ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

 

รุ่งทิพย์ บุกขุนทด 

ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา

ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี67เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ

ปลุกกระแส3วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม3มรดกโลก10อำเภอ

จัดชุดใหญ่Soft Power365วัน2จว.5จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่

สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด

THE POWER BAND#4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ

พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจWeddingแจก12รายการ2-3มี.ค.

ททท.หนุนPELUPOปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก

บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESGส่งต่อผู้อบรมกปร.

สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน

นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป20รุก5ส่วน

800บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง3มี.ค.67

วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #ทททนครราชสีมา  #สุขทันทีเที่ยวลำปางลำพูน

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/qyoknw2s7R/?mibextid=UyTHkb

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ “นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา เปิดแผนปี’67 ลุยกระตุ้นตลาด 3 กลุ่มหลัก “สูงวัย-ประชุมสัมมนา-เจนวาย” ปลุกกระแสเที่ยวโคราช “3 มรดกโลก” 10 อำเภอ เชื่อมโยงสู่เมืองปราสาทหิน “พิมาย” และ “อำเภอคง” พื้นที่ใหม่จัดพืชสวนโลกปี’72 นำร่องบูมงาน “ทิวาราตรีเสมอภาค @บ้านปรางค์” 19-21 มี.ค.นี้ พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลปลุกเที่ยว 365 วัน ด้วย ซอฟท์ พาวเวอร์ 5F 5 งานแรกแห่งปี โคราช 3 งาน“Thai Fight” มวยคาดเชือกพิมาย ร่วมฉลองชัยชนะ “ท้าวสุรนารี” 23 มี.ค.-3 เม.ย. ทัวร์สปอร์ตซิตี้ และ Tea and Coffee on Vacation 2024 เม.ย. ชัยภูมิชู 2 งาน สงกรานต์ตาดโตน ฟื้นประเพณีบวชนาคโหดภูเขียว

 

นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปี 2567 วางแผนกระตุ้นและส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวที่อยู่ในความรับผิดชอบ 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา กับชัยภูมิ  โดยเฉพาะนครราชสีมาตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไปจะขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลเพิ่มรายได้ การใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยว วันพักค้างคืน และอัตราการเข้าพัก (OR :Occupacy Rate) โดยใช้กิจกรรม “ท้องถิ่นกินเที่ยวโคราช-ชัยภูมิ” ปลุกกระแสการเดินทาง ต่อยอดให้เศรษฐกิจ เจาะ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้สูงวัยใจเกินร้อย/Active Senior กลุ่มประชุมสัมมนา/MICE และกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y

โดยจะเสนอขายแหล่งท่องเที่ยวตอบโจทย์ทั้ง 3 กลุ่มเป้าหมาย ด้วยเส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 3 มรดกโลก ครอบคลุม 10 อำเภอ ผืนป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่ พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช ตั้งอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว แหล่งดูนก ผีเสื้อสัตว์ป่าบางชนิด และพรรณพืชนานาชนิด  และอุทยานธรณีโลกโคราชจีโอพาร์ค ได้รวบรวมของหายากไว้ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสีคิ้ว มีไฮไลต์ธรรมชาติภูเขาคล้ายมีดอีโต้ ไปนั่งชีลกาแฟดิฟเขายายเที่ยง อำเภอสูงเนินมีวัดพระนอนอายุกว่า 1,300 ปี เชื่อมโยงกับปราสาทหินเมืองแขกได้ด้วย ระหว่าง 8-10 มีนาคม นี้ จะจัดเที่ยวงานประเพณีกินเข่าค่ำสูงเนิน ฉนั้นมาแล้วสามารถท่องเที่ยวได้ “อำเภอขามทะเลสอ” ห่างตัวเมืองโคราช 25 กม.ไฮไลต์เป็นเส้นทางเกลือ “อำเภอเมือง” เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน 1 ในจีโอพาร์ค รวมทั้งมีอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ประตูชุมพล อาหารถิ่นกินอร่อย โดยเฉพาะขนมจีนประโดก โคราช

 

“อำเภอเฉลิมพระเกียรติ” มีต้นไทรอายุหลายร้อยปี มีผลิตภัณฑ์รองรับโคราชจีโอพาร์ค ด้วย นักท่องเที่ยวจะได้อุดหนุนสินค้าชุมชน

“อำเภอปักธงชัย” ขึ้นชื่อเรื่องผ้าไหม หมู่บ้านจะโป๊ะ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนผ้าไหมครบวงจร

“อำเภอคอนบุรี-เสิงสาง” มีความพร้อมทางธรรมชาติ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งรอไปพิสูจน์

“ปากช่อง-เขาใหญ่” ต้องขายเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

“วังน้ำเขียว” ต้องไปเที่ยวเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดสารมากมาย

 

แล้วยังสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากโคราช 3 มรดกโลก ต่อไปยัง 2 จุดหมาย ได้แก่ “อำเภอพิมาย” ซึ่งมีอุทยานประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ เส้นหมี่พิมายรสชาติที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วประเทศ และ “อำเภอคง”  มีจุดเด่นในอนาคตจะใช้เป็นสถานที่จัดงานพืชสวนโลก ลุ่มน้ำเอ ปี 2572 เป็นความท้าทายที่จะทำให้เป็นจุดหมายปลายทางของนานาชาติ จึงจะแนะนำให้ไปเที่ยว “บ้านปรางค์นคร” ที่ได้รับรางวัล Unseen New Chapters ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2567 เตรียมจัดงาน “ทิวาราตรีเสมอภาค @บ้านปรางค์”

