วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปร“คนไทย”ตั๋วราคาพิเศษ 450-500บาท

 

อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปรปัง “นักท่องเที่ยวไทย”

18มิ.ย.-31ก.ค.ซื้อตั๋วราคาพิเศษ 450-500บาท/คน

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #อควาเซอร์คัสภูเก็ต  

อ่านใน gurutourza...

“อควาเซอร์คัส ภูเก็ต” จัดโปรโมชั่นพิเศษสุดมอบให้ “นักท่องเที่ยวคนไทย” ได้เข้าไปชมการแสดงท่องโลกปาฏิหารย์เหนือสายน้ำเปิดประสบการณ์ความสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจกับโชว์สุดตระการตาแห่งเดียวในไทย 

จัดโปรโมชั่นปังเป็นพิเศษ ให้คนไทย เริ่มตั้งแต่ 18 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2568 ต่อเนื่องเดือนครึ่ง
ราคาบัตร ผู้ใหญ่ 500 บาท/คน  เด็ก 450 บาท/คน

“อควาเซอร์คัส ภูเก็ต” เปิดการแสดงทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ จัดเต็มการแสดง 2 รอบ คือ  14:30 น. และ 19:30 น.

จองโปรโมชั่นผ่าน 3 ช่องทาง LINE: @aquacircusphuket โทร: 062-661-5661 และ Website https://aquacircusphuket.com/



 

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568

BSRC ชูศักยภาพน้ำมันเรือ B24หนุนขนส่งทางทะเลที่ยั่งยืน

 BSRC ชูศักยภาพผู้นำพลังงานเปิดตัวน้ำมันเรือ B24

หนุนการขนส่งทางทะเลที่ยั่งยืนลดคาร์บอนเป็นศูนย์

บมจ.บางจาก ศรีราชา ใช้เวที TRPF 2025 เปิดตัวน้ำมันเรือ B24 

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #BSRC #น้ำมันเรือB24

BSRC ขึ้นเวที TRPF 2025 ชูศักยภาพเปิดตัวน้ำมันเรือ B24 ครั้งแรกของไทย ตอกย้ำความสำเร็จผู้นำพลังงาน หนุนการขนส่งทางทะเลที่ยั่งยืน ขานรับการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ปี’93

 

ดร. บวรศักดิ์ วาณิชย์กุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์และงานความยั่งยืน บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในวิทยากรในงาน 3rd Thailand Refining and Petrochemical Forum 2025 (TRPF 2025) เมื่อเร็วๆ  นี้ ได้ใช้เวทีนี้นำเสนอผลงานภายใต้หัวข้อ B24 Marine Fuel: Fueling Lower-Emission Shipping” สะท้อนถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญของบริษัทฯ เรื่องการพัฒนาและส่งมอบน้ำมันเชื้อเพลิงทางทะเล B24 (B24 Marine Biofuel) เป็นครั้งแรกในเมืองไทย

“เชื้อเพลิง B24 ถือเป็นทางเลือกใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ได้กับเรือเดินสมุทรโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ แล้วยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่มุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050)



ทาง BSRC ได้ส่งมอบ B24 Marine Biofuel ล็อตแรกของไทย ให้บริษัทเดินเรือชั้นนำญี่ปุ่น NYK Trading Corporation (Japan) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมัน B24 Marine Fuel ภาคการขนส่งทางเรือยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ดร.บวรศักดิ์ ได้กล่าวในงานว่าการเปิดตัว B24 ไม่เพียงแค่แสดงถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมพลังงานของไทย แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างบทบาทของประเทศให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางทะเลอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ส่วน “ความสำเร็จ” ครั้งนี้ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ BSRC พร้อมเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเดินเรือให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ความท้าทายการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่เป็นมิตรต่อโลก

 

บางกอกแอร์คว้าแชมป์2รางวัลSkytraxปี68แอร์ไลน์สดีสุด 9 สมัย

 บางกอกแอร์คว้าแชมป์2รางวัลSkytraxดีสุด 9 สมัย

ฝ่า325แอร์ไลน์ครองใจเสียงโหวตผู้โดยสารทั่วโลก

บางกอกแอร์เวย์สคว้าแชมป์สายการบินดีที่สุดปี 2568 จาก Skytrax 2 รางวัล

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #BangkokAirways #Skytrax2025

บางกอกแอร์เวย์สคว้าแชมป์ Skytrax 9 สมัย ปี’68 ครอง 2 รางวัล สายการบินดีที่สุดในโลกและที่ดีที่สุดในเอเชีย จากเสียงโหวตของผู้โดยสารกว่า 325 แอร์ไลน์ส ช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์บูทีคแอร์ไลน์สไทยมีพลังลุยขยายการเติบโตในอนาคต

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ล่าสุดบางกอกแอร์เวย์ส สร้างชื่อเสียงให้ไทยอีกครั้ง ในการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติระดับโลก จาก Skytrax World Airline Awards ประจำปี 2025 ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 รวม 2 รางวัล ได้แก่  1.รางวัลสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Regional Airline) และ 2.รางวัลสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย (Best Regional Airline in Asia)  ได้จัดพิธีมอบรางวัลในงาน ปารีส แอร์โชว์ ท่าอากาศยานปารีส-เลอ บูร์เฌต์ ฝรั่งเศส

รางวัลดังกล่าวเทียบชั้นได้กับ “ออสการ์” วงการอุตสาหกรรมการบินที่ได้การยอมรับระดับโลก ใช้วิธีจัดทำผลสำรวจความพึงพอใจผู้โดยสารที่ได้ใช้บริการแต่ละสายการบินปี 2568 พร้อมทำการประเมินจากทั่วโลกกว่า  325 สายการบิน

บางกอกแอร์เวย์ส ได้รับรางวัล Skytrax World Airline Awards จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสายการบินคนไทยมุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับ ผ่านบริการตามคอนเซ็ปต์อันเป็นเอกลักษ์ณ์ “บูทีคแอร์ไลน์ส” พร้อมด้วย 1.บริการห้องรับรองผู้โดยสารทุกระดับชั้นที่นั่ง 2.เมนูอาหารบนเครื่องและในเลานจ์ที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน 3.เส้นทางบินที่เชื่อมโยงเมืองวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาค


นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่ารางวัลอันทรงเกียรติที่บางกอก แอร์เวย์ส ได้รับปีนี้ ยืนยันถึงความตั้งใจและความทุ่มเทของผู้บริหารและพนักงานทุกคน จึงขอขอบคุณผู้โดยสารทุกคนที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และโหวตให้เป็นสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Regional Airline) และ สายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย (Best Regional Airline in Asia) ประจำปี 2568 โดยจะรักษาคำมั่นสัญญาพัฒนาความเป็นเลิศด้านบริการ ควบคู่เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ดีที่สุดกับผู้โดยสาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งทำให้การท่องเที่ยวและการบินเมืองไทยครองความนิยมตลอดไป



ANA Holdingสั่งซื้อฝูงบินแอร์บัสล็อตใหญ่27ลำA321neo-A321XLRลดคาร์บอน

 

เอเอ็นเอโฮลดิ้งสั่งซื้อฝูงบินแอร์บัสล็อตใหญ่27ลำ

ใช้ A321neo-A321XLRชูลดคาร์บอนเซฟพลังงาน


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #Airbus #ANAHolding

อ่านใน gurutourza...

 

เอเอ็นเอ โฮลดิงส์ ลงนามแอร์บัสสั่งซื้อฝูงบินล็อตใหม่ 27 ลำ  A321neo และ A321XLR สร้างยอดขายกระหึ่มงานปารีส แอร์โชว์ ชูจุดขายลดคาร์บอน เซฟพลังงาน

          ANA Holdings (ANAHD) กลุ่มบริษัทแม่ของสายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ส “ANA ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่าได้ลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการสั่งซื้อเครื่องบินทางเดินเดี่ยวจากแอร์บัสรวมทั้งสิ้น 27 ลำ แบ่งเป็น A321neo 24 ลำ และ A321XLR  3 ลำ

โดยทำพิธีลงนามจัดขึ้นในงานปารีส แอร์โชว์ 2568  โดยมีนายโคจิ ชิบาตะ ประธานและซีอีโอANAHD กับนายเบอนัวต์ เดอ แซงต์-เอกซูเปรี รองประธานบริหารฝ่ายขาย ฝ่ายธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส ร่วมลงนามในข้อตกลง ในคำสั่งซื้อเครื่องบินครั้งนี้ ประกอบด้วย A321neo รวม 14 ลำ เป็นของ ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (ANA) และอีก 10 ลำ และสายการบินในเครือ พีช เอวิเอชั่น รุ่น A321XLR อีก 3 ลำ เพื่อยกระดับและต่อยอดศักยภาพของฝูงบินภายในกลุ่ม ANA ทั้งหมด

สำหรับ “พีซ เอวิเอชั่น” เป็นสายการบินญี่ปุ่นรายแรกที่นำเครื่อง A321XLR แบบทางเดินเดี่ยวที่มีพิสัยการบินไกลที่สุดในโลกเข้ามาให้บริการ ด้วยสมรรถนะการบินได้ต่อเนื่องถึง 4,700 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 8,700 กิโลเมตร

“นายโคจิ ชิบาตะ” ประธานและซีอีโอANAHD กล่าวว่ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ลงนามคำสั่งซื้อเพิ่มเติมเครื่องบิน A321neo และ A321XLR ลำแรกที่สายการบินในเครือนำมาใช้ การลงนามครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเอเอ็นเอกับแอร์บัสให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แล้วทางสายการบินจะเร่งผลักดันนำเครื่องบินรุ่นใหม่เทคโนโลยีล้ำสมัยและประหยัดพลังงานเข้าสู่ฝูง เพิ่มประสบการณ์การเดินทางให้ผู้โดยสาร ควบคู่กับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง

“นายเบอนัวต์ เดอ แซงต์-เอกซูเปรี” รองประธานบริหารฝ่ายขาย ฝ่ายธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2530 ที่มีการสั่งซื้อครั้งแรกจนถึงวันนี้มียอดสั่งซื้อสะสมเกือบ 100 ลำ ทาง ANA ถือเป็นลูกค้าคนสำคัญมาตลอดที่ใช้ตระกูล A320 ส่วน พีซ เอวิเอชั่น เลือกเพิ่มเครื่องรุ่น A321XLR เข้าสู่ฝูงบิน สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมและความไว้วางใจเรื่องสมรรถนะอันโดดเด่นของเครื่องบินตระกูล A320 ซึ่งทางแอร์บัสมุ่งมั่นจะให้การสนับสนุนเอเอ็นเอเต็มและพีซ เอวิเอชั่นขยายฝูงบินและเครือข่ายเส้นทางบินต่อเนื่องในอนาคตอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการบินโลกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 

ปัจจุบัน ANA มีเครื่องบิน A320 จำนวน 33 ลำ ส่วน “พีซ เอวิเอชั่น” มี 36 ลำ สำหรับเครื่องบิน A321neo เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล A320neo ได้ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ปลายปีกแบบชาร์คเล็ท การออกแบบห้องโดยสารเน้นประสิทธิภาพ ทั้งหมดช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ได้มากกว่า 20 % เมื่อเทียบกับเครื่องทางเดินเดี่ยวรุ่นก่อนหน้านี้ และจนถึงปัจจุบันนี้ทั่วโลก 90 ราย มีคำสั่งซื้อเครื่องบิน A321neo ด้วยยอดสะสมกว่า 7,000 ลำ

ขณะที่เครื่องบิน A321XLR สามารถปฏิบัติการควบคู่กับเครื่องลำตัวกว้างในฝูงบินของแต่ละสายการบิน ยืดหยุ่นเรื่องการเพิ่มจำนวนที่นั่ง เปิดเส้นทางบินใหม่ หรือให้บริการเส้นทางเดิมที่ผู้โดยสารมีความต้องการไม่แน่นอน แล้วยังเป็นเครื่องที่ประหยัดเชื้อเพลิงต่อที่นั่งได้ถึง 30 % เมื่อเทียบกับเครื่องบินคู่แข่งรุ่นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะห้องโดยสารแอร์สเปซใหม่พร้อมมอบความสะดวกสบายเที่ยวบินระยะไกลแก่ผู้โดยสารทุกชั้นได้เป็นอย่างดี  

บางจากปลื้ม!! ติดอันดับ 17 Fortune Southeast Asia 500ปี’68

 บางจากติดอันดับ 17 Fortune Southeast Asia 500ปี’68

ทำยอดขายโตสูงสุดในกลุ่มบริษัทพลังงานTop20เอเชีย



เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #บางจาก #FortuneSoutheastAsia500

อ่านใน gurutourza...

บางจากฯ ปลื้ม Fortune Southeast Asia 500 ปี’68 ติดอันดับ 17 ขยับรวดเดียวจากปีก่อนถึง 7 อันดับหลังทำยอดขายโตสูงสุดในกลุ่มบริษัท Top 20 ด้านพลังงาน ทั่วเอเชียมีมูลค่ารวมกว่า 1.82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำรายได้สูงสุด 1 ใน 3

            บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับจากประกาศรายชื่อ Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2568 ขึ้นมาอยู่อันดับ 17 ของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 500 บริษัท ดีขึ้นกว่าปี 2567 อยู่อันดับ 24 สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในเวทีนานาชาติ รวมทั้งยังเป็นกลุ่มบริษัทไทยติดอันดับ 4 จาก 100 บริษัท และติดอันดับ 6 จาก 60 บริษัท กลุ่มบริษัทพลังงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

            นิตยสาร Fortune ได้จัดอันดับดังกล่าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นปีที่ 2 ใช้วิธีรวบรวมรายชื่อ 500 บริษัทที่มีรายได้สูงสุด จากนั้นก็พิจารณารายได้ปีงบประมาณ 2567 ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย  มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา

ปี 2568 บริษัทที่ติดอันดับทั้งหมดมีมูลค่ารายได้รวมกว่า 1.82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน  1.7 %  “กลุ่มธุรกิจพลังงาน” ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูงสุด คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของรายได้รวมทั้งหมด สะท้อนบทบาทสำคัญของภาคพลังงานกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างเข้มแข็ง

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นความยินดีและภูมิใจที่บางจากได้รับการขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 17 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากปี 2567 อยู่อันดับที่ 24 พร้อมทั้งทำยอดขายเติบโตเพิ่มถึง 47% สูงสุดในกลุ่มบริษัท Top 20 ที่ได้รับการจัดอันดับครั้งนี้

            “ความสำเร็จ” ครั้งนี้เป็นผลจากความมุ่งมั่นของทุกคนในองค์กรในการดำเนินงาน ร่วมมือกันสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือกับขยายโอกาสเชื่อมโยงกับพันธมิตรในระดับนานาชาติได้ดียิ่งขึ้น แล้วบางจากยังได้แสดงศักยภาพในฐานะบริษัทไทยที่สามารถยืนหยัดบนเวทีนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ

            Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2568 ได้เผยแพร่รายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับโดยเข้าเยี่ยมชมได้ทาง Fortune.com/asia ตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

 

คิง เพาเวอร์-AOTทางเลือกสู่ทางรอดดิวตี้ฟรี5สนามบิน

 

คิง เพาเวอร์-AOTทางเลือกสู่ทางรอดดิวตี้ฟรี5สนามบิน

36ปีโอกาสความท้าทายธุรกิจไทยสร้างชื่อในตลาดโลก



เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #dutyfree #KingPower

อ่านใน มติชนออนไลน์... https://www.matichon.co.th/publicize/news_5234597 

เมื่อยุครุ่งเรืองของ “ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” เกิดจุดเปลี่ยนเชิงลบครั้งใหญ่ต่อเนื่องมากว่า 7 ปี หลังปลายปี 2562 เมื่อโรคระบาดใหม่โควิด-19 ช็อกเศรษฐกิจโลก ผนวกกับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นำมาสู่ปรากฏการณ์ “ทางเลือกสู่ทางรอด” ระหว่าง “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ธุรกิจของคนไทยผู้บุกเบิกร้านค้าปลอดอากร (duty free) ในเวทีโลกเป็นปีที่ 36  จำเป็นจะต้องยื่นหนังสือขอเจรจาแนวทางแก้ปัญหาการลงทุนพัฒนาดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยาน (Airport duty free) กับ “บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT ใน 5 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่(สงขลา)


โดยมี บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ประมูลชนะได้สิทธิใช้พื้นที่แต่ละท่าอากาศยานจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี พอทำสัญญา 3 แห่ง ที่ ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ ช่วงกรกฎาคม 2562 ผ่านไป 3 เดือน ก็เกิดโควิด-19 ระบาดขึ้นทำให้คนทั่วโลกต้องหยุดเดินทางทันทีต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566

ท่ามกลาง “พายุเศรษฐกิจกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ทั่วโลกเดินทางมาไทยเป็นช่วง “ขาลงแรง” นับจากปี 2562 เดิมต่างชาติเคยมาไทยปีละเกือบ 41 ล้านคน แล้วก็หดตัวลงอย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบันตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่าง  1 มกราคม - 8 มิถุนายน 2568 ต่างชาติมาท่องเที่ยวเมืองไทยเพียง 15 ล้านคน ลดลง 2.87 % ตลาดหลักอย่าง “สาธารณรัฐประชาชนจีน”เคยมากสุดเกือบ 11 ล้านคน/ปี ขณะนี้เหลือเพียง 2.04 ล้านคน หรือแค่ 25% ของยุครุ่งเรือง

แล้ว “กำลังซื้อหลักของดิวตี้ฟรีไทย” คือ “จีน” มากถึง 70 %  มีคนไทยเดินทางต่างประเทศอีก 15-20 % ส่วนที่เหลือเป็นต่างชาติอื่น ๆ 5-10 %

“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้พยายามเจรจากับ AOT และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาตลอดถึงหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แล้วไปมีผลกระทบกับธุรกิจดิวตี้ฟรีเมืองไทย จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2568  บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) จำเป็นต้องยื่นหนังสือถึง AOT ขอหารือแนวทางการยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยาน 5 แห่ง สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่

อ้างอิงตามเอกสาร AOT เลขที่ 10492/2568 แจ้งถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 เรื่อง บริษัท มีหนังสือขอหารือแนวทางยกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT โดยระบุสาเหตุ “ไม่ได้มาจากความผิดของคิง เพาเวอร์” แต่เพราะมีผลกระทบรุนแรงเป็นเหตุสุดวิสัยจาก 7 ปัจจัย ได้แก่

1.สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดส่งผลให้ต่างชาติเดินทางลดลง 2.ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดลงโดยเฉพาะจีน 3.ภาครัฐขาดมาตรการบริหารจัดการความปลอดภัยส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง 4.การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของ AOT 5.รัฐลดภาษีนำเข้าไวน์ส่งผลกระทบกับยอดจำหน่ายในร้านค้าดิวตี้ฟรี 6.สถานการณ์ในประเทศทำให้จำนวนผู้โดยสารลดลง 7.สถานการณ์สงครามและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว


“นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์” รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOTเปิดเผยว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) AOT ได้จัดประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 8/2568 เมื่อ 16 มิถุนายน 2568  โดยมี “นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย” ประธานกรรมการ และประธานที่ประชุม ได้เร่งรัดให้แต่งตั้ง “คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยาน” ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT และจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยเร็วภายใน 60 วัน

หลังจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ส่งเอกสารขอยกเลิกประกอบกิจการด้วยเหตุและปัจจัยตั้งแต่สถานการณ์โควิดระบาด ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจโลก มีผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เดินทางมาไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่กระทบกับการจ่ายค่าตอบแทนที่ “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” ค้างชำระอยู่ เพราะยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่วางไว้เป็นหลักประกันตามหลักเกณฑ์ในสัญญา ถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญากรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น

ขณะนี้ AOT ยังมีสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแรงและยังมีแผนหารายได้เพิ่มจากแหล่งอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 4 กิจกรรม เช่น 1.รายได้จากค่าใช้บริการระบบไฟฟ้า 400 Hz ระบบปรับอากาศ PC AIR 2.โครงการผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น 3.การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่สาม 4.การพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์รอบท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue)

ทางด้าน “ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “CEO” คนใหม่ บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า คิง เพาเวอร์ พร้อมปฏิบัติตามกรอบข้อสรุปของ AOT เนื่องจากเอกชนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองใด ๆ ทางออกที่ดีคือรอกรอบเงื่อนไขที่พึงปฏิบัติร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ



สำหรับสัญญาประกอบกิจการของ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี กับ AOT เบื้องต้น ใน 3 ท่าอากาศยาน ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ ล่าสุดจะหมดสัญญา 31 มีนาคม 2576 เช่นเดียวกับ สุวรรณภูมิ และดอนเมือง อยู่ในช่วงปีใกล้เคียงกัน

“กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” เป็นธุรกิจของคนไทยได้ยืนหนึ่งบุกเบิกการลงทุนดิวตี้ฟรีเมืองไทยให้ทั่วโลกรู้จักชื่อเสียง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในตลาดโลก รวมถึงได้จัดทำโครงการยกระดับ “ย่านรางน้ำ” ที่ตั้งธุรกิจเรือธงเป็นย่านท่องเที่ยวแห่งใหม่ของไทยหรือ FESTIVALISATION เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่และประเทศ ล่าสุดเดือนพฤศจิกายน 2567 นำย่านรางน้ำ คว้ารางวัลนานาชาติ RETAILER CAMPAIGN OF THE YEAR ภายใต้แคมเปญ “FESTIVALISATION RANGNAM

ตลอด 36 ปี คิงเพาเวอร์ ได้จ้างงาน สร้างอาชีพ ดูแลพนักงานและครอบครัวจำนวนหลายหมื่นชีวิตทั่วประเทศให้มีรายได้เลี้ยงชีพ พร้อมทั้งจ่ายภาษีธุรกิจทางตรงและทางอ้อม ร่วมสร้างเศรษฐกิจประเทศ และทุ่มเทคืนประโยชน์สู่สังคมทำโครงการต่อเนื่อง King Power Thai Power : พลังคิง เพาเวอร์ พลังคนไทย” ต่อเนื่องมากว่า 8 ปี เดินหน้าปั้น “แบรนด์สินค้าชุมชนไทย” เกรดพรีเมี่ยม นำไปวางขายในตลาดนานาชาติ



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ใช้ธุรกิจดิวตี้ฟรีเป็นสายใย “เชื่อมโยงเศรษฐกิจชาติ” เติบโตในเวทีโลก เคียงข้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมายาวนานถึง 3 ทศวรรษ วันนี้เมื่อผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญปัญหาท้าทาย ทุกฝ่ายควรจะหันหน้าหาทางออกให้องคาพยพอาชีพของคนตัวเล็ก ๆ ตั้งแต่เศรษฐกิจแบรนด์ชุมชนฐานราก ไปจนถึงสินค้านานาชาติ มีโอกาสได้อยู่กับคนไทยเป็น “ทางเลือก สู่ทางรอด” ไม่เฉพาะแต่ คิง เพาเวอร์ เท่านั้น หากยังรวมถึงคนไทยจำนวนมาก ต่างก็พร้อมสร้างประโยชน์ที่ดีให้ประเทศไทยต่อไป

 

ชิมด่วน !รังนกฮ่องกงที่ห้องซัมเมอร์พาเลซ รร.อินเตอร์คอนฯ1 ก.ค.- 31 ส.ค. 68

 ชิมด่วน !ที่ซัมเมอร์พาเลซเสิร์ฟเมนูพิเศษรังนกฮ่องกง

รร.อินเตอร์คอนกรุงเทพฯจัดเต็ม 1 ก.ค.- 31 ส.ค. 68


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #ห้องซัมเมอร์พาเลซ #เมนูพิเศษรังนกฮ่องกง

ห้องซัมเมอร์ พาเลซ โรงแรมอินเตอร์คอนฯ กรุงเทพฯ ชวนชิมเมนูพิเศษ “รังนกจากฮ่องกง” คาร์เวียแห่งตะวันออก มื้อกลางและค่ำ 1 ก.ค.-31 ส.ค.68 ราคาเริ่มต้น 380++บาท/เมนู 

ห้องอาหาร ซัมเมอร์ พาเลซ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โรงแรมที่ได้รับตราสัญลักษณ์ “มิชลิน คีย์” หรือกุญแจ มิชลิน 1 ดอก จาก มิชลิน ไกด์ มีเมนูมาแนะนำอาหารพิเศษปรุงจาก “รังนกรสชาติดั้งเดิมแบบฮ่องกง” ส่งตรงถึงกรุงเทพฯ พร้อมเสิร์ฟตลอดเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568


“ราคาเริ่มต้น” จานละ 380++ บาท ให้บริการระหว่าง 1 กรกฎาคม -31 สิงหาคม 2568  เสิร์ฟ “มื้อกลางวัน” ตั้งแต่ 11.30 - 14.30 น. “มื้อค่ำ” ตั้งแต่ 18.00 -22.30 น. ที่ห้องอาหาร ซัมเมอร์ พาเลซ ชั้น M โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

“อาหารพิเศษจากรังนก” ปรุงอย่างมีพิถีพิถันหลายขั้นตอน โดยมีเมนูแนะนำ ได้แก่ เสี่ยวหลงเปารังนก รังนกตุ๋นเนื้อปูอะลาสก้าและเห็ดหูหนูขาวเผือกรังนกกะทิสด ไข่ขาวตุ๋นรังนกนมสดในลูกมะพร้าว ทุกเมนูรังนกมีลักษณะใสเหมือนวุ้น กรอบเล็กน้อย ทั้งอร่อยและอุดมไปด้วยคุณค่า มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมา โดดเด่นด้วยรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของอาหารโลกตะวันออก


“รังนก” ถือเป็นอาหารชั้นเลิศในจีนมาหลายร้อยปีและมักได้รับสมญานามว่า “ทองคำขาว” หรือ “คาเวียร์แห่งตะวันออก” รังสร้างจากน้ำลายนกนางแอ่นสามารถรับประทานได้

เชื่อกันว่ารังนกเหล่านี้อุดมไปด้วย “โปรตีนและสารอาหาร” สำคัญ เช่น ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม

แล้ว “รังนก” ยังมีคุณสมบัติกระตุ้นการผลิตกรดอะมิโนจำเป็นและคอลลาเจนในร่างกาย จึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและมีบทบาทในการชะลอวัยตามธรรมชาติ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดอาหารบำรุงสุขภาพของโลกตะวันออกนั่นเอง

สอบถามข้อมูลเพิ่มหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร +66 (0) 2 656 0444 อีเมล dining.bkkhb@ihg.com หรือ www.InterContinental.com/Bangkok


 

อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปร“คนไทย”ตั๋วราคาพิเศษ 450-500บาท

  อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปรปัง “นักท่องเที่ยวไทย” 18 มิ.ย.- 31 ก.ค.ซื้อตั๋วราคาพิเศษ 450-500 บาท/คน เรื่องโดย... # เพ็ญรุ่งใยสามเสน #guru...