อดีตรองผู้ว่าการ ททท. และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ชี้ท่องเที่ยวปี’67“ตลาดเอเชีย”เข้าไทยฮ็อตสุดครองสถิติ70%
แนะททท.-เอกชนโฟกัส4มาตรการ-เล็งให้แม่น3เทรนด์โลก
55เมืองรองเร่งเปิดขายทัวร์ต่างชาติ-เน้นลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์
เฮงเฮงเฮง!!สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์รับ
“ส่วนลด/อั่งเป่า/ทอง
ช้อปรับโชคดี!!ที่คิงเพาเวอร์กระหน่ำแจกตรุษจีนปี67ถึง7ชั้น
ททท.บูมKhonKaen InterJazzขายเทศกาลเมืองดนตรีโลก
CEOบางจากปลุกอุตฯไทยทำโมเดลความสำเร็จองค์กรยั่งยืน
สุขทันทีที่เที่ยวนครพนมไหว้พระรับพรปีมังกรริมโขง5พิกัด
3วิธีกับ How to ฮีลใจตัวเองป้องกันให้ห่างไกลโรคซึมเศร้า
บอร์ดท่องเที่ยวชาติสั่งลุย4ภารกิจปี67ตามเป้า3.5ล้านล้าน
ไทยจัด“Food&Hospitality2024”หวังท่องเที่ยวดันตลาดโต
วันอาทิตย์ที่
4 กุมภาพันธ์
2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #TCEB #บางจาก #สุขทันทีที่เที่ยวนครพนม #ปานปรีย์พหิทธานุกร
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/p_O86gNZnV/?mibextid=UyTHkb
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ
อดีตรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่องอุตฯท่องเที่ยวปี’67 ตั้งเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท ชี้เร่งรุกหนัก “เอเชีย”
กวาดทั้งคนและเงิน โดยใช้พลังหนุนจาก 4 มาตการ “วีซ่าฟรี-ปรับโฟกัสการตลาด-ซอฟท์เพาเวอร์-เที่ยวยั่งยืน”
โดย 2 กลยุทธ์
เล็งเซกเมนท์ลูกค้าให้แม่น ออกแคมเปญให้ถูกเวลา ชี้ 3 ตลาดมาแรง “LGBTQ Plus-Digital Nomad-ครอบครัว” ส่วนแผนเพิ่มรายได้ 55 เมืองรองต้องเพิ่มการขายตลาดอินเตอร์
และไม่ควรทิ้งโร้ดโชว์ เทรดโชว์ แค่ต้องปรับให้ดีทำปฏิทินรายปีไม่ทับซ้อนกับเทรดโชว์โลก
นายธเนศวร์
เพชรสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
และผู้เชี่ยวชาญการตลาด เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์ในปีภาพรวม 2567 ก้าวพ้นโควิดไปแล้วเพียงแต่จะต้องรอ
“ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ที่จะทำให้สายการบินกลับมาบริการได้ใกล้เคียงปี 2562 จึงจะเป็นปีที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นตามลำดับ
โดยใช้เป้าหมายการนำเข้านักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศให้เกิน 35 ล้านคน สร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท ต่อจากปี 2566 ปิดได้ที่ 28.5 ล้านคน โดยจะต้องพึ่งพาเครื่องจักรหลักคือ
“ตลาดระยะสั้นหรือเอเชีย” ส่วนแบ่งจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 70 % และทำรายได้ 60 % ของตลาดต่างประเทศทั้งหมด
ที่เหลือเป็นตลาดระยะไกลจาก ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
มีส่วนแบ่งจำนวนนักท่องเที่ยว 30 % สร้างรายได้
40 % ของทั้งหมด
ดังนั้นปี
2567 ปี 2567
ททท.ควรเดินหน้ากระตุ้นรายได้ต่างประเทศให้เป็นตามเป้าหมาย
2.5 ล้านล้านบาท
เบื้องต้นเน้นทำ 2 กลยุทธ์ ได้แก่
กลยุทธ์ที่ 1 คิดแผนการตลาดเชิงรุกแบบแยบยลมากขึ้น
กลยุทธ์ที่ 2 ต้องปล่อยของให้ตรงจังหวะเวลา
ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญหรือกิจกรรมการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวของไทยในเวทีโลก
โดยเฉพาะการรุกขยายตลาดนักท่องเที่ยว
“เอเชียและแปซิฟิก” จะเป็นกลไกสำคัญสุด
ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายหลักเป็นพลังขับเคลื่อนทำให้
“รายได้ท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ” เป็นไปตามเป้าหมายหนุนอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องผสมผสานให้เกิดความลงตัวทั้ง
4 มาตรการ ได้แก่
มาตรการที่
1 วีซ่าฟรีให้กับ
สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ไต้หวัน คาซัคสถาน
รวมทั้งได้ทยอยประกาศต่อเนื่องอีกหลายประเทศ
ซึ่งการท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงตามไปด้วยทั้งการเพิ่มจำนวนคนและรายได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
มาตรการที่
2 เปลี่ยนแปลงเป้าหมายทางการตลาดใหม่ทั้งหมด
(Focus Marketing)
รุกเจาะลึกรายเซกเมนท์ พุ่งเป้าเทรนด์กำลังซื้อสูงแข็งแรงมาก 3 กลุ่มใหม่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ตลาดเพศภาพ LGBTQ+
ทั้งในยุโรป
อเมริกา และอื่น ๆ มีมูลค่าใช้จ่ายเงินมหาศาล ซึ่งโลกปัจจุบันเปิดกว้าง
ล่าสุดไทยเพิ่งจะประกาศรับรองเรื่องสมรสได้ กลุ่มที่ 2 Digital Nomad
นักเดินทางที่ใช้ดิจิทัลทำงานกับพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่จำกัด
เมืองไทยเป็นห้องทำงานสวยสุดแห่งหนึ่งของโลก กลุ่มที่ 3 ครอบครัว หน่วยงานท้องถิ่นและจังหวัดต่าง ๆ
ต้องรับลูกยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้สะดวกสบาย พ่อแม่ลูกสามารถใช้งานได้
มาตรการที่
3 การนำจุดขายพลัง
Soft Power ที่โดดเด่นเป็นสินค้าการท่องเที่ยวจับต้องได้
เช่น อาหาร กีฬา กีฬาต่อสู้มวยไทย ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
จะต้องบูรณาการทำงานเชิงรุกหนักมากกว่าเดิม
