นเงิน 2,910,000 บาท
ที่ได้รับจากการเติมน้ำมันตลอดปี 2558 มอบให้แก่องค์กรสาธารณประโยชน์
12 องค์กร อาทิเช่น
มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิคุ้มครองเด็ก
มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ มูลนิธิแพทย์ชนบท มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
ข่าวที่ 5 “วีระศักดิ์ชงพ.ร.บ.ไมซ์ภายใน180วันนี้”
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ขณะนี้ TCEB
เปิดดำเนินมาเป็นปีที่ 13 จึงเตรียมปฏิรูปให้เป็นองค์กรที่มี “พระราชบัญญัติสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ” รองรับโครงสร้างและภารกิจการทำงานอย่างชัดเจน
เพื่อความมั่นคงในอนาคตต่อไป ซึ่งกำหนดจะต้องเสนอร่าง
พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยเร็วที่สุดภายในเดือนเมษายน 2559
และทันตามขั้นตอนที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันข้างหน้านี้
ข่าวที่ 6 “ทอท.ขอหมื่นล้านขยายดอนเมืองเฟส3”
“นิตินัย ศิริสมรรถการ” ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.วันที่ 23 มีนาคม 2559 จะเสนอวาระเพื่อพิจารณาขอนุมัติเดินหน้าแผนแม่บทโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่
3 มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
การปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร ภายในประเทศหลังเดิมซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เปิดใช้งาน
การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่
การก่อสร้างทางเชื่อมระหว่างตัวอาคารกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต
และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์ สายพญาไท-ดอนเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
รองรับผู้โดยสารให้ได้ปีละ 40 ล้านคน
ข่าวที่ 7 “ไทยแอร์เอเชียทำกำไรและรายได้ทุบสถิติ13ปี”
“ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)
ในฐานะผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัด กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนมีนาคมปีนี้ได้สรุปผลการดำเนินปี
2558 สามารถสร้างผลกำไรสุทธิ
1,078.5 ล้านบาท เติบโต 489 % ทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 13 ปี นับจากการก่อตั้งธุรกิจมาตั้งแต่ปี
2546 อีกทั้งยังทำรายได้รวมตลอดปีมากถึง 29,507.3 ล้านบาท จากการให้บริการผู้โดยสาร 14.8 ล้านคน
เพิ่มขึ้น 22 % และมีอัตราส่วนการขนส่งเฉลี่ย
81 %
เพิ่มชึ้นจากปีก่อน 1 %
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.มีความสุขกับการเดินทางไปพบปะชุมชนท่องเที่ยวที่มีรากวัฒนธรรมเก่าแก่นับร้อยปี
ที่ “บ้านชากแง้ว” อ.บางละมุง ที่ยังคงรักษาความเป็นตลาดจีนโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี
จากนั้นลองฟังอาการ "โมโนโฟเบีย”
ของคนยุคนี้ที่กลัวการขาดมือถือจนกลายเป็นความไม่ปกติที่จะต้องแก้ไขให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น
และ ข่าวการเปิดรีสอร์ต การแนะนำสถานที่เที่ยวภาคตะวันออก
@ตามไปดูรากวัฒนธรรมจีนโบราณ “ชากแง้ว” พัทยา
การท่องเที่ยวโดยชุมชน” หรือ Community-Based
Tourism ในชุมชนต้นแบบ “การอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาและวัฒนธรรม” ที่หยั่งรากฝังลึกมีอัตลักษณ์ความเป็นอยู่โดดเด่นมากว่าร้อยปีใน “พื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง” ในอำเภอบางละมุง คือ “ชุมชนบ้านชากแง้ว” ตำบลห้วยใหญ่
สถานที่ที่บ่งบอกถึงร่องรอยเสน่ห์ตลาดจีนโบราณ
ซึ่งเป็นแนวคิดการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
สังคม และวัฒนธรรม กระตุ้นให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในฐานะเจ้าของพื้นที่
เป็นผู้มีส่วนร่วมในการวางแผน จัดการ ดูแล และกำหนดทิศทางของการท่องเที่ยวเอง
ภายใต้ 3 เงื่อนไข ได้แก่
การกระจายรายได้สู่ชุมชน การจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน
และการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น
“ชากแง้ว”ต้นแบบรากวัฒนธรรมจีนโบราณ
“ดิเรก เกียรติกุล” รองประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านชากแง้ว พาย้อนเรื่องราวในอดีตก่อน พ.ศ.2470
ชาวจีนอพยพมาขึ้นฝั่งอ่าวไทยแถบนี้โดยได้บุกเบิกผืนป่าซึ่งเคยเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด
เพื่อตั้งรกรากสร้างบ้านสร้างครอบครัว นำร่องเพาะปลูกทำการเกษตรเลี้ยงชีพ โดยสร้าง “ตลาด” เป็นศูนย์กลางชุมชน ไว้แลกเปลี่ยนค้าขาย มี “โรงงิ้ว”
เป็นประชาคมชุมชน และมี “ศาลเจ้า” เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
หลายทศวรรษก่อนหน้านี้ “ชุมชนชากแง้ว”
เคยเจริญถึงขีดสุดทางด้านชุมชนเกษตรกรรม
ซึ่งดูได้จากมีการลงทุนสร้างโรงงานแปรรูปรับซื้อมันสำปะหลังมากถึง 36 แห่ง แตกต่างจากปัจจุบันเหลือเพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากแต่วันนี้ชีวิตคนไทยเชื้อสายจีนในตลาดชากแง้วก้าวเข้าสู่รุ่นที่
3 ด้วยจำนวนประชากรกว่า 5,000 ชีวิต 1,200
ครอบครัว
บ้านเรือนส่วนใหญ่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมถิ่นอาศัยโบราณลักษณะเป็น “เรือน ห้องแถวสองชั้น” ครึ่งปูนครึ่งไม้ชั้นบนมีระเบียงลูกกรงไม้เรียงเป็นแนวต่อ
ๆ กัน แต่ละครอบครัว ต่างใช้ชีวิตทำการค้าโดยนำอัตลักษณ์การขาย “อาหารจีนต้นตำรับ”
ซึ่งทำกินกันในครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งชุมชน แต่ปัจจุบันนี้หารับประทานยาก
ต้องมาชากแง้วเท่านั้นถึงจะได้ลิ้มรสอาหารจีนแท้สูตรดั้งเดิม
การผสมผสานเสน่ห์ วิถีชีวิตผู้คน สถาปัตยกรรมบ้านเรือน รสชาติอาหารพื้นถิ่น
อย่างลงตัวของ “ชุมชนชากแง้ว”
สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ
และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาทั้งชมชิมและซื้อกลับบ้านไม่ขาดสาย
(อ่านเรื่องราวฉบับเต็มได้ใน gurutourza.blogspot.com และ www.vlovethai.com
@ คนไทยต้องรู้ทันอาการ“โมโนโฟเบีย”
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ถึงสังคมไทยยุคปัจจุบันกำลังมีพฤติกรรมตอบสนองต่ออาการเรียกว่า
"โนโมโฟเบีย" ตามนิยามทางการแพทย์นั้นไม่ใช่โรค แต่เป็นกลุ่มอาการ
เพราะมีการสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนหรือสังคม
เวลามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นมักจะมีคำเรียกเฉพาะ อย่างเช่น
อาการติดสมาร์ทโฟน ควรรีบเช็กตัวเองก่อนเกิดผลกระทบ...!!
พฤติกรรมที่เข้าข่ายกลุ่มอาการ โนโมโฟเบีย คือ
พกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอดเวลา ต้องคอยคลำกระเป๋ากางเกงหรือกระโปรงตลอดว่าโทรศัพท์อยู่ข้าง
ๆ ตัวหรือไม่ หมกมุ่นอยู่กับการเช็กข้อความในโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
แม้กระทั่งได้ยินเสียงคล้าย ๆ เสียงข้อความเข้า
ถ้าไม่ได้ตรวจดูโทรศัพท์จะมีอาการกระวนกระวายใจ ไม่สามารถทำงานหรือปฏิบัติภารกิจตรงหน้าได้สำเร็จ
ทางที่ดีคือต้องรู้เท่าทันอาการโมโนโฟเบีย
แล้วรีบแก้ไขเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป
สำหรับข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เที่ยวตะวันออก7จังหวัดในมุมใหม่”
“น.ส.เอิบลาภ ศรีภิรมย์” ผู้อำนวยการกองตลาดภาคตะวันออก ททท.ออกมาแนะนำวิธีไปเที่ยวภาคตะวันออกซึ่งตอนบนและตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี
และสระแก้วนั้นเป็นโซนแห่งความเขียวขจี (Green) มีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติป่าเขา การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย (Soft
Adventure) เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาท่องเที่ยวมากถึ
90 % ส่วน ภาคตะวันออกตอนล่าง
ประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด มีความโดดเด่นของหาดทรายชายทะเล
