วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การบินไทย-ททท."ปฎิรูปใหม่โดยเกาไม่ถูกที่คัน


"การบินไทย-ททท.55ปีเจอมรสุมขั้นโคม่า
เส้นทาง ปฏิรูปท่องเที่ยวที่เกาไม่ถูกที่คัน


เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : rakdeethai@gmail.com (อ่านฉบับเต็มได้ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับวันที่ 31 ก.ค.-6 ส.ค.2558) ติดตามสกู๊ปต่อเนื่องในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ และโซเชียลมีเดีย www.facebook.com/penroong, blogger :gurutourza.blogspot.com, www.googleplus.com/penroong
เครืองการบินไทย B747-400 จอดที่สนามบินกรุงโรม(29ก.ค.2558)
 

กระแสการปฎิรูป อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบินในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  กลายเป็นประเด็นร้อนเขย่าเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศที่เหลือเพียงเสาเดียวทันที เมื่อมีการเสนอให้ผ่าโครงสร้าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  ซึ่งทั้งสององค์กรเพิ่งฉลองครบรอบ 55 ปีเมื่อกลางปี 2558  แต่ขณะนี้พนักงานรวมกว่า 30,000 คน เกิดอาการช็อกขั้นโคม่า หากต้องถูกผ่าตัดครั้งใหญ่ในเร็ววันนี้ จากเหตุการณ์ 2 เวที

เวทีแรก คณะกรรมาธิการเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชย์ การท่องเที่ยวและบริการ เสนอรัฐบาลผ่าโครงสร้างท่องเที่ยวใหม่ทั้งระบบ ด้วยวิธีจัดตั้ง คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติขึ้นตรงกับ สำนักนายกรัฐมนตรี ควบคู่กับการจัดตั้ง สำนักงานนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ มีฐานะเทียบเท่ากรมหรือกระทรวง รับโอนย้ายทั้งคนและภารกิจ ททท. และ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปรวมอยู่ด้วยกัน ส่วน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังไม่ชัดเจนว่าจะต้องยุบหรือผ่าเป็นสองเสี่ยง

เวทีที่สอง กรรมการอำนวยการในคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติให้ "ปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ" เพิ่ม 2 เส้นทางหลัก ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป ได้แก่ เที่ยวบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-โรม (อิตาลี) และ กรุงเทพฯ-โซล-ลอสแองเจลิส (สหรัฐอเมริกา) เป็นการทยอยประกาศปิดจุดบินต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีที่การบินไทยหยุดบิน กรุงเทพฯ-มอสโค (รัสเซีย) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ต่อด้วย กรุงเทพฯ-แมดริด (สเปน) วันที่ 5 กันยายน 2558 เป็นต้นไป โดยก่อนหน้าก็ยกเลิกบินญี่ปุ่นบางเมืองไปเรียบร้อยแล้ว และอนาคตยังมีอีกหลายเมืองอยู่ระหว่างจ่อหยุดบินเพราะอ้างขาดทุนถึง 50 จุดบิน

การตัดสินใจใช้เหตุผลต้อห้ามเลือด ผลการดำเนินงานที่ขาดทุนด้วยวิธี หยุดบินเส้นทางระหว่างประเทศ มองในมุมกลับสวนทางกัน 3 เรื่อง คือ เรื่องแรก เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 การบินไทยเพื่ออนุมัติจ้าง นายเวร์น เพียซ อดีตผู้บริหารสายการบินต่างชาติเข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วยค่าจ้างเดือนละประมาณ 3 ล้านบาท จ่ายค่าจ้างสูงกว่านายจรัมพร โชติเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD)  3.5 เท่า เรื่องที่ 2 การบินไทยยังคงเดินหน้าเตรียมแผนจัดซื้อฝูงบินเพิ่มกว่า 20 ลำ เรื่องที่สาม สวนทางกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกซึ่งตกต่ำถึงขีดสุดไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ในสหภาพยุโรปหลายประเทศเริ่มดีขึ้นโดยเฉพาะ อิตาลี จีดีพีจากเดิมติดลบ ปีนี้เป็นบวก 0.4 %
หน้าสำนักงานการบินไทย กรุงโรม (เมื่อ27 กรกฎาคม 2558)
 