เพราะทั้งแหล่งท่องเที่ยวและคอนเทนท์ต่าง ๆ
อยู่ในมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงจังหวัด
ดังนั้นจึงต้องอาศัยการแชร์ความร่วมมือแล้วทำงานควบคู่ไปด้วยกัน
เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2567 ก้าวไปข้างหน้าให้ได้
มาตรการที่
4 แผนงานขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(Sustainable Tourism)
ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง ทั้ง BCG การสร้างเศรษฐกิจชีภาพหมุนเวียนด้วยพลังสีเขียว
หรือ เป้าหมายการพัฒนาโลกสู่ความยั่งยืน ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ คือSDGs
:Sustainable Development Goals และ
การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ ททท.นำคอนเซปต์ของสหประชาชาติมาประยุกต์เป้น STGs
:Sustainable Tourism Goals เพื่อประโยชน์หลักในการ
“กระจายรายได้ลงถึงชุมชน”
ดังนั้นแต่ละท้องถิ่นต้องเข้ามามีบทบาทหลักในฐานะเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว
สามารถทำการตลาด ดึงเม็ดเงินเข้าพื้นที่ได้
ทั้ง 4
มาตรการ
จะเป็นพลังทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ก้าวไปข้างหน้าอย่างทรงพลังทั้งการสร้างจำนวนและรายได้กระจายได้ทั่วประเทศอย่างสดใสได้อย่างแน่นอน
นายธเนศวร์
กล่าวว่า ปี 2567 รัฐบาลไทยประกาศนโยบายใหม่เพิ่มโดยให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยว
55 จังหวัดเมืองรอง
ซึ่งจะต้องเน้นเรื่อง “ความลึก” มากกว่าก่อนสถานการณ์โควิด
เพราะเดิมใช้เมืองรองเป็นทางเลือกขยายฐานตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หรือ Domestic
ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ควรจะขยับใหม่ให้เมืองรองที่มีศักยภาพกลายเป็นตลาดของนักเดินทางในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกได้หรือ
Good for Domestic & Inbound เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กใหม่ที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย
ขณะนี้เริ่มมีรายชื่อท่องเที่ยวเมืองรองบ้างแล้วประมาณ
10 จังหวัดซึ่งควรจะผนวกให้ต่างชาติเที่ยวได้ด้วย
ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการกระจายนักท่องเที่ยวเชื่อมโยงนำเงินเข้าไปใช้จ่ายเงิน
โดยใช้สนามบินนานาชาติของเมืองหลักเป็นสปริงบอร์ดแล้วกระจายคนต่อไปยังพื้นที่เป้าหมาย
แนวทางปฏิบัติที่จะทำให้เมืองรองได้รับความสนใจจากตลาดต่างประเทศ
ททท.และหน่วยงานเกี่ยวข้องควรร่วมมือกันทำงานกับท้องถิ่นเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน
สาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก ให้มีแรงจูงใจคนเลือกไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยว
นายธเนศวร์
กล่าวว่า ปี 2567 การเพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศทั่วโลก
ก็ยังคงต้องใช้เครื่องมือหลักที่สำคัญคือ ททท.นำเอกชนท่องเที่ยวไปร่วมงาน โร้ดโชว์
เทรดโชว์ รายการหลักของโลก ได้แก่ ITB :International Travel Berlin จัดทุกปีช่วงต้นเดือนมีนาคม ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน
งาน WTM : World Travel Market จัดช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ส่วนงานแถบเอเชีย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี ไต้หวัน
สิงคโปร์ มาเลเซีย
ททท.จะต้องเป็นศูนย์กลางทำแผนจัดทริปให้เอกชนไปเจรจากับคู่ค้าแต่ละตลาดอย่างเข้มข้น
ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
หลายแห่งได้ทำโร้ดโชว์ต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ
ข้อควรระวังการทำโร้ดโชว์ท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ
ททท.จะต้องเพิ่มบทบาทเป็นศูนย์กลาง กระจายข้อมูลที่ถูกต้องแล้วร่วมมือกับเอกชน
ทำปฏิทินโร้ดโชว์ให้ไม่ทำซ้ำซ้อนกัน ทั้งในลักษณะขององค์กร
และไปจัดชนกับช่วงงานเทรดโชว์ใหญ่ระดับโลก เพื่อลดการใช้งบประมาณทับซ้อน
และจะไม่มีบุคลากรทำงาน แล้วยังต้องดูตลาดให้แม่น ๆ อย่าง ไต้หวัน ซาอุดิอาระเบีย
ล้วนแล้วแต่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ตอนนี้ยังมีตลาดแถบโอเชเนียอย่าง ออสเตรเลีย
นิวซีแลนด์ ฟื้นกลับมาสดใสแล้ว ในอดีต 2 ตลาดนี้มาท่องเที่ยวเมืองไทยรวมกันเกินกว่าปีละเกือบ
1 ล้านคน สถิติปี 2566 ออสเตรเลีย มาแล้ว 400,000-500,000 คน สิ่งที่จะเป็นแรงกระตุ้นคือเจรจากับสายการบินเปิดจุดบินและความถี่เข้ามาเพิ่มให้ได้มากที่สุด
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 เฮงเฮงเฮง!!สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์รับ “ส่วนลด/อั่งเป่า/ทอง
เฮง
เฮง เฮง ฉลองปีมังกร เพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ รับความเฮงที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต วันนี้ – 11 ก.พ. 2567
1.สมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงิน 8,000 บาท รับอั่งเปาฟรี 500 บาท ใช้ช้อปได้ ไม่มีขั้นต่ำ
2.สมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงิน 20,000 บาท รับอั่งเปาฟรี 2,000 บาท* ใช้ช้อปได้ ไม่มีขั้นต่ำ
พิเศษ!