ผอ.รุ่งทิพย์ กล่าวว่า ททท.ขานรับนโยบายรัฐบาลนำเสนอการท่องเที่ยวนครราชสีมา ชัยภูมิ ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 365 วัน โดยใช้แม่เหล็กดึงดูดหลักคือ พลัง ซอฟท์ พาวเวอร์ ทั้ง 5F ได้แก่ Food/อาหาร Festival/เทศกาล Fashion/ผ้าพื้นเมืองFight/กีฬาต่อสู้ Film/สถานที่ถ่ายทำละครหรือภาพยนตร์  โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ทำกิจกรรมต่อเนื่องตลอดทั้งปี ล่าสุดเพิ่งจัดเสร็จสิ้นไป ได้แก่

 

งานแรก มหกรรม THAI FIGHT  “มวยคาดเชือก พิมาย” ถ่ายทอดสดเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2567 สร้างการรับรู้ได้กว่า 3 ล้านคน รวมทั้งสามารถต่อยอดให้ผู้ชมได้ด้วยการทำโปรแกรมเชิญชวนคนเดินทางมาเที่ยว อำเภอเมือง ต่อไปยังพิมาย ได้ชมพระอาทิตย์ตกบริเวณปราสาทหินพิมาย นอนพักค้างแรม แล้วไปชมประติมากรรมรูปปั้นยักษ์ตำนานนักชกมวยดัง พร้อมกับไปรับประทานอาหาร

งานที่ 2 เตรียมจัดฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ระหว่าง 23 มีนาคม -3 เมษายน 2567 บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา มาเที่ยว มากิน มาช้อป   จะเปิดอย่างยิ่งใหญ่อลังการโดยมีสาวงามโคราชมารำถวายท้าวสุรนารี จากนั้นก็จะพาไปชิมอาหารถิ่นกว่า 50 ร้าน แล้วไปสักการะขอพรย่าโม ก่อนเข้าพักโรงแรมในเมืองได้ เช้าวันใหม่ก็เดินทางไปท่องเที่ยวต่อยังวังน้ำเขียว และปากช่อง 

งานที่ 3  จัดมหกรรมวิ่ง เพื่อยกระดับจุดแข็งของนครราชสีมา ได้ชื่อว่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ Sport City ช่วงวันที่ 23 มีนาคม 2567

งานที่ 4 จัด Tea and Coffee on Vacation 2024 ททท.ร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดนครราชสีมา ช่วงเดือนเมษายน 2567 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง

 

สำหรับ “ชัยภูมิ” ก็พร้อมเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดปีได้ด้วยเช่นกันทั้ง 365 วัน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับ ททท.และทุกหน่วยงานนำเสนอขาย เที่ยวชัยภูมิ 3 ฤดู ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว งานแรก สงกรานต์ จะจัดอย่างยิ่งใหญ่บริเวณ “อุทยานแห่งชาติตาดโตน” ซึ่งมีน้ำตกตาดโตนไหลตลอดทั้ง 365 วัน ต่อด้วย งานที่ 2 ประเพณีแห่นาคโหด อำเภอภูเขียว มาชมสักครั้งหนึ่งในชีวิตของคนในหมู่บ้านที่ให้ลูกชายบวชแทนคุณพ่อแม่ ซึ่งทำสืบต่อกันมายาวนาน

 

ผอ.รุ่งทิพย์ กล่าวว่า การเดินทางมาท่องเที่ยวนครราชสีมา และชัยภูมิ ตามนโยบายรัฐบาลประกาศให้ใช้ มอเตอร์เวย์ M6 จากปากช่องถึงตัวเมืองนครราชสีมาใช้เวลาเพียง 50 นาที ขณะนี้การคมนาคมทางถนนมีสิ่งอำนวยความดวกพร้อมจากนครราชสีมาเชื่อมต่อไปจนถึงชัยภูมิ เมื่อมีโอกาสมาแล้วก็ขอให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินพักโรงแรม รับประทานอาหารถิ่น อุดหนุนเศรษฐกิจชุมชน เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นสร้างเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวให้คึกคักอย่างเป็นรูปธรรมตลอดทั้งปี

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง 

ข่าวที่ 1 สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด

 

ช้อปคลายร้อน ต้อนรับซัมเมอร์ เพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ วันนี้– 31 มี.ค. 2567 รับคูปองสุดฮอต ช้อปดับร้อน!  ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต สมัครง่าย ที่ LINE Official Account แล้วใช้สิทธิ์รับดังนี้

 

1.สมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงิน 20,000 บาท รับฟรี! คูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับใช้ช้อปสินค้า 2,000 บาท ขึ้นไป รับฟรี! Gift Voucher 3,000 บาท เมื่อช้อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) และใช้ 500 กะรัต แลกรับ Gift Voucher 3,000 บาท

 

2.สมัครสมาชิก NAVY และเติมเงิน 1,000 บาทรับคูปองส่วนลด 10%* สำหรับช้อปสินค้าที่ร่วมรายการ 1 ชิ้น รับคูปองสุดฮอต ช้อปเพลิน   ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง  เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และอู่ตะเภา

 

พิเศษ!! สมาชิกใหม่ NAVY และ SCARLET รับฟรีทันที 50 กะรัต พร้อมส่วนลดและสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ จาก คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรชั้นนำมากมาย

ข่าวที่ 2 THE POWER BAND#4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านปั้นนักดนตรีอาชีพ

 

นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  เปิดเผยว่า พร้อมจัด “THE POWER BAND” เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศปี 2567 เข้มข้นกว่าทุกปี ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์นักดนตรีตัวจริงมากความสามารถ ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย มุ่งทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 6 ค่ายเพลงดัง ได้แก่ Muzik Move, LOVEiS Entertainment, Small Room, What The Duck, Warner Music Thailand และ XOXO Entertainment เพื่อจะสร้างพลัง THE POWER BAND 2024 SEASON 4 การประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ ให้เป็นพื้นที่สร้างโอกาสสู่นักดนตรีมืออาชีพต่อไป

