ณ สัทธา อุทยานไทยเปิดเทรนด์เที่ยวเฉดใหม่รับปี’62
ทุ่มจัดอลังการ”มหัศจรรย์ความเบิกบาน”ยาวถึง6ม.ค.
คิงเพาเวอร์เปิดโรงแรมโอเรียนท์ฯแรกของโลกในไทย
ททท.จัดเคาน์ดาวน์เมืองรองจ.สตูลกระหึ่มอันดามัน
ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์แจงไม่เคยเทงบโต๊ะจีนพลังประชารัฐ
ททท.มอบของขวัญท่องเที่ยวปีใหม่3กิจกรรมแห่งปี
สมาชิกบางจากรับสิทธิ์ฟรีรถลากฉุกเฉินช่วงปีใหม่
บอร์ดทอท.สั่งลุยสร้างอาคาร2สุวรรณภูมิตามแผน
เที่ยวนครพนมแดนธรรมะไว้พระธาตุครบ 7วันเกิด
แนะ 6 วิธีใช้ชีวิตอยู่ในโลกโซเชียลได้อย่างเป็นสุข
การบินไทย-ปตท.ลุ้นสัมปทานบริหารเมืองการบิน
บอร์ดบินไทยงัดใช้เปเปอร์บล็อกยื้อนักบินลาออก
ครม.ตั้ง ”โชติ ตราชู”นั่งปลัดท่องเที่ยวโชว์ฝีมือใหม่
ททท.ผนึกไชน่าฯบูมเต็มที่น็อคน็อคเคาน์ดาวน์พัทยา
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ฮือฮากับความสามารถของนักลงทุนไทย “ณปภา ศิริพรเลิศ” กรรมการผู้จัดการ ณ สัทธา อุทยานไทย จังหวัดราชบุรี จะมาเล่าให้ฟังถึงความมุ่งมั่นสร้างสรรค์เรื่องราวผ่านการผสมผสานประติมากรรมหลอมรวมเข้ากับ “แสงไฟแห่งศรัทธา” กลายเป็น “มหัศจรรย์ความเบิกบาน” จุดประกายท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ Open to the New Shades ส่องสว่างวิถีวัฒนธรรมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ครั้งแรกในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองใกล้กรุง ต่อไปจะขยายผลทำเป็นเฟสติวัลปฏิทินท่องเที่ยวประจำปี เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้มีความยั่งยืน เข้มแข็ง ต่อไป
“ณปภา ศิริพรเลิศ” กรรมการผู้จัดการ ณ สัทธา อุทยานไทย อธิบายว่า ได้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบวิถีวัฒนธรรมไทยขึ้นในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มีบริเวณพื้นที่ประมาณ 42 ไร่ ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้จัดมหกรรมเทศกาลแสงไฟแห่งศรัทธา “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” ในช่วงเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดต่อเนื่องช่วงปีใหม่ คือ วันที่ 22-23, 29-30-31 ธันวาคม 2561 และ 1, 5-6 มกราคม 2561 โดยได้รับการสนับสนุนจากทางกลุ่มผู้นำการผลิตไฟอย่างฟิลิปป์จับมือกันร่วมดำเนินงานจัดเทศกาล แสง สี นำเสนอด้วยดีไซน์และสีของไฟผสมผสานให้เข้ากันกับงานประติมากรรมในสไตล์ศิลปะร่วมสมัย เป็นการท่องเที่ยวเฉดใหม่หรือ Open to the New Shade สอดคล้องกับธีมส่งเสริมการท่องเที่ยวภาพใหญ่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
การจัดงานครั้งนี้ตั้งใจจะเชิญชวนคนไทยเที่ยวเมืองไทยในเมืองท่องเที่ยวรองใกล้กรุงเทพฯ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจังหวัดราชบุรี ที่เอกชนทุ่มเทลงทุนจัดงานประดับประดาไฟผสมผสานไปกับประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญที่สุด ด้วยการดีไซน์ความงดงามที่แตกต่างกันให้เดินชมอย่างอลังการในแต่ละโซน จะช่วยกระตุ้นและสร้างการรับรู้การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมไทยอย่างรู้คุณค่า อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังจะได้รับความรู้เข้าถึงสาระประโยชน์แก่นความคิดผลงานของคนไทยนั้นมีศักยภาพความสามารถทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ณปภาย้ำว่าการริเริ่มจัดงาน “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” นั้นวางแผนจะจัดทำสร้างเป็นงานเฟสติวัลโดยกำหนดเป็นปฏิทินท่องเที่ยวประจำปีของทุกปี ที่นักท่องเที่ยวจะมาพบกันได้ที่ ณ สัทธา และจังหวัดราชบุรี ในปีต่อ ๆ ไปด้วย
ภายในงาน “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความแสงไฟระยับนำความสุขมาสู่ทุกคนประกอบด้วย 5 โซนหลัก ได้แก่
โซนที่ 1 มหาราชกษัตรา-แผ่นดินทอง แสดงถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ในช่วงของพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ ได้แก่ พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช และพระปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งร้อยเรียงความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์แต่ละสมัยที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง ส่วนแบล็คกราวน์ด้านหลังได้นำเสนอภาพวัดปรางค์วัดอรุณราชวราราม (กรุงเทพฯ) วัดไชยวัฒนาราม (พระนครศรีอยุธยา) วัดราชบพิตร (กรุงเทพฯ) รวมเข้าไว้ด้วย
โซนที่ 2 ประทีปแห่งความดี โดยจะมีฐานพระ 3 ยุค 3 สมัย ได้แก่ อยุธยา สุโขทัย เชียงแสน ลักษณะพุทธศิลป์พระพุทธรูปนำมาจัดแสดงผ่านเรื่องเล่าของแสงแห่งประทีป สื่อด้วยดอกบัวและเทียน ความพิเศษในโซนนี้ยามค่ำคืนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าสู่พุทธอุทยานสุโขทัยโดยมีเรื่องราวพระพุทธรูปเกี่ยวกับแหล่งที่มา ความศักดิ์สิทธิ์ พร้อมประวัติ ซึ่งใช้แสงไฟจำนวนมาก
โซนที่ 3 แสงแห่งศรัทธา นำเสนออุโมงค์แห่งไฟ ความยาวประมาณ 30-40 เมตร เน้นเรื่องราวสัญลักษณ์ทางศาสนาพุทธ จากแสงแห่งดอกบัว ซึ่งมีความหมายของชาวพุทธ รวมถึงการจำลองพระพุทธรูปแต่ละยุคล้วนมีความหมายต่อพุทธศาสนิกชนคนไทย โดยออกแบบเป็นอุโมงค์แห่งไฟ ทั้งหมดทั้งมวลสามารถอธิบายได้ถึง “แสง” คือจุดเริ่มต้นของทั้งหมดแห่งชีวิตผู้คนนับตั้งแต่เกิดจนถึงดับ ในช่วงใกล้เริ่มปีใหม่ทาง ณ สัทธา อุทยานไทย จึงต้องการสื่อให้เห็นถึงแสงไฟระยิบระยับจะเป็นสื่อนำทางสู่ความดีงาม เมื่อนักท่องเที่ยวเดินผ่านอุโมงค์นี้แล้ว จะได้รู้สึกถึงแสงแห่งการจุดประกาย เพิ่มกำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจบางสิ่งบางอย่าง จากการออกแบบใช้วิธีไล่เรียงแสงไฟจากโซนที่ 1-2-3 ให้ตรงกับความรู้สึกในแต่ละอารมณ์เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวสัมผัสได้จริง
โซนที่ 4 ต้นไม้แห่งการอธิษฐาน ใช้สัญลักษณ์ต้นกัลป์พฤกษ์ เปรียบเสมือต้นไม้แห่งสรวงสวรรค์ ด้วยการจำลองความหมายของต้นดังกล่าวประดับด้วยไฟระย้านับแสนนับล้านเม็ด นำต้นไทรที่มีอยู่ในบริเวณพื้นที่ซึ่งเป็นธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นต้นกัลพฤกษ์ให้นักท่องเที่ยวได้อธิษฐานขอพรตามความปรารถนา เพื่อจะได้พบเจอสิ่งดี ๆ ก่อนจะเดินไปยังโซนต่อไป
โซนที่ 5 พระอวโลกิเตศวร ปีกแห่งศรัทธา โซนนี้นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกลุ่มฝูงผีเสื้อโบยบินอยู่บนท้องฟ้า สื่อถึงความหวัง ความศรัทธา เพื่อนำไปสู่จุดเริ่มต้นดี ๆ ในวันใหม่ที่จะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้
“การจัดงานในช่วง 22-23, 29-30-31 ธันวาคม 2561 และ วันที่ 1, 5-6 มกราคม 2562 เหตุที่เลือกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น เพราะต้องการเน้นคัดสรรงานคุณภาพนำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้เห็นและสัมผัสสิ่งดี ๆ ถึงศักยภาพความสามารถของคนไทยในรูปแบบวัฒนธรรมไทย ดึงดูดคนเข้ามาแล้วรับรู้ได้ถึงความเป็นไทยแบบครบวงจร”
นปภากล่าวว่า ตั้งเป้าหมายตลอดงาน 8 วัน จะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน เฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 คนขึ้นไป เป็นการท่องเที่ยวเหมาะกับทุกกลุ่มทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวเข้ามางานแล้วสามารถรับรู้ความสุขไปด้วยกัน แต่ละวันงานจะเริ่มงานประมาณ 18.00-22.00 น.เป็นช่วงรอยต่อของเวลาที่จะเห็นแสงธรรมชาติสวยงามช่วงเย็นและความงดงามของไฟในแต่ละบรรยากาศยามค่ำคืนของแหล่งท่องเที่ยวอุทยานไทยในจังหวัดราชบุรี
นอกจากนี้ทาง ณ สัทธา อุทยานไทย ยังได้จับมือกับพันธมิตรกลุ่มที่พักโรงแรมรีสอร์ตในบริเวณใกล้เคียงแถบอำเภอบางแพ โพธาราม ดำเนินสะดวก และอำเภอใกล้เคียง จัดเตรียมสถานที่พักรองรับนักท่องเที่ยวพักค้างคืน โดยมอบเป็นส่วนลดพิเศษให้ด้วย พร้อมทั้งมีลานจอดรถรองรับได้กว่า 1,000 คัน มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านข้อมูล ติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงาน ณ สัทธา โทร.032-383-333 หรือทางเฟสบุ๊คและแอ๊ดไลน์ nasatta
ราคาบัตรเข้าชมปกติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ส่วนบัตรเข้าชมงานกลางคืน แบ่งเป็น 1.บัตรทั่วไปราคา 350 บาท 2.บัตรพร้อมคูปองอาหารมูลค่า 200 บาท จ่ายรวม 500 บาท 3.บัตรเข้าชมงานทั้งวันจ่ายแค่ 500 บาท
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในรัศมีใกล้เคียงก็สามารถนั่งรถหรือขับรถประมาณ 20-30 นาทีเท่านั้น ไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง หนังใหญ่วัดขนอน สวนกล้วยไม้ เดอะ บูม เมืองอาร์ตโรงงานเซรามิกเถ้าฮงไถ่ ต้นตำรับการผลิตโอ่งราชบุรี ถ้ำเขาบิน เขางู ซีนเนอรี่ รีสอร์ต แอนด์ ฟาร์ม บ้านของเทียน พาซาย่า และแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ไชโป๊วแม่กิมฮวย รวมถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวก อัมพวา และวัดต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงนักท่องเที่ยวชอบไปสักการะ เช่น วัดขนอน วัดคงคาราม วัดม่วง
จุดเริ่มของ ณ สัทธา อุทยานไทย ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” ขึ้นในเมืองรองครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจจังหวัดอื่น ๆ และนักท่องเที่ยวได้เข้าถึงแสงแห่งศรัทธาและความสุข เห็นถึงฝีมือคนไทยก็ทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์-แอคคอร์เปิดโอเรียนท์เอ็กซ์เพรสแห่งแรกของโลกในไทย”
นายเซบาสเตียน บางแซง ประธานกรรมการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร แอคคอร์โฮเทล เปิดเผยว่า ได้เลือกใช้แบรนด์โรงแรม "โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส" ในเครือแอคคอร์ มาเปิดโดยใช้ชื่อ "โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร หรือ Orient Express Mahanakorn Bangkok เป็นแห่งแรกของโลกในอาคารมหานคร คิงเพาเวอร์ ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำการบุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน เพื่อเป็นการร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตทั้งทางด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตต่อไปอย่างเข้มแข็ง
จุดเด่นของแบรนด์โอเรียนท์ เอ็กซเพรส คือการขื่อเสียงดั้งเดิมของขบวนรถไฟท่องเที่ยวหรูหราระดับโลก เมื่อนำแบรนด์มาใช้ก็จะเป็นเสมือนพาสปอร์ตการท่องเที่ยวและนำเสนอเรื่องราวการเชื่อมโยงโลกตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยคุณภาพการนำเสนอความเป็นวิถีวัฒนธรรม และการผจญภัยไปกับโลก
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ การร่วมมือกันกับแอคคอร์ครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มให้กรุงเทพฯ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่สมบูรณ์แบบเป็นจุดหมายปลายทางแห่งเวิลด์คลาส อันจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและนานาชาติทั่วโลก ทำให้ไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลกต่อไปได้ในอนาคต
โดยจะเปิดให้บริการได้ปี 2562 ภายในโรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยห้องพักหรู 154 ห้อง ห้องเพนท์เฮาส์ 2 ห้อง ห้องสวีท 9 ห้อง โดยได้จัดสรรชั้นเฉพาะทางด้านบริการสุขภาพ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำกลางแจ้ง จากุซซี่ เอ็กซ์เพรส สปา บาย เกอร์แลง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์
ขณะเดียวกันผู้เข้าพักในโรงแรม ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการขึ้นไปยังจุดชมวิว มหานคร สกายวอล์ค ชั้นสูงสุดของอารมหานครชั้น 78 ได้ด้วย เรื่อยไปจนถึงการไปขมไฮไลต์ในบริเวณชั้น 74, 75 รวมถึงการไปช็อปปิ้งร้านค้าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ชั้น 1-2-3-4 ซึ่งมีทั้งสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าไทย ให้เลือกจับจ่ายใช้เงินอย่างสะดวกสบายตลอดการพักอยู่ในโรงแรมดังกล่าว
สำหรับห้องอาหาร ในโรงแรม ประกอบด้วย 2 ร้านชั้นนำ ได้แก่ 1.ร้านอาหาร MOTT 32 อยู่บริเวณ 2 ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นฐานะร้านตามถนนMOTT32 ในนิวยอร์ก และ 2.ร้านอาหารมหานที อยู่ชั้น 5 โดยเดวิด ธอมป์สัน เป็นผู้ออกแบบร้านอาหารชั้นนำ อาทิ ร้าน Nahm ที่ลอนลอนและกรุงเทพ กับ Long Chim ในเอเชียและออสเตรเลีย Aaharm ในฮ่องกง
ทั้งนี้แบรนด์ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส มีชื่อเสียงมานานกว่า 135 ปี เป็นแรงบันดาลใจให้เหล่านักเขียน ผู้กำกับภาพยนต์ แขกผู้มีชื่อเสียงเข้ามาเยี่ยมเยือน อาทิ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ , โคโค ชาแนล, เกรแฮม กรีน, และอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถอ้างอิงได้ในฐานะของสถานที่ในนวนิยายที่มีชื่อเสียงระดับโลกเรื่อง Murder on the Orient Express และตอนหนึ่งในภาพยนตร์ของเจมส์ บอนด์ คือ From Russia with Love ดังนั้นแบรนด์โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส จึงเป็นแบรนด์ระดับโลกที่อยู่ในความการจดจำของผู้คนทั่วโลก เมื่อกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำแบรนด์มาเปิดบริการในไทย จะช่วยนำพาประเทศให้ทั่วโลกรู้จักและหันมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ทางด้าน ทริสตัน อัวร์ ดีไซน์เนอร์ระดับอินเตอร์ กล่าวย้ำว่า ได้รังสรรค์การตกแต่งโรงแรมแห่งนี้ในสไตล์เดคโค ผสมผสานความโอ่อ่าของขบวนรถไฟโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ให้เข้ากับตึกระฟ้าอย่างคิง เพาเวอร์ มหานคร โดยออกแบบทำให้ห้องนอนและห้องน้ำโอ่โถงมระดับเป็นอย่างมาก
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดใหญ่เคาน์ดาวน์สตูล30-31ธค.เงินสะพัด25ล้านบาท”
ททท.เปิดเมืองรอง “สตูล” ดินแดนจีโอปาร์คจัดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์ 2019 แอด สตูล วันเดอร์ฟูล แอนด์ คัลเลอร์” 30-31 ธ.ค.นี้ พร้อมจัดมหกรรม “วิ่งข้ามกาลเวลา” คืน 31 ธ.ค.และแจกเพียบของขวัญปีใหม่ผู้เข้าพักสตูล 500 คนแรก ตั้งเป้าคนแห่เข้าร่วมกว่า 1 หมื่นคน สร้างเงินสะพัดทะลุ 25 ล้านบาท
นางสมฤดี จิตรจง ที่ปรึกษา 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กล่าวว่า ททท. ร่วมกับจังหวัดสตูล จัด Amazing Thailand Countdown 2019 @Satun Wonderful & Color เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่าง30-31 ธันวาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 15.00-24.00 น. ณ จุดชมวิวชายหาด ปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นเมืองธรณีวิทยาโลกหรือจีโอปาร์ค งานจะจัดภายใต้แนวคิด “นับถอยหลังข้ามกาลเวลา...สู่อุทยานธรณีโลกสตูล” คาดการณ์จะมีคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 25 ล้านบาท
ไฮไลท์ภายในงาน Amazing Thailand Countdown 2019 @ Satun Wonderful & Color มีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะต้องตื่นตากับ 1.การออกร้านของร้านค้าท้องถิ่นที่นำผลิตภัณฑ์ชุมชนและอาหารถิ่นให้เลือกซื้อกว่า 60 ร้าน อาทิ ข้าวผัดนอติลอยด์ ขนมผูกรัก ผ้าบาติก ไข่มุก และอื่น ๆ มากมาย 2.ขบวนแห่คานิวัล “อเมซิ่ง สตูล Wonderful & Color” ตระการตาอุโมงค์ไฟฟอสซิลความยาวกว่า 8 เมตร
3.ซุ้มโคมไฟฟอสซิล ที่จะนำนักท่องเที่ยวย้อนเวลากลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์ 4. Food Truck เท่ๆ ได้คัดสรรความอร่อยมาโดยเฉพาะ 5.ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ อาทิ ลิเกฮูลู รำโนราห์ ระบำตารีมาลากัส รองเง็ง แฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทยที่นำเสนอเอกลักษณ์ท้องถิ่นภาคใต้ สาธิตการทำอาหารเมนูดึกดำบรรพ์ 6.การแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ วงพัทลุง วง Deep ‘O’ Sea วงกัวลาบารา ศิลปินท้องถิ่นในจังหวัดสตูล คณะเพชรจรัสแสง Thailand Got Talent และ ZN Band ศิลปินชื่อดังจากประเทศมาเลเซีย
ปิดท้ายด้วยการร่วมส่งความสุขนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2562 ร่วมกับทีมดาราช่อง 7 อาทิ บอส จักริน ต๊ะ B-Mix ดิว พิพัชพงษ์ กวาง The Star แป๋ม AF 9 ฯลฯ อลังการกับการจุดดอกไม้ไฟกลางทะเล
นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ ททท. กล่าวว่า ททท. เตรียมมอบของขวัญสุดพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยว 500 คนแรก ที่เดินทางมาร่วมงานและเข้าพักโรงแรมในพื้นที่สตูล เพียงนำใบเสร็จมาแสดงเพื่อรับของที่ระลึกภายในงาน และพิเศษสุดในการเข้าร่วมกิจกรรม Geo Night Run Satun 2018-2019 “วิ่งข้ามเวลา” คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เวลา 22.00 น. ประกอบด้วย การวิ่ง Fun Run ระยะทางวิ่ง 4 กิโลเมตร และ Mini Marathon 13 กิโลเมตร ตอกย้ำการเป็นอุทยานธรณีโลกของจังหวัดสตูลที่ UNESCO ให้การรับรองเมื่อปี 2559
ในสตูลมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม และสถานที่สวยงามมากมาย เช่น ถ้ำเลสเตโกดอน สะพานข้ามกาลเวลา ถ้ำภูผาเพชร สันหลังมังกร ปราสาทหินพันยอด กิจกรรมล่องแก่งน้ำตกวังสายทอง
ทั้งนี้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 ททท. จะร่วมกับบริษัท มิตซูบิชิ อิเล็กทริค กันยงวัฒนา จำกัด จัดกิจกรรม CSR ร่วมกับชุมชนในพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อรณรงค์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ในช่วงวันที่ 30-31 ธันวาคม 2561 ททท.ได้จัด Amazing Thailand Countdown 2019 @ Satun Wonderful & Color มอบเป็นของขวัญให้แก่นักท่องเที่ยวกระจายตามพื้นที่ไฮไลต์เมืองรอง 4 จังหวัด ได้แก่ สตูล ราชบุรี นครพนม เชียงราย และเมืองหลักในกรุงเทพมหานคร
ข่าวที่ 3 “ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์แจงความจริงไม่เคยจ่ายโต๊ะจีนพลังประชารัฐ”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยืนยันว่า จากกรณีพาดพิงททท.ในการนำงบประมาณ 9 ล้านบาท เข้าไปมีส่วนสนับสนุนงานโต๊ะจีน 3 โต๊ะ ซึ่งเป็นกิจกรรมการระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 นั้น
ผู้ว่ายุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว และขอความร่วมมือจากผู้เผยแพร่ข้อมูลจนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในสาธารณะ หยุดนำเสนอและเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้ ททท.เสียชื่อเสียงได้
สำหรับ ททท. มีนโยบายในการใช้งบประมาณอย่างถูกต้องเหมาะสม คุ้มค่า และตรวจสอบได้ อีกทั้งระเบียบด้านการเงินขององค์กรในฐานะหน่วยงานรัฐก็ไม่สามารถกระทำกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวได้ ประการสำคัญขั้นตอนชัดเจนถึงการอนุมัติใช้งบประมาณ ททท.จะต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการ ททท. ซึ่งยังไม่เคยมีการนำเสนอวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ข่าวที่ 4 “ททท.มอบของขวัญปีใหม่ท่องเที่ยว3กิจกรรมแห่งปี”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ตั้งแต่ 19 เดือนธันวาคมนี้ ททท.ได้เตรียมของขวัญให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้สามารถเดินทางช่วงปลายปีได้อย่างสนุกสนานและอุ่นใจ ได้แก่
1.กิจกรรม Amazing Thailand Countdown 2019 ที่จัดขึ้นในเมืองรอง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครพนม ราชบุรี และสตูล รวมทั้งที่ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร
2.กิจกรรม Thailand Shopping & Dining Paradise ที่เอาใจสายช็อปที่จัดขึ้นในจังหวัดเมืองรองที่อยู่ติดประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี และอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
3.กิจกรรมทำประกันภัยเดินทางฟรี โดย ททท. ร่วมมือกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด มอบ “ประกันอุบัติเหตุปีใหม่อุ่นใจ”แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 100,000 คนแรก ที่สมัครรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุผ่านแอปพลิเคชัน Line เมื่อเข้าเป็นเพื่อน (Add Friend) TQM INSURANCE BROKER OFFICIAL เพียงแค่สแกน QR CODE ที่จะปรากฏในสื่อต่าง ๆ ของ ททท. และที่สำนักงาน ททท. ทั่วประเทศ เมื่อทำรายการถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะได้รับข้อความยืนยันการรับสิทธิ์ ซึ่งจะคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ โดยกรมธรรม์นี้รับประกันภัยโดยกรุงเทพประกันภัย
ข่าวที่ 5 “สมาชิกบางจากรับสิทธิ์ฟรีรถลากฉุกเฉินช่วงปีใหม่”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนสมาชิก เชิญชวนผู้ถือบัตรบางจาก ลงทะเบียนเพื่อรับบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. ฟรี!!!
- ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้- 25 ธันวาคม 2561
- ท่านสมาชิกฯจะได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ ในวันอังคารถัดไป
- เริ่มคุ้มครองทันทีที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ สิ้นสุดความคุ้มครอง 31 ธ.ค. 2562
เพียงสมาชิกทำตามกติกาเบื้องต้นดังนี้
1.หมายเลขบัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์ คุ้มครองรถ 1 คัน
2.เฉพาะสมาชิกที่ทำการลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ทาง SMS เท่านั้น
3.รับเฉพาะ รถยนต์ 4 ล้อ สำหรับใช้ส่วนบุคคล ไม่รวมถึงยานพาหนะรับจ้างขนส่ง ยานพาหนะสาธารณะ ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ ยานพาหนะเช่า และรถจักรยานยนต์
4.ท่านสมาชิกฯจะได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ ในวันอังคารถัดไป เริ่มคุ้มครองทันทีที่ได้รับ SMS สิ้นสุดความคุ้มครอง 31 ธ.ค. 62
ข่าวที่ 6 “บอร์ดทอท.อนุมัติลุยสร้างสุวรรณภูมิหลัง2ตามแผน”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ถึงรายงานความคืบหน้าแนวทางการเดินหน้าดำเนินงาน โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลัง ที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท.เสนอ และให้เสนอคณะกรรมการ Airport Consultative Committee (ACC) ซึ่งมีสายการบินและหน่วยงานเกี่ยวข้องกับกิจการการบินร่วมเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของขนาดโครงการก่อสร้าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ.ให้สอดคล้องกับความต้องการของสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่ ทอท.อยู่ระหว่างจัดทำโครงการพัฒนาสุวรรณภูมิเฟส 3 ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างทางวิ่ง เส้นที่สาม 2.โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก และ 3.โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สุวรรณภูมิ
ช่วงที่ 2 ได้เวลาหาแหล่งท่องเที่ยวเสริมมงคลกันได้แล้วที่ “จังหวัดนครพนม” แดนธรรมะ มีพระธาตุให้สักการะครบทั้ง 7 วัน ตามพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 แห่ง แถมสถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ “บ้านลุงโฮ” กับ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ส่วนการดูแลสุขภาพต้องฟังชัดถึง “6 วิธีใช้ชีวิตอยู่ในโลกโซเชียลให้มีความสุข” สำหรับข่าวเด็ด ๆ ต้องยกให้ “การบินไทยกับปตท.” 2 บริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่จะกอดคอกันชิงประมูลงานบริหารอู่ตะเภากับเมืองการบิน ลุ้นผลการเปิดซองมกราคม 2562 “บอร์ดการบินไทย” ยอมไฟเขียวให้เปเปอร์บล็อคจ้างนักบินตามมาตรฐานสากลหยุดสมองไหลย้ายไปทำสายการบินคู่แข่ง และ “โชติ ตราชู” สมหวังได้นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวคนใหม่ ปิดท้าย “ททท.จับมือจีน” จัดน็อค น็อค ดาวน์ พัทยา จัดงานใหญ่ส่งท้ายปี’61
@นครพนมแดนทัวร์ธรรมะไหว้พระธาตุทั้ง 7 วัน
ก่อนเข้าสู่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอแนะนำเที่ยวเมืองรอง “จังหวัดนครพนม” ในอีสานติดแม่น้ำโขงแดนธรรมแห่งความร่มเย็น เป็นศูนย์รวมของพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำวันเกิดครบทุกวัน
ทุกปีในคืนส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม เข้าสู่เช้าวันที่ 1 มกราคม ผู้คนจากทั่วสารพัดทั้งไทยและพี่น้องชาว สสป.ลาว จะพากันมาสวดมนต์ข้ามคืนกันที่บริเวณ “พระธาตุพนม” ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์
ส่วนนักท่องเที่ยวที่เกิด “วันจันทร์” ก็จะชวนกันไปสักการะ “พระธาตุเรณู” ที่วัดพระธาตุเรณู ตั้งอยู่บริเวณบ้านเรณูนคร เพื่อขอพรจากพระธาตุและ “พระองค์แสน” พระพุทธรูปทองคำปางสมาธิสร้างด้วยศิลปะแบบลาว เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในโบสถ์
เหล่าคนเกิด “วันอังคาร” ต่างมุ่งหน้าสู่อำเภอนาแก เพื่อไปขอพรศักดิ์ ณ “พระธาตุศรีคุณ” เชื่อกันว่าหากใครได้ไหว้จะได้รับอานิสงมากเป็นหลายเท่าทวีคูณ ลักษณะจะคล้ายคลึงกับพระธาตุพนม ต่างกันตรงที่ชั้น 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยมประดับลวดลายปูนปั้น โดยชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม
คนเกิด “วันพุธ” จะชวนกันไปยัง “พระธาตุมหาชัย” ในตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก มีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ สักการะแล้วจะทำมาค้าขายดี มีชัยชนะตลอดชีวิต
คนเกิด “วันพฤหัสบดี” ก็ขับรถไปยัง “พระธาตุประสิทธิ์” ณ วัดพระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า เพื่ออธิษฐานขอพรเรื่องการงานและความสำเร็จทั้งปวงได้สมปรารถนาดีนักแล
คนเกิด “วันศุกร์” เลือกสักการะ “พระธาตุอุเทน” ในอำเภออุเทน ได้กราบสักการะแล้วชีวิตจะโชติช่วงรุ่งเรืองเสมือนพระอาทิตย์ยามอรุณรุ่ง สว่างสดใสในทุก ๆ ด้าน พระธาตุท่าอุเทนจำลองมาจากพระธาตุพนม โดยมีลักษณะก่ออิฐถือปูนอยู่ในผังสี่เหลี่ยม สัดส่วนองค์ธาตุจะเล็กกว่าเท่านั้นเอง