ต้อนรับปีมังกร รับทองคำฟรี น้ำหนัก 1
สลึง เพียงสะสมยอดซื้อครบ 80,000 บาท (สุทธิ)
ภายในวันที่สมัครสมาชิก
3.สมัครสมาชิก NAVY และเติมเงิน 1,000 บาท รับคูปองส่วนลด 10% สำหรับช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ
1 ชิ้น รับความเฮงที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต
และอู่ตะเภา วันนี้ – 29 ก.พ. 2567
4.สมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงิน 8,000 บาท รับส่วนลดทุกการช้อป 10%
หรือเติมเงิน 20,000 บาทรับคูปองส่วนลด
20% x 2 ใบ สำหรับใช้ช้อปที่ คิง เพาเวอร์ สาขาในท่าอากาศยานทุกสาขา 1 ใบ และใช้ช้อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต 1 ใบ
เฮงอีกขั้น !! เฉพาะตรุษจีนนี้แลกรับสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรเฉพาะสมาชิกเท่านั้น
เริ่มต้นเพียง 80 กะรัต
ข่าวที่ 2 ช้อปรับโชคดี!!ที่คิงเพาเวอร์กระหน่ำแจกตรุษจีนปี67ถึง7ชั้น
ตรุษจีนนี้ น้อมรับคำทำนาย! ยิ่งช้อป
ยิ่งโชคดี เริ่มวันนี้ – 11 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
โชคดีที่ 1 รับอั่งเปาส่วนลด 2 ใบ รวมมูลค่า
8,000 บาท ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต อั่งเปาใบที่ 1 ส่วนลด
2,000 บาท สำหรับช้อป 8,000 บาทขึ้นไป/ ใบเสร็จ อั่งเปาใบที่ 2 ส่วนลด
6,000 บาท สำหรับช้อป 20,000 บาทขึ้นไป/ ใบเสร็จ
โชคดีที่ 2 ลุ้นรับทริปท่องแดนมังกร สัมผัสเมืองมรดกโลก
ลี่เจียง แชงกรีลา จำนวน 10 รางวัล 1 รางวัล
สำหรับเดินทาง 2 คน ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับคูปองลุ้นรางวัล
1 ใบ เมื่อช้อปครบทุก 8,000 บาท (สุทธิ)
พิเศษ! รับคูปองลุ้นรางวัลเพิ่ม 1 ใบ
เมื่อสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET
โชคดีที่ 3 ลุ้นรับรางวัลมังกรทองคำหนัก 1
บาท จำนวน 8 รางวัล กับกิจกรรมสะสมคูปอง DRAGON
HUNTER
รับคูปองชิ้นส่วนมังกร 1 ใบ เมื่อช้อปครบทุก
15,000 บาท (สุทธิ)
รับรางวัลเมื่อสะสมคูปองมังกรครบ 4
ส่วน (หัวมังกร, ตัวมังกร, หลังมังกร
และ หางมังกร) สะสมไม่ครบตามเงื่อนไข
คูปอง 1 ใบ สามารถแลกรับ GIFT VOUCHER 800
บาท สำหรับช้อปครั้งถัดไป
โชคดีที่ 4 รับทันทีไม่ต้องลุ้น! ทริปท่องเที่ยวลั่วหยาง
ชมพระพุทธรูปแกะสลักถ้ำหินหลงเหมินเมื่อซื้อ Cash Card 800,000
บาท รับทันที 1
สิทธิ์ สำหรับเดินทาง 2 ท่าน (สิทธิ์มีจำนวนจำกัด) ได้ตั้งแต่วันนี้ – 29 ก.พ. 67 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
โชคดีที่ 5 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 17% และแบ่งชำระสูงสุด
10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
วันนี้ – 29
ก.พ. 67 ที่ คิง เพาเวอร์ รับสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมายสำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ เท่านั้น
ข่าวที่
3 ททท.-บูมKhonKaen InterJazzขายเทศกาลเมืองดนตรีโลก
นางสาวสมฤดี
จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานขอนแก่น
ร่วมสนับสนุนการสร้างจุดขายท่องเที่ยวซอฟท์ เพาเวอร์ จัดงานดนตรี “KHON
KAEN INTERNATIONAL JAZZ FESTIVAL 2024” กระตุ้นและส่งเสริมการนำเสนอจุดขายการท่องเที่ยวเทศกาลหรือ Festival ระดับนานาชาติ ระหว่าง 12 -13 กุมภาพันธ์ 2567
ที่จังหวัดขอนแก่น โดยจะเปิดให้เยาวชนและผู้ที่สนใจดนตรีแจ๊สเข้าร่วมเปิดประสบการณ์ทางดนตรีจากตะวันตกและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางดนตรีสากลและเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน
ผลักดันขอนแก่นขึ้นเป็นจังหวัดจุดหมายปลายทางของการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์ทางดนตรี
หรือ Music Destination
ททท. คาดการจัดงานดนตรีนานาชาติจะช่วยประชาสัมพันธ์ขอนแก่นเป็นจังหวัดจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยเฉพาะ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ต่างชาติที่พำนักอยู่ในเมืองไทย
(expatriates) กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ชื่นชอบดนตรีแจ๊ส หลั่งไหลเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มมากขึ้น
และยังช่วยกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี
ในการจัดงานเทศกาลดนตรี
KHON KAEN INTERNATIONAL JAZZ FESTIVAL
2024 ต้อนรับต้นปี 2567ครั้งนี้
ทาง ททท.สำนักงานขอนแก่น ร่วมกับรัฐและเอกชนร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มที่ 10
พันธมิตร ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์
ประจำประเทศไทย สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) เทศบาลนครขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น
สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา
ออคิด และขอนแก่นอินโนเวชั่น เซ็นเตอร์
โดยวางคอนเซปต์การจัดงานดังกล่าวภายใต้บรรยากาศ
“SOUND อีสานรอรัก” พร้อมทั้งได้รับเกียรติจากคณะดนตรีออร์เคสตร้าแจ๊ส
The Biggles Big Band Amsterdam เป็นวงที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ นำนักดนตรีร่วมแสดง 25 คน เดินทางเข้ามาจัดกิจกรรม Music
Work Shop และจัดแสดงคอนเสิร์ตในงานกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
สำหรับคณะดนตรีออร์เคสตร้าแจ๊ส The Biggles Big
Band Amsterdam ได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์
ประจำประเทศไทย มีกำหนดจัดการแสดงออร์เคสตร้าแจ๊สในจังหวัดขอนแก่นวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 บริเวณลานข้าวเหนียว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น
จะช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่นไปยังเนเธอร์แลนด์และประเทศกลุ่มยุโรป สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างชาติที่พักอยู่ในขอนแก่นและจังหวัดใกล้
(expatriates) รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านให้เข้ามาชมการแสดงดนตรี
ส่งเสริมให้เกิดการพักค้างและกระตุ้นการใช้จ่ายเข้าสู่พื้นที่เพิ่มขึ้นได้
ไฮไลต์วันที่
13 กุมภาพันธ์ จะจัดให้มีกิจกรรม Isan Food
Showcase : TASTE OF KAEN นำเสนออาหารอีสานและเชิดชูวัตถุดิบท้องถิ่น
ในบรรยากาศ “SOUND อีสานรอรัก” เปิดให้ร่วมกิจกรรมฟรี
ตรงลานข้าวเหนียว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น เพื่อยกระดับอาหารอีสานสู่ความเป็นสากลยิ่งขึ้น
รวมทั้งมีศิลปินนักร้องและนักดนตรีพื้นบ้านเข้าร่วมแสดง
พร้อมทั้งได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาแสดงด้วย
ส่วนวันแรก
12 กุมภาพันธ์ มีกิจกรรมสบาย ๆ
เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมฝึกทักษะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางดนตรี (Music Workshop) ที่บริเวณศูนย์ศิลปวัฒนธรรม
(คุ้มสีฐาน) มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดให้นักเรียนและผู้ที่สนใจดนตรีแจ๊ส เข้าร่วมกิจกรรมและร่วมแสดงกับวงดนตรี The
Biggles Big Band Amsterdam สามารถนำเครื่องดนตรีสากลหรือเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาร่วมแสดงสนับสนุนเยาวชนเกิดแนวความคิดสร้างสรรค์ทางด้านดนตรีและสามารถประยุกต์ใช้งานได้ในอนาคต
ข่าวที่ 4 CEOบางจากปลุกอุตฯไทยทำโมเดลความสำเร็จองค์กรยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ Decoding
CEO Wisdom: Steering Towards Sustainable Success with a Commitment to
Productivity แสดงมุมมองต่อแนวโน้มและปัจจัยท้าทายที่องค์กรให้ความสำคัญ
ควบคู่มุมมองเรื่อง “ผลิตภาพ” กับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ด้วยแนวคิด Sustainable Productivity ในงาน Thailand
Productivity Forum 2024: The Path to Sustainable Success
ซึ่งจัดฉลองวาระครบรอบ 30 ปี สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
สถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพ
โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
เป็นประธานกล่าวเปิดงานและแสดงปาฐกถาพิเศษ จากนั้นนายชัยวัฒน์ ได้นำเสนอเรื่องการปรับเปลี่ยนของบางจากฯ
จากธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด สู่กลุ่มบริษัทผู้นำด้านพลังงาน
ครอบคลุมธุรกิจหลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างความสมดุลและการเติบโตอย่างยั่งยืน
ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพและผลิตผลอย่างต่อเนื่อง
สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ช่วยกันพัฒนาประสิทธิภาพและการบริหารด้านความปลอดภัย พร้อมทั้งยังแผนงานปลูกฝังหลัก
Everyone goes home safely everyday ทุกคนกลับบ้านปลอดภัยในทุก
ๆ วัน ส่งเสริมให้ทุกคนตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ดีและท้าทายขึ้น และร่วมกันผลักดันให้เกิดความต้องการทำให้สำเร็จอันจะส่งผลต่อผลิตภาพให้ดีขึ้นตามไปด้วย
โดยยกตัวอย่างการดำเนินการต่าง ๆ ที่ทำให้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
พระโขนงได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพจากรางวัล TQA และ GPEA ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันแรกในโลกที่ได้รับรางวัลสูงสุดด้านคุณภาพระดับประเทศและระดับโลก
