การบินไทยปรับแผนบินช่วงเทศกาลลอยกระทง3-4 พ.ย.
ยกเลิก/เปลี่ยนเวลา6ไฟลต์ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #thaiairways
“การบินไทย” ปรับแผนบินสู่ภาคเหนือช่วง “ลอยกระทง” ช่วง 3-4 พฤศจิกายน 2560 เลี่ยงเทศกาลปล่อยโคมลอยเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดทางการบิน
เรืออากาศเอกปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าช่วงวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 ขอปรับตารางการบินและยกเลิกบางเที่ยวบิน สู่เชียงใหม่ ภาคเหนือ 6 เที่ยวบิน ดังนี้
1. ยกเลิกเที่ยวบิน ไป - กลับ กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ระหว่าง 3-4 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 2 เที่ยว ได้แก่ TG 120 และ TG 121
2. เปลี่ยนเวลาบินใหม่ จำนวน 4 เที่ยวบิน ดังนี้
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 2 เที่ยว ได้แก่ TG 103 เปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากเชียงใหม่ เวลา 09.55 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.15 น. แทนเวลาเดิมที่ออกจากเชียงใหม่ เวลา 10.05. น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.25 น. และ TG 105 เปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากเชียงใหม่ เวลา 12.05 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 13.15 น. เดิมออกจากเชียงใหม่ เวลา 10.40 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.55 น.
วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 2 เที่ยว ได้แก่ TG 116 เปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 16.00 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 17.10 น. เดิมออกจากกรุงเทพฯ เวลา 17.10 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 18.30 น. และ TG 117 เปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากเชียงใหม่ เวลา 18.00 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.10 น. เดิมออกจากเชียงใหม่ เวลา 19.20 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 20.40 น.
ดูรายละเอียดได้ที่ thaiairways.com หรือโทรสอบถามที่ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560
วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ลอยกระทงทั่วไทย-ททท.เปิดปีท่องเที่ยวยั่งยืน แอร์เรซวันคลับ
ททท.ลุยกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี'60 เริ่มพ.ย.นี้
โหมจัดลอยกระทงทั่วไทย-เปิดปีท่องเที่ยวยั่งยืน
จัดยิ่งใหญ่มหกรรมระดับโลกแข่งแอร์เรซวันคลับ
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #thailandfest #Amazingthailand #tat
ติดตามอ่านได้ใน มติชนออนไลน์ 31 ต.ค.2560
https://www.matichon.co.th/news/715194
ททท.ตลุยจัดกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี’60 “ตลอดพฤศจิกายน 2560” จัดเต็ม “ลอยกระทงทั่วไทย” 1-10 พ.ย.นี้ กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา-สุโขทัย-ตาก-กาญจนบุรี” พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี นำทีมเปิดยิ่งใหญ่ “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” โชว์วัฒนธรรมตลอดเส้นทางบนถนนใจกลางกรุง 15 พ.ย.นี้ และห้ามพลาดงานระดับโลก “แอร์เรซ วัน เวิลด์ คลับ ไทยแลนด์” 18-20 พ.ย.นี้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2560 ททท.พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศปลายปีต้อนรับฤดูกาลเดินทางของนานาชาติ (high season) โดยมีไฮไลต์เริ่มตั้งแต่ต้นเดือน คือ งานประเพณี “ลอยกระทง” ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน นี้ จัดทำภายใต้แนวคิด "ศรัทธา...วิถีแห่งสายน้ำ" ส่งเสริมภาพลักษณ์วิถีไทยในเทศกาลสำคัญของคนไทยสักการะขอขมาบูชาพระแม่คงคาสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตมาอย่างยาวนาน
ททท.เชิญชวนร่วมย้อนรำลึกถึงจารีตประเพณีลอยกระทง เปิดงานพื้นที่แรกใน “กรุงเทพมหานคร” วันที่ 1-3 พฤศจิกายน นี้ ณ สวนสันติชัยปราการ กรุงเทพมหานคร เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป มีกิจกรรมมากมาย อาทิ ขบวนแห่ประเพณีลอยกระทงวิถีไทย การแสดงวัฒนธรรมอันวิจิตรงดงามหาชมได้ยาก การสาธิตประดิษฐ์เครื่องว่างชาววัง เครื่องแขวนดอกไม้สด ประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง กิจกรรมแต่งไทย วิถีไทยลอยกระทง ควบคู่กับการส่งเสริมลอยกระทงตามพื้นที่ไฮไลต์สำคัญ ๆ ซึ่งจัดกิจกรรมตามเอกลักษณ์การจัดงานประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ได้แก่
งานประเพณีลอยกระทงตามประทีปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่า วันที่ 3 พฤศจิกายน นี้ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษตร หน้าเจดีย์ศรีสุริโยทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
งานประเพณีลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ระหว่างวันที่ 1-5พฤศจิกายน นี้ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยได้จัดลอยพระประทีป หลอมรวมดวงใจ ร่วมอาลัยพ่อแห่งชาติ ถวายอภิวาท มหาวชิราลงกรณ
งานประเพณียี่เป็ง ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 กับเทศกาลแอ่วยี่เป็งเจียงใหม่ ปลอดประทัดยักษ์ ไร้แอลกอฮอล์ ณ เขตเทศบาลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 3-7 พฤศจิกายน 2560 ณ ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นประเพณีที่มีรูปแบบโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และเป็นมรดกสืบทอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นแห่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดตาก การแข่งขันลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง จะแตกต่างจากจังหวัดอื่น นั่นคือ ในคืนวันแรกของการจัดงานจะมีขบวนแห่กระทงของชาวบ้านซึ่งแต่งกายอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ประกอบด้วย กระทงขนาดใหญ่ เรียกว่า กระทงนำ มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ประดิษฐ์ด้วยความปราณีตจากใบตองสด พร้อมด้วยกระทงกะลาที่ตกแต่งลวดลายต่างๆ และปิดท้ายด้วยกระทงตามเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 0.5 เมตร ทุกอย่างล้วนประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติอย่างวิจิตรงดงาม แสดงถึงความพร้อมในการแข่งขันในวันถัดไป
งาน “สีสันแห่งสายน้ำ ลอยกระทงตามประทีป” วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 จัดณ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 60 จัด“งานประเพณีลอยกระทง แสงเทียนแห่งสายน้ำมนต์ไทรโยค” ณ บ้านวังนกแก้ว อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
นายยุทธศักดิกล่าวว่า ส่วนไฮไลต์กิจกรรมใหญ่แห่งปีอีก 2 งาน คือ งานแรก พิธีเปิด “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 พลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธาน เปิดโครงการ ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน 2561 (AMAZING THAILAND TOURISM YEAR 2018) สถานที่จัดศูนย์กลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนพระราม 4 จุดตั้งต้นตั้งขบวนงานตรงสนามศุภชลาศัย ผ่านแยกราชประสงค์ ไปสิ้นสุด ณ สวนลุมพินี เริ่มเวลา 17.00 น.เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจแสง สี ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในธีม AMAZING THAILAND ภายใต้โลโก้ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จัดให้มีการแสดงประเพณีต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละ 5 ภูมิภาค รวมทั้งโชว์การแสดงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลกด้วย
งานที่ 2 ททท.สนับสนุนการจัดงานระดับโลก “แอร์เรซ วัน เวิลด์ คลับ ไทยแลนด์” ระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน นี้จัด ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นมหกรรมการแข่งเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดมีผู้ชมทั่วโลก ภายในงานช่วงวันที่ 18 พฤศจิกายน จะได้ชมการสวนสนามทางเรือ 50 ประเทศ ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ
นอกจากนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ททท.ได้ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น ๆ อาทิ งานเทศกาลคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 5 จัดต่อเนื่องตั้งแต่พฤศจิกายน 2560-มกราคม 2561 งานเทศกาลทุ่งทานตะวันบานลพบุรี และราชบุรี ช่วงพฤศจิกายน 2560-มกราคม 2561 งานพิพิธภัณฑ์มีชีวิต วิถีชีวิตล้านนา ที่จะจัดงานแสดงวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมชนเผ่าและการเรียนรู้ชาติพันธุ์ล้านนา ฯลฯ
โหมจัดลอยกระทงทั่วไทย-เปิดปีท่องเที่ยวยั่งยืน
จัดยิ่งใหญ่มหกรรมระดับโลกแข่งแอร์เรซวันคลับ
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #thailandfest #Amazingthailand #tat
ติดตามอ่านได้ใน มติชนออนไลน์ 31 ต.ค.2560
https://www.matichon.co.th/news/715194
ททท.ตลุยจัดกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี’60 “ตลอดพฤศจิกายน 2560” จัดเต็ม “ลอยกระทงทั่วไทย” 1-10 พ.ย.นี้ กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา-สุโขทัย-ตาก-กาญจนบุรี” พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี นำทีมเปิดยิ่งใหญ่ “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” โชว์วัฒนธรรมตลอดเส้นทางบนถนนใจกลางกรุง 15 พ.ย.นี้ และห้ามพลาดงานระดับโลก “แอร์เรซ วัน เวิลด์ คลับ ไทยแลนด์” 18-20 พ.ย.นี้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2560 ททท.พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศปลายปีต้อนรับฤดูกาลเดินทางของนานาชาติ (high season) โดยมีไฮไลต์เริ่มตั้งแต่ต้นเดือน คือ งานประเพณี “ลอยกระทง” ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน นี้ จัดทำภายใต้แนวคิด "ศรัทธา...วิถีแห่งสายน้ำ" ส่งเสริมภาพลักษณ์วิถีไทยในเทศกาลสำคัญของคนไทยสักการะขอขมาบูชาพระแม่คงคาสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตมาอย่างยาวนาน
ททท.เชิญชวนร่วมย้อนรำลึกถึงจารีตประเพณีลอยกระทง เปิดงานพื้นที่แรกใน “กรุงเทพมหานคร” วันที่ 1-3 พฤศจิกายน นี้ ณ สวนสันติชัยปราการ กรุงเทพมหานคร เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป มีกิจกรรมมากมาย อาทิ ขบวนแห่ประเพณีลอยกระทงวิถีไทย การแสดงวัฒนธรรมอันวิจิตรงดงามหาชมได้ยาก การสาธิตประดิษฐ์เครื่องว่างชาววัง เครื่องแขวนดอกไม้สด ประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง กิจกรรมแต่งไทย วิถีไทยลอยกระทง ควบคู่กับการส่งเสริมลอยกระทงตามพื้นที่ไฮไลต์สำคัญ ๆ ซึ่งจัดกิจกรรมตามเอกลักษณ์การจัดงานประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ได้แก่
งานประเพณีลอยกระทงตามประทีปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่า วันที่ 3 พฤศจิกายน นี้ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษตร หน้าเจดีย์ศรีสุริโยทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
งานประเพณีลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ระหว่างวันที่ 1-5พฤศจิกายน นี้ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยได้จัดลอยพระประทีป หลอมรวมดวงใจ ร่วมอาลัยพ่อแห่งชาติ ถวายอภิวาท มหาวชิราลงกรณ
งานประเพณียี่เป็ง ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2560 กับเทศกาลแอ่วยี่เป็งเจียงใหม่ ปลอดประทัดยักษ์ ไร้แอลกอฮอล์ ณ เขตเทศบาลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 3-7 พฤศจิกายน 2560 ณ ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นประเพณีที่มีรูปแบบโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และเป็นมรดกสืบทอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นแห่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดตาก การแข่งขันลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง จะแตกต่างจากจังหวัดอื่น นั่นคือ ในคืนวันแรกของการจัดงานจะมีขบวนแห่กระทงของชาวบ้านซึ่งแต่งกายอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ประกอบด้วย กระทงขนาดใหญ่ เรียกว่า กระทงนำ มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ประดิษฐ์ด้วยความปราณีตจากใบตองสด พร้อมด้วยกระทงกะลาที่ตกแต่งลวดลายต่างๆ และปิดท้ายด้วยกระทงตามเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 0.5 เมตร ทุกอย่างล้วนประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติอย่างวิจิตรงดงาม แสดงถึงความพร้อมในการแข่งขันในวันถัดไป
งาน “สีสันแห่งสายน้ำ ลอยกระทงตามประทีป” วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 จัดณ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 60 จัด“งานประเพณีลอยกระทง แสงเทียนแห่งสายน้ำมนต์ไทรโยค” ณ บ้านวังนกแก้ว อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
นายยุทธศักดิกล่าวว่า ส่วนไฮไลต์กิจกรรมใหญ่แห่งปีอีก 2 งาน คือ งานแรก พิธีเปิด “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 พลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธาน เปิดโครงการ ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน 2561 (AMAZING THAILAND TOURISM YEAR 2018) สถานที่จัดศูนย์กลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนพระราม 4 จุดตั้งต้นตั้งขบวนงานตรงสนามศุภชลาศัย ผ่านแยกราชประสงค์ ไปสิ้นสุด ณ สวนลุมพินี เริ่มเวลา 17.00 น.เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจแสง สี ผสมผสานระหว่างธรรมชาติกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในธีม AMAZING THAILAND ภายใต้โลโก้ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จัดให้มีการแสดงประเพณีต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละ 5 ภูมิภาค รวมทั้งโชว์การแสดงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลกด้วย
งานที่ 2 ททท.สนับสนุนการจัดงานระดับโลก “แอร์เรซ วัน เวิลด์ คลับ ไทยแลนด์” ระหว่างวันที่ 19-20 พฤศจิกายน นี้จัด ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นมหกรรมการแข่งเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดมีผู้ชมทั่วโลก ภายในงานช่วงวันที่ 18 พฤศจิกายน จะได้ชมการสวนสนามทางเรือ 50 ประเทศ ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ
นอกจากนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ททท.ได้ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวอื่น ๆ อาทิ งานเทศกาลคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 5 จัดต่อเนื่องตั้งแต่พฤศจิกายน 2560-มกราคม 2561 งานเทศกาลทุ่งทานตะวันบานลพบุรี และราชบุรี ช่วงพฤศจิกายน 2560-มกราคม 2561 งานพิพิธภัณฑ์มีชีวิต วิถีชีวิตล้านนา ที่จะจัดงานแสดงวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมชนเผ่าและการเรียนรู้ชาติพันธุ์ล้านนา ฯลฯ
วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ฟรีคอนเสิร์ตความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-ไทย130ปีโดยFEROCIPHILHARMONIC WINDS
ชมฟรีคอนเสิร์ต 130 ปี ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น–ไทย 31ต.ค.นี้
ฟังศิลปินโลกบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ประพันธ์ขึ้นใหม่
พบกันที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 18.00-22.00น.
นำเสนอโดย..เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ปี 2560
เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสัมพันธ์ยาวนาน ทั้งทางด้านการทูต ศิลปะ และดนตรี
ดังนั้นทางคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม Japan Foundation Asia Center และบริษัท การบินไทย จากัด (มหาชน) จัดการแสดงดนตรี 130th Anniversary of Japan-Thailand Relations Concert บรรเลงโดยวง FEROCIPHILHARMONIC WINDS โดยได้รับเกียรติจากวาทยากรและนักประพันธ์เพลงรับเชิญระดับโลก Maestro Yasuhide Ito จัดการแสดงดนตรีให้ชมฟรีจำนวน 2 รอบ
ในวันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2560 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และในวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ณ Tama Shiminkan Concert Hall ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับบทเพลงที่จะนำออกแสดง ได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ซึ่งล้วนมีความไพเราะ และแสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านทางด้านการประพันธ์ดนตรี บทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นใหม่โดยอาจารย์ดาริห์ บรรณวิทยกิจ “ปลานิลของพระราชา” บรรยายถึงปลานิล ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ปัจจุบันเมื่อครั้งยังเป็นมกุฎราชกุมารและบทเพลงที่นาเสนอเครื่องดนตรีพื้นเมืองไทย ญี่ปุ่น ที่บรรเลงร่วมกับดนตรีสากล
โดยมีศิลปินรับเชิญ Yamanaka Nobuto (Shamisen) อาจารย์ อานันท์ นาคคง (ซออู้) และอาจารย์สมนึก แสงอรุณ (ขลุ่ยและปี่ ไทย) และ เนื่อง ในโอกาสทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร วง FEROCI PHILHARMONIC WINDSจึงคัดสรรบทเพลง “The Year of Dragon” ของ Philip Sparke เพื่อเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงอุทิศพระองค์ เป็นดั่งร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน ยังความผาสุกให้กับประชาชนบนผืนแผ่นดินไทยทุกหมู่เหล่า
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ferociphilharmonic
ฟังศิลปินโลกบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ประพันธ์ขึ้นใหม่
พบกันที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 18.00-22.00น.
นำเสนอโดย..เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ปี 2560
เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ที่มีความสัมพันธ์ยาวนาน ทั้งทางด้านการทูต ศิลปะ และดนตรี
ดังนั้นทางคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม Japan Foundation Asia Center และบริษัท การบินไทย จากัด (มหาชน) จัดการแสดงดนตรี 130th Anniversary of Japan-Thailand Relations Concert บรรเลงโดยวง FEROCIPHILHARMONIC WINDS โดยได้รับเกียรติจากวาทยากรและนักประพันธ์เพลงรับเชิญระดับโลก Maestro Yasuhide Ito จัดการแสดงดนตรีให้ชมฟรีจำนวน 2 รอบ
ในวันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2560 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และในวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ณ Tama Shiminkan Concert Hall ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับบทเพลงที่จะนำออกแสดง ได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ซึ่งล้วนมีความไพเราะ และแสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านทางด้านการประพันธ์ดนตรี บทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นใหม่โดยอาจารย์ดาริห์ บรรณวิทยกิจ “ปลานิลของพระราชา” บรรยายถึงปลานิล ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ปัจจุบันเมื่อครั้งยังเป็นมกุฎราชกุมารและบทเพลงที่นาเสนอเครื่องดนตรีพื้นเมืองไทย ญี่ปุ่น ที่บรรเลงร่วมกับดนตรีสากล
โดยมีศิลปินรับเชิญ Yamanaka Nobuto (Shamisen) อาจารย์ อานันท์ นาคคง (ซออู้) และอาจารย์สมนึก แสงอรุณ (ขลุ่ยและปี่ ไทย) และ เนื่อง ในโอกาสทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร วง FEROCI PHILHARMONIC WINDSจึงคัดสรรบทเพลง “The Year of Dragon” ของ Philip Sparke เพื่อเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงอุทิศพระองค์ เป็นดั่งร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน ยังความผาสุกให้กับประชาชนบนผืนแผ่นดินไทยทุกหมู่เหล่า
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ferociphilharmonic
วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ศาสตร์พระราชาในหลวงรัชกาลที่ 9-แกล้งดินโครงการช่างหัวมัน-เปลี่ยนน้ำในแหลมผักเบี้ย
สานต่อคำพ่อสอน2โครงการพระราชดำริเมืองเพชร
แกล้งดินที่“ช่างหัวมัน”เปลี่ยนน้ำใน“แหลมผักเบี้ย”
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” วันนี้งดออกอากาศรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ถ่ายทอดพิเศษพระราชพิธีบำเพ็ญกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทางรายการจะขอนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ “พ่อ” มาเสนอ 2 โครงการ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทำให้ “ดิน” และ “น้ำ” ในจังหวัดเพชรบุรี กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อย่างมหัศจรรย์ ช่วยผู้คนมากมายได้พึ่งพิงหล่อเลี้ยงชีพใช้ชีวิตอยู่ในท้องถิ่นอย่างมีความสุขมาจวบจนถึงวันนี้
นับเป็นคุณูปการที่ปวงชนชาวไทยน่าจะได้ “สานต่อคำพ่อสอน” ถ่ายทอดแนวปรัชญาพอเพียงศาสตร์พระราชาเกี่ยวกับการพัฒนาดินและน้ำของพ่อจากรุ่นสู่รุ่น ไปยังรุ่นลูก หลาน เหลน โหลน ยุคปัจจุบันและอนาคตต่อไป
@โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อจากราษฎร มีเอกสารสิทธิเป็นที่ทรงงานด้านเกษตรกรรม ต่อมามีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ดำเนินการนำที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สำหรับศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมของจังหวัดเพชรบุรี โดยทรงเนรมิตผืนแผ่นดินเพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม จำนวน 250 ไร่ ทำ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ”
ภายในโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจของเพชรบุรีให้เรียนรู้มากมาย ทั้ง มะนาว ชมพู่ พืชผักต่าง ๆ แปลงพืชสมุนไพร แหล่งเรียนรู้เรื่องการพัฒนาดิน ด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายกลับคืนแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฟาร์มโคนม โรงเลี้ยงไข่ไก่
ทุกวันนี้ทางโครงการฯ เปิดโอกาสให้เกษตกรตลอดจนคนทั่วไปเข้าไปช่วยทำงาน พร้อม ๆ กับการเรียนรู้แนวทางด้านเกษตรกรรม
“กิจกรรม” ซึ่งทางโครงการฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชม ก็มีการเดินดูแปลงเกษตร ซึ่งดำเนินการตามพระราชประสงค์ ปรับลดการใช้เคมีลงอย่างต่อเนื่อง และบางแปลงอยู่ในการควบคุมการใช้จากนักวิชาการเกษตร รวมทั้งมีแปลงปลูกต้นสบู่ดำ โรงแปรรูปน้ำนมพาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์ ด้วยกำลังการผลิตชั่วโมงละ 2,000 ลิตร
มีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องบรรยายและชมวีดิทัศน์ วิทยากรจากสำนักพระราชวังนำชมพื้นที่ ร้านจำหน่ายผลผลิตภายในโครงการ ร้านโกลเด้นเพลส ร้านสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในเขตพื้นที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรถบริการนำชม พร้อมจักรยานไว้ให้แก่ผู้เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ
คำว่า “ช่างหัวมัน” ชื่อของโครงการมีที่มาจากชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ มิได้ทรงนำหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงพบว่ามันหัวที่ทรงวางไว้บนตรามั่นนั้นงอกเป็นต้น มีพระราชดำรัสว่า มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกมันเทศ และทดลองเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นพืชท้องถิ่นของเพชรบุรี เช่น มะพร้าว มะนาว ชมพู่เพชร สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ
อันเป็นที่มาของโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ โทร.0-3247-2701-3 หากต้องการศึกษาดูงานแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์
@โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
เป็นทั้งสถานที่เรียนรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็น " ต้นแบบ การบำบัดน้ำเสีย สู่น้ำใส ด้วยกลไก ของธรรมชาติ "หนึ่งในโครงการภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ช่วยเยียวยาและปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 แม่น้ำเพชรบุรีคือเป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ประสบปัญหาสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ร่วมกัน ศึกษาและหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเล จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติ ตามวัตถุประสงค์หลักคือการศึกษาวิจัยหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียกับขยะชุมชน ที่ประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศอย่างกว้างขวาง
โดยใช้พื้นที่บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของโครงการซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไปอย่างยั่งยืนช่วยให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับมาจนถึงปัจจุบัน
แหลมผักเบี้ยนอกจากจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณ ปากอ่าวแล้ว ยังสามารถชมนกหลากหลายสายพันธุ์ที่ หาชมได้ยากอีกด้วย เรียกว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับไปพร้อมกันในคราวเดียว
เมื่อไปถึง โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ แล้วสามารถไปร่วมกันทำ “กิจกรรมการศึกษาดูงาน” เริ่มจากเยี่ยมชมกระบวนการบำบัดน้ำเสียด้วยบ่อบำบัด หญ้ากรองน้ำ ป่าชายเลน “กิจกรรมสันทนาการ” ร่วมศึกษาเส้นทางธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งมีนกนานาชนิด รวมถึงเป็นแหล่งดูนกสำคัญแห่งหนึ่งของไทย สามารถดูได้ 2 ช่วง คือเช้าตรู่นกจะบินออกจากรังไปหากิน และช่วงแดดร่มลมตก นกจะโบยบินกลับรัง
ภายในโครงการฯ มีห้องประชุม 2 ห้อง รองรับได้ 100 คน แต่ไม่มีที่พักเพราะพื้นที่รอบบริเวณแถบหาดเจ้าสำราญมีบริการที่พักให้เลือกได้มากหลายหลายราคา
ส่วนการวางแผนสัมผัสธรรมชาติเส้นทางท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี
“ช่วงเช้า” เดินทางสู่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย เดินชมป่าชายเลน ดูนกหายาก “ช่วงบ่าย” พักผ่อน รับประทานอาหารทะเลสดๆ ที่หาดเจ้าสำราญ และหาดปึกเตียน
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ขอแนะนำ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ศึกษาการบำบัดน้ำเสียด้วยกลไกธรรมชาติ ส่วนการจัดการระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย และระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม ที่อาศัยระบบพืชและ หญ้ากรอง จำพวก หญ้าแฝก ธูปฤาษี และกกกลม ช่วยบำบัดน้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมห้ามพลาด เข้าไปชมคือ เทคโนโลยีการทำปุ๋ยหมักจากขยะโดยการฝังกลบ ในกล่องคอนกรีต และการพายเรือท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบริเวณปากอ่าวในระยะทางราว 4 กม. จะชมนกหาชมได้ยาก อาทิ นกยาง นกกาน้ำเล็ก นกเป็ดผีเล็ก นกอีเสือ สีน้ำตาล และนกกินเปรี้ยว เป็นต้น
สนใจท่องเที่ยวโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย โทร.-3244-1264-5
การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3177 ตรงไป ระยะทางประมาณ 15 กม. สู่หาดเจ้าสำราญ ก่อนถึงหาดเจ้าสำราญราว 1 กม. จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปประมาณ 6 กม.
แกล้งดินที่“ช่างหัวมัน”เปลี่ยนน้ำใน“แหลมผักเบี้ย”
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” วันนี้งดออกอากาศรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ถ่ายทอดพิเศษพระราชพิธีบำเพ็ญกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทางรายการจะขอนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ “พ่อ” มาเสนอ 2 โครงการ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทำให้ “ดิน” และ “น้ำ” ในจังหวัดเพชรบุรี กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อย่างมหัศจรรย์ ช่วยผู้คนมากมายได้พึ่งพิงหล่อเลี้ยงชีพใช้ชีวิตอยู่ในท้องถิ่นอย่างมีความสุขมาจวบจนถึงวันนี้
นับเป็นคุณูปการที่ปวงชนชาวไทยน่าจะได้ “สานต่อคำพ่อสอน” ถ่ายทอดแนวปรัชญาพอเพียงศาสตร์พระราชาเกี่ยวกับการพัฒนาดินและน้ำของพ่อจากรุ่นสู่รุ่น ไปยังรุ่นลูก หลาน เหลน โหลน ยุคปัจจุบันและอนาคตต่อไป
@โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อจากราษฎร มีเอกสารสิทธิเป็นที่ทรงงานด้านเกษตรกรรม ต่อมามีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ดำเนินการนำที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สำหรับศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมของจังหวัดเพชรบุรี โดยทรงเนรมิตผืนแผ่นดินเพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม จำนวน 250 ไร่ ทำ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ”
ภายในโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจของเพชรบุรีให้เรียนรู้มากมาย ทั้ง มะนาว ชมพู่ พืชผักต่าง ๆ แปลงพืชสมุนไพร แหล่งเรียนรู้เรื่องการพัฒนาดิน ด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายกลับคืนแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฟาร์มโคนม โรงเลี้ยงไข่ไก่
ทุกวันนี้ทางโครงการฯ เปิดโอกาสให้เกษตกรตลอดจนคนทั่วไปเข้าไปช่วยทำงาน พร้อม ๆ กับการเรียนรู้แนวทางด้านเกษตรกรรม
“กิจกรรม” ซึ่งทางโครงการฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชม ก็มีการเดินดูแปลงเกษตร ซึ่งดำเนินการตามพระราชประสงค์ ปรับลดการใช้เคมีลงอย่างต่อเนื่อง และบางแปลงอยู่ในการควบคุมการใช้จากนักวิชาการเกษตร รวมทั้งมีแปลงปลูกต้นสบู่ดำ โรงแปรรูปน้ำนมพาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์ ด้วยกำลังการผลิตชั่วโมงละ 2,000 ลิตร
มีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องบรรยายและชมวีดิทัศน์ วิทยากรจากสำนักพระราชวังนำชมพื้นที่ ร้านจำหน่ายผลผลิตภายในโครงการ ร้านโกลเด้นเพลส ร้านสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในเขตพื้นที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรถบริการนำชม พร้อมจักรยานไว้ให้แก่ผู้เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ
คำว่า “ช่างหัวมัน” ชื่อของโครงการมีที่มาจากชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ มิได้ทรงนำหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงพบว่ามันหัวที่ทรงวางไว้บนตรามั่นนั้นงอกเป็นต้น มีพระราชดำรัสว่า มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกมันเทศ และทดลองเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นพืชท้องถิ่นของเพชรบุรี เช่น มะพร้าว มะนาว ชมพู่เพชร สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ
อันเป็นที่มาของโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ โทร.0-3247-2701-3 หากต้องการศึกษาดูงานแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์
@โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย
โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 น.
เป็นทั้งสถานที่เรียนรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็น " ต้นแบบ การบำบัดน้ำเสีย สู่น้ำใส ด้วยกลไก ของธรรมชาติ "หนึ่งในโครงการภายใต้การดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ช่วยเยียวยาและปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2533 แม่น้ำเพชรบุรีคือเป็นเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำ ประสบปัญหาสิ่งแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ร่วมกัน ศึกษาและหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมชายฝั่งทะเล จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติ ตามวัตถุประสงค์หลักคือการศึกษาวิจัยหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียกับขยะชุมชน ที่ประหยัด สะดวก ทำได้ง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศอย่างกว้างขวาง
โดยใช้พื้นที่บริเวณตำบลแหลมผักเบี้ยอำเภอบ้านแหลม เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยของโครงการซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดไปอย่างยั่งยืนช่วยให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับมาจนถึงปัจจุบัน
แหลมผักเบี้ยนอกจากจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณ ปากอ่าวแล้ว ยังสามารถชมนกหลากหลายสายพันธุ์ที่ หาชมได้ยากอีกด้วย เรียกว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับไปพร้อมกันในคราวเดียว
เมื่อไปถึง โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ แล้วสามารถไปร่วมกันทำ “กิจกรรมการศึกษาดูงาน” เริ่มจากเยี่ยมชมกระบวนการบำบัดน้ำเสียด้วยบ่อบำบัด หญ้ากรองน้ำ ป่าชายเลน “กิจกรรมสันทนาการ” ร่วมศึกษาเส้นทางธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งมีนกนานาชนิด รวมถึงเป็นแหล่งดูนกสำคัญแห่งหนึ่งของไทย สามารถดูได้ 2 ช่วง คือเช้าตรู่นกจะบินออกจากรังไปหากิน และช่วงแดดร่มลมตก นกจะโบยบินกลับรัง
ภายในโครงการฯ มีห้องประชุม 2 ห้อง รองรับได้ 100 คน แต่ไม่มีที่พักเพราะพื้นที่รอบบริเวณแถบหาดเจ้าสำราญมีบริการที่พักให้เลือกได้มากหลายหลายราคา
ส่วนการวางแผนสัมผัสธรรมชาติเส้นทางท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี
“ช่วงเช้า” เดินทางสู่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย เดินชมป่าชายเลน ดูนกหายาก “ช่วงบ่าย” พักผ่อน รับประทานอาหารทะเลสดๆ ที่หาดเจ้าสำราญ และหาดปึกเตียน
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ขอแนะนำ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ศึกษาการบำบัดน้ำเสียด้วยกลไกธรรมชาติ ส่วนการจัดการระบบพืชและหญ้ากรองน้ำเสีย และระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม ที่อาศัยระบบพืชและ หญ้ากรอง จำพวก หญ้าแฝก ธูปฤาษี และกกกลม ช่วยบำบัดน้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมห้ามพลาด เข้าไปชมคือ เทคโนโลยีการทำปุ๋ยหมักจากขยะโดยการฝังกลบ ในกล่องคอนกรีต และการพายเรือท่องเที่ยวตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบริเวณปากอ่าวในระยะทางราว 4 กม. จะชมนกหาชมได้ยาก อาทิ นกยาง นกกาน้ำเล็ก นกเป็ดผีเล็ก นกอีเสือ สีน้ำตาล และนกกินเปรี้ยว เป็นต้น
สนใจท่องเที่ยวโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย โทร.-3244-1264-5
การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3177 ตรงไป ระยะทางประมาณ 15 กม. สู่หาดเจ้าสำราญ ก่อนถึงหาดเจ้าสำราญราว 1 กม. จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปประมาณ 6 กม.
ศาสตร์พระราชา ในหลวงรัชกาลที่ 9-พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ ปทุมธานี
ตามศาสตร์พระราชาในปทุมธานี3พิพิธภัณฑ์พอเพียง
ตำราพ่อสอน“เกษตร-หอจดหมายเหตุ-ชาติพันธุ์วิทยา”
4–5 พ.ย.นี้ไปร่วมอาสาสร้างสรรค์…สืบสานเกษตรไทย
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
สวัสดีวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” สำหรับวันนี้งดออกอากาศรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เนื่องจากทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ดำเนินการถ่ายทอดพิเศษพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในฐานะผู้ดำเนินรายการจึงขอน้อมนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “ศาสตร์พระราชาตำราของพ่อ” มาเผยแพร่เป็นความรู้อันจะเกิดประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตอยู่อย่าง พอกิน พออยู่ พอเพียง จากพื้นที่ต้นแบบรอบปริมณฑล ใน “จังหวัดปทุมธานี” มีทั้งศูนย์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์เกษตร หอจดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติฯ
ดังนั้นจึงจะขอแนะนำคนไทยทั่วทุกภูมิภาค พาครอบครัว พนักงาน เพื่อนฝูง เด็ก เยาวชน เข้ามาเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เกษตรครบวงจร ที่พ่อสร้างไว้ให้ประชาชนของพระองค์ได้ศึกษาแล้วนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงอย่างง่าย ๆ กับวิถีการสร้างและกรรมวิธีการผลิต “คลังอาหารชีวิต” ตามคำสอนพ่อที่ปวงชนชาวไทยสามารถสืบสานทำต่อคำพ่อสอนให้อยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
มารวมพลังจับมือกันมุ่งหน้าตามไปศึกษา เรียนรู้ ลงมือทำ วิถีแห่งความ “พออยู่ พอกิน พอเพียง” ตามศาสตร์พระราชาเรียนจากตำราพ่อสอน ได้ ณ “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี”
ระหว่างวันที่ 4 – 5 พฤศจิกายน 2560 นี้ ทาง “สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี” (องค์กรมหาชน) ชวนคนไทยทั่วประเทศไปงานตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมกับเปิดให้ทำกิจกรรมโครงการ “อาสาสร้างสรรค์…สืบสานเกษตรไทย” ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.
อันจะเป็นงานที่ประชาชนคนไทย สามารถเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาของแผ่นดิน ทรัพย์สินทางปัญญาอันทรงคุณค่าของไทย เรียนรู้นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรตามรอยพ่อทฤษฎีใหม่ประยุกต์ การทำเกษตรยุคใหม่ตามวิถีชีวิตของตนเอง ชมนิทรรศการถวายพระเกียรติผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ร่วมเรียนรู้และจัดทำพวงมาลาด้วยเมล็ดพันธุกรรมและวัสดุการเกษตร มาร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ร่วมกันตามรอยพ่อ สืบสานเกษตรไทย เพราะเราเชื่อเหลือเกินว่า…ความดีนั้นสืบทอดกันได้
พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อน 10 แนวคิดพอเพียง และการเรียนรู้ วิถีเกษตรตามรอยพ่อ รวมถึงเป็นศูนย์การเรียนรู้ของเยาวชนและบุคคลทั่วไป ที่จะได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงชนชาวไทยมาตลอดชีวิต
เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ศูนย์การเรียนรู้อีกหนึ่งแห่งที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งขึ้นในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปีเมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเขตกรุงเทพฯ มากนัก
ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 10 โซน ภายใต้แนวคิด 10 โซนมหัศจรรย์การเรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ เป็นนิทรรศการที่รวบรวมผลงานของพ่อหลวง อาทิ พระราชกรณียกิจสำคัญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนการพัฒนาพื้นที่การเกษตรและถิ่นทุรกันดาร
ใครอยากเรียนรู้ความหมาย ตลอดจนความเป็นมาของ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ใครอยากเดินตาม รอยพ่อบนวิถีพอเพียง ศึกษาวิธีการทรงงานของพระองค์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มาที่นี่เพียงหนึ่งวัน แล้วจะซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พ่อหลวงท่านได้ทำเพื่อคนไทยนั้นมีมากมายจริงๆ
สถานที่ตั้ง “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี” ตั้งอยู่ที่ 13 ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี “เปิดบริการ” ให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 09.00 - 12.00 และเวลา 13.00 - 16.00 น. “ปิดบริการ” วันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ส่วนการเดินทางไปท่องเที่ยวยังพื้นที่โดยรอบพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ใน จังหวัดปทุมธานีมีความหลากหลายมากมาย สามารถวางแผนช่วงเวลาการท่องเที่ยวตลอดทั้งวันได้ดังนี้
วันแรก “ช่วงเช้า” เดินทางสู่จังหวัดปทุมธานี เยี่ยมชมอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน 2 สถานที่ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง
สถานที่แรก “หอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” เดินทางเข้าเยี่ยมชมเพื่อน้อมรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ภายในอาคารได้รวบรวมและจัดแสดงพระราชจริยวัตรแห่งความพอเพียง เอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวเนื่องในพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ จัดเก็บอนุรักษ์ไว้ตามตามระบบมาตรฐานงานจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษา ค้นคว้า วิจัย
สถานที่สอง “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกาญจนาภิเษก” อยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับหอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ ทางกรมศิลปากร ได้รวบรวมงานอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรม โดยได้ย้ายออกจากกรุงเทพฯ มาไว้ในพื้นที่เดียวกัน จัดให้เป็นพื้นที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพียบพร้อมด้วยแหล่งเรียนรู้สหวิชา ครอบคลุมทั้งวิชาเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยุ วัฒนธรรมชาติพันธุ์วิทยา ทุกคนที่มีโอกาสเข้าชมจะเข้าใจถึงความเป็นมาของชาติพันธุ์ตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงบ่าย” ไปชมพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครอง สิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี และไปเยี่ยมชมวัดเจดีย์ทอง (วัดสิงห์)
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ภายในพิพิธภัณฑ์ ต้องเข้าไปชม โซนพระราชพิธีในวิถีเกษตร แสดงหุ่นจำลองการประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาเล่าอย่างละเอียด
โซนเรื่องของพ่อในบ้านของเรา ชมเรื่องราวการทรงงาน 23 ข้อ ที่สร้างความอยู่เย็นเป็นสุขให้คนไทยตลอดมา
โซนตามรอยพ่อ อยู่อย่างพอเพียง ชมแนวคิดต้นแบบที่จีรังของพ่อหลวงอย่างใกล้ชิด
กิจกรรมห้ามพลาด ลอดซุ้มประตูรวงข้าว ไปพบบ้านชาวนาและแปลงผักจำลองในโซนหัวใจใฝ่เกษตร
สนใจไปท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โทร. 09-4649-2333
www.wisdomking.or.th
การเดินทาง -ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ผ่านม.กรุงเทพห่างจาก ม.ธรรมศาสตร์ 10 กม. พิพิธภัณฑ์เกษตเฉลิมพระเกียรติอยู่ระหว่างกม.46-48 ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาลการุญเวช (นวนครเดิม)
ตำราพ่อสอน“เกษตร-หอจดหมายเหตุ-ชาติพันธุ์วิทยา”
4–5 พ.ย.นี้ไปร่วมอาสาสร้างสรรค์…สืบสานเกษตรไทย
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
สวัสดีวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” สำหรับวันนี้งดออกอากาศรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เนื่องจากทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ดำเนินการถ่ายทอดพิเศษพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในฐานะผู้ดำเนินรายการจึงขอน้อมนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “ศาสตร์พระราชาตำราของพ่อ” มาเผยแพร่เป็นความรู้อันจะเกิดประโยชน์ต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตอยู่อย่าง พอกิน พออยู่ พอเพียง จากพื้นที่ต้นแบบรอบปริมณฑล ใน “จังหวัดปทุมธานี” มีทั้งศูนย์การเรียนรู้ พิพิธภัณฑ์เกษตร หอจดหมายเหตุเฉลิมพระเกียรติฯ
ดังนั้นจึงจะขอแนะนำคนไทยทั่วทุกภูมิภาค พาครอบครัว พนักงาน เพื่อนฝูง เด็ก เยาวชน เข้ามาเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้เกษตรครบวงจร ที่พ่อสร้างไว้ให้ประชาชนของพระองค์ได้ศึกษาแล้วนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงอย่างง่าย ๆ กับวิถีการสร้างและกรรมวิธีการผลิต “คลังอาหารชีวิต” ตามคำสอนพ่อที่ปวงชนชาวไทยสามารถสืบสานทำต่อคำพ่อสอนให้อยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
มารวมพลังจับมือกันมุ่งหน้าตามไปศึกษา เรียนรู้ ลงมือทำ วิถีแห่งความ “พออยู่ พอกิน พอเพียง” ตามศาสตร์พระราชาเรียนจากตำราพ่อสอน ได้ ณ “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี”
ระหว่างวันที่ 4 – 5 พฤศจิกายน 2560 นี้ ทาง “สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี” (องค์กรมหาชน) ชวนคนไทยทั่วประเทศไปงานตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมกับเปิดให้ทำกิจกรรมโครงการ “อาสาสร้างสรรค์…สืบสานเกษตรไทย” ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.
อันจะเป็นงานที่ประชาชนคนไทย สามารถเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาของแผ่นดิน ทรัพย์สินทางปัญญาอันทรงคุณค่าของไทย เรียนรู้นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรตามรอยพ่อทฤษฎีใหม่ประยุกต์ การทำเกษตรยุคใหม่ตามวิถีชีวิตของตนเอง ชมนิทรรศการถวายพระเกียรติผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ร่วมเรียนรู้และจัดทำพวงมาลาด้วยเมล็ดพันธุกรรมและวัสดุการเกษตร มาร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ร่วมกันตามรอยพ่อ สืบสานเกษตรไทย เพราะเราเชื่อเหลือเกินว่า…ความดีนั้นสืบทอดกันได้
พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อน 10 แนวคิดพอเพียง และการเรียนรู้ วิถีเกษตรตามรอยพ่อ รวมถึงเป็นศูนย์การเรียนรู้ของเยาวชนและบุคคลทั่วไป ที่จะได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงชนชาวไทยมาตลอดชีวิต
เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ศูนย์การเรียนรู้อีกหนึ่งแห่งที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งขึ้นในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปีเมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเขตกรุงเทพฯ มากนัก
ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 10 โซน ภายใต้แนวคิด 10 โซนมหัศจรรย์การเรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ เป็นนิทรรศการที่รวบรวมผลงานของพ่อหลวง อาทิ พระราชกรณียกิจสำคัญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนการพัฒนาพื้นที่การเกษตรและถิ่นทุรกันดาร
ใครอยากเรียนรู้ความหมาย ตลอดจนความเป็นมาของ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ใครอยากเดินตาม รอยพ่อบนวิถีพอเพียง ศึกษาวิธีการทรงงานของพระองค์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มาที่นี่เพียงหนึ่งวัน แล้วจะซาบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พ่อหลวงท่านได้ทำเพื่อคนไทยนั้นมีมากมายจริงๆ
สถานที่ตั้ง “พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จังหวัดปทุมธานี” ตั้งอยู่ที่ 13 ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี “เปิดบริการ” ให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 09.00 - 12.00 และเวลา 13.00 - 16.00 น. “ปิดบริการ” วันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ส่วนการเดินทางไปท่องเที่ยวยังพื้นที่โดยรอบพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ใน จังหวัดปทุมธานีมีความหลากหลายมากมาย สามารถวางแผนช่วงเวลาการท่องเที่ยวตลอดทั้งวันได้ดังนี้
วันแรก “ช่วงเช้า” เดินทางสู่จังหวัดปทุมธานี เยี่ยมชมอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน 2 สถานที่ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง
สถานที่แรก “หอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” เดินทางเข้าเยี่ยมชมเพื่อน้อมรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ภายในอาคารได้รวบรวมและจัดแสดงพระราชจริยวัตรแห่งความพอเพียง เอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวเนื่องในพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ จัดเก็บอนุรักษ์ไว้ตามตามระบบมาตรฐานงานจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์ด้านการศึกษา ค้นคว้า วิจัย
สถานที่สอง “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกาญจนาภิเษก” อยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับหอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ ทางกรมศิลปากร ได้รวบรวมงานอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรม โดยได้ย้ายออกจากกรุงเทพฯ มาไว้ในพื้นที่เดียวกัน จัดให้เป็นพื้นที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพียบพร้อมด้วยแหล่งเรียนรู้สหวิชา ครอบคลุมทั้งวิชาเกี่ยวกับธรรมชาติวิทยุ วัฒนธรรมชาติพันธุ์วิทยา ทุกคนที่มีโอกาสเข้าชมจะเข้าใจถึงความเป็นมาของชาติพันธุ์ตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงบ่าย” ไปชมพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครอง สิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี และไปเยี่ยมชมวัดเจดีย์ทอง (วัดสิงห์)
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ภายในพิพิธภัณฑ์ ต้องเข้าไปชม โซนพระราชพิธีในวิถีเกษตร แสดงหุ่นจำลองการประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาเล่าอย่างละเอียด
โซนเรื่องของพ่อในบ้านของเรา ชมเรื่องราวการทรงงาน 23 ข้อ ที่สร้างความอยู่เย็นเป็นสุขให้คนไทยตลอดมา
โซนตามรอยพ่อ อยู่อย่างพอเพียง ชมแนวคิดต้นแบบที่จีรังของพ่อหลวงอย่างใกล้ชิด
กิจกรรมห้ามพลาด ลอดซุ้มประตูรวงข้าว ไปพบบ้านชาวนาและแปลงผักจำลองในโซนหัวใจใฝ่เกษตร
สนใจไปท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โทร. 09-4649-2333
www.wisdomking.or.th
การเดินทาง -ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ผ่านม.กรุงเทพห่างจาก ม.ธรรมศาสตร์ 10 กม. พิพิธภัณฑ์เกษตเฉลิมพระเกียรติอยู่ระหว่างกม.46-48 ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาลการุญเวช (นวนครเดิม)
วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560
LOCAL ALIKE ชูชุมชนท่องที่ยวศาสตร์พระราชา-โครงการช่างหัวมัน
LOCAL ALIKEชูชุมชนท่องเที่ยวศาสตร์พระราชา
ปี’61เร่งหนุน300ชุมชนบูมโฮมสเตย์-อาหารถิ่น
คิงเพาเวอร์จัดเต็มREADY STEADY/Dine&Fly
ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนบุกกรุงเปิดขาย2-5พย.
บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลกินเจ
ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง
ตามพ่อไปโครงการช่างหัวมันตามพระราชดำริ
นักเศรษฐศาสตร์ฝันปี’61เศรษฐกิจไทยพุ่ง4.3%
แจ้งเกิดตลาดประชารัฐุ6.4พันแห่งดีเดย์1ธค.นี้
เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พย.
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์ “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” ของเด็กหนุ่มอย่าง “สมศักดิ์ บุญคำ” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike ผู้นำสตาร์ตอัพทางด้านการท่องเที่ยวชุมชนระดับเวิลด์คลาสของไทย ที่ใช้เวลาบุกเบิกต่อเนื่องมากว่า 7 ปี ในโอกาสช่วงเดือนตุลาคมนี้ เขาพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชนไทยตามรอยศาสตร์พระราชาให้ทุกคนฟังความสุขแห่งวิถีชีวิตของผู้คนที่จับต้องได้ และความรักรากแห่งวัฒนธรรมอันดีงามส่งต่อรุ่นต่อรุ่นของชาวบ้าน
“สมศักดิ์ บุญคำ” เปิดเผยว่าการบุกเบิกการท่องเที่ยวชุมชนตลอด 7 ปี ทำให้เข้าใจ เข้าถึง ผู้คนตามชนบทที่ได้เข้าไปพัฒนาสร้างเครือข่ายมาได้จนถึงขณะนี้กว่า 70 ชุมชน ตั้งเป้าหมายจะเข้าไปช่วยทำให้ได้ถึง 300 ชุมชน ในปี 2561 จะไฮไลต์ความเข้มแข็งของชุมชนเข้าสู่ตลาดการท่องเที่ยวสากล 2 โปรเจ็กต์ คือ โปรเจ็กต์แรก “พัฒนาโฮมสเตย์” โดยยกระดับที่พักด้านความสะอาด ถูกสุขอนามัยให้มีมาตรฐานเทียบชั้นโรงแรมที่มีดาว โปรเจ็กต์ที่สอง “อาหารชุมชน” นำเมนูอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นมาถ่ายทอดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์กินแบบท้องถิ่นซึ่งมีวัฒนธรรมสืบต่อกันมายาวนาน
มาถึงเรื่องการท่องเที่ยวชุมชนด้วยการนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ เพราะคนไทยรู้อยู่แล้วว่าศาสตร์พระราชามีส่วนสำคัญอย่างมากทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ขณะนี้ได้รับโอกาสจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ทำโครงการ “ศาสตร์พระราชาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” พยายามนำเสนอหลายชุมชนได้น้อมนำเกษตรพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือแม้กระทั่งอนุรักษ์ป่าชายเลน หรือธุรกิจเพื่อสังคมอย่างพอเพียง ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจทั้งในชุมชนและนักท่องเที่ยวมากขึ้น ในการนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
การสร้างโปรแกรมนำเที่ยวเพื่อให้เกิดการจับต้องได้ ตัวอย่าง หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร หมู่บ้านที่เกษตรกรได้ประยุกต์การทำนาโดยใช้ทฤษฎีผสมผสานทำให้ชุมชนปลูกข้าวและปลูกพืชนิดอื่น ๆ ข้อดีมากกว่ารอฤดูกาลทำแต่เฉพาะนาเพียงอย่างเดียว รวมทั้งมีคนรุ่นใหม่ยุคลูกหลานลงมาต่อยอดการทำนาของพ่อแม่นำเกษตรทฤษฏีใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้สร้างแรงจูงใจที่จะขยายผลพัฒนาต่อยอดมากยิ่งขึ้นไป ได้เรียนรู้มากมายจากศาสตร์พระราชาอีกทั้งยังได้เห็นแนวทางที่รุ่นพ่อแม่ทำมา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ในทางที่ดีต่อไป
การสร้างจุดเปลี่ยนให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลงมือทำ ซึ่งทางผู้ประกอบการนำเที่ยวชุมชนนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติ ด้วยการให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตตกปลา เก็บพืชผล ภายในพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน ด้วยการทำเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนในหมู่บ้านนั้น ๆ
ประเมินว่าคนรุ่นต่อไปจะนำศาสตร์มาใช้มากขึ้นหรือไม่นั้น แต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใส่ใจการท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา โดยภาพรวมในฐานะผู้จัดการนำเที่ยวก็ต้องการให้นักท่องเที่ยวนำศาสตร์พระราชาที่ได้เห็นจากประสบการณ์จริงในระหว่างการเดินทางเข้าไปยังชุมชนได้นำไปใช้จริง ๆ ด้วย และจากประสบการณ์ทำการท่องเที่ยวต่อเนื่องมา 7 ปีเห็นความแตกต่างจากจุดเริ่มวันแรกกับปัจจุบัน เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทุกปีจากจำนวนเริ่มต้นมีผู้คนสนใจเที่ยวชุมชนพอเพียงนั้นช่วงแรกมีปีละหลัก 100 คน ตอนนี้ขยายเป็นปีละนับ 10,000 คน สะท้อนถึงคนส่วนใหญ่เข้าใจวิถีการท่องเที่ยวและแสวงหาการเดินทางด้วยประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวโน้มของชุมชนที่จะมีศักยภาพในการพัฒนาท่องเที่ยวด้วยศาสตร์พระราชาหรือตามทฤษฎีใหม่นั้นมีอยู่ทั่วประเทศ เพียงแต่จะต้องได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยอีกทาง
อีกทั้งการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวอย่างพอเพียงแล้วมีความสุขในเชิงจิตใจ แล้วก็เน้นคุณค่าทางใจมากกว่าที่จะเน้นเรื่องรายได้ เนื่องจากเป็นอาชีพเสริมที่นำมาบูรณาการเข้ากับวิถีชีวิตการเกษตรนั่นเอง
แล้วทาง LOCAL ALIKE เองจะขยายผลจาก 70 มาเป็น 300 ชุมชน เนื่องจากชุมชนส่วนใหญ่เจ้าของพื้นที่เองก็มีความรู้ ความเข้าใจสูงขึ้น โดยทางบริษัทได้นำเสนอประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวและพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวกับชุมชนเข้าใจตรงกันมากขึ้นไปด้วย โครงการหลัก ที่กำลังจะต้องเพิ่มความเข้มข้นต่อไปในเร็ว ๆ นี้ คือ 2 โครงการ โครงการแรก “โฮมสเตย์” ของชุมชนต้องมีมาตรฐานสากลภายใต้การคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตพื้นถิ่นที่ดีงาม โครงการที่สอง “อาหารถิ่น”
การทำให้ท่องเที่ยวชุมชนมีความแข็งแรงยั่งยืนต้องช่วยกันนำพาให้แต่ละชุมชนก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญคือ ชุมชนต้องมีหุ้นส่วนสนับสนุนอาจจะเป็นภาครัฐ เอกชน ที่มีความเข้าใจในการทำงานร่วมกันเพื่อมองหาตลาดเป้าหมายให้ตรงกับโปรดักซ์ของท้องถิ่น ๆ นั้น ทุกฝ่ายจะต้องเน้นการพึ่งพาซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปแสวงหาประโยชน์ เพื่อให้ชุมชนเติบโตอย่างมีรากฐานแข็งแรงเรียนรู้การนำเสนอโปรดักซ์ของตนเองให้ชัดเจนในตลาดปัจจุบันและอนาคต
รวมทั้งภาครัฐ เอกชน ที่จะเข้ามาสนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชา ควรจะต้องฟังความต้องการหรือความพร้อมของชุมชนว่าต้องการหัวใจหลักเรื่องใด เพราะหากศักยภาพของ “คนในชุมชนดีเข้มแข็ง” แล้ว เรื่องอื่น ๆ อย่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง สาธาณูปโภค อาจจะเป็นเรื่องรองที่สามารถทำภายหลังได้
เมื่อเปรียบเทียบการท่องเที่ยวชุมชนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามประสบการณ์ LOCAL ALIKE ทำงานอยู่ในเวียดนามด้วย โดยได้นำความช่วยเหลือการถ่ายทอดภาคบริการ ซึ่งเป็นจุดแข็งและไทยเองก็เป็นผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเสน่ห์ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของไทยได้เปรียบเพราะมีความหลากหลายที่ทุกชุมชนควรจะรักษาไว้ให้แข็งแรงมากที่สุด จึงเดินหน้ารณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจบริบทการท่องเที่ยวชุมชนคำนึงถึงขีดความสามารถการรองรับแต่ละช่วงฤดูว่าไปได้หรือไม่ได้ เพราะอาชีพหลักของชุมชนคือการทำเกษตร การประมง ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรศึกษา พร้อมทั้งรู้ถึงสิ่งที่ควรทำไม่ได้ควรทำ เพราะไม่มีใครห้ามการเปลี่ยนแปลงได้แต่จะต้องช่วยกันประคองให้เกิดในทางบวกต่อชุมชน ซึ่งแต่ละชุมชนก็มีแนวทางการรักษาวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
LOCAL ALIKE ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมสร้างการท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา ที่จะทำให้ท้องถิ่นมีความมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน ขณะเดียวกันก็จะต้องขอให้ทุกภาคส่วนทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปสู่ชุมชนจะต้องรู้ข้อจำกัดกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่นั้น ๆ เมื่อเข้าไปแล้วต้องทำอย่างสร้างสรรมากกว่าการทำลาย
ในอนาคต “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” จะเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะก่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็ง ยั่งยืน กระจายเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 อัดแคมเปญช้อปแจกแหลก“READY STEADY SHOP”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “READY STEADY SHOP” ต้อนรับการกลับมาของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดบริการใหม่ในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หลังใช้เงินปรับปรุงไปกว่า 2,600 ล้านบาท พบกับแบรนด์สินค้าหลากหลาย ร่วมรับส่วนลด 500 บาท และลุ้นบัตรกำนัลสูงสุด 100,000 บาท เมื่อช้อปตามเงื่อนไข ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม นี้ รวมทั้งจะร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดให้บริการที่ชั้น 3 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช็อปครบทุก 5,000 บาท หรือลุ้นรับสูงสุด AirAsia BIG Point 60,000 Points ได้
แคมเปญ READY STEADY SHOP มอบส่วนลดแก่ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรลงทะเบียนรับส่วนลด 500 บาท เมื่อช็อปครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับ 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ช็อปครบ 5,000 บาทลุ้นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ 60,000 AirAsia BIG Points
ต่อที่ 2 ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใหม่ ! ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ช็อปครบ 500,000 บาท รับฟรี Gift Card 30,000 บาท หรือช็อปครบ 1,000,000 บาทรับฟรี Gift Card 100,000 บาท
ต่อที่ 3 ช็อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต แต่ละสาขาครบทุก 20,000 บาท รับฟรี 10,000 AirAsia BIG Points
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 แคมเปญส่วนลด“Dine & Fly”ที่ภูเก็ต
คิง เพาเวอร์ ร่วมกับไทยแอร์เอเชีย ให้นักเดินทางที่ใช้บริการเข้าออก ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมแคมเปญ “Dine & Fly” ระหว่างวันนี้- 31 ธันวาคม 2560 เมื่อบินกับไทย แอร์ เอเชีย สามารถรับ Voucher ฟรี 100 บาท นำไปใช้เป็นส่วนลดตามในการรับประทานอาหารตามร้านอาหารต่าง ๆ ในสนามบินภูเก็ต เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายครั้งละตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป
ขณะนี้มีร้านแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมหลากหลายกลุ่มด้วยกัน อาทิ SUBWAY , NEW YORK 5 DELI ,CREAM& FUDGE, COFFEE WORLD ฯลฯ
ข่าวที่ 2 “หนุนเรือไฟฟ้านำเที่ยววิถีคลองกทม.-ปทุม-นนท์
นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ร่วมกับ บริษัท Torqeedo ผู้นำการพัฒนาเครื่องยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลงพื้นที่สำรวจเรือพายที่ให้บริการนำเที่ยวชมวิถีชีวิตตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อจัดทำโครงการนำร่องโดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดมลภาวะเสียงและอากาศและเสียง ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ สถานทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย บริษัท BMW (ประเทศไทย) นำธนาคารพัฒนาเอเชีย( ADB)มาร่วมโครงการ
โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถติดตั้ง เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า จากแหล่ง พลังงานแสงอาทิตย์ได้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท อันจะเป็นการลดต้นทุนจากค่าเชื้อเพลิงและลดมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่สีเขียว
ตั้งเป้าจะขยายการติดตั้งไปยังกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ให้บริการเรือนำเที่ยววิถีชีวิตคลองในแถบจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ต่อไปด้วย
ข่าวที่ 4 ททท.ตรังชูทัวร์ชุมชนบ้านลำขนุนพร้อมขาย2-5พ.ย.
ททท.ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนต้นแบบเที่ยววิถีเกษตรพอเพียงร่วมมหกรรมไทยเที่ยวไทย 2-5 พ.ย.นี้
ททท.สำนักงานตรัง รายงานว่า ได้นำการท่องเที่ยวชุมชน “บ้านลำขนุน จ.ตรัง” ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ไร่นาสวนผสมที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสมบูรณ์แบบมาเชิญชวนให้ไปเที่ยวในงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 3 และ 4 ในวันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน 2560
ความโดดเด่นของการท่องเที่ยวชุมชนบ้านลำขนุน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Village Tourism 4.0 มีเอกลักษณ์ทางศิลปะวัฒนธรรม การแสดงมโนราห์และหนังตะลุง พร้อมแหล่งเรียนรู้การแกะสลักรูปหนังตะลุง ททท.มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนในฐานะต้นแบบชุมชนวิถีเกษตรโดยชาวบ้านได้นำปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงวิถีเกษตรมาใช้ ทั้งการปลูกพืชผักผสมผสาน การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติ มีกิจกรรมพายเรือคายัคเที่ยว 5 ลำคลอง ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร มีลำพิกุลเป็นคลองสายหลัก ไหลไปบรรจบกับคลองลำขนุน น้ำตกสายรุ้ง คลองลำโท่ คลองลำปินะ สองข้างทางจะมีสวนยางพารา สลับสวนผลไม้ ที่พักโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานรับรองของกรมการท่องเที่ยว
ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.tourismthailand.org/villagetourism
ข่าวที่ 5 บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลเจ”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าระหว่างวันนี้-31 ต.ค. 60 แล้วพบกันที่ SPAR ทุกสาขาใกล้บ้าน ในสไตล์การให้บริการ frest & easy food market นำทัพโปรโมชั่นดี ๆ ต้อนรับเทศกาลกินเจ พร้อมสินค้าเพื่อดูแลสุขภาพมากมาย พร้อมเมนูคอมโบสุดคุ้ม ที่พร้อมจะเติมเต็มความหิว ในราคาโดนใจ
ทางร้านได้คัดสรรอาหารพร้อมรับประทานทั้งในแบบเจ และแบบทั่วไป ให้อิ่มอร่อยคู่สุดคุ้ม โดยจัดทำเป็นแพ็กคู่อาหารพร้อมเครื่องดื่ม อาทิแซนวิส ราคาเริ่มต้นคู่ละ 35-49 บาท ผลิตภัณฑ์เฮลตี้ แฮปปี้ ไลฟ์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพราคา คู่ละ 19-50 บาท หรือผลิตภัณฑ์ซื้อ 1แถม 1 ซื้อ 2 แถม 1
ดูรายละเอียดโปรโมชั่นตลอดเดือนตุลาคมนี้ได้ที่ www.sparthailand.com
ข่าวที่ 6 “BCPGคว้า2รางวัลผู้นำพลังงานระดับโลก”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และฝ่ายบริหารบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 บีซีพีจีเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในสามบริษัทจากเอเชียที่ได้รับรางวัลเมื่อช่วงตุลาคมนี้คือรางวัล The European Awards จากงาน Global Banking and Finance Awards 2017 รวม 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลบริษัทที่มีความโดดเด่นที่สุดในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย (Best Renewable Energy Company – Thailand 2017) และรางวัลบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาลเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Best Corporate Governance Principles – Renewable Energy Company – South East Asia 2017)
สำหรับรางวัล The European Awards มีการมอบรางวัลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จัดโดยนิตยสาร The European ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในแวดวงธุรกิจการเงินและการธนาคาร และเป็นพันธมิตรทางสื่อกับสำนักข่าวระดับโลก Thomson Reuters ซึ่งรางวัลดังกล่าวได้จากผลการโหวตอย่างเป็นทางการโดยสมาชิกและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นฟันด์เมเนเจอร์และนักธุรกิจชั้นนำในทวีปยุโรป
ข่าวที่ 7 “ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”กล่าวว่า ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทอท.ได้คาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งระหว่างวันที่ 23 – 31 ตุลาคม 2560 มีเที่ยวบินแจ้งขอทำการบินประมาณ 20,400 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางมากถึง4.16 ล้านที่นั่ง
โดยจะมีประชาชนส่วนใหญ่เดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ จำนวนมาก คือ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” แจ้งขอทำการบินประมาณ 8,500 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร 1.93 ล้านคน และและดอนเมืองแจ้งขอทำการบิน6,300 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางได้ 1.19 ล้านคน
ดังนั้น ทอท.ได้เปิดศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ทสภ.และ ทดม.ระหว่างวันที่ 19 – 30 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงาน ทอท. กับส่วนราชการ สายการบินและผู้ประกอบการ และอำนวยความสะดวกให้กระบวนการเดินทางของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งภายในศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่ ทอท.ประจำตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ ทสภ.ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ห้องรับรองพิเศษ CIP 5 และที่ ทดม.ตั้งศูนย์ประสานงานฯ
ณ ห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม. ชั้น 3 บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคาร 1 และ 2 ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วงที่ 2 ชวนกันเดินทางตามศาสตร์พระราชาไปดูสิ่งที่พ่อสร้างไว้ใน “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” ที่อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี แล้วมาดูเคล็ดลับกินของเผ็ด 5 เมนูไทยอายุยืนยาว และข่าวสถานการณ์ปีหน้านักเศรษฐศาสตร์ยาหอมว่าประเทศไทยจีดีพีจะทะยานไปถึง 4.3 % ส่วนนโยบายเอาใจรากหญ้าโปรเจ็กต์ใหม่ “เปิดตลาดประชารัฐ 6,447 แห่ง การตื่นตัวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะถกกับกระทรวงดิจิตอลเศรฐกิจและสังคมขานรับสัญญาณเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้า เรื่อยไปจนถึงข่าวตลอดตุลาคมนี้ โรงแรมทั่วไทยจัดเต็มเมนูอาหารเด็ด ๆ
@เยี่ยมโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
ผืนแผ่นดินเพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม จำนวน 250 ไร่ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อจากราษฎร มีเอกสารสิทธิเป็นที่ทรงงานด้านเกษตรกรรม ต่อมามีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ดำเนินการนำที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สำหรับศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมของจังหวัดเพชรบุรี
ภายในโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจของเพชรบุรีให้เรียนรู้มากมาย ทั้ง มะนาว ชมพู่ พืชผักต่าง ๆ แปลงพืชสมุนไพร แหล่งเรียนรู้เรื่องการพัฒนาดิน ด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายกลับคืนแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฟาร์มโคนม โรงเลี้ยงไข่ไก่
ทุกวันนี้ทางโครงการฯ เปิดโอกาสให้เกษตกรตลอดจนคนทั่วไปเข้าไปช่วยทำงาน พร้อม ๆ กับการเรียนรู้แนวทางด้านเกษตรกรรม
“กิจกรรม” ซึ่งทางโครงการฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชม ก็มีการเดินดูแปลงเกษตร ซึ่งดำเนินการตามพระราชประสงค์ ปรับลดการใช้เคมีลงอย่างต่อเนื่อง และบางแปลงอยู่ในการควบคุมการใช้จากนักวิชาการเกษตร รวมทั้งมีแปลงปลูกต้นสบู่ดำ โรงแปรรูปน้ำนมพาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์ ด้วยกำลังการผลิตชั่วโมงละ 2,000 ลิตร
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องบรรยายและชมวีดิทัศน์ วิทยากรจากสำนักพระราชวังนำชมพื้นที่ ร้านจำหน่ายผลผลิตภายในโครงการ ร้านโกลเด้นเพลส ร้านสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในเขตพื้นที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรถบริการนำชม พร้อมจักรยานไว้ให้แก่ผู้เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ
“ช่างหัวมัน” ชื่อของโครงการมีที่มาจากชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ มิได้ทรงนำหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงพบว่ามันหัวที่ทรงวางไว้บนตรามั่นนั้นงอกเป็นต้น มีพระราชดำรัสว่า มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกมันเทศ และทดลองเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นพืชท้องถิ่นของเพชรบุรี เช่น มะพร้าว มะนาว ชมพู่เพชร สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ
อันเป็นที่มาของโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ โทร.0-3247-2701-3 หากต้องการศึกษาดูงานแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์
@5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์
เว็บไซต์ กินเผ็ช(ด)แบบไทย ดีต่อกาย https://goo.gl/znye4e ได้แนะนำอาหารไทย รสเผ็ด5 อย่าง ซึ่งมีต้นทางคือ “พริก” ที่มีสรรพคุณเป็นยาขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารบรรเทาอาการไข้หวัด จึงแนะนำให้เลือกรับประทาน 5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์ ได้แก่
“น้ำพริก” อาหารเผ็ดร้อนที่อยู่คู่โต๊ะรับประทานอาหารของคนไทย
น้ำพริก เคียงคู่กับผักสด ผักลวก ปลานึ่ง เมนูง่ายๆ ที่มากคุณประโยชน์ เพราะวัตถุดิบที่อยู่ในน้ำพริกล้วนเต็มไปด้วยสมุนไพรรสเผ็ดร้อนไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนูกระเทียมไทย กระชาย หอมแดง ตะไคร้
“ต้มยำกุ้ง” เมนูที่โด่งดังไปทั่วโลก
เป็นเมนูที่เสมือนเป็นหม้อยาหม้อใหญ่ที่อุดมไป ด้วยสมุนไพรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า รากผักชี ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณดูแลสุขภาพร่างกาย อาทิ ใบมะกรูดช่วยแก้จุกเสียด ขับลม พริกช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น
มีผลจากการศึกษาพบว่า น้ำพริก ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนนั้น มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระและชะลอความชรา สามารถกำจัดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหารได้หลายชนิด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค อีกทั้งยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคทางสมอง เป็นต้น
“ส้มตำ” รสแซ่บใครๆ ก็ชอบ
ส่วนผสมของผักและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยสร้าง ภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย แต่การทานส้มตำให้ได้ประโยชน์ต้องคำนึงถึงความสะอาดของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นเมนูที่ไม่ผ่านความร้อน อาจเสี่ยงทำให้เกิดท้องเสียได้โดยเฉพาะต้องระวังเชื้อราอย่าง ‘อะฟลาทอกซิน’ ที่มักอยู่ในถั่วลิสง กุ้งแห้ง กระเทียมที่มีโทษต่อตับ และไม่ควรทานส้มตำเกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์หากมีส่วนผสมของ ปูดองเค็มหรือปลาร้า ควรทานเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้นที่สำคัญส่วนผสมนี้ต้องต้มให้สุกก่อน
ตามมาด้วย “หมูย่างน้ำตก”
อุดมด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนของพริกขี้หนูสดผสมพริกป่นกลมกล่อมด้วยหอมแดงต้นหอม ผักชี ใบสะระแหน่คลุกเคล้ามะนาว รวมถึงคลุกกับข้าวคั่วเพื่อช่วยดูดซับแก๊สในช่องท้องที่เกิดจากหมูไม่ย่อย เมื่อเทียบกันแล้ว สเต็กบาร์บีคิวของฝรั่งที่ทาเนยแสนเลี่ยนจิ้มกับซอสมะเขือเทศ น่าจะต้องหลีกทางให้กับหมูย่างน้ำตก แต่จะให้ดีควรเลือกกินหมูไร้มันด้วย
“มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง”
รสเผ็ดหอมกรุ่น ทั้งยังมีพริกแห้งกับ พริกไทย รวมถึงกลุ่มเครื่องเทศไทยรสเผ็ดร้อนอื่น เช่น กระเทียมไทย ตะไคร้ซอยข่าแก่ หอมแดง หอมใหญ่ รากผักชีอบเชย ลูกกระวาน ใบกระวาน กานพลู ฯลฯ ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการเต็มที่จากโปรตีนและไขมันของเนื้อสัตว์ที่ช่วยย่อยด้วยกลุ่มเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน จึงทานได้โดยไม่มีอาการท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดจากอาหาร
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นักเศรษฐศาสตร์ไทยฝันปีหน้าจีดีพีพุ่ง4.3%”
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะเติบโต 4.3% เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศเติบโตดีขึ้น หลังจากรัฐบาลกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นทำให้บรรยากาศความเชื่อมั่นของเสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ 4 เรื่อง ได้แก่
1.นโยบายของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนปี 2561 ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้
2.นโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีการการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศแห่เข้ามาลงทุน
3.การผลักไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMV-กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ปัจจุบันทั้ง 4 ประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตปีละกว่า 5% แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้
4.นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะช่วยนำพาไทยก้าวสู่การเป็นประเทศเทคโนโลยีในอนาคต
ในปี 2561 จะเริ่มเห็นความชัดเจนในการเบิกจ่ายของภาครัฐกว่า 2 แสนล้านบาท สูงกว่าปัจจุบันเบิกจ่ายไปเพียง 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุน 5% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 1.79 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงปี 2561 เรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนก็ยังชะลอตัว
ข่าวที่สอง “รัฐลั่นดันตลาดประชารัฐ6.4พันแห่งให้คนจนค้าขาย”
ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งล่าสุดเห็นชอบให้ กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าทำโครงการ “ตลาดประชารัฐ” บนพื้นที่กำหนดทั้งหมด 6,447 แห่ง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จะเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่สนใจ ลงทะเบียนเพื่อมาค้าขายตามพื้นที่ที่กำหนด ระยะแรกจะประเมินความต้องการขายและความต้องการซื้อ หากประสบผลสำเร็จและมีผู้สนใจจำนวนมาก ก็อาจจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศ
โครงการ “ตลาดนัดประชารัฐ” ของรัฐบาลได้รับเงินสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายของโครงการตามที่สำนักงบประมาณจัดสรร จำนวน 562 ล้านบาท มุ่งเน้นเพิ่มพื้นที่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีพื้นที่ค้าขาย เกิดรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยเปิดให้ค้าขาย เช่น สินค้าเกษตร โอท็อป สินค้าของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม SME วิสาหกิจชุมชน ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย โดยจะขยายตลาดต่อไป
สำหรับในปี 2561-2562 ตั้งเป้าจะจัดตลาดเพื่อให้ค้าขายจะสร้างผู้ค้ารายใหม่ราว 1.02 แสนราย เฉลี่ย 10-20 รายต่อตลาด 1 แห่ง
ข่าวที่สาม “ก.ท่องเที่ยวจ่อคุยDEทำบิ๊กดาต้าอุตท่องเที่ยว”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เตรียมหารือกับกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (DE) พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบบิ๊กดาต้า ขานรับนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกำหนดเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เป้าหมายเพื่อต้องการทำฐานข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ได้นำไปใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวไทย ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว เข้าถึงข้อมูลท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น
เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวเริ่มนำร่องจัดเก็บข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวบ้างแล้ว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว สปา โรงแรม มัคคุเทศก์ ทำเป็น 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และจีน รวบรวมอยู่ในเว็บไซต์ https://www.tourismthailand.org เว็บไซต์หลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีนักท่องเที่ยวการเข้าใช้งานกว่า 30 ล้านคน ขณะเดียวกันก็เร่งผลักดันท่องเที่ยว 3 โครงการใหญ่ ประกอบด้วย 1.ท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การจัดเวิลด์อีเวนต์ในไทย 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่บูรณาการการทำงานด้านหลัก ๆ 2 เรื่อง คือขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ข่าวที่สี่ “เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พ.ย.นี้”
กลุ่มโรงแรมเครือ เคป & แคนทารี โฮเทลส์ รายงานว่า ได้จัดทำแพกเกจห้องพักราคาพิเศษมาให้ช้อปกันในงาน ไทยเที่ยวไทย 2017 ครั้งที่ 45 ที่ บูธ J04ตั้งแต่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้นำโรงแรมในหลายทำเลตามจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองไทย มาเสนอขายในราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 1,500 บาท
โดยมีห้องพักโอ่อ่ากว้างขวางสุดหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศเสียงคลื่นริมทะเล อาทิ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง, โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง หรือดื่มด่ำบรรยากาศชิลล์ ๆ กับวิวทิวเขา อาทิ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ หรือโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่อย่าง โรงแรมแคนทารี โคราช และเคป กูดู เกาะยาวน้อย
สอบถามเพิ่มที่ 02 253 3791-7 ต่อ 123, 290 หรือที่ www.capekantaryhotels.com
ข่าวที่ห้า “โรงแรมเครือแคนทารี-คามิโอชูอาหารตลอดต.ค.”
ตลอดเดือนตุลาคมนี้ โรงแรมในเครือของเคป ภายใต้แบรนด์แคนทารีและคลาสสิค คามิโอ ในต่างจังหวัด จัดเต็มด้วยเมนูสุดพิเศษ ดังนี้
โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ต้อนรับ “เทศกาลกินเจ” ด้วยเมนูอาหารเจมากมาย ระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม เวลา 18.00-24.00 น. ห้องอาหาร แทพเพสทรี ได้คัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพ ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มบุญและอิ่มใจตลอดเทศกาล โทร 038- 614- 340 หรือเว็บไซต์ www.kameocollection.com
“โรงแรมแคนทารี อยุธยา” เสิร์ฟไม่ยั้งตลอดเดือนตุลาคมนี้ ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก เสิร์ฟเมนูอร่อยสุดพิเศษ “หอยแมลงภู่ผัดซอสมะเขือเทศ” หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ นำเข้าจากนิวซีแลนด์ผัดคลุกเคล้าด้วยส่วนผสมวัตถุดิบชั้นดี ถึงพริกถึงขิง ปรุงพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ มีรสซี้ดซ้าด กลมกล่อม อร่อยได้ในราคาเพียง 290++ บาท หากทานคู่กับไวน์ขาวยิ่งเพิ่มความอร่อย โทร. 035-337-177 หรือ www.kantarycollection.com
ส่วน “โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา” ที่ห้องอาหารแทพเพสทรี ท้าชิมเมนูสุดพิเศษประจำเดือนตุลาคม “หมูผัดสไตล์ฮ่องกง” หมูสันนอก หั่นชิ้น พอดีคำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากับเห็ดหอม พริกหวาน ต้นหอม แครอท ขิงและซอสสไตล์ฮ่องกง สูตรเฉพาะตามแบบฉบับรสชาติกลมกล่อม หวาน กลิ่นหอมเย้ายวน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ราคาเพียง 350++ บาท เท่านั้น หากทานกับเบียร์สดก็จะเพิ่มความอร่อยมากขึ้น
ข่าวที่หก “ขนส่งทั่วกทม.จัดบริการรถ-ลานจอดฟรี25-27ต.ค.นี้”
นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟม.ได้มีมติเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้งสองสายฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ดังนี้
รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (เอ็มอาร์ที สายสีม่วง) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 05.30 - 03.00 น. ของวันที่27ต.ค.
รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (เอ็มอาร์ที สายสีน้ำเงิน) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 06.00 - 03.00 น. ของวันที่ 27 ต.ค. และในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ให้บริการฟรี เฉพาะเอ็มอาร์ที สายสีม่วง ตั้งแต่เวลา 05.30 - 02.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
รฟม.ยังได้บริการอาคารและลานจอดรถฟรี ดังนี้
สายสีน้ำเงิน ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. จำนวน 2 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว จอดได้ 2,200 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดได้ 200 คัน
สายสีม่วง ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. ส่วนในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 01.00 น. จำนวน 4 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีคลองบางไผ่ จอดได้ 1,986 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีสามแยกบางใหญ่ จอดได้ 1,296 คัน 3. อาคารจอดรถสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ จอดได้ 1,076 คัน 4.อาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี 1 จอดได้ 565 คัน รวม 7,323 คัน
ทั้งนี้ในวันงานพระราชพิธี รฟม.พร้อมประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จัดรถรับ-ส่งให้บริการฟรี
ปี’61เร่งหนุน300ชุมชนบูมโฮมสเตย์-อาหารถิ่น
คิงเพาเวอร์จัดเต็มREADY STEADY/Dine&Fly
ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนบุกกรุงเปิดขาย2-5พย.
บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลกินเจ
ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง
ตามพ่อไปโครงการช่างหัวมันตามพระราชดำริ
นักเศรษฐศาสตร์ฝันปี’61เศรษฐกิจไทยพุ่ง4.3%
แจ้งเกิดตลาดประชารัฐุ6.4พันแห่งดีเดย์1ธค.นี้
เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พย.
สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 เกาะติดสถานการณ์ “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” ของเด็กหนุ่มอย่าง “สมศักดิ์ บุญคำ” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike ผู้นำสตาร์ตอัพทางด้านการท่องเที่ยวชุมชนระดับเวิลด์คลาสของไทย ที่ใช้เวลาบุกเบิกต่อเนื่องมากว่า 7 ปี ในโอกาสช่วงเดือนตุลาคมนี้ เขาพร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวการพัฒนาท่องเที่ยวชุมชนไทยตามรอยศาสตร์พระราชาให้ทุกคนฟังความสุขแห่งวิถีชีวิตของผู้คนที่จับต้องได้ และความรักรากแห่งวัฒนธรรมอันดีงามส่งต่อรุ่นต่อรุ่นของชาวบ้าน
![]() |
สมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike |
“สมศักดิ์ บุญคำ” เปิดเผยว่าการบุกเบิกการท่องเที่ยวชุมชนตลอด 7 ปี ทำให้เข้าใจ เข้าถึง ผู้คนตามชนบทที่ได้เข้าไปพัฒนาสร้างเครือข่ายมาได้จนถึงขณะนี้กว่า 70 ชุมชน ตั้งเป้าหมายจะเข้าไปช่วยทำให้ได้ถึง 300 ชุมชน ในปี 2561 จะไฮไลต์ความเข้มแข็งของชุมชนเข้าสู่ตลาดการท่องเที่ยวสากล 2 โปรเจ็กต์ คือ โปรเจ็กต์แรก “พัฒนาโฮมสเตย์” โดยยกระดับที่พักด้านความสะอาด ถูกสุขอนามัยให้มีมาตรฐานเทียบชั้นโรงแรมที่มีดาว โปรเจ็กต์ที่สอง “อาหารชุมชน” นำเมนูอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นมาถ่ายทอดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์กินแบบท้องถิ่นซึ่งมีวัฒนธรรมสืบต่อกันมายาวนาน
มาถึงเรื่องการท่องเที่ยวชุมชนด้วยการนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ เพราะคนไทยรู้อยู่แล้วว่าศาสตร์พระราชามีส่วนสำคัญอย่างมากทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ขณะนี้ได้รับโอกาสจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ทำโครงการ “ศาสตร์พระราชาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” พยายามนำเสนอหลายชุมชนได้น้อมนำเกษตรพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ หรือแม้กระทั่งอนุรักษ์ป่าชายเลน หรือธุรกิจเพื่อสังคมอย่างพอเพียง ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจทั้งในชุมชนและนักท่องเที่ยวมากขึ้น ในการนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
การสร้างโปรแกรมนำเที่ยวเพื่อให้เกิดการจับต้องได้ ตัวอย่าง หมู่บ้านหนองส่าน จ.สกลนคร หมู่บ้านที่เกษตรกรได้ประยุกต์การทำนาโดยใช้ทฤษฎีผสมผสานทำให้ชุมชนปลูกข้าวและปลูกพืชนิดอื่น ๆ ข้อดีมากกว่ารอฤดูกาลทำแต่เฉพาะนาเพียงอย่างเดียว รวมทั้งมีคนรุ่นใหม่ยุคลูกหลานลงมาต่อยอดการทำนาของพ่อแม่นำเกษตรทฤษฏีใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้สร้างแรงจูงใจที่จะขยายผลพัฒนาต่อยอดมากยิ่งขึ้นไป ได้เรียนรู้มากมายจากศาสตร์พระราชาอีกทั้งยังได้เห็นแนวทางที่รุ่นพ่อแม่ทำมา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ในทางที่ดีต่อไป
การสร้างจุดเปลี่ยนให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลงมือทำ ซึ่งทางผู้ประกอบการนำเที่ยวชุมชนนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติ ด้วยการให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตตกปลา เก็บพืชผล ภายในพื้นที่ของแต่ละหมู่บ้าน ด้วยการทำเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนในหมู่บ้านนั้น ๆ
ประเมินว่าคนรุ่นต่อไปจะนำศาสตร์มาใช้มากขึ้นหรือไม่นั้น แต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใส่ใจการท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา โดยภาพรวมในฐานะผู้จัดการนำเที่ยวก็ต้องการให้นักท่องเที่ยวนำศาสตร์พระราชาที่ได้เห็นจากประสบการณ์จริงในระหว่างการเดินทางเข้าไปยังชุมชนได้นำไปใช้จริง ๆ ด้วย และจากประสบการณ์ทำการท่องเที่ยวต่อเนื่องมา 7 ปีเห็นความแตกต่างจากจุดเริ่มวันแรกกับปัจจุบัน เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทุกปีจากจำนวนเริ่มต้นมีผู้คนสนใจเที่ยวชุมชนพอเพียงนั้นช่วงแรกมีปีละหลัก 100 คน ตอนนี้ขยายเป็นปีละนับ 10,000 คน สะท้อนถึงคนส่วนใหญ่เข้าใจวิถีการท่องเที่ยวและแสวงหาการเดินทางด้วยประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวโน้มของชุมชนที่จะมีศักยภาพในการพัฒนาท่องเที่ยวด้วยศาสตร์พระราชาหรือตามทฤษฎีใหม่นั้นมีอยู่ทั่วประเทศ เพียงแต่จะต้องได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยอีกทาง
อีกทั้งการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวอย่างพอเพียงแล้วมีความสุขในเชิงจิตใจ แล้วก็เน้นคุณค่าทางใจมากกว่าที่จะเน้นเรื่องรายได้ เนื่องจากเป็นอาชีพเสริมที่นำมาบูรณาการเข้ากับวิถีชีวิตการเกษตรนั่นเอง
แล้วทาง LOCAL ALIKE เองจะขยายผลจาก 70 มาเป็น 300 ชุมชน เนื่องจากชุมชนส่วนใหญ่เจ้าของพื้นที่เองก็มีความรู้ ความเข้าใจสูงขึ้น โดยทางบริษัทได้นำเสนอประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวและพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวกับชุมชนเข้าใจตรงกันมากขึ้นไปด้วย โครงการหลัก ที่กำลังจะต้องเพิ่มความเข้มข้นต่อไปในเร็ว ๆ นี้ คือ 2 โครงการ โครงการแรก “โฮมสเตย์” ของชุมชนต้องมีมาตรฐานสากลภายใต้การคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตพื้นถิ่นที่ดีงาม โครงการที่สอง “อาหารถิ่น”
การทำให้ท่องเที่ยวชุมชนมีความแข็งแรงยั่งยืนต้องช่วยกันนำพาให้แต่ละชุมชนก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญคือ ชุมชนต้องมีหุ้นส่วนสนับสนุนอาจจะเป็นภาครัฐ เอกชน ที่มีความเข้าใจในการทำงานร่วมกันเพื่อมองหาตลาดเป้าหมายให้ตรงกับโปรดักซ์ของท้องถิ่น ๆ นั้น ทุกฝ่ายจะต้องเน้นการพึ่งพาซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปแสวงหาประโยชน์ เพื่อให้ชุมชนเติบโตอย่างมีรากฐานแข็งแรงเรียนรู้การนำเสนอโปรดักซ์ของตนเองให้ชัดเจนในตลาดปัจจุบันและอนาคต
รวมทั้งภาครัฐ เอกชน ที่จะเข้ามาสนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวตามศาสตร์พระราชา ควรจะต้องฟังความต้องการหรือความพร้อมของชุมชนว่าต้องการหัวใจหลักเรื่องใด เพราะหากศักยภาพของ “คนในชุมชนดีเข้มแข็ง” แล้ว เรื่องอื่น ๆ อย่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง สาธาณูปโภค อาจจะเป็นเรื่องรองที่สามารถทำภายหลังได้
เมื่อเปรียบเทียบการท่องเที่ยวชุมชนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามประสบการณ์ LOCAL ALIKE ทำงานอยู่ในเวียดนามด้วย โดยได้นำความช่วยเหลือการถ่ายทอดภาคบริการ ซึ่งเป็นจุดแข็งและไทยเองก็เป็นผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเสน่ห์ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของไทยได้เปรียบเพราะมีความหลากหลายที่ทุกชุมชนควรจะรักษาไว้ให้แข็งแรงมากที่สุด จึงเดินหน้ารณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจบริบทการท่องเที่ยวชุมชนคำนึงถึงขีดความสามารถการรองรับแต่ละช่วงฤดูว่าไปได้หรือไม่ได้ เพราะอาชีพหลักของชุมชนคือการทำเกษตร การประมง ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรศึกษา พร้อมทั้งรู้ถึงสิ่งที่ควรทำไม่ได้ควรทำ เพราะไม่มีใครห้ามการเปลี่ยนแปลงได้แต่จะต้องช่วยกันประคองให้เกิดในทางบวกต่อชุมชน ซึ่งแต่ละชุมชนก็มีแนวทางการรักษาวัฒนธรรมแตกต่างกันไป
LOCAL ALIKE ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมสร้างการท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา ที่จะทำให้ท้องถิ่นมีความมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน ขณะเดียวกันก็จะต้องขอให้ทุกภาคส่วนทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปสู่ชุมชนจะต้องรู้ข้อจำกัดกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่นั้น ๆ เมื่อเข้าไปแล้วต้องทำอย่างสร้างสรรมากกว่าการทำลาย
ในอนาคต “การท่องเที่ยวชุมชนตามศาสตร์พระราชา” จะเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะก่อให้เกิดชุมชนเข้มแข็ง ยั่งยืน กระจายเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 อัดแคมเปญช้อปแจกแหลก“READY STEADY SHOP”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “READY STEADY SHOP” ต้อนรับการกลับมาของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” เปิดบริการใหม่ในเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป หลังใช้เงินปรับปรุงไปกว่า 2,600 ล้านบาท พบกับแบรนด์สินค้าหลากหลาย ร่วมรับส่วนลด 500 บาท และลุ้นบัตรกำนัลสูงสุด 100,000 บาท เมื่อช้อปตามเงื่อนไข ระหว่างวันนี้ - 31 ตุลาคม นี้ รวมทั้งจะร้านอาหารชื่อดังมากมายเปิดให้บริการที่ชั้น 3 พร้อมรับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช็อปครบทุก 5,000 บาท หรือลุ้นรับสูงสุด AirAsia BIG Point 60,000 Points ได้
แคมเปญ READY STEADY SHOP มอบส่วนลดแก่ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรลงทะเบียนรับส่วนลด 500 บาท เมื่อช็อปครบใบเสร็จละ 5,000 บาทขึ้นไป ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา คือ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับ 3 ต่อ
ต่อที่ 1 ช็อปครบ 5,000 บาทลุ้นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท หรือ 60,000 AirAsia BIG Points
ต่อที่ 2 ในโอกาสฉลอง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ใหม่ ! ลูกค้าคนไทยและสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ช็อปครบ 500,000 บาท รับฟรี Gift Card 30,000 บาท หรือช็อปครบ 1,000,000 บาทรับฟรี Gift Card 100,000 บาท
ต่อที่ 3 ช็อปที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยาและภูเก็ต แต่ละสาขาครบทุก 20,000 บาท รับฟรี 10,000 AirAsia BIG Points
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 แคมเปญส่วนลด“Dine & Fly”ที่ภูเก็ต
คิง เพาเวอร์ ร่วมกับไทยแอร์เอเชีย ให้นักเดินทางที่ใช้บริการเข้าออก ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมแคมเปญ “Dine & Fly” ระหว่างวันนี้- 31 ธันวาคม 2560 เมื่อบินกับไทย แอร์ เอเชีย สามารถรับ Voucher ฟรี 100 บาท นำไปใช้เป็นส่วนลดตามในการรับประทานอาหารตามร้านอาหารต่าง ๆ ในสนามบินภูเก็ต เมื่อมียอดค่าใช้จ่ายครั้งละตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป
ขณะนี้มีร้านแบรนด์ชั้นนำเข้าร่วมหลากหลายกลุ่มด้วยกัน อาทิ SUBWAY , NEW YORK 5 DELI ,CREAM& FUDGE, COFFEE WORLD ฯลฯ
ข่าวที่ 2 “หนุนเรือไฟฟ้านำเที่ยววิถีคลองกทม.-ปทุม-นนท์
นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ร่วมกับ บริษัท Torqeedo ผู้นำการพัฒนาเครื่องยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลงพื้นที่สำรวจเรือพายที่ให้บริการนำเที่ยวชมวิถีชีวิตตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อจัดทำโครงการนำร่องโดยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดมลภาวะเสียงและอากาศและเสียง ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ สถานทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย บริษัท BMW (ประเทศไทย) นำธนาคารพัฒนาเอเชีย( ADB)มาร่วมโครงการ
โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถติดตั้ง เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า จากแหล่ง พลังงานแสงอาทิตย์ได้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท อันจะเป็นการลดต้นทุนจากค่าเชื้อเพลิงและลดมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่สีเขียว
ตั้งเป้าจะขยายการติดตั้งไปยังกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ให้บริการเรือนำเที่ยววิถีชีวิตคลองในแถบจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ต่อไปด้วย
ข่าวที่ 4 ททท.ตรังชูทัวร์ชุมชนบ้านลำขนุนพร้อมขาย2-5พ.ย.
ททท.ตรังนำชุมชนบ้านลำขนุนต้นแบบเที่ยววิถีเกษตรพอเพียงร่วมมหกรรมไทยเที่ยวไทย 2-5 พ.ย.นี้
ททท.สำนักงานตรัง รายงานว่า ได้นำการท่องเที่ยวชุมชน “บ้านลำขนุน จ.ตรัง” ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ไร่นาสวนผสมที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างสมบูรณ์แบบมาเชิญชวนให้ไปเที่ยวในงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 3 และ 4 ในวันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน 2560
ความโดดเด่นของการท่องเที่ยวชุมชนบ้านลำขนุน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Village Tourism 4.0 มีเอกลักษณ์ทางศิลปะวัฒนธรรม การแสดงมโนราห์และหนังตะลุง พร้อมแหล่งเรียนรู้การแกะสลักรูปหนังตะลุง ททท.มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนในฐานะต้นแบบชุมชนวิถีเกษตรโดยชาวบ้านได้นำปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงวิถีเกษตรมาใช้ ทั้งการปลูกพืชผักผสมผสาน การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติ มีกิจกรรมพายเรือคายัคเที่ยว 5 ลำคลอง ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร มีลำพิกุลเป็นคลองสายหลัก ไหลไปบรรจบกับคลองลำขนุน น้ำตกสายรุ้ง คลองลำโท่ คลองลำปินะ สองข้างทางจะมีสวนยางพารา สลับสวนผลไม้ ที่พักโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานรับรองของกรมการท่องเที่ยว
ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.tourismthailand.org/villagetourism
ข่าวที่ 5 บางจากนำร้านSPARจัดโปรคู่รับเทศกาลเจ”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าระหว่างวันนี้-31 ต.ค. 60 แล้วพบกันที่ SPAR ทุกสาขาใกล้บ้าน ในสไตล์การให้บริการ frest & easy food market นำทัพโปรโมชั่นดี ๆ ต้อนรับเทศกาลกินเจ พร้อมสินค้าเพื่อดูแลสุขภาพมากมาย พร้อมเมนูคอมโบสุดคุ้ม ที่พร้อมจะเติมเต็มความหิว ในราคาโดนใจ
ทางร้านได้คัดสรรอาหารพร้อมรับประทานทั้งในแบบเจ และแบบทั่วไป ให้อิ่มอร่อยคู่สุดคุ้ม โดยจัดทำเป็นแพ็กคู่อาหารพร้อมเครื่องดื่ม อาทิแซนวิส ราคาเริ่มต้นคู่ละ 35-49 บาท ผลิตภัณฑ์เฮลตี้ แฮปปี้ ไลฟ์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพราคา คู่ละ 19-50 บาท หรือผลิตภัณฑ์ซื้อ 1แถม 1 ซื้อ 2 แถม 1
ดูรายละเอียดโปรโมชั่นตลอดเดือนตุลาคมนี้ได้ที่ www.sparthailand.com
ข่าวที่ 6 “BCPGคว้า2รางวัลผู้นำพลังงานระดับโลก”
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และฝ่ายบริหารบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 บีซีพีจีเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในสามบริษัทจากเอเชียที่ได้รับรางวัลเมื่อช่วงตุลาคมนี้คือรางวัล The European Awards จากงาน Global Banking and Finance Awards 2017 รวม 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลบริษัทที่มีความโดดเด่นที่สุดในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย (Best Renewable Energy Company – Thailand 2017) และรางวัลบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาลเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Best Corporate Governance Principles – Renewable Energy Company – South East Asia 2017)
สำหรับรางวัล The European Awards มีการมอบรางวัลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จัดโดยนิตยสาร The European ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในแวดวงธุรกิจการเงินและการธนาคาร และเป็นพันธมิตรทางสื่อกับสำนักข่าวระดับโลก Thomson Reuters ซึ่งรางวัลดังกล่าวได้จากผลการโหวตอย่างเป็นทางการโดยสมาชิกและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นฟันด์เมเนเจอร์และนักธุรกิจชั้นนำในทวีปยุโรป
ข่าวที่ 7 “ทอท.ตั้งศูนย์ประสานงานสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”กล่าวว่า ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 25 – 29 ตุลาคม 2560 ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทอท.ได้คาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งระหว่างวันที่ 23 – 31 ตุลาคม 2560 มีเที่ยวบินแจ้งขอทำการบินประมาณ 20,400 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางมากถึง4.16 ล้านที่นั่ง
โดยจะมีประชาชนส่วนใหญ่เดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ จำนวนมาก คือ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” แจ้งขอทำการบินประมาณ 8,500 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร 1.93 ล้านคน และและดอนเมืองแจ้งขอทำการบิน6,300 เที่ยว รองรับผู้โดยสารเดินทางได้ 1.19 ล้านคน
ดังนั้น ทอท.ได้เปิดศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ทสภ.และ ทดม.ระหว่างวันที่ 19 – 30 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่างส่วนงาน ทอท. กับส่วนราชการ สายการบินและผู้ประกอบการ และอำนวยความสะดวกให้กระบวนการเดินทางของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งภายในศูนย์จะมีเจ้าหน้าที่ ทอท.ประจำตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ ทสภ.ตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกประชาชน ณ ห้องรับรองพิเศษ CIP 5 และที่ ทดม.ตั้งศูนย์ประสานงานฯ
ณ ห้องศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม. ชั้น 3 บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคาร 1 และ 2 ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วงที่ 2 ชวนกันเดินทางตามศาสตร์พระราชาไปดูสิ่งที่พ่อสร้างไว้ใน “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” ที่อำเภอท่ายางจังหวัดเพชรบุรี แล้วมาดูเคล็ดลับกินของเผ็ด 5 เมนูไทยอายุยืนยาว และข่าวสถานการณ์ปีหน้านักเศรษฐศาสตร์ยาหอมว่าประเทศไทยจีดีพีจะทะยานไปถึง 4.3 % ส่วนนโยบายเอาใจรากหญ้าโปรเจ็กต์ใหม่ “เปิดตลาดประชารัฐ 6,447 แห่ง การตื่นตัวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะถกกับกระทรวงดิจิตอลเศรฐกิจและสังคมขานรับสัญญาณเลือกตั้งใหม่ปลายปีหน้า เรื่อยไปจนถึงข่าวตลอดตุลาคมนี้ โรงแรมทั่วไทยจัดเต็มเมนูอาหารเด็ด ๆ
@เยี่ยมโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ
ผืนแผ่นดินเพื่อการศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม จำนวน 250 ไร่ “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อจากราษฎร มีเอกสารสิทธิเป็นที่ทรงงานด้านเกษตรกรรม ต่อมามีผู้เข้าเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ดำเนินการนำที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สำหรับศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมของจังหวัดเพชรบุรี
ภายในโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านหนองคอไก่ ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจของเพชรบุรีให้เรียนรู้มากมาย ทั้ง มะนาว ชมพู่ พืชผักต่าง ๆ แปลงพืชสมุนไพร แหล่งเรียนรู้เรื่องการพัฒนาดิน ด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายกลับคืนแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฟาร์มโคนม โรงเลี้ยงไข่ไก่
ทุกวันนี้ทางโครงการฯ เปิดโอกาสให้เกษตกรตลอดจนคนทั่วไปเข้าไปช่วยทำงาน พร้อม ๆ กับการเรียนรู้แนวทางด้านเกษตรกรรม
“กิจกรรม” ซึ่งทางโครงการฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าเยี่ยมชม ก็มีการเดินดูแปลงเกษตร ซึ่งดำเนินการตามพระราชประสงค์ ปรับลดการใช้เคมีลงอย่างต่อเนื่อง และบางแปลงอยู่ในการควบคุมการใช้จากนักวิชาการเกษตร รวมทั้งมีแปลงปลูกต้นสบู่ดำ โรงแปรรูปน้ำนมพาสเจอร์ไรซ์และสเตอริไลซ์ ด้วยกำลังการผลิตชั่วโมงละ 2,000 ลิตร
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องบรรยายและชมวีดิทัศน์ วิทยากรจากสำนักพระราชวังนำชมพื้นที่ ร้านจำหน่ายผลผลิตภายในโครงการ ร้านโกลเด้นเพลส ร้านสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในเขตพื้นที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และรถบริการนำชม พร้อมจักรยานไว้ให้แก่ผู้เดินทางมาพร้อมกันเป็นหมู่คณะ
“ช่างหัวมัน” ชื่อของโครงการมีที่มาจากชาวบ้านได้นำมันเทศที่ปลูกมาทูลเกล้าฯ เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพฯ มิได้ทรงนำหัวนั้นไปด้วย แต่เมื่อเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงพบว่ามันหัวที่ทรงวางไว้บนตรามั่นนั้นงอกเป็นต้น มีพระราชดำรัสว่า มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้ จึงมีพระราชดำริให้ทดลองปลูกมันเทศ และทดลองเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นพืชท้องถิ่นของเพชรบุรี เช่น มะพร้าว มะนาว ชมพู่เพชร สัปปะรด ข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ
อันเป็นที่มาของโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ โทร.0-3247-2701-3 หากต้องการศึกษาดูงานแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์
@5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์
เว็บไซต์ กินเผ็ช(ด)แบบไทย ดีต่อกาย https://goo.gl/znye4e ได้แนะนำอาหารไทย รสเผ็ด5 อย่าง ซึ่งมีต้นทางคือ “พริก” ที่มีสรรพคุณเป็นยาขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารบรรเทาอาการไข้หวัด จึงแนะนำให้เลือกรับประทาน 5อาหารไทย “เผ็ดร้อน”มากประโยชน์ ได้แก่
“น้ำพริก” อาหารเผ็ดร้อนที่อยู่คู่โต๊ะรับประทานอาหารของคนไทย
น้ำพริก เคียงคู่กับผักสด ผักลวก ปลานึ่ง เมนูง่ายๆ ที่มากคุณประโยชน์ เพราะวัตถุดิบที่อยู่ในน้ำพริกล้วนเต็มไปด้วยสมุนไพรรสเผ็ดร้อนไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนูกระเทียมไทย กระชาย หอมแดง ตะไคร้
“ต้มยำกุ้ง” เมนูที่โด่งดังไปทั่วโลก
เป็นเมนูที่เสมือนเป็นหม้อยาหม้อใหญ่ที่อุดมไป ด้วยสมุนไพรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า รากผักชี ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณดูแลสุขภาพร่างกาย อาทิ ใบมะกรูดช่วยแก้จุกเสียด ขับลม พริกช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น
มีผลจากการศึกษาพบว่า น้ำพริก ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนนั้น มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระและชะลอความชรา สามารถกำจัดเชื้อโรคในระบบทางเดินอาหารได้หลายชนิด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค อีกทั้งยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคทางสมอง เป็นต้น
“ส้มตำ” รสแซ่บใครๆ ก็ชอบ
ส่วนผสมของผักและสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ กระเทียม มะเขือเทศ พริกขี้หนู ถั่วฝักยาว ซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยสร้าง ภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอวัย แต่การทานส้มตำให้ได้ประโยชน์ต้องคำนึงถึงความสะอาดของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นเมนูที่ไม่ผ่านความร้อน อาจเสี่ยงทำให้เกิดท้องเสียได้โดยเฉพาะต้องระวังเชื้อราอย่าง ‘อะฟลาทอกซิน’ ที่มักอยู่ในถั่วลิสง กุ้งแห้ง กระเทียมที่มีโทษต่อตับ และไม่ควรทานส้มตำเกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์หากมีส่วนผสมของ ปูดองเค็มหรือปลาร้า ควรทานเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้นที่สำคัญส่วนผสมนี้ต้องต้มให้สุกก่อน
ตามมาด้วย “หมูย่างน้ำตก”
อุดมด้วยกลุ่มสมุนไพรเผ็ดร้อนของพริกขี้หนูสดผสมพริกป่นกลมกล่อมด้วยหอมแดงต้นหอม ผักชี ใบสะระแหน่คลุกเคล้ามะนาว รวมถึงคลุกกับข้าวคั่วเพื่อช่วยดูดซับแก๊สในช่องท้องที่เกิดจากหมูไม่ย่อย เมื่อเทียบกันแล้ว สเต็กบาร์บีคิวของฝรั่งที่ทาเนยแสนเลี่ยนจิ้มกับซอสมะเขือเทศ น่าจะต้องหลีกทางให้กับหมูย่างน้ำตก แต่จะให้ดีควรเลือกกินหมูไร้มันด้วย
“มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง”
รสเผ็ดหอมกรุ่น ทั้งยังมีพริกแห้งกับ พริกไทย รวมถึงกลุ่มเครื่องเทศไทยรสเผ็ดร้อนอื่น เช่น กระเทียมไทย ตะไคร้ซอยข่าแก่ หอมแดง หอมใหญ่ รากผักชีอบเชย ลูกกระวาน ใบกระวาน กานพลู ฯลฯ ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการเต็มที่จากโปรตีนและไขมันของเนื้อสัตว์ที่ช่วยย่อยด้วยกลุ่มเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน จึงทานได้โดยไม่มีอาการท้องอืดเฟ้อ จุกเสียดจากอาหาร
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “นักเศรษฐศาสตร์ไทยฝันปีหน้าจีดีพีพุ่ง4.3%”
นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศไทย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะเติบโต 4.3% เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศเติบโตดีขึ้น หลังจากรัฐบาลกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นทำให้บรรยากาศความเชื่อมั่นของเสถียรภาพทางการเมืองดีขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ 4 เรื่อง ได้แก่
1.นโยบายของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนปี 2561 ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้
2.นโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีการการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศแห่เข้ามาลงทุน
3.การผลักไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ CLMV-กัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ปัจจุบันทั้ง 4 ประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตปีละกว่า 5% แนวโน้มจะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้
4.นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะช่วยนำพาไทยก้าวสู่การเป็นประเทศเทคโนโลยีในอนาคต
ในปี 2561 จะเริ่มเห็นความชัดเจนในการเบิกจ่ายของภาครัฐกว่า 2 แสนล้านบาท สูงกว่าปัจจุบันเบิกจ่ายไปเพียง 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุน 5% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 1.79 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงปี 2561 เรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนก็ยังชะลอตัว
ข่าวที่สอง “รัฐลั่นดันตลาดประชารัฐ6.4พันแห่งให้คนจนค้าขาย”
ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งล่าสุดเห็นชอบให้ กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าทำโครงการ “ตลาดประชารัฐ” บนพื้นที่กำหนดทั้งหมด 6,447 แห่ง วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 จะเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่สนใจ ลงทะเบียนเพื่อมาค้าขายตามพื้นที่ที่กำหนด ระยะแรกจะประเมินความต้องการขายและความต้องการซื้อ หากประสบผลสำเร็จและมีผู้สนใจจำนวนมาก ก็อาจจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 จะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศ
โครงการ “ตลาดนัดประชารัฐ” ของรัฐบาลได้รับเงินสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายของโครงการตามที่สำนักงบประมาณจัดสรร จำนวน 562 ล้านบาท มุ่งเน้นเพิ่มพื้นที่ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีพื้นที่ค้าขาย เกิดรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยเปิดให้ค้าขาย เช่น สินค้าเกษตร โอท็อป สินค้าของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม SME วิสาหกิจชุมชน ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย โดยจะขยายตลาดต่อไป
สำหรับในปี 2561-2562 ตั้งเป้าจะจัดตลาดเพื่อให้ค้าขายจะสร้างผู้ค้ารายใหม่ราว 1.02 แสนราย เฉลี่ย 10-20 รายต่อตลาด 1 แห่ง
ข่าวที่สาม “ก.ท่องเที่ยวจ่อคุยDEทำบิ๊กดาต้าอุตท่องเที่ยว”
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เตรียมหารือกับกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (DE) พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยวภายใต้รูปแบบบิ๊กดาต้า ขานรับนโยบายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกำหนดเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 เป้าหมายเพื่อต้องการทำฐานข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ได้นำไปใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวไทย ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว เข้าถึงข้อมูลท่องเที่ยวได้สะดวกขึ้น
เบื้องต้นกระทรวงการท่องเที่ยวเริ่มนำร่องจัดเก็บข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวบ้างแล้ว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว สปา โรงแรม มัคคุเทศก์ ทำเป็น 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และจีน รวบรวมอยู่ในเว็บไซต์ https://www.tourismthailand.org เว็บไซต์หลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มีนักท่องเที่ยวการเข้าใช้งานกว่า 30 ล้านคน ขณะเดียวกันก็เร่งผลักดันท่องเที่ยว 3 โครงการใหญ่ ประกอบด้วย 1.ท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การจัดเวิลด์อีเวนต์ในไทย 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่บูรณาการการทำงานด้านหลัก ๆ 2 เรื่อง คือขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยว และมาตรฐานความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ข่าวที่สี่ “เคป&แคนทารีนำห้องพักทั่วไทยลดแหลก2-5พ.ย.นี้”
กลุ่มโรงแรมเครือ เคป & แคนทารี โฮเทลส์ รายงานว่า ได้จัดทำแพกเกจห้องพักราคาพิเศษมาให้ช้อปกันในงาน ไทยเที่ยวไทย 2017 ครั้งที่ 45 ที่ บูธ J04ตั้งแต่ 2 – 5 พฤศจิกายน 2560 ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้นำโรงแรมในหลายทำเลตามจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของเมืองไทย มาเสนอขายในราคาเริ่มต้นเพียงคืนละ 1,500 บาท
โดยมีห้องพักโอ่อ่ากว้างขวางสุดหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ท่ามกลางบรรยากาศเสียงคลื่นริมทะเล อาทิ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง, โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง หรือดื่มด่ำบรรยากาศชิลล์ ๆ กับวิวทิวเขา อาทิ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ หรือโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่อย่าง โรงแรมแคนทารี โคราช และเคป กูดู เกาะยาวน้อย
สอบถามเพิ่มที่ 02 253 3791-7 ต่อ 123, 290 หรือที่ www.capekantaryhotels.com
ข่าวที่ห้า “โรงแรมเครือแคนทารี-คามิโอชูอาหารตลอดต.ค.”
ตลอดเดือนตุลาคมนี้ โรงแรมในเครือของเคป ภายใต้แบรนด์แคนทารีและคลาสสิค คามิโอ ในต่างจังหวัด จัดเต็มด้วยเมนูสุดพิเศษ ดังนี้
โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ต้อนรับ “เทศกาลกินเจ” ด้วยเมนูอาหารเจมากมาย ระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม เวลา 18.00-24.00 น. ห้องอาหาร แทพเพสทรี ได้คัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพ ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มบุญและอิ่มใจตลอดเทศกาล โทร 038- 614- 340 หรือเว็บไซต์ www.kameocollection.com
“โรงแรมแคนทารี อยุธยา” เสิร์ฟไม่ยั้งตลอดเดือนตุลาคมนี้ ห้องอาหารแคลิฟอร์เนีย สเต็ก เสิร์ฟเมนูอร่อยสุดพิเศษ “หอยแมลงภู่ผัดซอสมะเขือเทศ” หอยแมลงภู่ตัวใหญ่ นำเข้าจากนิวซีแลนด์ผัดคลุกเคล้าด้วยส่วนผสมวัตถุดิบชั้นดี ถึงพริกถึงขิง ปรุงพิถีพิถันโดยเชฟมืออาชีพ มีรสซี้ดซ้าด กลมกล่อม อร่อยได้ในราคาเพียง 290++ บาท หากทานคู่กับไวน์ขาวยิ่งเพิ่มความอร่อย โทร. 035-337-177 หรือ www.kantarycollection.com
ส่วน “โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา” ที่ห้องอาหารแทพเพสทรี ท้าชิมเมนูสุดพิเศษประจำเดือนตุลาคม “หมูผัดสไตล์ฮ่องกง” หมูสันนอก หั่นชิ้น พอดีคำ ผัดคลุกเคล้าเข้ากับเห็ดหอม พริกหวาน ต้นหอม แครอท ขิงและซอสสไตล์ฮ่องกง สูตรเฉพาะตามแบบฉบับรสชาติกลมกล่อม หวาน กลิ่นหอมเย้ายวน ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ราคาเพียง 350++ บาท เท่านั้น หากทานกับเบียร์สดก็จะเพิ่มความอร่อยมากขึ้น
ข่าวที่หก “ขนส่งทั่วกทม.จัดบริการรถ-ลานจอดฟรี25-27ต.ค.นี้”
นายฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ (บริหาร) รักษาการแทน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟม.ได้มีมติเปิดให้บริการรถไฟฟ้าทั้งสองสายฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ดังนี้
รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (เอ็มอาร์ที สายสีม่วง) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 05.30 - 03.00 น. ของวันที่27ต.ค.
รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (เอ็มอาร์ที สายสีน้ำเงิน) บริการฟรีตั้งแต่เวลา 06.00 - 03.00 น. ของวันที่ 27 ต.ค. และในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ให้บริการฟรี เฉพาะเอ็มอาร์ที สายสีม่วง ตั้งแต่เวลา 05.30 - 02.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
รฟม.ยังได้บริการอาคารและลานจอดรถฟรี ดังนี้
สายสีน้ำเงิน ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. จำนวน 2 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีลาดพร้าว จอดได้ 2,200 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จอดได้ 200 คัน
สายสีม่วง ให้บริการจอดรถฟรี ในวันที่ 26 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 03.00 น. ส่วนในวันที่ 25 และ 27 ต.ค. 60 ตั้งแต่เวลา 05.00 - 01.00 น. จำนวน 4 แห่ง คือ 1. อาคารจอดรถสถานีคลองบางไผ่ จอดได้ 1,986 คัน 2. อาคารจอดรถสถานีสามแยกบางใหญ่ จอดได้ 1,296 คัน 3. อาคารจอดรถสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ จอดได้ 1,076 คัน 4.อาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี 1 จอดได้ 565 คัน รวม 7,323 คัน
ทั้งนี้ในวันงานพระราชพิธี รฟม.พร้อมประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)จัดรถรับ-ส่งให้บริการฟรี
วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ศาสตร์พระราชายั่งยืนด้วยพลังจิตอาสา-ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน-การบินไทยฟื้นเส้นทางบินทั่วยุโรป
พลังจิตอาสาคนไทยนำศาสตร์พระราชายั่งยืน
ผู้นำทีเส็บ-อพท.หนุนเยาวชนสานต่อวิถีพ่อสอน
รับฟรีสายรัดข้อมือ2รู้จัก6ธุรกิจกลุ่มคิงเพาเวอร์
ททท.หนุนเจ6แห่ง-วิชา9ก้าวหน้าตำราของพ่อ
บางจากแจกคู่มือศาสตร์พระราชา/BCPQ3สดใส
สนามบินเชียงใหม่ ทอท.คว้ารางวัลASQระดับโลก
ชวนไปเรียนรู้ความยิ่งใหญ่“ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน”
เลือกกินผักผลไม้เจ5สีสร้างสรรค์สุขภาพไม่จำเจ
โรงแรมดุสิตจัดเมนูอาหารโครงการหลวงต.ค.นี้
แอร์เอเชียนำร่องบูมตลาดบินเกาะมาเก๊าสู่ภูเก็ต
6แอร์ไลน์ไทยแห่เปิดบินข้ามภาค/อาเซียน/โลก
การบินไทยลุยฟื้นเส้นทางบินทั่วยุโรปปั๊มรายได้
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงการน้อมนำศาสตร์พระราชาสานต่อคำพ่อสอนมาขยายผลในทุกภาคส่วนเกิดความยั่งยืนอยู่กับคนไทยตลอดไป
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ TCEB และ อพท. เปิดเผยหว่าในโอกาสสำคัญเดือนตุลาคมนี้คนไทยได้น้อมถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสงบสติ น้อมนำ รำลึก โดยคนไทยพยายามค้นคว้าหาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาศึกษาเรียนรู้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งพระองค์ทำให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน แต่ละกลุ่มก็อาจจะมีความสนใจเหมือนหรือแตกต่างกันไปบ้าง พระองค์ท่านทำไว้ให้คนไทยในหลายมิติและส่วนใหญ่จะตอบเรื่อง “ความยั่งยืน” สำหรับศาสตร์พระราชาทั้งหมดนั้นทุกคนสามารถน้อมนำมาปฏิบัติได้ โดยคนเริ่มใหม่เลือกทำในสิ่งง่ายก่อน เพราะบางเรื่องเป็นธรรมขั้นสูงพัฒนาการฝึกจนเป็นนิสัยมีวินัย ยิ่งทำมากก็จะยิ่งเป็นมงคลแก่ชีวิต
ในฐานะที่ผมดูแลหลายองค์กรพบว่าได้เห็นงานพระองค์ทรงพระราชทานไว้ หรือพระราชดำรัส ทั้งเรื่องประหยัด มีวินัย อย่างการมองสิ่งที่ทำเรื่อง “ขาดทุนคือกำไร” เป็นการฝึกความเพียรและอดทนที่ได้ผลระยะยาว จะยกตัวอย่างรูปธรรมอย่างผมดูแลอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งมุ่งส่งเสริมการจัดประชุม สัมมนา นิทรรศการแสดง) ของ สสปน.หรือ TCEB โดยนำความรู้ต่าง ๆ มาถกเถียงกันจนตกผลึกแล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงทำไว้ให้ปรากฎสามารถจับต้องได้ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นใกล้ตัวเราทั้งเรื่อง ดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม ดังนั้นหน้าที่หลักของทีเส็บจึงกระตุ้นให้คนส่วนใหญ่เลือกโครงการพระราชดำริเป็นแหล่งจัดสัมมนา ประชุม พร้อม ๆ กับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ควบคู่กันไปได้ด้วย
ในเนื้อหาของการประชุม สัมมนา ส่วนใหญ่ของเมืองไทย พุ่งเป้าพูดกันถึงเรื่องการศึกษา แต่ถ้าได้เข้าไปดูงานในโครงการพระราชดำริตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น เป็นมากกว่าฝายแต่ของจริงนั้นยังสามารถเป็นแก้มลิงได้ด้วย อันเป็นปรากฎการณ์ที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมลงได้
ดังนั้นจึงขอรณรงค์ให้ชวนกันไปจัดประชุมในสถานที่จริงตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงการไปตาม “ชุมชน” ที่นำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติจนเกิดเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตจริงอย่างลงตัว ทั้งทางวิถีชีวิต วัฒนธรรมท้องถิ่น โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดมากมายก็ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมากมีความสุข ส่วนนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าถึงซึ่งชุมชนแล้วก็จะพบความจริงถึงการรู้จักวิธีนำ “ทฤษฎีใหม่ในหลวงรัชกาลที่ 9” มาปรับใช้ได้จริงในแต่ละชุมชน ปรับปรุง ประยุกต์ พัฒนา โดยใช้ “การท่องเที่ยว” เป็นอาชีพเสริม ผนวกกับการผลิตสินค้าขายเล็ก ๆ น้อย ทำอาชีพเกษตรแบบพอเพียง ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ผสมผสานกัน โดยไม่พึ่งตลาดขนาดใหญ่และจะไม่สะเทือนเมื่อเกิดวิกฤตหรือความผันผวน
โดยสรุปแล้ว ชุมชนหลายแห่งของประเทศได้ทำให้เกิดเศรษฐกิจชุมชนด้วยปรัชญาพอเพียงตามทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงมาสู่ “ภาคบริการ” ตามยุคสมัยที่การท่องเที่ยวต้องการได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็น “ซัพพลายหรือการผลิต” อย่างสมดุลตอบสนองโลกได้โดยไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่การดำรงชีวิตแต่อย่างใด
ยิ่งสมัยนี้ “ชุมชน” ที่สามารถ “รักษา” วัฒนธรรมดั้งเดิม ที่พักอาศัยตามโครงสร้างดั้งเดิม ปัจจุบันกลับแปรเปลี่ยกลายเป็น “การลงทุนที่มีคุณค่า” อย่างมากต่อการท่องเที่ยว ซึ่งผู้คนพากันย้อนกลับไปท่องเที่ยว สะท้อนถึงการนำศาสตร์พระราชาสอนให้คนนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของชุมชนต่าง ๆ ได้
ดร.วีระศักดิ์กล่าวว่า บทบาทและหน้าที่ต่อไปจะขยายผลไปสู่กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่นั้น จะนำร่องเยาวชนในสถาบันการศึกษา นำร่องจากการดำรงตำแหน่งอธิการบดีคณะการท่องเที่ยวและบริการ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งดูแลการผลิตบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาหาร ภัตตาการ การบิน และอื่น ๆ อีกมากมาย นั้น มีความพร้อมทำหลักสูตรและแนะนำให้นักศึกษาไปทำตามหลักการ “บริการชุมชน” เพื่อลงภาคปฏิบัติเรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน การดำรงชีพ การดูแลชุมชน จัดทำสวัสดิการ โดยเรียนรู้นำคำสอนของพ่อในเรื่องการช่วยเหลือกันในแบบสหกรณ์ชุมชน ซึ่งจะทำให้นักศึกษาที่ได้ไปเห็นของจริง มีโอกาสซักถามและถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้เกิดการเรียนรู้แนวใหม่ที่นำไปสู่การพัฒนา
เช่นเดียวกันกับ อพท.เองก็มีส่วนอย่างมากที่ได้มีส่วนเข้าไปเขียนแผนพัฒนาท้องถิ่น อันเป็นวิธีของพ่อที่สอนให้ “ระเบิดจากข้างในพื้นที่” ซึ่งมีโอกาสได้ฟังความคิดและข้อเสนอของคนในพื้นที่มีความรู้และความต้องการจริง ๆ ในด้านต่าง ๆ ที่ตรงกับการนำไปใช้ในชีวิตจริง
ตัวอย่าง ชุมชนเชียงคาน จังหวัดเลย ที่ได้ริเริมเขียน “ธรรมนูญชุมชน” ขึ้นมาเป็นมาตรฐานของการดำรงชีพอยู่ร่วมกัน ทั้งเรื่องการดูแลโครงสร้างบ้านพักอาศัย โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขานรับสนับสนุน เป็นปรากฎการณ์ความสำเร็จอันเกิดจาก “ชุมชนยั่งยืน” ซึ่งมีกติกาวิถีชุมชนให้คนภายนอกที่เข้าไปพักผ่อนสงบร่มเย็นทุกกลุ่มทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไป กลุ่มครอบครัว เด็ก ผู้ใหญ่ แต่ละวัย
นับจากนี้เป็นต้นไปแนวทางการดำรงรักษาให้ “ศาสตร์พระราชา” กับ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ดำรงอยู่คู่กับคนไทยตลอดไป นั้นที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ฝึกหรือทำ เรื่องหนึ่งที่เริ่มยอมรับกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานแนวทาง “จิตอาสา” หลัง 13 ตุลาคม 2559 คนไทยต่างก็ปฏิบัติตนทำหน้าที่จิตอาสา ไปช่วยแจกอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ บริการรถรับส่ง ดูแลซึ่งกันและกันในทุก ๆ เรื่อง เพื่อให้คนไปร่วมงานพระบรมศพฯ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ
บัดนี้เท่ากับคนไทยได้ฝึกการทำ “จิตอาสา” มาแล้ว 1 ปี สังคมคนไทยเปลี่ยนไปในเชิงบวกรักใคร่กลมเกลียวโดยไม่แบ่งฝักฝ่าย จึงเป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายควรช่วยกันทำให้ภารกิจจิตอาสาเติบโตต่อไป ซึ่งทำร่วมกันโดยไม่ใช่เพราะหน้าที่ ทว่าทำเพื่อแทนคุณแผ่นดินและพระองค์ท่าน ทุกคนสามารถเป็นจิตอาสาที่นำไปสู่น้ำใจ การเอื้อเฟื้อ การแบ่งปัน ซึ่งจะเปลี่ยนประเทศไทยในไปสู่มิติใหม่ ทำให้ขาดทุนคือกำไร ทำให้สังคมไทยมีผู้คนที่มี “สำนึกสาธารณะ” ที่ทุกคนทำแล้วรู้สึกว่าตนเองเป็นประโยชน์ สามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นพลังอันยิ่งใหญ่มหาศาล
จิตอาสาจะเป็นพลังดำรง “ศาสตร์พระราชาและปรัชญาวิถีพอเพียง” ให้คงอยู่คู่กับสังคมไทยมีความสุขในทุกยุคสมัยได้ด้วยความเป็นไทยตามคำสอนของพ่อให้ไว้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 แจกสายรัดข้อมือถึง25ต.ค.-แนะนำ6ธุรกิจ
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ รายงานว่าได้ร่วมกับ มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จัดทำโครงการมอบสายข้อมือสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ ที่เคยจัดทำขึ้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีผ่านโครงการต่าง ๆ มามอบให้พี่น้องชาวไทยระหว่างวันนี้ – 25 ตุลาคม 2560 เป็นที่ระลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่ง เพื่อความทรงจำอันยิ่งใหญ่ให้พระองค์คงสถิตอยู่ในใจของพสกนิกรชาวไทยตราบนิจนิรันดร์ รับได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 18.00 น.พร้อมเชิญชมวีดิทัศน์ “งอกงามตามรอยพ่อ” ณ บริเวณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร.1631
ทางด้าน “นายวิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวถึงวิสัยทัศน์ว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจค้าปลีกที่พร้อมและสามารถให้บริการในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวได้ดีที่สุดในระดับสากล จากประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพในการประกอบธุรกิจปลอดอากร มานานเกือบ 30 ปี ทำให้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ จนได้รับรางวัลสำคัญต่างๆมากมาย แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ มีทั้งรางวัลระดับประเทศ รางวัลระดับภูมิภาคเอเชีย และรางวัลระดับโลก มากกว่า 50 รางวัล จากธุรกิจหลัก ๆ ดังนี้
บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในเมือง จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและปลอดอากร ณ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ, คิง เพาเวอร์ พัทยา คอมเพล็กซ์ และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์ และ ธุรกิจป้ายไฟโฆษณา ภายในอาคารผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และภูเก็ต พร้อมทั้งธุรกิจบริหารโรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์, ร้านอาหารรามายณะ และร้านอาหารลามูน
คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ด้วยการบริหารแบบมืออาชีพ คิง เพาเวอร์ จึงได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานไทย ให้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากร ภายในโถงผู้โดยสารขาออกและขาเข้าระหว่างประเทศ ภายในท่าอากาศยานหลักทั่วภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ทำให้ชื่อของ คิง เพาเวอร์ ติดอันดับร้านค้าดิวตี้ ฟรี ชั้นนำของโลก และเป็นที่รู้จักมาจวบจนปัจจุบัน
บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี จำหน่ายสินค้าของที่ระลึกและสินค้าไทย ในอาคารผู้โดยสารในประเทศ และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง
บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป ได้รับอนุญาตจากท่าอากาศยานไทยในปี พ.ศ. 2547 ให้บริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้โดยตรง ประกอบด้วยร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม จุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการดูแลสุขภาพและสปา สินค้าหัตถกรรมปลอดภาษี สินค้าของที่ระลึกและสินค้าโอท็อป ร้านโครงการหลวง ร้านขายยา เคาน์เตอร์ท่องเที่ยวและโรงแรม และอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของ ทอท.
บริษัท คิง เพาเวอร์ มาเก็ตติ้ง แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด เป็นบริษัทฯ ในเครือ คิงเพาเวอร์ กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรบนเครื่อง 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย 2553 สายการบินไทยสมายล์ ปี 2555 และสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ปี 2557
บริษัท คิง เพาเวอร์ โฮเทล แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด บริหารจัดการโรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ โรงแรมสไตล์รีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โครงการ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ควบคุมการบริหารงานโดยแอคคอร์กรุ๊ป เครือข่ายธุรกิจโรงแรมระดับโลก แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคารการ์เด้น วิง (Garden Wing) ขนาดความสูง 6 ชั้น และอาคารแกลส เทาเวอร์ (Glass Tower) ขนาดความสูง 21 ชั้น พร้อมห้องพักและห้องสวีท จำนวน 366 ห้อง ที่ถูกตกแต่งอย่างร่วมสมัย สไตล์โมเดิร์นเอเชีย เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นเป็นมิตร ทั้งบริเวณล็อบบี้เลาจน์ ริมสระ ว่ายน้ำ หรือห้องสัมมนา รวมถึงบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ 2 “ททท.รณรงค์ร่วมกินทั่วไทย6พื้นที่ 9วัน”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เชิญชวนร่วมงานประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) ทั่วประเทศใน 6 พื้นที่หลัก 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่19-28 ตุลาคม 2560 โดยการจัดงานครั้งนี้อยู่ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ละพื้นที่พร้อมใจร่วมถวายความอาลัย จึงงดบางกิจกรรม เช่น การจุดประทัด การจัดพิธีกรรมเข้าทรง ( ทรงเจ้า) และขบวนแห่พระประจำปี (ชิวลัก) เพื่อร่วมแสดงความอาลัยแด่พระองค์ท่าน
โดยมีพื้นที่หลัก ๆ ได้จัดเทศกาลกินเจสืบสานประเพณีที่ทำสืบต่อกันมายาวนาน ประกอบด้วย ภาคใต้ 4 พื้นที่ ภาคกลาง 1 พื้นที่ ภาคตะวันออก 1 พื้นที่ ได้แก่
“จังหวัดภูเก็ต” จัดงานถือศีลกินผัก 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่ 20 – 28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต โดยผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด 10 ข้อ แต่ละศาลเจ้าจะมีพิธีที่จัดขึ้นเพื่อบูชาและอัญเชิญองค์เทพลงมาเป็นประธานในงาน พร้อมกิจกรรมเส้นทางบุญต่าง ๆ ด้วย
“จังหวัดกระบี่” ศาลเจ้ากว่า 70 แห่ง ร่วมกันจัดเทศกาลกินเจประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อร่วมสืบทอดประเพณีถือศีลกินเจอันยิ่งใหญ่ของชาวกระบี่ พร้อมทั้งให้นักท่องเที่ยวได้สักการะ ชมขบวนแห่พระและม้าทรงของศาลเจ้าต่าง ๆ ที่แห่ไปรอบเมือง
“จังหวัดตรัง” จัดระหว่าง 19-28 ตุลาคม 2560 ณ บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นราม และองค์ศักดิ์สิทธิ์ ทำพิธีป่ายตั๋ว ปิดประตูศาล พร้อมทั้งงดจัดการแสดงและการละเล่น งดใช้ประทัด แต่ยังคงมีพิธีกรรมอื่นๆ ตามปกติ เช่น พิธีขึ้นเสาเต็งโก รับ-ส่งพระ เวียนธูปเทียน มีโรงทาน การรับอาหาร สายชั้นปิ่นโต กิจกรรมเวียนธูปเทียน ทุกคืนตลอดเทศกาล เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
“จังหวัดสงขลา” จัดกินเจหาดใหญ่ ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด "กินเจถูกปาก ถูกใจ ถูกอนามัย ไร้แอลกฮอล์" และปลอดโฟม 100% ระหว่างวันที่ 19-28 ตุลาคม 2560 ณ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ (ตรงข้ามมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเองและครอบครัว มีกิจกรรมตลอดงาน อาทิ กิจกรรม "ทำดีคิดถึงพ่อ" การออกร้านจำหน่ายอาหารเจกว่า 108 ร้านค้า กิจกรรมอาหารทานบุญ กินอย่างพอเพียงเลี้ยงคนทั้งเมือง
ภาคกลาง “จังหวัดสมุทรสาคร” จัดงาน "ไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2560" ระหว่างวันที่ 19-28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลเจ้าทั้ง 9 แห่ง ปีนี้จัดทำ "Passport ไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร" เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวรับพาสปอร์ตได้ที่เทศบาลนครสมุทรสาคร ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม และศาลเจ้าทั้ง 9 แห่ง เมื่อสักการะแล้วประทับตราลงพาสปอร์ตให้ครบทั้ง 9 ศาลเจ้า เพื่อขอรับฟรีเหรียญมงคลประจำปี 2560 ที่ศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือ คลองจาก ตำบลมหาชัย มีจำนวนจำกัดเพียง 10,000 เหรียญ ตลอดเส้นทางได้จัดรถรางบริการฟรีแก่นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมศาลเจ้าตามเส้นทางพาสปอร์ตตลอดงาน
ขณะที่บริเวณลานข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร จะมีร้านค้ากว่า 50 ร้าน จัดกิจกรรมขายอาหารเจกว่า 100 เมนู ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ควบคุมดูแลคุณภาพ ความสะอาดปลอดภัย เป็นอย่างดีตลอดงาน
ภาคตะวันออก “มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ จังหวัดชลบุรี” จัดเทศกาลกินเจเมืองพัทยา มหากุศล อิ่มบุญ อิ่มใจ ระหว่างวันที่ 20 - 28 ตุลาคม 2560 ณ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผัดหยาดทิพย์แปดเซียน กระทะยักษ์พร้อมรับซิ่วท้อ (ลูกท้อสวรรค์) ภายในงานจะมีขบวนอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน (เซ็งทีตี้) พิธีอัญเชิญ“กิ้วอ้วงฮุกโจ้วและพระโพธิสัตว์” ไปสถิต ณ โรงเจสว่างบริบูรณ์
ทั้งนี้ ททท.มุ่งรณรงค์การร่วมสืบสานงานประเพณีกินเจ อันเป็นหนึ่งในวิถีทัวร์บุญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของทุกคน
ข่าวที่ 3 “ททท.ชูวิชา9หน้าศาสตร์พระราชา9เรื่อง”
ททท. ได้จัดทำโครงการ “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ อันเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการน้อมนำหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อันเป็นหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เกิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยได้จัดทำ วีดีโอสารคดีและหนังสือ ชุด “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำเสนอ 9 วิชา ผ่าน 9 บุคคล ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดในแวดวงต่างๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดแต่ละ “วิชา” ที่ได้ไปสัมผัสจริงในชุมชนต่างๆ
โดยมีศาสตร์พระราชาเป็นแกนหลักของแต่ละ “บท” ผ่านการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ที่แต่ละชุมชนได้น้อมนำหลักการและแนวคิดของพระองค์ มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและพัฒนาชุมชนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสนอผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยเกิดการรับรู้ เรียนรู้ และเข้าใจ “ศาสตร์พระราชา” อันเปรียบเสมือน “วิชาของพ่อ” ที่ทรงใช้พัฒนาชีวิตคนไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ซึ่งวิดีโอสารคดี ทั้ง 9 เรื่อง
อาทิ วิชาปรุงไทยในใจคน : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดย คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วิชาชลปราการ : เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก โดยคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอีก 7 วิชาที่หาอ่านได้ในหนังสือวิชา 9 หน้าศาสตร์พระราชา และวิดีโอสารคดีทั้ง 9 เรื่อง
ข่าวที่ 4 “แจกหนังสือ “วิชา 9หน้า ศาสตร์พระราชา”
บริษัท บางจาก คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิมพ์หนังสือ “วิชา ๙ หน้า ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ เพื่อมอบให้ฟรีสำหรับประชาชนผู้สนใจที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดยได้จัดพิมพ์หนังสือ “วิชา ๙ หน้า ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ” จำนวน 50,000 เล่ม นำมามอบให้ฟรีสำหรับประชาชนผู้สนใจที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ใน กทม. และปริมณฑล รวม 20 สาขา ตั้งแต่วันนี้หรือจนกว่าหนังสือจะหมด
สาขาที่ร่วมรายการ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปั๊มบางจากบนถนนสายหลัก อาทิ ถนนวิภาวดี พหลโยธิน
บางนา สุขุมวิท เอกมัย ศรีนครินทร์สมิติเวช ร่มเกล้า กาญจนาภิเษก เทพารักษ์ ราชพฤกษ์
ข่าวที่ 5 นักวิเคราะห์ชี้บางจากQ3 กำไรพุ่ง-BCPGสดใส
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ”BCP” คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 60 จะอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท (+59% YoY, 89% QoQ) จะมาจากกำไรของธุรกิจโรงกลั่น ด้านการสต็อกน้ำมัน308 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาสสองซึ่งขาดทุนราว 1,000 ล้านบาท แปรผันตามราคาน้ำมันดิบดูไบไตรมาสสามขยับสูงขึ้น ทั้งนี้ยังคาดกำไรสุทธิของBCP งวด 9 เดือนแรกปี 60 จะคิดเป็น 78% ของประมาณการทั้งปี
ขณะที่ BCPG ซึ่งเป็นบริษัทลูก เปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแล้วจะเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของ 1.โครงการพลังงานลมขนาด 36MW (PetroWind I) ซึ่งถือหุ้นอยู่ 40% 2.เริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพสามโครงการกำลังการผลิต 875MW ซึ่งถือหุ้นอยู่ 17-20%
ข่าวที่ 6 “สนามบินเชียงใหม่คว้ารางวัลระดับโลก”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ของทอท.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการให้บริการที่ดีที่สุดของโลก (Airport Service Quality Program : ASQ) อันดับที่ 3 ประจำปี 2559 ในประเภทกลุ่มท่าอากาศยานที่มีจำนวนผู้โดยสาร 5 – 15 ล้านคนต่อปี คว้ารางวัล The ASQ Awards Ceremony ในการประชุม 27th ACI Africa / World Annual General Assembly, Conference & Exhibition 2017 ณโรงแรม Le Clos St. Louis กรุงพอร์ตหลุยส์ สาธารณรัฐมอริเชียส เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
