ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ประธาน กนอ.เปิดแผนปี69ดึงลงทุนเข้าไทย3.05ล้านล้าน


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร 

ประธานกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)


“ดร.ยุทธศักดิ์”พลิกโฉมกนอ.3ปีหน้าดึงลงทุน3.05ล้านล้าน

ปลุกนิคมสีเขียวผนึกซอฟท์พาวเวอร์เชื่อมโยงสู่ท่องเที่ยว

เคลื่อนเขตเศรษฐกิจEEC-หนุนตั้งนิคมใหม่รับแลนด์บริดจ์

กดรัวๆ!!ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์“7 DAYS SUPER DEAL”

คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนช้อปใหม่2แบรนด์WACAY-จีวองซี่”

คิงเพาเวอร์มหานครชวนร่วมประมูลของเล่นโลก Sofubi

สุดาวรรณนำททท.รับ2โจทย์ใหญ่อินเดียขยายวีซ่า/การบิน

กลุ่มบางจากทุบสถิตินำธุรกิจปี’66โกยEBITDA4.1หมื่นล้าน

สุขที่จันทน์“บูชาดาว-ชุมชนขนมแปลก-ตลาดบางสระแก้ว”

5วิธีรับมือปัญหาตื่นเช้ามาแล้วมีอาการเจ็บคอแก้ได้ไม่ยาก

นายกเศรษฐาโชว์วิสัยทัศน์นำไทยสู่8HUBเอเชียรุกท่องเที่ยว

การบินไทยคืนชีพรับท่องเที่ยวโตปี66ทำกำไร2.8หมื่นล้าน

 

วันเสาร์ที่  24 กุมภาพันธ์ 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #  #

 ฟัง Live สดจากลิงค์นี้....https://fb.watch/qpaSR79n5v/?mibextid=Nif5oz

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ประธานกรรมการ (บอร์ด) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นำทีมพลิกโฉม “กนอ.” ใหม่ เพิ่มมาตรการจูงใจการลงทุน 3 ปีหน้าขยับเป็นปีละ 3.05 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อน “3 ภารกิจ “พัฒนาพื้นที่-พลังงาน-คน” ผนวกเทรนด์ใหม่ ซอฟท์ พาวเวอร์ การลงทุนที่ยั่งยืน 3 พลัง “การลงทุนอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม-ใช้พลังงานสะอาด-หมุนเวียนใช้ทรัพยากร” เชื่อมโยงสู่ “เส้นทางท่องเที่ยวจัดไมซ์ในนิคมสีเขียว” ร่วมดัน EEC และตั้งนิคมขานรับเมกะโปรเจกต์แลนด์บริดจ์แห่งอนาคต

 


ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ (บอร์ด) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.มีบทบาท 3 ภารกิจหลัก ได้แก่ 1.ขายให้เช่าพื้นที่ประกอบอุตสาหกรรมทั้งกับกลุ่มทุนไทยและต่างประเทศ 2.ให้บริการสาธารณูปโภคเพื่อการผลิตและบริการ 3.บริการขนถ่ายสินค้านำเข้า-ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมตามท่าเรือต่าง ๆ โดยพร้อมจะทำภารกิจทั้งหมดสร้างแรงดูดเม็ดเงินไหลเข้ามาประเทศไทยอีก 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อช่วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเติบโตตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยเน้น พัฒนาพื้นที่ พลังงาน และคน ไปพร้อมกัน 3 ส่วนหลัก คือ

 

ส่วนที่ 1 การพัฒนาพื้นที่ กนอ.ต้องเข้าไปส่วนมีร่วมในบริเวณซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ประเทศ หรือ Area base ไม่ว่าจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC :Eastern Economic Corridor ) รวมทั้งโครงการที่กำลังพูดถึงกันอยู่ขณะนี้อย่างแลนด์บริดจ์ ภาคใต้

 

ส่วนที่ 2 พัฒนาพลังงาน ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน รวมถึงหามาตรการช่วยผู้ประกอบการลดการใช้พลังงานในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ส่วนที่ 3 พัฒนาคน ยิ่งอุตสาหกรรมพัฒนาก้าวหน้ามากเพียงใด กนอ.ก็ต้องยิ่งมีส่วนร่วมสร้างแรงงานทักษะสูง โดยเฉพาะวิศวกร ให้มีศักยภาพด้วยจำนวนคนมากเพียงต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ปี 2567 มองอนาคตอีก 3 ปีข้างหน้า กนอ.วางยุทธศาสตร์ดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ไทยโดยจะต้องเน้นภาพรวม โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีเม็ดเงินลงทุนต่ำส่งผลทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่ควรจะเป็นตามไปด้วย ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุน 24 % ของจีดีพีหรือผลผลิตมวลรวมของประเทศ (GDP)  คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท หากต้องการให้ประเทศไทยเติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางแล้ว ฉนั้น กนอ.จะต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้มีไม่น้อยกว่า 27 % ของจีดีพี ผู้บริหารและบุคลกรทุกคนจึงตั้งเป้าหมายปี 2569 เพิ่มเป็น 3.05 ล้านล้านบาท จากปีนี้ 2567 ที่ทำไว้ 2.6 ล้านล้านบาท

 