การจะทำให้องค์กรยั่งยืนได้ Productivity คือคำตอบ ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในวันเดียว
ทุกสิ่งจะดีขึ้นได้ต้องผ่านการเดินทางโดยค่อย ๆ ปรับปรุง หาแนวทาง พัฒนา
ลองปรับลองทำ ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าช่วยเร่งให้การเพิ่ม Productivity ให้สำเร็จได้เร็วขึ้น
ซึ่งบางจากทำงานเป็นทีมให้เกิดเป็นรูปธรรมนำพาเรื่องราวดี ๆ สู่องค์กรต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไปได้ทุกวัน กุมภาพันธ์นี้ เดินสายทัวร์บุญริมแม่น้ำโขง “นครพนม”
สักการะองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ได้ตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วลองฟัง “3วิธีช่วยฮีลใจ” ห่างไกลโรคซึมเศร้า” พร้อมเกาะติดข่าวฮ็อตในรอบสัปดาห์
ข่าวแรก “คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ” สั่ง 2
กระทรวง “ท่องเที่ยว-ต่างประเทศ” ลุย4 ภารกิจ ทำรายได้ปี67 เข้าเป้า 3.5 ล้านล้านบาท ข่าวที่สอง “อินฟอร์มา”
จัดบิ๊กงานแสดงสินค้า Food
&Hospitality 2024 หวังตลาดโตตามท่องเที่ยว
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวนครพนมไหว้พระรับพรปีมังกรริมโขง5พิกัด
เลาะริมฝั่งโขงชวนไป
“สุขทันทีที่เที่ยวนครพนม” เปิดพิกัดเส้นทางทางบุญ ในเมืองแดนธรรมอารยธรรมเก่าแก่
อัพโชค รับความต้อนรับปีมังกรทอง 5 พิกัด ดังนี้
พิกัดที่
1 “นมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2567” งานบุญเดือน 3 เริ่มตั้งแต่ 17-25 กุมภาพันธ์ ที่วัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม
ชวนนักท่องเที่ยวสายศรัทธา มาตั้งแต่วันเริ่ม 17 กุมภาพันธ์
ร่วมขบวนแห่อันเชิญพระอุปคุตจากริมแม่น้ำโขง ถวายผ้าห่มพระธาตุพนม ตักบาตรคู่อายุ
ถวายข้าวพีชภาค เสียค่าหัว พิธีเจริญพระพุทธมนต์
การแสดงพระธรรมเทศนาและพิธีเวียนเทียน
ส่วนกิจกรรมการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง
และการแสดงมหรสพสมโภชตลอดงาน 9 วัน 9 คืน
สอบถามเพิ่มเติมที่
ททท.สำนักงานนครพนม 042-513-490-1
หรือ tatphnom@tat.or.th
พิกัดที่
2 พระธาตุนครบุรีศรีโคตรบูร วัดกกต้อง
อำเภอเมือง ไปสักการะ “หลวงพ่อศรีโคตรบูรวัดกกต้อง” เป็นพระพุทธศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมีอายุประมาณ
400 ปี สร้างขึ้นราว พ.ศ.2144 จากไม้จันทร์แดงมาสลักเป้นพระพุทธรูปยืนลงรักปิดทอง เปิดโลก มีลวดลายอันวิจิตรสลักประดับไว้ที่ชายจีวร
สบง และประคดขององค์พระพุทธรูปด้วย หลวงพ่อศรีโคตรบูรณ์นี้เป็นศิลปะศรีโคตรบูรณ์โดยแท้
พิกัดที่
3 “พระพุทธมหามุนีศรีพนมนาถ”
ได้รับการถวายนามจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก
(อัมพร อมพโร) เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2565 มีความหมายว่า
“พระพุทธเจ้าผู้ทรงพระสิริเป็นที่พึ่งของชาวนครพนม เป็น
พระพุทธรูปแกะสลักจากหินหยกเขียวแม่น้ำโขงหรือหินเขียวโขง
เป็นหินค้นพบทางลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนของไทย ตั้งแต่เชียงรายขึ้นไป
ปัจจุบันเป็นหินพบได้ยากได้รับสมญานามว่าเป็น “อัญมณีแห่งลุ่มน้ำโขง”
เมื่อต้นปี
2561 ดร.พนม และคุณสุขศิรี สีหาบุตร
พร้อมครอบครัวและญาติมิตร
รวมถึงพุทธศาสนิกชนชาวนครปฐมได้ทราบที่มาของหินหยกเขียวแม่น้ำโขง
จากพระอธิการเตชิน เตชินโท จึงเกิดศรัทธาเลื่อมใส ต้องการสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก
แกะสลักจากหินเขียวแม่น้ำโขง เพื่อประดิษฐาน บริเวณริมแม่น้ำโขง อำเภอเมือง
จังหวัดนครพนม ได้จัดสร้างสำเร็จปี 2562
องค์พระพุทธรูปมีขนาดหน้าตักกว้าง 1.50 เมตร จากนั้นนายนิวิต
เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองนครพนม
ประชุมร่วมกับทุกภาคส่วนมีมติให้นำประดิษฐาน “พระพุทธมหามุนีศรีพนมนาถ”
ริมแม่น้ำโขง บริเวณหน้าวัดพระอินทร์แปลง เมื่อ 2 มีนาคม 2565
พระครูสันติวีรญาณ
(หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดพิชัยพัฒนาราม อำเภอท่าใหม่
จังหวัดจันทุบรี ได้ปรารภไว้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ว่ามีเหล่าพญานาค 36 ตน ที่คอยปกปักรักษา ท่านจึงได้นำขึ้นมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ
ตลอดจนรูปบูชาบูรพาจารย์ อันมีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มัน ภูริทัตโต เป็นต้น
เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นมงคลแก่ชีวิตทุกคน
พิกัดที่
4 พระธาตุโมคคัลลาน์สารีบุตร วัดบ้านเหล่าน้อย
ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม พระโมคคัลลานะ – พระสารีบุตร
เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นพระอรหันต์ผู้มีความเป็นเลิศด้านฤทธานุภาพยิ่งกว่าพระสาวกรูปอื่นๆ