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบินเมืองไทย ในส่วนของ ททท.ใช้เวลานานกว่า 30 ปี ต่อสู้เพื่อออกจากระบบราชการเป็นรัฐวิสาหกิจเพื่อให้การทำงานคล่องตัวสง่างามสมฐานะกับบทบาท "องค์กรความเป็นเลิศทางการตลาดด้านท่องเที่ยว  จากจุดเริ่มปีแรก ๆ ทำรายได้จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้หลักพันล้านบาท ปี 2558 ทำได้กว่า 1.3 ล้านล้านบาท และยังได้แสดงอย่างมืออาชีพฟื้นฟูกำลังซื้อหลังวิกฤตการเมืองในประเทศ โดยใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเที่ยวเพิ่มอย่างรวดเร็วกว่า 60 %  

สิ่งที่รัฐควร “ปฎิรูป คือ สร้างกองกำลังหนุนให้ ททท.นำพา อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ของประเทศเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประชาคมอาเซียน (AEC) และภูมิภาคเอเชียได้ด้วย 3 เรื่องหลัก ๆ คือ

 เรื่องแรก การสนับสนุนงบประมาณ ททท.ทำกิจกรรมการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพราะทุกวันนี้ทั่วโลกแข่งขันกันสูงมาก เพื่อใช้การท่องเที่ยวเป็นแม่เหล็กดึงดูดรายได้ ขณะนี้ประเทศในยุโรปทยอยประกาศยกเว้นวีซ่าให้นักเดินทางจากกลุ่มตะวันออกลาง สหรัฐอเมริกาอำนวยความสะดวกให้จีนทำวีซ่าตลอด 24 ชั่วโมง ญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้อาเซียนและไทย และอีกหลายประเทศหันมาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ในขณะที่ไทยยังคงปล่อยให้ ททท.ทำไปตามมีตามเกิด เพื่อนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นปีละ 8-10 % จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้านทั้ง สถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจโลก การเกิดโรคระบาดใหม่ ๆ ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางได้ตลอดเวลา

เรื่องที่ 2 เร่งรัดทุกกระทรวงซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ท่องเที่ยวบูรณาการใช้งบประมาณร่วมกั เพื่อพัฒนาโปรดักซ์ท่องเที่ยวที่อยู่ในความรับผิดชอบให้มีมาตรฐานและยั่งยืน โดยเฉพาะกระทรวงหลัก ๆ อาทิ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงกลาโหม (แหล่งท่องเที่ยวทหาร) ประการสำคัญที่สุดรัฐต้องสร้างกลไกให้องค์กรท้องถิ่นทั่วประเทศใช้งบฯอย่างถูกทาง

เรื่องที่ 3 รื้อโครงสร้างมาตรฐานความปลอดภัย (Safety & Security) นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาตินานาประเทศให้มีคุณภาพ กำหนดเกณฑ์การปกป้องดูแลและวิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน พร้อมทั้งให้คุณและโทษเจ้าหน้าที่อย่างจริงจัง

 หากจะ ปฏิรูปท่องเที่ยวด้วยวิธีรื้อโครงสร้างหน่วยงาน ททท.กลับไปสู่ยุคเก่า  แต่ไม่ปรับทัศคติวิธีทำงานของกระทรวงใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักมีทั้งอำนาจอยู่เต็มมือให้ลุล่วงแล้ว แก่นแท้ของปัญหาจะยังคงอยู่ ส่วน การปฎิรูปก็เป็นเพียงการประดิษฐ์คำสวย ๆ ขึ้นมาพูดเท่านั้นเอง
เครื่องการบินไทย B747-400 จอดรอผู้โดยสารในโรม (29ก.ค.58)
 

ขณะที่ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ ต้องฟันฝ่านาน 30 ปีเช่นกัน กว่าจะช่วงชิงตารางเวลาบินในช่วงที่ดีที่สุด (slot  time) จากแต่ละประเทศ มาให้ผู้โดยสารทำรายได้เป็นกอบกำปีละ 2-2.5 แสนล้านบาท เป็นจุดแข็งและจุดขาย และการบินไทยมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศที่บริการบินตรงจากเมืองหลักทั่วโลกเข้าไทยโดยไม่ต้องบินไปแวะพักตามเมืองต่าง ๆ ให้เสียเวลาเหมือนกับสายการบินนานาชาติอื่น ๆ

 
            ส่วนผลการดำเนินงานของเส้นทางบินระหว่างประเทศไม่ทำกำไร และ/หรือ ขาดทุน สวนทางกับสายการบินชั้นนำของโลกและ low cost Airlines นั้น เป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่งว่ามาจาก 5 ตัวแปรหรือไม่ ?

 เรื่องแรก  แข่งขันไม่ได้หรือ ไม่ได้คิดแข่งขัน จึงทำให้ ค่าใช้จ่าย สูงกว่า รายได้และสูญเสีย  ส่วนแบ่งการตลาดการบรรทุกผู้โดยสาร ในยุโรปให้กับสายการบินคู่แข่งไปมากถึง 60 %  ขณะที่สายการบินชั้นนำของโลกยังเติบโตตามปกติ 2-5 %  

เรื่องที่ 2 การจ้างฝ่ายบริหารไปประจำเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก อยู่ดีกินดีแต่ละคนนานนับ 10 ปี มีรายได้และสิทธิพิเศษสูงลิบ ส่วนการทำตลาดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสต๊าฟท้องถิ่น จึงหนึ่งในสาเหตุทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย ฐานลูกค้าใหม่ไม่กระเตื้อง

 เรื่องที่ 3 ผลพวงจากรัฐบาลบังคับให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทั้งหมดต้องซื้อตั๋วโดยสารการบินไทยเท่านั้น (ทุกเส้นทางที่การบินไทยมีบริการ) และต้องจ่ายเต็มราคา (IATA Fare) เป็นส่วนทำให้กลายเป็นเสือนอนกิน 

เรื่องที่ 4 วางกลยุทธ์ตั้งราคาขายไม่สอดคล้องกับตลาด ใช้เครื่องบินไม่เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร ทำให้ลูกค้าจึงหันไปซื้อตั๋วจากคู่แข่ง ซึ่งมีฝูงบินทันสมัย มีบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก ดีกว่าการบินไทย

 เรื่องที่ 5 ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา  ผู้บริหารหลักในสำนักงานใหญ่ โดยเฉพาะฝ่ายการพาณิชน์ ขาดความเป็นมืออาชีพหรือไม่ จึงไม่ตัดสินใจอนุมัติโครงการที่ฝ่ายผู้บริหารประจำสาขาหลายแห่งทั่วโลกเสนอมา การทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับภาคีพันธมิตรในประเทศนั้น ๆ จึงหมดโอกาสขยายตลาดใหม่ ๆ

            นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศเดินทางเข้าประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปี 2558 จะมีจำนวนมากถึง 28 ล้านคน และเป้าหมายปี 2559 ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเฉลี่ยอีกไม่ต่ำกว่า 8 % จากสายการบินระหว่างประเทศให้บริการบินประจำเข้า มายังสนามบินนานาชาติกรุงเทพฯ ทั้ง 2 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองปีละกว่า 100 แอร์ไลน์ส ตลาดยุโรปเข้ามาเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า 5 ล้านคน จากอิตาลีทั้งโรมและมิลานรวมกันปีละกว่า 2 แสนคน
คุณจุฑาพร เริงรณอาษา รักษาการผู้ว่าททท.ลงนามความร่วมมือกับ เชน โอแฮร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดเอทิฮัด
โดยมีคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ คุณสุรพิทย์ กรีบุตร เอกอัครราชฑูตไทยประจำโรม
ร่วมเป็นสักขีพยาน(22 ก.ค.58)

 

เชน โอแฮร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาด สายการบินเอทิฮัด ซึ่งใหญ่อันดับ 1 ใน 5 ของโลก กล่าวว่า ผู้โดยสารในตลาดสหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่องมาตลอดจากปัจจุบันถึงอนาคต ทางเอทิฮัดได้เลือกใช้ประเทศไทยเป็นเกตเวย์บริการนักท่องเที่ยว 2 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ มีบินตรงประจำทุกวัน และต่อเที่ยวบินเข้าไปยังภูเก็ตอีกสัปดาห์ละ 5 เที่ยว รวมสัปดาห์ละ 35 เที่ยว และภายในเดือนตุลาคม 2558 จะเพิ่มเที่ยวบินเข้าภูเก็ตสัปดาห์ละ 7 เที่ยว

ล่าสุดในงาน World Expo 2015 เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2558 “เอทิฮัด ได้ลงนามโครงการความร่วมมือทางการตลาดกับ ททท.ลงขันเงินกันรวม 30 ล้านบาท ตั้งเป้านำนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพในยุโรปกว่า 20 ตลาด และ ตะวันออกกลาง 8 ประเทศ รวม 800,000 คน เลือกเที่ยวในไทยตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2559    พร้อมนำรายได้เข้าไทยกว่า 500 ล้านบาท

 ณ ขณะนี้การเสนอแนวทาง“ปฎิรูปท่องเที่ยวด้วยการรื้อโครงสร้าง ททท.ใหม่  และ/หรือ การเลือกใช้วิธีสะดวกให้สายการบินแห่งชาติหยุดบินระหว่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นการปฎิรูปโดย เกาไม่ถูกที่คันทั้งสิ้น

 
สกู๊ปปฏิรูปท่องเที่ยว "รื้อโครงสร้าง ททท.-การบินไทยหยุดบินทั่วโลก" ลงมติชนสุดสัปดาห์ หน้า 44 ฉบับ 31ก.ค.-6ส.ค.58

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ททท.เที่ยววิถีไทยในประเทศมาแรงปี'59

เที่ยววิถีไทยในประเทศมาแรงปี’59
ททท.5ภูมิภาคปลุกจุดขาย5บิ๊กโปรเจ็กต์

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน :rakdeethai@gmail.com (อ่านรายละเอียดได้ใน "หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน" ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2558)

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับความท้าทายการทำตลาดเชิงคุณภาพในปี 2559 “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” โดยตั้งเป้าหมายรายได้ “ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ”  ไว้สูงถึง 807,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 % เน้นเพิ่มกลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายเงินจาก 4 ตลาดศักยภาพ” ได้แก่ กลุ่มสูงวัย (Active Senior) กลุ่มผู้หญิง (Single Living/Women Empower) กลุ่มคู่รักยุคใหม่ไร้ลูก (DINKs) และ กลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย

“นายอานุภาพ ธีรรัฐ” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. อธิบายว่าได้วางกลยุทธ์การสร้างแม่เหล็กดึงดูดรายได้ปี 2559 เสนอขายสินค้าท่องเที่ยวเพื่อปลุกกำลังซื้อตลอดทั้งปี 5 โครงการหลัก ประกอบด้วย สินค้าต่อเนื่องมี 3 โครงการ ได้แก่ ท่องเที่ยววิถีไทย เมืองต้องห้ามพลาด พลัส วันธรรมดาน่าเที่ยว  และสินค้าใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ เทศกาลท่องเที่ยวกลางแจ้ง (Outdoor Fest) และ โครงการเขาเล่าว่า...นำเสนอมุมมองในเชิงคุณค่าเพิ่มแรงจูงใจให้เข้าไปค้นหาความแปลกใหม่ตามสถานที่ท่องเที่ยวชุมชน


การทำตลาดเชิงรุกภายในประเทศจะเริ่มตามปีงบประมาณวันที่ 1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2559 โดยการขับเคลื่อนของสำนักงาน ททท. 5 ภูมิภาค จะต้องสร้างกิจกรรมกระตุ้นรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 807,000 ล้านบาท

“ททท.ภูมิภาคภาคกลาง” ซึ่งดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยว 20 จังหวัด ได้รับโจทก์ให้ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 มูลค่าถึง 384,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7 % อันดับ 2 “ททท.ภูมิภาคภาคใต้” ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยว 14 จังหวัด ต้องทำรายได้ 160,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 %   อันดับ 3 “ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ” ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยว 17 จังหวัด ต้องทำรายได้ 117,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% อันดับ 4 “ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก” ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยว 6 จังหวัด ต้องทำรายได้ 80,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 %  สุดท้าย อันดับ 5 “ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ดูแลพื้นที่ตลาดการท่องเที่ยว 20 จังหวัด ต้องทำรายได้ 63,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 %   


“เนื้อหาจากโครงการใหม่ “เขาเล่าว่า” โดยสร้างเรื่องราวนำเสนอมุมมองในเชิงคุณค่า เพื่อเพิ่มแรงจูงใจนักท่องเที่ยวคนไทยเข้าไปค้นหาความแปลกใหม่ ซึ่งจะใช้จุดขายของ 12 เมืองต้องห้ามพลาด บวกกับเมืองเชื่อมโยงใกล้เคียงที่จะขยายในปีหน้าอีก 12 เมือง รวมเป็น 24 เมือง เดินเรื่องเขาเล่าว่าโดยลงลึกเรื่องราวความมหัศจรรย์ของแต่ละพื้นที่ โดยใช้การสื่อสารแบบ content marketing ควบคู่กับการสร้างกระแสความภาคภูมิใจในความเป็นไทยโดยคิดสร้างสรรกิจกรรมการมีส่วนร่วมแชร์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ดึงดูดคนไทยให้ตัดสินใจเลือกแนวทางแรกคือท่องเที่ยวในประเทศนั่นเอง เป็นการทำตลาดโดยให้ผู้ใช้บริการเลือกเนื้อหาด้วยตนเอง”

รองผู้ว่าด้านตลาดในประเทศ ททท.กล่าวเพิ่มว่า แนวทางสร้างสีสันกระตุ้นตลาดในประเทศปี 2559 มี 2 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวทางแรก เจาะตลาดศักยภาพที่ใช้จ่ายสูงทุกกลุ่ม โดยมีกิจกรรมรองรับมีทั้ง อีเวนต์การตลาด งานแฟร์ท่องเที่ยว เทศกาลท่องเที่ยว outdoor Fest เทศกาลท่องเที่ยวกับผู้มีชื่อเสียงเป็นต้นแบบของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และ กิจกรรมโปรโมชั่นร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ผลิตแพกเกจเด่น ๆ โดยเฉพาะ แยกเป็น “กลุ่มผู้สูงวัย” จะจัดแพกเกจแซบสนุก สะสมเสบียงบุญ “กลุ่มสตรี” จัดแพกเกหญิงใหญ่ เลดี้แอนด์เดอะแกงค์ เส้นไหม..ใยฝ้าย “กลุ่มฮันนีมูน” จัดแพกเกจ หาดทราย สายลม สองเรา “กลุ่มเจเนอเรชั่นวาย” จัดแพกเกจเอ็กซ์คลูซีพทริปให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของวัย
            
        แนวทางที่สอง กระตุ้นตลาดด้วยการนำเอกลักษณ์จุดเด่นสื่อสารเข้าถึงแต่ละกลุ่มเป้าหมาย (mainstream) เพิ่มนักท่องเที่ยวเพื่อกระจายไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวอันดับรอง 24 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส” ขยายการเดินทางท่องเที่ยว “วันธรรมดาน่าเที่ยว” เรื่อยไปจนถึงส่งเสริมการตลาดต้อนรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะทำให้ไทยเป็นประตูเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน หรือ ASEAN Connectivity ซึ่งเน้นความร่วมมือกับภาคเอกชนผลิตแพกเกจพักค้างคืนในประเทศไทยโดยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านได้


แพกเกจที่น่าสนใจซึ่งเริ่มทยอยออกสู่ตลาดบ้างแล้วตามโครงการไทยประตูเชื่อมโยงการท่องเที่ยวอาเซียน เช่น เส้นทาง “สวัสดีอุตรดิตถ์-สบายดีหลวงพระบาง-คิดฮอดเมืองเลย” แพกเกจบินไทยขับรถกลับ เส้นทาง “กรุงเทพฯ-สตูล-เกาะลังกาวี” และยังมีอีกหลากหลายเส้นทางที่ภาครัฐและเอกชนจะร่วมกันสร้างสรรเพื่อกระตุ้น “การท่องเที่ยวภายในประเทศ” เชื่อมโยงเป็นตลาดเดียวกันกับอาเซียน

“นายศุกรีย์ สิทธิวนิช” รองผู้ว่าด้านสื่อสารการตลาด ททท.กล่าวว่าการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 เข้าสู่โค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน นี้ ตลอด 3 เดือน ได้จัดกิจกรรมยิ่งใหญ่กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ “เดือนกรกฎาคม” 2558 จัดกิจกรรม "สานศิลป์ แผ่นดินอาเซียน" ต้อนรับการเปิดประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งแต่ละประเทศมีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม อาหาร ศิลปะดนตรี ประติมากรรม ซึ่งมีรากวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน และอีกงานสำคัญคือ “เข้าพรรษา” คือ เทศกาลเทียนศิลปะนานาชาติ ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี
 "เดือนสิงหาคม" 2558 ททท.เตรียมจับมือกับบริษัทผู้ประกอบการนำเที่ยว สายการบิน โรงแรมทั่วประเทศ จัดแพ็กเกจ "สิงหาพาแม่เที่ยว" เสนอขายได้ตลอดทั้งเดือน เพื่อให้ลูกๆ พาแม่ไปทำกิจกรรมได้มากมาย อาทิ ท่องเที่ยว ชมธรรมชาติ บำบัดสปา เข้าวัดทำบุญ รับประทานอาหาร และช็อปปิ้ง
"เดือนกันยายน" 2558 จะทุ่มทำประชาสัมพันธ์มหกรรมงาน "อาหารนานาชาติ" ตอกย้ำถึงชื่อเสียงอาหารไทยต้นตำรับครัวไทยสู่ครัวโลก ปีนี้ในงาน World Expo 2015 เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี รัฐบาลไทยและหน่วยงานเกี่ยวข้องได้นำอาหารไทยไปเผยแพร่ พร้อมสาธิตการทำเมนูขึ้นชื่อและจำหน่ายให้ผู้ที่เข้าไปร่วมชมงานได้ชิมตลอดทั้ง 6 เดือน ไปจนถึงเดือนตุลาคม
ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2559  ไตรมาสแรกปี 2559 ระหว่าง "เดือนตุลาคม-ธันวาคม" 2558 เริ่มเดือนแรก “ตุลาคม 2558 จะทำโฆษณาประชาสัมพันธ์มหกรรมงานบุญ "ออกพรรษา" โดย ททท.จะรณรงค์การท่องเที่ยวเยี่ยมชมวิถีชุมชนอนุรักษ์กรรมวิธีการทำต้นเทียนพรรษาตามจังหวัดต่างๆ และยังเป็นช่วงฤดูเริ่มต้นจัดแข่งขันเรือนานาชาติตามลำน้ำสำคัญๆ จึงเลือกท่องเที่ยวได้หลากหลาย
  “เดือนพฤศจิกายน” 2558 ไฮไลต์การจัดมหกรรม "สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง" ในพื้นที่หลัก 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม ราชบุรี แต่ละจังหวัดจะมีเอกลักษณ์การจัดงานลอยกระทงโดดเด่นแตกต่างกันไป
ในกรุงเทพฯ จะใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไฮไลต์ นำเรือมาตกแต่งประดับไฟฟ้า9 ลำ พร้อมการแสดงวัฒนธรรมบนเรือให้นักท่องเที่ยวตลอดฝั่งแม่น้ำได้ชมจากสะพานพระราม 8 พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ วัดอรุณราชวราราม สะพานพระพุทธยอดฟ้า ไปจนถึงสาทร เอเชียทีค ไปจนถึงสะพานพระรามเก้า
 “เดือนธันวาคม”2558  จัด "เทศกาลแห่งความสุข" วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ พระผู้ทรงเป็นพลังแห่งแผ่นดิน วันที่ 30-31 ธันวาคม เป็นช่วงค่ำคืนสุดท้ายของปีแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นับถอยหลังเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ ทั่วไทยจะพร้อมใจกัน  เคาต์ดาวน์ และร่วมกิจกรรม "พิธีสวดมนต์ข้ามปี วิถีพุทธ"


ทั้งนี้ในปี 2559 ททท.ได้นำเสนอจุดขายในมุมมองใหม่สร้างความเก๋ไก๋การท่องเที่ยวไทยแต่ละภาคเน้นสื่อสารเชิงคุณค่าท่นักท่องเที่ยวจะได้รับจากการเดินทางไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละภาคในธีมใหม่ คือ ภาคเหนือ : เหนือฝัน ล้านแรงบันดาลใจ สื่อถึงการเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจ ภาคอีสาน : อีสานแซบนัว สื่อถึงความเป็นสุดยอดและความสนุกสนาน ภาคกลาง :สุขกลางใจ ใกล้แค่เอื้อม สื่อถึงการท่องเที่ยวใกล้ ๆ สุขใจง่าย ๆ กับสิ่งใกล้ตัว  ภาคตะวันออก :สีสันตะวันออก สื่อถึงการท่องเที่ยวที่เติมความสดใส เพิ่มสีสันให้ชีวิต ภาคใต้ :ปักษ์ใต้ ปักหมุดหยุดเวลา สื่อถึงการหยุดพัก หลบเร้นความวุ่นวายไร้กาลเวลา

ออกมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ ภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดย “ท่องเที่ยวเมืองไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” ปลุกกระแสความคึกคัก นำรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากกำลังซื้อในประเทศให้ได้ตามเป้าหมายปีหน้ามูลค่ารวม 807,000 ล้านบาท

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...