 

 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ได้นำเสนอรายละเอียดการจัด “THE POWER BAND” ที่คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ภายใต้คอนเซปต์  “Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี”  ชิงรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท! พร้อมร่วมทำซิงเกิลกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพ และโอกาสในการร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับประเทศ 

 

โดยจะเปิดรับสมัครผู้สนใจสมัครเข้าร่วมประกวดและติดตามรายละเอียดได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 2 สิงหาคม 2567 ทางเว็บไซต์: www.music.mahidol.ac.th/thepowerband 

 

นายอภิเชษฐ์ กล่าวว่า คิง เพาเวอร์ เล็งเห็นถึงศักยภาพวงดนตรีไทยเติบโตผ่านเวที  THE POWER BAND ซึ่งมีจำนวนผู้สมัครเพิ่มมากขึ้นทุกปี สะท้อนถึงนักดนตรีไทยต้องการมองหาเวทีประกวดที่มีคุณภาพสูง เพื่อใช้เป็นพื้นที่แสดงพลังทางด้านดนตรีและความสามารถอย่างเต็มที่ โดยเชื่อมั่นเวทีนี้จะมีบทบาทสำคัญช่วยสนับสนุน จุดประกายให้นักดนตรีได้พัฒนาฝีมือ ต่อยอดความฝันของตนเอง ตรงกับคอนเซปต์การประกวด “Let The Music Power Your World เป็นได้สุด เป็นไปได้ ด้วยพลังแห่งดนตรี” 

 

สำหรับ THE POWER BAND เวทีประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศ ได้การยอมรับจากผู้ปกครอง คณาจารย์ ตลอดจนผู้มีประสบการณ์ทางด้านดนตรีมากมาย ทั้งเรื่องมาตรฐานและคุณภาพ เช่นเดียวกับการประกวดครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้คร่ำหวอดในแวดวงดนตรีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เช่น เช่ - อัคราวิชญ์ พิริโยดม หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, พล - คชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่าย Boxx Music และZircle Muzik, ติ๊ก - กฤษติกร พรสาธิต ผู้บริหารค่าย Home Run Music และ เป้ - ไพสิฐ คำกลั่น Music Director ค่าย Melodic   

 

นักดนตรีที่สมัครจะได้ร่วมชิงรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท! แล้วยังสามารถร่วมทำซิงเกิลกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพ พร้อมกับมีโอกาสร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับประเทศตามความเหมาะสมด้วย  

 

 นายอภิเชษฐ์ ย้ำว่า เวที THE POWER BAND ไม่เพียงเปิดโอกาสให้นักดนตรีทุกคนได้แสดงความสามารถแบบไร้ขีดจำกัดเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีให้ทุกคนได้สะสมประสบการณ์อันล้ำค่าไม่อาจหาได้จากที่ไหน โดยเฉพาะโอกาสที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดในอนาคตด้วยนั่นคือ

 

กิจกรรมที่ 1 THE POWER BAND MUSIC CAMP ริเริ่มเมื่อปี 2566 โดยได้รวบรวมมิวสิกกูรูระดับประเทศกว่า 20 คน มาถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านดนตรีทุกแขนงให้กับผู้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกว่าร้อยชีวิตการได้ออกซิงเกิลเพลงและมีมิวสิกวิดีโอเป็นของตัวเอง

 

กิจกรรมที่ 2 จะได้แสดงฝีมือทางดนตรีให้ผู้บริหารค่ายเพลงชั้นนำได้ชม และถึงจะได้ไม่ได้เป็นผู้ชนะก็ยังมีโอกาสเข้าร่วมงานด้วย เป็นการตอกย้ำว่า THE POWER BAND คือเวทีแห่งโอกาสของทุกคน เมื่อเข้ามาร่วมประกวดแล้ว หากไม่ชนะก็จะสามารถทำตามความฝัน ด้วยการนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้เวทีประกวดไปต่อยอดในอนาคตได้

 

ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การประชันฝีมือทางดนตรีกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งบนเวที THE POWER BAND 2024 SEASON 4 ตอกย้ำการประกวดแบบเปิดกว้างให้ดนตรีทุกแขนง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีนักดนตรีฉายแววเด่นได้รับโอกาสทำงานจริงในแวดวงดนตรีถือเป็นการต่อยอดที่ประสบความสำเร็จอีกขั้น ปี 2567 มี 6 ค่ายเพลงชื่อดังในเมืองไทยมาเสริมทัพเพื่อเพิ่มโอกาสก้าวสู่การเป็นศิลปินอาชีพ พร้อมลงพื้นที่รอบโซนนิ่งแสดงสด ร่วมคัดเพชรเม็ดงามการแข่งขันทั่วประเทศจาก 5 สนามประชันฝีมือในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ

 

ปี 2567 แบ่งกลุ่มการแข่งขันออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นมัธยมศึกษา สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ (High School Class) และรุ่นบุคคลทั่วไป ปูเส้นทางสู่ศิลปินมืออาชีพ หรือ Professional Class : Road to Artist ส่วนรอบโซนนิ่งแสดงสดแบ่งสนามการแข่งขัน มีดังนี้ สนามที่ 1 กรุงเทพมหานคร สนามที่ 2 จังหวัดขอนแก่นสนามที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ สนามที่ 4 จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสนามที่ 5 จังหวัดนครปฐม

 

สำหรับวงที่ผ่านเข้ารอบจะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ THE POWER BAND MUSIC CAMP เพื่อเรียนรู้เทคนิคทางดนตรีต่าง ๆ จากมิวสิกกูรูระดับประเทศด้วย

 

 

ข่าวที่ 3 พลูแมนคิงเพาเวอร์ขายแพ็คเกจWeddingแจก12รายการ2-3มี.ค.