ส่วนพระสารีบุตร ผู้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา ได้รับการยกย่องเป็นสาวกผู้เป็นเลิศด้านสติปัญญาเป็นผู้มีคุณธรรมด้านความกตัญญู
จนได้รับสมญาว่า “ธรรมเสนาบดี”(แม่ทัพธรรม) คู่กับพระพุทธเจ้าที่ เป็น
“พระธรรมราชา”
การสร้างเจดีย์
เพื่อเป็นพระธาตุบริวารองค์พระธาตุพนม
และเชิดชูพระคุณของท่านทั้ง 2 ให้อยู่เคียงอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ให้พุทธศาสนิกชนได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่านทั้ง 2 ด้วยเช่นกัน
ภายในองค์เจดีย์ บรรจุพระพุทธรูป แผ่นจารึกพระธรรม พระอรหันตธาตุ
และดินสังเวชนียสถาน ภายในพระธาตุโมคคัลลาสารีบุตร
พิกัดที่
5 วัดพระธาตุวังจาน ตำบลกุตาไก้ อำเภอปลาปาก
นักท่องเที่ยวชื่นชอบวัดสวย ๆ ทางภาคเหนือ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป
อยากเห็นวัดที่มีศิลปะล้านนา ที่นครพนมก็มีด้วยเช่นกัน
ภายในวัดก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ และสิ่งก่อสร้างทางศาสนสถานอื่น ๆ ศิลปะพระพุทธเจ้าทันใจ นกหัสดีลิงค์ มีอยู่ภายในวัด
งดงามท่ามกลางป่าและทุ่งนา
ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำธรรมชาติอันเงียบสงบช่วยฮีลใจให้สงบร่มเย็นได้มากทีเดียว
สุขภาพ –3วิธีกับ How to ฮีลใจตัวเองป้องกันห่างไกลโรคซึมเศร้า
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนในปัจจุบันจะมีแนวโน้ม “ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า”
เพิ่มมากขึ้น อันมีสาเหตุอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง และมีเหตุการณ์
หรือมีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต จึงมี 3 วิธีลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้า ได้ดังนี้
วิธีที่ 1 สังเกตุ หมั่นสำรวจอารมณ์ของตนเอง
เพื่อเป็นการสังเกตว่าสิ่งใดช่วยทำให้อารมณ์เศร้าหมอง หรือ สดชื่น
แจ่มใสและพยายามรักษาจิตใจให้สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ
วิธีที่ 2 ไม่กระตุ้นไม่นำตนเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดความซึมเศร้า
รวมถึงการใช้สารเสพติด
วิธีที่ 3 ทำกิจกรรม เลือกกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิต
เช่น การออกกำลังกาย กิจกรรมสันทนาการ พบปะเพื่อนฝูง เข้าสังคม
หากพบว่าตนเองมีอาการซึมเศร้า
เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร ไร้เรี่ยวแรง ขาดสมาธิ กินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือนอนมาก
และมีความคิดอยากตาย รู้สึกตัวไร้คุณค่าเป็นภาระ โดยมีอาการติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
ควรปรึกษาแเพทย์ เพื่อวินิจฉัยและให้การดูแลรักษาต่อไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–บอร์ดท่องเที่ยวชาติสั่ง2กระทรวงลุย4ภารกิจทำเป้า3.5ล้านล้าน
นางสาวสุดาวรรณ
หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) วันที่ 31 มกราคม 2567 มีนายปานปรีย์
พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน
ได้พิจารณาแนวทางสร้างรายได้การท่องเที่ยวปี 2567 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 3.5 ล้านล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 35 ล้านคน สร้างรายได้
2.3 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.2
ล้านล้านบาท
นายปานปรีย์มอบโนบายให้ทุกกระทรวง
ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติ ร่วมมือกันเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง
โดยให้เร่งขับเคลื่อนเพิ่มรายได้จาก 4 ภารกิจหลัก ดังนี้
ภารกิจที่
1 มุ่งเจาะตลาดไมซ์กลุ่มประชุมสัมมนาและจัดนิทรรศการแสดงสินค้า
มอบนโยบายให้หน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมมือกันทำเร่งด่วน 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1
เพิ่มการจัดงานประชุมสัมมนาอีเวนต์ขนาดใหญ่ กิจกรรมที่ 2
อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE โดยได้มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอแนวทางการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติผ่านนโยบาย
“One Ministry One Convention” หรือ 1 กระทรวง 1 งานสัมมนา เพื่อเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ภารกิจที่ 2 เห็นชอบส่งเสริมการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ
โดยมอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
(บพข.) เพื่อสนับสนุนการจัดทำ 2 แผนแม่บท คือ 1.การท่องเที่ยวเรือสำราญ (Thailand Cruise Master Plan) 2.แผนแม่บทการท่องเที่ยวเรือสำราญแรกกีฬา (ยอร์ช) (Thailand Yacht