นับเป็นรางวัลการันตีความสำเร็จของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่ทุกฝ่ายมุ่งมั่นพัฒนาเป็นประตูเศรษฐกิจของประเทศต้อนรับนานาชาติทั้งนักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่ง ทอท.ได้เดินหน้ารักษามาตรฐานและบริการที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวนี้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไ
ช่วงที่ 2 ตามไปดูศูนย์ฝนหลวงหัวหิน กำเนิดขึ้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2515 ปัจจุบันได้สร้างคุณูปการแก่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน จากนั้นลองมาดูการเลือกกินผักผลไม้เจ 5 สี จะได้ไม่จำเจ และสถานการณ์ของสายการบินของไทยทั้งประเทศตื่นตัวปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการบินไทยหันไปฟื้นฟูเที่ยวบินทั่วภูมิภาคยุโรป
@มหัศจรรย์ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลัก ณ “ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน” พื้นที่ในการวิจัย ค้นคว้าทดลองเพื่อพัฒนาขั้นตอนกรรมวิธีและเทคนิคในการปฏิบัติการฝนหลวงมาตั้งแต่ปี 2512 โดยมีขุนพลคู่ใจ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรวิศวกรรม เป็นหัวหน้าอกงวิศวกรรมคนแรก
หลังจากฝนหลวงเม็ดแรก ตกลงสู่ผืนป่าเขาใหญ่ และตามมาด้วยการค้นคว้าทดลอง พัฒนาอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในที่สุดเหตุการณ์ที่โลกต้องจารึกว่า เป็นความสำเร็จในการทำฝนหลวงของประเทศไทย เกิดขึ้นในวันที่ 19 ตุลาคม 2515 เหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงบริหารโครงการด้วยพระองค์เองอย่างใกล้ชิด
ศูนย์แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์ที่ให้บริการด้านการปฏิบัติการฝนหลวงตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังให้บริการด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการปฏิบัติการฝนหลวงแก่บุคลากรและองค์กรที่สนใจ
“ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน” ตั้งอยู่ภายในท่าอากาศยานหัวหิน ตำบลบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมี “กิจกรรม” หลากหลายให้ร่วมทำด้วยกัน ได้แก่ ชมหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ควบคู่ไปกับการเรียนรู้พระอัจฉริยภาพในการทำฝนหลวงที่เกิดจากพระราชปณิธานอันแรงกล้า ที่จะช่วยเหลือพนกนิกรของพระองค์ให้รอดพ้นจากภัยแล้ง ตำราฝนหลวงพระราชทาน ชมสิทธิบัตรการดัดแปลงสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝนหลวงของพระองค์ ชมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์และโต๊ะทรงงานในห้องทรงงาน การผสมสารเคมีเพื่อการทำฝนหลวง
สนใจศึกษาเรียนรู้ สอบถามได้ที่ โทร.0-3252-0062 www.huahin.royalrian.go.th www.facebook.com/HuahinRoyalRain
@กินผัก เจ 5 สี ไม่ให้จำเจ
เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนกระทั่งขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 นับเป็นเทศกาลกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีน หรือผู้ที่อยากละเว้นการกินเนื้อสัตว์เพื่อสร้างกุศล ซึ่งในเทศกาลกินเจปีนี้ตรงกับวันที่ 20-28 ตุลาคม 2560
เทศกาลกินเจ หรือ เทศกาลถือศีลกินผัก คือการละการกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด และปฏิบัติธรรม รักษาศีล ที่จะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และก่อให้เกิดสันติสุขแก่ทุกชีวิตบนโลก และแน่นอนว่าเทศกาลกินเจเราเน้นการกินผักและผลไม้เป็นพิเศษ โดยในปีนี้ ทางเว็บไซต์ สสส. ขอนำเสนอแนวทางการกินผักผลไม้ที่จะทำให้ผู้กินเจได้รับใยอาหารและวิตตมินครบถ้วนจากการกินผักทั้ง 5 สี
คุณค่าของผักผลไม้ 5 สี
ผักและผลไม้อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ มีแร่ธาตุและวิตามินมากมาย แถมยังจัดว่าเป็นอาหารที่มีไฟโตนิวเทรียนท์สูง หรือ สารพฤกษาเคมี หมายถึง สารอาหารที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ต้องได้รับจากพืชเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อม กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันการติดเชื้อและการเกิดโรคต่างๆ
1.สีเขียว ให้สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ขจัดฮอร์โมน ช่วยในการต่อต้านโรคมะเร็ง ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ยับยั้งการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้การกินผักใบเขียวเป็นประจำจะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีด้วย ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียว เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักคะน้า แตงกวา ตำลึง แอปเปิ้ลเขียว ฝรั่ง
2. สีเหลือง/ส้ม ให้สารลูทีน (Lutein) เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) มีประโยชน์ในการช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงสายตา
ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลือง/ส้ม เช่น แครอต ฟักทอง มันเทศ ส้ม มะละกอ เสาวรส มะนาว สับปะรด ขนุน และข้าวโพด เป็นต้น
3.สีม่วง/น้ำเงิน ให้สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ยับยั้งเชื้อที่จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีม่วง/น้ำเงิน เช่น มันเทศสีม่วง หอมแดง กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง ดอกอัญชัน ผลไม้ตะกูลเบอร์รี่
4. สีขาว/น้ำตาลอ่อน ให้สารแซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการอักเสบ รักษาระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีกรดไซแนปติก (Synaptic acid) และ อัลลิซิน (Allicin) โดยสารเหล่านี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีขาว/น้ำตาล เช่น ขิง ข่า กระเทียม กุยช่าย ขึ้นช่าย เห็ด ลูกเดือย หัวไชเท้า ดอกกะหล่ำ ถั่วงอก กล้วย สาลี่ พุทรา ลิ้นจี่ ละมุด แห้ว เป็นต้น
5.สีแดง มีสารไลโคปีน (Lycopene) และ เบตาไซซีน (Betacycin) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า และมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่า สารไลโคปีนช่วยป้องกันการเกิดดมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีแดง เช่น มะเขือเทศ บีทรูท แตงโม กระเจี๊ยบแดง หอมแดง พริกหวาน เป็นต้น
องค์การอนามัยโลก แนะนำให้กินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม จะช่วยทำให้คนไทยสุขภาพแข็งแรงและลดความสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ดุสิตธานีปรุงอาหารเมนูโครงการหลวง”
โรงแรมดุสิตธานี รายงานว่า ตลอดเดือนตุลาคม นี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยได้เลือกสนับสนุนผลิตผลทางการเกษตรจากโครงการหลวง โดยนำทีมเชฟของโรงแรมเลือกปรุงเมนูสูตรพิเศษจากวัตถุดิบของโครงการหลวง ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน เช่น ผักสดออร์แกนิก เนื้อสัตว์คุณภาพดีจากชุมชน รังสรรค์เป็นเมนูสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์
โดยให้บริการในทุกห้องอาหารของโรงแรม (ยกเว้นห้องอาหารโชกุน) ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ราคาเริ่มต้นเพียงจานละ 190 บาท++ พร้อมทั้งรายได้ 9% จากเมนูนี้บริจาคให้มูลนิธิโครงการหลวง ส่วนที่ห้องอาหาร 22 คิทเช่น แอนด์ บาร์ เสริฟเมนูจากโครงการหลวงในรูปแบบเซ็ตอาหารค่ำ 4 คอร์ส ในราคาท่านละ 1,999 บาท++ โทร 02-200-9000 ต่อ 2345 และ www.dusit.com/dtbk
ข่าวที่สอง “แอร์เอเชียแห่บินตรงมาเก๊าภูเก็ตและไทย3แห่ง
นางสาวซีเลีย เลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินแอร์เอเชียฮ่องกงและมาเก๊า เปิดเผยว่า จะเริ่มเปิดเส้นทางบินใหม่แบบประจำ ระหว่าง มาเก๊า – ภูเก็ต เริ่มตั้งแต่ 8 มกราคม 2561 โดยสร้างแรงจูงใจตั๋วโดยสารราคาประหยัดดึงดูดผู้คนในมาเก๊าและบริเวณใกล้เคียงหลั่งไหลเข้าสู่เกาะภูเก็ต
เพิ่มทางเลือกใหม่มากกว่าปัจจุบันที่ ไทย แอร์เอเชีย ประสบความสำเร็จโดยมีเที่ยวบินบริการ มาเก๊า - ดอนเมือง วันละ 4 เที่ยว และ มาเก๊า - เชียงใหม่ วันละ 1 เที่ยว มาเก๊า – พัทยา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ขณะเดียวกันกลุ่ม แอร์เอเชีย ก็มีบริการบิน ไป-กลับ ในประเทศแถบอาเซียน ได้แก่ ระหว่าง มาเก๊า ไป-กลับ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย ) มะนิลา (ฟิลิปปินส์) จาการ์ตา (อินโดนีเซีย) และจะเปิดเที่ยวบินตรงสู่เมือง ยะโฮร์บาห์รู เริ่มวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป
ข่าวที่สาม “ทย.ปลื้ม5แอร์ไลน์แข่งเพิ่มบินข้ามภาคและรอบอาเซียน
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ช่วงปลายปี 2560 บรรดาสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินทั่วไป 5 สายการบินแรก คือ บางกอกแอร์เวย์ส นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย นิวเจน ไลออนแอร์ สนใจขอเปิดเที่ยวบินภายในประเทศบริการข้ามภูมิภาค และบินในแถบประเทศกลุ่มอาเซียน
เริ่มจาก “นกแอร์” พร้อมบินบริการเส้นทาง แม่สอด (ตาก) -ย่างกุ้ง(เมียนมา) เริ่มตั้งแต่วันที่29 ต.ค.2560 เป็นต้นไป
“สายการบินนิวเจน” จะนำร่องบินตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2560 จากท่าอากาศยานนครราชสีมาที่เพิ่งกลับมาเปิดใช้งานใหม่ จะใช้เป็นฐานการบินภาคอีสาน นครราชสีมา สู่ภาคเหนือ เชียงใหม่ ภาคใต้ ภูเก็ต หาดใหญ่ และดอนเมือง (กรุงเทพฯ) รวมทั้งแสดงความสนใจขออนุญาตใช้สนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานเปิดบินระหว่างประเทศ ได้แก่ กระบี่ อุดรธานี และขอนแก่น บินบริการในภูมิภาคอาเซียน
ส่วน”ไทยแอร์เอเชีย” ต้นปีหน้า 2561 จะเริ่มบินนครราชสีมาสู่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ เช่นกัน “ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” เล็งขยายฐานการบินโดยใช้สนามบินนานาชาติ 2 แห่ง คืออู่ตะเภากับภูเก็ต บินข้ามทวีป ต้นปี 2561 จะบิน ภูเก็ต-โปแลนด์ และ อู่ตะเภา-รัสเซีย รวมทั้ง กรุงเทพฯ-ซัปโปโร (ญี่ปุ่น)
“ไลอ้อนแอร์” จะใช้ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน “บางกอกแอร์เวย์ส” อยู่ระหว่างศึกษาการใช้ท่าอากาศยานหัวหิน บินสู่ญี่ปุ่น อาทิ โตเกียว (นาริตะ) และฟุกุโอกะ ช่วงกลางปีหน้า สอดคล้องกับแผนรับเครื่องใหม่โบอิ้ง 737 MAX อีก 5-7 ลำ เข้าประจำฝูงเพิ่มอีก 5-7 ลำ ซึ่งจะทำให้มีฝูงบินรวมกว่า 33 ลำ เสริมทัพกับแอร์บัส A330-300 ที่จะนำไปบิน ไทเป (ไต้หวัน) มุมไบ (อินเดีย) และเล็งเปิดใหม่ในจีน 5 จุด ต่อจากวันที่ 17 ตุลาคม 2560 เริ่มบินเช่าเหมาลำครั้งแรก อู่ตะเภา-ฉางซา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ทั้งนี้วันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2560 กระทรวงคมนาคมเตรียมส่งผู้บริหารเดินทางไปรายงานผลถึงกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO) ปลดธงแดงการบินของประเทศไทยให้ EASA รับทราบด้วย
ข่าวที่สี่ “การบินไทยตลุยฟื้นเส้นทางบินทั่วยุโรปปี’61”
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารการบินไทยเสนอให้การบินไทยเปิดเส้นทางบินเพิ่ม ไป-กลับ กรุงเทพฯ กรุงเวียนนา (ออสเตรีย) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว เริ่ม 16 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ควบคู่กับการเพิ่มความถี่เส้นทางบินทั่วยุโรปมากขึ้น อาทิ เส้นทาง โคเปนเฮเกน-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-สตอกโฮล์ม-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ลอนดอน, กรุงเทพฯ-ออสโล (นอร์เวย์) กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ เพื่อบริหารการใช้ฝูงบินใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะ A350 นำไปใช้บินโรม มิลาน แฟรงก์เฟิร์ต จะขยายไปบินเพิ่มสู่เมือง บรัสเซล ลอนดอน เสริมจากฝูงบินปัจจุบันที่ใช้A380 และโบอิ้ง 777
ติดตามฟังรายการเป็นประจำได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 -12.00 น.ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
ผู้นำทีเส็บ-อพท.หนุนเยาวชนสานต่อวิถีพ่อสอน
รับฟรีสายรัดข้อมือ2รู้จัก6ธุรกิจกลุ่มคิงเพาเวอร์
ททท.หนุนเจ6แห่ง-วิชา9ก้าวหน้าตำราของพ่อ
บางจากแจกคู่มือศาสตร์พระราชา/BCPQ3สดใส
สนามบินเชียงใหม่ ทอท.คว้ารางวัลASQระดับโลก
ชวนไปเรียนรู้ความยิ่งใหญ่“ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน”
เลือกกินผักผลไม้เจ5สีสร้างสรรค์สุขภาพไม่จำเจ
โรงแรมดุสิตจัดเมนูอาหารโครงการหลวงต.ค.นี้
แอร์เอเชียนำร่องบูมตลาดบินเกาะมาเก๊าสู่ภูเก็ต
6แอร์ไลน์ไทยแห่เปิดบินข้ามภาค/อาเซียน/โลก
การบินไทยลุยฟื้นเส้นทางบินทั่วยุโรปปั๊มรายได้
สวัสดีวันเสาร์ที่ 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” (ฟังมือถือเลือก FM 97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsaen ฟังทาง youtube พิมพ์ รวยด้วยข่าว 97.0-วัน/เดือน/ปี #gurutourza #thailandfest #AmazingThailand
ช่วงที่ 1 ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงการน้อมนำศาสตร์พระราชาสานต่อคำพ่อสอนมาขยายผลในทุกภาคส่วนเกิดความยั่งยืนอยู่กับคนไทยตลอดไป
![]() |
ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการ TCEB และ พท. |
ในฐานะที่ผมดูแลหลายองค์กรพบว่าได้เห็นงานพระองค์ทรงพระราชทานไว้ หรือพระราชดำรัส ทั้งเรื่องประหยัด มีวินัย อย่างการมองสิ่งที่ทำเรื่อง “ขาดทุนคือกำไร” เป็นการฝึกความเพียรและอดทนที่ได้ผลระยะยาว จะยกตัวอย่างรูปธรรมอย่างผมดูแลอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งมุ่งส่งเสริมการจัดประชุม สัมมนา นิทรรศการแสดง) ของ สสปน.หรือ TCEB โดยนำความรู้ต่าง ๆ มาถกเถียงกันจนตกผลึกแล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงทำไว้ให้ปรากฎสามารถจับต้องได้ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นใกล้ตัวเราทั้งเรื่อง ดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม ดังนั้นหน้าที่หลักของทีเส็บจึงกระตุ้นให้คนส่วนใหญ่เลือกโครงการพระราชดำริเป็นแหล่งจัดสัมมนา ประชุม พร้อม ๆ กับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ควบคู่กันไปได้ด้วย
ในเนื้อหาของการประชุม สัมมนา ส่วนใหญ่ของเมืองไทย พุ่งเป้าพูดกันถึงเรื่องการศึกษา แต่ถ้าได้เข้าไปดูงานในโครงการพระราชดำริตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น เป็นมากกว่าฝายแต่ของจริงนั้นยังสามารถเป็นแก้มลิงได้ด้วย อันเป็นปรากฎการณ์ที่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมลงได้
ดังนั้นจึงขอรณรงค์ให้ชวนกันไปจัดประชุมในสถานที่จริงตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงการไปตาม “ชุมชน” ที่นำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติจนเกิดเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตจริงอย่างลงตัว ทั้งทางวิถีชีวิต วัฒนธรรมท้องถิ่น โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดมากมายก็ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมากมีความสุข ส่วนนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าถึงซึ่งชุมชนแล้วก็จะพบความจริงถึงการรู้จักวิธีนำ “ทฤษฎีใหม่ในหลวงรัชกาลที่ 9” มาปรับใช้ได้จริงในแต่ละชุมชน ปรับปรุง ประยุกต์ พัฒนา โดยใช้ “การท่องเที่ยว” เป็นอาชีพเสริม ผนวกกับการผลิตสินค้าขายเล็ก ๆ น้อย ทำอาชีพเกษตรแบบพอเพียง ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ผสมผสานกัน โดยไม่พึ่งตลาดขนาดใหญ่และจะไม่สะเทือนเมื่อเกิดวิกฤตหรือความผันผวน
โดยสรุปแล้ว ชุมชนหลายแห่งของประเทศได้ทำให้เกิดเศรษฐกิจชุมชนด้วยปรัชญาพอเพียงตามทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงมาสู่ “ภาคบริการ” ตามยุคสมัยที่การท่องเที่ยวต้องการได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็น “ซัพพลายหรือการผลิต” อย่างสมดุลตอบสนองโลกได้โดยไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่การดำรงชีวิตแต่อย่างใด
ยิ่งสมัยนี้ “ชุมชน” ที่สามารถ “รักษา” วัฒนธรรมดั้งเดิม ที่พักอาศัยตามโครงสร้างดั้งเดิม ปัจจุบันกลับแปรเปลี่ยกลายเป็น “การลงทุนที่มีคุณค่า” อย่างมากต่อการท่องเที่ยว ซึ่งผู้คนพากันย้อนกลับไปท่องเที่ยว สะท้อนถึงการนำศาสตร์พระราชาสอนให้คนนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของชุมชนต่าง ๆ ได้
ดร.วีระศักดิ์กล่าวว่า บทบาทและหน้าที่ต่อไปจะขยายผลไปสู่กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่นั้น จะนำร่องเยาวชนในสถาบันการศึกษา นำร่องจากการดำรงตำแหน่งอธิการบดีคณะการท่องเที่ยวและบริการ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งดูแลการผลิตบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาหาร ภัตตาการ การบิน และอื่น ๆ อีกมากมาย นั้น มีความพร้อมทำหลักสูตรและแนะนำให้นักศึกษาไปทำตามหลักการ “บริการชุมชน” เพื่อลงภาคปฏิบัติเรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน การดำรงชีพ การดูแลชุมชน จัดทำสวัสดิการ โดยเรียนรู้นำคำสอนของพ่อในเรื่องการช่วยเหลือกันในแบบสหกรณ์ชุมชน ซึ่งจะทำให้นักศึกษาที่ได้ไปเห็นของจริง มีโอกาสซักถามและถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้เกิดการเรียนรู้แนวใหม่ที่นำไปสู่การพัฒนา
เช่นเดียวกันกับ อพท.เองก็มีส่วนอย่างมากที่ได้มีส่วนเข้าไปเขียนแผนพัฒนาท้องถิ่น อันเป็นวิธีของพ่อที่สอนให้ “ระเบิดจากข้างในพื้นที่” ซึ่งมีโอกาสได้ฟังความคิดและข้อเสนอของคนในพื้นที่มีความรู้และความต้องการจริง ๆ ในด้านต่าง ๆ ที่ตรงกับการนำไปใช้ในชีวิตจริง
ตัวอย่าง ชุมชนเชียงคาน จังหวัดเลย ที่ได้ริเริมเขียน “ธรรมนูญชุมชน” ขึ้นมาเป็นมาตรฐานของการดำรงชีพอยู่ร่วมกัน ทั้งเรื่องการดูแลโครงสร้างบ้านพักอาศัย โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขานรับสนับสนุน เป็นปรากฎการณ์ความสำเร็จอันเกิดจาก “ชุมชนยั่งยืน” ซึ่งมีกติกาวิถีชุมชนให้คนภายนอกที่เข้าไปพักผ่อนสงบร่มเย็นทุกกลุ่มทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไป กลุ่มครอบครัว เด็ก ผู้ใหญ่ แต่ละวัย
นับจากนี้เป็นต้นไปแนวทางการดำรงรักษาให้ “ศาสตร์พระราชา” กับ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ดำรงอยู่คู่กับคนไทยตลอดไป นั้นที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ฝึกหรือทำ เรื่องหนึ่งที่เริ่มยอมรับกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานแนวทาง “จิตอาสา” หลัง 13 ตุลาคม 2559 คนไทยต่างก็ปฏิบัติตนทำหน้าที่จิตอาสา ไปช่วยแจกอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ บริการรถรับส่ง ดูแลซึ่งกันและกันในทุก ๆ เรื่อง เพื่อให้คนไปร่วมงานพระบรมศพฯ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ
บัดนี้เท่ากับคนไทยได้ฝึกการทำ “จิตอาสา” มาแล้ว 1 ปี สังคมคนไทยเปลี่ยนไปในเชิงบวกรักใคร่กลมเกลียวโดยไม่แบ่งฝักฝ่าย จึงเป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายควรช่วยกันทำให้ภารกิจจิตอาสาเติบโตต่อไป ซึ่งทำร่วมกันโดยไม่ใช่เพราะหน้าที่ ทว่าทำเพื่อแทนคุณแผ่นดินและพระองค์ท่าน ทุกคนสามารถเป็นจิตอาสาที่นำไปสู่น้ำใจ การเอื้อเฟื้อ การแบ่งปัน ซึ่งจะเปลี่ยนประเทศไทยในไปสู่มิติใหม่ ทำให้ขาดทุนคือกำไร ทำให้สังคมไทยมีผู้คนที่มี “สำนึกสาธารณะ” ที่ทุกคนทำแล้วรู้สึกว่าตนเองเป็นประโยชน์ สามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นพลังอันยิ่งใหญ่มหาศาล
จิตอาสาจะเป็นพลังดำรง “ศาสตร์พระราชาและปรัชญาวิถีพอเพียง” ให้คงอยู่คู่กับสังคมไทยมีความสุขในทุกยุคสมัยได้ด้วยความเป็นไทยตามคำสอนของพ่อให้ไว้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 แจกสายรัดข้อมือถึง25ต.ค.-แนะนำ6ธุรกิจ
กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ รายงานว่าได้ร่วมกับ มูลนิธิ คิง เพาเวอร์ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จัดทำโครงการมอบสายข้อมือสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ ที่เคยจัดทำขึ้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีผ่านโครงการต่าง ๆ มามอบให้พี่น้องชาวไทยระหว่างวันนี้ – 25 ตุลาคม 2560 เป็นที่ระลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่ง เพื่อความทรงจำอันยิ่งใหญ่ให้พระองค์คงสถิตอยู่ในใจของพสกนิกรชาวไทยตราบนิจนิรันดร์ รับได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 18.00 น.พร้อมเชิญชมวีดิทัศน์ “งอกงามตามรอยพ่อ” ณ บริเวณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร.1631
ทางด้าน “นายวิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวถึงวิสัยทัศน์ว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจค้าปลีกที่พร้อมและสามารถให้บริการในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวได้ดีที่สุดในระดับสากล จากประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพในการประกอบธุรกิจปลอดอากร มานานเกือบ 30 ปี ทำให้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ จนได้รับรางวัลสำคัญต่างๆมากมาย แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ มีทั้งรางวัลระดับประเทศ รางวัลระดับภูมิภาคเอเชีย และรางวัลระดับโลก มากกว่า 50 รางวัล จากธุรกิจหลัก ๆ ดังนี้
บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในเมือง จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและปลอดอากร ณ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ, คิง เพาเวอร์ พัทยา คอมเพล็กซ์ และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์ และ ธุรกิจป้ายไฟโฆษณา ภายในอาคารผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และภูเก็ต พร้อมทั้งธุรกิจบริหารโรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์, ร้านอาหารรามายณะ และร้านอาหารลามูน
คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ด้วยการบริหารแบบมืออาชีพ คิง เพาเวอร์ จึงได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานไทย ให้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและอากร ภายในโถงผู้โดยสารขาออกและขาเข้าระหว่างประเทศ ภายในท่าอากาศยานหลักทั่วภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ทำให้ชื่อของ คิง เพาเวอร์ ติดอันดับร้านค้าดิวตี้ ฟรี ชั้นนำของโลก และเป็นที่รู้จักมาจวบจนปัจจุบัน
บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี จำหน่ายสินค้าของที่ระลึกและสินค้าไทย ในอาคารผู้โดยสารในประเทศ และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง
บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป ได้รับอนุญาตจากท่าอากาศยานไทยในปี พ.ศ. 2547 ให้บริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้โดยตรง ประกอบด้วยร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม จุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการดูแลสุขภาพและสปา สินค้าหัตถกรรมปลอดภาษี สินค้าของที่ระลึกและสินค้าโอท็อป ร้านโครงการหลวง ร้านขายยา เคาน์เตอร์ท่องเที่ยวและโรงแรม และอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของ ทอท.