วันเกิด “วันเสาร์” ต้องแวะ “พระธาตุนคร” ในอำเภอเมือง บรรยากาศริมฝั่งโขง เชื่อกันว่าหากได้กราบแล้วจะมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน มีอานิสงส์เสริมบารมีให้แก่กล้ามากยิ่งขึ้นไป ในองค์พระธาตุนครได้บรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุพร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำไว้
ไปนครพนม จังหวัดเดียวสามารถเลือกสักการะพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้ครบทุกวันเกิด
แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมให้เยี่ยมชมด้วย อย่าง “บ้านลุงโฮ” โฮจิมินห์อดีตประธานาธิบดีเวียดนาม ผู้มีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านภาคอีสานช่วงการกอบกู้เอกราช ตอนทำสงครามกับฝรั่งเศส ทุกวันนี้บ้านลุงโฮจึงมีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ทางการท่องเที่ยวของเมืองไทย
“อุทยานแห่งชาติภูลังกา” แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเทือกเขาสามลูกสลับตามสันและเนินวิวสวยงาม มีน้ำตกตาดโพธิ์ ให้เล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี แล้วก็มีเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ ให้ได้ชมด้วย
เที่ยวเมืองรอง “นครพนม” สุขทุกเรื่อง เก๋เท่ของเมืองไทย
@6 วิธี อยู่ใน โลกออนไลน์ ให้มีความสุข
ปัจจุบันนับเป็นยุคแห่งข่าวสาร ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีออนไลน์นำข่าวสารมาถึงตัวได้รวดเร็ว และเยอะมาก มีทั้งข่าวที่ดีและไม่ดี ซึ่งอาจทำให้จิตใจไม่สงบได้ดังนั้น คุณหมอ ขอแนะนำ 6 วิธีดูแลใจตัวเองในการรับข่าวสาร เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตในยุคนี้เป็นไป อย่างสงบสบายดังนี้
1. ควรรับฟังอย่างมีสติ - ฟังหูไว้หู เพราะกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ หรือ ทวิตเตอร์ถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว จึงแทบไม่มีการกลั่นกรองก่อน ดังนั้นจึงเป็นวิจารณญาณของผู้รับสารที่จะต้องรับสารอย่างมีสติ กลั่นกรองก่อนเชื่อ ก่อนอิน ไปกับข้อมูลข่าวสาร การอินกับข้อมูลโดยขาดสติ ยิ่งทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น
2. ระวัง “อคติ” - ในทางพุทธกล่าวถึงอคติไว้ 4 อย่าง คือ อคติเพราะความรัก อคติเพราะความชัง อคติเพราะความกลัว และอคติเพราะความไม่รู้ เนื่องจากโลกยุคข่าวสารหลั่งไหล มีข้อมูลที่กระตุ้นอารมณ์มาก ทั้งความรัก (พวกตน) และ ความเกลียดชัง (ฝ่ายตรงข้าม) แต่หลายครั้งก็ไม่มีข้อเท็จจริง สิ่งที่ต้องระวังคือ คนที่รู้สึกว่าตนเป็นกลาง แต่จริงๆ แล้วมีอคติโดยไม่รู้ตัว
3. ลดการตัดสินตนเองและคนอื่น - การตัดสินตนเองมากไปทำให้เกิดความรู้สึกผิดง่าย การตัดสิน คนอื่นมาก ทำให้รู้สึกโกรธง่ายเช่นกัน และบางทีเราก็ตัดสินผิด เพราะเข้าใจผิดก็มาก การตัดสิน ล้วนแต่ก่อให้เกิดอารมณ์ด้านลบมากกว่าอารมณ์ด้านบวก และส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ไม่ดีทั้งกับตนเอง และคนอื่นๆ ลดการตัดสินตนเองและคนอื่นลงบ้าง จะช่วยให้ความรู้สึกของเราและคนอื่นดีขึ้นได้
4. ลดการเสพข่าวสาร - ถ้าช่วงนั้นเครียดมาก ควรงดการเสพข่าวสารชั่วขณะ เพราะหากเป็น ข่าวใหญ่ ๆ อย่างไรเราก็ต้องได้รู้อย่างแน่นอน ส่วนข่าวเล็กๆ ก็ช่างมันไปก่อน เพราะการรู้หรือไม่รู้ ก็ไม่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา
5. หากิจกรรมผ่อนคลายรูปแบบอื่น ๆ ที่ทำให้จิตใจเบิกบานผ่อนคลาย - มีผลดีต่อสุขภาพกายและ ใจมากกว่าการเสพข่าวสาร เช่น การออกกำลังกาย การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ การอ่านหนังสือ เล่มโปรด การดูหนัง – ฟังเพลง การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ
6. ระวังความคิด ความมโนของตนเอง - บางเรื่องยังไม่มีอะไรมาก แต่ความคิด ความมโน ของเราเอง ทำให้เป็นทุกข์มากไป จึงต้องฝึกการรู้ทันความคิด ความมโนของตนเอง อย่าปล่อย เวลาให้ว่างเปล่า เพราะยิ่งทำให้ฟุ้งซ่านง่ายขึ้น
จึงควรใช้ 6 วิธีเหล่านี้เป็นแนวทางการดูแลจิตใจในการรับข่าวสาร อย่างมีความสุข ไม่ปั่นป่วนไปตามข้อมูล
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทย-ปตท.ลุ้นสัมปทานบริหารอู่ตะเภา-เมืองการบินปี62”
รายงานข่าวจากวงการบิน รายงานว่า ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมจับมือกับรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมวงชิงการประมูลโรงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 2.9 แสนล้านบาท ตามที่กองทัพเรือเจ้าของอู่ตะเภาได้เปิดขายซองโดยมีผู้สนใจจากทั้งในและต่างประเทศ 8 ชาติ รวม 42 บริษัท ประกอบด้วยกลุ่มทุนไทย มาเลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น จีน เยอรมันี ตุรกี เยอรมัน สนใจซื้อซองประกวดราคา เนื่องจากอู่ตะเภาเป็นโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนและการขยายศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารให้ได้มากสุดถึงปีละ 60 ล้านคน
ตามแผนทางกองทัพเรือจะเปิดให้เอกชนมายื่นซองประมูล 28 กุมภาพันธ์ 2562 จากนั้นก็เปิดซองทันทีในวันที่ 1 มีนาคม 2562 เพื่อหาผู้ชนะเข้าดำเนินการก่อสร้างให้ทันปี 2564 กำหนดแล้วเสร็จใช้บริการได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับการบินไทยมีแต้มต่อที่ดีโครงการนี้ เนื่องจากได้ลงนามเอ็มโอยูกับกลุ่มแอร์บัสผู้นำการบินระดับโลกมาแล้วถึง 5 ครั้ง โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมเป็นสักขีพยาน และหลังสุดระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้นำยุโรป ยังได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงความร่วมมือระหว่างการบินไทยกับแอร์ ในโครงการพัฒนาการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา หรือ MRO ที่จะเกิดขึ้นภายในอีก 4 ปีข้างหน้า
ข่าวที่สอง “บอร์ดบินไทยงัดใช้เปเปอร์บล็อกสกัดนักบินลาออก”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่าในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เมื่อวันที่19 ธันวาคม 2561 มีมติเห็นชอบให้ปรับระบบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงบินต่างประเทศ และค่าทำงานล่วงเวลาแก่นักบินตามสากลเป็นระบบเพย์เพอร์บล็อค (Payperblock) เพื่อแก้ไขปัญหานักบินลาออก ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ระบบดังกล่าวจะช่วยสร้างสมดุลการทำงานอย่างเป็นธรรมเพิ่มขึ้น
และเพื่อป้องกันนักบินการบินไทยซึ่งทยอยลาออกอย่างต่อเนื่องรวมมากกว่า 1,000 คน เนื่องจากเปรียบเทียบผลตอบแทนรายได้แล้วต่ำกว่าสายการบินอื่น ๆ อย่างมาก
ข่าวที่สาม“ครม.ตั้งโชติ ตราชู นั่งปลัดท่องเที่ยวโชว์ผลงานใหม่”
พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2561 มีมติแต่งตั้งนายโชติ ตราชู ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา หลังจากเคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วช่วงที่ผ่านมาถูกโยกย้ายมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้เพื่อให้ปลัดคนใหม่ได้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวของประเทศ แทนนายพงษ์ภาณุ เศวตรุณ ที่ลาออกตั้งแต่เมื่อ 9 ธันวาคม 2561 จากปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาไปทำงานให้กับกลุ่มช้างของครอบครัวสิริวัฒนภักดี
ข่าวที่สี่ “ททท.ผนึกไชน่าฯจัดใหญ่น็อคน็อคเคาน์ดาวน์พัทยา”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ร่วมกับเอกชน บริษัท ไชน่า ทราเวล เซอร์วิส เฮด ออฟฟิศ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีงาน KNOCK KNOCK PATTAYA COUNTDOWN 2018 ด้วยธีม “KNOCK TO THE FUTURE, MEET THE NEW WORLD “ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยโดยใช้กระแสแนวเพลง EDM ที่ได้รับความนิยมในหมู่ต่างชาติและจีนตลาดกลุ่มใหญ่ที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละเกือบ 6 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลเที่ยวส่งท้ายปี ที่ได้จัดกิจกรรมสีสันความสนุกและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักได้มากยิ่งขึ้น
กำหนดจัดงาน 2 วัน ระหว่าง 30-31 ธันวาคม นี้ ณ MAYA SPACE พัทยา คาดจะผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 50,000 คน ดูรายละเอียดกิจกรรมและซื้อบัตรได้ที่ www.knockknockfestival.com
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ทุ่มจัดอลังการ”มหัศจรรย์ความเบิกบาน”ยาวถึง6ม.ค.
คิงเพาเวอร์เปิดโรงแรมโอเรียนท์ฯแรกของโลกในไทย
ททท.จัดเคาน์ดาวน์เมืองรองจ.สตูลกระหึ่มอันดามัน
ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์แจงไม่เคยเทงบโต๊ะจีนพลังประชารัฐ
ททท.มอบของขวัญท่องเที่ยวปีใหม่3กิจกรรมแห่งปี
สมาชิกบางจากรับสิทธิ์ฟรีรถลากฉุกเฉินช่วงปีใหม่
บอร์ดทอท.สั่งลุยสร้างอาคาร2สุวรรณภูมิตามแผน
เที่ยวนครพนมแดนธรรมะไว้พระธาตุครบ 7วันเกิด
แนะ 6 วิธีใช้ชีวิตอยู่ในโลกโซเชียลได้อย่างเป็นสุข
การบินไทย-ปตท.ลุ้นสัมปทานบริหารเมืองการบิน
บอร์ดบินไทยงัดใช้เปเปอร์บล็อกยื้อนักบินลาออก
ครม.ตั้ง ”โชติ ตราชู”นั่งปลัดท่องเที่ยวโชว์ฝีมือใหม่
ททท.ผนึกไชน่าฯบูมเต็มที่น็อคน็อคเคาน์ดาวน์พัทยา
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ฮือฮากับความสามารถของนักลงทุนไทย “ณปภา ศิริพรเลิศ” กรรมการผู้จัดการ ณ สัทธา อุทยานไทย จังหวัดราชบุรี จะมาเล่าให้ฟังถึงความมุ่งมั่นสร้างสรรค์เรื่องราวผ่านการผสมผสานประติมากรรมหลอมรวมเข้ากับ “แสงไฟแห่งศรัทธา” กลายเป็น “มหัศจรรย์ความเบิกบาน” จุดประกายท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ Open to the New Shades ส่องสว่างวิถีวัฒนธรรมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ครั้งแรกในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองใกล้กรุง ต่อไปจะขยายผลทำเป็นเฟสติวัลปฏิทินท่องเที่ยวประจำปี เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้มีความยั่งยืน เข้มแข็ง ต่อไป
ณปภา ศิริพรเลิศ กรรมการผู้จัดการ ณ สัทธา อุทยานไทย |
“ณปภา ศิริพรเลิศ” กรรมการผู้จัดการ ณ สัทธา อุทยานไทย อธิบายว่า ได้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบวิถีวัฒนธรรมไทยขึ้นในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มีบริเวณพื้นที่ประมาณ 42 ไร่ ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้จัดมหกรรมเทศกาลแสงไฟแห่งศรัทธา “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” ในช่วงเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดต่อเนื่องช่วงปีใหม่ คือ วันที่ 22-23, 29-30-31 ธันวาคม 2561 และ 1, 5-6 มกราคม 2561 โดยได้รับการสนับสนุนจากทางกลุ่มผู้นำการผลิตไฟอย่างฟิลิปป์จับมือกันร่วมดำเนินงานจัดเทศกาล แสง สี นำเสนอด้วยดีไซน์และสีของไฟผสมผสานให้เข้ากันกับงานประติมากรรมในสไตล์ศิลปะร่วมสมัย เป็นการท่องเที่ยวเฉดใหม่หรือ Open to the New Shade สอดคล้องกับธีมส่งเสริมการท่องเที่ยวภาพใหญ่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
การจัดงานครั้งนี้ตั้งใจจะเชิญชวนคนไทยเที่ยวเมืองไทยในเมืองท่องเที่ยวรองใกล้กรุงเทพฯ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจังหวัดราชบุรี ที่เอกชนทุ่มเทลงทุนจัดงานประดับประดาไฟผสมผสานไปกับประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญที่สุด ด้วยการดีไซน์ความงดงามที่แตกต่างกันให้เดินชมอย่างอลังการในแต่ละโซน จะช่วยกระตุ้นและสร้างการรับรู้การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมไทยอย่างรู้คุณค่า อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังจะได้รับความรู้เข้าถึงสาระประโยชน์แก่นความคิดผลงานของคนไทยนั้นมีศักยภาพความสามารถทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ณปภาย้ำว่าการริเริ่มจัดงาน “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” นั้นวางแผนจะจัดทำสร้างเป็นงานเฟสติวัลโดยกำหนดเป็นปฏิทินท่องเที่ยวประจำปีของทุกปี ที่นักท่องเที่ยวจะมาพบกันได้ที่ ณ สัทธา และจังหวัดราชบุรี ในปีต่อ ๆ ไปด้วย
ภายในงาน “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความแสงไฟระยับนำความสุขมาสู่ทุกคนประกอบด้วย 5 โซนหลัก ได้แก่
โซนที่ 1 มหาราชกษัตรา-แผ่นดินทอง แสดงถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ในช่วงของพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ ได้แก่ พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช และพระปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งร้อยเรียงความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์แต่ละสมัยที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง ส่วนแบล็คกราวน์ด้านหลังได้นำเสนอภาพวัดปรางค์วัดอรุณราชวราราม (กรุงเทพฯ) วัดไชยวัฒนาราม (พระนครศรีอยุธยา) วัดราชบพิตร (กรุงเทพฯ) รวมเข้าไว้ด้วย
โซนที่ 2 ประทีปแห่งความดี โดยจะมีฐานพระ 3 ยุค 3 สมัย ได้แก่ อยุธยา สุโขทัย เชียงแสน ลักษณะพุทธศิลป์พระพุทธรูปนำมาจัดแสดงผ่านเรื่องเล่าของแสงแห่งประทีป สื่อด้วยดอกบัวและเทียน ความพิเศษในโซนนี้ยามค่ำคืนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าสู่พุทธอุทยานสุโขทัยโดยมีเรื่องราวพระพุทธรูปเกี่ยวกับแหล่งที่มา ความศักดิ์สิทธิ์ พร้อมประวัติ ซึ่งใช้แสงไฟจำนวนมาก
โซนที่ 3 แสงแห่งศรัทธา นำเสนออุโมงค์แห่งไฟ ความยาวประมาณ 30-40 เมตร เน้นเรื่องราวสัญลักษณ์ทางศาสนาพุทธ จากแสงแห่งดอกบัว ซึ่งมีความหมายของชาวพุทธ รวมถึงการจำลองพระพุทธรูปแต่ละยุคล้วนมีความหมายต่อพุทธศาสนิกชนคนไทย โดยออกแบบเป็นอุโมงค์แห่งไฟ ทั้งหมดทั้งมวลสามารถอธิบายได้ถึง “แสง” คือจุดเริ่มต้นของทั้งหมดแห่งชีวิตผู้คนนับตั้งแต่เกิดจนถึงดับ ในช่วงใกล้เริ่มปีใหม่ทาง ณ สัทธา อุทยานไทย จึงต้องการสื่อให้เห็นถึงแสงไฟระยิบระยับจะเป็นสื่อนำทางสู่ความดีงาม เมื่อนักท่องเที่ยวเดินผ่านอุโมงค์นี้แล้ว จะได้รู้สึกถึงแสงแห่งการจุดประกาย เพิ่มกำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจบางสิ่งบางอย่าง จากการออกแบบใช้วิธีไล่เรียงแสงไฟจากโซนที่ 1-2-3 ให้ตรงกับความรู้สึกในแต่ละอารมณ์เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวสัมผัสได้จริง
โซนที่ 4 ต้นไม้แห่งการอธิษฐาน ใช้สัญลักษณ์ต้นกัลป์พฤกษ์ เปรียบเสมือต้นไม้แห่งสรวงสวรรค์ ด้วยการจำลองความหมายของต้นดังกล่าวประดับด้วยไฟระย้านับแสนนับล้านเม็ด นำต้นไทรที่มีอยู่ในบริเวณพื้นที่ซึ่งเป็นธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นต้นกัลพฤกษ์ให้นักท่องเที่ยวได้อธิษฐานขอพรตามความปรารถนา เพื่อจะได้พบเจอสิ่งดี ๆ ก่อนจะเดินไปยังโซนต่อไป
โซนที่ 5 พระอวโลกิเตศวร ปีกแห่งศรัทธา โซนนี้นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกลุ่มฝูงผีเสื้อโบยบินอยู่บนท้องฟ้า สื่อถึงความหวัง ความศรัทธา เพื่อนำไปสู่จุดเริ่มต้นดี ๆ ในวันใหม่ที่จะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้
“การจัดงานในช่วง 22-23, 29-30-31 ธันวาคม 2561 และ วันที่ 1, 5-6 มกราคม 2562 เหตุที่เลือกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น เพราะต้องการเน้นคัดสรรงานคุณภาพนำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้เห็นและสัมผัสสิ่งดี ๆ ถึงศักยภาพความสามารถของคนไทยในรูปแบบวัฒนธรรมไทย ดึงดูดคนเข้ามาแล้วรับรู้ได้ถึงความเป็นไทยแบบครบวงจร”
นปภากล่าวว่า ตั้งเป้าหมายตลอดงาน 8 วัน จะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน เฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 คนขึ้นไป เป็นการท่องเที่ยวเหมาะกับทุกกลุ่มทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวเข้ามางานแล้วสามารถรับรู้ความสุขไปด้วยกัน แต่ละวันงานจะเริ่มงานประมาณ 18.00-22.00 น.เป็นช่วงรอยต่อของเวลาที่จะเห็นแสงธรรมชาติสวยงามช่วงเย็นและความงดงามของไฟในแต่ละบรรยากาศยามค่ำคืนของแหล่งท่องเที่ยวอุทยานไทยในจังหวัดราชบุรี
นอกจากนี้ทาง ณ สัทธา อุทยานไทย ยังได้จับมือกับพันธมิตรกลุ่มที่พักโรงแรมรีสอร์ตในบริเวณใกล้เคียงแถบอำเภอบางแพ โพธาราม ดำเนินสะดวก และอำเภอใกล้เคียง จัดเตรียมสถานที่พักรองรับนักท่องเที่ยวพักค้างคืน โดยมอบเป็นส่วนลดพิเศษให้ด้วย พร้อมทั้งมีลานจอดรถรองรับได้กว่า 1,000 คัน มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านข้อมูล ติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงาน ณ สัทธา โทร.032-383-333 หรือทางเฟสบุ๊คและแอ๊ดไลน์ nasatta
ราคาบัตรเข้าชมปกติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ส่วนบัตรเข้าชมงานกลางคืน แบ่งเป็น 1.บัตรทั่วไปราคา 350 บาท 2.บัตรพร้อมคูปองอาหารมูลค่า 200 บาท จ่ายรวม 500 บาท 3.บัตรเข้าชมงานทั้งวันจ่ายแค่ 500 บาท
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในรัศมีใกล้เคียงก็สามารถนั่งรถหรือขับรถประมาณ 20-30 นาทีเท่านั้น ไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง หนังใหญ่วัดขนอน สวนกล้วยไม้ เดอะ บูม เมืองอาร์ตโรงงานเซรามิกเถ้าฮงไถ่ ต้นตำรับการผลิตโอ่งราชบุรี ถ้ำเขาบิน เขางู ซีนเนอรี่ รีสอร์ต แอนด์ ฟาร์ม บ้านของเทียน พาซาย่า และแวะซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ไชโป๊วแม่กิมฮวย รวมถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวก อัมพวา และวัดต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงนักท่องเที่ยวชอบไปสักการะ เช่น วัดขนอน วัดคงคาราม วัดม่วง
จุดเริ่มของ ณ สัทธา อุทยานไทย ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ “มหัศจรรย์แห่งความเบิกบาน” ขึ้นในเมืองรองครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจจังหวัดอื่น ๆ และนักท่องเที่ยวได้เข้าถึงแสงแห่งศรัทธาและความสุข เห็นถึงฝีมือคนไทยก็ทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์-แอคคอร์เปิดโอเรียนท์เอ็กซ์เพรสแห่งแรกของโลกในไทย”
นายเซบาสเตียน บางแซง ประธานกรรมการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร แอคคอร์โฮเทล เปิดเผยว่า ได้เลือกใช้แบรนด์โรงแรม "โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส" ในเครือแอคคอร์ มาเปิดโดยใช้ชื่อ "โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร หรือ Orient Express Mahanakorn Bangkok เป็นแห่งแรกของโลกในอาคารมหานคร คิงเพาเวอร์ ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำการบุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน เพื่อเป็นการร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตทั้งทางด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตต่อไปอย่างเข้มแข็ง
จุดเด่นของแบรนด์โอเรียนท์ เอ็กซเพรส คือการขื่อเสียงดั้งเดิมของขบวนรถไฟท่องเที่ยวหรูหราระดับโลก เมื่อนำแบรนด์มาใช้ก็จะเป็นเสมือนพาสปอร์ตการท่องเที่ยวและนำเสนอเรื่องราวการเชื่อมโยงโลกตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยคุณภาพการนำเสนอความเป็นวิถีวัฒนธรรม และการผจญภัยไปกับโลก
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ การร่วมมือกันกับแอคคอร์ครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มให้กรุงเทพฯ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่สมบูรณ์แบบเป็นจุดหมายปลายทางแห่งเวิลด์คลาส อันจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและนานาชาติทั่วโลก ทำให้ไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลกต่อไปได้ในอนาคต
โดยจะเปิดให้บริการได้ปี 2562 ภายในโรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยห้องพักหรู 154 ห้อง ห้องเพนท์เฮาส์ 2 ห้อง ห้องสวีท 9 ห้อง โดยได้จัดสรรชั้นเฉพาะทางด้านบริการสุขภาพ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำกลางแจ้ง จากุซซี่ เอ็กซ์เพรส สปา บาย เกอร์แลง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์
ขณะเดียวกันผู้เข้าพักในโรงแรม ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการขึ้นไปยังจุดชมวิว มหานคร สกายวอล์ค ชั้นสูงสุดของอารมหานครชั้น 78 ได้ด้วย เรื่อยไปจนถึงการไปขมไฮไลต์ในบริเวณชั้น 74, 75 รวมถึงการไปช็อปปิ้งร้านค้าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ชั้น 1-2-3-4 ซึ่งมีทั้งสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าไทย ให้เลือกจับจ่ายใช้เงินอย่างสะดวกสบายตลอดการพักอยู่ในโรงแรมดังกล่าว
สำหรับห้องอาหาร ในโรงแรม ประกอบด้วย 2 ร้านชั้นนำ ได้แก่ 1.ร้านอาหาร MOTT 32 อยู่บริเวณ 2 ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นฐานะร้านตามถนนMOTT32 ในนิวยอร์ก และ 2.ร้านอาหารมหานที อยู่ชั้น 5 โดยเดวิด ธอมป์สัน เป็นผู้ออกแบบร้านอาหารชั้นนำ อาทิ ร้าน Nahm ที่ลอนลอนและกรุงเทพ กับ Long Chim ในเอเชียและออสเตรเลีย Aaharm ในฮ่องกง
ทั้งนี้แบรนด์ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส มีชื่อเสียงมานานกว่า 135 ปี เป็นแรงบันดาลใจให้เหล่านักเขียน ผู้กำกับภาพยนต์ แขกผู้มีชื่อเสียงเข้ามาเยี่ยมเยือน อาทิ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ , โคโค ชาแนล, เกรแฮม กรีน, และอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถอ้างอิงได้ในฐานะของสถานที่ในนวนิยายที่มีชื่อเสียงระดับโลกเรื่อง Murder on the Orient Express และตอนหนึ่งในภาพยนตร์ของเจมส์ บอนด์ คือ From Russia with Love ดังนั้นแบรนด์โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส จึงเป็นแบรนด์ระดับโลกที่อยู่ในความการจดจำของผู้คนทั่วโลก เมื่อกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำแบรนด์มาเปิดบริการในไทย จะช่วยนำพาประเทศให้ทั่วโลกรู้จักและหันมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ทางด้าน ทริสตัน อัวร์ ดีไซน์เนอร์ระดับอินเตอร์ กล่าวย้ำว่า ได้รังสรรค์การตกแต่งโรงแรมแห่งนี้ในสไตล์เดคโค ผสมผสานความโอ่อ่าของขบวนรถไฟโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ให้เข้ากับตึกระฟ้าอย่างคิง เพาเวอร์ มหานคร โดยออกแบบทำให้ห้องนอนและห้องน้ำโอ่โถงมระดับเป็นอย่างมาก
ข่าวที่ 2 “ททท.จัดใหญ่เคาน์ดาวน์สตูล30-31ธค.เงินสะพัด25ล้านบาท”
ททท.เปิดเมืองรอง “สตูล” ดินแดนจีโอปาร์คจัดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เคาน์ดาวน์ 2019 แอด สตูล วันเดอร์ฟูล แอนด์ คัลเลอร์” 30-31 ธ.ค.นี้ พร้อมจัดมหกรรม “วิ่งข้ามกาลเวลา” คืน 31 ธ.ค.และแจกเพียบของขวัญปีใหม่ผู้เข้าพักสตูล 500 คนแรก ตั้งเป้าคนแห่เข้าร่วมกว่า 1 หมื่นคน สร้างเงินสะพัดทะลุ 25 ล้านบาท
นางสมฤดี จิตรจง ที่ปรึกษา 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กล่าวว่า ททท. ร่วมกับจังหวัดสตูล จัด Amazing Thailand Countdown 2019 @Satun Wonderful & Color เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่าง30-31 ธันวาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 15.00-24.00 น. ณ จุดชมวิวชายหาด ปากบารา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นเมืองธรณีวิทยาโลกหรือจีโอปาร์ค งานจะจัดภายใต้แนวคิด “นับถอยหลังข้ามกาลเวลา...สู่อุทยานธรณีโลกสตูล” คาดการณ์จะมีคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 25 ล้านบาท
ไฮไลท์ภายในงาน Amazing Thailand Countdown 2019 @ Satun Wonderful & Color มีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะต้องตื่นตากับ 1.การออกร้านของร้านค้าท้องถิ่นที่นำผลิตภัณฑ์ชุมชนและอาหารถิ่นให้เลือกซื้อกว่า 60 ร้าน อาทิ ข้าวผัดนอติลอยด์ ขนมผูกรัก ผ้าบาติก ไข่มุก และอื่น ๆ มากมาย 2.ขบวนแห่คานิวัล “อเมซิ่ง สตูล Wonderful & Color” ตระการตาอุโมงค์ไฟฟอสซิลความยาวกว่า 8 เมตร
3.ซุ้มโคมไฟฟอสซิล ที่จะนำนักท่องเที่ยวย้อนเวลากลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์ 4. Food Truck เท่ๆ ได้คัดสรรความอร่อยมาโดยเฉพาะ 5.ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ อาทิ ลิเกฮูลู รำโนราห์ ระบำตารีมาลากัส รองเง็ง แฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทยที่นำเสนอเอกลักษณ์ท้องถิ่นภาคใต้ สาธิตการทำอาหารเมนูดึกดำบรรพ์ 6.การแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ วงพัทลุง วง Deep ‘O’ Sea วงกัวลาบารา ศิลปินท้องถิ่นในจังหวัดสตูล คณะเพชรจรัสแสง Thailand Got Talent และ ZN Band ศิลปินชื่อดังจากประเทศมาเลเซีย
ปิดท้ายด้วยการร่วมส่งความสุขนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2562 ร่วมกับทีมดาราช่อง 7 อาทิ บอส จักริน ต๊ะ B-Mix ดิว พิพัชพงษ์ กวาง The Star แป๋ม AF 9 ฯลฯ อลังการกับการจุดดอกไม้ไฟกลางทะเล
นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ ททท. กล่าวว่า ททท. เตรียมมอบของขวัญสุดพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยว 500 คนแรก ที่เดินทางมาร่วมงานและเข้าพักโรงแรมในพื้นที่สตูล เพียงนำใบเสร็จมาแสดงเพื่อรับของที่ระลึกภายในงาน และพิเศษสุดในการเข้าร่วมกิจกรรม Geo Night Run Satun 2018-2019 “วิ่งข้ามเวลา” คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เวลา 22.00 น. ประกอบด้วย การวิ่ง Fun Run ระยะทางวิ่ง 4 กิโลเมตร และ Mini Marathon 13 กิโลเมตร ตอกย้ำการเป็นอุทยานธรณีโลกของจังหวัดสตูลที่ UNESCO ให้การรับรองเมื่อปี 2559
ในสตูลมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม และสถานที่สวยงามมากมาย เช่น ถ้ำเลสเตโกดอน สะพานข้ามกาลเวลา ถ้ำภูผาเพชร สันหลังมังกร ปราสาทหินพันยอด กิจกรรมล่องแก่งน้ำตกวังสายทอง
ทั้งนี้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 ททท. จะร่วมกับบริษัท มิตซูบิชิ อิเล็กทริค กันยงวัฒนา จำกัด จัดกิจกรรม CSR ร่วมกับชุมชนในพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อรณรงค์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ในช่วงวันที่ 30-31 ธันวาคม 2561 ททท.ได้จัด Amazing Thailand Countdown 2019 @ Satun Wonderful & Color มอบเป็นของขวัญให้แก่นักท่องเที่ยวกระจายตามพื้นที่ไฮไลต์เมืองรอง 4 จังหวัด ได้แก่ สตูล ราชบุรี นครพนม เชียงราย และเมืองหลักในกรุงเทพมหานคร
ข่าวที่ 3 “ผู้ว่าฯยุทธศักดิ์แจงความจริงไม่เคยจ่ายโต๊ะจีนพลังประชารัฐ”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยืนยันว่า จากกรณีพาดพิงททท.ในการนำงบประมาณ 9 ล้านบาท เข้าไปมีส่วนสนับสนุนงานโต๊ะจีน 3 โต๊ะ ซึ่งเป็นกิจกรรมการระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 นั้น
ผู้ว่ายุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว และขอความร่วมมือจากผู้เผยแพร่ข้อมูลจนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในสาธารณะ หยุดนำเสนอและเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะอาจทำให้ ททท.เสียชื่อเสียงได้
สำหรับ ททท. มีนโยบายในการใช้งบประมาณอย่างถูกต้องเหมาะสม คุ้มค่า และตรวจสอบได้ อีกทั้งระเบียบด้านการเงินขององค์กรในฐานะหน่วยงานรัฐก็ไม่สามารถกระทำกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวได้ ประการสำคัญขั้นตอนชัดเจนถึงการอนุมัติใช้งบประมาณ ททท.จะต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการ ททท. ซึ่งยังไม่เคยมีการนำเสนอวาระดังกล่าวเข้าที่ประชุมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ข่าวที่ 4 “ททท.มอบของขวัญปีใหม่ท่องเที่ยว3กิจกรรมแห่งปี”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ตั้งแต่ 19 เดือนธันวาคมนี้ ททท.ได้เตรียมของขวัญให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้สามารถเดินทางช่วงปลายปีได้อย่างสนุกสนานและอุ่นใจ ได้แก่
1.กิจกรรม Amazing Thailand Countdown 2019 ที่จัดขึ้นในเมืองรอง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครพนม ราชบุรี และสตูล รวมทั้งที่ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร
2.กิจกรรม Thailand Shopping & Dining Paradise ที่เอาใจสายช็อปที่จัดขึ้นในจังหวัดเมืองรองที่อยู่ติดประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี และอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
3.กิจกรรมทำประกันภัยเดินทางฟรี โดย ททท. ร่วมมือกับ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด มอบ “ประกันอุบัติเหตุปีใหม่อุ่นใจ”แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 100,000 คนแรก ที่สมัครรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุผ่านแอปพลิเคชัน Line เมื่อเข้าเป็นเพื่อน (Add Friend) TQM INSURANCE BROKER OFFICIAL เพียงแค่สแกน QR CODE ที่จะปรากฏในสื่อต่าง ๆ ของ ททท. และที่สำนักงาน ททท. ทั่วประเทศ เมื่อทำรายการถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะได้รับข้อความยืนยันการรับสิทธิ์ ซึ่งจะคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ โดยกรมธรรม์นี้รับประกันภัยโดยกรุงเทพประกันภัย
ข่าวที่ 5 “สมาชิกบางจากรับสิทธิ์ฟรีรถลากฉุกเฉินช่วงปีใหม่”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนสมาชิก เชิญชวนผู้ถือบัตรบางจาก ลงทะเบียนเพื่อรับบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. ฟรี!!!
- ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้- 25 ธันวาคม 2561
- ท่านสมาชิกฯจะได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ ในวันอังคารถัดไป
- เริ่มคุ้มครองทันทีที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ สิ้นสุดความคุ้มครอง 31 ธ.ค. 2562
เพียงสมาชิกทำตามกติกาเบื้องต้นดังนี้
1.หมายเลขบัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์ คุ้มครองรถ 1 คัน
2.เฉพาะสมาชิกที่ทำการลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ทาง SMS เท่านั้น
3.รับเฉพาะ รถยนต์ 4 ล้อ สำหรับใช้ส่วนบุคคล ไม่รวมถึงยานพาหนะรับจ้างขนส่ง ยานพาหนะสาธารณะ ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ ยานพาหนะเช่า และรถจักรยานยนต์
4.ท่านสมาชิกฯจะได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ ในวันอังคารถัดไป เริ่มคุ้มครองทันทีที่ได้รับ SMS สิ้นสุดความคุ้มครอง 31 ธ.ค. 62
ข่าวที่ 6 “บอร์ดทอท.อนุมัติลุยสร้างสุวรรณภูมิหลัง2ตามแผน”
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ถึงรายงานความคืบหน้าแนวทางการเดินหน้าดำเนินงาน โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลัง ที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท.เสนอ และให้เสนอคณะกรรมการ Airport Consultative Committee (ACC) ซึ่งมีสายการบินและหน่วยงานเกี่ยวข้องกับกิจการการบินร่วมเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของขนาดโครงการก่อสร้าง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ทสภ.ให้สอดคล้องกับความต้องการของสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่ ทอท.อยู่ระหว่างจัดทำโครงการพัฒนาสุวรรณภูมิเฟส 3 ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างทางวิ่ง เส้นที่สาม 2.โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก และ 3.โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สุวรรณภูมิ
ช่วงที่ 2 ได้เวลาหาแหล่งท่องเที่ยวเสริมมงคลกันได้แล้วที่ “จังหวัดนครพนม” แดนธรรมะ มีพระธาตุให้สักการะครบทั้ง 7 วัน ตามพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 แห่ง แถมสถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ “บ้านลุงโฮ” กับ อุทยานแห่งชาติภูลังกา ส่วนการดูแลสุขภาพต้องฟังชัดถึง “6 วิธีใช้ชีวิตอยู่ในโลกโซเชียลให้มีความสุข” สำหรับข่าวเด็ด ๆ ต้องยกให้ “การบินไทยกับปตท.” 2 บริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่จะกอดคอกันชิงประมูลงานบริหารอู่ตะเภากับเมืองการบิน ลุ้นผลการเปิดซองมกราคม 2562 “บอร์ดการบินไทย” ยอมไฟเขียวให้เปเปอร์บล็อคจ้างนักบินตามมาตรฐานสากลหยุดสมองไหลย้ายไปทำสายการบินคู่แข่ง และ “โชติ ตราชู” สมหวังได้นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวคนใหม่ ปิดท้าย “ททท.จับมือจีน” จัดน็อค น็อค ดาวน์ พัทยา จัดงานใหญ่ส่งท้ายปี’61
@นครพนมแดนทัวร์ธรรมะไหว้พระธาตุทั้ง 7 วัน
ก่อนเข้าสู่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอแนะนำเที่ยวเมืองรอง “จังหวัดนครพนม” ในอีสานติดแม่น้ำโขงแดนธรรมแห่งความร่มเย็น เป็นศูนย์รวมของพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำวันเกิดครบทุกวัน
ทุกปีในคืนส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม เข้าสู่เช้าวันที่ 1 มกราคม ผู้คนจากทั่วสารพัดทั้งไทยและพี่น้องชาว สสป.ลาว จะพากันมาสวดมนต์ข้ามคืนกันที่บริเวณ “พระธาตุพนม” ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์
ส่วนนักท่องเที่ยวที่เกิด “วันจันทร์” ก็จะชวนกันไปสักการะ “พระธาตุเรณู” ที่วัดพระธาตุเรณู ตั้งอยู่บริเวณบ้านเรณูนคร เพื่อขอพรจากพระธาตุและ “พระองค์แสน” พระพุทธรูปทองคำปางสมาธิสร้างด้วยศิลปะแบบลาว เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในโบสถ์
เหล่าคนเกิด “วันอังคาร” ต่างมุ่งหน้าสู่อำเภอนาแก เพื่อไปขอพรศักดิ์ ณ “พระธาตุศรีคุณ” เชื่อกันว่าหากใครได้ไหว้จะได้รับอานิสงมากเป็นหลายเท่าทวีคูณ ลักษณะจะคล้ายคลึงกับพระธาตุพนม ต่างกันตรงที่ชั้น 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยมประดับลวดลายปูนปั้น โดยชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม
คนเกิด “วันพุธ” จะชวนกันไปยัง “พระธาตุมหาชัย” ในตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก มีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ สักการะแล้วจะทำมาค้าขายดี มีชัยชนะตลอดชีวิต
คนเกิด “วันพฤหัสบดี” ก็ขับรถไปยัง “พระธาตุประสิทธิ์” ณ วัดพระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า เพื่ออธิษฐานขอพรเรื่องการงานและความสำเร็จทั้งปวงได้สมปรารถนาดีนักแล
คนเกิด “วันศุกร์” เลือกสักการะ “พระธาตุอุเทน” ในอำเภออุเทน ได้กราบสักการะแล้วชีวิตจะโชติช่วงรุ่งเรืองเสมือนพระอาทิตย์ยามอรุณรุ่ง สว่างสดใสในทุก ๆ ด้าน พระธาตุท่าอุเทนจำลองมาจากพระธาตุพนม โดยมีลักษณะก่ออิฐถือปูนอยู่ในผังสี่เหลี่ยม สัดส่วนองค์ธาตุจะเล็กกว่าเท่านั้นเอง