Master Plan) พร้อมกับให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
พิจารณาปรับปรุงพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าประเทศทางน้ำ
รวมทั้งมอบหมายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวในแม่น้ำและลำคลอง
ภารกิจที่
3 เห็นชอบส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อน
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาเส้นทางน้ำพุร้อนเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวประเภทอื่น
ๆ
การพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนที่มีศักยภาพให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ำพุร้อน
และการส่งเสริมการตลาดและการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและระหว่างประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาออกแบบเพื่อยกระดับ
โครงสร้างและระบบบริการแหล่งน้ำพุร้อนสู่จุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวน้ำพุร้อน (Hot
Spring Destination) และเมืองสปา (Spa Town)
ภารกิจที่
4 ส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในเมืองไทย
มอบหมายกรมการท่องเที่ยวเสนอขอรับงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย
เพื่อชำระเงินคืนให้กับผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศที่ได้ถ่ายทำเสร็จแล้ว
โดยให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
และให้กรมการท่องเที่ยวเป็นเจ้าภาพประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมให้ผู้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศจากทั่วโลกเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการถ่ายทำภาพยนตร์
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาศึกษายุทธศาสตร์โดยครอบคลุมการจัดตั้งกองทุนภาพยนตร์ต่างประเทศและการพัฒนาทักษะแรงงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
พร้อมกับเห็นชอบการส่งเสริมการจัดงานมหกรรมระดับนานาชาติ
(World Events/ Festival) โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนผู้จัดงานมหกรรมเทศกาลในเมืองไทยทุกมิติทั้งในรูปแบบเงินสนับสนุนและการอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อส่งเสริมการจัดงานมหกรรมระดับนานาชาติด้านต่าง
ๆ ให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวก
ปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่าและการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าผู้ประกอบการ ผู้จัดงานมหกรรมนานาชาติ
และกลุ่มนักเดินทางเพื่อเข้าร่วมงานดังกล่าวในเมืองไทย ตลอดจนให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)
“TCEB” และหน่วยงานเกี่ยวข้องเสนอประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานนานาชาติ
ข่าวที่สอง
-ไทยจัด“Food&Hospitality2024”หวังท่องเที่ยวดันตลาดโต
นางสาวสุภาภรณ์
อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา
มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2024
ผู้ประกอบการในตลาดหลักกลุ่มโฮเรกา (HoReca) ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม
ร้านอาหาร กาแฟ ธุรกิจจัดเลี้ยง ต่างเตรียมความพร้อมอย่างคึกคักเพื่อเข้าร่วมงานระหว่าง
21-24 สิงหาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีทั้งงานจัดแสดงสินค้าแบบครบวงจร
แหล่งความรู้ การนำเสนอเทรนด์ธุรกิจ กิจกรรมการประชุม สัมมนา เวิร์กชอป และอื่น ๆ
ที่น่าสนใจอีกหลายส่วนด้วยกัน
ปี 2567 กลุ่มธุรกิจโฮเรกาให้น้ำหนักความสำคัญการเติบโตมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ
ตามข้อมูลวิจัยของ ResearchAndMarkets คาดการณ์แนวโน้มตลาดโฮเรกาทั่วโลกระหว่างปี
2567-2570 จะเติบโตมีมูลค่าสูงถึง 349,000.22
ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในประเทศไทยจะได้รับอานิสงในส่วนการเพิ่มจำนวนและรายได้เข้าสู่การท่องเที่ยว
ตามรายงานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ตั้งเป้าหมายปี 2567 จะนำเข้าต่างชาติเที่ยวเมืองไทย 35
ล้านคน สร้างรายได้ตามนโยบายรัฐบาล 3.5 ล้านล้านบาท มาจากตลาดต่างประเทศ 2.5
ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท
ทางผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2024
พร้อมจะเพิ่มความสามารถธุรกิจช่วยผลักดันการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวมากขึ้น โดยใช้การจัดงานแสดงสินค้าอีเวนต์สำคัญของเอเชียในโครงการดังกล่าวเข้ามาช่วยเสริมทัพธุรกิจท่องเที่ยว
โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ค้าปลีก ธุรกิจบริการ ทำให้กลายเป็นศูนย์รวมจุดนัดพบในห่วงโซ่การค้าระหว่าง
ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจตัวจริง
ปี 2567 วางแผนขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มเป็น 4 ฮอลล์
จากเดิมใช้เพียง 3 ฮอลล์ ในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และยังจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนนำงานมาจัดด้วยอีก
2 งาน คือ งานแรก Hotel & Shop Plus งานแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร
โรงแรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหญ่ที่สุดของจีน งานที่ 2 Hotelex
งานแสดงสินค้าด้านอาหารและอุปกรณ์สำหรับธุรกิจบริการชั้นนำระดับนานาชาติ
นายวีรโชติ ตั้งกมลสุข
กรรมการผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า
เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ของไทยทำธุรกิจมากว่า 42 ปี
ประเมินแนวโน้มปี 2567 ถึงแม้ไทยจะยังฟื้นการท่องเที่ยวไม่ได้เต็ม 100%
แต่ก็เกิดการลงทุนมากขึ้นในธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม หรือศูนย์การค้า เตรียมรองรับการท่องเที่ยวกำลังทยอยกลับมาเปิดเต็มที่
ส่งผลดีกับตลาดเครื่องครัวเชิงพาณิชย์คึกคักอีกครั้ง แต่ละปีมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า
5,000 ล้านบาท มาจาก ปัจจัยแรก การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ปัจจัยที่
2 ผู้ประกอบการศึกษาหาข้อมูลถึงข้อดีของระบบครัวเชิงพาณิชย์ก่อนตัดสินใจลงทุน
ตั้งแต่การวางแบบระบบ การจัดระบบ การพัฒนาบุคลากร
การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ ปัจจัยที่ 3 เกิดเทรนด์เลือกใช้อุปกรณ์ครัวที่มีเทคโนโลยีเพื่อจะช่วยให้ประกอบธุรกิจง่ายและสะดวกมากขึ้น
สร้างความคุ้มค่า เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนทางธุรกิจได้
ปัจจุบัน เซเว่นไฟว์ ดิสทริบิวเตอร์
เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องครัวคุณภาพชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 40
แบรนด์ และมีสินค้ากว่า 25,000 รายการ รองรับตลาดธุรกิจกลุ่ม ร้านอาหาร
โรงแรม โรงเรียน โรงงาน และครัวเรือน และอื่น มีระบบดูแลแบบครบวงจร (Solution
Provider) ทั้งให้คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง ทดสอบ
ส่งมอบ ดูแลลูกค้าหลังการขาย กับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจและทำเกี่ยวกับอาหารหรือโรงแรมอยู่แล้ว
นายวีรโชติ กล่าวว่าผลดีจากการเข้าร่วมงาน
Food & Hospitality Thailand เปิดโอกาสให้ได้พบลูกค้าใหม่ ๆ
ต่อเนื่อง
ได้เห็นถึงแนวโน้มตลาดจากการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับลูกค้าและผู้อยู่ในธุรกิจตัวจริง
การจัดแสดงสินค้าแต่ละปียังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกครั้งด้วย ทางบริษัทฯ
วางแผนเข้าร่วมงานปี 2567
จะจัดแสดงการออกแบบครัวและอุปกรณ์ที่สามารถใช้พื้นที่ภายในครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยลดต้นทุน
ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากในการประกอบอาหารได้หลายเมนู พร้อมกับเตรียมยกโชว์รูมไปไว้ที่งาน
เพื่อให้ลูกค้าเลือกอุปกรณ์ได้ครบเต็มที่
นายสมศักดิ ยงใจยุธ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ไอ-ครีม โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า เป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญธุรกิจไอศกรีมรายได้เติบโตตามการท่องเที่ยว
เพราะเมื่อคนเดินทางมาเที่ยวทางโรงแรม รีสอร์ท
ร้านอาหารก็มั่นใจลงทุนเพื่อเริ่มขยายธุรกิจมากขึ้น
ส่วนธุรกิจไอศกรีมในไทยเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ คาดปี 2567 การท่องเที่ยวที่ดีขึ้นตามลำดับ ทางบริษัททำธุรกิจมากว่า
15 ปี เป็นทั้งผู้จัดจำหน่ายเครื่องทำไอศกรีมนำเข้าแบรนด์ชั้นนำจากอิตาลีถึง
95% แล้วยังมีอุปกรณ์ วัตถุดิบทำไอศกรีม
สอนทำไอศกรีม เป็นที่ปรึกษาให้ทั้งผู้เริ่มทำธุรกิจและผู้ประกอบการเดิม การร่วมงาน
Food & Hospitality Thailand มาแล้ว 11 ปี
เริ่มจาก 1 บูธ ล่าสุดปีนี้เตรียมเปิดถึง 12
บูธ เพราะได้รับผลตอบรับคุ้มค่ามากกว่ายอดขายจากผู้ร่วมงาน หรือคู่ค้า
ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ แต่ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
โดยเฉพาะจาก มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว และเวียดนาม
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น