“ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์”ผู้นำใหม่ TCEB ลุยเปิดแผน4พันธกิจ
BIG CHANGE“เครือข่ายรัฐ+หน่วยกำกับมาตรฐาน+เมืองไมซ์”
ปลุกเอกชนไทยร่วมยกชั้น“TMVS สู่ AMVS”ผู้นำไมซ์อาเซียน
เร่งทำRANKING+ลุยCarbon Net Zeroจุดแข็งชิงงานไมซ์โลก
สุดมันส์!! กับสมาชิก POWER PASS คิงเพาเวอร์ 4 กิจกรรม
คิง เพาเวอร์เปิดนาทีทอง 4สนามบินลด 25%วันนี้-30 ก.ย.นี้
คุ้ม!!ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ Mega Clearance Saleลดแรง
80%
ททท.นำไทยร่วม“ITE HCMC 2025ปี69โกยเวียดนาม9แสนคน
4บริษัทกลุ่มบางจากรับมาตรฐานISCC ยกชั้นสู่ยั่งยืนสากล
TCEBแนะใช้MICE Winnovation4เรื่องดันไมซ์ยุคดิจิทัลโตเร็ว
เช็คอินเที่ยวฟิน Amazing Green Fest 2025
สวนสามพราน
5 ผลไม้ “โปรตีนสูง” กินอร่อยแถมมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพ
เวียตเจ็ทไทยแลนด์ฉลอง 9ปี แจกโปรตั๋วบิน 9 บาท/เที่ยว
กรมท่องเที่ยวเปิดแผน Thailand Green Tourism Plan2030
วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #AmazingThaiFest2025
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1K4AqVVQiL/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! ดร.ศุภวรรณ
ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดพันธกิจผู้นำคนใหม่ จัดทัพอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่ผู้นำระดับโลก ด้วย “Change
That Matters” เปลี่ยนบทบาทใหม่ 4 เรื่องใหญ่ 1.ขยายเครือข่ายความร่วมมือภารัฐเริ่มแล้ว 5 กระทรวง
ดึงงานไมซ์อินเตอร์มาจัดในไทย 2.ลุยเพิ่มบทบาทการกำกับดูแลมาตรฐานจาก
Thailand MICE Venue Standard สู่ ASEAN MICE Venue Standard
3.ปลุกภาคธุรกิจเข้าระบบมาตรฐานลดโลกร้อนให้ถึงเป้าหมายลดคาร์บอนเป็นศูนย์
ตัวช่วยยกระดับจุดขายใช้แข่งขันชิงงานไมซ์ทั่วโลก 4.ต่อยอด 10
เมืองไมซ์ เพิ่มคลัสเตอร์เมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก ชูอัตลักษณ์เด่น
เมืองอาหาร วัฒนธรรม ศิลปะ ดนตรี
ดร.ศุภวรรณ
ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำองค์กรทีเส็บคนใหม่มีพันธกิจหลักที่จะสร้างอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยก้าวเป็นผู้นำระดับโลกทำให้เป็นจุดหมายปลายทางความไว้วางใจของทั่วโลกด้วย
หรือ Trusted Destination โดยใช้บทบาทพิเศษที่โดดเด่นด้าน
“การดึงงาน หรือ WIN” ในการประมูลสิทธิ์
และสนับสนุนงานระดับประเทศและนานาชาติ ขณะนี้ “ตลาดไมซ์ในประเทศ”
ทำได้ดีมากทุกหมวด M-I-C-E แต่ “ตลาดไมซ์ต่างประเทศ”
ยังต้องเผชิญความท้าทายหลายอย่าง จึงวางแผนเน้นการตลาดเชิงรุก 2 หมวด คือ “C : Convention” การประชุมขนาดใหญ่นานาชาติ
กับ “E : Exhibition”
การจัดนิทรรศการแสดงสินค้านานาชาติ
ด้วยกลยุทธ์บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพิ่มมากขึ้น
นำร่องแล้ว 5 กระทรวงสำคัญ ๆ ได้แก่
●
“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” หารือถึงการชิงเป็นเจ้าภาพจัดงานสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
(CORP)
●
“กระทรวงพลังงาน” ช่วงสัปดาห์จะร่วมเดินทางไปมิลาน
อิตาลี เพื่อรับมอบธงที่ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงาน GASTECH
2026 การประชุมและจับคู่ธุรกิจพลังงานรายการใหญ่สุดของโลก
เดือนกันยายน 2569
●
“กระทรวงสาธารณสุข” (สธ.) สามารถดึงงานซีรีย์อย่างหลากหลายครอบคลุมทั้ง
“Health” งานสุขภาพ “Wellness”
ธุรกิจการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และ “Medical”
งานบริการการแพทย์และสาธารณสุข
ปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้นำการประชุมกลุ่มแพทย์อยู่แล้ว
●
“กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม”
(อว.) มีงานมากมายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม สามารถดึงมาจัดในไทยได้มากขึ้น
● “กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” ล่าสุดเพิ่งหารือเพื่อจะจับมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA : Digital Economy Promotion Agency) ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลนำงานต่าง ๆ มาจัดเพื่อยกระดับประเทศไทย