บริษัท คิง เพาเวอร์ มาเก็ตติ้ง แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด เป็นบริษัทฯ ในเครือ คิงเพาเวอร์ กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรบนเครื่อง 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย 2553 สายการบินไทยสมายล์ ปี 2555 และสายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ปี 2557
บริษัท คิง เพาเวอร์ โฮเทล แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด บริหารจัดการโรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ โรงแรมสไตล์รีสอร์ทหรูระดับห้าดาว ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โครงการ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ควบคุมการบริหารงานโดยแอคคอร์กรุ๊ป เครือข่ายธุรกิจโรงแรมระดับโลก แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ได้แก่ อาคารการ์เด้น วิง (Garden Wing) ขนาดความสูง 6 ชั้น และอาคารแกลส เทาเวอร์ (Glass Tower) ขนาดความสูง 21 ชั้น พร้อมห้องพักและห้องสวีท จำนวน 366 ห้อง ที่ถูกตกแต่งอย่างร่วมสมัย สไตล์โมเดิร์นเอเชีย เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นเป็นมิตร ทั้งบริเวณล็อบบี้เลาจน์ ริมสระ ว่ายน้ำ หรือห้องสัมมนา รวมถึงบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่ 2 “ททท.รณรงค์ร่วมกินทั่วไทย6พื้นที่ 9วัน”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เชิญชวนร่วมงานประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) ทั่วประเทศใน 6 พื้นที่หลัก 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่19-28 ตุลาคม 2560 โดยการจัดงานครั้งนี้อยู่ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ละพื้นที่พร้อมใจร่วมถวายความอาลัย จึงงดบางกิจกรรม เช่น การจุดประทัด การจัดพิธีกรรมเข้าทรง ( ทรงเจ้า) และขบวนแห่พระประจำปี (ชิวลัก) เพื่อร่วมแสดงความอาลัยแด่พระองค์ท่าน
โดยมีพื้นที่หลัก ๆ ได้จัดเทศกาลกินเจสืบสานประเพณีที่ทำสืบต่อกันมายาวนาน ประกอบด้วย ภาคใต้ 4 พื้นที่ ภาคกลาง 1 พื้นที่ ภาคตะวันออก 1 พื้นที่ ได้แก่
“จังหวัดภูเก็ต” จัดงานถือศีลกินผัก 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่ 20 – 28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต โดยผู้เข้าร่วมพิธีจะต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด 10 ข้อ แต่ละศาลเจ้าจะมีพิธีที่จัดขึ้นเพื่อบูชาและอัญเชิญองค์เทพลงมาเป็นประธานในงาน พร้อมกิจกรรมเส้นทางบุญต่าง ๆ ด้วย
“จังหวัดกระบี่” ศาลเจ้ากว่า 70 แห่ง ร่วมกันจัดเทศกาลกินเจประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อร่วมสืบทอดประเพณีถือศีลกินเจอันยิ่งใหญ่ของชาวกระบี่ พร้อมทั้งให้นักท่องเที่ยวได้สักการะ ชมขบวนแห่พระและม้าทรงของศาลเจ้าต่าง ๆ ที่แห่ไปรอบเมือง
“จังหวัดตรัง” จัดระหว่าง 19-28 ตุลาคม 2560 ณ บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นราม และองค์ศักดิ์สิทธิ์ ทำพิธีป่ายตั๋ว ปิดประตูศาล พร้อมทั้งงดจัดการแสดงและการละเล่น งดใช้ประทัด แต่ยังคงมีพิธีกรรมอื่นๆ ตามปกติ เช่น พิธีขึ้นเสาเต็งโก รับ-ส่งพระ เวียนธูปเทียน มีโรงทาน การรับอาหาร สายชั้นปิ่นโต กิจกรรมเวียนธูปเทียน ทุกคืนตลอดเทศกาล เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
“จังหวัดสงขลา” จัดกินเจหาดใหญ่ ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด "กินเจถูกปาก ถูกใจ ถูกอนามัย ไร้แอลกฮอล์" และปลอดโฟม 100% ระหว่างวันที่ 19-28 ตุลาคม 2560 ณ บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ (ตรงข้ามมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเองและครอบครัว มีกิจกรรมตลอดงาน อาทิ กิจกรรม "ทำดีคิดถึงพ่อ" การออกร้านจำหน่ายอาหารเจกว่า 108 ร้านค้า กิจกรรมอาหารทานบุญ กินอย่างพอเพียงเลี้ยงคนทั้งเมือง
ภาคกลาง “จังหวัดสมุทรสาคร” จัดงาน "ไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร ประจำปี 2560" ระหว่างวันที่ 19-28 ตุลาคม 2560 ณ ศาลเจ้าทั้ง 9 แห่ง ปีนี้จัดทำ "Passport ไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร" เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวรับพาสปอร์ตได้ที่เทศบาลนครสมุทรสาคร ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม และศาลเจ้าทั้ง 9 แห่ง เมื่อสักการะแล้วประทับตราลงพาสปอร์ตให้ครบทั้ง 9 ศาลเจ้า เพื่อขอรับฟรีเหรียญมงคลประจำปี 2560 ที่ศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือ คลองจาก ตำบลมหาชัย มีจำนวนจำกัดเพียง 10,000 เหรียญ ตลอดเส้นทางได้จัดรถรางบริการฟรีแก่นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมศาลเจ้าตามเส้นทางพาสปอร์ตตลอดงาน
ขณะที่บริเวณลานข้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร จะมีร้านค้ากว่า 50 ร้าน จัดกิจกรรมขายอาหารเจกว่า 100 เมนู ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ควบคุมดูแลคุณภาพ ความสะอาดปลอดภัย เป็นอย่างดีตลอดงาน
ภาคตะวันออก “มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ จังหวัดชลบุรี” จัดเทศกาลกินเจเมืองพัทยา มหากุศล อิ่มบุญ อิ่มใจ ระหว่างวันที่ 20 - 28 ตุลาคม 2560 ณ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผัดหยาดทิพย์แปดเซียน กระทะยักษ์พร้อมรับซิ่วท้อ (ลูกท้อสวรรค์) ภายในงานจะมีขบวนอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน (เซ็งทีตี้) พิธีอัญเชิญ“กิ้วอ้วงฮุกโจ้วและพระโพธิสัตว์” ไปสถิต ณ โรงเจสว่างบริบูรณ์
ทั้งนี้ ททท.มุ่งรณรงค์การร่วมสืบสานงานประเพณีกินเจ อันเป็นหนึ่งในวิถีทัวร์บุญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของทุกคน
ข่าวที่ 3 “ททท.ชูวิชา9หน้าศาสตร์พระราชา9เรื่อง”
ททท. ได้จัดทำโครงการ “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ อันเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ “ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการน้อมนำหลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา อันเป็นหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน จนเกิดเป็นโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เกิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยได้จัดทำ วีดีโอสารคดีและหนังสือ ชุด “วิชา๙หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ นำเสนอ 9 วิชา ผ่าน 9 บุคคล ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดในแวดวงต่างๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดแต่ละ “วิชา” ที่ได้ไปสัมผัสจริงในชุมชนต่างๆ
โดยมีศาสตร์พระราชาเป็นแกนหลักของแต่ละ “บท” ผ่านการ “ท่องเที่ยวชุมชน” ที่แต่ละชุมชนได้น้อมนำหลักการและแนวคิดของพระองค์ มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและพัฒนาชุมชนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสนอผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยเกิดการรับรู้ เรียนรู้ และเข้าใจ “ศาสตร์พระราชา” อันเปรียบเสมือน “วิชาของพ่อ” ที่ทรงใช้พัฒนาชีวิตคนไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ซึ่งวิดีโอสารคดี ทั้ง 9 เรื่อง
อาทิ วิชาปรุงไทยในใจคน : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดย คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วิชาชลปราการ : เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก โดยคุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอีก 7 วิชาที่หาอ่านได้ในหนังสือวิชา 9 หน้าศาสตร์พระราชา และวิดีโอสารคดีทั้ง 9 เรื่อง
ข่าวที่ 4 “แจกหนังสือ “วิชา 9หน้า ศาสตร์พระราชา”
บริษัท บางจาก คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิมพ์หนังสือ “วิชา ๙ หน้า ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ เพื่อมอบให้ฟรีสำหรับประชาชนผู้สนใจที่สถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โดยได้จัดพิมพ์หนังสือ “วิชา ๙ หน้า ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ” จำนวน 50,000 เล่ม นำมามอบให้ฟรีสำหรับประชาชนผู้สนใจที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก ใน กทม. และปริมณฑล รวม 20 สาขา ตั้งแต่วันนี้หรือจนกว่าหนังสือจะหมด
สาขาที่ร่วมรายการ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปั๊มบางจากบนถนนสายหลัก อาทิ ถนนวิภาวดี พหลโยธิน
บางนา สุขุมวิท เอกมัย ศรีนครินทร์สมิติเวช ร่มเกล้า กาญจนาภิเษก เทพารักษ์ ราชพฤกษ์
ข่าวที่ 5 นักวิเคราะห์ชี้บางจากQ3 กำไรพุ่ง-BCPGสดใส
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ”BCP” คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 60 จะอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท (+59% YoY, 89% QoQ) จะมาจากกำไรของธุรกิจโรงกลั่น ด้านการสต็อกน้ำมัน308 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาสสองซึ่งขาดทุนราว 1,000 ล้านบาท แปรผันตามราคาน้ำมันดิบดูไบไตรมาสสามขยับสูงขึ้น ทั้งนี้ยังคาดกำไรสุทธิของBCP งวด 9 เดือนแรกปี 60 จะคิดเป็น 78% ของประมาณการทั้งปี
ขณะที่ BCPG ซึ่งเป็นบริษัทลูก เปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันแล้วจะเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของ 1.โครงการพลังงานลมขนาด 36MW (PetroWind I) ซึ่งถือหุ้นอยู่ 40% 2.เริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพสามโครงการกำลังการผลิต 875MW ซึ่งถือหุ้นอยู่ 17-20%
ข่าวที่ 6 “สนามบินเชียงใหม่คว้ารางวัลระดับโลก”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ของทอท.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการให้บริการที่ดีที่สุดของโลก (Airport Service Quality Program : ASQ) อันดับที่ 3 ประจำปี 2559 ในประเภทกลุ่มท่าอากาศยานที่มีจำนวนผู้โดยสาร 5 – 15 ล้านคนต่อปี คว้ารางวัล The ASQ Awards Ceremony ในการประชุม 27th ACI Africa / World Annual General Assembly, Conference & Exhibition 2017 ณโรงแรม Le Clos St. Louis กรุงพอร์ตหลุยส์ สาธารณรัฐมอริเชียส เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
นับเป็นรางวัลการันตีความสำเร็จของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่ทุกฝ่ายมุ่งมั่นพัฒนาเป็นประตูเศรษฐกิจของประเทศต้อนรับนานาชาติทั้งนักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่ง ทอท.ได้เดินหน้ารักษามาตรฐานและบริการที่มีประสิทธิภาพดังกล่าวนี้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไ
ช่วงที่ 2 ตามไปดูศูนย์ฝนหลวงหัวหิน กำเนิดขึ้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2515 ปัจจุบันได้สร้างคุณูปการแก่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน จากนั้นลองมาดูการเลือกกินผักผลไม้เจ 5 สี จะได้ไม่จำเจ และสถานการณ์ของสายการบินของไทยทั้งประเทศตื่นตัวปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการบินไทยหันไปฟื้นฟูเที่ยวบินทั่วภูมิภาคยุโรป
@มหัศจรรย์ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลัก ณ “ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน” พื้นที่ในการวิจัย ค้นคว้าทดลองเพื่อพัฒนาขั้นตอนกรรมวิธีและเทคนิคในการปฏิบัติการฝนหลวงมาตั้งแต่ปี 2512 โดยมีขุนพลคู่ใจ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรวิศวกรรม เป็นหัวหน้าอกงวิศวกรรมคนแรก
หลังจากฝนหลวงเม็ดแรก ตกลงสู่ผืนป่าเขาใหญ่ และตามมาด้วยการค้นคว้าทดลอง พัฒนาอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในที่สุดเหตุการณ์ที่โลกต้องจารึกว่า เป็นความสำเร็จในการทำฝนหลวงของประเทศไทย เกิดขึ้นในวันที่ 19 ตุลาคม 2515 เหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงบริหารโครงการด้วยพระองค์เองอย่างใกล้ชิด
ศูนย์แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์ที่ให้บริการด้านการปฏิบัติการฝนหลวงตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังให้บริการด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการปฏิบัติการฝนหลวงแก่บุคลากรและองค์กรที่สนใจ
“ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน” ตั้งอยู่ภายในท่าอากาศยานหัวหิน ตำบลบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมี “กิจกรรม” หลากหลายให้ร่วมทำด้วยกัน ได้แก่ ชมหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ควบคู่ไปกับการเรียนรู้พระอัจฉริยภาพในการทำฝนหลวงที่เกิดจากพระราชปณิธานอันแรงกล้า ที่จะช่วยเหลือพนกนิกรของพระองค์ให้รอดพ้นจากภัยแล้ง ตำราฝนหลวงพระราชทาน ชมสิทธิบัตรการดัดแปลงสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝนหลวงของพระองค์ ชมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์และโต๊ะทรงงานในห้องทรงงาน การผสมสารเคมีเพื่อการทำฝนหลวง
สนใจศึกษาเรียนรู้ สอบถามได้ที่ โทร.0-3252-0062 www.huahin.royalrian.go.th www.facebook.com/HuahinRoyalRain
@กินผัก เจ 5 สี ไม่ให้จำเจ
เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนกระทั่งขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 นับเป็นเทศกาลกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีน หรือผู้ที่อยากละเว้นการกินเนื้อสัตว์เพื่อสร้างกุศล ซึ่งในเทศกาลกินเจปีนี้ตรงกับวันที่ 20-28 ตุลาคม 2560
เทศกาลกินเจ หรือ เทศกาลถือศีลกินผัก คือการละการกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด และปฏิบัติธรรม รักษาศีล ที่จะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และก่อให้เกิดสันติสุขแก่ทุกชีวิตบนโลก และแน่นอนว่าเทศกาลกินเจเราเน้นการกินผักและผลไม้เป็นพิเศษ โดยในปีนี้ ทางเว็บไซต์ สสส. ขอนำเสนอแนวทางการกินผักผลไม้ที่จะทำให้ผู้กินเจได้รับใยอาหารและวิตตมินครบถ้วนจากการกินผักทั้ง 5 สี
คุณค่าของผักผลไม้ 5 สี
ผักและผลไม้อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ มีแร่ธาตุและวิตามินมากมาย แถมยังจัดว่าเป็นอาหารที่มีไฟโตนิวเทรียนท์สูง หรือ สารพฤกษาเคมี หมายถึง สารอาหารที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ต้องได้รับจากพืชเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อม กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันการติดเชื้อและการเกิดโรคต่างๆ
1.สีเขียว ให้สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ขจัดฮอร์โมน ช่วยในการต่อต้านโรคมะเร็ง ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ยับยั้งการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้การกินผักใบเขียวเป็นประจำจะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีด้วย ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีเขียว เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักคะน้า แตงกวา ตำลึง แอปเปิ้ลเขียว ฝรั่ง
2. สีเหลือง/ส้ม ให้สารลูทีน (Lutein) เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) มีประโยชน์ในการช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงสายตา
ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลือง/ส้ม เช่น แครอต ฟักทอง มันเทศ ส้ม มะละกอ เสาวรส มะนาว สับปะรด ขนุน และข้าวโพด เป็นต้น
3.สีม่วง/น้ำเงิน ให้สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ยับยั้งเชื้อที่จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีม่วง/น้ำเงิน เช่น มันเทศสีม่วง หอมแดง กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง ดอกอัญชัน ผลไม้ตะกูลเบอร์รี่
4. สีขาว/น้ำตาลอ่อน ให้สารแซนโทน (Xanthone) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการอักเสบ รักษาระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีกรดไซแนปติก (Synaptic acid) และ อัลลิซิน (Allicin) โดยสารเหล่านี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีขาว/น้ำตาล เช่น ขิง ข่า กระเทียม กุยช่าย ขึ้นช่าย เห็ด ลูกเดือย หัวไชเท้า ดอกกะหล่ำ ถั่วงอก กล้วย สาลี่ พุทรา ลิ้นจี่ ละมุด แห้ว เป็นต้น
5.สีแดง มีสารไลโคปีน (Lycopene) และ เบตาไซซีน (Betacycin) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า และมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่า สารไลโคปีนช่วยป้องกันการเกิดดมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีแดง เช่น มะเขือเทศ บีทรูท แตงโม กระเจี๊ยบแดง หอมแดง พริกหวาน เป็นต้น
องค์การอนามัยโลก แนะนำให้กินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม จะช่วยทำให้คนไทยสุขภาพแข็งแรงและลดความสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ดุสิตธานีปรุงอาหารเมนูโครงการหลวง”
โรงแรมดุสิตธานี รายงานว่า ตลอดเดือนตุลาคม นี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยได้เลือกสนับสนุนผลิตผลทางการเกษตรจากโครงการหลวง โดยนำทีมเชฟของโรงแรมเลือกปรุงเมนูสูตรพิเศษจากวัตถุดิบของโครงการหลวง ที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน เช่น ผักสดออร์แกนิก เนื้อสัตว์คุณภาพดีจากชุมชน รังสรรค์เป็นเมนูสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์
โดยให้บริการในทุกห้องอาหารของโรงแรม (ยกเว้นห้องอาหารโชกุน) ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ราคาเริ่มต้นเพียงจานละ 190 บาท++ พร้อมทั้งรายได้ 9% จากเมนูนี้บริจาคให้มูลนิธิโครงการหลวง ส่วนที่ห้องอาหาร 22 คิทเช่น แอนด์ บาร์ เสริฟเมนูจากโครงการหลวงในรูปแบบเซ็ตอาหารค่ำ 4 คอร์ส ในราคาท่านละ 1,999 บาท++ โทร 02-200-9000 ต่อ 2345 และ www.dusit.com/dtbk
ข่าวที่สอง “แอร์เอเชียแห่บินตรงมาเก๊าภูเก็ตและไทย3แห่ง
นางสาวซีเลีย เลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินแอร์เอเชียฮ่องกงและมาเก๊า เปิดเผยว่า จะเริ่มเปิดเส้นทางบินใหม่แบบประจำ ระหว่าง มาเก๊า – ภูเก็ต เริ่มตั้งแต่ 8 มกราคม 2561 โดยสร้างแรงจูงใจตั๋วโดยสารราคาประหยัดดึงดูดผู้คนในมาเก๊าและบริเวณใกล้เคียงหลั่งไหลเข้าสู่เกาะภูเก็ต
เพิ่มทางเลือกใหม่มากกว่าปัจจุบันที่ ไทย แอร์เอเชีย ประสบความสำเร็จโดยมีเที่ยวบินบริการ มาเก๊า - ดอนเมือง วันละ 4 เที่ยว และ มาเก๊า - เชียงใหม่ วันละ 1 เที่ยว มาเก๊า – พัทยา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ขณะเดียวกันกลุ่ม แอร์เอเชีย ก็มีบริการบิน ไป-กลับ ในประเทศแถบอาเซียน ได้แก่ ระหว่าง มาเก๊า ไป-กลับ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย ) มะนิลา (ฟิลิปปินส์) จาการ์ตา (อินโดนีเซีย) และจะเปิดเที่ยวบินตรงสู่เมือง ยะโฮร์บาห์รู เริ่มวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป
ข่าวที่สาม “ทย.ปลื้ม5แอร์ไลน์แข่งเพิ่มบินข้ามภาคและรอบอาเซียน
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ช่วงปลายปี 2560 บรรดาสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินทั่วไป 5 สายการบินแรก คือ บางกอกแอร์เวย์ส นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย นิวเจน ไลออนแอร์ สนใจขอเปิดเที่ยวบินภายในประเทศบริการข้ามภูมิภาค และบินในแถบประเทศกลุ่มอาเซียน
เริ่มจาก “นกแอร์” พร้อมบินบริการเส้นทาง แม่สอด (ตาก) -ย่างกุ้ง(เมียนมา) เริ่มตั้งแต่วันที่29 ต.ค.2560 เป็นต้นไป
“สายการบินนิวเจน” จะนำร่องบินตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2560 จากท่าอากาศยานนครราชสีมาที่เพิ่งกลับมาเปิดใช้งานใหม่ จะใช้เป็นฐานการบินภาคอีสาน นครราชสีมา สู่ภาคเหนือ เชียงใหม่ ภาคใต้ ภูเก็ต หาดใหญ่ และดอนเมือง (กรุงเทพฯ) รวมทั้งแสดงความสนใจขออนุญาตใช้สนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยานเปิดบินระหว่างประเทศ ได้แก่ กระบี่ อุดรธานี และขอนแก่น บินบริการในภูมิภาคอาเซียน
ส่วน”ไทยแอร์เอเชีย” ต้นปีหน้า 2561 จะเริ่มบินนครราชสีมาสู่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ เช่นกัน “ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” เล็งขยายฐานการบินโดยใช้สนามบินนานาชาติ 2 แห่ง คืออู่ตะเภากับภูเก็ต บินข้ามทวีป ต้นปี 2561 จะบิน ภูเก็ต-โปแลนด์ และ อู่ตะเภา-รัสเซีย รวมทั้ง กรุงเทพฯ-ซัปโปโร (ญี่ปุ่น)
“ไลอ้อนแอร์” จะใช้ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน “บางกอกแอร์เวย์ส” อยู่ระหว่างศึกษาการใช้ท่าอากาศยานหัวหิน บินสู่ญี่ปุ่น อาทิ โตเกียว (นาริตะ) และฟุกุโอกะ ช่วงกลางปีหน้า สอดคล้องกับแผนรับเครื่องใหม่โบอิ้ง 737 MAX อีก 5-7 ลำ เข้าประจำฝูงเพิ่มอีก 5-7 ลำ ซึ่งจะทำให้มีฝูงบินรวมกว่า 33 ลำ เสริมทัพกับแอร์บัส A330-300 ที่จะนำไปบิน ไทเป (ไต้หวัน) มุมไบ (อินเดีย) และเล็งเปิดใหม่ในจีน 5 จุด ต่อจากวันที่ 17 ตุลาคม 2560 เริ่มบินเช่าเหมาลำครั้งแรก อู่ตะเภา-ฉางซา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว
ทั้งนี้วันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2560 กระทรวงคมนาคมเตรียมส่งผู้บริหารเดินทางไปรายงานผลถึงกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO) ปลดธงแดงการบินของประเทศไทยให้ EASA รับทราบด้วย
ข่าวที่สี่ “การบินไทยตลุยฟื้นเส้นทางบินทั่วยุโรปปี’61”
นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมการบริหารการบินไทยเสนอให้การบินไทยเปิดเส้นทางบินเพิ่ม ไป-กลับ กรุงเทพฯ กรุงเวียนนา (ออสเตรีย) สัปดาห์ละ 4 เที่ยว เริ่ม 16 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ควบคู่กับการเพิ่มความถี่เส้นทางบินทั่วยุโรปมากขึ้น อาทิ เส้นทาง โคเปนเฮเกน-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-สตอกโฮล์ม-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯ-ลอนดอน, กรุงเทพฯ-ออสโล (นอร์เวย์) กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ เพื่อบริหารการใช้ฝูงบินใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะ A350 นำไปใช้บินโรม มิลาน แฟรงก์เฟิร์ต จะขยายไปบินเพิ่มสู่เมือง บรัสเซล ลอนดอน เสริมจากฝูงบินปัจจุบันที่ใช้A380 และโบอิ้ง 777
ติดตามฟังรายการเป็นประจำได้ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 11.00 -12.00 น.ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ททท.จัด“Maha Songkran World Fest2025”ดันไทยติด1ใน10สุดยอดเฟสติวัลโลก
ททท.จัดสุดอลังการ“ Maha Songkran WorldFest 2025” ดันไทยติด 1 ใน 10 สุดยอดเฟสติวัลโลก-โกย 2.6 หมื่นล้าน กระทรวงการท่องเที่ยว กับ ททท...

-
“ คิง เพาเวอร์”จัดโปโลคัพการกุศลในลอนดอนปี’62 รำลึกเจ้าสัววิชัยระดม1ล้านปอนด์มอบ15องค์กรอังกฤษ เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเ...
-
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท.นำภาคเหนือ Q1/67 รับรายได้ฉ่ำๆ แตะ 6 หมื่นล้าน...
-
เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออน...