วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ททท.ปรับใหม่เที่ยวกรุงเทพณลฯ นนทบุรี ปทุมธานี-เทศกาลท่องเที่ยวเดือนกันยายน

ททท.ปรับผังใหม่ท่องเที่ยวกทม.-ปริมณฑลปี’61
ชูไฮเทค Ibeacon-ทัวร์วิถีนนท์-ปทุมเมืองกิจกรรม
สมาชิกคิงเพาเวอร์เฮรับสิทธิ3ช้อปส่งท้ายสิงหาฯ
เที่ยวไทยได้ไม่ยั้ง“เหนือ-ใต้-อีสาน”ตลอดก.ย.นี้
บางจากผนึกวช.นำงานวิจัยผลิตกรีนเอนเนอร์ยี่
เที่ยววันธรรมดากินข้าวมันไก่พังกี่ที่พิษณุโลก
TCEBดึงสื่อ16ชาติโหมพีอาร์3ไมซ์ซิตี้ริมชายหาด
ทัวร์ชุมชนผ้าล้านนา“หนองเงือก-บ้านไร่ใจสุข”
คนเกษียนฟัง7วิธีมีเงินไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
แบรนด์ดรีมยึดหัวหาดเปิดรีสอร์ตใหม่ในพัทยา
ไมเนอร์ผุดอวานิมัลดีฟส์แห่งแรกพร้อมเปิดปี’62
ญี่ปุ่นจัดเจแปนเอ็กซโปชิงนักเที่ยวคนไทย

สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1 นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร คนรุ่นใหม่ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการว่า จะเปลี่ยนโฉมรูปแบบการท่องเที่ยวเมืองกรุง  เข้าสู่โหมดไฮเทคด้วย iBeacon นำร่องในวัดยอดนิยม ร้านอาหาร จากนั้นก็ได้วาง “ผังใหม่” เส้นทางทัวร์ปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี
นรินทร์ ทิจะยัง
ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร

“ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง” เปิดเผยว่ารับผิดชอบดูแลตลาดการท่องเที่ยวพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ตามแผนปี 2561 เริ่มจาก “กรุงเทพมหานคร” นำธีม Urbanista ทำแคมเปญการขายวิถีคนเมือง (Urbanista นิยมนำมาใช้ทำการตลาด มีความหมายคือกลุ่มหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่มีการศึกษาที่ดีอยู่ในวัยทำงานมีศูนย์กลางการใช้ชีวิตอยู่ตามหัวเมืองใหญ่) เพราะจากผลสำรวจพบว่าคนในจังหวัดอื่นตามภูมิภาคต่าง  ๆ สนใจจะมาดูชีวิตคนเมืองในกรุงบ้างว่ามีวิถีการทำอะไรกันบ้าง

แล้วพอมาแยกรายละเอียดจะพบคุณลักษณะของวิถีคนเมือง จะประกอบด้วย 4 อย่างด้วยกัน 1.LEAN-ดูแลสุขอนามัย  2.MEAN-ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 3.CLEAN-สะอาด 4.GREEN-รักษาสิ่งแวดล้อม

อย่างเรื่องของ LEAN คนเมืองมุ่งดูแลรักษาสุขภาพ ขนาดร่างกายไม่อ้วนเกินไป ต้องไปออกกำลังกาย ทำกิจกรรม เช่น การเล่นเลเซอร์เกม แทมเบอลีน เซิร์ฟบอร์ด ปั่นจักรยานตามแหล่งท่องเที่ยว

ส่วน “MEAN” เป็นการท่องเที่ยวเพื่อค้นหาตัวเองตามวัดต่าง ๆ วิถีการนั่งวิปัสสนา เพราะการท่องเที่ยววันนี้ไม่จำกัดเฉพาะจะต้องไปยังแหล่งใหม่ ททท.จึงพยายามโปรโมตเพื่อไปแล้วค้นพบตัวเอง เจอสิ่งแวดล้อม ชุมชนพื้นที่ แล้วเกิดความเข้าใจความต้องการในชีวิตเงินอาจไม่จำเป็นมากสุดก็ได้

สำหรับ “GREEN” ความสนใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รักษาธรรมชาติ จัดกิจกรรม CSR โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวสีเขียว อาทิ ป่าในกรุง ของ ปตท.

และ “CLEAN” มุ่งเรื่องความสะอาด อย่างการเลือกรับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ ทำเวลเนสสปา เมดิคอลทั้งหลาย

ข้อมูลที่กล่าวนำมาจะนำไปสู่การทำแคมเปญและกิจกรรมของ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร ให้สอดคล้องกับมิชาลีน ไกด์ บุ๊ค แบงค์คอก ซึ่งพูดถึงเรื่องความสะอาด นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในเชิงกรีนฟู้ดในกรุงเทพฯ และประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ทั้ง 4 เรื่องจึงเป็นคอนเซ็ปต์ที่จะ ททท.จะนำมาเป็นไฮไลต์จุดขายใหม่ในกรุงเทพฯ


ส่วนการทำตลาดในแหล่งท่องเที่ยวรอบปริมณฑล เริ่มจาก “จังหวัดนนทบุรี” มุ่งเน้นขาย “วิถีเมืองนนท์ ที่คนไม่รู้” แนะนำมุมใหม่ที่คนยังไม่รู้จัก เพราะแต่ก่อนคนจะคุ้ยเคยกับเกาะเกร็ด ต่อไปจะไปค้นหาสินค้าใหม่ ๆ มาเสนอ เช่น พาเที่ยวคลองอ้อม เส้นทางขนมหวาน ช่วงเย็นเช็คอินบ้านไทยเฮาส์ หัวค่ำพายเรือล่องเจ้าพระยาในคลองอ้อมย้อนบรรยากาศเมื่อ 20-30 ปีก่อน หรือจะเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้าจะมี “ฝูงค้างคาว” คล้ายเขางูราชบุรี ที่นนทบุรีมีค้างคาวกินผลไม้ตัวเท่านิ้วโป้งบินออกมาจากสวนหรือบ้านล้างบินเลี่ยน้ำออกมาหาอาหารกิน

จากนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ตามโฮมสเตย์ในคลองอ้อม นั่งเรือล่องชมสวนทุเรียนที่คงยังเหลืออยู่ราคาลูกละนับพันบาท หรือไปดูสวนบัววิคทอเรียซึ่งคนสามารถขึ้นไปยืนบนใบบัวได้ หรือการทำกิจกรรมช่วงเช้า ตักบาตรทำบุญ เข้าไปดูภูมิปัญญาชาวบ้านอย่าง ผลิตน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งหาชมได้ในคลองอ้อมและฝั่งตัวเมือง เช่น ตลาดนกฮูก มีอาหารและของเก๋ๆ จำหน่าย โดยเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้

ขณะที่ “ปทุมธานี” จะมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม เพราะมีสนามกอล์ฟมากสุดในประเทศถึง 20 สนาม และมีกิจกรรมแปลก ๆ อย่าง เสิร์ฟบอร์ด เวลล์ เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติลากไปน้ำเล่นสนุก สถานที่ตั้งอยู่บริเวณคลอง 3 อีกทั้งยังมี สวนน้ำและอื่น ๆ อีกเพียบ

รวมถึงเป็นเมืองของปราชญ์ และมีพิพิธภัณฑ์ระดับชาติจำนวนมากตั้งอยู่ ได้แก่ “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน)” ต.คลองหนึ่ง  อ.คลองหลวง “พิพิธภัณฑ์สถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง  “หออัครศิลปิน” ต.คลองห้า อ.คลองหลวง “พิพิธภัณฑ์หินแปลก” ถนนรังสิต-ปทุม ต.บ้านกลาง อำเภอเมือง   “พิพิธภัณฑ์บัวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี” ต.คลองหก อ.ธัญบุรี ศูนย์วิทยาศาสต์เพื่อการศึกษารังสิต ต.คลองห้า อ.ธัญบุรี และอีกหลายพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ


สาเหตุที่ยกให้ “ปทุมธานี” เป็นเมืองกิจกรรมเพราะมีมหาวิทยาลัยอยู่จำนวนมาก จึงสามารถเชิญชวนกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวเจนวายกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา มาเรียนรู้หรือทำกิจกรรมในสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี

ส่วนการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ทาง ททท.กรุงเทพมหานคร นำมาใช้สอดคล้องกับสื่อทางการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ โดยทำโปรเจ็กต์ Ibeacon เป็นเครื่องมือสื่อความหมาย ซึ่งจะใช้วิธีการโหลดแอพลิเคชั่นลิงค์เข้าสู่มือถือ แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเส้นนำทางไปอยู่ในจุดที่ต้องการเทคโนโลยีนี้จะส่งผ่านข้อมูลเข้าทางบลูทูธแล้วมีคำอธิบายความหมายแต่ละจุด ถึงเนื้อหาและสำคัญของสถานที่นั้น ๆ นับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ ททท.จะนำมาใช้ ทั้งเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอื่น ๆ ต่อไป

โดยจะนำร่องทดลองทำโครงการ Ibeacon ตามสถานที่ท่องเที่ยววัดสำคัญในกรุงเทพฯ 11 วัด เส้นทางอาหารสตรีทฟู้ดย่านเยาวราช และเป็นไอเดียจะใช้เทคโนโลยีนี้ทำตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ โครงการนี้จะช่วยลดมลพิษและทัศนะที่อุจาดตานักท่องเที่ยวเหมือนในอดีตที่นำป้ายมาเขียนอธิบายแล้วทรุดโทรมหักพังเป็นซากขยะไม่สวยงาม

สำหรับการเริ่มโครงการใช้ Ibeacon ตามแหล่งท่องเที่ยวจะเริ่มเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมปี “การท่องเที่ยววิถีไทย สไตล์ลึกซึ้ง เก๋ไก๋ อย่างยั่งยืน” พ.ศ.2561 คาดหวังว่าจะโครงการดังกล่าวจะทำให้เกิดการท่องเที่ยอย่างยั่งยืน รวมทั้งทางวัดจะต้องรู้วิธีใช้งานและจัดทำเป็นโบว์ชัวร์สวย ๆ แจกนักท่องเที่ยว คืนความคุ้มค่าและเก็บบัตรเข้าชมในราคาเพิ่มขึ้นได้

นายนรินทร์ย้ำว่าการสร้างความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว เรื่องแรก ต้องกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ซื้อขายผ่านมัคคุเทศก์หรือคนกลาง จะสังเกตว่า ททท.จึงพยายามทำข้อมูลสื่อถึงนักท่องเที่ยวโดยตรง ล่าสุดกำลังทำโครงการ “Walking Bangkok” ทำเส้นทางเดินท่องเที่ยวกรุงเทพฯ 15 ชุมชน ทำแผนที่เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค และหากมีงบประมาณจะนำคอนเซ็ปต์ Ibeacon เข้าไปใช้ด้วย

เรื่องที่สอง การเพิ่มมูลค่าแหล่งท่องเที่ยวต้องทำให้มีองค์ประกอบครบ 3 อย่าง คือ 1.เนื้อเรื่องราวของแหล่ง 2.การสื่อความหมายกับนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาต้องใช้มัคคุเทศก์น้อย แต่เมื่อนำ Ibeacon เข้ามาใช้นักท่องเที่ยวที่มาเดี่ยว ๆ ก็ชมสถานที่ได้ด้วยตนเอง 3.มีกิจกรรม เพราะแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยดีอยู่แล้วรวมทั้งกรุงเทพฯ ด้วย ปัจจุบัน ททท.กรุงเทพฯ มีกิจกรรมรองรับเป็นโปรแกรมตัวอย่าง เช่น มุดดินลอยฟ้าตามแนวรถไฟฟ้า หรือให้นักท่องเที่ยวได้ดูชาวบ้านทำหัวสิงโต หัวโขน แล้วให้ลองทำ ก็จะทำให้รายได้เข้าถึงมือชุมชน เที่ยวอย่างลึกซึ้ง และได้รับประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจด้วย

การวางกลยุทธ์เพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวัน เรื่องแรก จะนำแหล่งท่องเที่ยวมาสร้างเป็นโปรดักซ์ใหม่ เน้นกลุ่มตลาดเดินทางอิสระ F.I.T.ซึ่งใช้จ่ายเงินซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ในชุมชนโดยตรง เรื่องที่ 2 เพิ่มกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่นำเงินตราต่างประเทศเข้าชุมชนมากขึ้น

ขณะนี้ ททท.กรุงเทพฯ ร่วมกับบริษัทจัดการปั่นจักรยานชั้นนำชื่อ บริษัท โคแวน คาสเซิล ทำทัวร์จักรยานในไทยมากว่า 40 ปี มีมาตรฐานตอบแทนสู่สังคมอย่างแท้จริง จึงประชุมร่วมกันเพื่อขยายเส้นทางปั่นจักรยานไปยังนนทบุรี ปทุมธานี จะเริ่มลงสำรวจภายในสิ้นเดือนสิงหาคม นี้ เพื่อนำตลาดเบลเยี่ยม ยุโรป มาปั่นจักรยานเลียบคลอง เพื่อขยายกลุ่มนักท่องเที่ยว แล้วจะทำให้เจ้าของโฮมสเตย์ชุมชนซึ่งแลกเปลี่ยนพูดคุยกันไว้แล้วให้เข้าถึงตลาดใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวปั่นจากยุโรปมีเข้ามาปีละ 30,000-40,000 คน จากนั้นยังมีแผนจะดึงชาวเอเชียเข้ามาด้วยในโอกาสต่อไป

สำหรับโปรเจ็กต์เด่น ๆ ที่ ททท.กรุงเทพมหานคร จะทำให้โดดเด่นปีงบประมาณ 2561 คือ “อาหารสตรีทฟู้ดเพื่อการท่องเที่ยว” โดยใช้แนวคิดมิชาลิน ไกด์ บุ๊ค นำร่อง แล้วทำเทศกาลจับมือพาราก้อน ดิสคัพเวอรี่ วางเส้นทางร้านอาหารเลาะแนวรถไฟฟ้า เป็น มิลเลี่ยนเฉด เพราะอาหารไทย เช่น ผัดไทยก็มีหลากหลายกรรมวิธี รวมทั้งจะทำ Wall Art กำลังตึกร้างมาวาดลวดลายซึ่งกำลังหารือกับ International Art นำศิลปินจาก 15 ประเทศ มาแข่งขันกันวาดภาพทั้งกำแพงตึกและกำลังคิดไปถึงตอหม้อขนาดใหญ่ของสะพานทางข้าม หรือบริเวณสี่แยกปทุมราชประสงค์ด้วย เพื่อแปลงโฉมกรุงเทพฯ มีมุมสวยงามเพิ่มขึ้น

คอยพบกับกรุงเทพฯ และการท่องเที่ยวรอบปริมณฑลโฉมใหม่ภายใต้การนำ “ผอ.นรินทร์ ทิจะยัง”ได้ในเร็ว ๆ นี้

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “บัตรคิงเพาเวอร์ช็อปบนเครื่องรับสิทธิ์3ต่อ”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ คืนกำไรส่งท้ายเดือนสิงหาคม นี้ กับโครงการ “สิทธิพิเศษ 3 ต่อ สำหรับสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์”วันนี้ – 31 สิงหาคม 2560

สิทธิแรก - รับส่วนลดสูงสุด US$ 20 เพียงช็อปครบ US$ 120/ ใบเสร็จรับเงิน
สิทธิที่ 2 - ทุกการช็อป รับ Carat 3 เท่า สิทธิที่ 3 - รับฟรี กระเป๋า BALLY เพียงช็อปครบ US$ 200/ใบเสร็จรับเงิน เฉพาะบนเครื่องสายการบินไทยเท่านั้น

สมาชิกสามารถรับกระเป๋า BALLY ได้ที่จุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ Pop – up Store รางน้ำ  และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี

กติกาการรับส่วนลด US$ 10 เมื่อช็อปครบ US$ 80 / ใบเสร็จ และรับส่วนลด US$ 20 เมื่อช็อปครบ US$ 120/ใบเสร็จ

สำหรับการซื้อสินค้าบนเครื่องสายการบินไทย เที่ยวบินระหว่างประเทศเท่านั้น และสามารถรับสิทธิ์ได้เพียงแสดงบัตรสมาชิกคิง เพาเวอร์ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ กับธนาคาร

สามารถใช้ส่วนลดได้โดยไม่จำกัดใบเสร็จรับเงิน


สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุก 100 บาท รับ 1 กะรัต และรับกะรัตสะสมพิเศษ 2 กะรัต รวมเป็น 3 กะรัต

สมาชิกบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ – ไทยพาณิชย์ และคิง เพาเวอร์ – กสิกรไทย ช็อปทุก 100 บาท รับ 1.25 กะรัต และรับกะรัตสะสมพิเศษ 1.75 กะรัต รวมเป็น 3 กะรัต

ทั้งนี้กะรัตสะสมจะคำนวณคืนภายใน 45 วัน หลังทำรายการ

สอบถามเพิ่มที่ 1631 หรือดูได้ที่ www.kingpower.com

ข่าวที่ 2 “เที่ยวไทยได้ไม่ยั้งตลอดกันยายนนี้”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  รายงานว่าตลอดเดือนกันยายน นี้ แต่ละภาคนำงานเทศกาลประเพณีมาเชิญชวนให้เลือกไปท่องเที่ยวไฮไลต์ ๆ ที่น่าสนใจดังนี้

ภาคเหนือ

ไฮไลต์ “งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2560 ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ วัดไตรภูมิ และวัดโบสถ์ชนะมาร อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งเดียวในโลก “อุ้มพระดำน้ำ” อันเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวเพชรบูรณ์ ตลอดการจัดงานมีกิจกรรมให้ชมหลายอย่างทั้ง พิธีกรรมทางศาสนา กิจกรรมทางวิชาการ ขบวนแห่รอบเมืองเพชรบูรณ์และทางน้ำ การแสดงแสงเสียงตำนานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เทศกาลอาหารอร่อย และอื่นๆ

จังหวัดพิษณุโลก “การแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานฯ”   ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน นี้ ณ ลำน้ำน่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง ชมพิธีทอดผ้าป่าหัวเรือ การประกวดกองเชียร์ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กิจกรรมแข่งขันเรือยาว 5 ประเภท ได้แก่ เรือใหญ่ เรือกลาง เรือเล็ก เรือจิ๋ว

ภาคใต้


จังหวัดนครศรีธรรมราช ชวนเที่ยวงาน “ประเพณีบุญเดือนสิบเมืองนคร” ระหว่างวันที่ 16-25 กันยายน นี้ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (84) ทุ่งท่าลาด ศาลกางจังหวัดนครศรีธรรมราช ชวนไปดูขบวนแห่และประกวดหมูรับ กิจกรรมชิงเปรต ตลาดย้อนยุค การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน และประกวดนางสาวนครศรีธรรมราช

จังหวัดนราธิวาส จัดงาน “ของดีเมืองนราฯ ประจำปี 2560” ระหว่างวันที่ 21-25 กันยายน นี้ บริเวณ พลับพลาเฉลิมพระเกียรติสิริราชสมบัติครบรอบ 5 ปี ริมเขื่อนท่าพระยาสาย เทศบาลเมืองจังหวัดนราธิวาส จัดให้ชมการแข่งขันเรือกอและ เรือยาว เรือยอกอง ชิงถ้วยพระราชทานหน้าพระที่นั่งฯ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์เรือกอและจำลอง การแกะสลัก และ นิทรรศการของศูนย์ศิลปาชีพ

ภาคอีสาน


จังหวัดนครพนม ชมประเพณี “ไหลเรือไฟและงานจังหวัดนครพนม ประจำปี 2560” ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม นี้ บริเวณเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสมุทรวิจิตร และศาลากลางจังหวัด จะจัดให้มีขบวนเรือไฟยิ่งใหญ่ในลำน้ำโขง และพิธีบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พญานาคและแม่น้ำโขง ในคืนวันออกพรรษา

ข่าวที่ 3 “บางจาก-วช.นำงานวิจัยรุกพลังงานสีเขียว”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเร็ว  ๆ นี้ ในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2560 ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ทางบางจากฯ ได้รับโอกาสจาก พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนาม “บันทึกความร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์”

อีกทั้งยังมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมลงนามด้วย เพื่อให้บางจากและหน่วยงานดังกล่าว นำข้อมูลทางวิจัยไปใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม สร้างโอกาสและนวัตกรรมใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจพลังงานของบางจากฯ

โดยเฉพาะผลงานความสำเร็จ 2 เรื่อง ได้แก่ “ชุดควบคุมการติดตามดวงอาทิตย์ 2 แกน” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ “ระบบแจ้งเตือนการทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์ในโรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มเพื่อให้ประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าสูงสุด” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

โครงการนำร่องดำเนินการ อันจะจุดเริ่มต้นผลักดันและยกระดับให้ผลผลิตจากผลงานวิจัยรวมทั้งผลงานประดิษฐ์คิดค้นของคนไทย นำไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ต่อยอดในการสร้างประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ข่าวที่ 4 “เที่ยววันธรรมดากินข้าวมันไก่พังกี่พิษณุโลก”

วันธรรมดา น่าเที่ยว ผนวกเข้ากับกระแสมาแรงตอนนี้ในเรื่อง “การท่องเที่ยวอาหารไทย” จึงขออนุญาตนำข้อมูลจากนิตยสาร “หนีกรุง” เดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งจัดทีมทีมลงพื้นที่ไปค้นหาเมนูอร่อยมาแนะนำ คือ “ร้านพังกี่ ข้าวมันไก่” เมืองพิษณุโลก

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปถึงพิษณุโลกแล้วต้องห้ามพลาด ที่จะแวะไปที่ร้าน “พังกี่” เพื่อชิมเมนู “ข้าวมันไก่” เป็นข้าวมันไก่ไหลหลำเจ้าเก่าแก่ เปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี อยู่ที่ปากซอยพญาเสือ อำเภอเมืองพิษณุโลก

ลักษณะเฉพาะของข้าวมันไก่ พังกี่ อย่างแรก คือ จะให้ผู้บริโภคเลือกชนิดของไก่ไทยและไก่พันธุ์ได้ เพราะรสชาติจะต่างกัน อย่างที่สอง วิธีเสิร์ฟในแต่ละจานนอกจากเนื้อไก่แล้ว ยังมีเครื่องในไก่ผัดกระเทียมกินคู่กับน้ำจิ้มพริกน้ำส้ม รสแซบถูกปากนักชิมหลายรุ่น

ส่วนกรรมวิธีการหุงข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำขนานแท้ของ “ร้านพังกี่” นั้นยังคงเอกลักษณ์การใช้กระทะใบบัวหุงกันอยู่

ทั้งการอนุรักษ์ต้นตำรับ ผนวกกับรสชาติของไก่ปรุงสุกในแต่ละเมนู พังกี่จึงกลายเป็นร้านอาหารชุมชนยอดนิยมที่มีคิวยาวทุกมื้อเที่ยง สามารถสอบถามได้ที่ โทร.055-244-275

ข่าวที่ 5 “TCEBดึงสื่อ16ชาติช่วยบูมไมซ์ซิตี้3เมือง”

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “TCEB” เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐประกาศนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ล่าสุด TCEB ได้จัดแคมเปญโดยชูจุดเด่นของไทย 3 ด้าน ได้แก่  โอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง ความหลากหลายของสถานที่และจุดหมายกิจกรรมไมซ์ รวมถึงมีเอกลักษณ์และความเป็นมืออาชีพของบุคลากรไทย ที่สามารถรองรับการจัดงานกิจกรรมไมซ์ระดับโลก และจัดงานเชิงธุรกิจและการพักผ่อนอย่างแท้จริง

พร้อมทั้งกิจกรรมตอกย้ำการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยและอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยการจัด  International Media Familiarisation Trip (IMFT2017)  เชิญสื่อจาก 16ต่างประเทศ 35 สำนักข่าว มาเยี่ยมชมสัมผัสศักยภาพ 3 เมืองไมซ์ชั้นนำของไทย ได้แก่ พัทยา  หัวหิน และกรุงเทพฯ ภายใต้ธีม “CONNECT Thailand: Kingdom of Bleisure,

 โดยเฉพาะ “พัทยา” ภายใน 5 ปีข้างหน้าจะก้าวเข้าระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่ยุทธศาสตร์แถวหน้าทางด้านการลงทุนของอาเซียน  คาดการณ์เม็ดเงินหลั่งไหลเข้ามาถึง 1.505 ล้านล้านบาท  ระหว่างนี้รัฐบาลได้เร่งโครงการระดับใหญ่ด้านโลจิสติกส์ครบวงจรหลายโครงการ  เช่น ยกระดับสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือแหลมฉบัง โครงการรถไฟความเร็วสูง มาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมอีอีซี เป็นฐานผลักดัน 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

อีกทั้งพัทยามีความพร้อมครอบคลุมทุกด้าน ทั้งศูนย์แสดงนิทรรศการ สถานที่จัดงานประชุมสัมมนา โรงแรมห้องพักหลายระดับ แหล่งท่องเที่ยวชายทะเล และแหล่งกิจกรรมผ่อนคลาย และกำลังจะเปิดศูนย์การจัดประชุมและนิทรรศการนานาชาติสวนนงนุช พร้อมห้องประชุมขนาดใหญ่ รองรับผู้เข้างานหลายพันคน และมี KANN Show การแสดงไลฟ์โชว์โดยประยุกต์เรื่องราวจากวรรคดีไทย รวมถึง Health Land Spa Pattaya ชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน

ช่วงที่ 2 ออกไปสร้างประสบการณ์ใหม่ในชุมชนผ้าไทยในภาคเหนือล้านนา “บ้านหนองเงือก” ลำพูน และ “บ้านไร่ใจสุข” เชียงใหม่ มหัศจรรย์สิ่งมีชีวิตบนผืนผ้าที่มีมานานหลายร้อยปี แล้วมาฟังวิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัย กับข่าวการลงทุนโรงแรมของไทยแห่เปิดทั้งและต่างประเทศ

@ทัวร์ชุมชนผ้าล้านนา “หนองเงือก-บ้านไร่ใจสุข”


เส้นทางท่องเที่ยวในดินแดนมหัศจรรย์แห่งผืนผ้าไทยในภาคเหนือล้านนา ที่มีเรื่องราวร้อยเรียงอย่างมีชีวิตอยู่มากมาย แห่งแรก “บ้านหนองเงือก” หมู่บ้านชาวยองอพยพจากสิบสองปันนา มาตั้งรกรากอยู่ ณ บ้านหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน สืบสาน “การทอผ้าฝ้ายผนวกใช้นวัตกรรมนาโนและกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ” แห่งแรกในประเทศไทย โดยมี “คุณมาลี-เรวัติ กันทาทรัพย์” เป็นหัวหน้าศูนย์ผลิตและขายในชื่อ “มาลีผ้าฝ้าย”

เรื่องเล่านับร้อยปีในการทอผ้าของชาวยองบ้านหนองเงือกคือ “กี่ทอผ้า” แบบกี่เดี่ยว (ทอคนเดียว) โดยเฉพาะกี่คู่รัก (ทอ 2 คน) เป็นไฮไลต์ประเพณีฝ้ายทอมือของหญิง-ชาย ซึ่งเป็นคู่รักกันจะใช้กี่คู่รักทอผ้าออกมาด้วยหัวใจ ถ่ายทอดความรัก สามัคคี ลงสู่ผืนผ้า ทำให้คุณภาพผ้าออกมานุ่มมือ งดงาม ลายส่วนใหญ่เป็นดอกไม้พื้นบ้าน เช่น ดอกแจ๋น (ดอกจาน) ดอกหอ ดอกบัวเครือ ดอกไก่ สะท้อนถึงวิถีวัฒนธรรมเก่าแก่ แต่เดิมเน้นใช้สีธรรมชาติไม่ฟอกย้อม ตอนนี้เริ่มมีสีเคมีเข้ามาบ้าง เพราะต้องผลิตผ้าผืนและแปรรูป ทั้งเสื้อผ้า ปลอกหมอน ม่าน ผ้าคลุมเตียง ปูโต๊ะ ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ตามจำนวนการสั่งซื้อ (by order) เพื่อส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ญี่ปุ่น จีน และอื่น ๆ

ปัจจุบันได้รับการสนับสนุน “สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)” ตั้งแต่ปี 2558 เพิ่มนวัตกรรมนาโนลงในผืนผ้าบ้านหนองเงือก โดยส่งเจ้าหน้าที่มาแนะนำพร้อมกับนำชาวหนองเงือกไปอบรม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องผ้าสีตกและซีดเร็ว วิธีทำให้ผ้าคงทนใช้งานนานเป็นที่นิยมของตลาดในและต่างประเทศ


คุณสมบัติพิเศษของ “ผ้าฝ้ายทอมือนาโนกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ” ของชาวยอง บ้านหนองเงือก คือ มีความนุ่มลื่นรีดเรียบเร็วไม่คืนตัวง่าย ทนทานแสงยูวี ต้านแบคทีเรีย เนื้อผ้าสะท้อนน้ำลดการเปื้อนของสิ่งสกปรกได้ดี และมีกลิ่นนำดอกไม้ธรรมชาติที่ผสมลงไป เช่น ดอกมะลิ และดอกไม้ประจำถิ่น

สำหรับ “ราคาผ้าฝ้ายทอมือ” เมื่อใส่นวัตกรรมนาโนเข้าไปทำให้ขายได้มูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 20-30 % ชาวยองหนองเงือกเกือบ 400 ครัวเรือน จึงมีรายได้จากอาชีพเสริมทอผ้าฝ้ายเดือนละ 8,000-15,000 บาท แต่ขณะนี้ยังต้องการหน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยจัดทำตลาดให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป




นอกจากนี้ในหมู่บ้านหนองเงือกยังผลิตรองเท้าชุมชนจากยางรถยนต์ “ร้านจาวยอง” ของคุณไพรัช (ประพันธ์) นันพนัก เลิกทำงานในกรุงเทพฯ กลับไปพัฒนาอาชีพชุมชนตั้งแต่ปี 2512 สร้างงานและเงินทำรองเท้าจากรถบรรทุกกว่า 40 ปี เพื่อขายส่งและปลีก ราคาคู่ละ 80 บาท เมื่อ 4-5 ปีก่อนมียอดขายเดือนละ 40,000-50,000 บาท แต่ปีนี้ยอดขายลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวเพราะเศรษฐกิจซบเซา
ส่วนแหล่งผลิตผ้าไทยล้านนาแห่งที่สอง “ศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ของ “นุสรา เตียงเกตุ” กับลูกสาว “เกวลิต เตียงเกตุ” และครอบครัว นำสวนลำไยมาพัฒนาเป็น “ศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ระดมคนรุ่นใหม่นักศึกษามหาวิทยาลัย มาร่วมถ่ายทอดเทคนิค การทอผ้า ย้อมสีธรรมชาติ พัฒนาลวดลาย ภูมิปัญญาผ้าล้านนา โดยมีสถาบันจากต่างชาติมาศึกษาทำวิจัย เพื่อถ่ายทอดสู่สายตาทั่วโลกอย่างต่อเนื่องทุกปี

ภายในบ้านไร่ใจสุขมีเด็กไทยรุ่นใหม่จบทางด้านดีไซน์ย้อมสีธรรมชาติจากนิวซีแลนด์มาปักหลักสร้างองค์ความรู้ นำไม้พื้นถิ่นมาผลิตสีย้อมผ้าธรรมชาติจากเปลือกและดอก เช่น เปลือกฝาง มะกาย ดอกมะดะ ต้นคราม ฯลฯ โดยใช้เทคนิคของกรดและด่างจากขี้เถ้ามาทำให้เกิดสีเฉดแปลกใหม่ในผืนผ้าได้ด้วย

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนทอผ้า ย้อมสี ทำผลิตภัณฑ์จากผ้าในศูนย์เรียนรู้บ้านไร่ใจสุข” ได้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งละ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับกิจกรรมการเรียน ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและครอบครัวนิยมมาเรียน ครั้งละ 1-7 วัน ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าของบ้านไร่ใจสุขมีร้านเปิดขายในชื่อ NUSSAR Thai Handicraft Cotton Products อยู่หน้าวัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

วันนี้ ททท.พยายามพลิก “ชุมชนผืนผ้าไทย” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวชีวิตและอาชีพทรงคุณค่าทำต่อกันมาหลายร้อยปีให้มี “มูลค่า” และสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป

@7วิธีเกษียณโดยไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

จะเกษียนอย่างไรไม่ตกเป็นเป้ามิจฉาชีพ เพราะมักจะมีเงินก้อนใหญ่และถูกหลอกได้ง่าย ในต่างประเทศมีการเก็บสถิติเอาไว้ด้วยว่า 80% ของคนที่ถูกฉ้อโกง ต้มตุ๋น และหลอกลวง จะเป็นคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี  จึงขอนำ 7 วิธีป้องกันการถูกมิชฉาชีพมาแนะนำดังนี้

                1.ตั้งสติ : ถ้าได้รับโทรศัพท์จากคนไม่รู้จักต้องตั้งสติให้ดี ค่อยๆ คิดทบทวนเรื่องที่เขากุขึ้นมานั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
       
       2.ไม่โลภ : ความโลภอยากได้ มักจะทำให้ขาดการยั้งคิดและถูกหลอกง่าย เพราะฉะนั้นต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ในเวลาสั้นๆ หรือของที่มีราคาถูกผิดปกติ ไม่มีอยู่จริง

                3.ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ : แม้จะอ้างว่าโทรศัพท์มาจากหน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน ก็ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว เพราะหน่วยงานราชการและสถาบันการเงินไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์

                4.กล้าปฏิเสธ : ต่อให้เป็นคนรู้จัก คนที่ไว้ใจมาชักชวนให้ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเกินจริง หรือทำธุรกิจที่น่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ก็ต้องรู้จักปฏิเสธบ้าง

                5.ตรวจสอบก่อนตัดสินใจ : มิจฉาชีพมักมีวีธีพูดที่ทำให้เราคล้อยตามและต้องตัดสินใจทันที แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร ต้องตรวจสอบไปที่หน่วยงานราชการหรือสถาบันการเงิน ที่ถูกอ้างถึงเสียก่อนว่าจริงเท็จอย่างไร

                6.ไม่ทำตามคำบอก : มิจฉาชีพส่วนใหญ่จะพยายามหว่านล้อมให้ผู้สูงอายุไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ โดยจะคอยบอกขั้นตอนและวิธีการ ที่ท้ายสุดแล้วจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีมิจฉาชีพ (ส่วนใหญ่จะเริ่มจากให้เปลี่ยนเมนูเป็นภาษาอังกฤษ)

                7.ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ : การติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะการเตือนภัย จะช่วยให้รู้เท่าทันวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ และไม่ทำให้ตกเป็นเหยื่อกลโกง นอกจากนี้ควรหาความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุนเพิ่มเติม เพราะความรู้ความเข้าใจจะเป็นเกาะป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี

อยากเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น สสส. มีนิทรรศการ “ชราแลนด์ ดินแดนวันเดอร์เวิลด์” จัดถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ณ โซนนิทรรศการหมุนเวียน ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สอบถามได้ที่ E-mail:exhibition.thc@thaihealth.or.th   โทร.061-842 8778

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ดรีมทุ่มเปิดโรงแรมแห่งที่3ในพัทยา”

นายเอริค ไล ประธาน บริษัทไวส์ พาวเวอร์ แลนด์ จำกัด และนายเควิน วอลเลซ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มโรงแรมดรีม ร่วมกันเปิดเผยว่า ได้ทั้งสองกลุ่มธุรกิจได้ร่วมลงนามสัญญาระหว่างกันเพื่อเตรียมเปิดบริการที่พักแห่งที่ 3 ในไทย คือ “ดรีม รีสอร์ต แอนด์ สปา นาจอมเทียน พัทยา” ขนาด 200 ห้องตั้งอยู่บนหาดทรายสีขาวที่สวยงามของอ่าวไทย  พร้อมด้วยห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้า บาร์ริมสระว่ายน้ำ ดรีมสกายบาร์ สปาเพื่อสุขภาพและศูนย์ออกกำลังกาย12,000 ตารางฟุต และสิทธิ์ในการใช้บริการเรือยอชท์ขนาด 27 เมตรของรีสอร์ตเพื่อพักผ่อนหย่อนใจส่วนตัวได้ด้วย

แม่เหล็กดึงดูดการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากพัทยาเป็นเมืองที่มีท่องที่ยวมาพักผ่อนปีละกว่า 9 ล้านคน ภายในประเทศและต่างชาติ เช่น รัสเซีย จีนและยุโรป

สำหรับสถานที่ของโรงแรมดรีมฯ แห่งใหม่ มีความสะดวกสบายสามารถใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 90 นาที เพียง และจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา15 นาที

ปัจจุบันในเมืองไทยดรีมเปิดบริการโรงแรมอยู่แล้ว 2 แห่ง คือ ดรีม กรุงเทพฯ และดรีม ภูเก็ต โฮเทล แอนด์ สปา


ข่าวที่สอง “ไมเนอร์กรุ๊ปทุ่มเปิดอวานิรีสอร์ตมัลดีฟส์แห่งแรก”

“ไมเนอร์ กรุ๊ป” เมืองไทย บุกลงทุนเปิดรีสอร์ตอวานิแห่งแรกในมัลดีฟส์ 200 ห้อง เปิดบริการปี’62

กลุ่มบริษัท ไมเนอร์กรุ๊ป ประเทศไทย รายงานว่า ล่าสุดได้ลงนามการลงทุนโครงการรีสอร์ทอวานิ (Avani) แห่งแรกในเกาะมัลดีฟส์ โดยใช้ชื่อ Avani Fares Maldives Resort ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวขนาด 12.4 เฮกตาร์ บริเวณ Baa Atoll ตามแผนจะเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ประกอบด้วยห้องพักแบบมาตรฐานและวิลลารวม 200 ห้อง

Alejandro Bernabe ผู้อำนวยการกลุ่ม อวานิ โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ต กล่าวว่าโครงการอวานิ เฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ต ลงทุนมูลค่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยพัฒนาโครงการด้วยวิธีร่วมทุนกันระหว่างโรงแรมไมเนอร์เมืองไทยและไซปรัส ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีหลากหลายในศรีลังกา มัลดีฟส์ ของ Cyprea Group

ภายใน Avani Fares Maldives Resort ตั้งอยู่บนเกาะของมัลดีฟส์กลางมหาสมุทรอินเดีย ออกแบบล็อบบี้แบบเปิดโล่ง พื้นที่ใช้สอยส่วนกลางนี้จะผสมผสานการรับเลานจ์ ห้องประชุม ห้องอาหาร The Pantry พร้อมให้บริการของว่างตลอด 24 ชม.
และมีมุมพิเศษคือสปาคลับสำหรับเด็ก สระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่และบาร์ริมสระที่สวยงาม

อีกทั้งยังเป็นสถานที่ดำน้ำ Ahivahfushi Beyru บริเวณใกล้เคียงมีการดำน้ำแนวปะการังที่น่าอัศจรรย์ด้วยชีวิตทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ได้แก่ Hawksbill Turtles, Reef Sharks และ Manta Rays

ข่าวที่สาม “ญี่ปุ่นจัดเจแปนเอ็กซโปดึงทัวร์ไทย1-3ก.ย.นี้”

มร.ทากุโอะ ฮาเซกาวา ประธานกรรมการบริษัท ไลท์เฮ้าส์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า เตรียมจัดงาน JAPAN EXPO IN THAILAND 2017 ระหว่างวันที่ 1 – 3 กันยายน 2560 กำหนดเปิดงานวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2560 เวลา 11.00 น.  ณ  รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน  ภายในงานได้รวบรวมทุกเรื่องราวความเป็นญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น โซนการศึกษา  โซนการทำงาน โซนท่องเที่ยว  โซนช้อปปิ้ง และ โซนมัลติมีเดีย

และยังได้จัดให้มีกิจกรรมการแสดงบนเวทีทั้งบันเทิง ศิลปะ และวัฒนธรรม อาทิ การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินมากฝีมือ 5 หนุ่ม World Order เจ้าของท่วงท่า Robot Dance สุด Creative ที่จะกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง และ มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินกลุ่มสาวสวย BNK48 วงน้องสาวประจำประเทศไทยของ AKB48 กลุ่มไอดอลสาวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และการแสดงอื่น ๆ อีกมากมาย

ฟังรายการได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ผู้ดำเนินรายการ



สสปน.-TCEB ปฎิรูปไมซ์ปี2561คิงเพาเวอร์คว้าสัมปทานดอนเมือง

ทีเส็บลั่นปฏิรูปครั้งใหญ่อุตสาหกรรมไมซ์ปี’61
รุกเพื่อสังคม-การศึกษา-ยุทธศาสต์10อุตฯ 4.0
คิงเพาเวอร์ชนะขาดสัมปทานใหม่ดอนเมือง
ปลุกทัวร์บุญออกพรรษา“ไฟตูมกา” ยโสธร
ททท.สลับเก้าอี้ผู้บริหารแถวหน้า15ตำแหน่ง
ชวนเพื่อนเที่ยวศูนย์พรรณไม้ป่าฯ สวนผึ้ง
ทอท.ควงสนามบินCLMVผงาดในตลาดโลก
ไทยแอร์ฯลุยบินไกลโครเอเชีย-ยุโรปต้นปี61
บางกอกแอร์-บินไทยผนึกจุดบริการคาร์โก้

สวัสดีวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1  “ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน.หรือ TCEB” จะมาถอดรหัสเรื่อง “การปฏิรูปตลาดไมซ์ ด้วยการใช้มหากาพย์การศึกษาของประเทศ” มาเป็นลูกค้าที่จะใช้เวทีประชุม สัมมนา ถึงองค์ความรู้ยุคใหม่ที่ควรจะใช้เวทีขนาดใหญ่ถ่ายทอดสู่สาธารณะอย่างจริงจัง
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ประธานกรรมการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)

ดร.วีระศักดิ์ เริ่มต้นอธิบายว่าในปีงบประมาณ 2561 วางนโยบายบริหารจัดการอุตสาหกรรม MICE โดยให้ความสนใจกับงานยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น แตกต่างจากในอดีตเน้นทางด้านปริมาณการจัดแสดงสินค้าและประชุมจำนวนมาก ให้น้ำหนักเรื่องมูลค่า ส่วนปีนี้ต้องเพิ่มความเข้มข้นทางความรู้ในกลุ่มยุทธศาสตร์ 10 อุตสาหกรรมที่กำลังเป็นตลาดดาวรุ่ง แบ่งเป็น 5 อุตสาหกรรม ที่มีอยู่แล้วต่อยอดมูลค่าเพิ่ม เช่น ยานยนต์ ปิโตรเคมี สิ่งทอ อาหาร แปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตร
ส่วนอุตสาหกรรมที่ไทยอยากได้แต่ยังมีน้อยที่จะต้องเพิ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิตอล การแพทย์อุปกรณ์ทางด้านสุขภาพ ครีเอทีฟอีโคโนมี-เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โรบอติก-หุ่นยนต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตคนเรา และ Internet of Thing เรื่องเหล่านี้ สสปน.จะให้การสนับสนุน ชักชวนคนเข้ามาสร้างความร่วมมือกัน
ปี 2561 หากองค์กรและหน่วยงานใดนำ “ยุทธศาสตร์” มาเป็นตัวตั้ง ทาง สสปน.ก็พร้อมจะเข้าไปสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ช่วย เพราะถ้าทำแล้วจะช่วยกระบวนการสร้างประเทศทั้ง 10 อุตสาหกรรมที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าเต็มตัวจะก้าวไปได้
หรืออีกส่วนที่คนฝากความหวังไว้กับ “การปฏิรูป” โดยเฉพาะ “การศึกษา” หากไม่ทำตอนนี้ถือว่าสายและไม่ทันการณ์ ดังนั้น MICE จึงต้องเบนมายังเรื่องการนำยุทธศาสตร์มาเป็นการจัดเวทีเผยแพร่ต่อสาธารณะให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้าง เพราะยุคการปฏิรูปการศึกษาต้องหาแก่นให้ได้ว่าเรื่องใดคือการปฏิรูปอย่างแท้จริง และหากมีหน่วยงานใดคิดค้นออกมาได้ต้องทำสัมมนา หรือนำเครื่องมือที่สร้างสรรค์ได้มาประกวดกัน อาจจะเป็นกลุ่มสาระ หรือผลงาน อย่าง โรงเรียนสวยงาม
โดยใช้ไมซ์ที่มีฐานรากเรื่อง “มูลค่าสูง” ต่อยอดเป็น “คุณค่าสูง” เพราะการศึกษาเป็นอนาคตของประเทศไทย โดยคัดสรรครูที่มีผลงานการสอนที่ดี ผมคิดว่าจะต้องมีห้องเรียนจำนวนหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ผลที่ได้คือเป็นห้องเรียนแห่งความสุขแทนการเรียนอย่างหนักแล้วความจริงเด็กก็ยังไม่รู้เลยว่าจะนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงหรือไม่
การพุ่งเป้าทำยุทธศาสตร์การศึกษาเข้ามาสู่ไมซ์นั้นจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ซึ่งพบว่าปัจจุบันในกระบวนการศึกษาของไทยยัดเยียดให้เด็กรู้เกินความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องตั้งหลักโดยพัฒนา “ตลาดของสังคม” มานำเพราะยังใช้ระบบการศึกษาแบบเดิมจะทำให้คนที่จบไปไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ฉะนั้นจึงต้องนำการศึกษาเข้ามาสู่ห้องทดลองในเวทีการสัมมนา ทาง สสปน.จะต้องเพิ่มบทบาทจากการส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ มาขยายผล “ส่งเสริมทางด้านสังคม” เพิ่มขึ้นด้วย
การบูรณาการงบประมาณองค์กรไมซ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงสังคมและมีประสิทธิภาพเต็มที่ในปี 2561 นั้น ต้องบอกว่าตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2560 รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ.2560 ฉบับใหม่ว่าด้วยเรื่องให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน ใช้แนวทางปฏิบัติการใช้งบประมาณในลักษณะเดียวกันกับราชการ จึงมีผลต่อการใช้งบประมาณของ สสปน.เช่นกัน ความจริงก็มีเสียงบ่นซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้ จึงต้องปรับแนวทางโดยไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลบางอย่าง เป็นการ “ทำร่วมกัน” ก่อให้เกิดองค์ความรู้บางอย่าง ได้เงินก้อนใหญ่มารวมทำไปในทิศทางเดียวกัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกอดคอกัน แล้วแบ่งปันความรู้ให้แก่กันและกัน

โดยเฉพาะองค์กรมหาชนเคยใช้กติกาการใช้เงินซึ่งร่างระเบียบเองได้ แต่นับจากนี้เป็นต้นไปจะต้องประคองการใช้เงิน เพราะยิ่งปล่อยไว้นานอาจจะเกิด “เกียร์ว่างและภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ”
ซึ่งยากแก่การหลีกเลี่ยงที่จะต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวให้ได้
สำหรับการกระตุ้นและส่งเสริมให้มีการเข้าไปใช้ “โครงการพระราชดำริ โครงการหลวง” ซึ่งทำร่วมกับมูลนิธิปิดทองหลังพระต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้ โดย สสปน.กับมูลนิธิฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่องค์กรที่เลือกไปจัดประชุม สัมมนาในพื้นที่โครงการพระราชดำริ โครงการหลวง

แต่นับจากวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา วันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9 เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะผู้คนสนใจจะไปศึกษารำลึกถึงพระองค์ท่านเพิ่มขึ้น ทาง สสปน.กับมูลนิธิปิดทองหลังพระ โดยจัดกิจกรรม “มหกรรมความดี” จะมี 2 แบบ โดยจัดครั้งที่ 1 เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ร่วมกับโครงการตามพระราชดำริ โครงการหลวง มาจัดนิทรรศการแสดงร่วมกัน เพื่อให้คนได้รับความรู้ แต่ครั้งที่ 2 จะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ร่วมมือกับท้องถิ่น รวมทั้งร่วมกับ องค์การบริหารการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ซึ่งมีความใกล้ชิดกับชุมชน ปรากฏว่าชุมชนต่าง ๆ ไปทำ “ท่องเที่ยวชุมชนด้วยศาสตร์พระราชา” แทบทั้งนั้น

ทว่าการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาสามารถทำได้ 2 ทาง ได้แก่ ทางที่ 1 ไปเรียนรู้ตามศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการพระราชดำริ โครงการหลวง ทางที่ 2 ไปเรียนรู้จากชาวบ้านที่รับศาสตร์พระราชาไปทำจนสำเร็จแล้วในพื้นที่ของตนเอง

หลังจากที่ประชุม สัมมนา แล้วก็หาโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาโครงการพระราชดำริ หรือไปเยี่ยมชุมชนที่ดำเนินตามศาสตร์พระราชา ซึ่งสามารถได้เรียนรู้จากชีวิตจริง เป็นประสบการณ์ของคนเมืองที่จะไปเห็นความสุขที่ไม่ได้มาจากเงิน แต่อยู่กับการบริหารจัดการชีวิตจากการควบคุมรายจ่าย หรือชุมชนที่อยู่กับป่าอย่างยั่งยืน ซึ่งมีป่าเป็นซูเปอร์มาเก็ต มีดินที่รักษาดูแลไว้ปลูกอะไรก็งอกงาม ซึ่งคนเมืองไปดูแล้วอาจจะนำมาทำเลียนแบบทั้งหมดไม่ได้ แต่สามารถลดดีมานต์และความอยากลงได้

ส่วน “การกระจายรายได้สู่ชุมชน” เป็นโอกาสที่ดีของผมทำหน้าที่ประธานบอร์ด สสปน.และ อพท.เพราะคนกลุ่มที่ทำไมซ์ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เมื่อได้ไปเรียนรู้ในชุมชนซึ่งนำศาสตร์พระราชามาบูรณาการ ทั้งงานหัตถกรรม เพาะปลูก รักษาสิ่งแวดล้อม คนเหล่านี้จึงยินดีจะจ่ายเงินซื้อสินค้าที่มีคุณภาพเหล่านี้ อีกทั้งยังเป็นการจ่ายเงินซื้อโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
แต่ถ้าหากว่าไมซ์รู้แล้วว่า “กำลังซื้อ” อยู่ตรงไหน ก็พาคนไป “แหล่งซื้อ” พอได้ไปเห็นชาวบ้านที่นำศาสตร์พระราชาไปใช้ก็จะยิ่งชื่นชม ด้วยความมีวินัยในการสร้างผลผลิต แม้ในอดีตจะรู้กันอยู่ว่าเกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยากจน และประชากรส่วนใหญ่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเมื่อได้พบกับสังคมเกษตรอินทรีย์ จึงควรต้องช่วยกันดูแลอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุดและไปพาสถาบันการศึกษา หน่วยราชการ ห้างร้าน ช่วยกันนำความรู้ไปอยู่ในชุมชนท้องถิ่น เพื่อทำให้เห็นถึงภาพที่ต้องการเห็น “SMART FARMER”

ภาพที่สะท้อนออกมาคือ สสปน.จะเพิ่มบทบาทนำคนออกจากห้องประชุมแอร์เย็น ๆ ออกไปสู่โลกการประชุมนอกห้องแอร์ซึ่งเป็นห้องทดลองของชีวิตจริง ที่จับต้องได้ แถมได้ความรู้ในทางปฏิบัติครบทุกอย่าง

ปี 2561 จึงจะเป็นอีกปีแห่งการปฏิรูป สสปน.ไปพร้อม ๆ กับการปฏิรูปการศึกษา นำ “ศาสตร์พระราชา” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ด้วยการลงไปสัมผัสเรียนรู้จากชาวบ้านเพื่อศึกษาการใช้ชีวิตอยู่อย่างมีวินัยและได้รับความสุขอย่างแท้จริง เป็นเส้นทางที่ไปสู่การสร้างไมซ์เพื่อส่งเสริมสังคมเพิ่มขึ้นอีกขา เพื่อประโยชน์ของประเทศไทยอย่างยั่งยืนนั่นเอง

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชนะขาดลอยพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหม่ดอนเมือง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) “ทอท.” เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 มีมติเห็นชอบให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) ได้รับสิทธิชนะการประมูลธุรกิจโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (Commercial Area) ได้รับสัมปทานดังกล่าวไป ด้วยอายุสัญญาสัมปทานทำธุรกิจต่อเนื่อง 10 ปี
เนื่องจากผลการแข่งขันผู้ผ่านขั้นตอนทางเทคนิคและเปิดซองราคาของทั้ง 3 บริษัท เสนอจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน ทอท.แต่ละเดือนเฉลี่ยต่อตารางเมตรแตกต่างกันชัดเจนดังนี้
บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เสนอการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน สูงที่สุด 17,682,400 บาทต่อเดือน จากการใช้พื้นที่จริงในปัจจุบัน  1,922.78 ตร.ม. คิดเป็นค่าเฉลี่ย ตารางเมตรละ 9,200 บาทต่อเดือน
บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เสนอการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน 9,613,900 บาทต่อเดือน เฉลี่ยจ่ายตารางเมตรละ 5,000 บาทต่อเดือน
บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เสนอการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน 8,100,000บาทต่อเดือน เฉลี่ยจ่ายตารางเมตรละ 4,212.50 บาทต่อเดือน
สำหรับขั้นตอนตั้งแต่เริ่มพิจารณาเพื่อคัดเลือกผู้ชนะการแข่งขันโครงการบริหาร  จัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์แห่งใหม่ในดอนเมืองครั้งนี้ กรรมการแต่ละชุดที่รับผิดชอบดูแลต่างระมัดระวังเรื่องการอ้างอิงตามกฎระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสอบเรื่องข้อเสนอด้านเทคนิค ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในเชิงธุรกิจ แผนการดำเนินงาน แผนธุรกิจ  และข้อเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือน (Minimum)
ผลสุดท้าย “บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด” ก็ทำคะแนนรวมได้สูงสุด โดยเฉพาะการเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนเป็นเงินรวม 17,651,120 บาท คุณสมบัติทางเทคนิค ประสบการณ์เชิงธุรกิจ อีกทั้งในขั้นตอนการเจรจาต่อรองทาง บริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ยังพร้อมจะเพิ่มค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ ทอท.อีกเดือนละ 31,280 บาท รวมเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 1 เฉลี่ยเดือนละ 17,682,400 บาท
อีกทั้ง ทอท.ยังสามารถเลือกจัดเก็บเงินผลตอบแทนตามสัญญาสัมปทานดังกล่าวที่ได้มากว่าอีกช่องทาง นั่นคือ จะจัดเก็บจากการประกอบการในอัตรา 15 % ของยอดรายได้ในรอบเดือนนั้นๆ หากคำนวณแล้วทาง บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ (จำกัด) สามารถทำรายได้มากกว่าการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือน
ส่วนวิธีการจัดเก็บผลประโยชน์ตอบแทนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ ทอท.ส่งมอบพื้นที่โดยจัดเก็บตามข้อตกลงเริ่มประกอบธุรกิจในพื้นที่เชิงพาณิชย์ เบื้องต้นเดือนแรกในปีแรกจะใช้การจัดเก็บตามข้อตกลงขั้นต่ำ จากนั้นในปีต่อไป ทอท.จะเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำเพิ่มรายเดือนอีก 10  %

ข่าวที่ 2 “ทัวร์บุญออกพรรษาชมไฟตูมกายโสธร”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนร่วมวิถีถิ่นทัวร์บุญออกพรรษา งาน “จุดไฟตูมกา ยโสธร”  ระหว่าง 28 กันยายน -5 ตุลาคม 2560 เป็นประเพณีเก่าแก่ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย  ในหมู่บ้านทุ่งแต้ ต.ทุ่งแต้ อ.เมือง จ.ยโสธร ได้ร่วมกันฟื้นฟูภูมิปัญญา ประเพณีในอดีตที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน
โดยนำผลไม้ป่าชื่อตูมกาขูดผิวสีเขียวออกแล้วคว้านเนื้อกับเมล็ดข้างในออกให้หมด ใช้มีดแกะเป็นลายต่างๆ จากนั้นก็จุดเทียนสอดไปรูที่เจาะไว้ส่วนล่างของผล แสงสว่างจากเปลวเทียนจะลอดออกมา เป็นลวดลายตามรูที่เจาะไว้ ถวายเป็นพุทธบูชา วันออกพรรษาชาวบ้านจะจุดเทียนจากที่บ้านหิ้วก้านไปรวมกันที่วัดแล้วแขวนไว้จุดต่าง ๆ เช่น ซุ้มไม้ไผหรือราวไม้ ระหว่างสวดมนต์ไหว้พระ
สำหรับการจัดงานช่วง 28 กันยายน – 4 ตุลาคม 2560  ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป  หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร  นักท่องเที่ยวจะได้เห็นแสงไฟระยิบระยับตระการตาของแสงไฟตูมกานับหมื่นดวงที่ชาวบ้านจุดเป็นพุทธบูชา  และชมการฟ้อน “เพลินใจ ไฟตูมกา” จากนางรำนับพันคน พร้อมกับชมกิจกรรมสาธิต การแกะลาย ไฟตูมกา ในวันสุดท้าย 5 ตุลาคม 2560 ตรงกับวันออกพรรษา จะมีขบวนแห่ไฟตูมกา กลับไปยังบ้านทุ่งแต้ ต.ทุ่งแต้ อ.เมือง จ.ยโสธร  เพื่อประกอบพิธีจุดไฟตูมกา ถวายเป็นพุทธบูชา ณ วัดบูรพา บ้านทุ่งแต้
ในยโสธรยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น เส้นทางย้อนรอยเมืองสิงห์ท่า ค้นหาอดีตเมืองยโสธร โบสถ์ไม้บ้านซ่งแย้ อ.ไทยเจริญ  หัตถกรรมหมอนขวาน ผ้าขิดบ้านศรีฐาน พิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอก วัดหอก่อง  อ.มหาชนะชัย และวิมานพญาแถน สอบถาม ททท.สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0-4524-3770 , 0-4525-0714

ข่าวที่ 3 “บอร์ดอนุมัติสลับตำแหน่งผู้บริหาร ททท.15 ตำแหน่ง”
การประชุมคณะกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครั้งที่ 9/2560 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพนักงานดำรงตำแหน่งทางการบริหารและตำแหน่งทางการอำนวยการ ระดับ 9 และ 10 ตามผู้ว่าการ ททท.เสนอ ซึ่งจะมีผลตามตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ทั้งหมด 15 ตำแหน่ง ดังนี้
1. นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร เป็น ที่ปรึกษา ระดับ10 2. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์เป็น ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ 3. นางสุนีย์ อภิชาตกุลชัย เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี 4. ขวัญจิตร เป็น ผู้อำนวยการบริหารทั่วไป  5. นางอังคนา พุ่มผกาเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน
6. นายสมชาย ชมภูน้อย เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ7. นายวิบูลย์ นิมิตวานิช เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออก 8.นางสมฤดี จิตรจง เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ 9. นางปานจิตร สันทัดกลกาล เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง 10. นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้
11. นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ 12. นางสาวสุปราณี ป้องปัด เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด 13.อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ เป็นที่ปรึกษา 9
14. ยุพา ปานรอด เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม และ 15.นายบัญญัติ กาฬสุวรรณ เป็นผู้อำนวยการตรวจสอบภายใน ททท.

ข่าวที่ 4 “บางจากนำ SPAR Interส่งออกสินค้าชุมชน-SMEs”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ชุมชน ผ่านร้าน SPAR Inter ไปยังออสเตรเลียและจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 เป็นต้น เพื่อช่วยระบายสินค้าชุมชน ส่งออกไปออสเตรเลีย ได้แก่ ข้าวสารหอมมะลิ ข้าวสารขาว จากกลุ่มเกษตรกร  จ.นครราชสีมา ผลไม้อบแห้ง มะม่วงกระป๋องในน้ำเชื่อม จ.สมุทรสาคร ส่งออกไปจีน ได้แก่ มะม่วง มะละกอ สับปะรดอบแห้ง จ.สมุทรสาคร และกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มจากธรรมชาติ เช่น น้ำมะพร้าวน้ำหอมออร์แกนิค 100% และน้ำมะนาวที่รับซื้อจากเกษตรกรใน 3 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม
รวมถึงได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์กลุ่มธุรกิจ ขนาดกลาง และขนาดย่อม (SME) กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพและตลาดมีความต้องการขณะนี้ คือ ผลไม้อบแห้ง ผลไม้แปรรูป นมอัดเม็ด คุกกี้ ข้าว และขนมขบเคี้ยวอื่นๆ เบื้องต้นจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3 รายการ คือ ชมพู่แก้วแปรรูป โดยกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี จ.จันทบุรี ลูกอมสัปปะรดกะทิสด โดยกลุ่มแม่บ้านหนองกาพัฒนา จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกล้วยอบเนย ของกลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านหนองตูม จ.สุโขทัย ภายใต้แนวคิด “สพาร์ ร่วมพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”

ข่าวที่ 5 “โคห์เลอร์ผู้นำโลกสุขภัณฑ์เปิดในไทย29ส.ค.นี้”

คนไทยเตรียมพบกับ โชว์รูมของผลิตภัณฑ์ของใช้ภายในครัวเรือนแบรนด์โคห์เลอร์ ได้ที่  KOHLER EXPERIENCE CENTER แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับ “โคห์เลอร์” ได้ชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบสุขภัณฑ์อันดับหนึ่งจากสหรัฐอเมริกา ที่จะมาเปิดตลาดเชิงรุกในเมืองไทย โดยเตรียมวางแผนขยายสาขาทั่วโลก ด้วยการออกแบบแนวคิดเพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความรู้สึกด้วยประสบการณ์เสมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ในอาร์ต แกลอรี่
โดยเฉพาะในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ห้องอาบน้ำมีระบบ Showering DTV ให้คุณเพลิดเพลินกับสุนทรียภาพในการอาบน้ำอย่างเต็มที่ มีทั้งความหรูหรา เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าสมัยใหม่
ในวันที่ 29 สิงหาคม 2560  “เดวิด โคห์เลอร์” ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคห์เลอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมาเปิดโชว์รูม  KOHLER EXPERIENCE CENTER ด้วยตนเองในกรุงเทพฯ เป็นโชว์รูมแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เรียกว่า KOHLER Experience Center Bangkok หรือ KECBKK บริหารโดยบริษัท ดี.พี.เซรามิคส์ ตั้งอยู่ชั้น 1 อาคารโนเบิล รีมิกซ์ ทองหล่อ (สุขุมวิท39) บนพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตร ออกแบบโดย บริษัท พี 49 ดีไซน์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด

ช่วงที่ 2 ชวนเพื่อน ๆ ในองค์กรไปดื่มด่ำ “ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี

@ชมศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่าฯ ราชบุรี

ออกไปสำรวจความงดงามของผืนป่ากว่า 5,000 ไร่ ใน  “ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  ซึ่งสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในวโรกาสที่ทรงพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี 2535 ตามปนิธานของพระองค์ที่ต้องการจะฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม ให้เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้ป่า รักษาผืนป่าภาคตะวันตกให้คงอยู่คู่แผ่นดินสืบไป

อีกทั้งมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการศิลปาชีพ” ขึ้นเพื่อช่วยเหลือราษฎร โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงให้มีอาชีพเสริม หลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ เพื่อลดการล่าสัตว์ การบุกรุกพื้นที่ป่า จัดตั้งธนาคารข้าว ธนาคารโค การเลี้ยงเป็ดเทศ การดำเนินงานเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่ เพื่อเป็นแบบอย่างของการพัฒนาอาชีพของราษฎรในพื้นที่โครงการ การฝึกอบรมราฏฎรอสาพิทักษ์ป่า เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้กับแผ่นดิน และดูแลปกป้องแนวเขตประเทศในฐานะหมู่บ้านยามชายแดนที่เข้มแข็ง

ในแต่ละฤดู ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แห่งนี้ก็มีกิจกรรมต้อนรับผู้มาเยือน่อเนื่องทุกวัน ได้แก่
“กิจกรรมศึกษาดูงาน” สามารถไปเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมป่าไม้นานาพันธุ์ แล้วไปดูกลุ่มศิลปาชีพสาธิตการจักสาน การทอผ้าไหมพื้นเมือง การทำเครื่องปั้นดินเผา การวาดภาพที่เป็นศิลปะแบบพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
จากนั้นก็ไปชมกระบวนการปลูกหม่อนไหม การทองผ้าไหมพื้นเมืองอันงดงามตระการตา
ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ศูนย์จำหน่ายเครื่องเซรามิคจากคนในบริเวณหมู่บ้าน และพื้นที่กางเต็นท์ ถ้าสนใจจะไปพักผ่อนโดยเต็นท์สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้าได้
สำหรับไฮไลต์ของ “แก่งส้มแม้ว” ขึ้นชื่อทางด้านเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ จากแนวลำธารน้ำไหลลัดเลาะตามโขดหินใหญ่น้อยสลับซับซ้อนกลางแม่น้ำภาชี เหมาะจะไปเล่นน้ำ เพราะแก่งแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนป่าสิริกิติ์ สภาพโดยรอบเป็นป่าเบญจพรรณ ร่มรื่น เขียวขจี


สนใจเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาพรรณไม้ป่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ซึ่งตั้งอยู่ที่ แก่งส้มแม้ว ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โทร.08-905-4598

@เรื่องน่ารู้3 วิธีป้องกันสมองเสื่อม
ถึงแม้เราจะยังไม่เกิดอาการภาวะสมองเสื่อม แต่ก็ไม่ควรละเลยหาวิธีป้องกัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ทุกวันด้วย 3 กิจกรรมดังนี้
1. ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือเต้นแอโรบิค วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน
2. รักษาสุขภาพอยู่เสมอ
- ควรเลือกรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลา
- ควรมีกิจกรรมทางกาย เช่น เดินแทนการนั่งรถ ทำงานบ้าน ทำงานอดิเรกที่ชอบ
- ควรมีกิจกรรมทางสังคม เช่นออกไปพบปะเพื่อนฝูง พูดคุยกับเพื่อนบ้าน
- ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่ควรสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
- ไม่ควรทำกิจกรรมที่เสี่ยงกับการบาดเจ็บทางศีรษะ
- ไม่ควรปล่อยให้มีน้ำหนักตัวมากจนอ้วน
3. บริหารสมองบ่อยๆ
โดยใช้ท่าบริหารดังนี้
ท่าโป้งก้อย มือขวาชูนิ้วโป้ง มือซ้ายชูนิ้วก้อย เมื่อทำได้ ให้สลับเปลี่ยนเป็นมือขวาชูนิ้วก้อย มือซ้ายชูนิ้วโป้ง
ท่าจีบแอล มือขวาทำมือรูปจีบ มือซ้ายทำมือเป็นรูปแอล เมื่อทำได้ให้สลับมือเปลี่ยนเป็น มือขวาทำมือรูปตัวแอล มือซ้ายทำเป็นรูปจีบ
ท่าจับจมูกจับหู มือขวาจับปลายจมูก มือซ้ายจับหูขวา เมื่อทำได้ ให้สลับเปลี่ยนเป็นมือขวาจับหูซ้าย มือซ้ายจับปลายจมูก

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทอท.เร่งปั๊มSISTER AIRPORTปลุกCLMVผงาดเวทีโลก”

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ทอท.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนา “Indochina Aviation Conference 2017” ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม 2560 ในประเทศไทย ในหัวข้อหลัก “Greater Heights Accelerating Growth in Indochina Aviation” โดยมีผลมาจากในภูมิภาคอาเซียนอุตสาหกรรมการบินเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก แตกต่างจากก่อนหน้านี้มีเพียงประเทศระดับเศรษฐกิจจากอเมริกา ยุโรป เป็นส่วนใหญ่ที่ครองธุรกิจการบิน ต่อมาเมื่อครึ่งทศวรรษนี้มีนักธุรกิจในกลุ่มอินโดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการบินมากขึ้น และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำหรือ Low Cost Airline เพิ่มทั้งจำนวนเที่ยวเบินและผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว
รวมถึง “ดอนเมือง” เป็นสนามบินรองรับตลาดการบินโลว์คอสต์หรือสายการบินต้นทุนต่ำ หลังเหตุการณ์มหาพิบัติภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 2555-2559 ดอนเมืองกลายเป็นสนามบินโลว์คอสต์ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก และเป็นสนามบินศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องหันมาพัฒนาความร่วมมือกับเพื่อนบ้านทั้งทางด้านบริการ การตลาด ซึ่งเป็น 1 ใน International Forum ที่ ทอท.ผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้ ทอท.เป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจการบินของไทยยกระดับให้ประเทศเป็นผู้นำอาเซียน
สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนทางการบินในงาน “Indochina Aviation Conference 2017” ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เกี่ยวข้องจากวงการบินประเทศแถบอินโดจีน CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม รวมกว่า 150 คน
ขณะที่โครงการความร่วมมือก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เข้าไปบุกเบิกความสัมพันธ์กับองค์กรบริหารสนามบินใน CLMV ไว้บ้างแล้วนั้นจะขยายความก้าวหน้าโดยวางตำแหน่ง “สนามบินของไทย” เป็นตัวแทนการแข่งขันในเวทีโลก ซึ่งทำหน้าที่กันไปกับความร่วมมือกับคู่แข่งด้วย ทอท.จึงลงนาม MOU ร่วมมือเป็น Sister Airport กับ 15 สนามบินนานาชาติ ทำ Brenchmark ชัดเจน แลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดเป็นทางการ แลกเปลี่ยนการดูงานที่มีความโดดเด่นเพื่อนำมาพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งของสนามบินเมืองไทย
โดย ทอท.ได้แลกเปลี่ยนความร่วมมือสนามบินบ้านพี่เมืองน้อง หรือ SISTER AIRPORT ตั้งแต่ระดับสากลโลก คือสนามบินเมืองเท็กซัส (สหรัฐอเมริกา)  มิวนิค (เยอรมัน) ล่าสุดก็ขยับเข้ามาใกล้ประเทศไทยใน CLMV เพราะต่างก็มี knowhow หรือต้องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมถึงการเริ่มต้นในบางเรื่องก่อนก็จะมีความโดดเด่นในฐานะผู้บุกเบิกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อย่าง สปป.ลาว เมียนมา มีวัฒนธรรมที่ดี แต่ต้องการให้ไทยช่วยสนับสนุนทางด้านมาตรฐาน คู่มือระเบียบการบิน เทคโนโลยีบางอย่าง เป็นความร่วมมือแลกเปลี่ยนกันอย่างมีนัยสำคัญเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด
“ทอท.พร้อมนำจุดแข็งที่เป็นประโยชน์จากสนามบิน SISTER AIRPORT เข้ามาต่อยอดในบ้านเรา อาทิ การนำรูปแบบของสนามบินในสหภาพยุโรป ด้านมาตรฐานการตรวจสอบทั้งทั้งพืช สัตว์ และสิ่งของ มาใช้เพื่อเป็นฐานส่งออกสินค้าการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย”
สำหรับ ทอท.เมื่อปักหมุด SISTER AIRPORT กับ CLMV ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศไทย และการสัมมนาครั้งนี้ก็จะประกาศเรื่องไทยจะเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการบินภูมิภาคอาเซียน

นายนิตินัยกล่าวว่าปี 2560 ไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับต้น  ๆ ของเอเชีย จึงทำให้มีปริมาณผู้โดยสารผ่านเข้าออกสนามบินของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต หาดใหญ่เชียงใหม่ เชียงราย เกินขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารไปแล้วถึง 21 % แต่ก็จะเร่งนำอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเข้ามาบริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสนามบินของ ทอท.ได้รับความสะดวกมากที่สุด

รวมไปถึงการจัดทำมาตรฐาน แผนปฏิบัติการรับมือผู้โดยสารล้นทะลักอันเนื่องมาจากเที่ยวบินมาลงพร้อมกัน ทำให้เกิดปัญหาคอขวดเรื่องการตรวจหนังสือเดินทางเข้าเมืองล่าช้าใช้เวลายาวนานมาก” ซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นที่ดอนเมืองจนกลายเป็นกระแสโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา

ดร.นิตินัยย้ำว่า ได้จัดทำแผนปฎิบัติการใหม่โดยให้แต่ละสนามบินส่งมาภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2560 นี้ เนื่องจากสนามบินแต่ละแห่งจะมี “หน่วยงานรับผิดชอบ” ขึ้นตรงต่างกันไป เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ให้บริการขนสัมภาระกระเป๋าเข้า-ออกแต่ละเที่ยวบินจะมีสายการบินรับผิดชอบกันเอง ส่วน ทอท.ดูแลเรื่องสายพานกระเป๋าต้องไม่ขัดข้องหรือต้องไม่มีขโมย สะท้อนว่าในสนามบิน ทอท.เป็นเจ้าบ้านมีลูกบ้านอีกหลายหน่วยงานแต่แน่นอน ทอท.ก็ต้องถูกวัดและประเมินผล

ส่วนแผนรับมือกรณีหากเกิดผู้โดยสารทะลักอาคารขาเข้า ล่าสุดทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ “เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเคาน์เตอร์” ใหม่แล้วอีก 14 จุด ทอท.ก็อำนวยความสะดวกเต็มที่ และ ทอท.ในฐานะเจ้าบ้านดูแล 6 สนามบิน ได้สั่งการให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกสนามบินจัดทำ “คู่มือปฏิบัติ” กำหนดเบื้องต้นทำ Early Warning กับสัญญาณเตือน หรือ Alarm โดยดูขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้เต็มที่ 1,000 คนต่อชั่วโมง

 ซึ่งแต่ละวันเมื่อพบข้อมูลสายการบินเตรียมนำผู้โดยสารเข้าใกล้เส้น 1,000 คนก็ต้องรีบเข้าตามแผนที่ 1 ได้แก่ แจ้ง ตม. ทีมขนย้ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบิน เพราะคงจะไม่ใช้การตัดสินใจตามวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละคน เพราะบางคนเคยใช้วิธีดังกล่าวซึ่งล่าช้าเกินไปที่จะรับมือได้ และยังต้องใช้หลักปฏิบัติสากลอย่าง SOP : Standard Operating Procudureในหลายรูปแบบมาใช้รับมือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นางาสาวศศิศุภา สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์) ทอท.กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 ตั้งเป้าที่จะขยายความร่วมมือเพิ่มจำนวน SISTER AIRPORT กับประเทศในอาเซียนอีก 2-3 สนามบิน รวมทั้งจะเปลี่ยนแปลงบริการโดยทยอยนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ เช่น เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ระบบแอพลิเคชั่น และอื่น ๆ เพื่อระบายผู้โดยสารเข้า-ออก จากสนามบินให้ได้เร็วที่สุด ควบคู่กับการต้องนำมาตรฐานด้านความปลอดภัยตามกฎของ ICAO เข้ามาใช้อย่างเคร่งครัดด้วย

ข่าวที่สอง “ไทยแอร์เอเชียบินโครเอเชีย-ยุโรปต้นปี’61”

ไทยแอร์เอเชีย ชิมลางบินตรง โครเอเชีย ยุโรปตะวันออก นำร่อง “กรุงเทพฯ-โปแลนด์” ต้นปี’61 ส่วนเอเชีย พร้อมเปิดจุดบินใหม่ในอินเดีย 2-3 เมือง “จีน” หยุดขยายเมืองหันเพิ่มความถี่แทน ส่วนอาเซียนประเทศสุดท้ายปลายปีนี้บินแน่ “มะนิลา ฟิลิปปินส์”


นายธรรฐพล แบเลเวลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย แอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำโลว์คอสต์แอร์ไลน์ภูมิภาคเอเชีย เตรียมนำ ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ใช้ฝูงบินแอร์บัส A330 เปิดบริการเส้นทางบินประจำระยะไกลไปยัง โครเอเชีย และยุโรปตะวันออก กรุงเทพฯ-โปแลนด์ จะเริ่มได้ช่วงต้นปี2561
ส่วนไทย แอร์เอเชีย ก็จะขยายเครือข่ายเส้นทางบินในตลาดสำคัญอย่าง อินเดีย จะเพิ่มจุดบินอีก 2-3 เมือง ส่วนสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะนี้มีมากกว่า 9 เส้นทาง จึงจะหยุดเปิดเส้นทางใหม่แต่จะหันมาเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินที่มีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่น และเล็งจะเปิดบินอาเซียนซึ่งยังเหลืออีกประเทศเดียวคือ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ คาดจะบินได้ภายในปลายปี 2560 ขณะที่บรูไนคงจะไม่สนใจเข้าไปบินเนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนไม่มาก

นายธรรฐพลกล่าวว่าสถานการณ์การแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชียทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ Low Cost Carrier :LCCs ด้วยกันเองและกับสายการบินบริการจัดแบบจัดเต็ม หรือ Full Service Costs : FSCs ต้องห้ำหั่นกันอย่างรุนแรงทั้งเรื่องราคาและต้นทุนน้ำมันเครื่องบิน แต่ในกลุ่มแอร์ เอเชีย ยังคงเน้นการขยายตลาดในเส้นทางใหม่ด้วยการเปิดเส้นทางที่ไม่ซ้ำกับคู่แข่ง และเตรียมพนักงานให้พร้อมบริการอย่างรวดเร็ว ตรงเวลา และหารายได้เพิ่มจากการขายตั๋วโดยสารคุ้มค่าเงิน จำหน่ายอาหารและสินค้าต่าง ๆ เรื่อยไปจนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการใช้ท่าอากาศยานแต่ละแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ไทย แอร์ เอเชีย รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 ยังคงสามารถทำกำไรสุทธิได้ประมาณ 310 ล้านบาท

ข่าวที่สาม “บางกอกแอร์จับมือบินไทยทำพูลคาร์โก้

นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขนส่งสินค้าและเช่าเหมาลำ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ได้จับมือกับ นายดำรงค์ชัย แสวงเจริญ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ (SPA Special Prorate Agreement) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพในการขนส่งสินค้าทางอากาศของทั้งสองสายการบินให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ณ อาคารศูนย์ปฏิบัติการการบินไทย (OPC) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตกลงความร่วมมือกันให้บริการขนส่งสินค้าร่วมกันบนเส้นทางบินระหว่างประเทศที่แต่ละสายการบินให้บริการอยู่ โดยบางกอกแอร์เวย์ส มีบริการไปยังปกัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม อินเดีย และบังคลาเทศ ส่วนการบินไทยบินไปยัง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน อังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย

ทั้งนี้ การลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ จะช่วยให้ทั้งสองสายการบินสามารถขยายการให้บริการการขนส่งสินค้าทางอากาศไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และออสเตรเลียได้สะดวกและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันต่อจากการให้บริการเที่ยวบินร่วม (Code-Share) ที่มีการลงนามร่วมกันไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย

ข่าวที่สี่ “บางกอกแอร์หยุดบินลำปาง 1ตค.นี้ธุรกิจป่วน”
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบางกอกแอร์เวย์ส ได้แจ้งขอหยุดบิน กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-ลำปาง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 ดังนั้นในวันที่ 4 ก.ย. นี้ จะตัวแทนสายการบินมาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อรัฐจะได้ให้ความช่วยเหลือ เพราะหากหยุดบินก็อาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ ร้านค้าและการท่องเที่ยวชุมชนในลำปางได้
เพราะปัจจุบันท่าอากาศยานลำปางมีบินเพียง 2 สายการบิน คือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์สสัปดาห์ละ 3 เที่ยว และนกแอร์สัปดาห์ละ 2 เที่ยว สถิติผู้โดยสารปี 2559 มีประมาณ 292,905 คน
อย่างไรก็ตามต้องขอให้ผู้ที่เตรียมจองบินกับบางกอกแอร์เวย์ส ไปลำปาง ให้รอความชัดเจนอีกครั้งจากกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม แต่ยังคงใช้บริการนกแอร์ได้ตามปกติที่สนามบินหลักดอนเมือง

แล้วพบกันใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.



วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ทอท.ต่อยอดSister Airportขึ้นผู้นำสนามบินอาเซียน-นำโมเดลยุโรปหนุนส่งออกเกษตรพุ่ง

ทอท.งัดกลยุทธ์ SISTER AIRPORTขึ้นผู้นำอินโดจีน
เพิ่มจุดขายท่องเที่ยวนำโมเดลยุโรปดันส่งออกเกษตร

ทอท.ยึดเวทีสัมมนา “Indochina Aviation Conference 2017” เปิดแนวรุกแผน SISTER AIRPORT ขยายเครือข่ายให้ไทยขึ้นผู้นำสนามบินกลุ่มอินโดจีน เพิ่มจุดขายและกระจายนักท่องเที่ยวล้นเมืองไทย
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ทอท.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนา “Indochina Aviation Conference 2017” ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม 2560 ในประเทศไทย ในหัวข้อหลัก “Greater Heights Accelerating Growth in Indochina Aviation” โดยมีผลมาจากในภูมิภาคอาเซียนอุตสาหกรรมการบินเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก แตกต่างจากก่อนหน้านี้มีเพียงประเทศระดับเศรษฐกิจจากอเมริกา ยุโรป เป็นส่วนใหญ่ที่ครองธุรกิจการบิน ต่อมาเมื่อครึ่งทศวรรษนี้มีนักธุรกิจในกลุ่มอินโดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการบินมากขึ้น และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำหรือ Low Cost Airline เพิ่มทั้งจำนวนเที่ยวเบินและผู้โดยสารอย่างรวดเร็ว
รวมถึง “ดอนเมือง” เป็นสนามบินรองรับตลาดการบินโลว์คอสต์หรือสายการบินต้นทุนต่ำ หลังเหตุการณ์มหาพิบัติภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 2555-2559 ดอนเมืองกลายเป็นสนามบินโลว์คอสต์ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก และเป็นสนามบินศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องหันมาพัฒนาความร่วมมือกับเพื่อนบ้านทั้งทางด้านบริการ การตลาด ซึ่งเป็น 1 ใน International Forum ที่ ทอท.ผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้ ทอท.เป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจการบินของไทยยกระดับให้ประเทศเป็นผู้นำอาเซียน
สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนทางการบินในงาน “Indochina Aviation Conference 2017” ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เกี่ยวข้องจากวงการบินประเทศแถบอินโดจีน CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม รวมกว่า 150 คน

ขณะที่โครงการความร่วมมือก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เข้าไปบุกเบิกความสัมพันธ์กับองค์กรบริหารสนามบินใน CLMV ไว้บ้างแล้วนั้นจะขยายความก้าวหน้าโดยวางตำแหน่ง “สนามบินของไทย” เป็นตัวแทนการแข่งขันในเวทีโลก ซึ่งทำหน้าที่กันไปกับความร่วมมือกับคู่แข่งด้วย ทอท.จึงลงนาม MOU ร่วมมือเป็น Sister Airport กับ 15 สนามบินนานาชาติ ทำ Brenchmark ชัดเจน แลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดเป็นทางการ แลกเปลี่ยนการดูงานที่มีความโดดเด่นเพื่อนำมาพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งของสนามบินเมืองไทย
โดย ทอท.ได้แลกเปลี่ยนความร่วมมือสนามบินบ้านพี่เมืองน้อง หรือ SISTER AIRPORT ตั้งแต่ระดับสากลโลก คือสนามบินเมืองเท็กซัส (สหรัฐอเมริกา)  มิวนิค (เยอรมัน) ล่าสุดก็ขยับเข้ามาใกล้ประเทศไทยใน CLMV เพราะต่างก็มี knowhow หรือต้องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมถึงการเริ่มต้นในบางเรื่องก่อนก็จะมีความโดดเด่นในฐานะผู้บุกเบิกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อย่าง สปป.ลาว เมียนมา มีวัฒนธรรมที่ดี แต่ต้องการให้ไทยช่วยสนับสนุนทางด้านมาตรฐาน คู่มือระเบียบการบิน เทคโนโลยีบางอย่าง เป็นความร่วมมือแลกเปลี่ยนกันอย่างมีนัยสำคัญเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด
“ทอท.พร้อมนำจุดแข็งที่เป็นประโยชน์จากสนามบิน SISTER AIRPORT เข้ามาต่อยอดในบ้านเรา อาทิ การนำรูปแบบของสนามบินในสหภาพยุโรป ด้านมาตรฐานการตรวจสอบทั้งทั้งพืช สัตว์ และสิ่งของ มาใช้เพื่อเป็นฐานส่งออกสินค้าการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย”
สำหรับ ทอท.เมื่อปักหมุด SISTER AIRPORT กับ CLMV ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศไทย และการสัมมนาครั้งนี้ก็จะประกาศเรื่องไทยจะเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการบินภูมิภาคอาเซียน
นายนิตินัยกล่าวว่าปี 2560 ไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับต้น  ๆ ของเอเชีย จึงทำให้มีปริมาณผู้โดยสารผ่านเข้าออกสนามบินของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต หาดใหญ่เชียงใหม่ เชียงราย เกินขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารไปแล้วถึง 21 % แต่ก็จะเร่งนำอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเข้ามาบริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสนามบินของ ทอท.ได้รับความสะดวกมากที่สุด รวมไปถึงการจัดทำมาตรฐาน แผนปฏิบัติการรับมือผู้โดยสารล้นทะลักอันเนื่องมาจากเที่ยวบินมาลงพร้อมกัน ทำให้เกิดปัญหาคอขวดเรื่องการตรวจหนังสือเดินทางเข้าเมืองล่าช้าใช้เวลายาวนานมาก” ซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นที่ดอนเมืองจนกลายเป็นกระแสโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา

ดร.นิตินัยย้ำว่า ได้จัดทำแผนปฎิบัติการใหม่โดยให้แต่ละสนามบินส่งมาภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2560 นี้ เนื่องจากสนามบินแต่ละแห่งจะมี “หน่วยงานรับผิดชอบ” ขึ้นตรงต่างกันไป เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ให้บริการขนสัมภาระกระเป๋าเข้า-ออกแต่ละเที่ยวบินจะมีสายการบินรับผิดชอบกันเอง ส่วน ทอท.ดูแลเรื่องสายพานกระเป๋าต้องไม่ขัดข้องหรือต้องไม่มีขโมย สะท้อนว่าในสนามบิน ทอท.เป็นเจ้าบ้านมีลูกบ้านอีกหลายหน่วยงานแต่แน่นอน ทอท.ก็ต้องถูกวัดและประเมินผล
ส่วนแผนรับมือกรณีหากเกิดผู้โดยสารทะลักอาคารขาเข้า ล่าสุดทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ “เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเคาน์เตอร์” ใหม่แล้วอีก 14 จุด ทอท.ก็อำนวยความสะดวกเต็มที่ และ ทอท.ในฐานะเจ้าบ้านดูแล 6 สนามบิน ได้สั่งการให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกสนามบินจัดทำ “คู่มือปฏิบัติ” กำหนดเบื้องต้นทำ Early Warning กับสัญญาณเตือน หรือ Alarm โดยดูขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้เต็มที่ 1,000 คนต่อชั่วโมง
 ซึ่งแต่ละวันเมื่อพบข้อมูลสายการบินเตรียมนำผู้โดยสารเข้าใกล้เส้น 1,000 คนก็ต้องรีบเข้าตามแผนที่ 1 ได้แก่ แจ้ง ตม. ทีมขนย้ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบิน เพราะคงจะไม่ใช้การตัดสินใจตามวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละคน เพราะบางคนเคยใช้วิธีดังกล่าวซึ่งล่าช้าเกินไปที่จะรับมือได้ และยังต้องใช้หลักปฏิบัติสากลอย่าง SOP : Standard Operating Procudureในหลายรูปแบบมาใช้รับมือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นางาสาวศศิศุภา สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์) ทอท.กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 ตั้งเป้าที่จะขยายความร่วมมือเพิ่มจำนวน SISTER AIRPORT กับประเทศในอาเซียนอีก 2-3 สนามบิน รวมทั้งจะเปลี่ยนแปลงบริการโดยทยอยนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ เช่น เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ ระบบแอพลิเคชั่น และอื่น ๆ เพื่อระบายผู้โดยสารเข้า-ออก จากสนามบินให้ได้เร็วที่สุด ควบคู่กับการต้องนำมาตรฐานด้านความปลอดภัยตามกฎของ ICAO เข้ามาใช้อย่างเคร่งครัดด้วย



วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ททท.จัดโผแต่งตั้งใหม่ผู้บริหาร 15 ตำแหน่ง -บอร์ดสลับเก้าอี้ ผอ. 5 ภูมิภาค


บอร์ดอนุมัติโผใหม่โยกผู้บริหาร ททท.15 ตำแหน่ง
สลับผอ.5 ภูมิภาค-ที่ปรึกษา-การเงินบัญชี-กิจกรรม

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : #gurutourza #Amazingthialand #thailandproduct #thailandfest

บอร์ด ททท.มีมติแต่งตั้ง “โผผู้บริหาร ททท.15 ตำแหน่ง” สลับย้ายตามเหมาะสมตามข้อเสนอผู้ว่าการ เริ่ม 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

ในการประชุมคณะกรรมการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครั้งที่ 9/2560 วันที่ 23  สิงหาคม 2560มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพนักงานดำรงตำแหน่งทางการบริหารและตำแหน่งทางการอำนวยการ ระดับ 9 และ 10 ตามผู้ว่าการ ททท.เสนอ ซึ่งจะมีผลตามตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

 ตามขั้นตอนนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.จะต้องลงนามคำสั่งตามมติบอร์ดให้แล้วเสร็จปลายเดือนสิงหาคม 2560 ทั้งหมด 15 ตำแหน่ง

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ขึ้นที่ปรึกษา 10

1. นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร เป็น ที่ปรึกษา ระดับ10 2. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์เป็น ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ 3. นางสุนีย์ อภิชาตกุลชัย เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี 4. ขวัญจิตร เป็น ผู้อำนวยการบริหารทั่วไป  5. นางสาวอังคณา พุ่มผกาเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ขึ้นผอ.สำนักผู้ว่าการ ททท.


6. นายสมชาย ชมภูน้อย เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ7. นายวิบูลย์ นิมิตวานิช เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออก 8.นางสมฤดี จิตรจง เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ 9. นางปานจิตร สันทัดกลกาล เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง 10. นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ เป็น ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้

อังคณา พุ่มผกา ขึ้นผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน

11. นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ 12. นางสาวสุปราณี ป้องปัด เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาด 13.อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ เป็นที่ปรึกษา 9

14. ยุพา ปานรอด เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม และ 15.นายบัญญัติ กาฬสุวรรณ เป็นผู้อำนวยการตรวจสอบภายใน ททท.

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ทอท.เปิดแผนปฎิบัติการ6สนามบิน-เที่ยวศูนย์ศิลปาชีพเนินธัมมัง นครศรีธรรมราช

ผู้นำทอท.เปิดแผนปฏิบัติการเชิงรุก4ประเด็นฮ็อต
จัดแถวบริการใหม่-ดึงCLMVหนุนไทยฮับอาเซียน
คนไทย-สมาชิกช้อปคิงเพาเวอร์ได้ลด/ฟรีส.ค.นี้
ThailandGastronomyพ่วง10ร้านดังขายในสยาม
บางจากลุยปิโตร-แบตเตอรี่ลิเทียมรับเทรนด์โลก
ชมศูนย์ศิลปาชีพเนินธัมมังนครศรีมีดีหลายอย่าง
ครึ่งปี4แอร์ไลน์ชั้นนำไทยขาดทุนยับ-กำไรลด
รัฐเร่งทีโออาร์ชวนเอกชนร่วมPPPดันEECโตเร็ว

สวัสดีวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen  ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand

ช่วงที่ 1 ผู้นำ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมจะมาเล่าเรื่องราว 4 ประเด็นฮ็อตของ ทอท.มีแผนปฏิบัติการเดินหน้าอย่างแจ่มชัดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปทุก ๆ มุม
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงประเด็นใน 4 ฮ็อต เริ่มจาก 1.การเดินหน้าใช้กฎเหล็กมาปฏิบัติในทุกสนามบินเพื่อตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารทุกคนก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อทำให้ไทยพ้นจากธงแดงของ “องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ : International Civil Aviation Organization : ICAO
2.แผนปฏิบัติการฉบับใหม่ถอดด้ามเพื่อรับมือเที่ยวบินทะลักผู้โดยสารล้นสนามบิน 3.ผลการประมูล “พื้นที่เชิงพาณิชย์ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง ขนาด 2,510 ตารางเมตร ล่าสุด บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ชนะประมูลรอรายงานที่ประชุมบอร์ด 23 สิงหาคม นี้ และ 4.การเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนา INDOCHINA AVIATION CONFERENCE 2017 ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม 2560
ดร.นิตินัย เปิดเผยว่า ประเด็นแรก “การประกาศใช้กฎเหล็กของ ICAO ตามแนวทางของคนวงการบินจะคุ้นชินกับศัพท์เฉพาะด้านการดูแลความปลอดภัยในท่าอากาศยานนานาชาติ” ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกันอยู่ 2 คำ คือ คำแรก USOP คือการตรวจเรื่อง Safety ส่วน อีกคำคือ USAP การตรวจเรื่อง Security ซึ่งเป็นอันตรายซึ่งเกิดจากการกระทำของคนทางจึงต้องพุ่งเป้าให้ความสำคัญการตรวจวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สนามบินต่าง ๆ ซึ่งทั่วโลกจะพูดกันถึง การก่อการร้าย ขู่ระเบิดขึ้นเครื่อง เรื่องเหล่านี้แต่ละสนามบินต้องมีมาตรการจัดการอย่างเป็นระบบ
ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2560 ทางทีมของ ICAO มาตรวจทานการทำงานของรัฐ เรื่อยไปจนถึงการตรวจเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติการประจำสนามบิน ระหว่างเดินทางมาตรวจในไทย ICAO ได้ขอตรวจการทำงานของ 2 สนามบินเรื่อง Security ทั้งหมด โดยลงมาดูของจริงหลังจากให้เอกสารเป็นคู่มือปฏิบัติมาแล้ว ซึ่งมีกำหนดไว้ประมาณ 460 ข้อ ซึ่ง ทอท.ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด
ดังนั้น ทอท.จึงขอให้ “ผู้โดยสารทุกคน” ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สนามบิน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.อุปกรณ์การใช้ภายในสนามบิน ICAO ได้มาดูวิธีการใช้งานของคนถูกต้องตามกระบวนการ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีใบรับรองจากหน่วยงานกำกับการผลิตมาเรียบร้อยแล้ว แต่ในสนามบินนั้น ICAO มาดูกระบวนการตรวจเช็คสัมภาระผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง แนะนำเป็นข้อท้วงติงเล็กน้อย เช่น ให้หมุนเวียนพนักงานตรวจเช็คที่นั่งทำงานต่อเนื่องนาน ๆ อาจเกิดความล้าได้
ทอท.ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในระหว่างที่ ICAO เดินทางมาตรวจสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ทั้งจากผู้ใช้บริการและหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันอย่าง บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานต่าง ๆ
สำหรับการฝ่าฝืนกฎทางด้านการนำวัตถุต้องห้ามขึ้นเครื่อง เนื่องจาก สนามบินที่ ทอท.ดูแลมีผู้โดยสารใช้งานปีละกว่า 120 ล้านคน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้ฝ่าฝืนอยู่บ้างแต่จำนวนไม่มาก ปัจจุบัน ทอท.จึงได้พยายามทำโครงการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระเพื่อใช้ความสุภาพในงานบริการผู้โดยสารทุกคน โดยมีจุด “เช็คพอยต์” เป็นจุดที่จะต้องติดต่อกับผู้โดยสารในสนามบินมีอย่างต่ำ 10 จุด อาทิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ และอื่น ๆ
ทอท.เริ่มกระบวนการนี้แห่งแรกใน “ดอนเมือง” เพราะจำนวนผู้โดยสารมากปีละกว่า 120 ล้านคนนั้น ย่อมมีบางคนไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยมีสัญลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้ผ่านการอบรมมาตรการบริการมาเป็นอย่างดีแล้วจะมี “รูปหัวใจติดอยู่” เพื่อบอกว่าพร้อมให้บริการอย่างดีแก่ทุกคน

ประเด็นที่ 2 “แผนปฏิบัติการรับมือผู้โดยสารล้นทะลักอันเนื่องมาจากเที่ยวบินมาลงพร้อมกัน ทำให้เกิดปัญหาคอขวดเรื่องการตรวจหนังสือเดินทางเข้าเมืองล่าช้าใช้เวลายาวนานมาก” ซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นที่ดอนเมืองจนกลายเป็นกระแสโซเชียลนั้น
ดร.นิตินัยอธิบายว่าจะแยกเป็นส่วน เพราะสนามบินแต่ละแห่งจะมี “หน่วยงานรับผิดชอบ” ขึ้นตรงต่างกันไป เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้ให้บริการขนสัมภาระกระเป๋าเข้า-ออกแต่ละเที่ยวบินจะมีสายการบินรับผิดชอบกันเอง ส่วน ทอท.ดูแลเรื่องสายพานกระเป๋าต้องไม่ขัดข้องหรือต้องไม่มีขโมย สะท้อนว่าในสนามบิน ทอท.เป็นเจ้าบ้านมีลูกบ้านอีกหลายหน่วยงานแต่แน่นอน ทอท.ก็ต้องถูกวัดและประเมินผล
ส่วนแผนรับมือกรณีหากเกิดผู้โดยสารทะลักอาคารขาเข้า ล่าสุดทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้จัดทำแผนปฏิบัติการ “เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเคาน์เตอร์” ใหม่แล้วอีก 14 จุด ทอท.ก็อำนวยความสะดวกเต็มที่ และ ทอท.ในฐานะเจ้าบ้านดูแล 6 สนามบิน ได้สั่งการให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกสนามบินจัดทำ “คู่มือปฏิบัติ” กำหนดเบื้องต้นทำ Early Warning กับสัญญาณเตือน หรือ Alarm โดยดูขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้เต็มที่ 1,000 คนต่อชั่วโมง
 ซึ่งแต่ละวันเมื่อพบข้อมูลสายการบินเตรียมนำผู้โดยสารเข้าใกล้เส้น 1,000 คนก็ต้องรีบเข้าตามแผนที่ 1 ได้แก่ แจ้ง ตม. ทีมขนย้ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารแต่ละเที่ยวบิน เพราะคงจะไม่ใช้การตัดสินใจตามวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละคน เพราะบางคนเคยใช้วิธีดังกล่าวซึ่งล่าช้าเกินไปที่จะรับมือได้ และยังต้องใช้หลักปฏิบัติสากลอย่าง SOP : Standard Operating Procudureในหลายรูปแบบมาใช้รับมือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดอนเมืองเมื่อครั้งก่อนนั้น ทอท.ต้องขออภัยผู้โดยสารทุกคน เพราะการลงจอดล่าช้าแล้วย้ายจากที่อื่นมาลงดอนเมืองพร้อมกันถึง 25 เที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารคับคั่งเต็มสนามบินขาเข้าเมืองไทย
ประเด็นที่ 3 “ผลการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง” ขนาดพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร ระยะเวลาสัมปทานให้เอกชนผู้ชนะประมูลดำเนินธุรกิจ 10 ปี
ดร.นิตินัย กล่าวว่าโครงการประมูลดำเนินธุรกิจบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ครั้งนี้ ทอท.ได้กำหนดราคากลางไว้ที่ 6,000 บาท/ตารางเมตร มีเอกชนสนใจยื่นประมูล 4 ราย โดยตกคุณสมบัติไปเกี่ยวกับแบงก์การันตี 1 ราย เหลือแข่งขันกัน 3 ราย ส่วนรายชื่อผู้ชนะคือ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เสนอจ่ายผลตอบแทนราว 9,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งรายที่ 2 เกือบ 1 เท่า และสูงกว่าราคากลางของ ทอท.เกือบ ครึ่งเท่าเช่นกัน ขณะที่รายที่ 3 เสนอจ่ายผลตอบแทนต่ำกว่าราคากลาง
ดังนั้นผลสรุปในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณารายได้ ทอท.ซึ่งมีผม “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นประธาน มีมติให้เสนอชื่อบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ในฐานะเอกชนผู้เสนอจ่ายผลตอบแทน ทอท.สูงสุดให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 23 สิงหาคม 2560
ตามขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อให้เอกชนผู้ชนะการประมูลรับสิทธิ์บริหารพื้นที่ คือ 1.หลังจากที่ประชุมบอร์ด ทอท.มีมติเรียบร้อยแล้ว 2.ทอท.จะจัดทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ชนะการประมูลรับทราบอย่างเป็นทางการ พร้อมกับให้เวลา 90 วัน เข้ามาตกแต่งพื้นที่และเริ่มดำเนินธุรกิจ หากผู้รับสัมปทานสามารถตกแต่งแล้วเสร็จก่อน 90 วัน ก็สามารถเปิดบริการเร็วขึ้นได้ ภายใต้กรอบสัญญาสัมปทาน 10 ปี
ดร.นิตินัยย้ำว่าการเปิดประมูลโครงการดังกล่าว ได้ยึดระเบียบปฏิบัติเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะตลอดกระบวนการแต่ละขั้นตอนการพิจารณารายชื่อผู้ยื่นประมูลโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง ทาง ทอท.ได้ทำหนังสือเชิญหน่วยงานกลางมาร่วมมอนิเตอร์การประมูล รวมถึงให้จัดทำบันทึก VDO ไว้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันความกังขาจากทุกฝ่าย จึงขอยืนยันถึงการทำงานของคณะกรรมการประมูลเน้นความถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม

ประเด็นที่ 4 “ทอท.เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนา “Indochina Aviation Conference 2017” ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม 2560 ในประเทศไทย เป็นผลมาจากในภูมิภาคอาเซียนอุตสาหกรรมการบินเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก แตกต่างจากก่อนหน้านี้มีเพียงประเทศระดับเศรษฐกิจจากอเมริกา ยุโรป เป็นส่วนใหญ่ที่ครองธุรกิจการบิน ต่อมาเมื่อครึ่งทศวรรษนี้มีนักธุรกิจในกลุ่มอินโดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการบินมากขึ้น
รวมถึง “ดอนเมือง” เป็นสนามบินรองรับตลาดการบินโลว์คอสต์หรือสายการบินต้นทุนต่ำ หลังเหตุการณ์มหาพิบัติภัยน้ำท่วมใหญ่ปี 2555-2559 ดอนเมืองกลายเป็นสนามบินโลว์คอสต์ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก และเป็นสนามบินศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องหันมาพัฒนาความร่วมมือกับเพื่อนบ้านทั้งทางด้านบริการ การตลาด ซึ่งเป็น 1 ใน International Forum ที่ ทอท.ผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้ ทอท.เป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจการบินของไทยยกระดับให้ประเทศเป็นผู้นำอาเซียน
สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนทางการบินในงาน “Indochina Aviation Conference 2017” ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เกี่ยวข้องจากวงการบินประเทศแถบอินโดจีน CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม
ขณะที่โครงการความร่วมมือก่อนหน้านี้ ทอท.ได้เข้าไปบุกเบิกความสัมพันธ์กับองค์กรบริหารสนามบินใน CLMV ไว้บ้างแล้วนั้นจะขยายความก้าวหน้าโดยวางตำแหน่ง “สนามบินของไทย” เป็นตัวแทนการแข่งขันในเวทีโลก ซึ่งทำหน้าที่กันไปกับความร่วมมือกับคู่แข่งด้วย ทอท.จึงลงนาม MOU ร่วมมือเป็น Sister Airport กับ 15 สนามบินนานาชาติ ทำ Brenchmark ชัดเจน แลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดเป็นทางการ แลกเปลี่ยนการดูงานที่มีความโดดเด่นเพื่อนำมาพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งของสนามบินเมืองไทย
โดยได้แลกเปลี่ยนตั้งแต่ระดับสากลโลกสนามบินเมืองเท็กซัส (สหรัฐอเมริกา)  มิวนิค (เยอรมัน) ล่าสุดก็ขยับมาใกล้บ้านใน CLMV เพราะต่างก็มี knowhow หรือต้องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน รวมถึงการเริ่มต้นในบางเรื่องก่อนก็จะมีความโดดเด่นในฐานะผู้บุกเบิกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ อย่าง สปป.ลาว เมียนมา มีวัฒนธรรมที่ดี แต่ต้องการให้ไทยช่วยสนับสนุนทางด้านมาตรฐาน คู่มือระเบียบการบิน เทคโนโลยีบางอย่าง เป็นความร่วมมือแลกเปลี่ยนกันอย่างมีนัยสำคัญเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด
สำหรับ ทอท.เมื่อปักหมุด SISTER AIRPORT กับ CLMV ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศไทย และการสัมมนาครั้งนี้ก็จะประกาศเรื่องไทยจะเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการบินภูมิภาคอาเซียน
ทั้ง 4 ประเด็นฮ็อต ที่ผู้นำ ทอท.นำเสนอนั้น จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้น หากคนไทยทำความเข้าใจแล้วช่วยกันคนละไม้ละมือ “สนามบินเมืองไทย” จะก้าวไปได้ไกลทัดเทียมการเป็นศูนย์กลางการบินเชื่อมทุกมุมโลกเข้าด้วยกันได้

ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ลดแจกคนไทยและสมาชิกตลอส.ค.”

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำร้านค้าดิวตี้ฟรีเมืองไทย จัดเต็มกิจกรรมที่พร้อมจะมอบให้ “ลูกค้าคนไทย และสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์” รับส่วนลด 500 บาท (สำหรับการซื้อสินค้า 2,000 บาทขึ้นไป (Gross Sales) / ใบเสร็จรับเงิน) พร้อมทั้งลุ้นรับคืนสูงสุด 10,000 บาท เมื่อช็อปครบทุก 10,000 บาท (สุทธิ)
สำหรับรายการลุ้นรับคืนสูงสุด 10,000 บาท สมาชิกที่ได้รับของรางวัลที่มีมูลค่า 1,000 บาทขึ้นไป จะต้องชำระค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% โดยรายการผ่อนชำระ สามารถร่วมรายการได้
รวมทั้งยังให้ฟรี! Kipling Backpack 1 ใบต่อคนต่อวัน เมื่อช็อปสินค้า 1.ช็อปครบ 35,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) ที่สาขา คิง เพาเวอร์ Pop-Up Store และ ศรีวารี หรือ 2.ช็อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) รับกระเป๋า Kipling Backpack 1 ใบ ที่สาขา คิง เพาเวอร์ พัทยา และภูเก็ต
วิธีรับกระเป๋า Kipling Backpack เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้าทางคิง เพาเวอร์จึงขอสมาชิกไปรับ ณ จุด Pick Up Counter ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ตเท่านั้น

ข่าวที่ 2 “ปิดสยามฯจัดGastronomy-10ร้านดังรุกขายข้าว”

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งแระเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้จัดมหกรรม "Thailand Live Gastronomy-เทศกาลอาหารเพื่อการท่องเที่ยวแบบถึงราก...ถึงโคน" โดยร่วมกับภาคีพันธมิตรคัดสรรอาหารร้านดังมาต่อยอดอาหารถิ่น 5 ภูมิภาค ระหว่าง 25-27 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00-21.00 น.ณ บริเวณ สยามสแควร์ซอย 7 โดยได้เชื่อมเโยงแหล่งวัตถุดิบอาหารจากแต่ละแหล่งพื้นที่ มาเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสความอร่อย ให้สมกับที่ทั่วโลกยกย่องอาหารไทย
จากผลสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ อาหารไทย 7 ชนิดติดอันดับโลก การจัดงานนี้เพื่อรักษาและต่อยอดอาหารไทยก้าวไกลไปข้างหน้า เป็นกลยุทธ์สำคัญของการเพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่น ภายในงานจะเน้นความสด มีชีวิตชีวา ดึงความสนใจให้คนหันมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้
ตลอดงาน 3 วัน ได้ปิดสยามสแควร์ โเยไเแยกโซน
1.The Original Zone เป็นการคัดสรรร้านชั้นนำต้นสายความอร่อยกว่า 30 ร้านค้า

 2. Food Street คัดสรรร้านอาหาร ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านความอร่อย จากร้านอาหารริมทางสุดอร่อย เมนูคัดพิเศษจาก 7 ย่าน Street Food ชื่อดังทั่วกรุงเทพมหานครกว่า 42 ร้าน

 3.Seafood นำอาหารทะเลของหมู่บ้านชาวประมงภาคใต้ ที่จับเอง ขนเอง ขายเอง มาให้รับประทานกันแบบสด ๆ รวมกว่า 6 ร้าน

 4.Thailand Signature ประกอบด้วย Signature คือ ต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, ส้มตำ, แกง (แกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น และต้มข่าไก่) และ โมดิฟายตุ๊กตุ๊ก เป็น Food Truck 4 คัน เพื่อรองรับ Signature

 5.Gastronomy Innovation นำนวัตนกรรมการทำอาหารไทยด้วยศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงมาสาธิตให้ชม โดยเชฟผู้เชี่ยวชายชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงด้าน Molecular Gastronomy คือ Chef Jacobo Astray, Chef FABIO FIORELLI และมีเชฟไทยชื่อดังคอยดูแลอย่างใกล้ชนิด Chef Nutthapol (Nick)

6. Thai Fruits นำผลไม้นานาชนิด และผลไม้ไทยพื้นเมืองหายาก จากชาวสวนแท้ ๆ มาเปิดร้านให้ชิมกว่า 6 ร้าน

 7.Organic Food รังสรรอาหารที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี ทำให้เกิดผลผลิตที่เติบโตตามธรรมชาติอย่างแท้จริง มาไว้ในงานด้วยกว่า 6 ร้าน

 8. All About rice คัดเลือกนำข้าวไทยในรูปแบบข้าวสาร และเมนูข้าวสารพัดข้าว และนิทรรศการข้าวไทย มาให้ชิมอีกกว่า 6 ร้าน

9. Live Performance จัดกิจกรรมสไตล์บันเทิง 4 แนว ได้แก่ โชว์มวยไทย (องค์บาก), การแสดงของศิลปินนักร้อง การแสดงเป็นวงดนตรี และการแสดงสไตล์สนุกสนาน

นางธนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่าได้รับโจทก์ใหญ่เรื่อง "ข้าว" ทำเป็น RICE LIST จึงได้รวบรวมข้าวไทยแต่ละสายพันธุ์คือ สังข์หยด ลืมผัว และอื่น ๆ อีกหลายพันธุ์ เข้าสู่ร้านอาหารที่เป็นสมาชิกภัตตาคารไทย ซึ่งข้าวแต่ละชนิดดังกล่าวได้แหล่งผลิตใน อตก.พร้อมทั้งได้ไปชวน 10 ร้านอาหาร คิดค้นเมนูเพื่อออกแบบข้าวที่สามารถกินร่วมกับแกงแต่ละชนิดได้รสชาติอร่อยที่สุด

ในงาน "Thailand Live Gastronomy-เทศกาลอาหารเพื่อการท่องเที่ยวแบบถึงราก...ถึงโคน" ทางสมาชิกร้านอาหารดัง 10 แห่ง จะนำเมนูอาหารพร้อมข้าวสวยสายพันธุ์ต่าง ไปตั้งให่ชิมรสชาติ ทำความรู้จักกับสายพันธุ์ข้าว ประกอบด้วย
1 ร้านอาหารบลูไรซ์ กาญจนบุรี ข้าวหอมมะลินิลและแกงมัสมั่น
2 ร้านอาหารพรไพลินริเวอร์ไซด์ กาญจนบุรี ข้าวกล้องไรซเ์บอรี่และแกงฮังเล
3 ร้านครัวคุณกุ้ง ข้าวกล้องหอมมะลิและต้มข่าไก่
4 ร้านครัวริมน้ำท้ายเกาะ ปทุมธานี ข้าวกล้องหอมมะลินิลและแกงเขียวหวานไก่
5 ร้านครัวเจ๊ง้อ ข้าว5สีผัดปลาแซลมอนเค็ม และข้าว5สีอบเผือก
6 ร้านภัตตาคารมังกรหลวง ข้าว 5 สีและข้าวเหนียวลืมผัวกับแกงส้มชะอมกุ้งและปลาสลิดทอด
7 ร้านครัวกล่องทิพย์ ข้าวเหนียวลืมผัวกับไก่ทอดแซ่บและซุปต้มยำ ข้าวหอมมะลินิลกับหมูผัดกะปิและซุปเต้าหู้
8 ร้านส้มตำคุณกัญจณ์ ข้าวเหนียวลืมผัวกับส้มตำไทย
9 ร้านนิตยาไก่ย่าง ข้าวเหนียวลืมผัวกับไก่ย่าง
10 ร้านอาหาร Bottom Up ข้าวไรซ์เบอรี่กับสเต๊กปลาแซลมอน
10 ร้านอาหารชื่อดังจะนำอาหารดังกล่าวมาจำหน่ายในงาน เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทย เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมีการจัดทำ Rice List หรือเมนูข้าวต่างๆเช่นเดียวกับอาหารไทยได้ในอนาคต และสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือ Gastronomy Tourism และ Gastronomy Hub ของไทยได้ในอนาคตทาง ทั้งนี้สมาคมภัตตาคารไทย จะสนับสนุน และผลักดันให้มีร้านอาหารไทยเพิ่มมากขึ้นในการเข้าร่วมโครงการ Rice Listในอนาคตอีกด้วย

ทางด้าน “เชฟนิค-ณัฏฐพล ภวไพบูลย์” ได้อธิบายความหมายของ Gastronomy ว่า คือศาสตร์การทำอาหาร ซึ่งนำมาจากแหล่งปรุงด้วยส่วนผสม โดยมีส่วนพิเศษในการใช้ foodscience ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรุงแต่ละเมนู โดยจะโชว์วิธีการทำให้ชมกันในงาน Thailand Live Gastronomy วันละ 3 รอบ รอบละ 40 คน และเปิดให้แลกเปลี่ยนมุมมองเสนอเรื่องนวัตกรรมอาหารใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นศาสตร์การทำอาหารใหม่ ๆ โดยมีเชฟ Gastromy Expert ต่างประเทศมาสาธิตให้ชมทุกวัน
เมนูไฮไลต์คือ “ไอสครีมแกงเขียวหวาน ที่เรียกว่า “Molecular” นำส่วนผสมของแกงเขียวหวานไทยใช้ไฮโดรเจนในปริมาณเบาบางทำในเชิงเทคนิคให้เกิดการแข็งตัวเป็นไอศรีม นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการทำอาหารนวัตกรรมใหม่อีก 5-6 เทคนิคด้วย

ข่าวที่ 3 “บางจากลุยปิโตรเคมี-แบตลิเทียมรับเทรนด์อนาคต”
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโรงกลั่นและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BCPW  กล่าวว่า บางจากอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในไทยและอาเซียน โดยอาจจะตั้งโรงงานใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายใน 4-5 ปีข้างหน้า เป็นการวางแผนลงทุนรองรับอนาคตการเติบโต หลังจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เริ่มเข้ามามีบทบาทและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จึงอาจจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันและยอดขายน้ำมันช่วง 10 ปีข้างหน้า
การเลือกพื้นที่ลงทุนปิโตรเคมีในอนาคตของบางจากจะต้องพิจารณาถึงความต้องการ (demand) และปริมาณการผลิต (supply)ให้สอดคล้องกัน ส่วนการศึกษาความเป็นไปได้คงจะไม่สามารถใช้พื้นที่บริเวณโรงกลั่นบางจากได้ เพราะมีขนาดเล็กและต้องประเมิผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ BCP กล่าวว่า ในอนาคต 5-15 ปีข้างหน้า ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง แต่บางจากเองก็ได้เพิ่มช่องทางการลงทุนในธุรกิจลิเทียมเพื่อรองรับการทำแบตเตอรี่ลิเทียมในรถยนต์ไฟฟ้า โดยได้เข้าถือหุ้น 16.1% ใน Lithium Americas Corp. (LAC) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาเหมืองลิเทียมในอาร์เจนตินาคู่ขนานไปด้วยกัน

ข่าวที่ 4 “แชะแชร์Roadtripทั่วไทยกับบางจากลุ้นรับแสนห้า”

บริษัท แบงค์คอกไรเตอร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด รายงานว่า  บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เครือข่ายพันธมิตรวันธรรมดา น่าเที่ยว ประกาศจับมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.  – 10 ก.ย. 2560 จัดกิจกรรม “Amazing People” เติมความสุขทุกเส้นทางกับเส้นทางสุดอะเมซิ่ง Roadtrip ทั่วไทย ตลอดเส้นทางเชิญชวนนักท่องเที่ยว “แชะ” ภาพประทับใจแล้ว “แชร์” ให้ทุกคนได้เห็น เพื่อลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ มอบบัตรสมาชิกบางจากพร้อมคะแนน เพื่อใช้เติมน้ำมัน รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มูลค่ารวมถึง 150,000 บาท
ลุ้นรับรางวัลได้ตามขั้นตอนดังนี้
1.อัพโหลดภาพของคุณ ผ่านเว็บไซต์ www.bangchakroadtrip.com
2.อัพโหลดภาพตามโจทย์ กิจกรรม: Amazing People เริ่ม 28 ส.ค.  – 10 ก.ย. 2560
3. เลือกกรอบที่ใช่ พร้อมติดสติ๊กเกอร์น้องจริงใจ หรือ น้องข้าวกล้องเพื่อตกแต่งรูป
4. แชร์หรือโพสต์ภาพ Amazing Roadtrip ของคุณ ผ่าน Facebook และ/หรือ Instagram ของคุณ (กรุณาตั้งค่าเป็น Public)
5.Hashtag #BangchakAmazingRoadtrip และ #AmazingRoute เพื่อลุ้นรับรางวัล

ลุ้นรับ 3 รางวัล ได้แก่
รางวัลที่ 1 บัตรสมาชิกบางจากพร้อมคะแนนเพื่อเติมน้ำมัน รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มูลค่า 10,000 บาท 1 รางวัล
รางวัลที่ 2 บัตรสมาชิกบางจากพร้อมคะแนนเพื่อเติมน้ำมัน รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มูลค่า 5,000 บาท 2 รางวัล
รางวัลที่ 3 บัตรสมาชิกบางจากพร้อมคะแนนเพื่อเติมน้ำมัน รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มูลค่า 3,000 บาท 10 รางวัล

ช่วงที่ 2 ตามไปชม “ศูนย์ศิลปาชีพเนินธัมมัง นครศรีธรรมราช” สถานที่พลิกชีวิตความยากจนให้เป็นชุมชนเข้มแข็งที่มีอาชีพทอผ้าและชุดโขนอย่างมั่นคง ส่วนเรื่องสุขภาพหน้าฝนกับ 7 วิธีขับรถอย่างปลอดภัย และข่าววิเคราะห์เหตุใด 4 แอร์ไลน์แถวหน้าของไทยถึงหายใจไม่ทั่วท้อง ขาดทุนท่วมกำไรน้อยนิด และการเร่งเปิดเงื่อนไขให้เอกชนมาลงทุนตามกรอบ PPP ในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก EEC

@ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง นครศรีธรรมราช

สถานที่ยังประโยชน์ได้หลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน ทั้งเพื่อการท่องเที่ยว การศึกษาเรียนรู้ ดูงานกลุ่มประชุมสัมมนา ในโครงการพระราชดำรินั้นมีอยู่ทั่วประเทศ
เช่นเดียวกับ “ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง” ในตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช กว่า 23 ปีที่ผ่านมา ในช่วง พ.ศ. 2537 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้ก่อตั้งโครงการ “ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง” เพื่อลดปัญหาความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่และหมู่บ้านใกล้เคียง
พระอง์ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ก่อสร้างศิลปาชีพขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ราษฎรายได้เพิ่มขึ้น ต่อมาในปี 25=h40 พระองค์ทรงมีพระราชเสาวีนีย์ให้ก่อสร้างอาคารศิลปาชีพหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่า เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นห้องโถงเปิดโล่ง ใช้พื้นที่เปฏิบัติงานของ “กลุ่มทอผ้า” ส่วนชั้นบนเป็น “ห้องทรงงานส่วนพระองค์”
จากนั้นปี 2547 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญการทอผ้ายกมาฝึกสอนจนสามารถ “ทอผ้ายกเมืองนคร” ได้อย่างสวยงาม สมาชิกสามารถทอผ้ายกตามแบบราชสำนักที่ได้รับการฟื้นฟู ถูกต้องตามองค์ประกอบของผ้าโบราณ ซึ่งนำมาใช้ในพระราชพิธีสำคัญ ๆ ในราชสำนัก และยังสามารถ “ทอผ้ายกสำหรับโขน” เพื่อใช้ในการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติในสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

ซึ่งทางสวนจิตรลดาจะส่งเส้นด้ายและเส้นไหมทองมาให้ แล้วทางกลุ่มจะทำการทอผ้าส่งกลับไปเพื่อนำไปตัดเป็นชุดโขน ซึ่งเป็นลายพุ่มข่าวบิณฑ์เล็ก ใช้คนทอกี่ละ 5-6 คน แต่ละผืนยาว 3.50 เมตร บางผืนทอขึ้นเพื่อนำทูลเกล้าถวายฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อใช้เป็นฉลองพระองค์
นอกจากนั้นศูนย์ศิลปาชีพแห่งนี้ยังส่งเสริมให้ชาวบ้านทำนา ปลูกปาล์ม เลี้ยงปลา จักสานกระจูด ด้วย
เรื่องน่ารู้ใน “ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง” ที่สอนการผลิตสินค้าสร้างรายได้จาก“ต้นกระจูด” จากพืชพื้นบ้าน ลักษณะต้นกลมสีเขียวอ่อน ชอบขึ้นในน้ำขัง ทว่าสามารถนำมาแปรรูปออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ใช้สอยรูปลักษณ์สวยงามทั้ง กระเป๋า ตะกร้า เสื่อ และของที่ระลึกต่าง ๆ

ส่วน “กิจกรรม” เมื่อไปถึงแล้วต้องทำคือ ชมการทอผ้าผืนและปักผ้าด้วยมือ การทอผ้ายกดอกเมืองนคร และ เยี่ยมชมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด พร้อมกับซื้อกลับบ้าน อุดหนุนชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และหากสนใจก็สามารถฝึก ทอผ้าอย่างง่าย ๆ หรือทดลองจักสานเสื่อกระจูดกับชาวบ้านซึ่งยินดีสอนวิธีทำให้แก่นักท่องเที่ยวหรือคณะที่แวะไปดูงานทุกกลุ่มได้เรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านไปด้วยกัน
เป็นการท่องเที่ยวชุมชนท้องถิ่นที่ได้ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและช่วยสร้างความยั่งยืนให้เกิดกับสินค้าพื้นบ้านของคนไทย
สนใจไปท่องเที่ยว ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง นครศรีธรรมราช โทร. 081-678-7668

@7 วิธีขับรถหน้าฝนปลอดภัยต่อสุขภาพ
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนนี้ หลายพื้นมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในบางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง จึงขอแนะนำการขับขี่ยานพาหนะของประชาชน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ 7 วิธี ดังนี้
1.เปิดไฟหน้ารถเสมอ โดยเปิดไฟต่ำ เพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถได้จากระยะไกล
2.เปิดใบปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝนตก
3.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ
4.ให้ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า เพราะสภาพถนนที่เปียก ลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น
5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ ระยะทางข้างหน้า ความเร็วและระยะห่างของรถที่กำลังวิ่งตามกันในช่องจราจรซ้ายขวา
6.รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ให้ลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
7.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขังให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทร.แจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร.1669
          สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422.

สำหรับข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “4แอร์ไลน์ไทยครึ่งปีแรกหืดขึ้นคอ”
ช่วงเดือนสิงหาคม 2560 บริษัทกลุ่มสายการบินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เข้าสู่ฤดูแถลงผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 และสถานการณ์ครึ่งปีแรก เพื่อแจกแจงรายได้ กำไร ขาดทุน  ผลปรากฏว่า 4 สายการบินแถวหน้าของเมืองไทย คือ “การบินไทยกับนกแอร์” กอดคอกันขาดทุนอื้อซ่า ส่วน “ไทย แอร์เอเชีย” ผู้นำโลว์คอสต์ของภูมิภาคเอเชีย กับ “บางกอกแอร์เวย์ส” ผู้นำบูติกแอร์ไลน์ส ทำกำไรได้บางเฉียบมาก

ไทยแอร์เอเชียกำไรหดเหลือแค่310ล้าน
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2560 ยังคงเติบโตตามแผนที่วางไว้ทำรายได้รวม 8,336 ล้านบาท กำไรสุทธิ 310 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้ตลอดครึ่งแรกปี 2560 ไทยแอร์เอเชียมีรายได้รวม 17,486 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,346 ล้านบาท
ช่วงครึ่งปีหลังไทยแอร์เอเชียตั้งเป้าหมายรับฝูงบินใหม่อีก 3 ลำ ทำให้มีจำนวนครบ 57 ลำ สอดรับกับโอกาสและการเติบโตในธุรกิจ ตั้งเป้าเพิ่มอัตราบรรทุกขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยไว้ 88% จากเป้าจำนวนผู้โดยสาร 19.5 ล้านคน
ทั้งนี้กำไรสุทธิของไทยแอร์เอเชีย เปรียบเทียบลดลงต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

บางกอกแอร์ครึ่งปีกำไรพองาม 44 ล้านบาท
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2560 มีรายได้รวม 13,451.2 ล้านบาท ลดลง 2.7  %  มีกำไรสุทธิ 44.4 ล้านบาท แต่จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 3.5 % อัตราบรรทุกโดยสารเฉลี่ย 67.1 %
เฉพาะไตรมาส 2 ปี 2560 ทำรายได้ 5,982.2 ล้านบาท ลดลง 1.2 %  เพราะการแข่งขันในตลาดสูงขึ้น ทำให้ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยลดลง และมีอัตราบรรทุกโดยสารเฉลี่ย (Load Factor)  62.7 % สร้างรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารต่อหน่วย (Passenger Yield)  4.25 บาท ลดลง 8.3 %  รวมทั้งราคาน้ำมันสูงขึ้น
แต่จำนวนผู้โดยสารไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 4.5 % จากสัดส่วนจุดขายบัตรโดยสาร (Point-of-Sale) ในประเทศจีนที่เติบโตสูงขึ้น 59.4 % จากช่วงเดียวกันกับปี 2559 เพราะมีเที่ยวบินตรงระหว่างสมุย-เฉิงตู (จีน) เมื่อกรกฎาคม 2559 และเปิดบินตรงระหว่างสมุย-กวางโจว (จีน) เมื่อเดือนมกราคม 2560 เป็นต้นมา

บินไทยครึ่งปี’60ขาดทุนสาหัส 5,208 ล้านบาท
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2560 การบินไทยและบริษัทย่อยขาดทุนขาดทุนสุทธิ 5,208 ล้านบาท เฉพาะจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating Loss) ขาดทุน 1,542 ล้านบาท (ต่ำกว่าปีก่อน 13.5%) สาเหตุจาก 1.ค่าน้ำมันเครื่องบินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่สูงกว่าปีก่อน 20.1% 2.รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยต่ำกว่าปีก่อน 10.9% จากการแข่งขันที่รุนแรงและการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมัน (Fuel Surcharge) ถึงแม้จะมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารสูงสุดในรอบ 10 ปี

ส่วนผลการดำเนินงานของการบินไทยและบริษัทย่อยในไตรมาส 2 ปี 2560 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 45,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% เนื่องจาก 1.รายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารเพิ่ม 21.9% 2.ค่าระวางขนส่งและค่าไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน 3.การบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น จากค่าซ่อมบำรุงของฝ่ายช่างเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายรวมก็สูงถึง 46,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% เพราะค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 527 ล้านบาท (4.5%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 20.1% แถมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันก็เพิ่ม 3,390 ล้านบาท (11.3%) ตามปริมาณการผลิต และปริมาณการขนส่งที่เพิ่ม รวมทั้งค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น

นกแอร์ระส่ำไม่หยุด “ขาดทุน-บอร์ดทยอยลาออก”
บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) รายงานตลาดหลักทรัพย์ระว่า ไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,669.87 ล้านบาท ขาดทุนรวม 748.97 ล้านบาท จากบริษัทใหญ่ 649.69 ล้านบาท และจากส่วนที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม 99.28 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกขาดทุนรวม 909 ล้านบาท
มาจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1.ต้นทุนการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ค่าโดยสาร2.ต้นทุนค่าให้บริการ 3.ราคาน้ำมันอากาศยาน
 ล่าสุดบริษัทสายการบินนกแอร์มีมติอนุมัติเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 พิจารณาอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัท 114 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,406,250,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 1,292,249,882 บาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทจำนวน 114,000,118 หุ้น และในส่วนของคณะกรรมการนกแอร์ยังได้ทยอยลาออกตั้งแต่นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการและกรรมการอิสระ ตามมาด้วย นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ ขอลาออกจากกรรมการและกรรมการชุดย่อยของนกแอร์ หลังจากเป็นตัวแทน บมจ.การบินไทยส่งเข้ามาร่วมเป็นบอร์ดอยู่เกือบปีครึ่ง

ข่าวที่สอง “รัฐเร่งเปิดทีโออาร์ดึงเอกชนร่วม PPPในEEC”
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(กรศ.) กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 ให้โครงการศูนย์ซ่อม บำรุงอากาศยานอู่ตะเภา โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)เป็นโครงการ ย่อยภายใต้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมทั้งจะต้องเลือกรูปแบบการลงทุนแบบ Public Private Partnership : PPP คือการร่วม ทุนรัฐและเอกชน
ตามนโยบายการลงทุนแบบ PPP ในโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก จะเปิดให้เอกชนร่วมทุนกับรัฐ 6 กลุ่มกิจกรรม ประกอบด้วย 1.กลุ่มอาคารผู้โดยสารหลังที่สาม 2.กลุ่มศูนย์ธุรกิจการค้า 3.กลุ่มธุรกิจกิจอุตสาหกรรมอากาศยาน ได้แก่ เขตการค้าเสรีเพื่อประกอบการค้าและอุตสาหกรรม 4.กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศยาน 5.โลจิสติกส์กลุ่มธุรกิจซ่อมเครื่องบิน 6.ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบิน
ส่วนการสรุปขั้นตอนแนวทางร่วมทุนตามกรอบ PPP ก็เพื่อเร่งโครงการให้เดินหน้าอย่างรวดเร็วตามแผนงานในการสร้างอุตสาหกรรมเป้าหมายนำรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 3,500 ล้านบาท ควบคู่การเสริมสร้างเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชีย ที่มีทั้งโรงซ่อมเครื่องบินแห่งใหม่ Smart Hangar รองรับการซ่อมบำรุงอากาศยานยุคใหม่อย่าง Airbus A350 และการประกอบชิ้นส่วนผลิตลำตัวเครื่องบินสมัยใหม่ ศูนย์อะไหล่ชิ้นส่วน และอุปกรณ์อากาศยาน พร้อมศูนย์ฝึกช่างอากาศยานชั้นสูง

ดังนั้นภายในปลายปี 2560 แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมการ EEC จะต้องเร่งในเรื่องการออกหนังสือชี้ชวนการลงทุนแบบ PPP มูลค่ากว่า 1.64 แสนล้านบาท พัฒนา 12โครงการ ตามที่บริษัทขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศสนใจเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะบริษัทผู้นำการผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก  ได้แก่ บริษัท แอร์บัส จำกัด ลงนาม MOU กับการบินไทยศึกษาการพัฒนาศูนย์ซ่อมที่สนามบินอู่ตะเภา
ซึ่งขณะนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก บริษัท โบอิ้ง บริษัท แอร์บัส ตั้งเป้าจะสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ทำศูนย์ฝึกบุคลากรการบิน (Simulators Training Center) ผลิตนักบินฝึกหัดนักบินให้เชี่ยวชาญบินกับเครื่องรุ่นต่างๆ ที่ผลิตออกมาใหม่
บริษัท Roll-Royce กับ บริษัท  SAAB จะมาตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในไทย ตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์อากาศยาน บริษัท Mitzubishi บริษัท ST Aerospace ต่างก็สนใจจะเข้ามาสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน เรื่อยไปจนถึง บริษัท Sumitomo Precision Products ได้หารือกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(สกรศ.) ขอทำโครงการลงทุนผลิตระบบ Landing Gear







จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...