TCEBนำทัพไมซ์ถกใหญ่มาตรฐานAMVSในATF2019
ตั้งเป้า5ปีหน้าไทยแชมป์ประเทศจัดเทรดแฟร์อาเซียน
เปิดใจอัยยวัฒน์นำมหานครหมื่นล้าน-ดิวตี้ฟรีฉลุยปี61
ททท.กอดคอมหามิตรปลุกกระแสเที่ยว7ไทยเท่ 5 ภาค
ไทยต้อนรับทัวร์จีนคนที่10ล้านทำเงินสะพัด6แสนล้าน
บางจากชวนสมาชิกใช้9คะแนนแลกกรมธรรม์รับปีใหม่
เที่ยวเชียงรายเสพงานศิลป์ถิ่นถ้ำหลวงชีลในเชียงแสน
10วิธีธรรมชาติแก้อาการปวดเมื่อยได้อย่างมหัศจรรย์
เครือซีพีได้3ปัจจัยคว้าสัมปทานรถไฟเชื่อม3สนามบิน
คมนาคมให้รถทัวร์ขึ้นค่าตั๋ว30บาทคนใช้อ่วมม.ค.62
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ 23 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำทีมถกสมาชิกอาวุโสอาเซียนระดมเข้าสู่ AMVS สร้างอุตสาหกรรมไมซ์ผงาดในมหกรรม ASEAN TOURISM FORUM 2019 ที่ ฮาลองเบย์ เวียดนาม 14-18 มกราคม 2562 ตั้งเป้า 5 ปีหน้าไทยแชมป์ประเทศจัดงานเทรดแฟร์ ทำเศรษฐกิจไทยเบ่งบานระยะยาว
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการผลักดันมาตรฐาน ASEAN MICE VENUE STANDARD :AMVS โดยได้จัดในไทยหรือ THAI MICE VENUE STANDARD :TMVS ไปแล้วเป็นห้องประชุม ศูนย์แสดงสินค้า และสถานที่จัดงานพิเศษหรือ Special Event สามารถเข้ามาตรฐานแล้ว 700 แห่ง ก่อนสิ้นปี 2561 ทำได้ทั้งหมด 136 ห้องประชุม 4 ศูนย์แสดงสินค้า 16 สถานที่พิเศษการจัดประชุม โดยภาพรวมแล้วตั้งแต่เริ่มทำโครงการมีสถานที่ได้ตรวจรับการรับรองมี 1,137 ห้องประชุม 23 ศูนย์แสดงสินค้า 16 ห้องประชุมพิเศษ
สาเหตุที่ไทยจะต้องเป็นบุกเบิกการจัดทำมาตรฐานห้องประชุมเพราะ ไทยได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งทางด้านการจัดประชุมและแสดงสินค้า อีเวนต์ แต่ละปีจำนวนมากกระจายทั่วประเทศ สร้างรายได้ปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีประเด็นหลักคือสถานที่จัดงานจะเป็นตัวแปรในการตัดสินใจของผู้จัดงานจะต้องมีทั้งมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ซึ่งไทยมีครบทั้ง 3 ประเภทข้างต้น
จากนั้นก็มาพิจารณาต่อถึงสมาชิกอาเซียนน่าจะต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน TCEB จึงได้เสนอมาตรฐานไมซ์ไปในอาเซียนด้วยเพราะเป็นดาวรุ่งของเอเชียโดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นจึงได้เสนอเข้าไปวงของรัฐบาลอาเซียนเห็นพ้องกันไมซ์อาเซียนเริ่มเติบโต แต่หลายประเทศมาตรฐานสถานที่จัดงานยังไม่เด่นชัด ถ้าได้มาตรฐานไทยเข้าไปเป็นต้นแบบก็จะช่วยนำพาให้อีกหลายประเทศสมาชิกโดดเด่นขึ้นมาได้ ประเทศไทยจึงต้องเป็นแม่งานริเริ่มโครงการ ASEAN MICE VENUE STANDARD :AMVS นำรูปแบบเกณฑ์การตรวจประเมินยกระดับอาเซียนนำไปประยุกต์ใช้ได้ เริ่มจากปี 2560 เป็นครั้งแรกได้นำ Category ด้านห้องประชุมไปตรวจประเมินสำเร็จ
รอบแรกเริ่มประเทศละ 10 แห่ง ซึ่งกฎเกณฑ์ที่ใช้ตรวจประเมินในไทยอาจจะเข้มข้นเกินไป ในการนำไปใช้กับอีกบางประเทศอาเซียน แต่สุดท้ายก็สามารถทำมาตรฐานเกณฑ์ประเภทแรกได้คือ ห้องประชุม
ปี 2562 จะเพิ่มอีกประเภทคือสถานที่จัดแสดงสินค้า ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาการค้าของแต่ละประเทศได้ดี เพราะเมื่อมีการจัดแสดงสินค้าก็จะมีเรื่องการซื้อขายพร้อมกับการนำเข้าและส่งออกและแชริ่งโปรดักซ์ตามมาด้วย
TCEB จึงได้เสนอทางเลขาอาเซียนต่อเนื่องจากการใช้เกณฑ์ AMVS ห้องประชุมขยายผลไปยังศูนย์แสดงสินค้า ปัจจุบันการประชุมไมซ์อาเซียนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ในไทย ทางตัวแทนแต่ละประเทศให้ความสำคัญ จึงได้ตั้งคณะกรรมการแต่ละประเภทเพื่อเดินหน้าทำมาตรฐานศูนย์แสดงสินค้าขึ้นมา
โดยสรุปขณะนี้จึงมีการประเมินมาตรฐานศูนย์แสดงสินค้าอยู่ 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ 1.ทางกายภาพ คุณสมบัติทั่วไป 2.เทคโนโลยี ที่มีทั้งอินเตอร์เน็ต Wifi นำมาใช้ในศูนย์แสดงสินค้า เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอำนวยความสะดวกได้มาตรฐานสากล 3.การให้บริการ ผนวกการจัดงานอย่างยั่งยืน GREEN MICE กำลังจะนำเสนอกับรัฐบาลทั้ง 10 ประเทศ
นางศุภวรรณกล่าวว่า ในการประชุม ASEAN TOURISM FORUM : ATF 2019 ระหว่างวันที่ 14-18 มกราคม 2561 ณ กรุงฮาลอง สาธารณรัฐเวียดนาม ทาง TCEB และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยจะได้นำไปเสนอในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนเกณฑ์มาตรฐานการประเมินเพิ่มเติมดังกล่าว
โดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนมีข้อเสนอขอปรับเกณฑ์ในหลายเรื่องด้วยกัน หลังจากไทยได้นำการประเมินระดับโลกเข้ามาใช้ให้เป็นสากลมากขึ้น จากสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศอาเซียนมาจากกระทรวงการท่องเที่ยว มีหลายอย่างที่เสนอการปรับเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเท่าเทียมและหลายประเทศสามารถนำไปใช้ได้ หลัก ๆ จะปรับเรื่อง ลักษณะทางกายภาพของศูนย์แสดงสินค้า เช่น ความสูง ไฟฟ้ากำหนดเวทีแคทวอล์ก หรือแขวนป้ายโฆษณา พื้นราบผู้บกพร่องทางกายเข้าถึงได้ ระบบระบายอากาศ พื้นที่ขนส่งและขนถ่ายสินค้า หากเป็นขนาดใหญ่จะต้องมีความละเอียดครอบคลุมทุกส่วน
ทั้งนี้ในการประชุม ATF 2019 เวียดนามจะเริ่มนำห้องประชุมซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานเข้าร่วมประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน AMVS ด้วย เนื่องจากปัจจุบันเวียดนามมีโรงแรมหลายแห่งทยอยนำห้องประชุมเข้ารับการรับรองมาตรฐานดังกล่าวแล้วปีแรก 10 แห่ง
ปี 2562 เมื่อเริ่มมาตรฐาน AMVS ก็จะทำให้ลูกค้าจากตลาดยุโรป อเมริกา และอีกหลายทวีปเล็งเห็นถึงมาตรฐานใหม่ของอาเซียนครบเครื่องทั้งทางด้านความปลอดภัยและบริการ สามารถจัดงานได้อย่างมีคุณภาพ เป็นตัวช่วยให้ผู้จัดงานเลือกเมือง ประเทศ ได้ง่ายขึ้น เพราะกายภาพ เทคโนโลยี บริการ ล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดเรื่องตัวชี้วัดเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ที่แต่ละแห่งจะผ่านเกณฑ์การประเมินจนได้การรับรอง
ตัวอย่างตัวชี้วัดเชิงกายภาพ เช่น พื้นที่แสดงสินค้าจะต้องมีขนาดมาตรฐานเท่าไร ติดตั้งอุปกรณ์การแขวนป้ายโฆษณา การประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เข้าร่วมงาน ทางเดินเหนือศรีษะเป็นอย่างไร ต่อไปนี้คนเข้างานอาจจะต้องสังเกตุถึงพื้นที่ด้านบนมีแคทวอล์กได้มาตรฐานหรือไม่ ระบบไฟฟ้าพร้อมขนาดไหน ระบบน้ำ ระบบระบายอากาศ การเข้าถึง และสถานที่จอดรถ รวมถึงความปลอดภัย การประกันภัยไมซ์ แผนระบายฝูงชนกรณีเกิดอัคคีภัย รวมทั้งบุคลิกภาพและความรู้ของพนักงานมีความรู้เกี่ยวกับศูนย์ของตนเองมากเพียงไร
สำหรับเทคโนโลยีต้องมีขีดความสามารถรองรับอินเตอร์เน็ต จออิเลคทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ คอนโทรลรูมดูแลความเรียบร้อย จุด CCTV จุดบริหารจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ทุกแห่งจะต้องมีมาตรฐานตามกำหนดทุกข้อ
นางศุภวรรณย้ำว่าในด้านรายได้หลังจากที่นำร่องทำมาตรฐาน TMVS เริ่มปลายปี 2558 เริ่มทำสำรวจความพึงพอใจในการจัดงานในการรับรองห้องประชุมกว่า 1,137 แห่ง 26 ศูนย์แสดงสินค้า และห้องประชุมพิเศษ นั้น มีมากถึง 91 % พึงพอใจในความเป็นกลางของผู้ตรวจประเมิน ความเหมาะสม และความภาคภูมิใจคือแต่ละสถานที่ไม่ผ่านการประเมิน ยินดีจะกลับไปปรับปรุงแล้วมาขอตรวจรับประเมินใหม่
ส่วนผู้รับบริการ ปี 2562 ทาง TCEB จะเริ่มเข้าไปทำการประเมินความพึงพอใจกลุ่มลูกค้าที่ใช้สถานที่ผ่านเกณฑ์ AMVS
ขณะเดียวกันผลทางเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดคือ ทางด้านเจ้าแห่งการครองส่วนแบ่งตลาดศูนย์แสดงสินค้า ในภูมิภาคเอเชียแต่ละปีมีการจัดงานมากถึง 2,353 งาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 เกือบทุกเมืองมีศูนย์แสดงสินค้า และทุกฝ่ายต่างพยายามหางานมาจัดปีละเกือบ 1,000 งาน ส่วน ญี่ปุ่น ครองอันดับ 2 อินเดีย ครองอันดับ 3 และหากนับจำนวนงานไทยเป็นที่ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 7,8 ปี 2560 อยู่อันดับ 8 แต่ปี 2561 กำลังรอผลการสรุปที่ชัดเจน
สำหรับไทยยังคงเป็นแชมป์ทางด้านมีพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้ามากที่สุด เหนือกว่าสิงคโปร์ ยิ่งมีการขยายของศูนย์ประชุมไบเทค อิมแพ็คเมืองทองธานี และศูนย์ประชุมนานาชาติขอนแก่น KICE พัทยามี NICE สวนนงนุช จึงเป็นอันดับ 1 ส่วนจำนวนพื้นที่จัดงานแสดงไทยก็ครองแชมป์อาเซียน ตามที่สมาคมงานแสดงสินค้าโลก ไทยเป็นประเทศมีพื้นที่แสดงสินค้าอันดับ 1 ด้วยจำนวนมากกว่า 700,000 ตารางเมตร อันดับรองลงไปตามลำดับ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