โดยจะขับเคลื่อนไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความไว้วางใจหรือ
Trusted Destination ด้วย 3 ด้าน คือ
● ด้านที่
1 สร้างความพร้อมผู้ประกอบการไมซ์อย่างมืออาชีพ
● ด้านที่ 2 สร้างมาตรฐานความพร้อมของผู้ให้บริการ
สถานที่ เมืองไมซ์ โลจิสติกส์ การสนับสนุนจากภาครัฐ
ซึ่งผู้ประกอบการหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ได้ต้องการของเงินสนับสนุนเพียงอย่างเดียว
แต่อยากให้ช่วยเพิ่มความสะดวกกับภาคธุรกิจให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น คือผู้จัดงานกลุ่ม
M-I-C-E
กับเฟสติวัลเลือกและมองเห็นเมืองไทยเป็นแหล่งกระตุ้นและเชื่อมโยงธุรกิจให้ผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
ขยับเป้าหมายจากความคุ้มค่าเงินขึ้นไปเป็นสร้างคุณค่าและมูลค่าทางธุรกิจได้มากขึ้นกว่าเดิม
● ด้านที่
3 สร้างระบบนิเวศน์ไมซ์ Eco system
ปัจจุบันยังขาดแคลนผู้ประกอบการไมซ์
จะต้องเร่งผลิตจำนวนกับสร้างความพร้อมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ
ปัจจุบันทีเส็บก่อตั้งมาเกือบ
20 ปี จึงมีขีดความสามารถสูงล่าสุดยื่นขอ ISO จนได้เป็นหน่วยงานที่พร้อม “ให้การรับรอง : certify” เดินหน้าเพิ่มบทบาทใหม่เป็น “องค์กรกำกับดูแล :Regulator” ศักยภาพ “มาตรฐาน” ที่เกี่ยวข้องกับงานไมซ์ ทั้งสถานที่จัดงานและซัพพลายเชนต่าง
ๆ มากขึ้น โดยวิธีจัดทำ “ทะเบียนรายชื่อ” ให้คู่ค้าในอุตสาหกรรมสามารถเข้ามาค้นหาจับคู่ธุรกิจกันได้ดีขึ้น
ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ไมซ์ไทยจะต้องยกระดับสู่เวทีนานาชาติ
ด้วยวิธีเพิ่มบทบาทงานกำกับดูแล ซึ่งปัจจุบันมีมาตรฐานที่จัดทำไว้แล้วคือ “TMVS
:Thailand MICE Venue Standard” ตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพสถานที่จัดงานในไทย
ต่อไปจะต้องขยับสู่ “AMVS : ASEAN MICE Venue Standards” พัฒนาตราสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานประชุม
งานแสดงนิทรรศการ งานท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในระดับภูมิภาคอาเซียน
ดึงโมเดลนานาชาติเข้ามาใช้ พ่วงกับการสร้างความยั่งยืนเข้าไปด้วย อย่างการลงมือทำ “Decarbonization” คือกระบวนการลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมไมซ์ จะต้องเพิ่มมาตรฐานให้สูงกว่าตอนนี้
ซึ่งไทยยังทำแค่ “วัดระดับการใช้คาร์บอน” ในแต่ละการจัดงาน ขณะที่ทั่วโลกสามารถจัดงานไมซ์แบบไร้คาร์บอนหรือ
Carbon Net Zero แล้ว
ดังนั้นเมื่อทีเส็บมี
“เครื่องมือ” วัดคาร์บอนในการจัดงานซึ่งทำร่วมกับ
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) “อบก.” หอการค้าไทย
หน่วยงานระหว่างประเทศ ต่อไปประเทศไทยก็จะต้องทำเพื่อตอบโจทย์ “ผู้จัดงาน”
เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ เพราะขณะนี้ในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น สามารถจัดงานแบบคาร์บอนเป็นกลางและเป็นศูนย์สำเร็จแล้ว
จึงสามารถสร้างแรงดึงดูดความสนใจจากผู้จัดงานทั่วโลกได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้เรามีมาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนประเทศไทย
(Thailand Sustainable Event Management Standard :TSEM)
แล้ว ทีเส็บจะเร่งขยายการรับรู้โดยให้ทีมงานไปดึงสหประชาชาติ (UN) มาร่วมรับรองมาตรฐานเพื่อสร้างความไว้วางใจให้ลูกค้านานาชาติ โดยจะต้องทำควบคู่กับการพัฒนาเมือง
หรือ Local Strength ให้มีความพร้อมหลากหลายด้าน
ตั้งแต่สนับสนุนเอกชนในพื้นที่ ทำสำรวจถึงการนำงานไปจัดแล้วธุรกิจจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นทางสภาหอค้า จังหวัด ชุมชน ก็ต้องเข้ามาร่วมมือกันทำทุกงานอย่างเต็มที่
สำหรับทีเส็บมีฐาน
ไมซ์ ซิตี้ อยู่แล้ว 10 เมือง ต่อไปจะเชื่อมโยงเป็น “คลัสเตอร์” เมืองหลักกับจังหวัดใกล้เคียง
ควบคู่การเพิ่มเมืองไมซ์ เพราะตอนนี้มีอยู่น้อยเกินไป เมื่อเทียบกับ ญี่ปุ่น
เกาหลี จำเป็นต้องเดินหน้าเพิ่มเมืองตามอัตลักษณ์เฉพาะเจาะจงตามแคแรกเตอร์ที่โดดเด่นจริงของเมืองนั้น