หรือเรียกว่าเป็นโซน Blue เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ความพิเศษของภาคตะวันออกที่เหนือกว่าภาคอื่น ๆ คือสนามกอล์ฟมาตรฐานสากลมากถึง
35 สนาม และได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่จัดการแข่งขันกอล์ฟระดับโลก
อย่าง Honda LPGA ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป รวมถึงมีความได้เปรียบเรื่องแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถไปได้อย่างสะดวกสบาย ๆ
ปัจจุบันยังมีสายการบินแอร์เอเชียเปิดบินตรงที่อู่ตะเภา
สัปดาห์ละ 21 เที่ยว
ไป-กลับ เชียงใหม่ อุดรธานี และหาดใหญ่ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากประเทศต่างๆ เพิ่มช่องทางและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ภาคตะวันออกได้มากขึ้น
ข่าวที่สอง “BHMหอบเงินลงทุนรีสอร์ตเชียงใหม่”
กลุ่มโรงแรม
“เบสต์ ฮอสพิตาลิตี้ แมเนจเม้นท์” หรือ BHM นำเงินมาลงทุนเปิดธุรกิจห้องพัก “อะเวย์
เชียงใหม่ ฮ็อตสปริง รีสอร์ต” เป็นวิลล่าสไตล์ล้านนาสมัยใหม่ ขนาด 34 วิลล่า
ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนธรรมชาติสไตล์เขตร้อนของแมกไม้อายุนับร้อยปี
โดยมีจุดเด่นของสระน้ำแนวยาวถึง 85 เมตร ในบริเวณรีสอร์ตนับได้ว่าเป็นวิลล่าที่มีสระน้ำยาวสุดในเอเชีย
มีบริการห้องอาหารบาร์สไตล์ถ้ำ หรือ cave
bar สร้างความเป็นส่วนตัว
รวมทั้งมีบริการอาหารแบบฟูลเซอร์วิส และห้องฟิตเนสที่ออกแบบพิเศษอย่างมีศิลปะ
เรื่อยไปจนถึงห้อง “คิดส์คลับ” สำหรับเด็ก ๆ ในครอบครัว
ข่าวที่ 3 “4แอร์ไลน์ไทยโหมออกโปรโมชั่นชิงลูกค้า”
ช่วงโค้งสุดท้ายในงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” เสาร์ที่ 5-อาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 4
สายการบินแถวหน้าของเมืองไทย ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ส
ไทยไลออนแอร์ และ นกแอร์ พาเหรดตั๋วโดยสารเครื่องบินมาถล่มราคาขายกันในงาน
เพื่อช่วงชิงผู้โดยสารซื้อในราคาสุดพิเศษต้อนรับปิดเทอมนี้
ซื้อแล้วสามารถนำไปใช้เดินทางได้ถึงปลายปี
ราคาของแต่ละค่ายที่พร้อมขายในงานมีดังนี้
“ไทยแอร์เอเชีย” มีโปรโมชั่นบิน “ภายในประเทศ” อุดรธานี พิษณุโลก
ราคาตั๋วเริ่มต้น 390 บาท ไปเชียงใหม่
ภูเก็ต ราคาตั๋ว 590 บาท ส่วน “ตั๋วบินต่างประเทศ” ไปย่างกุ้ง
ฮานอย โฮจิมินห์ ราคาตั๋วเริ่มต้น 890 บาท และตั๋วบินเที่ยวเดียวจะได้ส่วนลด
20% ไป เซี่ยงไฮ้ โซล โตเกียว โอซาก้า ซื้อได้เฉพาะงานนี้แล้วอีกรับสิทธิเลือกเวลาเดินทาง
5 มี.ค.-30 มิ.ย.59
“บางกอกแอร์เวย์ส” แจกโปรโมชั่น “ตั๋วเที่ยวเดียวบินภายในประเทศ” เชียงราย เชียงใหม่ สุโขทัย ตราด กระบี่ 1,290 บาท ภูเก็ต 1,490 บาท
ราคารวมทุกอย่างแล้ว “ตั๋วบินต่างประเทศ” มีโปรโมชั่นไปกลับ ย่างกุ้ง
ราคา 6,350 บาท
จากปกติที่ขายทั่วไปเที่ยวละ 5,000
บาทต่อเที่ยว และมัลดีฟส์ 15,890 บาท
หากไม่ซื้อในงานราคากว่า 20,000 บาท
“ไทยไลอ้อนแอร์” โปรโมชั่น “ตั๋วบินภายในประเทศ” เริ่มต้น
625 บาทไป เชียงใหม่
เชียงราย อุดรธานี อุบลราชธานี หาดใหญ่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต
และนครศรีธรรมราช และบินจากหาดใหญ่ไปอุดรธานี ราคาตั๋ว 1,625 บาท ไปสิงคโปร์ เริ่มต้น 1,660 บาท เริ่มเดินทางได้
14 มี.ค. – 29 ต.ค. นี้
ใครที่ยังไม่เข็ดที่จะบิน “นกแอร์” ในงานมีโปรโมชั่น “ตั๋วบินภายในประเทศ”
ไป พิษณุโลก อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครพนม
และนครศรีธรรมราชราคา 829 บาท ตั๋วเครื่องบินไปเชียงราย ภูเก็ต ราคา 929 บาท “ตั๋วบินต่างประเทศ” ในอาเซียน ไปย่างกุ้ง ฮานอย โฮจิมินห์
ราคาตั๋ว 1,029 ราคาตั๋วดังกล่าวรวมทุกอย่าง
ผู้ซื้อตั๋วไม่ต้องเสียภาษี ค่าตรวจสัมภาระ และอื่นๆ ซื้อตั๋วแล้วนำไปใช้เริ่มเดินทางได้
10 มี.ค. -30 ก.ย.นี้
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน และ นฤมล พุกยม
ติดตามฟังรายการย้อนหลังเข้าไปที่
www.google.com
พิมพ์คำว่า รวยด้วยข่าว97.0 หรือทาง www.facebook.com/rauydauykhao
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น