แนวโน้มอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะยังเป็นประเทศแชมป์อาเซียนในการเป็นเจ้าแห่งการจัดงานแสดงสินค้าหรือ Trade Fair แต่จุดอ่อนของไทยคือยังมีกำแพงภาษีการนำอุปกรณ์เข้ามาจัดแสดง อนาคตคู่แข่งที่น่ากลัวคือ มาเลเซีย เพราะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ต่อด้วยเวียดนามมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และอินโดนีเซียมีผู้จัดงานขยายตัวอย่างรวดเร็วภายในประเทศ เพราะประชากรมีจำนวนมาก
ไทยจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมไมซ์อาเซียนและเอเชีย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหนือคู่แข่งได้อย่างรวดเร็วขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย เพราะหลายประเทศกำลังไล่ตามหลังมาติด ๆ เช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “เปิดใจอัยยวัฒน์คิงเพาเวอร์ฉลุยทั้งมหานคร-ดิวตี้ฟรี”
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานพาณิชย์ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดใจในวันลงนามกับทีมผู้บริหารแอคคอร์เจ้าของแบรนด์บริหารโรงแรมระดับโลก ซึ่งเลือกนำแบรนด์ซูเปอร์ลักชัวรี่ “โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส” มาปักธงแห่งแรกของโลกกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อโรงแรม “โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร -Orient Express Mahanakorn Bangkok” พร้อมจะเปิดให้บริการในคิง เพาเวอร์ มหานคร ปี 2562
อัยยวัฒน์เล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มท่าทีสบาย ๆ บนบรรยากาศที่ยืนอยู่บนยอดตึกสูงระฟ้าเป็นมุมสวยที่สุดของกรุงเทพฯ บริเวณ “มหานคร สกายวอล์ค ชั้น 78” เริ่มประโยคแรกว่า ผมพร้อมทุ่มเทพลังกาย พลังใจ พลังความคิด พลังความสามารถ สานต่อภารกิจที่คุณพ่อถ่ายทอดทักษะแนวคิดการพัฒนาธุรกิจ โดยปูพรมไว้ให้ผมและพี่น้องทั้งหมดล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน เกี่ยวกับการดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากร (duty free) ส่วนการลงทุนในคิง เพาเวอร์ มหานคร มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ก็ได้รับการสอนในเวลาอันรวดเร็ว เรื่อยไปจนถึงกิจการในต่างประเทศ คือ สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และ OHL ประเทศเบลเยี่ยม ตอนนี้ก็เดินหน้าทำตามแผนทุกรายละเอียดอย่างราบรื่น
“ผมกับคุณพ่อคุยกันทุกวันทุกเรื่องจนแทบจะพูดได้ว่าคุยกันมากที่สุดในโลก จนผมเข้าใจทุกความต้องการของคุณพ่อ แล้วก็พร้อมจะสานต่อทุกเรื่องราวให้ดีที่สุดโดยเฉพาะบทบาทหน้าที่ของการเป็นผู้ให้อันยิ่งใหญ่ ในวันนี้ผมจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการประมูลดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งกำลังจะเปิดประมูลตามรอบของเวลา ด้วยฐานของธุรกิจที่มีรากอันแข็งแกร่งผนวกกับความพร้อมจะสร้างคุณค่าเชิงสร้างสรรค์ตอบแทนประเทศ คือพลังที่สามารถตอบทุกคำถามได้ครบถ้วน แล้วก็มั่นใจทุกอย่างจะดำเนินต่อไปไปในทางที่ดี”
เมื่อถามถึงสถานการณ์ของ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” อัยยวัฒน์เล่าด้วยแววตาที่มีความสุขปนรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสำเร็จบางอย่างกำลังเกิดขึ้นคือ นับจากวันเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561 ตลอด 1 เดือนเศษได้ปล่อยให้กลไกธรรมชาติทางการตลาดทำงานตามปกติ โดยยังไม่ได้เริ่มโหมสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับบริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยวหรือภาคีทางธุรกิจอื่น ๆ ทว่านักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยให้การตอบรับดีเกินคาด พากันซื้อบัตรขึ้นมายังจุดชมวิวในบริเวณ “มหานคร สกาย วอล์ค” ทะลุเกินเป้าหมาย เฉลี่ยวันละ 1,300-1,400 คน จากเดิมตั้งไว้เพียงแค่วันละไม่เกิน 1,000 คน
อัยยวัฒน์อธิบายว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปี 2561 คงจะไม่ทำกิจกรรมเคาน์ดาวน์บนมหานคร สกาย วอล์ค เหมือนกับตึกสูงอื่น ๆ เพียงแค่ดูแลมาตรฐานบริการเปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรขึ้นมาชมวิวอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว รอไว้ปี 2562 จะเป็นช่วงเวลาในการลงทุนนำสิ่งใหม่ ๆ มาเพิ่มสีสัน ให้ “มหานคร สกาย วอล์ค” กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตทุกคนต้องมา เพราะวิวที่ได้เห็นและสัมผัสทุกวันในแต่ละช่วงเวลาสวยแปลกตาแตกต่างกันมากจริง ๆ บ่งบอกถึงกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่เชื่อต้องซื้อตั๋วขึ้นมาพิสูจน์ด้วยตาตนเอง
ช่วงเดือนมีนาคม 2562 บาร์อาหารบน สกาย วอล์ค จะเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการ เรื่อยไปจนถึงอาจมีกิจกรรมเซอร์ไพรส์ ๆ มาตอบแทนลูกค้าที่จงรักภักดีในแบรนด์คิง เพาเวอร์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ส่วนโรงแรม “โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร” ก็จะเปิดภายในปี 2562 เช่นกัน มีห้องพักทั้งหมด 154 ห้อง รวมมีห้องสวีท 9 ห้อง และเพนท์เฮ้าส์ 2 ห้อง นับเป็นเทรนด์สร้างความแปลกใหม่ด้วยคอนเซ็ปต์ดีไซน์นำบริการจากรถไฟท่องเที่ยวหรูโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุโรปมาประยุกต์ใช้ในโรงแรมแห่งนี้ ทั้งเรื่องของห้องพักโอ่อ่า ห้องสมุด ห้องอาหารขึ้นชื่อ 2 แบรนด์ ได้แก่ ห้องแรก MOTT 32 ชั้น 2 ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง โด่งดังในถนน MOTT 32 ของนิวยอร์ก ห้องที่สอง Mahanathi ชั้น 5 มีเดวิด ธอมป์สัน ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยเป็นผู้รังสรรค์เมนูจนกวาดรางวัลอินเตอร์มาแล้วมากมาย เช่น ร้าน Nham ที่ลอนดอนและกรุงเทพฯ Long Chim ในเอเชียและออสเตรเลีย Aaharn ในฮ่องกง อีกทั้งยังมี บาร์คอกเทล และร้านอาหารแนวร่วมสมัยผสมผสานอยู่ด้วย
เป็นการนำจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครมาเป็นสร้างจุดขาย โดยเล็งเห็นความสำคัญในการร้อยเรียงเรื่องราวร่วมสมัยเข้ากับประวัติศาสตร์ วิถีวัฒนธรรมไทย สะท้อนผ่านความทันสมัยในตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมีทุกสรรพสิ่งครบวงจรให้ผู้ใช้บริการได้เลือกใช้ตามไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิตอล ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร ระดับเวิลด์คลาส และเอ็กซ์เพรส สปา บาย เกอแลง เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์
ด้วยโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่โลกมายาวนานกว่า 135 ปี จึงเป็นจุดกำเนิดในการสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าศิลปิน นักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ เซลิบริตี้ มากมาย นำไปอ้างอิงชื่อในนวนิยายอย่างเรื่อง Murder on the Orient Express ของ อกาธา คริสต์ หรือ The Lady Vanishes ของอัลเฟรด ฮิตซ์ค็อก และ From Russia with Love ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในภาพยนตร์เจม บอนด์ คือความอมตะที่ผู้คนทั่วโลกจดจำได้เป็นอย่างดี จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการโรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร มากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
“อัยยวัฒน์” ขยายความถึง คิง เพาเวอร์ มหานคร แม้จะเปิดบริการได้เพียงเดือนเศษก็สร้างความคึกคักอย่างรวดเร็วนั้น เป็นผลมาจากการวางแผนตามปฏิทินการลงทุนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมีระบบการทำงานเป็นมืออาชีพ เริ่มจากการเผยแพร่มหานคร สกาย วอล์ค ซึ่งเป็นไฮไลต์ของตึก เปิดร้านช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีและสินค้าไทย บวกกับการใส่ใจให้ความสำคัญในการกล้าตัดสินใจใช้เงินลงทุนเลือกนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเข้ามาบริการ กระทั่งหลอมรวมเป็นความสำเร็จของทุกภาคส่วน ตอบโจทก์รัฐบาลเรื่องการเพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกระจายสู่คนท้องถิ่นในกรุงเทพฯ
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ยืนยันหนักแน่นว่าจะขอเดินตามรอยพ่อสานต่อเจตนารมย์ทุกเรื่องสู่ความสำเร็จทำให้เหมือนเช่นเดียวกันกับเมื่อครั้ง “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” เคยสร้างไว้ กระทั่งทุกวันทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยในมุมที่งดงาม
เรื่องราวของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ถือเป็นตำราธุรกิจฉบับสำคัญของคนไทยที่สามารถทำให้โลกอยากรู้และจดจำไปตลอดกาล
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยว7เท่5ภูมิภาคทั่วไทยปี62”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จับมือพันธมิตรทำโครงการ “Amazing ไทยเท่” นำเสนอการท่องเที่ยววิถีไทย แบบลึกซึ้งถึงประสบการณ์ท้องถิ่น (Local Experience) เน้นการเดินทางที่ได้เข้าไปเรียนรู้ไปสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นคุณประโยชน์จากการเดินทาง และได้สัมผัสถึงคุณค่าจากการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ทั้งในรูปแบบการนำเสนอแง่มุม เรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ หรือการนำเสนอมุมที่แตกต่าง หรือเรื่องราวที่แตกต่างของแหล่งท่องเที่ยวเดิม ของ 5 ภูมิภาค ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ขยายตลาดตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ออกเดินทางท่องเที่ยวตามสไตล์ที่ชื่นชอบ โดยแนะนำ 7 กิจกรรมเท่ ๆ เปิดประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวแบบเท่ๆ เพราะเมืองไทยสวยทุกที่ เท่ทุกเวลา
ภาคเหนือ #เที่ยวเท่ ม่วนแต๊ๆ : More Authentic นำเสนอรูปแบบเอกลักษณ์วิถี และอัตลักษณ์ของชาวเหนือ ผ่านเรื่องเล่า เรื่องราววิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติที่สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นหัตถกรรม งานศิลป์ที่สวยงาม ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ #COOL ISAN : More Gastronomy นำเสนอรูปแบบเชิงวัฒนธรรมอาหาร หยิบยกความอร่อยของอาหารในท้องที่ รวมทั้งวัตถุดิบที่นำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาเป็นตัวชูโรงร่วมกับการท่องเที่ยวตามวิถีถิ่น ฮีต 12 คอง 14 สู่ความเป็นวิถีเทรนด์ที่ร่วมสมัย
ภาคกลาง #เที่ยวภาคกลาง : More Legacy นำเสนอเรื่องราววิถีชุมชนริมน้ำที่สืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงามของคนบริเวณลุ่มน้ำต่างๆ
ภาคตะวันออก #More Fun ตะวันออก : More Fun นำเสนอกิจกรรมความสนุกของสีสันตะวันออก จังหวัดริมทะเลที่มีความสนุกสนาน การผจญภัยที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่กับชุมชนที่มีเอกลักษณ์
ภาคใต้ #ชีพจร ลงSouth : More Inspired นำเสนอรูปแบบความหลากหลายทางประเพณีและวัฒนธรรม การแต่งกายท้องถิ่น ความสวยงามทางธรรมชาติ ในรูปแบบต่างๆ สู่การสร้างแรงบันดาลใจ
โดยนำห่วงโซ่ด้านการท่องเที่ยว ออกเป็น 7 กิจกรรมเท่ๆ ดังนี้ 1. เดินทาง เท่ๆ - การเดินทางท่องเที่ยวด้วยพาหนะที่จะพาให้การเดินทาง มีสีสันและเท่ไม่เหมือนใคร 2. กินดื่ม เท่ๆ – การเดินทางท่องเที่ยวตามหาวัตถุดิบ เมนูเด็ดๆ จากทุกภูมิภาค 3. ช๊อปปิ้ง เท่ๆ – การเดินทางท่องเที่ยว ที่ได้สามารถจับจ่าย ซื้อของที่ระลึกเท่ๆ ได้ทุกที่ที่ไปเยือน 4. อันซีน เท่ๆ – การเดินทางเปิดประสบการณ์เดินทางกับแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยสัมผัสที่เท่ๆแบบตัวเรา 5. เอนกาย เท่ๆ – การเดินทางแบบสบายๆกับที่พัก ที่เอนกายเท่ๆ ไม่เหมือนใคร 6. Event เท่ๆ – การเดินทางไปสัมผัสกิจกรรมและงานประเพณี ที่สักครั้งหนึ่งต้องไป 7. 55 เมือง(ลอง) เท่ๆ – การเดินทางถึงเมืองรอง เล็กๆ 55 จังหวัด ที่ต้องลองไป ในแต่ละไตรมาส ททท. ได้ร่วมกับพันธมิตรจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้ตลอดทั้งปี สอดคล้องกับทั้ง 7 Activities Amazing ไทยเท่
เริ่มด้วยเดินทาง เท่ๆ กับสายการบินแอร์เอเชีย ที่มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษ กับเส้นทางบินเท่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว เดินทางทั่วประเทศไทย Event เท่ๆ กับ MONO Group จัดมหกรรมหนังกลางแปลง ฉายภาพยนตร์ไทยที่ได้เคยถ่ายทำในพื้นที่ภาคเหนือจากค่ายหนังต่างๆ พร้อมกิจกรรม work shop แก่คนรุ่นใหม่และคนที่สนใจการสร้างหนังจากทั่วประเทศ และนิทรรศการออกร้านจำหน่ายสินค้าในบรรยากาศหนังกลางแปลง กำหนดจัดกิจกรรมในเดือนพฤษภาคม 2562 อันซีนเท่ๆ กับ GoPro บริษัท เมนทาแกรม จำกัด จัดทำ Influencer Content ตามแคมเปญ Amazing ไทยเท่ #เที่ยวเท่ๆแบบไทย ๆ กับ GoPro 5 ภูมิภาค
พร้อมจัดกิจกรรม เที่ยวเท่ๆแบบไทยๆกับ GoPro เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Y ชอปปิ้งเท่ๆ กับ Application UTU จัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตที่เป็นพันธมิตร
ข่าวที่ 3 “ททท.ต้อนรับทัวร์คนที่10ล้านฟื้นรายได้พุ่งเฉียด6แสนล้าน”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกรทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนคนที่ 10 ล้าน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนคนที่ 10 ล้าน เดินทางมากับสายการบินไทย จากเมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวจะได้รับการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ พร้อมทั้งของอภินันทนาการจากหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมให้การต้อนรับ ขณะนี้ททท.คาดการณ์สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้ฟื้นฟูกลับมาแล้วและจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดปี 2561 จะมีจีนมาเที่ยวกว่า 10 ล้านคน
เติบโต 5 – 7% สร้างรายได้กว่า 5.9 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10 – 12%
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนสมาชิกใช้9คะแนนแลกกรมธรรม์คุ้มครองปีใหม่”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในช่วงเทศกาลเดินทางปลอดภัยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้เปิดให้เชิญสมาชิก บัตรบางจากเข้าร่วมโครงการ "ปีใหม่อุ่นใจ ด้วยประกันภัยคุ้มครอง" (9 คะแนนแลกประกันอุบัติเหตุ 100,000 บาท)ชื่อกรมธรรม์ : กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่ม ปีใหม่อุ่นใจ ด้วยประกันภัย (ไมโครอินชัวรันส์)
กติกาเบื้องต้น
1. บัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์
2. แลกคะแนน 9 คะแนน เพื่อทำประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 100,000 บาท (จำกัด 10,000 สิทธิ์แรก)
3. เริ่มลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ วันที่ 6-25 ธ.ค.2561 (คุ้มครอง 30 วัน)
4. ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ ทุกวันจันทร์, พุธ, ศุกร์ เวลาประมาณ 16.00น.
- ลงทะเบียน วันศุกร์ เวลา 12.01น. - วันจันทร์ เวลา 12.00น. จะได้รับ SMS วันจันทร์ พร้อมตัด 9 คะแนน
- ลงทะเบียน วันจันทร์ เวลา 12.01น. - วันพุธ เวลา 12.00น. จะได้รับ SMS วันพุธ พร้อมตัด 9 คะแนน
- ลงทะเบียน วันพุธ เวลา 12.01น. - วันศุกร์ เวลา 12.00น. จะได้รับ SMS วันศุกร์ พร้อมตัด 9 คะแนน
5. กรณีรอบการส่ง SMS ตรงกับวันหยุดราชการ จะเลื่อนการส่ง SMS ออกไปยังรอบถัดไป (เช่น วันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ลูกค้าจะได้รับ SMS ในวันพุธแทน)
6. คุ้มครอง 30 วัน ตั้งแต่วันถัดไปที่ได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ (เช่น ได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์วันจันทร์ จะได้รับคุ้มครองวันอังคาร) ข้อความใน SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์จะระบุวันที่เริ่มต้น และวันที่สิ้นสุดที่ได้รับการคุ้มครอง
เงื่อนไขการทำประกันชีวิต 1. อายุผู้ทำประกัน : ผู้มีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย (คำนวนอายุใช้ปีพ.ศ. ปัจจุปัน ลบ ปีเกิด) 2. ระยะเวลาเอาประกันภัย : 30 วัน (นับตั้งแต่วันถัดไปที่สมาชิกได้รับ SMS ยืนยันได้รับสิทธิ์) 3. ผู้รับผลประโยชน์ : ทายาทโดยธรรม
ช่วงที่ 2 ได้เวลาออกเที่ยวกันอีกแล้ว วันนี้แนะนำ Go North เหนือสุดในสยามที่ “เชียงราย” สัมผัสไอหนาวในเมืองที่มีความเด่นเรื่องงานศิลป์และถิ่นถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอน ไปทัวร์วัดสุดงดงามจาก วัดร่องขุ่น สู่วัดร่องเสือเต้น และวัดวัดหิรัญญาวาส จากนั้นไปสูดโอโซนเสน่ห์ริมฝั่งโขงบริเวณเชียงแสน ช้อป ชิม แชร์ ภาพสวย ๆ กัน ส่วนเรื่องสุขภาพ ต้องรู้ 10 วิธีธรรมชาติแก้ปวดเมื่อยได้ และข่าวท้ายชั่วโมง “ขาใหญ่ซีพี” ได้แรงหนุน 3 ปัจจัยคว้าสัมปทานเมกะโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่วนรถทัวร์เฮรับรัฐบาลไฟเขียวให้ขึ้นค่าโดยสาร 30-40 บาท ส่วนผู้ใช้บริการอ่วม เริ่มมกราคม ปีหน้า
@เที่ยวเชียงรายสูดไอหนาวเสพงานศิลป์ถิ่นถ้ำหลวง
เสียงลมหนาวเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวนึกถึงการไปสัมผัสไอเย็นเหนือสุดแดนสยามใน “จังหวัดเชียงราย” ตอนนี้ชื่อเสียงติดลมบนไปแล้วหลังเหตุการณ์ 13 นักเตะหมูป่าติดถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ทำให้เหล่าสาวกทุกวัยอยากไปพักสักครั้ง
ล่าสุดได้นำรูปปั้นของ “จ่าแซม-สมาน กุนัน” ผู้ที่เสียสละชีวิตช่วยเหลือทีม 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงไปไว้ยังพิพิธภัณฑ์ และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณปากถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอนกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางไอหนาวและสีสันของธรรมชาติป่าเขา