ๆ ขึ้นมารองรับความต้องการตลาดไมซ์โลก เช่น เมืองด้านอาหาร (Gastronomy) เมืองศิลปะวัฒนธรรม เมืองดนตรี และอื่น
ๆ
ดร.ศุภวรรณ
กล่าวว่า ทีเส็บมีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมหรือ transformation แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1
เปลี่ยนแปลงพนักงานองค์กร ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมากเพียงพอ จะพัฒนาขยับ
“เป็นที่ปรึกษา” ให้ผู้จัดงานไมซ์ และจังหวัดต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ เตรียมเพิ่มการฝึกอบรมให้มากขึ้นมุ่งสู่การยกระดับบุคลากรเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับอาเซียน
บวกกับการทำระบบดิจิทัลอย่างโปร่งใสตัดขั้นตอนที่ซับซ้อนออกไป
เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้ามาตรวจสอบตั้งแต่การว่าจ้าง การสนับสนุน
ในส่วนของอุตสาหกรรมไมซ์เชี่ยวชาญมากด้านการจัดงานได้ดีเยี่ยม
แต่การทำนวัตกรรมกับดิจิทัล หรือใช้ AI เทคโนโลยี
ยังน้อยอยู่ นำไปสู่
ส่วนที่
2 การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไมซ์อย่างมืออาชีพ ทำให้ภาพรวมของไทยเป็นผู้นำระดับโลกได้
ทีเส็บกำลังร่วมกับพันธมิตรเตรียมเพิ่ม “เมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก (UNESCO
Creative Cities Network :UCCN) จะคัดเลือกเข้าร่วมเครือข่ายกับเมืองสร้างสรรค์ทั่วโลก
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ
เน้นนำความคิดสร้างสรรค์และอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมเข้ามาพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
ทีเส็บได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) “CEA” องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) “อพท.” กระทรวงวัฒนธรรม รวมตัวกันทำงานอย่างเต็มที่ ตอนนี้ในไทยมีอยู่
7 เมือง ปี 2568 จะเพิ่มอีก 2 เมือง เกณฑ์การคัดเลือกนั้นทางยูเอ็นได้กำหนดเกณฑ์ 5 ข้อ มี 3 ข้อ
เป็นภารกิจที่ทีเส็บทำอยู่เรื่องส่งเสริมเมืองจัดกิจกรรม เทศกาล เป็นประจำอยู่แล้ว
ขยายผลต่อจากไมซ์ ซิตี้ ขับเคลื่อนก่อนแล้วต่อยอดด้วยเมืองสร้างสรรค์ทั่วประเทศ
ดร.ศุภวรรณ
กล่าวว่าเป้าหมายปีแรกในการเป็นผู้นำมุ่งมั่นเห็นความสำเร็จเรื่อง “Change
& Shift” เริ่มตรง “Change” การเปลี่ยนแปลงรูปแบบงานไมซ์จากทั่วโลกที่จะดึงเข้ามาจัดในไทย
ต้องหาธุรกิจสามารถสร้างผลบวกสูง ต่อด้วย “Shift” ยกระดับจากประเทศที่มีความคุ้มค่าเงินไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจมากขึ้น
บนองค์ประกอบของอุตสาหกรรมไมซ์จะต้องมีความพร้อมจะทำให้เกิดมูลค่าสูงครบทั้ง
มูลค่าเพิ่ม อิมแพ็ค และการร่วมสร้าง (co-creation)
ไม่ใช่ทำแค่ “ผู้ประสานหรือผู้อำนวยความสะดวก” เท่านั้น
ประการสุดท้ายทีเส็บฝากถึงผู้ประกอบการไมซ์ผนึกความร่วมมือกนตอบโจทย์
1.พฤติกรรมของผู้จัดงานทั่วโลกกำลังมองหาคุณภาพ
ดังนั้นผู้ที่อยู่ในระบบนิเวศน์แต่ละเมือง สถานที่จัดงาน ซัพพลายเออร์ จะต้องนำ “มาตรฐาน”
มาใช้เป็นเกณฑ์เท่ากับเป็นการสร้าง Ranking หรือวางตำแหน่งไทยให้ถูกต้อง
เพื่อให้คู่ค้าผู้จัดงานนานาชาติรับรู้ได้ ตอนนี้ได้เร่งทำบัญชีรายชื่อผู้ประกอบการ
ควบคู่กับเพิ่มบทบาททีเส็บเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเต็มประสิทธิภาพก้าวสู่ผู้นำไมซ์ยั่งยืนในระดับโลก
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-สุดมันส์!! กับPOWER PASSที่คิงเพาเวอร์ 4 กิจกรรม
คิง เพาเวอร์ ปลุกสายกิจกรรมห้ามพลาด ใช้คะแนน CARAT แลกรับประสบการณ์ความสนุก!
กับ 4 กิจกรรมสุดมันส์ เพื่อ สมาชิก POWER PASS
● กิจกรรมที่ 1 แลก 400 CARAT รับส่วนลด 100 บาท ขึ้นไปฟินกับวิวสุดอลังการ ได้เห็นกรุงเทพในทุกมุม
ที่ Mahanakhon SkyWalk
● กิจกรรมที่ 2 แลก 400 CARAT รับส่วนลด 100 บาท ดื่มด่ำงานศิลป์สุดล้ำ ที่ Mahanakhon SkyVerse
● กิจกรรมที่ 3 แลก 400 CARAT รับส่วนลด 100 บาท สาดความสนุก ชุ่มฉ่ำมันส์เต็มวัน ที่ วานา นาวา วอเตอร์
จังเกิ้ล
● กิจกรรมที่ 4 แลก 200 CARAT รับส่วนลด MONOWHEEL สนุกไม่ซ้ำใคร ที่ โมโนเวล จุฬา
28
ยังไม่เป็นสมาชิก? สมัครฟรี!