โดย กนอ.จะให้น้ำหนักความสำคัญกับ 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 อุตสาหกรรม BCG ทั้งผลิตภัณฑ์ชีวภาพ อาหารแปรรูป การแปรสภาพของเสียเป็นพลังงาน อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคนโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กลุ่มที่ 2 อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ได้แก่ การผลิตพลังงานหมุนเวียน การรผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV กลุ่มที่ 3 อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ ทั้งการผลิตอุปกรณ์ ชิ้นส่วนต่าง ๆ เซมิคอนดรักเตอร์ กลุ่มที่ 4 อุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น ผลิตซอฟท์แวร์ แพลตฟอร์ม อีคอมเมอร์ซ ต่าง ๆ ด้วยการเตรียมความพร้อมทางโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคให้ครอบคลุม ผนวกกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ สนับสนุนการลงทุนที่ดีมากขึ้น

 

สำหรับอินเซ็นทีฟที่จะนำมาใช้ดึงดูดการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมในประเทศและต่างประเทศ จะทำควบคู่กันไปทั้ง 2 ส่วน คือ “มาตรการทางภาษี” ซึ่งปัจจุบันไทยให้ในอัตราที่ดีเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ได้ จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องนักลงทุนปัจจุบันให้น้ำหนักกับสิทธิประโยชน์ “ไม่ใช่ภาษี” เพิ่มมากขึ้นคือความสะดวกการลงทุน Ease of doing business ทาง กนอ.สามารถทำได้โดยตรง แล้วก็ทำแบบ One Stop Service ได้ หากสามารถขยายบริการไปยังส่วนอื่นได้ด้วย ก็จะทำให้ประเทศไทยมีความน่าในการลงทุนเสริมได้มากกว่าทาง BOI และ กนอ.ดูแลด้านภาษีเป็นอย่างดีเป็นปกติ

 

ปี 2567 กนอ.จะมีข่าวดี โดยปรับรูปแบบการทำงานเชิงรุกเป็นทีม เรื่องที่ 1 ร่นระยะขั้นตอนกับระยะเวลาให้กระชับและสั้นลง เช่น นักลงทุนมาดูพื้นที่แล้ว ยังไม่ได้ตัดสินใจ กนอ.จะทำใหม่ควบคู่กันไปคือแนะนำเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีขอส่งเสริมการลงทุนเข้าไปด้วย ระหว่างการเลือกพื้นที่ในนิคมกับนอกนิคม ความพร้อมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานระดับประเทศ นักลงทุนน่าจะเลือกพื้นที่ในเขตนิคมมากว่า หมายความถึงเมื่อมีพื้นที่พร้อม บริการที่ดี ทำทุกอย่างได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งการกระชับเวลาจะเป็นแรงดึงดูดการลงทุนได้ง่ายขึ้น แล้วก็จะเกิดการกระจายรายได้ สร้างงาน ไปยังภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ เติบโตตามนโยบายรัฐบาล

 

สำหรับ 2 พื้นที่เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ พื้นที่แรก EEC มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก เพียงแต่จะต้องหาวิธีทำให้ EEC เป็นหัวจักรขับเคลื่อนโดยบูรณาการร่วมกันปลดล็อกปัญหาต่าง ๆ  เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งทาง กนอ.พยายามเชิญชวนให้คนเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น พร้อมปรับเปลี่ยนเป็น Customize incentive ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการมากขึ้น โดยได้จัดเตรียมครบทั้ง “ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ” ไว้แล้ว ได้แก่ “ดิน” คือพื้นที่ลงทุน “น้ำ” ระบบสาธารณูปโภคมีเพียงพอไม่กระทบภาคครัวเรือน “ลม” จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และ“ไฟ” พลังงานสะอาด สอดคล้องตามนโยบายของนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

พื้นที่ที่ 2 Landbridge โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทยในจังหวัดชุมพร และท่าเรือน้ำลึกฝั่นอันดามันจังหวัดระนอง เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น กนอ.จะเข้าไปเสริมได้อย่างไร ทั้งชุมพรกับระนอง จะต้องมีนิคมรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นจากการสร้างท่าเรือน้ำลึก ซึ่งจะต้องพัฒนา LINK to Landbridge ขึ้นมาเพื่อให้ กนอ.ได้วางแผนระยะยาวเติบโตคู่กับเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลต่อไปในอนาคต

 


ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กนอ.ก็สามารถเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต่อยอดเข้ากับ กนอ.ยกระดับเป็น “นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์” มากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและความยั่งยืน เป็นไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ทาง กนอ.ให้บริการด้านสาธารณูปโภค แล้วทาง รมว.พิมพ์ภัทรา เน้นย้ำมากเรื่องประสิทธิภาพบริการและสิ่งแวดล้อม เน้นผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้นกับทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชน นับจากนี้เป็นต้นไปพลิกโฉมใหม่ 2 แนวทาง คือ

 

แนวทางที่ 1 “นิคมอุตสาหกรรมเที่ยวได้”  เปลี่ยนมาเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือเชิงนิเวศน์ รวมทั้งการเปิดให้ผู้ประกอบการไมซ์สาขาต่าง ๆ เข้ามาทำกิจกรรม เช่น จัดประชุม สัมมนา ดูงาน จัด Conference

 