เสน่ห์เชียงรายอย่างแรกคือ วิถีชีวิตกลิ่นอายล้านนายังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แถมเป็นเมืองที่มีเรื่องเล่าผ่านงานศิลปะมากมาย ที่คุ้นเคยกันดีคือ “วัดร่องขุ่น” งานศิลปะประยุกต์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ขยายการก่อสร้างอย่างหลากหลายด้วยลายปูนปั้นและโทนสีที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต
“วัดร่องเสือเต้น” โดดเด่นด้วยศิลปะและการใช้โทนสีน้ำเงินทั้งหมด โดยฝีมือของครูสล่าบก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย พระอุโบสถ์อลังกการงานสร้างตั้งแต่ทางขึ้นเป็นรูปพญานาคพลิ้วไหว เป็นประติมากรรมและจิตรกรรมสะท้อนความศักดิ์สิทธิ์แห่งการสรรเสริญพระพุทธเจ้า
“วัดหิรัญญาวาส” ในอำเภอแม่สาย ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน บูรณะสร้างขึ้นด้วยศรัทธาของชาวบ้านมานานเกือบร้อยปี มีพระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่องค์ใหญ่สุดในโลกคือ “พระสิงห์สานชนะมาร” ทาด้วยสีชาดแดงสวยเหมือนจีวรพระในวัด พระพุทธรูปองค์นี้สร้างตามแบบศิลปะเชียงแสนปางชนะมารหรือปางมารวิชัย โครงทำด้วยเหล็กแล้วใช้ความรักและศรัทธาในพระพุทธศาสนาของผู้คนนำไม้ไผ่มาสาน ด้านในองค์พระเป็นอุโมงค์เดินลอดสะเดาะเคราะห์เพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนเล็บบนปลายนิ้วมือองค์พระแต่ละเล็บทำจากพลอยมุกโดดเด่นแปลกตา
ไฮไลต์เชียงรายอีกจุดคือ สามเหลี่ยมทองคำ มีวิวทิวทัศน์สวยงาม พร้อมเรือบริการล่องแม่น้ำโขง รวมทั้งการนมัสการพระเชียงแสน ช้อปปิ้งริมฝั่งโขง และบริเวณไม่ไกลกันนักก็มี “พิพิธภัณฑ์หอฝิ่น” เมื่อครั้งอดีตได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่นขนาดใหญ่สุดของเมืองไทย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีความทันสมัยไฮเทค เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่ง
นอกจากนี้ก็ยังมี ไร่สิงห์ปาร์ค ให้นั่งรถชมแหล่งเกษตรกรรมการเพาะปลูกไร่ชาอู่หลง เพาะเห็ดหลิงจือ และเล่นซิปไลน์ หรือจะไปสูดโอโซนที่ “ไร่ชาฉุยฟง” ซึ่งมีลักษณะเป็นไร่ชาขั้นบันไดกลางหุบเขา มีร้านจำหน่ายชาตั้งหลากหลายสายพันธุ์ให้ชิมกันตลอดทั้งวัน จิบชาร้อน ๆ ท่ามกลางไอหนาวก็มีความสุขไปอีกแบบ
Go North สู่เชียงรายรายกันอย่างมีความสุขสนุกสนานทุกเวลา
@10 วิธีแก้ปวด ทำง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ
วิธีแก้ปวด แบบธรรมชาติ พูดถึงอาการปวดถึงแม้จะเป็นอาการไม่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญ หรือกระทบการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ และอีกสารพัด วันนี้ผู้เขียนจึงมี วิธีแก้ปวด แบบฉบับทำง่ายด้วยตนเองมาฝาก
แก้อาการปวดเมื่อยด้วยพริกไทยและขมิ้น - ความเผ็ดร้อนของสมุนไพร ทั้งสองชนิดมีสารคาเยนนีที่ดีต่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หากหาในรูปครีมได้ก็จะดี ถ้าไม่ก็สามารถกินสมุนไพรทั้งสองชนิดในรูปของอาหารได้
ใช้ขิงป้องกันการเกิดไมเกรน - เพราะขิงมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและลดอาการปวดได้ดี ขิงจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไมเกรนลุกลามหรือเป็นมากขึ้น วิธีการคือ กินขิงสดเป็นอาหารหรือแช่ขิงสดลงในน้ำสะอาดแล้วดื่ม
ใช้ยาหม่องทาถูแก้อาการปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดศีรษะ แทนการใช้ยาพาราเซตามอล เพราะสมุนไพรในยาหม่องช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการระคายเคือง คลายกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวด
แก้อาการปวดด้วยการฝังเข็ม - งานวิจัยมากมายยืนยันแล้วว่า ศาสตร์จีนโบราณนี้สามารถรักษาอาการปวดได้จริงแต่ควรเลือกหมอจีนที่มีความชำนาญเพียงพอ
ใช้เซลาดรินครีม (Celadrin) แก้อาการปวดข้อและรูมาทอยด์ - จากผลงานวิจัยรายงานว่า เซลาดรินมีคุณสมบัติช่วยให้เกิดการหล่อลื่นระหว่างข้อต่อต่างๆ ต้านการอักเสบฉะนั้นจึงช่วยคุณเลี่ยงการกินยาแก้อักเสบที่ส่งผลข้างเคียงมหาศาล (เซลาดริน ทำจากน้ำมันวัวหรือน้ำมันแกะ หาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป)
ดื่มชาสติงกิง เนตเทิล (Stinging Nettle) วันละ 1 แก้วเพื่อเยียวยาอาการปวดข้อ - เพราะชาชนิดนี้มีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบจากโรคข้อได้เป็นอย่างดี พืชชนิดนี้ขึ้นอยู่ในประเทศแถบยุโรป แอฟริกาเหนือ และอเมริกาเหนือ เป็นพืชกลุ่มเดียวกับต้นตำแย แต่เรานำส่วนรากมาใช้(ดูสมุนไพรไทยทดแทนในตาราง)
โยคะแก้ปวดประจำเดือน -ฝึกโยคะหรือออกกำลังกายเบาๆแก้อาการปวดประจำเดือน เพราะการบรารร่างกายจะช่วยขับความปวดออกจากร่างกาย โดยเฉพาะโยคะจะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบต่อมไร้ท่อ
ใช้น้ำมันหอมระเหยช่วยผ่อนคลาย -โดยเลือกชนิดที่สกัดจากธรรมชาติแท้ เป็นกลิ่นที่คุณชอบ ใช้ผสมน้ำอาบหรือทำเป็นน้ำมันนวดตนเอง
ประคบเฟนเนล (Fennel) แก้ดวงตาล้า - โดยผสมเม็ดเฟนเนลหนึ่งช้อนชาลงในน้ำร้อน 1 แก้ว ทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นใช้ผ้านุ่มสะอาดชุบน้ำเฟนเนลประคบดวงตานาน 5 นาที
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เครือซีพีได้3ปัจจัยหนุนคว้าสัมปทานรถไฟเชื่อม3สนามบิน”
ความเข้มข้นในการประกาศรายชื่อ ผู้ชนะการประมูลก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนานาชาติในกรุงเทพฯ “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา (พัทยา/ระยอง)” มูลค่า 224,544 ล้านบาท มีชื่อของกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ “ซีพี” เข้าวินมาตั้งแต่ต้น จากการระดมเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศมาร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าว
โดยมีเหตุและปัจจัยสนับสนุนทำให้เครือซีพีมีจุดได้เปรียบเหนือคู่แข่ง จนกลายเป็นกลุ่มที่จะเข้าวินชนะการประมูลหลัก ๆ นอกจากคุณสมบัติเบื้องต้นผ่านทั้งทางด้านเทคนิคและราคาตามเกณฑ์ของคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ยังมีอีก 3 เหตุผล คือ 1.เสนอวงเงินในอนาคต 10 ปี ห่างจากคู่แข่งประมาณ 89,000 ล้านบาท โดยจะขอการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐไม่ถึง 1.19 แสนล้านบาท เนื่องจากซีพีมีแหล่งเงินทุนทั้งในและต่างประเทศจากรัฐบาลญี่ปุ่น จีน 2.เสนอจ่ายผลตอบแทนช่วง 10 ปีหน้าในการพัฒนา TOD มักกะสันและศรีราชาในเชิงพาณิชย์มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท 3.มีที่ดินตามแนวรถไฟที่พร้อมจะพัฒนาอยู่ในมือเกือบ 10,000 ไร่ สอดคล้องกับเงื่อนไขในสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อนุญาตให้เอกชนเลือกทำเลที่ตั้งการจัดทำสถานีบริการได้
สำหรับอายุสัญญาสัมปทานโครงการ 50 ปี แบ่งเป็น 1.ระยะการออกแบบและก่อสร้าง 5 ปี และ 2.ดำเนินการให้บริการ 45 ปี
ซึ่งทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำหนดประกาศรายชื่อผู้ชนะอย่างเป็นทางการวันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2561 หลังจากเปิดซองไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 และเมื่อได้รายชื่อผู้ชนะการประมูลแล้วเตรียมลงนามสัญญาจ้างภายในเดือนมกราคม 2562 เพื่อเดินหน้าก่อสร้างให้ทันปี 2564 และเปิดใช้บริการปี 2566
เครือข่าวพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์นำชื่อเสนอครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่เป็นกิจการร่วมค้าและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ แยกเป็น
กลุ่มทุนไทย 4 ราย ได้แก่ เจริญโภคภัณฑ์โฮ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด บมจ. ช.การช่าง กลุ่มทุนต่างชาติ แบ่งเป็น
สาธารณรัฐประชาชน ได้แก่ 1.China Railway Construction Corporation Limited 2.CITIC Group Corporation 3.China Resources (Holdings) Company Limited 4. CRRC-Sifang
ญี่ปุ่น ได้แก่ 1.Japan Overseas Infrastruc– ture Investment Corporation for Trans– port & Urban Development 2.ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ JBIC เกาหลีใต้ ได้แก่ 1.Hyundai และจากยุโรป 2 ราย ได้แก่ 1.Siemen เยอรมนี 2.Ferrovie dello Stato Italiane อิตาลี
ข่าวที่สอง “รถทัวร์เฮรับขึ้นค่าตั๋วเพิ่ม30บาทลูกค้าอ่วมปลายม.ค.62”
กระทรวงคมนาคม รายงานว่า มีนโยบายเรื่องการปรับโครงสร้างค่าโดยสารรถทัวร์เพิ่ม 30-40 บาท เริ่มตั้งแต่ 21 มกราคม 2562 โดยได้ให้รถทัวร์สามารถขยับราคาเพิ่มได้ 10 % แบ่งเป็น 4 ช่วง ประกอบด้วย ระยะทาง 40 กิโลเมตร (กม.) แรก เดิม 0.49 ขึ้นเป็น 0.53 บาทต่อ กม., 40-100 กม. เดิม 0.44 เป็น 0.48 บาทต่อกม., 100-200 กม. เดิม 0.40 เป็น 0.44 บาทต่อกม. และเกิน 200 กม. เดิม 0.36 บาทต่อกม. เป็น 0.39 บาทต่อกม.