สมัครวันนี้ รับเลยทันที 400 CARAT* ใช้ช้อปแทนเงินสด
หรือแลกรับสิทธิพิเศษ CARAT REWARDS ที่
ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
สมัครฟรี POWER PASS พร้อมแลก CARAT
REWARDS ได้เลยวันนี้ที่ powerpass.kingpower.com หรือทาง LINE Official Account @KINGPOWER
ข่าวที่ 2 -คิง เพาเวอร์เปิดนาทีทอง 4สนามบินลด 25% วันนี้-30 ก.ย.
คิง
เพาเวอร์ เปิดช่วง “ช้อปนาทีทอง” ให้นักเดินทางที่มีไฟลต์บินตลอดเดือน วันนี้
-30 กันยายน 2568 ทีสนามบินมีของดีมาให้เลือกช้อปฟินกันให้สุด
ลดไม่มีวันหยุด ลดทุกวัน สูงสุด 25%
1.สมาชิก POWER PASS ลดเพิ่มทันที 5%(เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
กับสินค้าที่เข้าร่วมรายการในแผนกน้ำหอม เครื่องสำอางและแว่นตา
เลือกได้ทุกสนามบินในร้าน คิง เพาเวอร์ 4 สนามบิน นำโดย สุวรรณภูมิ
ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต วันนี้- 30 กันยายน 2568
2.สมัครสมาชิก POWER PASS ฟรี!พิเศษสมาชิกใหม่ NAVY
ได้ครบมาก ได้ฟรี! 400 กะรัต =
ส่วนลดแทนเงินสด 100 บาท
3.รับทันที CASH VOUCHER 2,000 บาท เมื่อเติมเงิน ทุก 20,000 บาท
พบกับความพิเศษได้ทุกวัน
กับสินค้า DUTY-FREE ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานที่ร่วมรายการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
: https://kp.group/JPnEeV
ข่าวที่ 3-คุ้ม!!ที่คิงเพาเวอร์รางน้ำ Mega Clearance
Saleลดแรง80%
คุ้มขนาดนี้
ไม่ช้อปไม่ได้แล้วกับเซลใหญ่แห่งปี KING POWER RANGNAM MEGA CLEARANCE
SALE ที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ลดแรง กว่าที่เคย วันนี้ -21 กันยายน 2568
ช้อปแบรนด์ดัง ลดสูงสุด 80%
●
“สินค้าแฟชั่น” ยอดนิยม ลดสูงสุด 80%
●
“น้ำหอม–เครื่องสำอาง & แว่นตา” ของมันต้องมีไว้ติดตัว ลดสูงสุด 50%ไม่ว่าจะเป็น CLARINS, CLINIQUE, ESTEE LAUDER, HOURGLASS, JO
MALONE, KIEHL’S, LANCOME, L'OCCITANE, SKII , YSL ส่วนแว่นตาจัดเลย
●
“สินค้าไทย” ช้อปใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพเกรดพรีเมี่ยมผลิตในประเทศ ลดสูงสุด 80%
ข่าวที่ 4-ททท.นำไทยร่วม“ITE HCMC 2025ปี69โกยเวียดนาม9แสนคน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ททท. นำผู้ประกอบการไทยร่วมเข้างานเทรดท่องเที่ยวครั้งสุด International Travel Expo Ho Chi Minh City 2025 (ITE HCMC 2025) ในเวียดนามและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ระหว่าง 4–6 กันยายน 2568 ที่
ไซ่ง่อน เอ็กซิบิชั่น แอนด์ คอนเว็นชั่น เซ็นเตอร์ (SECC) โฮจิมินห์
เวียดนาม ส่งเสริมการเดินทางแลกเปลี่ยนสองทาง
(Two-Way Travel )ของไทยกับประเทศในอาเซียน
และได้ใช้งานนี้การแสดงศักยภาพด้านท่องเที่ยวของไทยสู่นานาชาติ
ซึ่งมีทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 30 ประเทศ 28,000 โดยได้ทำแคมเปญต่อเนื่อง “Thái Lan, càng hiểu càng yêu -ไทยแลนด์
ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” ตั้งเป้ากระตุ้นเวียดนามเที่ยวไทยปี 2569 ไม่ต่ำกว่า 900,000 คน
ททท.
เดินหน้าส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนามด้วย 5 Must Do
in Thailand นำเสนอการเดินทางท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ทั้งระบบรถ ราง
หรือเรือ โดยการเปิดเส้นทางการบินใหม่ร่วมมือกับพันธมิตร อย่าง
สายการบินแอร์เอเชีย เมื่อกรกฎาคมปีนี้ เปิดบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ - ไฮฟอง 4 เที่ยว/สัปดาห์ (จันทร์ พุธ ศุกร์
อาทิตย์) รวมถึงได้จัดเฉลิมฉลองครบ 50
ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–เวียดนาม ปี 2569
พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้นักท่องเที่ยวเวียดนามเดินทางมาไทย500 คน
พิธีเปิด ITE HCMC 2025 มีนาย Mai Van Chinh รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามเป็นประธาน พร้อมด้วยตัวแทนไทยนำโดย
นางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย นางสาววีรกา มุทิตาภรณ์ กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. พร้อมติดตามงานสัมมนา High Level Tourism Forum หัวข้อ Shaping
the Future of Tourism: Embracing Digital and Green
Transformation” จากผู้บริหารระดับสูงนานาประเทศ โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศอาเซียน
นางสาวฐาปนีย์
กล่าวว่าได้ร่วมหารือกับนาย Phyo Zaw Soe รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว
เมียนมา เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน
แล้วการเข้าร่วม ITE HCMC 2025 ททท.
ได้เชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 6 ราย มีบริษัทนำเที่ยว โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวสวนสนุกและเอนเตอร์เทนเมนท์ คือ โรงแรมเมเปิล โรงแรมเออร์บานา
หลังสวน กรุงเทพฯ, บริษัท ลาร์ค ฮอลิเดย์ส จำกัด เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี บริษัท ภูเก็ต เจ็ท
ทัวร์ จำกัด และ โรงแรม SAii โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ต ไทยแลนด์ และ สันติบุรี เกาะสมุย โฮเทล แอนด์
รีสอร์ท สุราษฎร์ธานี ร่วมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (B2B)
และการขายตรงกับนักท่องเที่ยว (B2C)
ททท.ได้จัดกิจกรรมถ่ายทอดเสน่ห์วัฒนธรรมไทยให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสใกล้ชิด
เช่น การสาธิตงานศิลป์จากผ้าลายอย่างเมืองเพชรบุรี
ได้แก่ เขียนลายทองด้วยยางมะเดื่อและปิดทองคำเปลวแท้ ทำกิจกรรม
DIY ประดิษฐ์ดอกกุหลาบตูมจากผ้าลายอย่างมุมแต่งชุดไทยเพื่อสร้างประสบการณ์น่าประทับใจ
“นักท่องเที่ยวเวียดนาม”
เป็นตลาดระยะใกล้เดินทางมาไทยเติบโตต่อเนื่อง ระหว่าง 1 มกราคม – 27 สิงหาคม 2568 มาแล้วกว่า 473,645 คน
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มศักยภาพ ได้แก่ กลุ่มครอบครัว กลุ่มมิลเลนเนียล และกลุ่มไมซ์
นิยมเดินทางมาปีละ 3–4 ครั้ง
มีทัศนคติที่ดีกับการท่องเที่ยวไทย ชอบเดินทางปิดภาคเรียนช่วงมิถุนายน -สิงหาคม เลือกเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่
และภูเก็ต โดย“กระจายเดินทาง”
ไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา (เขาใหญ่) และพังงา
เพิ่มมากขึ้น ปี 2568
ตลาดเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ดังนี้
● ปัจจัยที่ 1 ศักยภาพการบินตรง มาไทย 5 เส้นทาง 6 เมือง ได้แก่ โฮจิมินห์ ฮานอย ดานัง นาตรัง
ฟูก๊วก และไฮฟอง
เข้าไทย 3 เมืองหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ตลอดปีนี้มีเที่ยวบิน 13,417
เที่ยว เฉลี่ย 1,128 เที่ยวบิน/เดือน
● ปัจจัยที่ 2 เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตต่อเนื่อง
ส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อสูงขึ้น
● ปัจจัยที่ 3 เวียดนามมีมุมมองที่ดีเห็นไทยคือ
LGBT-Friendly Destination
● ปัจจัยที่ 4 การเดินทางสะดวกสบาย ไม่ต้องใช้วีซ่า
ในกรุงเทพฯ มีระบบขนส่งเอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง
● ปัจจัยที่ 5 ไทยมีแหล่งช้อปปิ้งความหลากหลายและไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืน
คนไทยมิตรไมตรีที่ดี
ข่าวที่ 5-4บริษัทกลุ่มบางจากรับมาตรฐานISCC ยกชั้นสู่ยั่งยืนสากล
นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์
รักษาการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) นำทีมธุรกิจในเครือ บริษัท บีซีพีที จำกัด (BCPT) บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) และ บริษัท
กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL)
รับมอบการรับรองมาตรฐาน International Sustainability & Carbon
Certification (ISCC) เมื่อเร็ว ๆ
นี้ ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การขนส่ง
ตลอดจนการจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงยั่งยืน
โดยมีคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก
นางกัณฑมาศ กฤตยานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการผลิต
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจากฯ นางองค์อร เปลี่ยนรังษี
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ที่ บริษัท บีซีพีที จำกัด นายนิพนธ์
เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการ
วิศวกรรมและโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจากฯ
และกรรมการคณะผู้บริหาร บีเอสจีเอฟ และนายณัฐ ภู่อารีย์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีที จำกัด รับ ISCC จากนายธีรชัย เยาว์พฤกษ์ชัย ผู้จัดการสายธุรกิจด้านความยั่งยืน บริษัท
เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หน่วยงานให้การรับรองมาตรฐาน ISCC ที่ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง
การที่กลุ่มบริษัทบางจากได้การรับรองมาตรฐานสากล ISCC
EU, ISCC CORSIA และ ISCC Plus ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการผลิตเชื้อเพลิงยั่งยืน เช่น
น้ำมันแนฟทาชีวภาพ (Bio-naphtha) น้ำมันดีเซลยั่งยืน (HVO) และ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) รวมถึงยืนยันความพร้อมของกลุ่มบริษัทบางจากสามารถขับเคลื่อนธุรกิจเชื้อเพลิงยั่งยืนทุกประเภท
ควบคู่การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล
“ISCC
EU” เป็นมาตรฐานที่ได้การยอมรับจากสหภาพยุโรป
ในการรับรองห่วงโซ่อุปทานของ “ผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพหรือชีวมวล”
ทำเชื้อเพลิงการขนส่ง สอดคล้องกับ EU RED (Renewable Energy
Directive) และได้การยอมรับโดยคณะกรรมาธิการยุโรป
“ISCC
CORSIA” เป็นการรับรองน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนที่เข้าข่ายตามเกณฑ์กลไกชดเชยและการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อการบินระหว่างประเทศ
(CORSIA) ในโครงการการบินระหว่างประเทศและตลอดห่วงโซ่อุปทาน
โดยมีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation
Organization: ICAO) ให้การรับรอง
เพื่อแสดงถึงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และ ISCC Plus คือ
ระบบการรับรองที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานในผลิตภัณฑ์พลาสติก สารเคมี อาหาร
และเชื้อเพลิงชีวภาพ ช่วยแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการตามเป้าหมายความยั่งยืนในระดับโลกโดยสมัครใจ
ครอบคลุมตั้งแต่การใช้วัตถุดิบรีไซเคิล วัสดุหมุนเวียน
และชีวมวลที่ปลูกอย่างยั่งยืน
ข่าวที่ 6-TCEBแนะใช้MICE Winnovation4เรื่องดันไมซ์ยุคดิจิทัลโตเร็ว
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” นำเสนอผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ทั่วไทยหันมาใช้แพลตฟอร์มในโครงการ
MICE Winnovation ที่ทีเส็บสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
ช่วยเหลือผู้ประกอบการ MICE ไทยเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีครบวงจร
พร้อมติดตามเทรนด์การนำเทคโนโลยีมาใช้จริงให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจทุก ๆ
การจัดงานการไมซ์ยุคปัจจุบันต้องการมากกว่าประสบการณ์และการวางแผนที่ดี
ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไป เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การแข่งขันก็รุนแรงขึ้นด้วย
“MICE
Winnovation” ของทีเส็บพร้อมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย
เข้าถึงได้ และสามารถใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมพลังกันร่วมสร้างเศรษฐกิจชาติด้วยไมซ์โดยใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีของทีเส็บให้ครบทั้ง
4 เรื่อง ดังนี้
● เรื่องที่
1 MICE Innovation Catalog ใช้
“แพลตฟอร์มออนไลน์ศูนย์รวมนวัตกรรม” : ปลดล็อกปัญหาใหญ่ให้ผู้จัดงานที่ไม่รู้ว่ามี
Tech Solutions อะไรบ้างที่จะช่วยให้งานดีขึ้น
หรือรู้แต่ไม่รู้จะหาใครมาทำ ดังนั้นแพลตฟอร์ม MICE Innovation Catalog ได้รวบรวมผู้ให้บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เชี่ยวชาญด้าน MICE ไว้ในที่เดียว ให้ค้นหาตามความต้องการ เปรียบเทียบ และติดต่อได้โดยตรง
ไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลกระจัดกระจายอีกต่อไป
● เรื่องที่
2 MICE Innovation Catalog Techno Mart เลือกกิจกรรมสร้างโอกาสทางธุรกิจ : เมื่อการอ่านรายละเอียดออนไลน์อาจไม่เพียงพอ
“Techno Mart” จึงเป็นเวทีเปิดให้ได้พบปะกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีแบบ
Face-to-face ได้ดูการสาธิต ได้ถามคำถาม
ประเมินโซลูชันไหนเหมาะกับงานของแต่ละองค์กรจริง แล้วยังเป็นโอกาสสร้างเครือข่ายและหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่
ๆ ได้ด้วย
● เรื่องที่
3 MICE Innovation Catalog
Digital Literacy for MICE Expert / Social Pad บริการศูนย์กลางองค์ความรู้และเวิร์กช็อป
: สามารถทำเวิร์กช็อปทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมเป็นตัวกลางให้ผู้ประกอบการไมซ์และผู้ให้บริการเทคโนโลยีได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์
และสร้างพันธมิตร แล้วยังเปิดโอกาสให้ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้
● เรื่องที่
4 MICE Innovation Catalog MICE Inno-voucher ทำคูปองนวัตกรรม : ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่มีความเสี่ยง
โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ ดังนั้น “MICE Inno-voucher” คือคูปองสนับสนุนที่จะช่วยลดต้นทุนใช้เทคโซลูชั่นจาก
MICE Innovation Catalog เพื่อทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่แบบไร้กังวลเรื่องความเสี่ยงทางการเงินมากเกินไป
ทุกองค์กรเริ่มต้นพัฒนาศักยภาพการจัดงานไมซ์ได้ตั้งแต่วันนี้ที่
https://innocatalog.tceb.or.th
ช่วงที่ 2
ท่องเที่ยว –เช็คอินเที่ยวฟิน Amazing Green Fest 2025
สวนสามพราน
กันยายนนี้มีโปรแกรมดี ๆ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) มาชวนไปเช็คอินเที่ยวงาน “Amazing
Green Fest 2025” สนุกกับงานท่องเที่ยวหัวใจสีเขียว
ช้อปผลิตภัณฑ์อินทรีย ชมนิทรรศการ และสารพัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่อเนื่อง 11-14 กันยายน 2568
เวลา 09:00-17:00 น. ที่สวนสามพราน นครปฐม
นักท่องเที่ยวจะได้ร่วมประสบการณ์ตามแนวคิด
Sustainable
Tourism นำเข้ามาใช้ทุกขั้นตอนให้เป็นต้นแบบเทศกาลงานท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ
เที่ยวเทศกาล Amazing Green Fest 2025 ชม ชิม ช้อป อย่างเพลิดเพลิน เลือกเดินฟินได้ใน 8 โซนหลัก
