วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

ททท.รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย-ปี58แจ้งเกิด 10ชุมชนดาวรุ่งวิถีไทย



ททท.“รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย”ปี’58

20ปีจัดยิ่งใหญ่แจ้งเกิด "ชุมชนดาวรุ่ง"วิถีไทย

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
(เจ้าของรายการ รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา11.00-12.00 น.และนักเขียนอิสระสื่อสิ่งพิมพ์ และโซเชียลมีเดีย www.facebook.com/penroong www.googleplus.com/penroong)

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับผลงานความยิ่งใหญ่ในรอบ 20 ปี การจัดงานประกาศ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครั้งที่ 10 ประจำปี 2558  โดยมีผลงานท่องเที่ยวสาขาต่างๆ จากทั่วประเทศผ่านมาตรฐานเข้ารับรางวัลมากที่สุดถึง 117 รางวัล จาก 5 ประเภทรางวัล รวมทั้งรางวัลเกียรติยศ Hall of Fame แห่งวงการท่องเที่ยว

ผลงานของทุกรางวัล ททท.ถือเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยตอกย้ำถึงมาตรฐานของผู้ประกอบการไทย ได้มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพครอบคลุมครบทุกเรื่องทั้งทางด้าน สถานที่ท่องเที่ยว การให้บริการ ประสิทธิภาพคุณภาพของบุคลากรในอาชีพ และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม อันเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวพร้อมที่จะรองรับตลาดในและต่างประเทศ  ขานรับนโยบาย ปีท่องเที่ยววิถีไทยของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท.
 

“ศุกรีย์ สิทธิวนิช” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อธิบายว่า การจัดงานมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 10 ประจำปี 2558 ในวันที่ 27 กันยายน 2558 ททท.ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 ปีนี้นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการเปิดงาน และภายในงาน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  รวมทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศจะแสดงพลังใช้จุดเด่นที่เป็นประโยชน์จากผลงานที่ได้รับรางวัลช่วยกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศตั้งแต่ฐานรากระดับชุมชนขึ้นไปจนถึงระดับประเทศเติบโตไปพร้อม ๆ กัน อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน นำไทยเป็นประเทศผู้นำการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวต้อนรับการประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปลายปีนี้ได้อย่างสง่างาม
ประวัติ "รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย" เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 2539
 
             ปี 2558 มีผลงานจากทั่วประเทศได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้ารับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จาก ททท. จำนวน 117 รางวัล จาก 5 ประเภทรางวัล รวมทั้ง Hall of Fame  ประกอบด้วย 1.รางวัลประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว จำนวน 14 รางวัล 2.รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว 44 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลยอดเยี่ยม 13 รางวัล รางวัลดีเด่น 31 รางวัล

3.รางวัลประเภทที่พักนักท่องเที่ยว รางวัลยอดเยี่ยม 7 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลดีเด่น 8 รางวัล 4.รางวัลประเภทท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แบ่งเป็น รางวัลยอดเยี่ยม 9 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลดีเด่น 10 รางวัล  5.รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว แบ่งเป็น รางวัลยอดเยี่ยม 6 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลดีเด่น 12 รางวัล
 

สำหรับ รางวัล Hall of Fame เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศสำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยอดเยี่ยมติดต่อกัน 3 ปีซ้อนก็จะได้รับรางวัลดังกล่าวไป ปี 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 7 รางวัล

รองผู้ว่าการด้านสื่อสาร ททท.เล่าถึงที่มาการจัดโครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 20 นั้น เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 2539 ถือเป็นกลยุทธ์การเปิดช่องทางสำคัญทางด้านพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกสาขาครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านแรก เป็นมาตรการเชิงบวกที่จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างความมั่นใจและเพิ่มความน่าเชื่อให้การท่องเที่ยวไทยเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านที่สอง เป็นเครื่องมือสำคัญการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน และ ด้านที่สาม เป็นเครื่องหมายรับประกันการท่องเที่ยวระดับโลกได้