วันเกิด “วันเสาร์” ต้องแวะ “พระธาตุนคร” ในอำเภอเมือง บรรยากาศริมฝั่งโขง เชื่อกันว่าหากได้กราบแล้วจะมีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน มีอานิสงส์เสริมบารมีให้แก่กล้ามากยิ่งขึ้นไป ในองค์พระธาตุนครได้บรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุพร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำไว้
ไปนครพนม จังหวัดเดียวสามารถเลือกสักการะพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้ครบทุกวันเกิด
แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมให้เยี่ยมชมด้วย อย่าง “บ้านลุงโฮ” โฮจิมินห์อดีตประธานาธิบดีเวียดนาม ผู้มีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านภาคอีสานช่วงการกอบกู้เอกราช ตอนทำสงครามกับฝรั่งเศส ทุกวันนี้บ้านลุงโฮจึงมีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ทางการท่องเที่ยวของเมืองไทย
“อุทยานแห่งชาติภูลังกา” แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเทือกเขาสามลูกสลับตามสันและเนินวิวสวยงาม มีน้ำตกตาดโพธิ์ ให้เล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี แล้วก็มีเจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ ให้ได้ชมด้วย
เที่ยวเมืองรอง “นครพนม” สุขทุกเรื่อง เก๋เท่ของเมืองไทย
@6 วิธี อยู่ใน โลกออนไลน์ ให้มีความสุข
ปัจจุบันนับเป็นยุคแห่งข่าวสาร ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีออนไลน์นำข่าวสารมาถึงตัวได้รวดเร็ว และเยอะมาก มีทั้งข่าวที่ดีและไม่ดี ซึ่งอาจทำให้จิตใจไม่สงบได้ดังนั้น คุณหมอ ขอแนะนำ 6 วิธีดูแลใจตัวเองในการรับข่าวสาร เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตในยุคนี้เป็นไป อย่างสงบสบายดังนี้
1. ควรรับฟังอย่างมีสติ - ฟังหูไว้หู เพราะกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ หรือ ทวิตเตอร์ถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว จึงแทบไม่มีการกลั่นกรองก่อน ดังนั้นจึงเป็นวิจารณญาณของผู้รับสารที่จะต้องรับสารอย่างมีสติ กลั่นกรองก่อนเชื่อ ก่อนอิน ไปกับข้อมูลข่าวสาร การอินกับข้อมูลโดยขาดสติ ยิ่งทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น
2. ระวัง “อคติ” - ในทางพุทธกล่าวถึงอคติไว้ 4 อย่าง คือ อคติเพราะความรัก อคติเพราะความชัง อคติเพราะความกลัว และอคติเพราะความไม่รู้ เนื่องจากโลกยุคข่าวสารหลั่งไหล มีข้อมูลที่กระตุ้นอารมณ์มาก ทั้งความรัก (พวกตน) และ ความเกลียดชัง (ฝ่ายตรงข้าม) แต่หลายครั้งก็ไม่มีข้อเท็จจริง สิ่งที่ต้องระวังคือ คนที่รู้สึกว่าตนเป็นกลาง แต่จริงๆ แล้วมีอคติโดยไม่รู้ตัว
3. ลดการตัดสินตนเองและคนอื่น - การตัดสินตนเองมากไปทำให้เกิดความรู้สึกผิดง่าย การตัดสิน คนอื่นมาก ทำให้รู้สึกโกรธง่ายเช่นกัน และบางทีเราก็ตัดสินผิด เพราะเข้าใจผิดก็มาก การตัดสิน ล้วนแต่ก่อให้เกิดอารมณ์ด้านลบมากกว่าอารมณ์ด้านบวก และส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ไม่ดีทั้งกับตนเอง และคนอื่นๆ ลดการตัดสินตนเองและคนอื่นลงบ้าง จะช่วยให้ความรู้สึกของเราและคนอื่นดีขึ้นได้
4. ลดการเสพข่าวสาร - ถ้าช่วงนั้นเครียดมาก ควรงดการเสพข่าวสารชั่วขณะ เพราะหากเป็น ข่าวใหญ่ ๆ อย่างไรเราก็ต้องได้รู้อย่างแน่นอน ส่วนข่าวเล็กๆ ก็ช่างมันไปก่อน เพราะการรู้หรือไม่รู้ ก็ไม่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา
5. หากิจกรรมผ่อนคลายรูปแบบอื่น ๆ ที่ทำให้จิตใจเบิกบานผ่อนคลาย - มีผลดีต่อสุขภาพกายและ ใจมากกว่าการเสพข่าวสาร เช่น การออกกำลังกาย การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ การอ่านหนังสือ เล่มโปรด การดูหนัง – ฟังเพลง การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ
6. ระวังความคิด ความมโนของตนเอง - บางเรื่องยังไม่มีอะไรมาก แต่ความคิด ความมโน ของเราเอง ทำให้เป็นทุกข์มากไป จึงต้องฝึกการรู้ทันความคิด ความมโนของตนเอง อย่าปล่อย เวลาให้ว่างเปล่า เพราะยิ่งทำให้ฟุ้งซ่านง่ายขึ้น
จึงควรใช้ 6 วิธีเหล่านี้เป็นแนวทางการดูแลจิตใจในการรับข่าวสาร อย่างมีความสุข ไม่ปั่นป่วนไปตามข้อมูล
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “บินไทย-ปตท.ลุ้นสัมปทานบริหารอู่ตะเภา-เมืองการบินปี62”
รายงานข่าวจากวงการบิน รายงานว่า ล่าสุด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมจับมือกับรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมวงชิงการประมูลโรงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 2.9 แสนล้านบาท ตามที่กองทัพเรือเจ้าของอู่ตะเภาได้เปิดขายซองโดยมีผู้สนใจจากทั้งในและต่างประเทศ 8 ชาติ รวม 42 บริษัท ประกอบด้วยกลุ่มทุนไทย มาเลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น จีน เยอรมันี ตุรกี เยอรมัน สนใจซื้อซองประกวดราคา เนื่องจากอู่ตะเภาเป็นโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนและการขยายศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารให้ได้มากสุดถึงปีละ 60 ล้านคน
ตามแผนทางกองทัพเรือจะเปิดให้เอกชนมายื่นซองประมูล 28 กุมภาพันธ์ 2562 จากนั้นก็เปิดซองทันทีในวันที่ 1 มีนาคม 2562 เพื่อหาผู้ชนะเข้าดำเนินการก่อสร้างให้ทันปี 2564 กำหนดแล้วเสร็จใช้บริการได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับการบินไทยมีแต้มต่อที่ดีโครงการนี้ เนื่องจากได้ลงนามเอ็มโอยูกับกลุ่มแอร์บัสผู้นำการบินระดับโลกมาแล้วถึง 5 ครั้ง โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมเป็นสักขีพยาน และหลังสุดระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้นำยุโรป ยังได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงความร่วมมือระหว่างการบินไทยกับแอร์ ในโครงการพัฒนาการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา หรือ MRO ที่จะเกิดขึ้นภายในอีก 4 ปีข้างหน้า
ข่าวที่สอง “บอร์ดบินไทยงัดใช้เปเปอร์บล็อกสกัดนักบินลาออก”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่าในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย เมื่อวันที่19 ธันวาคม 2561 มีมติเห็นชอบให้ปรับระบบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงบินต่างประเทศ และค่าทำงานล่วงเวลาแก่นักบินตามสากลเป็นระบบเพย์เพอร์บล็อค (Payperblock) เพื่อแก้ไขปัญหานักบินลาออก ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ระบบดังกล่าวจะช่วยสร้างสมดุลการทำงานอย่างเป็นธรรมเพิ่มขึ้น
และเพื่อป้องกันนักบินการบินไทยซึ่งทยอยลาออกอย่างต่อเนื่องรวมมากกว่า 1,000 คน เนื่องจากเปรียบเทียบผลตอบแทนรายได้แล้วต่ำกว่าสายการบินอื่น ๆ อย่างมาก
ข่าวที่สาม“ครม.ตั้งโชติ ตราชู นั่งปลัดท่องเที่ยวโชว์ผลงานใหม่”
พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2561 มีมติแต่งตั้งนายโชติ ตราชู ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา หลังจากเคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วช่วงที่ผ่านมาถูกโยกย้ายมาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้เพื่อให้ปลัดคนใหม่ได้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวของประเทศ แทนนายพงษ์ภาณุ เศวตรุณ ที่ลาออกตั้งแต่เมื่อ 9 ธันวาคม 2561 จากปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาไปทำงานให้กับกลุ่มช้างของครอบครัวสิริวัฒนภักดี
ข่าวที่สี่ “ททท.ผนึกไชน่าฯจัดใหญ่น็อคน็อคเคาน์ดาวน์พัทยา”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ร่วมกับเอกชน บริษัท ไชน่า ทราเวล เซอร์วิส เฮด ออฟฟิศ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีงาน KNOCK KNOCK PATTAYA COUNTDOWN 2018 ด้วยธีม “KNOCK TO THE FUTURE, MEET THE NEW WORLD “ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยโดยใช้กระแสแนวเพลง EDM ที่ได้รับความนิยมในหมู่ต่างชาติและจีนตลาดกลุ่มใหญ่ที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละเกือบ 6 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลเที่ยวส่งท้ายปี ที่ได้จัดกิจกรรมสีสันความสนุกและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักได้มากยิ่งขึ้น
กำหนดจัดงาน 2 วัน ระหว่าง 30-31 ธันวาคม นี้ ณ MAYA SPACE พัทยา คาดจะผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 50,000 คน ดูรายละเอียดกิจกรรมและซื้อบัตรได้ที่ www.knockknockfestival.com
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น