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำ“พูลแมน คิง เพาเวอร์” บูมขาย “A Love Story Wedding Showcase”  แพ็คเกจแต่งงานเริ่มต้นงานละ 399,999 บาท พร้อมของขวัญฮันนีมูนและสิทธิพิเศษมากมาย

 

วันเสาร์ที่ 2-อาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 ในงาน “A Love Story Wedding Showcase”   ที่ พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ โดยเปิดให้ทุกคู่รักลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าร่วมงานได้ที่  bit.ly/ALoveStorywedding หรือโทร. 02-680-9999  Line : PullmanBangkok แล้วเตรียมรับสิทธิประโยชน์ชุดใหญ่จัดแต่งงานสะดวก สบาย หรูหรา ไฮไลต์แบรนด์พูลแมนทั่วเอเชียจะมอบฟรีมากมาย

 

พิเศษสุด ! ห้องพักฮันนีมูน 3 วัน 2 คืน ตามโรงแรมและรีสอร์ท พูลแมน เลือกได้ในแถบเอเชีย และทุกคู่รักที่ยืนยันจองใช้บริการแพ็คเกจ A Love Story Wedding Showcase รับสิทธิประโยชน์เพิ่มกว่า 12 รายการ ดังนี้

 

1.ของกำนัลเช็ตทดลองจาก Gucci  2.บัตรกำนัลอาหารและเครื่องดื่มภายในโรงแรม  3.สมนาคุณห้องพักสำหรับคู่บ่าวสาวและครอบครัว  4.บริการด้านสถานที่ถ่ายภาพแต่งงาน พรีเวดดิ้ง 5.บริการซุ้มอาหารหรือตัวเลือกเครื่องดื่มพิเศษภายในงาน  6.ส่วนลดค่าบริการนำเข้าการตกแต่งสถานที่และวงดนตรี   

 

7.บริการถ่ายภาพ โฟโต้บูธ แบบมืออาชีพ ภายในงาน พบกับการจำลองบรรยากาศงานแต่งงานและลิ้มลองรายการอาหารจัดเลี้ยง พร้อมการจัดแสดงบริการจาก พาร์ทเนอร์จัดงานแต่งงาน ครบวงจรที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเอง

 

8.บริการตกแต่งสถานที่โดยเวดดิ้งแพลนเนอร์มากประสบการณ์ เวดดิ้งบี/Wedding B ซูชิแอทโฮม/Sushi@home และ มหัศจรรย์ Mahassajan

 

9.บริการชุดแต่งงานโดยดีไซเนอร์แบรนด์ชื่อดัง วนัช เฟิร์ส (Vanus First)  

 

10.บริการของขวัญและชำร่วยงานแต่งงานแสนประทับใจโดย เอรอส บาย เวนิตา เวดดิ้ง/Eros By Venitawedding

 

11.บริการถ่ายภาพและวีดีโอเก็บความประทับใจโดย เทลล์ โฟโต้ และ เอ็นบีแอล ฟิล์ม/NBL FILMS

 

12.บริการวงดนตรี ระบบเครื่องเสียง และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบครันโดย เดอะ ออร์แกไนซ์ เวิร์ก The Organize Work

 

โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ พร้อมที่จะมอบความสุขให้ทุกคู่รัก ได้รับสิทธิประโยชน์ แต่งงานแบบวัน สต็อป เซอร์วิส จากแพ็คเกจ A Love Story Wedding Showcase แนะนำให้รีบลงทะเบียนเข้าร่วมงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

ข่าวที่ 4 ททท.หนุนPELUPOพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก

 

นางสาวศิริวรรณ สีหาราช ผู้อำนวยการกองเผยแพร่โฆษณาต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลดนตรีนานาชาติ PELUPO 2024 วันที่ 1-2 มีนาคม 2567 ที่สยามคันทรีคลับ พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยการใช้กลยุทธ์ Music Marketing สร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวผ่านงานเฟสติวัล พร้อมสอดแทรก ซอฟท์ พาเวอร์ ของไทยเข้าไป เพื่อทำให้เกิดความตระหนักรู้ถึงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ผนวกกับการพัฒนาไทยสู่ศูนย์กลางความบันเทิงของภูมิภาค (Entertainment Hub) และจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

 

ททท.ประเมินสถานการณ์ตลอดการจัดงานเทศกาลดนตรีรายการนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 15,000 คน เป็นคนไทย 60 % ชาวต่างชาติ 40 % โดยมีความเชื่อมันการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มวันพักเฉลี่ย กระตุ้นการใช้จ่าย สร้างรายได้หมุนเวียนทางการท่องเที่ยวเข้าพื้นที่พัทยา และบริเวณใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน

 

โดย ททท. มีโอกาสต้อนรับศิลปินระดับโลกนำโดย Jack Johnson และ Yung Bae ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ทั้งคู่เดินทางมาร่วมแสดงในงานจึงเป็นโอกาสให้ไทยได้กระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวด้วยเทศกาลดนตรีนานาชาติ PELUPO 2024 ร่วมสร้างประสบการณ์ประทับใจไม่รู้ลืม สอดคล้องกับกลยุทธ์ ททท.กำลังมุ่งส่งเสริมการตลาดผ่านงานเทศกาลหรือเฟสติวัล โดยเฉพาะดนตรีเป็น Music Marketing ที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ศักยภาพของไทยมีความพร้อมเป็นสถานที่จัดงานระดับนานาชาติเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

 

ขณะเดียวกันก็ยังใช้เวทีดังกล่าวเผยแพร่ ซอฟท์ พาวเวอร์ ไทย ในมิติต่าง ๆ ทั้ง อาหาร กิจกรรม รูปแบบงานที่จัดอย่างเป็นมิตรกับทุกเพศทุกวัย ได้สร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเชิงดนตรี Music Destination ตามปฏิทินจะขึ้นในเดือนมีนาคมเป็นประจำทุกปี  

 

สำหรับเทศกาลดนตรีนานาชาติ PELUPO 2024 เป็นอินเตอร์ เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล  ประจำปีรายการใหม่ของเมืองไทย ซึ่งมีพลังดึงดูดคนจากทั่วเอเชีย และทวีปต่าง ๆ เข้ามาครั้งละเป็นจำนวนมาก ทางผู้จัดได้เปลี่ยนสนามหญ้าโล่งกว้างให้เป็นลานดนตรีท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ แล้วก็เชิญชวนแฟนคลับนานาประเทศเข้ามาร่วมความสนุกทั้งกับ สุดยอดศิลปินไทยและต่างประเทศทั้ง 16 วง พร้อมขึ้นเวทีบรรเลงแนวเพลงดนตรีหลากหลายตลอด 2 วัน เปิดขายบัตรราคาเริ่มต้น 3,900 บาท/ที่นั่ง

 

การแสดงครั้งนี้นำโดย 2 ศิลปิน Headliner อย่าง Jack Johnson และ Parcels ตามมาด้วยศิลปินมากฝีมือ ได้แก่ Cosmo's Midnight, Dirty Loops, Yung Bae, H 3 F, The Walters, LANDOKMAI, John OFA Rhee, Winston Surfshirt, Explosions in the Sky, grentperez , Cody Lee , Marc Rebillet และ SHERRY ภายในได้รณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขอความร่วมมือจากผู้ร่วมชมเทศกาลดนตรี มีส่วนร่วมคัดแยกขยะ เพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง สร้างการรับรู้เรื่องความคุ้มค่าในการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำสิ่งของเหลือใช้มาตกแต่งจุดต่างๆ เพื่อให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย

 

นางสาวศิริวรรณ กล่าวว่า ได้นำทีมงานไปต้อนรับศิลปินและทีมงานที่เดินทางมาเข้าร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีตอนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเดินทางไปขึ้นแสดง พร้อมทั้งได้มอบของที่ระลึกให้ Jack Johnson ศิลปินโฟล์กระดับโลก เจ้าของเพลงฮิต "Better Together" ซึ่งมียอดสตรีมบน Spotify กว่า 730 ล้านครั้ง เป็นศิลปินที่มุ่งมั่นอุทิศตัวด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำการกุศลเพื่อส่งเสริมแวดวงการศึกษา ดนตรี และศิลปะ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ส่วน Yung Bae ดีเจ ระดับ A List สายฟิวเจอร์ฟังก์ ฉายาคือผู้นำมนต์เสน่ห์ดนตรีจากยุค 70s ทั้ง Funk, Disco, City Pop กลับมาโลดแล่นอย่างมีชีวิตชีวา  ซึ่งจะเป็นอีกเทศกาลช่วยขับเคลื่อน music marketing การท่องเที่ยวไทยเติบโตได้อย่างมีคุณภาพต่อไป 

 

ข่าวที่ 5 บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESGส่งต่อผู้อบรมกปร.

 

นางกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “กลุ่มบริษัทบางจาก: สมดุลเพื่อโลกยั่งยืนผ่าน ESG” ให้ผู้เข้ารับการอบรมโครงการ “นำการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ระดับกลาง สำนักงานคณะกรรมพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)” จัดโดยสถาบันอนุชิตพิพรรธน์ สำนักงาน กปร. โดยมีนางพิชญดา หัศภาค รองเลขาธิการ กปร. ต้อนรับและร่วมรับฟัง

 

นางกลอยตากล่าวว่าบางจากให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลต่าง ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในการทำธุรกิจทั้งเรื่องสมดุลระหว่างมูลค่าการดำเนินธุรกิจ คุณค่าทางสิ่งแวดล้อม และสังคม สมดุลครบ 3 ปัจจัยหลักในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน คือ 1.สร้างผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ใส่ใจรับผิดชอบสังคม 2.ได้กำกับดูแลกิจการ (ESG) 3.สมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Energy Trilemma) ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability)

 

โดยบางจากฯ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้บริหารองค์กร ยึดมั่นในหลักทางสายกลางและความไม่ประมาท และให้ความสำคัญกับหลักความพอประมาณ ความมีเหตุผลและการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว โดยมีความรู้และคุณธรรมเป็นเงื่อนไข

 

ขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองต่อเป้าหมายความยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) และคำนึงถึงความรับผิดชอบทั้ง 3 ด้านในการทำธุรกิจ (ESG) ทำให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่าและประโยชน์ให้กับผู้มีส่วนได้เสียและสังคมอย่างต่อเนื่อง

 

นางกลอยตายังได้กล่าวถึงการพัฒนาธุรกิจและปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของโลก ปรับเปลี่ยนจากผู้ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและสถานีบริการช่วงเริ่มต้นธุรกิจ มาเป็นบริษัทชั้นนำด้านพลังงานที่มีธุรกิจอยู่ในหลายทวีปทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต เพื่อเป็นแนวคิดให้กับผู้เข้ารับการอบรมในมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการปฏิบัติภารกิจภายใต้พันธกิจที่ได้รับมอบหมายให้เกิดประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางสภาวะแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในปัจจุบันเพื่อประโยชน์ที่จะเกิดกับทุกฝ่าย

 

            ช่วงที่ 2 ออกเดินทางเที่ยวเมืองไทย ไปสุขทันทีที่...เที่ยวรถม้าลำปาง และสักการะสรีระสังขาร ครูบาอภิชัยขาวปี ที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน 1 ปีมีครั้งเดียว แล้วเกาะติดข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “นายกจุดฝันไทยฮับบินโลก” ภายใน5ปีนำสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รับผู้โดยสาร 150 ล้านคน ข่าวที่สอง “800บูธร่วมขายเทศกาลไทยเที่ยวไทย” ลดกระหน่ำ กิน ช้อป แพกเกจเที่ยว

 

ท่องเที่ยว –สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน

 

เที่ยวไทย ต้องไปสักครั้ง ในรอบ 365 วัน ตามการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ลำปาง ไปเช็คอิน “สุขทันที...ที่เที่ยวลำปาง และลำพูน”

 

พิกัดแรก มหัศจรรย์วันธรรมดา นั่งรถม้า ราคาเดียว 200 บาท สัมผัสบรรยากาศเมืองได้ถึง 3 เส้นทาง ททท.กับทางสมาคมรถม้านครลำปางมีส่วนลดให้นักท่องเที่ยวไปเยือนลำปางช่วงวันธรรมดา ระหว่างวันจันทร์ – วันศุกร์ นั่งรถม้าเที่ยวแค่สองร้อยได้ตั้งวันนี้- 30 เมษายน 2567  3 เส้นทาง

 

เส้นทางที่ 1 ชมความงาม 3 วัดพม่า เริ่มต้นที่วัดศรีชุม - วัดจองคา - วัดพระแก้วดอนเต้า

 

เส้นทางที่ 2 ชมความงามย่านสบตุ๋ย เริ่มต้นที่สถานีรถไฟนครลำปาง - ไชน่าทาวน์ลำปาง - บ้านพระยาสุเรนทร์ - สะพานดำ

 

เส้นทางที่ 3 ชมความงามย่านท่ามะโอ เริ่มต้นที่มิวเซียมลำปาง - หออะม็อก - บ้านเสานัก - บ้านหลุยส์ - ห้าแยกหอนาฬิกา

                ติดต่อได้ที่ ททท.ลำปาง โทร.054-222214 และลงทะเบียนนั่งรถเที่ยวลำปางสแกน QR Code หรือรับสิทธิได้จากลิงค์นี้ https://docs.google.com/.../1FAIpQLSdZwFb.../viewform 

 

พิกัดที่ 2 สุขทันทีที่...เที่ยวลำพูน เที่ยวงาน “ประเพณีเปลี่ยนผ้าครองสรีระครูบาอภิชัยขาวปี”  ได้วันนี้ ต่อเนื่องถึง 4 มีนาคม 2567 ที่ วัดพระพุทธบาทผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน ไฮไลท์การท่องเที่ยววันที่ 3 มีนาคม 2567 ร่วมขบวนแห่ต้นทาน และพิธีเปลี่ยนผ้าครองสรีระองค์ครูบาอภิชัยขาวปี และกิจกรรมมากมาย

ภายในงานไปพบกับบูธ ททท.ลำปาง ร่วมจัด 2 กิจกรรม วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567 เริ่ม 09.00 น. เป็นต้นไป ที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม แจกของดีกันตลอดงาน นักท่องเที่ยวต่างจังหวัดโชว์หลักฐานยืนยันแล้วลงทะเบียนเที่ยวงาน รับไปเลยทันที! “สร้อยล็อกเก็ตที่ระลึก ครูบาอภิชัยขาวปี”  มาก่อนรับก่อนคนละ 1 สิทธิ์ ส่วนคนลำพูนกดติดตาม Page Facebook : ททท.สำนักงานลำปาง แล้วแชร์โพสต์นี้ ร่วมลุ้นรางวัลลุ้นมากมายอีกคนละ 1 สิทธิ์ เช่นกัน

 

ตำนาน “ครูบาอภิชัยขาวปี”       ด้วยอานิสงส์เมื่อครั้งยังมีชีวิตท่านเป็นพระนักพัฒนารักษาศีลภาวนามาตลอด แม้จะมรณภาพไปนานถึง 47 ปี สรีระสังขารก็ยังไม่เน่าเปื่อย เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นตราบถึงปัจจุบัน

 

ท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิ “ครูบาศรีวิชัย” นักบุญแห่งล้านนาไทย เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ เดิมชื่อจำปี เกิดในครอบครัวของผู้ที่มีฐานะยากจน บ้านแม่ตืน อ.ลี้ เมื่ออายุ 16 ปี พระครูบาศรีวิชัยได้บรรพชาให้เป็นสามเณรก่อนจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุตอนวัย 22 ปี แล้วได้ปฏิบัติธรรมเดินตามรอยทางของพระครูบาศรีวิชัย ผู้เป็นพระอาจารย์ 

 

“ครูบาอภิชัยขาวปี” ลำพูน ท่านเป็นพระนักพัฒนาที่ได้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมและพระพุทธศาสนาไว้มากมาย ถึงกับมีชาวบ้านนับถือและกล่าวขานว่า พระครูบาศรีวิชัยสร้างวัด ครูบาอภิชัยขาวปีสร้างโรงเรียน รวมทั้งเคยเป็นประธานสร้าง โรงพยาบาลลำพูนรวบเงินบริจาคของชาวบ้านสร้างจนสำเร็จ แล้วยังสร้างอาคารเรียนแก่โรงเรียนทั่วภาคเหนือ ทั้งเขตลำพูนเชียงใหม่ สังเกตโรงเรียนที่มีสัญลักษณ์รูปวัวซึ่งเป็นรูปนักษัตรปีเกิดของท่านดังปรากฏจารึกติดไว้ตามหน้าจั่วอาคาร แล้วท่านได้เป็นประธานสร้างอีกกว่า100 วัด

                อยู่เมืองไทย ใกล้ภาคเหนือ หรืออยู่ภาคไหน ก็ไปสุขทันที...ที่เที่ยวลำปาง ลำพูน ได้ทุกวัน เริ่มออกเดินทางกันได้เลย

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก – นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป20รุก5ส่วน

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND AVIATION HUB” ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ประกาศตั้งเป้าเป็นที่ 1 แห่งภูมิภาคเอเชีย ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว สร้างรายได้และความกินดีอยู่ดีเข้าสู่ประเทศ โดยรัฐบาลไทยเชื่อถึง “การระเบิดศักยภาพของไทย” ออกมาขับเคลื่อนประเทศเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคเอเชีย มีเป้าหมายจากนี้ไปอีก 1 ปี  สนามบินสุวรรณภูมิจะต้องติดอันดับ Top  1 ใน 50 ของโลก อีก 5ปีหน้า ภายในปี 2573 จะต้องติดอันดับ 20 ของโลก ให้บริการผู้โดยสารได้ปีละ 150 ล้านคน ทำให้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องทั้งการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว เติบโตควบคู่ไปได้ด้วยสามารถสร้างประโยชน์กับประเทศในหลายมิติทั้งการนำเศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดด นักท่องเที่ยวและบริษัทต่าง ๆ เลือกมาตั้งองค์กรทำงานมากขึ้น ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทุกภาคได้รับความนิยม กับเพิ่มเชื่อมต่อเที่ยวบินระหว่างประเทศ การกระจายสินค้าส่งออกทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

วันนี้รัฐบาลจึงเล็งเห็นถึงโอกาสผลักดันนโยบาย “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินโลก” นับจากปี 2567 ไปอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม SMEs ทั้งหลาย จะทำให้เศรษฐกิจไทยไปได้อีกไกล โดยจะทยอยปลดล็อกปัญหาปัจจุบันให้แล้วเสร็จ 5 ส่วนหลัก ดังนี้

 

ส่วนที่ 1 แผนเร่งด่วน Quick Win ภายใน 6 เดือน ปี 2567 มั่นใจจะไม่เห็นผู้โดยสารต้องรอคิวในสนามบินสุวรรณภูมิอีกต่อไป เพราะกำลังแก้ไขและพัฒนา 5 เรื่องหลัก ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 จะขยายสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารให้ได้จริงปีละ 60 ล้านคน โดยใช้ศักยภาพของ SAT-1  เรื่องที่ 2 ก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 2567 รองรับเครื่องบินขึ้นลงได้ชั่วโมงละ 90 ลำ แทนที่ปัจจุบันได้เพียงชั่วโมงละ 60 ลำ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจเติบโตได้ดี

 

เรื่องที่ 3 บริการภาคพื้นในสนามบินต้องปรับปรุงเร่งด่วน ช่วงที่ผ่านมาในโซเชียล มีเดีย กล่าวถึงกันอยู่ตลอดเป็นอุปสรรคกับผู้ใช้บริการ  เรื่องที่ 4 จะต้องเปิดพื้นที่บริการเครื่องบินส่วนตัว Private Jet ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นสูงสุวรรณภูมิต้องรีบสร้างเพื่อเปิดประตูรับเงินเข้าประเทศปีละหลายล้านบาท

 

ขณะนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” ได้ทำเช็คอินอัตโนมัติให้ผู้โดยสารด้วยตนเอง Self Check in แล้วอาจเปิดล่วงหน้าก่อนขึ้นเครื่อง 6 ชั่วโมง กับเพิ่มจำนวนบริษัทภาคพื้นดินขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร (Ground Service Handing) ใช้การแข่งขันประกวดราคาเพื่อหาผู้ชนะเข้ามาให้บริการดีที่สุดกับประชาชน 

 

ส่วนที่ 2 ขยายโครงสร้างพื้นฐานสนามบินสุวรรณภูมิระยะยาวทั้งหมด ได้แก่ อาคารคลังสินค้า ซัพพลายเชน เพราะไม่เฉพาะการดูแลผู้โดยสารอย่างเดียวต้องขนส่งสินค้าด้วย ปัจจุบันมีอาคารหลักอยู่แล้ว กำลังพิจารณาก่อสร้างอาคารด้านทิศใต้ จะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้อีกปีละ 30 ล้านคน กับอาคารด้านทิศตะวันออกและตะวันตก 60 ล้านคน ต่อไปก็จะรองรับได้มากถึงปีละ 150 ล้านบาท ควบคู่กับเชื่อมถไฟฟ้าเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร และมีพื้นที่ให้พันธมิตรสายการบินนานาชาติของโลก 2 กลุ่มใหญ่ คือ Star Alliance และ One World เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารของสมาชิกทั้งสองกลุ่มได้เป็นอย่างดี

รวมทั้งเพิ่มการก่อสร้างรันเวย์ที่ 4 มีความสำคัญที่จะขยับ “ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศ” หากทำได้ตลาดขนส่งสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม ก็จะของไทย ช่วงที่ผ่านมาสุวรรณภูมิมีสินค้าส่งออกเพียง 1 ล้านตัน/ปี เปรียบเทียบกับสิงคโปร์ 1.8 ล้านตัน ฮ่องกง 3.9 ล้านตัน/ปี ต้องเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยวิธี 1.จะต้องนำระบบออโตเมชั่นทางเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มความทันสมัยไม่ให้เกิดคอขวด 2.ขยายพื้นที่คลังสินค้ามากขึ้น วางมาตรฐานอุณหภูมิควบคุมสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเลือกมาใช้บริการสุวรรณภูมิขนส่งต่อโลจิสติกส์ไปยังประเทศต่าง ๆ ง่ายขึ้น  และ 3.เปิดพื้นที่ Free Trade Zone

 

ส่วนที่ 3  “สนามบินนานาชาติดอนเมือง” จะเปลี่ยนให้เป็น Point to Point Airport ศูนย์กลางหลัก (Main Hub) มีจุดเด่นเข้าออกได้รวดเร็ว ปรับเป็นเวอร์ชั่นใหม่ (Upgrade Version) รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นปีละ 50 ล้านคน จากปัจจุบันปีละ 30 ล้านคน สูงเกินความจริงเต็มรับได้เพียงปีละ 27 ล้านคน ส่งผลกระทบกับบริการ นโยบายใหม่เให้สร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (international) หลังใหม่ รองรับได้อีก 23 ล้านคน แล้วเปลี่ยนหลังเดิมเป็นอาคารในประเทศรับผู้โดยสารได้ปีละ 27 ล้านคน ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ร้านค้า ร้านอาหาร เติบโตได้ด้วย ผนวกเข้ากับใช้สะพานเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสีแดงเข้าสู่อาคารผู้โดยสารดอนเมือง ปี 2570 ขยายที่จอดรถในดอนเมืองเพิ่มเป็น 5 เท่า รับได้ 7,600 คัน ระยะสั้นภายใน 3 เดือนนี้จะเพิ่มที่จอดรถอีก 1,000 คัน

 

 ส่วนที่ 4 ขยายสนามบินภูมิภาคหลัก ๆ ได้แก่ “สนามบินอันดามัน” ภาคใต้ นอกจากขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตแล้ว ยังมี ระนอง กระบี่ พังงา ผนวกทำเพิ่มโครงการ Seaplane Terminal ในสนามบินภูเก็ตโดยใช้พื้นที่ทางทะเลให้เครื่องบินลงได้โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก

 

“สนามบินล้านนา” ภาคเหนือ ตอนนี้มีสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ปรับนโยบายเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ยังจะต้องพัฒนาสนามบินภาคอื่น ๆ ในเมืองรองทั่วประเทศ โดยได้หารือกับกองทัพอากาศเพื่อแชร์ใช้น่านฟ้าไม่ให้เกิดแออัดมากเกินไป ช่วยให้รัฐบาลนี้มีทั้งความมั่นคงและมั่งคั่งควบคู่กันไป

 

โดยใช้ศักยภาพศูนย์กลางอาหารผนวกกับศูนย์กลางการบิน ทำให้ไทยเป็น Kitchen of the World ให้ทั่วโลกมาสั่งอาหารของไทยต่อเนื่องถึงการกระจายสินค้ากลุ่ม CLMV จากไทยไปตลาดโลก

 

โดยไทยพร้อมใช้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือในระบบ “พันธมิตรสายการบิน : Partnership” ร่วมกับทุกสายการบิน ร้านค้า ร้านอาหาร นำสินค้าบริการไปอยู่ในเว็บไซต์ หารือกับโรงแรม ทำโปรโมชั่น ช่วงสัปดาห์นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมงานท่องเที่ยวรายการใหญ่ของโลก ITB 2024 กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน จะพูดคุยกับโรงแรม แอร์ไลน์สต่าง ๆ เพื่อเซ็ตเรื่องที่ดีของเมืองไทยเสนอขายท่องเที่ยวปี 2568

รวมทั้งต้องสนับสนุนการบินไทยพัฒนาสายการบินแห่งชาติให้แข็งแรง ตอนนี้กำลังเพิ่มฝูงบิน จัดเส้นทางบิน และระบบขายตั๋วโดยสาร โดยเฉพาะตอนนี้ยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ มีโอกาสกลับมาเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของเอเชีย ไม่แพ้สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และคาเธย์ แปซิฟิก

 

ส่วนที่ 5 การบริหารงานรองรับปริมาณผู้โดยสารปีละ 45 ล้านคน แต่มีบุคลากรไม่เพียงพอ จะพัฒนา Re-Up Skill พนักงานให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี ช่วยให้คนทำงานอย่างมีความสุขเพื่อส่งต่อบริการที่ดีให้ลูกค้า ไปพร้อมกับนำอุตสาหกรรมการบินสู่ความยั่งยืนรับรณรงค์ให้สายการบินต่าง ๆ หันมาใช้เชื้อเพลิงการบินเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม SAF :Sustainable Aviation Fuel ขณะนี้มี บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำร่องทำแล้ว

 

ข่าวที่สอง -800บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง3มี.ค.67

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันนี้ – 3 มีนาคม 2567 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกว่า 800 ราย เข้าไปร่วมขายในมหกรรมเที่ยว-กิน-ช้อป ลดยิ่งใหญ่ “งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 69” เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5 – 6 เปิดให้เลือกซื้อได้ทั้งแพกเกจ โรงแรม ทัวร์ ตั๋วสายการบิน บัตรเที่ยวเรือสำราญ และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย โดยมีบูธการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคใต้ อยู่ตรงหมายเลข L 22-26, L 33-37 นำทีมมาเสนอขายในธีม “หรอยแรง แหล่งใต้ 14x24x365” แนะนำแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทยช่วยส่งเสริมการขายและบริการคลายร้อน  

 

พร้อมทั้งมีผู้ประกอบการออกบูธลดราคาพิเศษแบบจัดหนักจัดเต็มเฉพาะงานนี้  5 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

 

กลุ่มที่ 1 โรงแรม รีสอร์ท มีโปรโมชั่นเด็ด แพ็คเกจน่าสนใจมากมาย   กลุ่มที่ 2 ร้านอาหาร นำของดีของเด็ดประจำจังหวัด อาหารหากินยาก ร้านอร่อย ของฝากมากมายให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ  

 

กลุ่มที่ 3 สํานักงานส่งเสริมการการท่องเที่ยว องค์กรการท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ เจ้าของแหล่งท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ  พร้อมใจกันมาร่วมด้วยช่วยกันขายอย่างเต็มที่ กลุ่มที่ 4 อุปกรณ์เดินทาง แค้มปิ้ง ดํานํ้า  และกลุ่มที่ 5 รถเช่า  บริษัทนําเที่ยว  ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ทาง https://www.thaiteawthaifair.net

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.