ประการสำคัญตั้งแต่ต้นปี 2558 รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศนโยบายปีท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งโครงการมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยของ ททท.สามารถช่วยขยายผลความสำเร็จทางด้านการสนับสนุนสถานประกอบการแต่ละประเภทตามชุมชนและส่งเสริมวิถีไทยทั่วประเทศที่ได้รับรางวัลทุกประเภทให้เข้มแข็งได้ อีกทั้งรางวัลดังกล่าวยังเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงมาตรฐานการให้บริการและความพร้อมของสถานที่ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งตลาดคนไทยและนานาประเทศ ซึ่ง ททท.วางแผนนำผลงานที่ได้รับรางวัลไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การตลาดต่อเนื่องทุกปีในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยซึ่งจัดประจำทุกปีเป็นงานใหญ่การซื้อขายท่องเที่ยวภายในประเทศ  และในงานท่องเที่ยวรายการใหญ่ในต่างประเทศซึ่งได้รับความนิยมมีผู้กลุ่มผู้ประกอบการจากทั่วโลกจำนวนมากเข้าร่วมงาน

“ส่วนผลงานที่ได้รับรางวัลจำนวนมากที่สุดถึง 44 ผลงาน ในปี 2558 คือ รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยว สามารถเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการที่มีความมุ่งมั่นและสนใจเสนอผลงานครั้งต่อไปใช้ศึกษา เรียนรู้นำไปพัฒนา ปรับปรุง สร้างมาตรฐานสถานประกอบการของตนเองให้มีความพร้อมการเข้าสู่เวทีระดับประเทศและนานาชาติ  โดยเฉพาะ ประเภทรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยอดเยี่ยม 13 ผลงาน และ ประเภทรางวัลแหล่งท่องเที่ยวดีเด่น 31 ผลงาน ปีนี้น่ายินดีอย่างมาก เนื่องจากมีผลงานจากทาง ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มใหม่ได้รับรางวัลเพิ่มมากขึ้นตามมาตรฐาน แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและเชิงนิเวศน์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งท่องเที่ยวชุมชน แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งนันทนาการ  เป็นสัญญาณที่ดีกับอนาคตของชุมชนทุกแห่งที่จะใช้เป็นแม่เหล็กขยายรายได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตร่วมกับทุกภาคส่วนได้อย่างเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป”

สำหรับวันที่ 27 กันยายน 2558 ตรงกับวันสำคัญเป็น วันท่องเที่ยวโลก ททท.จึงกำหนดจัดพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 10  และภายในงานยังได้ผนวกจัดกิจกรรมการวางแนวนโยบายและแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. รวมถึงการเชิญชวนผู้ประกอบการรับรู้ข้อมูลที่น่าสนใจจากกูรูในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 3 เรื่องหลัก

เรื่องแรก การนำเสนอแนวคิดเชิงสร้างสรรค์กับนวัตกรรมการท่องเที่ยวโดยคุณกิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานบริหารด้านสร้างสรรค์กลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท Y&R ประเทศไทย เรื่องที่สอง โอกาสทางการตลาดสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวโดยคุณนราธิป อ่ำเที่ยงตรง วิทยากรและที่ปรึกษาด้านการตลาดและการบริหารองค์กรภาครัฐและเอกชน เรื่องที่สาม จุดประกายความคิดสู่ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จะสะท้อนความหลากหลายของมุมมองและแนวคิดจากถึง 5 ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ประกอบด้วย คุณนราธิป อ่ำเที่ยงตรง คุณพึงจิต ศิริชัยวัฒน์ Business Development Director ฟาร์มโชคชัย คุณวริสร รักษ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมชุมพรคาบาน่า ดร.ศราวุฒิ ศรีศกุน ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนซ์ซาฟารี คุณนันทพงศ์ นาคฤทธิ์ ประธานวิสาหกิจเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชนอ่าวลึก จังหวัดกระบี่

สำหรับความยิ่งใหญ่ของ “รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” ที่ ททท.บุกเบิกพัฒนามาตลอด 2 ทศวรรษนั้น นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นสร้างความสำเร็จด้วย “สัญลักษณ์มาตรฐานท่องเที่ยวไทย” พร้อมก้าวไกลสู่เวทีโลกไปด้วยกัน

               
10 ชุมชนดาวรุ่งวิถีไทยขึ้นเวทีคว้ารางวัลกินรี

สำหรับ "รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย" ครั้งที่ 10 ประจำปี 2558 มีกลุ่มดาวรุ่ง 10 ผลงาน ซึ่งส่งรายชื่อสถานที่เข้าประกวดชิงรางวัลปีแรกก็ผ่านฉลุยได้รับการคัดเลือกเข้ารับรางวัลประเภท “แหล่งท่องเที่ยว”แยกเป็น แหล่งท่องเที่ยวยอดเยี่ยม และ แหล่งท่องเที่ยวดีเด่น โดยแบ่งหมวดดังนี้
ถ้ำเล สเตโกดอน จ.สตูล
 

“แหล่งชุมชนที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม” ได้แก่ 1.ชุมชนคนรักษ์สุขภาพไร่กองขิง จ.เชียงใหม่ มีความโดดเด่นในฐานะชุมชนที่ร่วมกันฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่นขึ้นมาเป็นผลสำเร็จและยังนำภูมิปัญญาความรู้วิธีใช้สมุนไพรในท้องถิ่นมานำเสนอในการดูแลสุขภาพ “แหล่งชุมชนที่ได้รับรางวัลดีเด่น” ได้แก่ 2.กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน เป็นชุมชนที่มีครูบาของชาวพุทธ ที่รักษาวัฒนธรรม รักษาวิถีชีวิตการทำผ้าย้อมผ้าทอ และกรรมวิธีทำเครื่องเงิน ไว้ให้นักท่องเที่ยวชม 3.กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนห้วยตองก๊อ จ.แม่ฮ่องสอน โดดเด่นด้านวิถีชาวกระเหรี่ยง การทำนาขั้นบันได  4.ชุมชนอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยรามัญ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี อนุรักษ์ประเพณีชาวมอญดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี

แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รับรางวัลดีเด่น ได้แก่ 5.สวนสะละลุงถัน จ.พัทลุง ดินแดนแห่งเกษตรอินทรีย์ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม 6.หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงบ้านทอน-อม จ.ชุมพร รายล้อมด้วยสวนเกษตร ปลูกพืช ผัก ผลไม้ ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงดูชุมชน

แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเชิงนิเวศน์ ได้รับรางวัลดีเด่น7.ถ้ำเล สเตโกดอน จ.สตูล อาณาจักรแห่งดินงอกหินย้อย ภายในถ้ำมีซากช้างดึกดำบรรพ์ “สเตโกดอน” เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศ

แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม 8.อนุสรณ์สถานแห่งความทรงจำเขาช่องขาด จ.กาญจนบุรี พื้นที่ย้อนภาพความทรงจำสมัยสงครามเอเชียบูรพา ซึ่งใช้แรงงานระเบิดช่องเขาผ่านเป็นเส้นทางทัพ ปัจจุบันได้จัดทำเป็น “พิพิธภัณฑ์” ที่ได้นักจัดการชาวออสเตรเลียมาช่วยออกแบบวิธีบริหารจัดการ เพื่อทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชีวิตโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเล่าเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ

แหล่งท่องเที่ยวนันทนาการ ได้รับรางวัลดีเด่น 9.Thai Elephant Home จ.เชียงใหม่ มีความโดดเด่นเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่ชาวบ้านจัดรูปแบบโดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถมีประสบการณ์ร่วมแบบธรรมชาติระหว่างชีวิตคนกับช้างเลี้ยง 10.Flying Hanuman  จ.ภูเก็ต ได้ดัดแปลงสวนสมรม และทัศนียภาพอันงดงามให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกึ่งผจญภัยห้อยโหนตัวลอยอยู่เหนือธรรมชาตินั่นเอง

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ททท.ตั้งแล้ว 3 รองผู้ว่าคนใหม่เริ่มงาน 1 ต.ค.58

ททท.-บอร์ดอนุมัติตั้งแล้ว3รองผู้ว่าฯมีผล1ต.ค.58
“ศรีสุดาคุมเอเชีย-สุจิตราคุมในประเทศ-วิษณุคุมสินค้า”
ผู้ว่าชูนโยบายใหม่ททท.ทั่วโลกแจ้งตัวเลขทุกเดือน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน (เจ้าของรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ติดตามอ่านเรื่องเพิ่มเติมทางบล็อกเกอร์ gurutourza.blogspot.com , www.googleplus.com/penroong)
(ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ)

บอร์ด ททท.อนุมัติตั้ง 3 รองผู้ว่าการคนใหม่ “ศรีสุดา-รองตลาดเอเชียและแปซิฟิก-สุจิตรา/รองผู้ว่าด้านตลาดในประเทศ-วิษณุ/รองผู้ว่าด้านสินค้าท่องเที่ยว-จรัญ ที่ปรึกษา10” ขณะที่ “ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์” หลังกลับจากญี่ปุ่นเปิดนโยบายใหม่แต่ละปีต้องเพิ่มส่วนแบ่งทัวร์แดนปลาดิบเข้าไทยให้ได้ 10 % ของเอาท์บาวนด์ และขยายผล ททท.ทั่วโลกรายงานสถานการณ์ต่อเนื่องทุกเดือน
การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 มีมติอนุมัติการแต่งตั้ง 3 รองผู้ว่าการ ททท.และ 1 ที่ปรึกษา ททท. เรียบร้อยแล้ว จะมีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1.นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รับตำแหน่งรองผู้ว่าการ ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ 2.นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รับตำแหน่งรองผู้ว่าด้านตลาดในประเทศ 3.นายวิษณุ เจริญศิลป์ รับตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว และ  4.นายจรัญ อ้นมี รับตำแหน่งที่ปรึกษา 10
นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์


สุจิตรา จงชาณสิทโธ

วิษณุ เจริญศิลป์ 


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยว่า “gurutourza.blogspot.com” ว่าวันที่ 25 กันยายน 2558 นอกจากการเสนอพิจารณาแต่งตั้งรองผู้ว่าการ 3 คน เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไปแล้ว ยังได้เสนอบอร์ดอนุมัติแผนอีก 2 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย เรื่องแรก กรอบการดำเนินงานแผนวิสาหกิจระยะยาว 5 ปี ระหว่าง พ.ศ.2560-2564 เรื่องที่ 2 กรอบการจัดทำแผนปฏิบัติการท่องเที่ยวปี 2559 ซึ่งทั้งสองเรื่องบอร์ดเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว อนุมัติให้ ททท.เดินหน้าขับเคลื่อน “ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ” โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลท่องเที่ยววันธรรมดากับวันหยุด และ การกระจายพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรองและเมืองย่อยเชื่อมโยงจุดขายให้ได้มากที่สุด ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” เน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่พร้อมจะก้าวไปสู่จุดเปลี่ยนใหม่ จากการเพิ่มตลาดคุณภาพนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าสู่การเพิ่มความเข้มข้นจุดขายเน้นสร้างประสบการณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามใช้ในระบบการจัดการเพื่อให้ผู้ใช้บริการท่องเที่ยวเข้าถึงข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวทุกพื้นที่
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่าในการเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558  โดยมีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้นำคณะพร้อมทั้งเข้าร่วมงาน JATA Tourism Expo Japan 2015 งานท่องเที่ยวรายการใหญ่แห่งเอเชีย ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีที่ญี่ปุ่นนั้น ในวันที่ 24 กันยายน 2558 ตนเองในฐานะผู้ว่าการ ททท.มีโอกาสร่วมพบปะกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำของญี่ปุ่น 12 ราย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำความเข้าใจถึงแนวนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มข้นทางด้านมาตรการความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและทุกคน ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนในญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น รวมถึงครั้งนี้ ผู้ว่าการ ททท.ได้เปิดมิติใหม่โดยนำนักธุรกิจญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยไปพูดให้ชาวญี่ปุ่นด้วยกันรับฟังถึงข้อมูลจริงโดยตรง ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เคยใช้แล้วได้ประโยชน์ในทางที่ดีต่อประเทศ
สำหรับนางกอบกาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขอความร่วมมือจากญี่ปุ่นและสำนักงาน ททท.ประจำประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกันให้ส่งเสริมการขยายฐานตลาดนักเดินทางกลุ่มกีฬา โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอนชาวญี่ปุ่นมีจำนวนมากถึง 20 ล้านคน
ขณะที่นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการ ททท.ได้ให้นโยบายเพิ่มเติมกับ ผู้อำนวยการและทีมงาน ททท.สำนักงานประจำเมืองต่าง ๆ ในญี่ปุ่น สร้างช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดญี่ปุ่นที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศให้ได้ 10 % ของแต่ละปี จากสถิติปี 2557 ญี่ปุ่นไปเที่ยวต่างประเทศ 17.5 ล้านคน มาเที่ยวเมืองไทย 1.2 ล้านคน ซึ่งควรจะทำให้ได้ถึง 1.75 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มที่ควรจะเจาะเพิ่มให้ได้มากที่สุดคือกลุ่มสตรีญี่ปุ่น
รวมไปถึงผู้ว่าการ ททท.ได้ให้นโยบายใหม่ส่งไปถึงยัง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานต่างประเทศทั่วโลก ให้จัดทำรายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวตัวเลขนักท่องเที่ยวต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อระดมแนวคิดช่วยกันวางกลยุทธ์เชิงรุกและรับทางการตลาดร่วมกับภาคส่วนอื่น  ๆ ได้ทันท่วงทีในทุกเหตุการณ์


วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

ททท.งัด5สินค้ารุกตลาดคุณภาพทั่วโลก



 ททท.โชว์5แม่เหล็กท่องเที่ยวคุณภาพปี’59

เศรษฐีต่างชาติแห่ทัวร์“ทำสวย-ยืดอายุ”ในไทย

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน :rakdeethai@gmail.com
(เจ้าของรายการ "รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย FM97.0 MHz.ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น. และโซเชียลมีเดีย www.facebook.com/penroong, www.googleplus.com/penroong และ คอลัมนิสต์อิสระสื่อสิ่งพิมพ์)
 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เริ่มก้าวสู่เป้าหมายใหม่ตามแผนปี 2559  ด้วยกลยุทธ์“การเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ” คิดค้นสินค้ากระตุ้นการใช้จ่ายเงินให้ได้สูงขึ้น เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมจากการจัดงานใหญ่ “Thailand Health & Wellness Showcase 2015” มีประเทศดาวรุ่งกลุ่มตลาดใหม่ ๆ  ที่นิยมบริการใช้นวัตกรรมสุขภาพในไทย 5 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว ช่วยตอกย้ำอนาคตการทำตลาดคุณภาพของ ททท.ได้เป็นอย่างดี
จุฑาพร เริงรณอาษา” รองผู้ว่าการตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท.
กับทีมงานและผู้ประกอบการเฮลท์แอนด์เวลเนสของไทย
 

“จุฑาพร เริงรณอาษา” รองผู้ว่าการตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา  ททท. อธิบายถึงกลยุทธ์เพิ่มรายได้จากตลาดกลุ่มคุณภาพว่า ททท.สำนักงานทั่วโลกเร่งเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้นเพื่อนำกลุ่มลูกค้าที่พร้อมเข้ามาใช้จ่ายเงินสูงสนับสนุนนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2559 โดยตั้งเป้านำเสนอสินค้าซึ่งเป็นจุดขายระดับแถวหน้าของประเทศ 5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย กอล์ฟ แต่งงานและฮันนีมูน การท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวสไตล์หรูหรา (Luxury) และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพครบวงจร (Health&Wellness)

 ล่าสุดเมื่อ 14-17 กันยายน 2558 ททท.ได้ใช้ศักยภาพของประเทศซึ่งเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพครบวงจร จัดงาน Thailand Health & Wellness Showcase 2015 นำคู่ค้าจาก 20 ประเทศ เข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการชั้นนำของไทยซึ่งมีนวัตกรรมสมัยใหม่ พร้อมพาทุกประเทศลงสำรวจมาตรฐานสถานที่และบริการใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา (ชลบุรี) ตอกย้ำความพร้อมรองรับตลาดมหาเศรษฐีทั่วโลกที่ชื่นชอบเดินทางมารับบริการในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี สถิติล่าสุดเมื่อปี 2557 ไทยมีรายได้จากบริการสุขภาพรวมกว่า 100,000 ล้านบาท มีผู้ใช้บริการเพิ่มเท่าตัวจากปี 2556 มีแค่ 1.5 ล้านคน ปี 2557เพิ่มเป็น 3 ล้านคน    

ภายในงาน Thailand Health & Wellness Showcase 2015  ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานต่างประเทศได้นำผู้ประกอบการนานาชาติเข้าร่วมเจรจาและทดลองใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ ของวงการแพทย์เมืองไทย ภายใต้ธีม “ Anti-aging the next big thing in Health & Wellness Tourism
รุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานซิดนีย์
 

“รุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานซิดนีย์ ดูแลตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เล่าถึงอนาคตอันสดใสของตลาดคุณภาพจากทั้งสองประเทศตอนนี้กำลังมาแรงมากนิยมมาไทยเพื่อใช้บริการด้านสุขภาพครบวงจร แต่ละคนจะเดินทางเข้ามาทำศัลยกรรมความงาม ยกกระชับหน้า ชะลอวัย ครอบฟัน และตรวจสุขภาพอื่น ๆ ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 75,000-100,000 บาท/ครั้ง (30,000-40,000 เหรียญออสเตรเลีย) ระยะเวลาพักประมาณครั้งละ 1 เดือน/คน/ทริป ระหว่างรอผลตรวจก็จะเดินทางไปพักผ่อนและช็อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง สถานที่บริการสุขภาพและท่องเที่ยวที่ชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นิยมมักอยู่ในกรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งมีสถานประกอบการ โรงพยาบาล ได้รับความเชื่อถือสูง

รวมทั้งในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจออสเตรเลียเรื่องค่าเงินเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแล้วค่าเงินลดลง ยิ่งเป็นโอกาสลูกค้าเปลี่ยนเส้นทางจากอเมริกา ยุโรป เลือกมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพราะจ่ายแล้วคุ้มค่ามากกว่า ประกอบกับออสเตรเลียเป็นศูนย์รวมของหลายชนชาติ จึงมีนักเดินทางกลุ่มคุณภาพพร้อมใช้เงินสูงนิยมท่องเที่ยวเชิงกีฬาในไทย แต่ละปีจะมาเล่นกอล์ฟ ที่หัวหิน เชียงใหม่ และมูลนิธิ HAND เตรียมนำนักปั่นจักรยานมาไทยช่วงกุมภาพันธ์ 2559 นับพันคน โดยจ่ายค่าสมัครไม่ต่ำว่าคนละ10,000 เหรียญออสเตรเลีย และ ตลาดคุณภาพอีกกลุ่มจากออสเตรเลียคือคู่แต่งงานและฮันนีมูนชื่นชอบมาจัดงานแต่งริมชายหาดมีผู้ร่วมงานครั้งละ 100 คนขึ้นไป ส่งผลให้สินค้าพรี-เวดดิ้ง สถานที่จัด อาหารและเครื่องดื่ม ทำยอดขายเติบโตตามไปด้วย

ผอ.รุจิรัศมิ์กล่าวว่าปี 2559 ขยายการขายปีท่องเที่ยววิถีไทย ช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า ทางค่ายมวยในออสเตรเลียกว่า 100 คน จะยกขบวนมาร่วมงาน “ไหว้ครูมวยไทย” ส่วน ททท.ซิดนีย์ตอนนี้เปิดเว็บไซต์ “เมืองต้องห้ามพลาด พลัส” ให้สมาชิกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) และบริษัททัวร์ออกแบบแพกเกจเที่ยวเมืองไทย 3-4 คืน เจาะขายตรงให้นักท่องเที่ยวทั่วไปในออสเตรเลีย ควบคู่กับสร้างการรับรู้แนะนำข้อมูลใหม่ ๆ สินค้าท่องเที่ยวไทยผ่านโซเชียล มีเดีย ทุกช่องทาง

ทั้งนี้ ททท.วางเป้าหมายปี 2559 จะทำรายได้จากตลาดออสเตรเลีย 66,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.32 % ตลาดนิวซีแลนด์ 71,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.72 %
 

“จุฑาทิพย์ เจริญลาภ” ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานโฮจิมินห์ ดูแล เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว เล่าว่า กลุ่มนักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ และผู้สูงวัย จากทั้ง 3 ประเทศ นิยมนำเงินเข้ามารับบริการตรวจสุขภาพและท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นปีละหลายเท่า ด้วยความเชื่อมั่นในโรงพยาบาลและสถานประกอบการไทยมีมาตรฐานคุณภาพและคุ้มค่าเงิน วิธีกระตุ้นตลาดดังกล่าวขั้นแรกจะโหมทำประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ข้อมูลทางด้านผลิตภัณฑ์และสถานที่ให้บริการความสวยงาม โดยแปลเป็นภาษาของแต่ละประเทศ อัพเดทข้อมูลสม่ำเสมอตลอดทั้งปี

และเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ต้นปีหน้าเรื่องสำคัญของไทยคือ “โอกาสการเพิ่มรายได้” จะยิ่งมากขึ้น แนวโน้มสถานประกอบการ โรงพยายบาลในภาคอีสานต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งสามารถเดินทางรถยนต์สะดวกสบายเข้าถึงทุกแห่ง อย่างชาวเวียดนามชอบมาใช้ปรึกษาแพทย์ในไทยโปรแกรมยอดฮิตที่สุดคือแก้ปัญหาภาวะการมีบุตรยาก (fertility) ความสวยความงาม เทรนด์ดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย ฐานลูกค้ากลุ่มนี้มีมหาศาลและพร้อมจ่ายเงินสูง ขณะที่ตลาดกัมพูชา และ สปป.ลาว กลุ่มไฮเอนด์ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจและชาวต่างชาติที่เข้าไปพำนักอยู่ ล้วนมาใช้บริการตรวจสุขภาพ ชะลอวัย และความงาม ในไทยแทบทั้งสิ้น

“ลู เยือง ถิน เหวิ่น” ผู้จัดการ บริษัท ตั๊นข่าย จำกัด เวียดนาม ระบุว่าสตรีเวียดนามที่มีครอบครัวฐานะดีนิยมมาไทยเพื่อปรึกษาแพทย์เรื่องการเทคโนโลยีทำให้มีบุตรได้ง่ายขึ้นหรือขอทำเด็กหลอดแก้ว พร้อมจ่ายได้ตลอดโปรแกรมการตรวจ 5-7 วัน เฉลี่ย 17,000-18,000 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ครั้ง แต่ละปีจะมาใช้บริการปรึกษาหลายครั้งเพราะครั้งเดียวอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในการมีบุตรได้ และระหว่างรอผลการตรวจจะเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ พัทยา

“จันทะลี จันทะลาวัน” ผู้อำนวยการ บริษัท จอย แทรเวล จำกัด สปป.ลาว กล่าวว่า เป็นบริษัทนำนักท่องเที่ยวจาก สปป.ลาวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอย่างยาวนาน ตอนนี้กระแสทัวร์สุขภาพทั้งการตรวจร่างกาย ความงาม ชะลอวัยให้ดูเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นโปรแกรมทำยอดขายได้มากเป็นอันดับต้น ๆ  โดยจะมีทั้งชาวลาวและต่างชาติในลาวเลือกมาไทย ถ้าเป็นนักธุรกิจจะมาใช้บริการตรวจตามโรงพยาบาลดัง ๆ ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ส่วนผู้สูงวัยที่มาตรวจรักษา กลุ่มวัยรุ่นสนใจทำศัลยกรรมความงาม โดยจะเลือกใช้โรงพยาบาลในภาคอีสานของไทย  2 จังหวัด คือ อุดรธานี ขอนแก่น เพราะกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ส่วนแพทย์ก็มีมาตรฐานได้รับการยอมรับสูง
"คิม งอน” ผู้อำนวยการ บริษัท อาร์ทีอาร์ ทัวร์ส จำกัด กัมพูชา
 

“คิม งอน” ผู้อำนวยการ บริษัท อาร์ทีอาร์ ทัวร์ส จำกัด กัมพูชา ตอกย้ำข้อมูลตลาดกัมพูชาที่ซื้อโปรแกรมทัวร์สุขภาพผ่านบริษัทปีละประมาณ 4,000 คน มักจะนิยมมาเสริมความงาม การปรับสีผิว และ เข้าคอร์สสุขภาพ ตามคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำในเมืองท่องเที่ยวอย่าง กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ จากเดิมจะไปเกาหลีแต่ตอนนี้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่มีอนาคตดีมาก โดยจะเลือกวิธีเดินทางต่างกันไป “ทางรถไฟ-รถยนต์” มากที่สุด 70-80 % จากเวียงจันทน์ไปเชียงใหม่ 6 วัน 5 คืน จะใช้เงินคนละ 500-600 ดอลลาร์สหรัฐ/ครั้ง “ทางเครื่องบิน” จะจ่ายคนละ 700 ดอลลาร์สหรัฐ/ครั้ง ไปพัทยา 5 วัน 4 วัน ทางรถยนต์จะใช้เงินคนละ 300 เหรียญสหรัฐ/ครั้ง ทางเครื่องบินคนละ 500 เหรียญสหรัฐ/ครั้ง

                ตลอดปี 2559  ททท.จะโชว์ความเป็นมืออาชีพ นำลูกค้าเศรษฐีจากประเทศดาวรุ่งใกล้บ้านเข้ามากระจายรายได้จากสถานประกอบการขนาดใหญ่สู่ชุมชนฐานรากของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
คุณศุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ทดสอบนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยโปรแกรมตรวจสุขภาพองค์รวมที่ต่างชาตินิยมมาใช้บริการในเมืองไทย
 

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...