1. Amazing Green Tourism: นำเสนอผลงานและโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของ ททท.
เช่น โครงการ Thailand Tourism Awards , Organic Tourism , STGs และ STGs STAR
2. Amazing Green Market &
Business Matching: ตลาดจำหน่ายสินค้าอินทรีย์และงานคราฟต์
เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตพบผู้บริโภคโดยตรง
พร้อมพื้นที่สำหรับจับคู่ธุรกิจเพื่อขยายเครือข่ายสังคมอินทรีย์และธุรกิจยั่งยืน
มีผู้ประกอบการกว่า 70 บูท
3. Amazing Green Stories: บอกเล่าเรื่องราวธุรกิจและกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
4. Amazing Green Taste: รวมร้านอาหารที่เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลและวัตถุดิบอินทรีย์
นำเสนอวัฒนธรรมอาหารอย่างยั่งยืน มีร้านอาหารกว่า 30 บูท
5. Amazing Green Playground: พื้นที่เรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน
ผ่านเวิร์คช็อปและกิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
6. Amazing Green Innovation: จัดแสดงนวัตกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
มีผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมกว่า 10 บูท
7. Amazing Green Workshop: เวิร์คช็อปงานฝีมือที่สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น
ใช้วัสดุจากธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
8. Amazing Sharing Space: พื้นที่แบ่งปันเรื่องราวความยั่งยืน สนับสนุนแนวคิดและมุมมองที่หลากหลาย
เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวหลังการจัดงาน
“สายตื่นรู้”
ตลอดงานมีเรื่องมากมายบนเวทีให้เกาะติดสถานการณ์ถึง 8 เสวนาที่หยิบยกเรื่องราวความยั่งยืนมาถ่ายทอดเชิงลึก
กับแนะเทคนิคแนวทางการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในสายกรีนไปด้วยกัน
เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย
เที่ยวงาน “Amazing Green Fest 2025” วันที่ 11-14 กันยายน 2568 ทุกวัน 9.00-17.00 น.ที่สวนสามพราน
อาณาจักรธรรมชาติปอดสะอาดใกล้กรุง
สุขภาพ –5
ผลไม้มีโปรตีนสูงกินได้อร่อยด้วยแถมดีต่อสุขภาพ
นักโภชนาการ
แนะนำการกินผลไม้สามารถทำได้ ด้วยการกินร่วมอาหารชนิดอื่นที่อุดมไปด้วยโปรตีนอื่นๆ
ด้วย โดยมีผลไม้ให้ “โปรตีนสูง” เทียบกับไข่หนึ่งฟองมีโปรตีน 6 กรัม แนะนำลองกินผลไม้ 5 ชนิดนี้
1.อะโวคาโด
โปรตีน 3 กรัมต่อถ้วย หั่นเป็นชิ้นเต๋าหนึ่งถ้วยมีแคลอรี 234 แคลอรี
สามารถใส่อะโวคาโดลงในขนมปังปิ้ง สลัด และสมูทตี้ หรือจะผสมลงในซอสครีมก็ได้
2.เสาวรส
โปรตีน 5.2 กรัมต่อถ้วยเสาวรสหั่นครึ่ง มีไฟเบอร์ 24.5 กรัม/ถ้วย คิดเป็น 88% ปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับต่อวัน ทำให้เสาวรสเป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นเยี่ยม
3.ฝรั่ง โปรตีน 4.2 กรัมต่อถ้วย เป็นแหล่งโปรตีนสูงที่สุดในบรรดาผลไม้มีไฟเบอร์ทั้งหมด
9 กรัม/ถ้วย คิด 1 ใน 3 ของปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน มีงานวิจัยบอกถึงความเกี่ยวข้องกับการลดความดันโลหิตสูง
หรือกลุ่มผู้ที่มีโรคเบาหวานประเภท 2 กลุ่มอาการเมตาบอลิก
4.กล้วย
โปรตีน 1.5 กรัมต่อกล้วยขนาดใหญ่ 1 ลูก มีคุณค่าทางโภชนาการ 3.5 กรัม/ผล
วิตามินบีและซี รวมถึงแร่ธาตุทองแดงและโพแทสเซียม
5.ขนุน มีโปรตีน 2.8 กรัม/ถ้วย
เมื่อหั่นเป็นชิ้น โปรตีนในอาหารไม่เข้มข้นเท่าโปรตีนจากไก่ 3 กรัม/ถ้วย
เนื้อกไก่จะมีโปรตีน 35 กรัม/ถ้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–เวียตเจ็ทไทยแลนด์ฉลอง 9ปี แจกโปรตั๋วบิน 9 บาท/เที่ยว
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า เตรียมจัดงานฉลองเวียตเจ็ท
ไทยแลนด์ ครบรอบ 9 ปี วันที่ 6 – 7 กันยายน
2568 เวลา 10.00 – 20.00 น. ชั้น M
ศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ กรุงเทพฯ ในธีม “New Skies, Fly
Beyond” เปิดฟรีให้นักท่องเที่ยว ผู้โดยสาร และสมาชิกสายการบิน
ร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จและสัมผัสประสบการณ์ความสนุก ชมการแสดงสุดพิเศษ
โปรโมชั่นบัตรโดยสารสุดคุ้ม และกิจกรรมอีกมากมาย
พลอากาศเอกมนัท
ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และ วีนา – ปวีนา ซิงห์
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2025 และ
มิสเวียตเจ็ทฟลายกรีน คนแรกของสายการบินฯ ให้เกียรติเปิดงาน โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้เพลิดเพลินกับการแสดงสุดพิเศษมากมาย
โดยมีไฮไลท์ “มินิคอนเสิร์ต” วันที่ 7 กันยายน 2568 จาก “เจมิไนน์” ศิลปินหนุ่มฮอตจากสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กับพิธีกรชื่อดัง
“โอปอล์” ปาณิสรา อารยะสกุล จะมาสร้างสีสันและความสนุกสนานตลอดงาน
พิเศษ !! “โปรโมชั่นตั๋วโดยสารสุดคุ้ม” ภายในงานตลอดสองวัน พบกับตั๋วบินราคาเริ่มต้นเพียง 9 บาท (ราคาไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียม) เฉพาะในงานเท่านั้น
และชมบูธกิจกรรมกับของรางวัลจากพันธมิตรมากมาย บูธบริการเสริมขายผลิตภัณฑ์ของเวียตเจ็ทไทยแลนด์
ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ทุกคนอย่างสะดวกสบาย
นายวรเนติ กล่าวว่า 9 ปีแห่งความสำเร็จเริ่มให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ในไทยเมื่อกันยายน
2559 ด้วยฝูงบินเพียง 3 ลำ
ปัจจุบันเติบโตขึ้นอย่างมาก ให้บริการผู้โดยสารชาวไทยและต่างชาติรวมแล้วกว่า 35
ล้านคน ด้วยเครือข่ายเส้นทางบินในประเทศ 11 เส้นทาง
ระหว่างประเทศ 21 เส้นทาง นับจากนี้เป็นต้นไปเวียตเจ็ทยังคงยืนหยัดให้บริการตามค่านิยมหลัก
เน้นความสนุกสนาน เป็นมิตร ปลอดภัย ตรงต่อเวลา ราคาบัตรโดยสารเข้าถึงได้
ข่าวที่สอง –กรมท่องเที่ยวเปิดมาตรฐาน Thailand
Green Tourism Plan 2030
นางสาวนัทรียา
ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานเปิด “Thailand
Green Tourism Plan 2030” ภายใต้แนวคิด “Igniting the Path
to Global Green Success”
โครงการของกรมการท่องเที่ยวที่จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อน
“การท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน”
ตามกรอบการพัฒนาประเทศและเป้าหมายสากลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พร้อมเปิดตัวตราสัญลักษณ์ “มาตรฐานความยั่งยืน”
ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้ระดับสากลยอมรับ
นำธุรกิจสร้างความสำเร็จในระยะยาว
โครงการนี้ร่วมมือกัน
4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ 1.กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เจ้าภาพหลัก 2.วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
เป็นศูนย์ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืนประเทศไทย (STAC Thailand) ผู้พัฒนาองค์ความรู้ร่วมกับ 3.Green
Destinations Foundation องค์กรสากลด้านมาตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืน และ 4.Travelife for Tour Operators องค์กรสากลด้านมาตรฐานยั่งยืนในธุรกิจทัวร์ พันธมิตรอีก 49 หน่วยงาน (Committed
Partner) จากภาครัฐ ภาคการศึกษาและเอกชน
ที่มีเป้าหมายเดียวกันที่จะวางบทบาทหน้าที่ภายใต้สังกัดของตนสู่เป้าหมายในภาวะเร่งด่วน
เพื่อสร้างพลังการทำงานร่วมกันมากขึ้น
นายจาตุรนต์
ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า เดินหน้าดำเนินแผน Thailand
Green Tourism Plan 2030
ให้เกิดเป็นรูปธรรมด้วยการกำหนดกิจกรรมสำคัญหลายด้าน ด้วยการเปิดรับสมัคร “Thailand
Green Coach” ทำหน้าที่เป็น 'พี่เลี้ยง'
ให้คำปรึกษาและสนับสนุนแก่สถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวให้เข้าใจและสามารถพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เดือนตุลาคม 2568” จะจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Road
show) 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค
ได้แก่ ฉะเชิงเทรา เชียงราย นครศรีธรรมราช และนครราชสีมา
เปิดโอกาสให้พี่เลี้ยงระดับภูมิภาคได้เชิญแหล่งท่องเที่ยวและผู้ประกอบการมาร่วมมือกัน
เรียนรู้และฝึกการประเมินตนเอง พร้อมกับรายงานผลจากการพัฒนาตัวชี้วัดมาตรฐานยั่งยืนลงระบบออกแบบแสดงสถานะความยั่งยืนในระดับประเทศจากการประเมินตนเองต่อยอดสู่เป้าหมายเข้าสู่มาตรฐานยั่งยืนระดับสากล
และรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อยกระดับแหล่งท่องเที่ยวและธุรกิจต่อไป
“การเตรียมความพร้อม”
ครั้งนี้มุ่งให้ได้รับรองมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากลและโอกาสเข้าร่วมชิงรางวัล Top 100 Green Destinations และ Good Travel
Stories Competition กรมการท่องเที่ยวตั้งเป้าปี 2568 จะส่งแหล่งท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเข้าประกวด 30 ราย
และจะมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานความยั่งยืนให้ผู้ผ่านการคัดเลือก
เพื่อรับรองและสร้างความมั่นใจให้คู่ค้าและนักท่องเที่ยวทั่วโลก
สร้างรายได้และเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว
“เปิดตัว
Thailand Good Travel” ภายในครั้งนี้ได้เปิด
“ตราสัญลักษณ์มาตรฐานความยั่งยืนของประเทศไทย” เทียบเท่ามาตรฐานสากล
พัฒนาให้เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพ แหล่งท่องเที่ยว ชุมชนท่องเที่ยว
สถานประกอบการที่พักขนาดเล็ก (ไม่เกิน 50 ห้อง) และธุรกิจนำเที่ยว
ที่ดำเนินงานตามเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจอย่างสมดุล
โดยกลไกนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ คู่ค้าและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
เมื่อเลือกการเดินทางในไทยเป็นไปอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
รวมถึงเป็นเครื่องมือสำคัญเชื่อมโยงมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยเข้ากับสากล
ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น