แนวทางที่ 2 เชื่อมโยงการท่องเที่ยวมูลค่าสูงกับภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมได้ ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์สำนักงานคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ระบุไว้ชัดเจนถึงเป้าหมายขับเคลื่อนการท่องเที่ยวมูลค่าสูง นั่นก็คือ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร หรือ Medical Hub ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในนิคมได้ด้วยศักยภาพความพร้อมของไทย ประกอบด้วย แพทย์มีคุณภาพและความเชี่ยวชาญ ผนวกกับการมีโรงงานผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปด้วย ก็จะช่วยขยายฐานนักเดินทางกลุ่มดูแลรักษาสุขภาพต่างประเทศเข้ามาไทยมากขึ้น เป็นกลุ่มที่พร้อมใช้จ่ายเงินเฉลี่ยกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปหลายเท่า

 

อีกทั้ง กนอ.พร้อมขับเคลื่อนหัวใจภารกิจหลักเรื่อง “ความยั่งยืน” ล่าสุดเพิ่งรีแบรนด์โลโก้ใหม่เป็น infinity Mark จะมีเครื่องหมายอินฟินีตี้ 3 อัน ประกอบอยู่ด้วยกัน   หมายถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยสอดแซกตัว S อยู่ตรงกลางด้วย สื่อถึง กนอ.พร้อมสร้างนิคมสีเขียวทุกมิติ กระตุ้นการลงทุนตลอดห่วงโซ่การลงทุน โดยใช้การยั่งยืนสร้างการเติบโต หรือเป็น “ซอฟท์ พาวเวอร์” ให้ไทยเป็นจุดหมายปลายการลงทุนของไทยและทั่วโลก โดยจะทำอย่างเข้มข้น 3 เรื่อง

 

เรื่องที่ 1 ช่วยผู้ประกอบการหรือ Supply Chain ปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมเชื่อมโยงไปสู่การแบ่งปันเชิงคุณค่าเพิ่มมากขึ้น อาศัยการมีส่วนร่วม ตลอดห่วงโซ่อุปทานนำไปสู่การออกแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

 

เรื่องที่ 2 เปลี่ยนผ่านนวัตกรรมพลังงาน ทั้งพลังหมุนเวียน สะอาด และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่จะสร้างผลตอบแทนระยะยาว โดยมีแผนแม่บทชัดเจน ยกระดับพลังงานโรงงานเป็นกรีนทั้งหมด

 

เรื่องที่ 3 เข้าไปมีส่วนร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งในส่วนของความเป็นกลางทางคาร์บอน (Neutral Carbon) เข้าสู่การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ภายในปี 2608 เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หรือกล่าวง่าย ๆ คือกลยุทธ์สร้างความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนด้วยการลงทุนสีเขียวเป็น 3 พลัง ซอฟท์ พาวเวอร์ กนอ. คือ 1.การลงทุนอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2.ใช้พลังงานสะอาด 3.หมุนเวียนทรัพยากร

 

โดยกำลังพิจารณาจะประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งการลงทุนอย่างยั่งยืน ของ กนอ.เพื่อเป็นพลังหลักของนักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่อไป

 

สำหรับ กนอ.ก่อตั้งมานานกว่า 50 ปี อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการมาตลอด นับจากนี้เป็นต้นไปแม้จะเป็นองค์กรส่วนหนึ่งของรถที่เคยขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ตั้งแต่ปี 2567 จะปรับบทบาททำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น หันมาขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ทำงานเป็นทีม สร้างการเปลี่ยนแปลง โดยจะขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจเติบโตตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 กดรัวๆ!!ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์“7 DAYS SUPER DEAL

คิง เพาเวอร์ จัดใหญ่อีกแล้ว “7 DAYS SUPER DEAL อยู่ไหนหรือระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศก็ช้อปได้ วันนี้ – 29 กุมภาพันธ์ 2567 สัปดาห์นี้ได้รวมตัวท็อปสินค้าขายดีมาให้คุณช้อปมีครบทุกสไตล์ แบบไม่ตกเทรนด์ ช้อปของแท้ Duty Free จบที่ “KingPower Online” เท่านั้น เลือกก่อน เริ่ดก่อน อย่างแน่นอน

 

พร้อมดีลพิเศษจากแบรนด์มากมาย ช้อปส่งท้ายเดือนให้สะบัดไปเลย ห้ามพลาด! กดช้อปเลย พร้อมรอรับของที่สนามบิน ได้ทั้งขาเข้าและขาออกนอกประเทศ

1.ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท  แถมยังลดเพิ่ม 5% เมื่อช้อปครบ 8,000 บาท รหัสส่วนลด SDFEB20

 

2.Special Offer ตรุษจีนนี้!!!Free! SMS ANG BAO มูลค่า 800 บาท ทุกออเดอร์ ไว้ช้อปออนไลน์ในครั้งถัดไป

และ Free! แจก Wallpaper ทุกสัปดาห์ เสริมโชคลาภ รับปีมังกร  เพื่อชาวมูตลอดทั้งเดือน ทั้งด้าน WEALTH / LOVE / LUCK / HEALTH

 

สินค้า Duty Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย!  รับสินค้าที่สนามบิน ช้อปได้ทั้งขาเข้า-ขาออก ได้ตลอดทุกทริปช้อปสะดวก แค่คลิก คิง เพาเวอร์ ออนไลน์

 

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนช้อปใหม่2 แบรนด์WACAY-จีวองซี่”

 

                กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้อนรับความสุขต่อเนื่องปีมังกร 2567 โดยเฉพาะที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” คัดผลิตภัณฑ์ใหม่  ปังสุด ๆ เพื่อให้นักช้อปทุกกลุ่มวัยได้ช้อปสบาย ๆ  นำเสนอ 2 ผลิตภัณฑ์โฉมใหม่

 

ผลิตภัณฑ์ใหม่แรก  WACAY เปิดแล้ววันนี้ ร้านใหม่แบรนด์ดัง #ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อปได้ โดดเด่นด้วยดีไซน์ป้ายหนัง และลายโมโนแกรมแมตช์ลุคได้ง่ายๆ มีสไตล์ในทุกวัน ช้อป WACAY ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีนัดพบกันที่บริเวณโซน WOMEN’S FASHION ชั้น 3 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

 

ผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 นำเอกสิทธ์พิเศษเฉพาะมาไว้ที่ “เคาน์เตอร์ จีวองชี่” คิง เพาเวอร์ รางน้ำ แห่งเดียว หรือ Givenchy counter at King Power Rangnam นำพากลิ่นหอมอันโดดเด่นที่ได้รับการรังสรรเป็นพิเศษ ช่วยเผยเอกลัษณ์เฉพาะตัวตนของคุณ เมื่อได้พบกับ “La Collection Particulière : ลา คอลเลคชั่น พาร์ทิคิวเลียร์” เพียบพร้อมด้วยกลิ่นโดดเด่นที่จะมอบอารมณ์และความรู้สึกแสนพิเศษผสมผสานความหอมจากการคัดสรรวัตถุดิบอย่างเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี

 

ข่าวที่ 3 คิงเพาเวอร์มหานครชวนร่วมประมูลของเล่นโลก Sofubi

 

คิง เพาเวอร์ มหานคร ชวนนักสะสมไม่ควรพลาดกับงานประมูลผลงานจากศิลปินระดับโลกที่มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น การจัดแสดงของเล่น Sofubi ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรูปปั้นลิมิเต็ดสุดพิเศษ และผลงานหายากที่คัดสรรมาอย่างดีที่คุณจะไม่พบที่อื่น โดยร่วมกับพันธมิตร MEDICOM TOY  และภัณฑารักษ์ร่วมและผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย : บริษัท อาร์ต เวิร์กส์ เวิลด์ไวด์ จำกัด AWWW

 

นักสะสมตัวยงแฟนคลับ Sofubi ร่วมประมูลได้เลยที่เว็บไซต์ https://bit.ly/AkashicRecords_Auction พร้อมกับเปิดให้ได้ชมการประมูลงานAKASHIC RECORDS in Bangkok  King Power Mahanakhon ได้ตั้งแต่วันนี้ - 29 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปบริจาคให้แก่องค์กรยูนิเซฟ ร่วมกันสร้างประโยชน์สู่สังคมไปด้วยกัน

 

 ข่าวที่ 4 สุดาวรรณนำททท.รับ2โจทย์ใหญ่อินเดียขยายวีซ่า/การบิน

           

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ระหว่างนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยเข้าร่วมงานขายการท่องเที่ยว SATTE : South Asia Travel and Tourism Exchange 2024 ระหว่าง 22-24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กรุงนิวเดลี ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายรายใหญ่สุดของอินเดีย ล่าสุดได้รับข้อเสนอที่จะนำมาหารือกับรัฐบาลไทยกรณีเอกชนอินเดียขอให้พิจารณาขยายเวลายกเว้นวีซ่าต่อไปอีก 2 ปี จากปัจจุบันมาตรการฟรีวีซ่าที่ไทยให้กับนักท่องเที่ยวอินเดียจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567

 

โดยได้พบหารือกับผู้บริหารบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของอินเดีย 4 ราย ได้แก่ TravelBullz, Yatra.com, MakeMyTrip.com และ EaseMyTrip.com มีเสนอแนะไทยด้านการท่องเที่ยว 4 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 ขอให้ไทยและอินเดียร่วมมือกันปลดล็อคข้อจำกัดทางบินจะได้เพิ่มจำนวนอินเดียมาเที่ยวเมืองไทยได้มากขึ้น เรื่องที่ 2 ขอให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดอีเว้นท์ขนาดใหญ่ระดับโลก เช่น การแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และงานนานาชาติอื่น ๆ  เรื่องที่ 3 ขอให้ไทยพัฒนาและปรับโฉมสินค้าบริการท่องเที่ยวเพิ่มความสดใหม่ทันสมัยเป็นแม่เหล็กดึงความสนใจอินเดียที่มีกำลังใช้จ่ายเงินสูงเพิ่มอีก 2 กลุ่ม คือเศรษฐีรุ่นใหม่หรือ Millennials และนักท่องเที่ยวชื่นชอบความหรูหราหรือLuxury เรื่องที่ 4 แนะนำให้ไทยสื่อสารการตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์มุ่งเจาะไปตรงเข้าถึงตลาดอินเดียโดยเฉพาะเพิ่มมากขึ้น

 

                รมว.สุดาวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายเพิ่มเติมให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับเป้าหมายตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศขยับเป็น 40 ล้านคน จากปกติ 35 ล้านคน พร้อมกับปรับรายได้รวมปีนี้ใหม่เป็น 3.5 ล้านล้านบาท จากปกติ 3 ล้านล้านบาท รวมทั้งตลาดอินเดียซึ่งมีประชากรมากสุด 1,437 ล้านคน คาดปี 2567 เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวเติบโตเพิ่มขึ้น 7 % ปี 2570 จะสูงอันดับ 3 ของโลก จึงสั่งการ ททท.เพิ่มตลาดอินเดียปี 2567 ให้ได้ 2 ล้านคน จากปกติตั้งไว้ 1.746 ล้านคน สร้างรายได้ 80,870 ล้านบาท

 

พร้อมกับเร่งให้ ททท. ทำประชาสัมพันธ์มาตรการของรัฐบาลไทยปี 2567 กระตุ้นอินเดียเที่ยวเมืองไทยด้วย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแรก เที่ยวงานเทศกาลหรือเฟสติวัลที่กำลังยกชั้นเป็นงานระดับโลก เช่น เดือนเมษายน 2567 จัดมหกรรมท่องเที่ยว “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” ตั้งเป้าผลักดันให้ไทยติด  1 ใน 10  ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก เชิญชวนอินเดียมาเที่ยวสงกรานต์ไทยด้วย  โครงการที่ 2 ปลุกตลาดถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียเลือกใช้สถานที่ในไทย โครงการที่ 3 ร่วมโปรโมทและส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของไทย  ร่วมเป็นหนึ่งในตลาดขนาดใหญ่ที่จะมาเที่ยวเมืองไทยได้ตลอดทั้งปี 365 วัน

 

ข่าวที่ 5 กลุ่มบางจากทุบสถิตินำธุรกิจปี’66โกยEBITDA 4.1หมื่นล้าน

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากสร้างสถิติใหม่ปี 2566 โดยทำผลการดำเนินงานสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 4 ทศวรรษ ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตและมีพัฒนาการสำคัญหลายด้านส่งผลให้บางจากฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 385,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น18 % จากปี 2565 มี EBITDA 41,680 ล้านบาท ทำกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 13,233 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.27 บาท

 

บางจากกำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ตั้งแต่ปี 2567 จึงพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจการลงทุนขนาดใหญ่ต่อจากปี 2566 มุ่งสร้างและต่อยอด ประสานพลังกันระหว่าง กลุ่มโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน กลุ่มธุรกิจการตลาด และกลุ่มธุรกิจบางจากศรีราชาได้ปรับกลยุทธ์บริหารงานใช้ประโยชน์จากทรัพยากร เทคโนโลยี และสินทรัพย์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้าง Platforms for Growth เติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่านการบริหารโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง การขนส่งและการค้าน้ำมัน ธุรกิจการตลาด ตลอดจนธุรกิจสนับสนุน โดยวิธีทำงานแบบบริการร่วมในระบบหลังบ้านเพื่อลดต้นทุนทำให้ภาพรวมประหยัดลง มีเป้าหมายทำ EBITDA Synergy ให้ได้ปีละกว่า 3,000 ล้านบาท

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ บางจากมีแผนขยายต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจต้นน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยจะทำให้เติบโตเพิ่มจากแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพอื่น ๆ ต่อไป พร้อมกับมุ่งมั่นร่วมบรรเทาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ สร้างโลกยั่งยืน ยกระดับเป็นโรงกลั่นแรกและโรงกลั่นเดียวในไทยที่ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เริ่มไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยกำลัง
การผลิต
1,000,000 ลิตรต่อวัน

 

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทบางจาก ฯ ปี 2566 ที่เพิ่งประกาศเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ทั้ง 6 กลุ่มมีดังนี้

 

กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มีกำลังการผลิตเฉลี่ย 120,100 บาร์เรลวัน หรือคิดเป็น 100 % ของกำลังการผลิต แม้จะปิดหน่วยการผลิตบางส่วนปรับปรุงตามมาตรฐานยูโร 5 ทำ EBITDA รวมได้ 14,794 ล้านบาท ลดลง  17 % เทียบกับปี 2565 ปัจจัยหลักจากค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลงเหลือ 9.50 จากปี 2565 อยู่ที่ 14.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล   เพราะค่าCrack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงด้วยอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกลด จึงเกิด Inventory Loss แต่ธุรกิจค้าน้ำมันโดยบริษัท BCPT เติบโตมีนัยสำคัญเพราะการจัดหาน้ำมันดิบให้โรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง กับการขยายตลาดน้ำมันดิบแบบ Overseas Trading มีธุรกรรมซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 59 %

 

กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 3,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 % จากปีก่อน ด้วยการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสูงเป็นประวัติการณ์ 6,490 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 9 % เพราะตลาดน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวรวมถึงได้ขยายช่องทางจำหน่ายกับคู่ค้ารายใหม่ต่อเนื่อง สิ้นปี 2566 มีสถานีบริการรวม 2,219 แห่ง เป็นบางจาก 1,389 แห่ง และสถานีบริการหลังเข้าซื้อหุ้นของเอสโซ่ BSRC เพิ่มขึ้นอีก 830 แห่ง ส่วนธุรกิจ Non-Oil ร้านกาแฟอินทนิลมีสาขา 1,020 สาขา และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV อีกกว่า 265 จุด