ทางด้าน นางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด กล่าวว่าว่าหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้อนุมัติให้มีการปรับโครงสร้างค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 10% นั้น จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการจะมีรายได้เพิ่ม 10 % ตามไปด้วย เบื้องต้นประเมินค่าโดยสารรถโดยสารระหว่างจังหวัด(รถทัวร์) ทั้งของ บขส.และรถร่วมบริการ บขส. จะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30-40 บาท แต่จะไม่เท่ากันทุกเส้นทางขึ้นอยู่กับระยะทางในแต่ละสาย
ในฐานะผู้ประกอบรู้สึกดีใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญช่วยเหลือครั้งนี้ จะสามารถยกระดับมาตรฐานระบบขนส่งในระยะยาว อนาคตจึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติม อาทิ ต้นทุนค่าน้ำมัน ต้นทุนค่าซ่อมบำรุงตลอดจนยกเว้นภาษีบางส่วนด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ตั้งเป้า5ปีหน้าไทยแชมป์ประเทศจัดเทรดแฟร์อาเซียน
เปิดใจอัยยวัฒน์นำมหานครหมื่นล้าน-ดิวตี้ฟรีฉลุยปี61
ททท.กอดคอมหามิตรปลุกกระแสเที่ยว7ไทยเท่ 5 ภาค
ไทยต้อนรับทัวร์จีนคนที่10ล้านทำเงินสะพัด6แสนล้าน
บางจากชวนสมาชิกใช้9คะแนนแลกกรมธรรม์รับปีใหม่
เที่ยวเชียงรายเสพงานศิลป์ถิ่นถ้ำหลวงชีลในเชียงแสน
10วิธีธรรมชาติแก้อาการปวดเมื่อยได้อย่างมหัศจรรย์
เครือซีพีได้3ปัจจัยคว้าสัมปทานรถไฟเชื่อม3สนามบิน
คมนาคมให้รถทัวร์ขึ้นค่าตั๋ว30บาทคนใช้อ่วมม.ค.62
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ 23 ธันวาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97
ช่วงที่ 1 ติดตามฟัง “ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำทีมถกสมาชิกอาวุโสอาเซียนระดมเข้าสู่ AMVS สร้างอุตสาหกรรมไมซ์ผงาดในมหกรรม ASEAN TOURISM FORUM 2019 ที่ ฮาลองเบย์ เวียดนาม 14-18 มกราคม 2562 ตั้งเป้า 5 ปีหน้าไทยแชมป์ประเทศจัดงานเทรดแฟร์ ทำเศรษฐกิจไทยเบ่งบานระยะยาว
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการผลักดันมาตรฐาน ASEAN MICE VENUE STANDARD :AMVS โดยได้จัดในไทยหรือ THAI MICE VENUE STANDARD :TMVS ไปแล้วเป็นห้องประชุม ศูนย์แสดงสินค้า และสถานที่จัดงานพิเศษหรือ Special Event สามารถเข้ามาตรฐานแล้ว 700 แห่ง ก่อนสิ้นปี 2561 ทำได้ทั้งหมด 136 ห้องประชุม 4 ศูนย์แสดงสินค้า 16 สถานที่พิเศษการจัดประชุม โดยภาพรวมแล้วตั้งแต่เริ่มทำโครงการมีสถานที่ได้ตรวจรับการรับรองมี 1,137 ห้องประชุม 23 ศูนย์แสดงสินค้า 16 ห้องประชุมพิเศษ
สาเหตุที่ไทยจะต้องเป็นบุกเบิกการจัดทำมาตรฐานห้องประชุมเพราะ ไทยได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งทางด้านการจัดประชุมและแสดงสินค้า อีเวนต์ แต่ละปีจำนวนมากกระจายทั่วประเทศ สร้างรายได้ปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีประเด็นหลักคือสถานที่จัดงานจะเป็นตัวแปรในการตัดสินใจของผู้จัดงานจะต้องมีทั้งมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ซึ่งไทยมีครบทั้ง 3 ประเภทข้างต้น
จากนั้นก็มาพิจารณาต่อถึงสมาชิกอาเซียนน่าจะต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน TCEB จึงได้เสนอมาตรฐานไมซ์ไปในอาเซียนด้วยเพราะเป็นดาวรุ่งของเอเชียโดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นจึงได้เสนอเข้าไปวงของรัฐบาลอาเซียนเห็นพ้องกันไมซ์อาเซียนเริ่มเติบโต แต่หลายประเทศมาตรฐานสถานที่จัดงานยังไม่เด่นชัด ถ้าได้มาตรฐานไทยเข้าไปเป็นต้นแบบก็จะช่วยนำพาให้อีกหลายประเทศสมาชิกโดดเด่นขึ้นมาได้ ประเทศไทยจึงต้องเป็นแม่งานริเริ่มโครงการ ASEAN MICE VENUE STANDARD :AMVS นำรูปแบบเกณฑ์การตรวจประเมินยกระดับอาเซียนนำไปประยุกต์ใช้ได้ เริ่มจากปี 2560 เป็นครั้งแรกได้นำ Category ด้านห้องประชุมไปตรวจประเมินสำเร็จ
รอบแรกเริ่มประเทศละ 10 แห่ง ซึ่งกฎเกณฑ์ที่ใช้ตรวจประเมินในไทยอาจจะเข้มข้นเกินไป ในการนำไปใช้กับอีกบางประเทศอาเซียน แต่สุดท้ายก็สามารถทำมาตรฐานเกณฑ์ประเภทแรกได้คือ ห้องประชุม
ปี 2562 จะเพิ่มอีกประเภทคือสถานที่จัดแสดงสินค้า ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาการค้าของแต่ละประเทศได้ดี เพราะเมื่อมีการจัดแสดงสินค้าก็จะมีเรื่องการซื้อขายพร้อมกับการนำเข้าและส่งออกและแชริ่งโปรดักซ์ตามมาด้วย
TCEB จึงได้เสนอทางเลขาอาเซียนต่อเนื่องจากการใช้เกณฑ์ AMVS ห้องประชุมขยายผลไปยังศูนย์แสดงสินค้า ปัจจุบันการประชุมไมซ์อาเซียนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ในไทย ทางตัวแทนแต่ละประเทศให้ความสำคัญ จึงได้ตั้งคณะกรรมการแต่ละประเภทเพื่อเดินหน้าทำมาตรฐานศูนย์แสดงสินค้าขึ้นมา
โดยสรุปขณะนี้จึงมีการประเมินมาตรฐานศูนย์แสดงสินค้าอยู่ 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ 1.ทางกายภาพ คุณสมบัติทั่วไป 2.เทคโนโลยี ที่มีทั้งอินเตอร์เน็ต Wifi นำมาใช้ในศูนย์แสดงสินค้า เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอำนวยความสะดวกได้มาตรฐานสากล 3.การให้บริการ ผนวกการจัดงานอย่างยั่งยืน GREEN MICE กำลังจะนำเสนอกับรัฐบาลทั้ง 10 ประเทศ
นางศุภวรรณกล่าวว่า ในการประชุม ASEAN TOURISM FORUM : ATF 2019 ระหว่างวันที่ 14-18 มกราคม 2561 ณ กรุงฮาลอง สาธารณรัฐเวียดนาม ทาง TCEB และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยจะได้นำไปเสนอในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนเกณฑ์มาตรฐานการประเมินเพิ่มเติมดังกล่าว
โดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนมีข้อเสนอขอปรับเกณฑ์ในหลายเรื่องด้วยกัน หลังจากไทยได้นำการประเมินระดับโลกเข้ามาใช้ให้เป็นสากลมากขึ้น จากสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศอาเซียนมาจากกระทรวงการท่องเที่ยว มีหลายอย่างที่เสนอการปรับเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเท่าเทียมและหลายประเทศสามารถนำไปใช้ได้ หลัก ๆ จะปรับเรื่อง ลักษณะทางกายภาพของศูนย์แสดงสินค้า เช่น ความสูง ไฟฟ้ากำหนดเวทีแคทวอล์ก หรือแขวนป้ายโฆษณา พื้นราบผู้บกพร่องทางกายเข้าถึงได้ ระบบระบายอากาศ พื้นที่ขนส่งและขนถ่ายสินค้า หากเป็นขนาดใหญ่จะต้องมีความละเอียดครอบคลุมทุกส่วน
ทั้งนี้ในการประชุม ATF 2019 เวียดนามจะเริ่มนำห้องประชุมซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานเข้าร่วมประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน AMVS ด้วย เนื่องจากปัจจุบันเวียดนามมีโรงแรมหลายแห่งทยอยนำห้องประชุมเข้ารับการรับรองมาตรฐานดังกล่าวแล้วปีแรก 10 แห่ง
ปี 2562 เมื่อเริ่มมาตรฐาน AMVS ก็จะทำให้ลูกค้าจากตลาดยุโรป อเมริกา และอีกหลายทวีปเล็งเห็นถึงมาตรฐานใหม่ของอาเซียนครบเครื่องทั้งทางด้านความปลอดภัยและบริการ สามารถจัดงานได้อย่างมีคุณภาพ เป็นตัวช่วยให้ผู้จัดงานเลือกเมือง ประเทศ ได้ง่ายขึ้น เพราะกายภาพ เทคโนโลยี บริการ ล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดเรื่องตัวชี้วัดเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ที่แต่ละแห่งจะผ่านเกณฑ์การประเมินจนได้การรับรอง
ตัวอย่างตัวชี้วัดเชิงกายภาพ เช่น พื้นที่แสดงสินค้าจะต้องมีขนาดมาตรฐานเท่าไร ติดตั้งอุปกรณ์การแขวนป้ายโฆษณา การประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เข้าร่วมงาน ทางเดินเหนือศรีษะเป็นอย่างไร ต่อไปนี้คนเข้างานอาจจะต้องสังเกตุถึงพื้นที่ด้านบนมีแคทวอล์กได้มาตรฐานหรือไม่ ระบบไฟฟ้าพร้อมขนาดไหน ระบบน้ำ ระบบระบายอากาศ การเข้าถึง และสถานที่จอดรถ รวมถึงความปลอดภัย การประกันภัยไมซ์ แผนระบายฝูงชนกรณีเกิดอัคคีภัย รวมทั้งบุคลิกภาพและความรู้ของพนักงานมีความรู้เกี่ยวกับศูนย์ของตนเองมากเพียงไร
สำหรับเทคโนโลยีต้องมีขีดความสามารถรองรับอินเตอร์เน็ต จออิเลคทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ คอนโทรลรูมดูแลความเรียบร้อย จุด CCTV จุดบริหารจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ทุกแห่งจะต้องมีมาตรฐานตามกำหนดทุกข้อ
นางศุภวรรณย้ำว่าในด้านรายได้หลังจากที่นำร่องทำมาตรฐาน TMVS เริ่มปลายปี 2558 เริ่มทำสำรวจความพึงพอใจในการจัดงานในการรับรองห้องประชุมกว่า 1,137 แห่ง 26 ศูนย์แสดงสินค้า และห้องประชุมพิเศษ นั้น มีมากถึง 91 % พึงพอใจในความเป็นกลางของผู้ตรวจประเมิน ความเหมาะสม และความภาคภูมิใจคือแต่ละสถานที่ไม่ผ่านการประเมิน ยินดีจะกลับไปปรับปรุงแล้วมาขอตรวจรับประเมินใหม่
ส่วนผู้รับบริการ ปี 2562 ทาง TCEB จะเริ่มเข้าไปทำการประเมินความพึงพอใจกลุ่มลูกค้าที่ใช้สถานที่ผ่านเกณฑ์ AMVS
ขณะเดียวกันผลทางเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดคือ ทางด้านเจ้าแห่งการครองส่วนแบ่งตลาดศูนย์แสดงสินค้า ในภูมิภาคเอเชียแต่ละปีมีการจัดงานมากถึง 2,353 งาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 เกือบทุกเมืองมีศูนย์แสดงสินค้า และทุกฝ่ายต่างพยายามหางานมาจัดปีละเกือบ 1,000 งาน ส่วน ญี่ปุ่น ครองอันดับ 2 อินเดีย ครองอันดับ 3 และหากนับจำนวนงานไทยเป็นที่ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 7,8 ปี 2560 อยู่อันดับ 8 แต่ปี 2561 กำลังรอผลการสรุปที่ชัดเจน
สำหรับไทยยังคงเป็นแชมป์ทางด้านมีพื้นที่ศูนย์แสดงสินค้ามากที่สุด เหนือกว่าสิงคโปร์ ยิ่งมีการขยายของศูนย์ประชุมไบเทค อิมแพ็คเมืองทองธานี และศูนย์ประชุมนานาชาติขอนแก่น KICE พัทยามี NICE สวนนงนุช จึงเป็นอันดับ 1 ส่วนจำนวนพื้นที่จัดงานแสดงไทยก็ครองแชมป์อาเซียน ตามที่สมาคมงานแสดงสินค้าโลก ไทยเป็นประเทศมีพื้นที่แสดงสินค้าอันดับ 1 ด้วยจำนวนมากกว่า 700,000 ตารางเมตร อันดับรองลงไปตามลำดับ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
แนวโน้มอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะยังเป็นประเทศแชมป์อาเซียนในการเป็นเจ้าแห่งการจัดงานแสดงสินค้าหรือ Trade Fair แต่จุดอ่อนของไทยคือยังมีกำแพงภาษีการนำอุปกรณ์เข้ามาจัดแสดง อนาคตคู่แข่งที่น่ากลัวคือ มาเลเซีย เพราะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ต่อด้วยเวียดนามมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และอินโดนีเซียมีผู้จัดงานขยายตัวอย่างรวดเร็วภายในประเทศ เพราะประชากรมีจำนวนมาก
ไทยจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมไมซ์อาเซียนและเอเชีย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหนือคู่แข่งได้อย่างรวดเร็วขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย เพราะหลายประเทศกำลังไล่ตามหลังมาติด ๆ เช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “เปิดใจอัยยวัฒน์คิงเพาเวอร์ฉลุยทั้งมหานคร-ดิวตี้ฟรี”
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานพาณิชย์ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดใจในวันลงนามกับทีมผู้บริหารแอคคอร์เจ้าของแบรนด์บริหารโรงแรมระดับโลก ซึ่งเลือกนำแบรนด์ซูเปอร์ลักชัวรี่ “โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส” มาปักธงแห่งแรกของโลกกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อโรงแรม “โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร -Orient Express Mahanakorn Bangkok” พร้อมจะเปิดให้บริการในคิง เพาเวอร์ มหานคร ปี 2562
อัยยวัฒน์เล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มท่าทีสบาย ๆ บนบรรยากาศที่ยืนอยู่บนยอดตึกสูงระฟ้าเป็นมุมสวยที่สุดของกรุงเทพฯ บริเวณ “มหานคร สกายวอล์ค ชั้น 78” เริ่มประโยคแรกว่า ผมพร้อมทุ่มเทพลังกาย พลังใจ พลังความคิด พลังความสามารถ สานต่อภารกิจที่คุณพ่อถ่ายทอดทักษะแนวคิดการพัฒนาธุรกิจ โดยปูพรมไว้ให้ผมและพี่น้องทั้งหมดล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน เกี่ยวกับการดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากร (duty free) ส่วนการลงทุนในคิง เพาเวอร์ มหานคร มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ก็ได้รับการสอนในเวลาอันรวดเร็ว เรื่อยไปจนถึงกิจการในต่างประเทศ คือ สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และ OHL ประเทศเบลเยี่ยม ตอนนี้ก็เดินหน้าทำตามแผนทุกรายละเอียดอย่างราบรื่น
“ผมกับคุณพ่อคุยกันทุกวันทุกเรื่องจนแทบจะพูดได้ว่าคุยกันมากที่สุดในโลก จนผมเข้าใจทุกความต้องการของคุณพ่อ แล้วก็พร้อมจะสานต่อทุกเรื่องราวให้ดีที่สุดโดยเฉพาะบทบาทหน้าที่ของการเป็นผู้ให้อันยิ่งใหญ่ ในวันนี้ผมจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการประมูลดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งกำลังจะเปิดประมูลตามรอบของเวลา ด้วยฐานของธุรกิจที่มีรากอันแข็งแกร่งผนวกกับความพร้อมจะสร้างคุณค่าเชิงสร้างสรรค์ตอบแทนประเทศ คือพลังที่สามารถตอบทุกคำถามได้ครบถ้วน แล้วก็มั่นใจทุกอย่างจะดำเนินต่อไปไปในทางที่ดี”
เมื่อถามถึงสถานการณ์ของ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” อัยยวัฒน์เล่าด้วยแววตาที่มีความสุขปนรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสำเร็จบางอย่างกำลังเกิดขึ้นคือ นับจากวันเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561 ตลอด 1 เดือนเศษได้ปล่อยให้กลไกธรรมชาติทางการตลาดทำงานตามปกติ โดยยังไม่ได้เริ่มโหมสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับบริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยวหรือภาคีทางธุรกิจอื่น ๆ ทว่านักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยให้การตอบรับดีเกินคาด พากันซื้อบัตรขึ้นมายังจุดชมวิวในบริเวณ “มหานคร สกาย วอล์ค” ทะลุเกินเป้าหมาย เฉลี่ยวันละ 1,300-1,400 คน จากเดิมตั้งไว้เพียงแค่วันละไม่เกิน 1,000 คน
อัยยวัฒน์อธิบายว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปี 2561 คงจะไม่ทำกิจกรรมเคาน์ดาวน์บนมหานคร สกาย วอล์ค เหมือนกับตึกสูงอื่น ๆ เพียงแค่ดูแลมาตรฐานบริการเปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรขึ้นมาชมวิวอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว รอไว้ปี 2562 จะเป็นช่วงเวลาในการลงทุนนำสิ่งใหม่ ๆ มาเพิ่มสีสัน ให้ “มหานคร สกาย วอล์ค” กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตทุกคนต้องมา เพราะวิวที่ได้เห็นและสัมผัสทุกวันในแต่ละช่วงเวลาสวยแปลกตาแตกต่างกันมากจริง ๆ บ่งบอกถึงกรุงเทพฯ เป็นเมืองสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่เชื่อต้องซื้อตั๋วขึ้นมาพิสูจน์ด้วยตาตนเอง
ช่วงเดือนมีนาคม 2562 บาร์อาหารบน สกาย วอล์ค จะเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการ เรื่อยไปจนถึงอาจมีกิจกรรมเซอร์ไพรส์ ๆ มาตอบแทนลูกค้าที่จงรักภักดีในแบรนด์คิง เพาเวอร์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ส่วนโรงแรม “โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร” ก็จะเปิดภายในปี 2562 เช่นกัน มีห้องพักทั้งหมด 154 ห้อง รวมมีห้องสวีท 9 ห้อง และเพนท์เฮ้าส์ 2 ห้อง นับเป็นเทรนด์สร้างความแปลกใหม่ด้วยคอนเซ็ปต์ดีไซน์นำบริการจากรถไฟท่องเที่ยวหรูโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุโรปมาประยุกต์ใช้ในโรงแรมแห่งนี้ ทั้งเรื่องของห้องพักโอ่อ่า ห้องสมุด ห้องอาหารขึ้นชื่อ 2 แบรนด์ ได้แก่ ห้องแรก MOTT 32 ชั้น 2 ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง โด่งดังในถนน MOTT 32 ของนิวยอร์ก ห้องที่สอง Mahanathi ชั้น 5 มีเดวิด ธอมป์สัน ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยเป็นผู้รังสรรค์เมนูจนกวาดรางวัลอินเตอร์มาแล้วมากมาย เช่น ร้าน Nham ที่ลอนดอนและกรุงเทพฯ Long Chim ในเอเชียและออสเตรเลีย Aaharn ในฮ่องกง อีกทั้งยังมี บาร์คอกเทล และร้านอาหารแนวร่วมสมัยผสมผสานอยู่ด้วย
เป็นการนำจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครมาเป็นสร้างจุดขาย โดยเล็งเห็นความสำคัญในการร้อยเรียงเรื่องราวร่วมสมัยเข้ากับประวัติศาสตร์ วิถีวัฒนธรรมไทย สะท้อนผ่านความทันสมัยในตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมีทุกสรรพสิ่งครบวงจรให้ผู้ใช้บริการได้เลือกใช้ตามไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิตอล ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร ระดับเวิลด์คลาส และเอ็กซ์เพรส สปา บาย เกอแลง เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์
ด้วยโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่โลกมายาวนานกว่า 135 ปี จึงเป็นจุดกำเนิดในการสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าศิลปิน นักเขียน ผู้กำกับภาพยนตร์ เซลิบริตี้ มากมาย นำไปอ้างอิงชื่อในนวนิยายอย่างเรื่อง Murder on the Orient Express ของ อกาธา คริสต์ หรือ The Lady Vanishes ของอัลเฟรด ฮิตซ์ค็อก และ From Russia with Love ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในภาพยนตร์เจม บอนด์ คือความอมตะที่ผู้คนทั่วโลกจดจำได้เป็นอย่างดี จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการโรงแรม โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร มากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
“อัยยวัฒน์” ขยายความถึง คิง เพาเวอร์ มหานคร แม้จะเปิดบริการได้เพียงเดือนเศษก็สร้างความคึกคักอย่างรวดเร็วนั้น เป็นผลมาจากการวางแผนตามปฏิทินการลงทุนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนมีระบบการทำงานเป็นมืออาชีพ เริ่มจากการเผยแพร่มหานคร สกาย วอล์ค ซึ่งเป็นไฮไลต์ของตึก เปิดร้านช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีและสินค้าไทย บวกกับการใส่ใจให้ความสำคัญในการกล้าตัดสินใจใช้เงินลงทุนเลือกนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเข้ามาบริการ กระทั่งหลอมรวมเป็นความสำเร็จของทุกภาคส่วน ตอบโจทก์รัฐบาลเรื่องการเพิ่มค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกระจายสู่คนท้องถิ่นในกรุงเทพฯ
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ยืนยันหนักแน่นว่าจะขอเดินตามรอยพ่อสานต่อเจตนารมย์ทุกเรื่องสู่ความสำเร็จทำให้เหมือนเช่นเดียวกันกับเมื่อครั้ง “คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” เคยสร้างไว้ กระทั่งทุกวันทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทยในมุมที่งดงาม
เรื่องราวของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ถือเป็นตำราธุรกิจฉบับสำคัญของคนไทยที่สามารถทำให้โลกอยากรู้และจดจำไปตลอดกาล
ข่าวที่ 2 “ททท.ชวนเที่ยว7เท่5ภูมิภาคทั่วไทยปี62”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จับมือพันธมิตรทำโครงการ “Amazing ไทยเท่” นำเสนอการท่องเที่ยววิถีไทย แบบลึกซึ้งถึงประสบการณ์ท้องถิ่น (Local Experience) เน้นการเดินทางที่ได้เข้าไปเรียนรู้ไปสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นคุณประโยชน์จากการเดินทาง และได้สัมผัสถึงคุณค่าจากการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ทั้งในรูปแบบการนำเสนอแง่มุม เรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ หรือการนำเสนอมุมที่แตกต่าง หรือเรื่องราวที่แตกต่างของแหล่งท่องเที่ยวเดิม ของ 5 ภูมิภาค ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ขยายตลาดตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ออกเดินทางท่องเที่ยวตามสไตล์ที่ชื่นชอบ โดยแนะนำ 7 กิจกรรมเท่ ๆ เปิดประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวแบบเท่ๆ เพราะเมืองไทยสวยทุกที่ เท่ทุกเวลา
ภาคเหนือ #เที่ยวเท่ ม่วนแต๊ๆ : More Authentic นำเสนอรูปแบบเอกลักษณ์วิถี และอัตลักษณ์ของชาวเหนือ ผ่านเรื่องเล่า เรื่องราววิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติที่สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นหัตถกรรม งานศิลป์ที่สวยงาม ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ #COOL ISAN : More Gastronomy นำเสนอรูปแบบเชิงวัฒนธรรมอาหาร หยิบยกความอร่อยของอาหารในท้องที่ รวมทั้งวัตถุดิบที่นำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาเป็นตัวชูโรงร่วมกับการท่องเที่ยวตามวิถีถิ่น ฮีต 12 คอง 14 สู่ความเป็นวิถีเทรนด์ที่ร่วมสมัย
ภาคกลาง #เที่ยวภาคกลาง : More Legacy นำเสนอเรื่องราววิถีชุมชนริมน้ำที่สืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงามของคนบริเวณลุ่มน้ำต่างๆ
ภาคตะวันออก #More Fun ตะวันออก : More Fun นำเสนอกิจกรรมความสนุกของสีสันตะวันออก จังหวัดริมทะเลที่มีความสนุกสนาน การผจญภัยที่สร้างประสบการณ์แปลกใหม่กับชุมชนที่มีเอกลักษณ์
ภาคใต้ #ชีพจร ลงSouth : More Inspired นำเสนอรูปแบบความหลากหลายทางประเพณีและวัฒนธรรม การแต่งกายท้องถิ่น ความสวยงามทางธรรมชาติ ในรูปแบบต่างๆ สู่การสร้างแรงบันดาลใจ
โดยนำห่วงโซ่ด้านการท่องเที่ยว ออกเป็น 7 กิจกรรมเท่ๆ ดังนี้ 1. เดินทาง เท่ๆ - การเดินทางท่องเที่ยวด้วยพาหนะที่จะพาให้การเดินทาง มีสีสันและเท่ไม่เหมือนใคร 2. กินดื่ม เท่ๆ – การเดินทางท่องเที่ยวตามหาวัตถุดิบ เมนูเด็ดๆ จากทุกภูมิภาค 3. ช๊อปปิ้ง เท่ๆ – การเดินทางท่องเที่ยว ที่ได้สามารถจับจ่าย ซื้อของที่ระลึกเท่ๆ ได้ทุกที่ที่ไปเยือน 4. อันซีน เท่ๆ – การเดินทางเปิดประสบการณ์เดินทางกับแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยสัมผัสที่เท่ๆแบบตัวเรา 5. เอนกาย เท่ๆ – การเดินทางแบบสบายๆกับที่พัก ที่เอนกายเท่ๆ ไม่เหมือนใคร 6. Event เท่ๆ – การเดินทางไปสัมผัสกิจกรรมและงานประเพณี ที่สักครั้งหนึ่งต้องไป 7. 55 เมือง(ลอง) เท่ๆ – การเดินทางถึงเมืองรอง เล็กๆ 55 จังหวัด ที่ต้องลองไป ในแต่ละไตรมาส ททท. ได้ร่วมกับพันธมิตรจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวชาวไทยได้ตลอดทั้งปี สอดคล้องกับทั้ง 7 Activities Amazing ไทยเท่
เริ่มด้วยเดินทาง เท่ๆ กับสายการบินแอร์เอเชีย ที่มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษ กับเส้นทางบินเท่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว เดินทางทั่วประเทศไทย Event เท่ๆ กับ MONO Group จัดมหกรรมหนังกลางแปลง ฉายภาพยนตร์ไทยที่ได้เคยถ่ายทำในพื้นที่ภาคเหนือจากค่ายหนังต่างๆ พร้อมกิจกรรม work shop แก่คนรุ่นใหม่และคนที่สนใจการสร้างหนังจากทั่วประเทศ และนิทรรศการออกร้านจำหน่ายสินค้าในบรรยากาศหนังกลางแปลง กำหนดจัดกิจกรรมในเดือนพฤษภาคม 2562 อันซีนเท่ๆ กับ GoPro บริษัท เมนทาแกรม จำกัด จัดทำ Influencer Content ตามแคมเปญ Amazing ไทยเท่ #เที่ยวเท่ๆแบบไทย ๆ กับ GoPro 5 ภูมิภาค
พร้อมจัดกิจกรรม เที่ยวเท่ๆแบบไทยๆกับ GoPro เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Y ชอปปิ้งเท่ๆ กับ Application UTU จัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตที่เป็นพันธมิตร
ข่าวที่ 3 “ททท.ต้อนรับทัวร์คนที่10ล้านฟื้นรายได้พุ่งเฉียด6แสนล้าน”
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกรทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนคนที่ 10 ล้าน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนคนที่ 10 ล้าน เดินทางมากับสายการบินไทย จากเมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวจะได้รับการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ พร้อมทั้งของอภินันทนาการจากหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมให้การต้อนรับ ขณะนี้ททท.คาดการณ์สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนได้ฟื้นฟูกลับมาแล้วและจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดปี 2561 จะมีจีนมาเที่ยวกว่า 10 ล้านคน
เติบโต 5 – 7% สร้างรายได้กว่า 5.9 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10 – 12%
ข่าวที่ 4 “บางจากชวนสมาชิกใช้9คะแนนแลกกรมธรรม์คุ้มครองปีใหม่”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ในช่วงเทศกาลเดินทางปลอดภัยส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้เปิดให้เชิญสมาชิก บัตรบางจากเข้าร่วมโครงการ "ปีใหม่อุ่นใจ ด้วยประกันภัยคุ้มครอง" (9 คะแนนแลกประกันอุบัติเหตุ 100,000 บาท)ชื่อกรมธรรม์ : กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่ม ปีใหม่อุ่นใจ ด้วยประกันภัย (ไมโครอินชัวรันส์)
กติกาเบื้องต้น
1. บัตรสมาชิกบางจาก 1 ใบ / 1 สิทธิ์
2. แลกคะแนน 9 คะแนน เพื่อทำประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 100,000 บาท (จำกัด 10,000 สิทธิ์แรก)
3. เริ่มลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ วันที่ 6-25 ธ.ค.2561 (คุ้มครอง 30 วัน)
4. ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ ทุกวันจันทร์, พุธ, ศุกร์ เวลาประมาณ 16.00น.
- ลงทะเบียน วันศุกร์ เวลา 12.01น. - วันจันทร์ เวลา 12.00น. จะได้รับ SMS วันจันทร์ พร้อมตัด 9 คะแนน
- ลงทะเบียน วันจันทร์ เวลา 12.01น. - วันพุธ เวลา 12.00น. จะได้รับ SMS วันพุธ พร้อมตัด 9 คะแนน
- ลงทะเบียน วันพุธ เวลา 12.01น. - วันศุกร์ เวลา 12.00น. จะได้รับ SMS วันศุกร์ พร้อมตัด 9 คะแนน
5. กรณีรอบการส่ง SMS ตรงกับวันหยุดราชการ จะเลื่อนการส่ง SMS ออกไปยังรอบถัดไป (เช่น วันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ลูกค้าจะได้รับ SMS ในวันพุธแทน)
6. คุ้มครอง 30 วัน ตั้งแต่วันถัดไปที่ได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์ (เช่น ได้รับ SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์วันจันทร์ จะได้รับคุ้มครองวันอังคาร) ข้อความใน SMS ยืนยันการได้รับสิทธิ์จะระบุวันที่เริ่มต้น และวันที่สิ้นสุดที่ได้รับการคุ้มครอง
เงื่อนไขการทำประกันชีวิต 1. อายุผู้ทำประกัน : ผู้มีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย (คำนวนอายุใช้ปีพ.ศ. ปัจจุปัน ลบ ปีเกิด) 2. ระยะเวลาเอาประกันภัย : 30 วัน (นับตั้งแต่วันถัดไปที่สมาชิกได้รับ SMS ยืนยันได้รับสิทธิ์) 3. ผู้รับผลประโยชน์ : ทายาทโดยธรรม
ช่วงที่ 2 ได้เวลาออกเที่ยวกันอีกแล้ว วันนี้แนะนำ Go North เหนือสุดในสยามที่ “เชียงราย” สัมผัสไอหนาวในเมืองที่มีความเด่นเรื่องงานศิลป์และถิ่นถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอน ไปทัวร์วัดสุดงดงามจาก วัดร่องขุ่น สู่วัดร่องเสือเต้น และวัดวัดหิรัญญาวาส จากนั้นไปสูดโอโซนเสน่ห์ริมฝั่งโขงบริเวณเชียงแสน ช้อป ชิม แชร์ ภาพสวย ๆ กัน ส่วนเรื่องสุขภาพ ต้องรู้ 10 วิธีธรรมชาติแก้ปวดเมื่อยได้ และข่าวท้ายชั่วโมง “ขาใหญ่ซีพี” ได้แรงหนุน 3 ปัจจัยคว้าสัมปทานเมกะโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ส่วนรถทัวร์เฮรับรัฐบาลไฟเขียวให้ขึ้นค่าโดยสาร 30-40 บาท ส่วนผู้ใช้บริการอ่วม เริ่มมกราคม ปีหน้า
@เที่ยวเชียงรายสูดไอหนาวเสพงานศิลป์ถิ่นถ้ำหลวง
เสียงลมหนาวเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวนึกถึงการไปสัมผัสไอเย็นเหนือสุดแดนสยามใน “จังหวัดเชียงราย” ตอนนี้ชื่อเสียงติดลมบนไปแล้วหลังเหตุการณ์ 13 นักเตะหมูป่าติดถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ทำให้เหล่าสาวกทุกวัยอยากไปพักสักครั้ง
ล่าสุดได้นำรูปปั้นของ “จ่าแซม-สมาน กุนัน” ผู้ที่เสียสละชีวิตช่วยเหลือทีม 13 หมูป่าติดถ้ำหลวงไปไว้ยังพิพิธภัณฑ์ และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมบริเวณปากถ้ำหลวง วนอุทยานขุนน้ำนางนอนกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางไอหนาวและสีสันของธรรมชาติป่าเขา
เสน่ห์เชียงรายอย่างแรกคือ วิถีชีวิตกลิ่นอายล้านนายังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แถมเป็นเมืองที่มีเรื่องเล่าผ่านงานศิลปะมากมาย ที่คุ้นเคยกันดีคือ “วัดร่องขุ่น” งานศิลปะประยุกต์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ขยายการก่อสร้างอย่างหลากหลายด้วยลายปูนปั้นและโทนสีที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต
“วัดร่องเสือเต้น” โดดเด่นด้วยศิลปะและการใช้โทนสีน้ำเงินทั้งหมด โดยฝีมือของครูสล่าบก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย พระอุโบสถ์อลังกการงานสร้างตั้งแต่ทางขึ้นเป็นรูปพญานาคพลิ้วไหว เป็นประติมากรรมและจิตรกรรมสะท้อนความศักดิ์สิทธิ์แห่งการสรรเสริญพระพุทธเจ้า
“วัดหิรัญญาวาส” ในอำเภอแม่สาย ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน บูรณะสร้างขึ้นด้วยศรัทธาของชาวบ้านมานานเกือบร้อยปี มีพระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่องค์ใหญ่สุดในโลกคือ “พระสิงห์สานชนะมาร” ทาด้วยสีชาดแดงสวยเหมือนจีวรพระในวัด พระพุทธรูปองค์นี้สร้างตามแบบศิลปะเชียงแสนปางชนะมารหรือปางมารวิชัย โครงทำด้วยเหล็กแล้วใช้ความรักและศรัทธาในพระพุทธศาสนาของผู้คนนำไม้ไผ่มาสาน ด้านในองค์พระเป็นอุโมงค์เดินลอดสะเดาะเคราะห์เพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนเล็บบนปลายนิ้วมือองค์พระแต่ละเล็บทำจากพลอยมุกโดดเด่นแปลกตา
ไฮไลต์เชียงรายอีกจุดคือ สามเหลี่ยมทองคำ มีวิวทิวทัศน์สวยงาม พร้อมเรือบริการล่องแม่น้ำโขง รวมทั้งการนมัสการพระเชียงแสน ช้อปปิ้งริมฝั่งโขง และบริเวณไม่ไกลกันนักก็มี “พิพิธภัณฑ์หอฝิ่น” เมื่อครั้งอดีตได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่นขนาดใหญ่สุดของเมืองไทย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีความทันสมัยไฮเทค เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ที่สำคัญอีกแห่ง
นอกจากนี้ก็ยังมี ไร่สิงห์ปาร์ค ให้นั่งรถชมแหล่งเกษตรกรรมการเพาะปลูกไร่ชาอู่หลง เพาะเห็ดหลิงจือ และเล่นซิปไลน์ หรือจะไปสูดโอโซนที่ “ไร่ชาฉุยฟง” ซึ่งมีลักษณะเป็นไร่ชาขั้นบันไดกลางหุบเขา มีร้านจำหน่ายชาตั้งหลากหลายสายพันธุ์ให้ชิมกันตลอดทั้งวัน จิบชาร้อน ๆ ท่ามกลางไอหนาวก็มีความสุขไปอีกแบบ
Go North สู่เชียงรายรายกันอย่างมีความสุขสนุกสนานทุกเวลา
@10 วิธีแก้ปวด ทำง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ
วิธีแก้ปวด แบบธรรมชาติ พูดถึงอาการปวดถึงแม้จะเป็นอาการไม่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญ หรือกระทบการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ และอีกสารพัด วันนี้ผู้เขียนจึงมี วิธีแก้ปวด แบบฉบับทำง่ายด้วยตนเองมาฝาก
แก้อาการปวดเมื่อยด้วยพริกไทยและขมิ้น - ความเผ็ดร้อนของสมุนไพร ทั้งสองชนิดมีสารคาเยนนีที่ดีต่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หากหาในรูปครีมได้ก็จะดี ถ้าไม่ก็สามารถกินสมุนไพรทั้งสองชนิดในรูปของอาหารได้
ใช้ขิงป้องกันการเกิดไมเกรน - เพราะขิงมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและลดอาการปวดได้ดี ขิงจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไมเกรนลุกลามหรือเป็นมากขึ้น วิธีการคือ กินขิงสดเป็นอาหารหรือแช่ขิงสดลงในน้ำสะอาดแล้วดื่ม
ใช้ยาหม่องทาถูแก้อาการปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดศีรษะ แทนการใช้ยาพาราเซตามอล เพราะสมุนไพรในยาหม่องช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดอาการระคายเคือง คลายกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวด
แก้อาการปวดด้วยการฝังเข็ม - งานวิจัยมากมายยืนยันแล้วว่า ศาสตร์จีนโบราณนี้สามารถรักษาอาการปวดได้จริงแต่ควรเลือกหมอจีนที่มีความชำนาญเพียงพอ
ใช้เซลาดรินครีม (Celadrin) แก้อาการปวดข้อและรูมาทอยด์ - จากผลงานวิจัยรายงานว่า เซลาดรินมีคุณสมบัติช่วยให้เกิดการหล่อลื่นระหว่างข้อต่อต่างๆ ต้านการอักเสบฉะนั้นจึงช่วยคุณเลี่ยงการกินยาแก้อักเสบที่ส่งผลข้างเคียงมหาศาล (เซลาดริน ทำจากน้ำมันวัวหรือน้ำมันแกะ หาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป)
ดื่มชาสติงกิง เนตเทิล (Stinging Nettle) วันละ 1 แก้วเพื่อเยียวยาอาการปวดข้อ - เพราะชาชนิดนี้มีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบจากโรคข้อได้เป็นอย่างดี พืชชนิดนี้ขึ้นอยู่ในประเทศแถบยุโรป แอฟริกาเหนือ และอเมริกาเหนือ เป็นพืชกลุ่มเดียวกับต้นตำแย แต่เรานำส่วนรากมาใช้(ดูสมุนไพรไทยทดแทนในตาราง)
โยคะแก้ปวดประจำเดือน -ฝึกโยคะหรือออกกำลังกายเบาๆแก้อาการปวดประจำเดือน เพราะการบรารร่างกายจะช่วยขับความปวดออกจากร่างกาย โดยเฉพาะโยคะจะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบต่อมไร้ท่อ
ใช้น้ำมันหอมระเหยช่วยผ่อนคลาย -โดยเลือกชนิดที่สกัดจากธรรมชาติแท้ เป็นกลิ่นที่คุณชอบ ใช้ผสมน้ำอาบหรือทำเป็นน้ำมันนวดตนเอง
ประคบเฟนเนล (Fennel) แก้ดวงตาล้า - โดยผสมเม็ดเฟนเนลหนึ่งช้อนชาลงในน้ำร้อน 1 แก้ว ทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นใช้ผ้านุ่มสะอาดชุบน้ำเฟนเนลประคบดวงตานาน 5 นาที
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เครือซีพีได้3ปัจจัยหนุนคว้าสัมปทานรถไฟเชื่อม3สนามบิน”
ความเข้มข้นในการประกาศรายชื่อ ผู้ชนะการประมูลก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนานาชาติในกรุงเทพฯ “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา (พัทยา/ระยอง)” มูลค่า 224,544 ล้านบาท มีชื่อของกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ “ซีพี” เข้าวินมาตั้งแต่ต้น จากการระดมเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศมาร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าว
โดยมีเหตุและปัจจัยสนับสนุนทำให้เครือซีพีมีจุดได้เปรียบเหนือคู่แข่ง จนกลายเป็นกลุ่มที่จะเข้าวินชนะการประมูลหลัก ๆ นอกจากคุณสมบัติเบื้องต้นผ่านทั้งทางด้านเทคนิคและราคาตามเกณฑ์ของคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ยังมีอีก 3 เหตุผล คือ 1.เสนอวงเงินในอนาคต 10 ปี ห่างจากคู่แข่งประมาณ 89,000 ล้านบาท โดยจะขอการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐไม่ถึง 1.19 แสนล้านบาท เนื่องจากซีพีมีแหล่งเงินทุนทั้งในและต่างประเทศจากรัฐบาลญี่ปุ่น จีน 2.เสนอจ่ายผลตอบแทนช่วง 10 ปีหน้าในการพัฒนา TOD มักกะสันและศรีราชาในเชิงพาณิชย์มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท 3.มีที่ดินตามแนวรถไฟที่พร้อมจะพัฒนาอยู่ในมือเกือบ 10,000 ไร่ สอดคล้องกับเงื่อนไขในสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อนุญาตให้เอกชนเลือกทำเลที่ตั้งการจัดทำสถานีบริการได้
สำหรับอายุสัญญาสัมปทานโครงการ 50 ปี แบ่งเป็น 1.ระยะการออกแบบและก่อสร้าง 5 ปี และ 2.ดำเนินการให้บริการ 45 ปี
ซึ่งทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำหนดประกาศรายชื่อผู้ชนะอย่างเป็นทางการวันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม 2561 หลังจากเปิดซองไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 และเมื่อได้รายชื่อผู้ชนะการประมูลแล้วเตรียมลงนามสัญญาจ้างภายในเดือนมกราคม 2562 เพื่อเดินหน้าก่อสร้างให้ทันปี 2564 และเปิดใช้บริการปี 2566
เครือข่าวพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์นำชื่อเสนอครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่เป็นกิจการร่วมค้าและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ แยกเป็น
กลุ่มทุนไทย 4 ราย ได้แก่ เจริญโภคภัณฑ์โฮ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด บมจ. ช.การช่าง กลุ่มทุนต่างชาติ แบ่งเป็น
สาธารณรัฐประชาชน ได้แก่ 1.China Railway Construction Corporation Limited 2.CITIC Group Corporation 3.China Resources (Holdings) Company Limited 4. CRRC-Sifang
ญี่ปุ่น ได้แก่ 1.Japan Overseas Infrastruc– ture Investment Corporation for Trans– port & Urban Development 2.ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ JBIC เกาหลีใต้ ได้แก่ 1.Hyundai และจากยุโรป 2 ราย ได้แก่ 1.Siemen เยอรมนี 2.Ferrovie dello Stato Italiane อิตาลี
ข่าวที่สอง “รถทัวร์เฮรับขึ้นค่าตั๋วเพิ่ม30บาทลูกค้าอ่วมปลายม.ค.62”
กระทรวงคมนาคม รายงานว่า มีนโยบายเรื่องการปรับโครงสร้างค่าโดยสารรถทัวร์เพิ่ม 30-40 บาท เริ่มตั้งแต่ 21 มกราคม 2562 โดยได้ให้รถทัวร์สามารถขยับราคาเพิ่มได้ 10 % แบ่งเป็น 4 ช่วง ประกอบด้วย ระยะทาง 40 กิโลเมตร (กม.) แรก เดิม 0.49 ขึ้นเป็น 0.53 บาทต่อ กม., 40-100 กม. เดิม 0.44 เป็น 0.48 บาทต่อกม., 100-200 กม. เดิม 0.40 เป็น 0.44 บาทต่อกม. และเกิน 200 กม. เดิม 0.36 บาทต่อกม. เป็น 0.39 บาทต่อกม.
ทางด้าน นางเครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด กล่าวว่าว่าหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้อนุมัติให้มีการปรับโครงสร้างค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 10% นั้น จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการจะมีรายได้เพิ่ม 10 % ตามไปด้วย เบื้องต้นประเมินค่าโดยสารรถโดยสารระหว่างจังหวัด(รถทัวร์) ทั้งของ บขส.และรถร่วมบริการ บขส. จะปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30-40 บาท แต่จะไม่เท่ากันทุกเส้นทางขึ้นอยู่กับระยะทางในแต่ละสาย
ในฐานะผู้ประกอบรู้สึกดีใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญช่วยเหลือครั้งนี้ จะสามารถยกระดับมาตรฐานระบบขนส่งในระยะยาว อนาคตจึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติม อาทิ ต้นทุนค่าน้ำมัน ต้นทุนค่าซ่อมบำรุงตลอดจนยกเว้นภาษีบางส่วนด้วย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น