 

กลุ่มที่ 3 ธุรกิจบางจาก ศรีราชา ดำเนินงานภายใต้ BSRC มี EBITDA ระยะ 4 เดือนปี 2566 รวม 997 ล้านบาท  จากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชามีกำลังการผลิตเฉลี่ย 101,900 บาร์เรล/วัน  แม้จะปิดซ่อมบำรุง 40 วัน (กันยายน-ตุลาคม 2566) ภายหลังซ่อมบำรุงมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสร้างสถิติสูงสุดตั้งแต่ธันวาคมที่ผ่านมา 143,800 บาร์เรล/วัน โดยมีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันรวม 2,145 ล้านลิตร

 

ทางกลุ่มบริษัทบางจากมีกำลังการผลิตติดตั้งของโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ยอดรวมสูงสุดในประเทศ 294,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จะช่วยเสริมธุรกิจการตลาดบางจากฯ ซึ่งปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กลั่นได้ไม่เพียงพอกับความต้องการตลาด

 

กลุ่มที่ 4 ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดำเนินงานโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ปี 2566
มี
EBITDA รวม 4,219 ล้านบาท ลดลง 34 % จากปี 2565 ตลอดปีที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และในคลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ ท่อขนส่งน้ำมันจังหวัดเพชรบุรี เพื่อสร้างรายได้จากทรัพย์สินต่อเนื่อง ช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ  

กลุ่มที่ 5 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ  ดำเนินงานโดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA รวม 667 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้น  8 % จากปี 2565 ได้ประโยชน์จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลและเอทานอลเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อของ BSRC กับธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น หลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประกาศปรับส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากบี 5 เป็นบี 7

 

กลุ่มที่ 6 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 19,671 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 12 % จากปี 2565 จากปริมาณจำหน่ายของ OKEA ที่เพิ่มขึ้น 74 % และปริมาณจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มขึ้น ซึ่งรับรู้ผลดำเนินงานเต็มปี 2566 รับโอนกิจการมาจาก Wintershall Dea ส่วน OKEA ประสบความสำเร็จการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม Hasselmus เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนด เมื่อ 29 ธันวาคม 2566 ได้รับโอนสิทธิ์แหล่งปิโตรเลียม Statfjord  28 % จึงมีกำลังการผลิตปี 2567 ประมาณ 35,000-40,0000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน (ปี 2566 ผลิตเฉลี่ย 24,590 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน) เพิ่มขึ้น 47 แต่ Statfjord มีปริมาณการผลิตและปิโตรเลียมสำรองน้อยกว่าคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เกิดการตั้งด้อยค่าจากการลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นหลังหักภาษี 619 ล้านโครนนอร์เวย์ (เทียบเท่า 2,040 ล้านบาท)

 

            ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไปแล้วได้ประสบการณ์ดี ๆ ปักหมุดที่ “จันทบุรี” มาฆบูชานี้ ร่วม “บูชานพเคราะห์” เสริมบุญ แล้วไปเดินชุมชนขนมแปลกคลองบัว และตลาดบางสระแก้ว แหลมสิงห์ ด้วยกัน จากนั้นก็ฟัง “8วิธีรับมือตื่นเช้ามาเกิดอาการเจ็บคอ” และข่าวฮ็อต ข่าวแรก “นายกฯ เศรษฐา” เปิดทำเนียบโชว์วิสัยทัศน์นำไทยผงาด 8 HUB เอเชีย ข่าวที่สอง “การบินไทยอู้ฟู่ปี66” กำไรแล้ว 2.8 หมื่นล้าน

 

ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่เที่ยวจันทบุรีบูชาดาว-ชุมชนขนมแปลก

 

สุขทันทีที่ได้เที่ยว “จันทบุรี” รับมาฆบูชา 2567 เดินทางไปเพิ่มประสบการณ์ที่ดี ๆ เสน่ห์เมืองรองทะเลตะวันออก กำลังยกระดับเป็นเมืองหลัก ดึงดูดคนเข้าไปท่องเที่ยวได้ปีละ 4 ล้านคน ชวนไปเช็คอินเที่ยว 3 พิกัด

 

พิกัดที่ 1 บูชาดาวนพเคราะห์ ตามประเพณีพระพุทธศาสนามหายานฝ่ายอนัมนิกาย จัดร่วมกันระหว่างคนไทยเชื้อสายจีน เวียดนาม และคนไทยในจันทบุรี ถือปฏิบัติทำตามประเพณีสืบต่อเป็นปีที่ 190  งานจัดตั้งแต่วันนี้-28 กุมภาพันธ์ 2567 เสริมสิริมงคล ดวงชะตา แก้ปีชง ตามความเชื่อ ของผู้คนในชุมชนที่มีมายาวนาน

 

ปีนี้อัญเชิญขบวนแห่ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 และไฟพระฤกษ์ที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราช ออกประทานพรรอบตลาดเมืองจันทบุรีแบบประเพณีโบราณ เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายในงานจัดให้มีพิธีทำบุญ กราบสักการะพระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์ และดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ร่วมจุดเทียนอายุวัฒนะ ทำบุญพะเก่ง เวียนเทียนรอบอุโบสถที่ ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธีแก้ปีชง ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล

 

ไฮไลต์ร่วมพิธีบูชาดาวนพเคราะห์วัดเขตร์นาบุญญารามปีนี้ 8 จุดต้องจำ ทำตามแล้วเฮง ร่ำรวย เป็นเศรษฐี เป็นมหาเศรษฐี  ขานรับ "มะโรงเรืองรอง เงินทองมากมี บารมีพร้อมพรั่ง มั่งคั่งความสุข" แล้วภายในงานบูชาดาวนพเคราะห์ต้องห้ามพลาด 3 พิธีสำคัญ

 

พิธีแรก จุดเทียน อายุวัฒนะ บูชาดาวนพเคราะห์เสวยอายุประจำตัวปี .. 2567 ไหว้ขอพร เสริมสิริมงคล เพิ่มความเฮง

พิธีที่ 2 ทำพะเก่ง ถวายพุทธฎีกาฝากดวงชะตาแด่พระพุทธเจ้า องค์พระโพธิสัตว์ และดาวนพเคราะห์ทั้งเก้าพระองค์

พิธีที่ 3 ไหว้ไท้ส่วยเอี๊ย แก้ปีชง ซึ่งปีนี้ ปีจอ ชงตรง 100% และปีที่ชงร่วมได้แก่ ปีมะโรง ฉลู มะแ

 

พิกัดที่ 2 เดินเล่น กินหนม ชมบ้านเก่า ท่องเที่ยวในแบบที่คุณมีส่วนร่วม   D-HOPE "ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัวจันทบุรี เสาร์นี้ 24 -วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่ 09.00 น.-17.00 น. จัดเต็ม ขบวนขนมแปลกลมเดินเพลิน ๆ ราคาเริ่มที่ 5 - 10 บาท หนึ่งในสถานที่มาจันท์แล้วต้องแวะไปเยือน "เดินเล่น กินหนม ชมบ้านเก่า" พิกัดชุมชนhttps://goo.gl/maps/JuLVcBA5zVJUNC8s5

 

พิกัดที่ 3 เที่ยวงานเสน่ห์ไม่จางที่บางสระเก้า และการเปิดหมู่บ้านการเรียนรู้ที่นักท่องเที่ยวลงมือปฏิบัติ D-HOPE ประจำปี 2567 เดินชมตลาดสี่มุมเมรุ วัดบางสระเก้า ตำบลบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม - วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 ตั้งแต่  09.00 น. - 22.00 น.

 

เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมภายในงาน พบกับ 10 แชมป์ผู้ประกอบการชุมชน เลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน แล้วเดินสัมผัสวิถีตลาดชื่อแปลกที่มีของดีอยู่มากมาย

 

สุขภาพ –8 วิธีรับมือกับปัญหาตื่นเช้ามาแล้วมีอาการเจ็บคอ

 

โดยมีแนะนำผู้ที่มีปัญหาตื่นมาเจ็บคออาจลองนำวิธีดังต่อไปนี้ไปใช้

1.อมน้ำแข็งเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ

2.พยายามหลีกเลี่ยงการหายใจทางปาก

3.ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือประมาณ 6–8 แก้ว/วัน

4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้สารก่อภูมิแพ้

5.ใช้เครื่องทำความชื้นขณะนอนหลับ

6.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร้อนจัดและอาหารที่มีรสเผ็ด

7.หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นกรด อาหารที่มีน้ำตาลสูง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

8.กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ

วิธีดังกล่าวเป็นเพียงเบื้องต้นใช้ดูแลตัวเอง หากอาการไม่ดีขึ้น 1–2 สัปดาห์ ผู้ที่มีปัญหาตื่นมาเจ็บคอควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้ เช่น กลืนลำบาก หายใจลำบาก คลำพบก้อนในคอ เจ็บตามข้อ มีไข้ ปากแห้ง แสบลิ้น และพบคราบสีขาวบนลิ้น

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –นายกเศรษฐาโชว์วิสัยทัศน์นำไทยสู่8HUBเอเชียรุกท่องเที่ยว

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand Vision ที่ทําเนียบรัฐบาล โดยจะนำพาประเทศไทยกลายเป็น “ศูนย์กลาง” เมืองอุตสาหกรรมระดับโลก ทั้งหมด 8 HUB เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน เน้นการท่องเที่ยว รักษาพยาบาลและสุขภาพ อาหาร การบิน ผลิตยานยนต์แห่งอนาคต เทคโนโลยี และการเงิน

 

รัฐบาลจะทำให้ประเทศไทยเป็นที่ 1 ของภูมิภาค ด้วยข้อได้เปรียบของไทย ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ภูมิอากาศที่อบอุ่นตลอดปี โครงสร้างพร้อมต่อยอด และศักยภาพของคนไทย โดยจะเร่งทำ 8 วิสัยทัศน์ ได้แก่

 

วิสัยทัศน์ที่ 1 ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 2 ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 3 ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 4 ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 5 ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 6 ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 7 ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy Hub)

วิสัยทัศน์ที่ 8 ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub)

 

นายกฯ เศรษฐา ยืนยันนโยบายนำไทยเป็น “ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว : Tourism Hub” เพราะสามารถสร้างรายได้ให้คนไทยกว่า 1 ใน 3 ของจํานวนประชากร ด้วยมูลค่าเศรษฐกิจปีละกว่า 2.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของงบประมาณรายจ่ายประจําปี โดยจะใช้ Soft Power สร้างจุดขายเสน่ห์เมืองไทย ให้โดนใจประชาคมโลก ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม งานเทศกาล คอนเสิร์ต งานภาพยนตร์ งานศิลปะ อาหาร วัฒนธรรม รวมทั้งกีฬา ศิลปะป้องกันตัวอย่างมวยไทยซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของคนไทย ผนวกกับผลักดันบางจังหวัดเป็นมรดกโลกอย่าง เช่น จังหวัดน่าน พร้อมกับอํานวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่านมาตรการเปิดฟรีวีซ่า ให้ไปแล้วคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน

 

ต่อเนื่องถึงนำไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาค และในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง CLMV และหลังจากนี้ การท่องเที่ยวในประเทศไทย (ททท.) จะต้องรับไม้ต่อส่งเสริมต่อยอดทุกรูปแบบ ทุกจังหวัด ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง พร้อมทั้งแก้ไขกฎ ระเบียบ ที่เป็นอุปสรรคการท่องเที่ยว เพื่อขยายระยะเวลาพำนักและกระตุ้นค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ตามเป้าหมาย

 

ข่าวที่สอง -การบินไทยคืนชีพรับท่องเที่ยวปี66ทำกำไร 2.8หมื่นล้าน

 

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 45,170 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.4% เพราะการบินและท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง ผู้โดยสารต้องการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

โดยมีต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 (TFRS 9) 15,611 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 28,123 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 12.87 บาท ต่างจากปี 2565 ขาดทุนต่อหุ้น 0.12 บาท

 

 

สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานปี 2566 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 161,067 ล้านบาท เป็นรายได้จากกิจกรรมขนส่งผู้โดยสารเติบโตเพิ่มขึ้น 79.3% มีรายได้ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวปี 2566 เพิ่มขึ้น 53.3% จากปี 2565 คิดเป็นสัดส่วน 87% ของปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19

 

ปี 2566 มีค่าใช้จ่ายไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 120,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% จากปี 2565 จากค่าใช้จ่ายผันแปรในส่วนค่าน้ำมันที่มีสัดส่วน 39.5% ของค่าใช้จ่ายรวมที่สูงขึ้นจากปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการบริการในกิจกรรมขนส่งจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น

 

มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (EBIT) เป็นเงิน 40,211 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 32,414 ล้านบาท และมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน 42,875 ล้านบาท ดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการที่ระบุให้บริษัทฯ ต้องมี EBITDA จากการดำเนินงานในส่วนของการบินไทยหลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบินไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท ในรอบ 12 เดือนก่อนหน้าที่จะรายงานถึงผลสำเร็จการฟื้นฟูกิจการ



ปี 2566 มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวของบริษัทฯ และบริษัทย่อยสุทธิเป็นรายได้ 2,201 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ กำไรจากการขายสินทรัพย์ โดยมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงิน 1,066 ล้านบาท  

 

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม 238,991 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% มีหนี้สินรวม 282,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ติดลบ 43,142 ล้านบาท ลบลดลง 27,882 ล้านบาท จากผลประกอบการเป็นบวก บริษัทฯ มีเงินสด รวมตั๋วเงินฝาก เงินฝากประจำ และหุ้นกู้ ที่มีระยะเวลาครบกำหนดชำระมากกว่า 3 เดือน แต่ไม่เกิน 12 เดือน รวม 67,130 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32,590 ล้านบาท

      

ปี 2566 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงาน ส่วนที่ 1 ปริมาณการผลิต (ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40.9% ขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 65.4%

 

ส่วนที่ 2 อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 79.7% สูงกว่าปี 2565 ทำไว้เฉลี่ย 67.9% บริการขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 13.76 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 52.7%

 

ส่วนที่  3 ปริมาณการผลิตและขนส่งสินค้า (ADTK) สูงกว่าปีก่อน 40.9 % ปริมาณการขนส่งสินค้า (RFTK) สูงกว่าปีก่อน 15.4% มีอัตราขนส่งสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ย 51.7%

      

ปัจจุบันการบินไทย และบริษัทย่อย มีเครื่องใช้บินรวมทั้งสิ้น 70 ลำ แบ่งเป็น แบบลำตัวกว้าง 50 ลำ ลำตัวแคบ 20 ลำ และ 20 ลำ ในตารางการบินฤดูร้อนปี 2567 ให้บริการเที่ยวบินสู่เครือข่ายทั่วโลก 61 เส้นทาง ทั้งยุโรป ออสเตรเลีย เอเชีย โดยได้เพิ่ม 1.เส้นทางสำคัญ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ซิดนีย์  2.จุดบินใหม่ 4 เส้นทาง ได้แก่ ออสโล  มิลาน เพิร์ท และ โคจิ รองรับการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเร่งขยายขนาดฝูงบินให้เพียงพอต่อแผนเปิดเส้นทางบิน จำนวนเที่ยวบิน และความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการ “หารายได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ” สร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคต

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง