วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

คิงเพาเวอร์เปิดโรงแรมพูลแมนต้อนรับตูน บอดี้สแลม 3-5 ธ.ค.นี้

คิง เพาเวอร์เปิดบ้านต้อนรับ “ตูน บอดี้สแลม” 3-5 ธ.ค.นี้
พลังคนไทยกับโครงการ”ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย”

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน

อ่านได้ในออนไลน์ มติชนและข่าวสด ดัง link  ด้านล่าง
https://www.matichon.co.th/news/747980

https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_650511




นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า วันที่ 3 ธันวาคม 2560 เตรียมเปิดบ้าน ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ต้อนรับ “ตูน บอดี้สแลม - อาทิวราห์ คงมาลัย” ในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือและแรงสนับสนุนจากคนไทยทุกคน ทางคิง เพาเวอร์ ได้ร่วมสนับสนุนด้วยโครงการ KING POWER THAI POWER : พลังคนไทย” จัดทำกิจกรรม “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อส่งต่อ “ก้าวที่ยิ่งใหญ่” ที่คนไทยทำเพื่อคนไทยในการวิ่ง รวมระยะทางจากเบตง ยะลา สู่แม่สาย เชียงราย 2,191 กิโลเมตร

สำหรับการวิ่งในวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ตูน บอดี้สแลม และคณะ จะใช้ระยะทางวิ่ง1.4 กิโลเมตร จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามายังอาคาร คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ จากนั้นวันที่ 4 ธันวาคม 2560 จะหยุดพักผ่อน แล้วส่งต่อในวันที่ 5 ธันวาคม 2560 จากคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ สู่ The Sense ปิ่นเกล้า ระยะทาง 10.3 กิโลเมตรัง



ตลอดการก้าวผ่านภาคใต้ 24 วัน 850 กิโลเมตร เมื่อโครงการก้าวคนละก้าว วิ่งเข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตูนได้นำลูกฟุตบอลของคิง เพาเวอร์ มอบให้แก่เด็กและเยาวชนโรงเรียนบางสะพาน 1,005 ลูก แล้วคิง เพาเวอร์ จะร่วมก้าวไปกับตูนตลอดระยะทางที่เหลือเพื่อมอบลูกฟุตบอลให้ครบ 308 โรงเรียน

“ตลอดระยะทางที่ผมนำลูกฟุตบอลคิง เพาเวอร์ ไปมอบให้เด็ก ๆ ทุกคนกอดลูกฟุตบอลแน่น ผมและน้อง ๆ ต่างก็มีความสุขไปด้วยกัน” ตูนกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่สะท้อนถึงความสุขใจที่ได้ทำสิ่งดี ๆ


วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

สภาอุตสากกรรมท่องเที่ยวจัดไทยแลนด์โปรดักซ์ครั้งแรก--เที่ยวชุมชนกกสะทอน

สภาท่องเที่ยวจุดพลุจัดครั้งแรกทัวริสซึ่มโปรดักซ์
จับคู่ธุรกิจดันท่องเที่ยวชุมชนทั่วไทยบุกตลาดโลก
4ทายาทรุ่นใหม่คิงเพาเวอร์พุ่งเป้าธุรกิจเพื่อสังคม
ททท.รุกขายคุณภาพ12เมืองห้ามพลาดพลัสปี’61
บางจากกวาดรางวัลเพียบทุกเวทีตลอดเดือนพ.ย.
ชุมชนกกสะทอนชวนเที่ยวถิ่นสนามรักท้องถิ่นไทย
ผ่าสถานการณ์4แอร์ไลน์ไทยฝ่าวิกฤตแข่งดุปี’61
เคทีซีผนึก28ร้านอาหารดังอัดแคมเปญอิ่มไม่อั้น
ดรีมครุยส์ยกทัวร์อินเตอร์ขึ้นเกาะทำภูเก็ตคึกคัก

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen

ช่วงที่ 1 “คุณอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะมาถ่ายทอดโปรเจ็กต์ “Tourism Product -เที่ยวทั่วไทย เก๋ไก๋วิถีชุมชน” ซึ่งจะอีเวนต์ระดับประเทศนำร่องครั้งแรกสนับสนุนสภาท่องเที่ยว เปิดให้ตัวแทนภาคเอกชนสมาชิกแอตต้า กลุ่มอินบาวนด์ สมาคมโรงแรมไทย กับโดเมสติกร่วมมือเจรจาธุรกิจกันเพื่อขายโปรดักซ์ท่องเที่ยวชุมชนออกสู่ตลาดโลก ด้วยการจัดอีเวนต์ 4-17 ธันวาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


คุณอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำโครงการนำร่องเป็นครั้งแรกจัดงาน Tourism Product 2018 ภายใต้ชื่อ “เที่ยวทั่วไทย เก๋ไก๋วิถีชุมชน” ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วางกลยุทธ์นำโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ มาเปิดตัว โดยร่วมมือกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ซึ่งมีสมาชิกบริษัทตัวแทนนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าเมืองไทย (inbound) จำนวนกว่า 1,000 บริษัท ภายในงานสมาชิกแอตต้าจะทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อ พร้อมกับการนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกภาค ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคตะวันออก นำโปรดักซ์มาขาย

วันแรกจะเป็นการเจรจาธุรกิจระหว่างสมาชิกแอตต้ากับผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาค ในลักษณะ Business to business : B to B เรื่องแรก จะเน้นให้แต่ละภูมิภาคเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ผสมผสานเป็น “แพกเกจท่องเที่ยวชุมชน” เรื่องที่ 2 ขานรับนโยบายปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน พ.ศ.2561 จึงได้จัดให้ในวันที่ 15-17 ธันวาคม 2560 เปิดกว้างให้คนทั่วไปกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาช้อปแพกเกจภายในงาน หรือ Business to Consumer : B to C อย่างเต็มที่

รวมทั้งทางสมาคมโรงแรมไทย ระดมสมาชิกนำห้องพักมาลดราคาพิเศษภายในงานทั้งกับคู่ค้าและนักท่องเที่ยวทั่วไทย เพื่อสนับสนุนปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน ไปด้วย

สำหรับ “ชุมชน” ที่ผ่านมาการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ “เที่ยวทั่วไทย เก๋ไก๋วิถีชุมชน” ทั่วประเทศมีกว่า 100 ชุมชน โดยก่อนหน้านี้ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์บริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เข้าไปช่วยขับเคลื่อนการตลาด จึงมีหลายภาคส่วนพร้อมใจกันทำงาน “เชิงบูรณาการความร่วมมือ” ของทุกภาคส่วนทุ่มเทอย่างเต็มที่

การบุกเบิกจัดงาน Tourism Product 2018 ภายใต้ชื่อ “เที่ยวทั่วไทย เก๋ไก๋วิถีชุมชน” ครั้งแรกในช่วงปลายปีนี้จะเป็นต้นแบบเพื่อกำหนดจัดเป็นงานประจำทุกปี โดยมีสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนเอกชนท่องเที่ยวทั้งประเทศเป็นเจ้าภาพร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยจะมีโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ราคาพิเศษมานำเสนอต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ทุกปี

สำหรับ “สถานที่พัก” ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนนั้น ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้สมาคมโรงแรมไทยซึ่งอยู่ใกล้เคียงเข้าไปผูกโยงตามชุมชน เข้าไปศึกษาสินค้าที่มีความน่าสนใจนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาวางจำหน่ายตามโรงแรมด้วย ทำให้แต่ละฝ่ายวิน วิน ไปด้วยกัน และขณะนี้ก้าวข้ามไปถึงการแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงจากพื้นที่สู่ส่วนกลางอย่างเป็นรูปธรรม

การเข้าไปช้อปภายในงาน Tourism Product 2018 ภายใต้ชื่อ “เที่ยวทั่วไทย เก๋ไก๋วิถีชุมชน” ตลอด 4 วัน ในจังหวะใกล้วันหยุดส่งท้ายปีนี้ คนทั่วไปสามารถแวะไปเลือกพื้นที่ไฮไลต์แนวโน้มจะขายดีคือ “ภาคเหนือ” จัดทำราคาและโปรแกรมพิเศษ ๆ มากระตุ้นการซื้อภายในงาน รวมถึงภาคอื่น ๆ ก็ปูพรมขายในฤดูอื่น ๆ พ่วงเข้าไปด้วย หน้าร้อนเที่ยวทะเล หรือเที่ยวหน้าฝนภาคอีสาน ผู้ที่เข้าร่วมงานนี้จะได้ความเป็นพิเศษหลาย ๆ อย่างเพื่อนำไปใช้เดินทางปีหน้าต่อไป

ตัวอย่างจังหวัดกระบี่ ทางโรงแรมเข้าไปเชื่อมโยงกับชุมชนหลายแห่ง อาทิ บ้านเกาะกลาง หนองทะเล แหลมสัก แต่ละแห่งพัฒนาโปรดักซ์หลากหลายมาก ขณะนี้ยังได้หารือกันทุกฝ่ายถึงการยกระดับ ชุมชนคลองท่อม เป็นศูนย์กลางสปาน้ำพุร้อนเค็ม ที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยม สะท้อนถึงกระบี่ไม่ได้มีดีเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเล ทว่ายังมีโปรดักซ์หลากหลายให้เลือกไปใช้บริการด้วย

ขณะนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัทที่ปรึกษา เข้ามาวางมาสเตอร์แพลน เพื่อสร้างชุมชนคลองท่อมเป็นศูนย์กลางสปาน้ำพุร้อนเค็ม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ อีกทั้งยังมีบริษัทต่างประเทศเข้ามาให้คำแนะนำ สุดท้ายเมื่อได้แนวทางการพัฒนาแล้วก็จะกลายเป็น “ต้นแบบ” ของสปาทั่วประเทศได้ ซึ่งจะสามารถเห็นความสำเร็จช่วงปี 2561-2562 ส่วนปัจจุบันสามารถไปท่องเที่ยวได้มี อบต.บ้านทรายขาว คอยดูแล ส่วนสปาเป็นโครงการต่อยอดเพิ่มขึ้นเพื่ออนาคตของการท่องเที่ยวกระบี่

โครงการท่องเที่ยวกระบี่เป็นศูนย์กลางความหลากหลาย สอดคล้องกับการที่รัฐบาลเตรียมลงทุนขยายท่าอากาศยานกระบี่ รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ที่พัก สปา ก็มีกำลังใจลงทุนพัฒนาอย่างเต็มที่ ควบคู่กับการร่วมมือกันดูแลความปลอดภัย ความสะอาด และจังหวัดอื่น ๆ ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี

ตามแผนพัฒนาการลงทุนท่าอากาศยานกระบี่ในเฟสต่อไปปี 2561 จะเพิ่มอาคารผู้โดยสารหลังที่สาม รองรับผู้โดยสารปีละกว่า 8 ล้านคน พร้อมหลุมจอดเครื่องบินประมาณ 30 หลุมจอด สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังกระบี่ปีหน้า รวมทั้งจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่าอากาศยานภูเก็ต และจากการพูดคุยกับกรมท่าอากาศยาน การขยายครั้งนี้จะช่วยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการตั้งอยู่ใกล้เคียงกันเชื่อมโยงรอบภาคใต้ได้หลายจังหวัด อาทิ นครศรีธรรมราช ตรัง พังงา

คุณอิทธิฤทธิ์ ยังสะท้อนความเห็นกรณีการนำ “มาตรการลดหย่อนภาษี” ของภาครัฐเข้ามาเป็นแรงส่งเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นแนวทางที่เกิดประโยชน์ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลนำโครงการ “ช้อปช่วยชาติ” เข้ามาใช้ เนื่องจากการสำรวจดัชนีชี้วัดนักท่องเที่ยว สถานการณ์ปลายปีปริมาณคนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ หากไม่มีแรงกระตุ้นจำนวนจะลดลง หากนำมาตรการภาษีเข้ามาใช้ก็จะทำให้รายได้ท่องเที่ยวในประเทศปี 2560 เข้าเป้าได้ 900,000 ล้านบาท

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1  “4ทายาทคิงเพาเวอร์รุกหนุนเศรษฐกิจไทยและสังคม”



28 ปีแห่งผู้นำการบุกเบิกธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีอากร (Duty Free) ของ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” จากรุ่นพ่อ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ประธานกรรมการ ส่งต่อสู่รุ่นลูก 4 พี่น้อง นำโดย “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “วรมาศ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานพาณิชย์ และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด  “อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และ “อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน

ทายาทกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้บริหารรุ่นใหม่ทั้ง 4 พี่น้อง กอดคอกันขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “KING POWER THAI POWER : พลังคนไทย” เดินหน้าทำ “ร้านค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว : Tourism Retail” ให้เป็นหนึ่งในแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติตลอด 3 ทศวรรษ เข้าสู่ร้านช้อปปิ้งได้ถึง 300 ล้านคน นำเม็ดเงินกระจายในระบบเศรษฐกิจประเทศปีละนับแสนล้านบาท  จ้างงานสร้างอาชีพดูแลพนักงานกว่า 10,000 ชีวิต พร้อม ๆ กับจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนคืนรัฐตามสัญญาในฐานะผู้ชนะประมูลโครงการร้านค้าดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานต่าง ๆ รวมทั้งจ่ายภาษีธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทยมาตลอดการดำเนินธุรกิจ

ขณะเดียวกันก็ได้ทำโครงการ “คืนประโยชน์สู่สังคมและชุมชน” (Corporate Social Responsibility : CSR ) อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ 3 กระทรวงเสาหลัก ได้แก่ มหาดไทย พาณิชย์ อุตสาหกรรม พัฒนา “สินค้าชุมชน” กลุ่มประชารัฐ โอท็อป ในหมวดผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหาร ผลไม้ สมุนไพรไทย สุขภาพ งานหัตถกรรม แฟชั่นเสื้อผ้าพื้นเมือง ให้มีมาตรฐานสากลมาวางจำหน่ายกระทั่งปัจจุบันมีสินค้าไทยอยู่ในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา แต่ละปีมีส่วนแบ่งตลาดสร้างรายได้เกือบ 20 % แนวโน้มจะเพิ่มยอดสินค้าไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนและเอเชีย

ทางด้านกีฬา กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทุ่มเททำให้ชื่อเสียงไทยโด่งดังไปทั่วโลกหลังเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลอังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่นำทีมตกพรีเมียร์ลีกชั้นมายาวนานอย่าง “เลสเตอร์ ซิตี้” ทำลายสถิติคว้าแชมป์สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 130 ปี เรื่อยไปจนถึงปีนี้เข้าซื้อสโมสร OHL ของเบลเยี่ยม โดยวางแผนใช้อคาเดมีทั้งสองสโมสรเป็นศูนย์ฝึกเยาวชนไทยโดยให้ทุนนักเตะเยาวชนในโครงการ “FOX HUNT” เดินทางไปศึกษากีฬาฟุตบอลพร้อมกับเรียนภาคปกติ วางอนาคตเด็กไทยได้มีโอกาสกลับมาสร้างชื่อเสียงให้ประเทศจากรุ่นสู่รุ่นในระดับเอเชียและระดับโลก

ในปี 2560 “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประกาศเดินหน้าโครงการ “SPORT POWER -พลังกีฬา” ใช้เงินเกือบ 1,000 ล้านบาท เพื่อรณรงค์ให้นำกีฬาเข้ามาพัฒนาเยาวชนของประเทศ 2 ส่วน คือ
ส่วนแรก สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมพร้อมอุปกรณ์กีฬาให้ฟรีแก่โรงเรียนทั่วประเทศภายใน 5 ปี 100 สนาม นำร่องทำและส่งมอบสนามต้นแบบแห่งแรกเรียบร้อยแล้วคือ “สนามฟุตบอลหญ้าเทียมโรงเรียนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ” ชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ แห่งที่สองที่โรงเรียนดอยเต่า เชียงใหม่ ส่วนที่สอง โครงการแจกลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูก

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 “คิง เพาเวอร์” ได้ร่วมสนับสนุนโครงการ “ก้าวคนละก้าว” กับ “ตูน บอดี้สแลม-อาทิวราห์ คงมาลัย” วิ่งจากใต้สู่เหนือสุด เพื่อระดมเงินบริจาคนำไปมอบให้ 11 โรงพยาบาล คิง เพาเวอร์ ได้บริจาคเงิน 24 ล้านบาท พร้อม ๆ กับตูนเองให้เกียรตินำลูกฟุตบอลคิง เพาเวอร์ ไปแจกตามโรงเรียนตลอดเส้นทางการวิ่ง ซึ่งมีวลีจากตูนถึงปรากฎบนโซเชียลมีเดียว่า

“ผมเชื่อเลย...ต้องมีทีมชาติไทยเกิดขึ้นจากลูกฟุตบอลของ คิง เพาเวอร์ ที่แจกครั้งนี้” ในโครงการ “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย”

เป็นคำพูดจากใจ “ตูน บอดี้สแลม” ระหว่างวิ่งแล้วนำลูกฟุตบอลคิง เพาเวอร์ ไปแจกให้เด็ก ๆ โรงเรียนบ้านปากบางสะกอม จังหวัดสงขลา

ในวันที่ 1-2 ธันวาคม 2560 เมื่อ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งเข้ากรุงเทพฯ ทางกลุ่มคิง เพาเวอร์ เตรียมเปิดบ้านคือโรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ ต้อนรับคณะผู้เสียสละซึ่งทำเพื่อส่วนรวมเป็น “พลังคนไทย” ที่มีคุณค่าต่อจิตใจปลุกคนไทยให้ลุกขึ้นมาร่วมใจทำในสิ่งดี ๆ ไปด้วยกัน

ส่วน “การเดินหน้าพัฒนาธุรกิจเพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ” กลุ่มคิง เพาเวอร์ ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท ปรับโฉมร้านค้าใหญ่ในเมือง “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ” ดีไซน์พื้นที่ทั้งภายในอาคารและรอบบริเวณเกือบ 50,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นศูนย์การค้าเทรนด์ใหม่ครบวงจร เปิดบริการตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นมา ตั้งเป้าดึงดูดชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินช้อปปิ้งในร้านค้าดิวตี้ฟรี และในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของคิง เพาเวอร์ ตลอดทั้งปีนี้รวมเกือบแสนล้นบาท

ข่าวที่ 2 “ททท.รุกขายคุณภาพ12เมืองห้ามพลาดพลัสปี’61”



นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่าในปี 2561  ใส่เกียร์หน้าชูตลาดการขายแหล่งท่องเที่ยวโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด เน้นเพิ่มการเติบโตในเชิงคุณภาพภายใต้แนวคิด Plus Less Volume More Value” โดยจะใช้กลยุทธ์ร่วมมือพันธมิตรสร้างกิจกรรมตอกย้ำจุดเด่นของแต่ละจังหวัด ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกช่วงวัย ควบคู่กับท่องเที่ยวใน 3 หมวดหลัก คือ การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวอาหารถิ่น และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขานรับนโยบายรัฐบาลในปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ยั่งยืน

ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2560 สถิติมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวเมืองต้องห้ามพลาด พลัส  13.6 ล้านคน สร้างรายได้รวม 52,400 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ททท.ได้เปิดตัวกิจกรรมโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ปี 2561 ประกอบด้วย นิทรรศการแสดงสินค้าที่มีการผสานนวัตกรรมสร้างสรรค์จากทั้ง 5 ภูมิภาค (ผลิตภัณฑ์เซรามิคจาก จังหวัดลำปาง  เครื่องแต่งกายผลิตจากสีย้อมธรรมชาติ จังหวัดน่าน  ผลิตภัณฑ์ทอเสื่อ จากจังหวัดจันทบุรี  ผลิตภัณฑ์จากหน้ากากผีตาโขน จังหวัดเลย  ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากลูกปัดโนรา จังหวัดพัทลุง  และผลิตภัณฑ์เสื้อสกรีนลายหนังใหญ่ จังหวัดราชบุรี) รวมทั้งสินค้า OTOP และอาหารถิ่นในจังหวัดหลักภายใต้โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus จำนวน 24 บูธ อาทิ เครื่องเงิน จังหวัดน่าน  ผลิตภัณฑ์จากไร่กำนันจุล จังหวัดเพชรบูรณ์  พลอย อัญมณีต่างๆ จังหวัดจันทบุรี  เครื่องประดับจากลูกปัดโนรา จังหวัดพัทลุง  ปลาทูซาเตี๊ยะ จังหวัดสมุทรสงคราม  กุ้งจ่อมแม่เนย จังหวัดบุรีรัมย์  และผลิตภัณฑ์แมคคาเดเมียแปรรูป จังหวัดเลย

ททท.วางแนวทางให้การท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลัส ไว้เบื้องต้น 4 เป้าหมาย

1.ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละเมืองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์และ Fanpage 12 เมืองต้องห้าม...พลาด (www.citieshiddengemsthailand.com)

2. กระตุ้นรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการจัดงาน “เทศกาลเที่ยว 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus” ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2560 ณ โซน C ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ มีแพ็คเกจท่องเที่ยวขายราคาพิเศษ พร้อม OTOP อาหารท้องถิ่น กิจกรรมสาธิตต่าง ๆ จะมีผู้ประกอบการร่วมออกบูธกว่า 200 ราย

ข่าวที่ 3 “บางจากฯกวาดรางวัลเพียบทุกเวทีตลอดพ.ย.”

ตลอดพฤศจิกายน นี้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นเดือนแห่งการกวาดรางวัล ซึ่งบางจากเดินสายขึ้นเวที เริ่มจากรับสุดยอดรางวัลองค์องค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการสื่อสารออนไลน์ Distinction Winner Awards 2017 (Silver Trophy) ประเภทกลุ่มธุรกิจพลังงาน Energy Categories ในงาน The Annual Communicator Awards 2017 ครั้งที่ 23 จัดโดย The Academy of Interactive and Visual Arts (AIVA) ซึ่งมีเว็บไซต์และสิ่งพิมพ์ออนไลน์ทั่วโลกส่งผลงานด้านการออกแบบกว่า 6,000 ผลงาน

เป็นผลมาจากบางจากได้พัฒนาเว็บไซต์ต่อเนื่องด้วยรูปแบบที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย บนโดเมน www.bangchak.co.th ล่าสุดยังได้พัฒนารูปแบบการใช้งาน โดยคำนึงถึงด้าน Responsive Web Design รองรับทุกอุปกรณ์ สำหรับทุกคนที่ต้องการเข้าถึงเว็บเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Smartphone หน้าจอเล็ก ไปจนถึง Smart TV หน้าจอใหญ่มาก เพิ่มฟังก์ชั่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น บนโครงสร้างข้อมูล หรือ Site map เว็บไซต์ที่ไม่ซับซ้อน และพัฒนาเนื้อหาทำให้การค้นหา และดูข้อมูลผ่านเมนูต่างๆ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ รวมถึงการFeedback ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญด้านนโยบายการรักษาความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาตรฐานการใช้ระบบสารสนเทศและเครือข่าย รวมทั้งนโยบายเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่มีความจำเป็นในโลกปัจจุบัน และมีบุคลากรที่มีส่วนร่วมคิดค้น สร้างสรรค์และนำระบบข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวมาปรับใช้กับการบริหารงานสมัยใหม่ มีการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ และพัฒนาประสิทธิภาพให้เทียบเคียงมาตรฐานสากล ด้วยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจ อำนวยความสะดวกให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายและประชาชนทั่วไปค้นหาข้อมูลของบริษัท และกลุ่มบริษัทได้

รวมทั้งสาระด้านพลังงาน ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์เรียนรู้พลังงานหมุนเวียน สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์บางจาก

ส่วนอีกรางวัล บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 หรือรายชื่อหุ้นยั่งยืน โดยมีนายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการโรงกลั่น บริษัท บางจากฯ เป็นตัวแทนรับรางวัล ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มี Market Cap ระหว่าง 30,000-100,000 ล้านบาท ในงาน SET Sustainability Awards 2017

สำหรับรางวัลดังกล่าวเป็นการประกาศเกียรติคุณและยกย่องบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน มีความโดดเด่นอย่างชัดเจน โดยเป็นการยกระดับจากรางวัลด้านรายงานบรรษัทภิบาลและรางวัลด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้สามารถสะท้อนการบูรณาการด้านความยั่งยืนในธุรกิจได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน

ช่วงที่ 2 ชวนกันขึ้นเหนือไปดื่มด่ำธรรมชาติท่ามกลางวิถีความปรองดอง “ชุมชนกกสะทอน” จังหวัดเลย ถิ่นดอกกนางพญาเสือโคร่ง-ซากุระเมืองไทย และจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามรักสามัคคี เต็มไปด้วยเสน่ห์วัฒนธรรมอันงดงาม ส่วนเรื่องสุขภาพก็ต้องฟังอาหาร 10 อย่างต้องกินให้ถูกมื้อถึงจะดีต่อร่างกาย และข่าวท้ายชั่วโมง
เรียกน้ำย่อยด้วยบทวิเคราะห์ 5 สายการบินแถวหน้าของเมืองไทยดิ้นทุกทางเพื่อหนีตาย ส่วนกรมท่าอากาศยาน ยังคงกั๊กไม่ปล่อย 28 สนามบินต่างจังหวัดให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และเอกชนเข้าบริหาร ส่วนเคทีซีรีบปล่อยแคมเปญอิ่มไม่อั้นตุนรายได้ปลายปี และดรีมครุยส์เรือสำราญข้ามชาตินำสิงคโปร์ขึ้นเกาะภูเก็ตเพียบ

@ชุมชนกกสะทอนสนามรักของนักท่องเที่ยว


        หนาวนี้แหล่งท่องเที่ยวแสนงดงามที่ผู้คนแห่แหนกันไปเที่ยว “ชุมชนกกสะทอน” จังหวัดเลย โดยเฉพาะในช่วงที่ “นางพญาเสือโคร่ง” หรือ “ซากุระเมืองไทย” สีชมพูบานสะพรั่ง เสน่ห์ของชุมชนยังความงดงามแห่งวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นมาของชุมชนอันน่าค้นหาเมื่อครั้งอดีตเคยเป็น จุดสู้รบของกลุ่มคอมมิวนิสต์กับทหารไทย กลายเป็นเครื่องเตือนใจรุ่นหลังในวันนี้ให้รักสามัคคีกัน

อย่างแรกที่ต้องไปสัมผัสความงามของ “ทุ่งนางพญาเสือโคร่ง” กว่าพันไร่กันที่ “ภูลมโล” ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปีดอกไม้จะบานสดใสสวยงาม จากนั้นก็ไปชม “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง” สถานที่ทางประวัติศาสตร์การสู้รบของกลุ่มคอมิวนิสต์กับทหารไทย เป็นเสมือนสิ่งเตือนใจให้คนหันมาปรองดองกัน



ใกล้ ๆ ชุมชนมี “น้ำตกหมันแดง” ยิ่งใหญ่อลังการความสูงถึง 32 ชั้น เดินชมธรรมชาติได้ตั้งแต่ชั้น 1-9 ในเดือนสิงหาคมของทุกปีนักท่องเที่ยวจะได้พบกับ “ดอกลิ้นมังกรสีชมพู” อีกทั้งลานน้ำตกมีแผ่นหินที่มี “รอยไดโนเสาร์” ถึง 20 รอย รวมถึงมีวิถีชีวิตของชาวม้งที่อาศัยอยู่อย่างมีความสุข ณ บ้านตูบค้อ เป็นแหล่งชมวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ปลูกเรือนพักอาศัย แต่งกาย สวยงาม พร้อมกับยังคงรักษาประเพณีไว้เป็นอย่างดี

ส่วนช่วงเช้าสามารถตื่นมาตักบาตรกับชาวบ้านได้ที่ “วัดเย็นศรีระธรรมประทีป” วัดเก่าแก่มีเรื่องราวความน่าสนใจมากมาย และยังเป็นแหล่งรวมอาหารเมนูท้องถิ่นที่ชาวบ้านนำมาทำบุญและเลี้ยงคนมาวัดไปพร้อมกันด้วย




อาหารถิ่นเมนูเด็ดต้องชิมกันให้ได้ก็มี “ส้มตำน้ำผักสะทอน” นำจากใบต้นสะทอนหมักด้วยน้ำเปล่า 3 คืน แล้วนำมาต้มน้ำจะเป็สีดำใช้ปรุงรสแทนน้ำปลาร้าใส่ลงในส้มตำ “ต้มซั้วไก่งาดำ” ว่ากันว่ากินแล้วจะโชคดีตลอดทั้งปี “ยำหัวปลีกล้วยป่า” เรียกอีกชื่อว่าสลัดบ้านนอก ปรุงตามสูตรลับชาวกกสะทอน รสชาติแซ่บเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นจริง ๆ

ส่วนที่พักลองนอนโฮมเสตย์ อุดหนุนชาวบ้าน ที่เปิดบริการได้มาตรฐานความนิยมได้แก่ โฮมสเตย์กกสะทอน นักท่องเที่ยวที่อยากซึมซับความเป็นธรรมชาติของภูสูงต้องลองพักที่นี่ให้ได้ หรือชอบสไตล์รีสอร์ตก็มี “ปนัดดารีสอร์ต” พัฒนาเป็นที่พักคาร์บอนต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ “ภูนาคำ รีสอร์ท” สัญลักษณ์คือเป็นรีสอร์ตที่เลี้ยงควาย ปลูกพืชปลอดสารพิษ คว้ารางวัลมากมายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม

และของฝากที่ต้องซื้อติดมือกลับมาฝาก แนะนำให้ซื้อ น้ำพริกผักสะทอน สินค้าโด่งดังของหมู่บ้าน ตะกร้าสาน ไม้กวาด ทนทานใช้งานได้นานมาก

สนใจท่องเที่ยวติดต่อได้ที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน โทร.062-557-0912-3, 091-282-0556

@10 อาหารเพื่อสุขภาพกินให้ถูกมื้อดีต่อร่างกาย

เทรนด์สุขภาพเพื่อการเลือกรับประทานให้ถูกมื้อ ถูกเวลา จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเรา เกี่ยวกับอาหาร 10 ชนิด ต่อไปนี้

1. แอปเปิ้ล ห้ามกินก่อนนอน อาจอุดมไปด้วยไฟเบอร์ และคุณค่ามากมาย แต่กินตอนเช้าจะดีกว่าเยอะ เพราะแอปเปิ้ลช่วยลดคลอเลสเตอรอล และช่วยลดน้ำตาลในเลือด ส่วนเหตุผลที่ห้ามกินในมื้อเย็นก็เพราะ ตอนนอนจะย่อยลำบากไปไหมเพราะไฟเบอร์ก็สูง อีกทั้งจะไปเพิ่มกรดในกระเพราะด้วย

  2. โยเกิร์ต เหมาะกับมื้อเย็นดีกว่ากินมื้อเช้า เพราะมื้อเช้าต้องกินหนัก ๆ แค่โยเกิร์ตคงไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดกรดในกระเพาะได้ ส่วนมื้อเย็นเน้นสบายเลย ย่อยง่าย หลับสบายแน่นอน ใครหิวตอนดึกก็หยิบออกจากตู้เย็นมาทานได้

3.  มันฝรั่ง เหมาะมื้อเช้า เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและคลอเลสเตอรอลต่ำ อิ่มแน่นท้อง แคลอรี่สูงเกินที่จะรับประทานเป็นมื้อเย็น

4. มะเขือเทศ เหมาะกับมื้อเช้าไม่ใช่มื้อเย็น จะไปช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น แล้วช่วยการทำงานของลำไส้ยามเช้า แต่มื้อเย็นนั้นหยุดเลย! กระเพาะของคุณจะมีกรดมากเกินไป

5. เนื้อสัตว์ เหมะสำหรับมื้อเที่ยง เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ที่ช่วยทำให้ร่างกายไม่อ่อนล้าอ่อนเพลีย ช่วยต้านทานโรคด้วย แต่ถ้าเลือกกินเนื้อตอนเย็นจะนอนตอนไหน เนื่องจากเนื้อสัตว์ใช้เวลาย่อย 5-6 ชั่วโมง แล้วยังไปทำลายระบบย่อยอาหารของพวกเราด้วย

6. ถั่ว เหมาะกับมื้อเที่ยง มีประโยชน์เพียบ ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและช่วยให้หัวใจแข็งแรง แต่ถ้าไปรับประทานเป็นมื้อเย็นก็จะอ้วน เพราะไขมันสูง

7. ดาร์คช็อคโกแลต เหมาะกับมื้อเช้า ไม่ใช่ขนมจุกจิก ดาร์คช็อคโกแลตจะช่วยให้แก่ช้าลง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ แต่ถ้าเอาไว้ทานเล่นตลอดทั้งวันก็ต้องระวังอ้วนเพราะไขมันเยอะ

8. ข้าว เหมาะกับมื้อกลางวัน ไม่ใช่มื้อเย็น เพราะข้วคือคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้เรามีพลังทั้งวัน แต่ถ้าทานเป็นมื้อเย็นก็ไม่เหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักเท่าไร

9. ส้ม ดีสำหรับทานเล่นได้ทั้งวัน แต่ไม่ใช่มื้อเช้า นอกจากจะไม่อิ่มท้องแถมการกินส้มอย่างเดียว จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ แต่ก็สามารถทานส้มได้ตลอดทั้งวัน เพราะจะไปช่วยระบบย่อยให้ทำงานดีขึ้น และช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เป็นอย่างดี

10. กล้วย สำหรับมื้อเที่ยง ไม่ใช่มื้อเย็น ใครชอบทานกล้วยจะผิวสวย แล้วยังเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ส่วนมื้อเย็นลืมไปได้เลย จะทำให้เกิดเสมหะ แล้วยังไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “จับตา4แอร์ไลน์ไทยปี’61ดิ้นหนีตายทุกทาง”

@การบินไทยดึงดิจิตอลฝ่าวิกฤตการขายตั๋ว



ในขณะที่ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ เร่งฟื้นฟูรายได้โดยเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2560 การบินไทยและบริษัทย่อย ทำรายได้รวมทั้งสิ้น 46,928 ล้านบาท มีกำไร 739 ล้านบาท ต่างจากช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาขาดทุน 836 ล้านบาท เป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายด้านราคาน้ำมันเครื่องบิน และการต่อสู้กันอย่างดุเดือดของราคาตั๋วโดยสาร รวมไปถึงกลยุทธ์การเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์และดิจิตอลให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผุ้บริโภคยุคใหม่

ปี 2561 จะได้เห็นการปฏิวัติตลาดเชิงรุก หลังจากการบินไทย หันมาฟื้นฟูเส้นทาง จุดบิน ความถี่ ในยุโรปโดยใช้กลยุทธ์ “เลือกลงในเมืองศูนย์กลางซึ่งสามารถเชื่อมโยงต่อไปยังประเทศใกล้เคียงได้อย่าง “เวียนนา” ออสเตรีย ศูนย์กลางของยุโรปกลาง และยังหันมาบุกเส้นทางบินในจีน โดยใช้จังหวัดหลักและรองบินตรงตามมณฑลต่าง ๆ

บางกอกแอร์เวย์สหาช่องหนีขาดทุนรอบใหม่



สวนทางกับ “บางกอก แอร์เวย์ส” บูติกแอร์ไลน์สหนึ่งเดียวของไทย “นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2560 บริษัท และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 157.28 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท มีรายได้รวม 6,870.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 662.44 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.32 บาท

สาเหตุการขาดทุนทั้ง ๆ ที่ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 6.9 % มาจากการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อลดราคาตั๋วโดยสารลง ทำให้มีรายได้การขายตั๋วของบางกอกแอร์เวย์สลดลงเฉลี่ย 6% ทำให้มีรายได้ธุรกิจการบินวูบไปราว 0.6% โดยเฉพาะเที่ยวบินในกลุ่มประเทศแถบอินโดจีน สายการบินต่าง ๆ แห่กันขยายเส้นทางบินเข้ามาให้บริการเพราะเล็งเห็นศักยภาพในอนาคต

@นกแอร์ฝันเกาะกระแสจีนพลิกวิกฤตขาดทุน


ทางด้าน “นกแอร์” ประกาศกร้าวที่จะลุกขึ้นมายึดส่วนแบ่งตลาดอีกครั้ง หลังจากเผชิญการขาดทุนอย่างยับเยินกว่า 2,800 ล้านบาท โดยจะขอเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิง “ตลาดนักท่องเที่ยวจีน”  ตามที่นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ยืนยันภายในปี 2561 จะบินเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ได้มากที่สุดถึง 24 เส้นทาง ภายในไตรมาสแรกของปี 2561วางแผนเพิ่มการบริการอีก 5 เส้นทาง  ต่อจากเดือนตุลาคมปีนี้เพิ่มไปแล้ว 9 เส้นทาง รวมของเดิมเคยบินอยู่ 10 เส้นทาง โดยมีหมัดเด็ดที่จะนำมาต่อกรกับคู่แข่งเหนือน่านฟ้าคือฝูงบินเจ้าเวหาอย่าง โบอิ้ง 737-800

@แอร์เอเชียเอ็กซ์กางฐานยึดเกาหลี-ญี่ปุ่น-จีน



ปิดท้ายด้วย “ไทยแอร์ เอเชียเอ็กซ์” สายการบินที่ตั้งขึ้นมาเพื่อกระชับพื้นที่ตลาดเอเชียตะวันออก เกาหลี ญี่ปุ่น จีน รัศมีการบินไม่เกิน 5 ชั่วโมง ซึ่งมีฝูงบินแอร์บัส A320 เป็นอาวุธลับ สามารถวางสล็อตเวลาบินซึ่งนำมาใช้โหมโฆษณาด้วยแคมเปญ “3-2-2-1 เช้า สาย บ่าย ดึก” โดยตั้งเป้าโกยผู้โดยสารปี 2561 ให้ได้ 2.2 ล้านคน แบ่งเป็นเป็นไทย 60% เกาหลี 20% ญี่ปุ่น 15% จีนและอื่นๆ 5% ทำอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยตลอดปี 86%

นายนัตดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กล่าวถึงแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ ต้นปี 2561 เส้นทาง กรุงเทพฯ-ซัปโปโร พร้อมกับเร่งศึกษาเส้นทางบินเพิ่มสู่ญี่ปุ่นตอนใต้ อาทิ ฟูกูโอกะ โอกินาว่า คุมาโมโตะ สาธารณรัฐประชาชนจีน อาทิ ปักกิ่ง เทียนจิน ต้าเหลียน ชิงเต่า และเกาหลีใต้ อาทิ ปูซาน และยุโรปซึ่งจะชิมรางบิน โปแลนด์ เดือนมกราคม ปีหน้า เรื่อยไปจนถึง สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย

ไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ ออกตัวแคมเปญ “3-2-2-1 เช้า สาย บ่าย ดึก” กรุงเทพฯ-โซล 3 เที่ยว/วัน กรุงเทพฯ-โตเกียว 2 เที่ยว/วัน กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ 1 เที่ยว/วัน  ส่วนกรุงเทพฯ-โอซาก้า 2 เที่ยว/วัน จะเริ่มบินธันวาคม 2560 เป็นต้นไป

รวมทั้งตั้งเป้าปี 2560 จะมีรายได้ 9,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2559 ทำไว้ 7,900 ล้านบาท ส่วนผู้โดยสารจะถึง 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2 แสนคน จากปี 2559 มีเพียง 1.4 ล้านคน และอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย 89% สูงขึ้นกว่าปีก่อนเฉลี่ยเพียง 85%

ข่าวที่สอง “จับตา28สนามบินต่างจังหวัด ทย.ลูกเล่นเพียบ”

นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้ให้ทาง "ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการด้านการขนส่งทางอากาศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" ทำวิจัยเกี่ยวกับ "การพัฒนาแนวทางการบริหารท่าอากาศยาน (ทย.) ในสังกัดกรมท่าอากาศยาน"  เพื่อนำผลสรุปเสนอนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หลังจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีดูแลด้านเศรษฐกิจ ไปตรวจงานพร้อมทั้งมีนโยบายให้ กรมท่าอากาศยานกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." ไปหารือกันภายในให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤศจิกายน  นี้

นายดรุณยืนยันว่า จะพิจารณายกท่าอากาศยานภูมิภาคให้ ทอท.เพียง 2 แห่งเท่านั่น คือ อุดรธานี เพราะจะต้องใช้เงินปรับปรุงอีกเกือบ 2,000 ล้านบาท  เชื่อมโยงกับสนามบินแม่สอด จ.ตาก ต้องใช้เงินปรับปรุงด้วยเช่นกัน เหตุที่ยก 2 แห่งให้ ทอท.เพื่อทำเป็นศูนย์กลางการบินเชื่อมโยงอีสานสู่ภาคตะวันตก

ส่วนอีก 26 สนามบิน ทย.จะดำเนินการเอง ตามแผนแม่บท 10 ปี นับจาก 2561-2671 จะเสนอของบรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ทำให้มีศักยภาพทั้งเรื่องบริการและรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจชุมชน

ประการสำคัญขณะนี้กรมท่าอากาศยาน ได้ทำแผนใช้เงินกว่า 200 ล้านบาท เดินหน้าสร้างสถาบันพัฒนาบุคลากรการบิน บริเวณบางปิ้ง เตรียมปูพรมเปิดการเรียน การสอน ฝึกอบรม พนักงานของ ทย.และหน่วยงานการบิน พร้อมกับมอบใบรับรองการประกอบอาชีพทางด้านบริการจัดการสนามบิน จะเริ่มเปิดสถาบันแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

ขณะที่ นายจุฬา สุขมานพ ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย นายหลุยส์ มอเซอร์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันคือ การผ่าทางตันเรื่องบริหารจัดการ 28 สนามบินภูมิภาคนั้น ควรใจกว้างเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาบริหาร เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงาน เนื่องจาก ทย.เป็นหน่วยงานราชการ ส่วน ทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจ ต่างก็มีข้อจำกัดขาดความเป็นอิสระและมีเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่สามารถเพิ่มการแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามข้อสรุปว่า สนามบินภูมิภาคทั้ง 28 แห่ง ของ ทย.จะให้ใครบริหารต่อไปในอนาคต นั่น จะต้องนำเสนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบในหลักการว่าควรจะไปในทิศทางเลือกใด จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้

ข่าวที่สาม “เคทีซีดึง20ร้านอาหารดังอัดแคมเปญอิ่มไม่อั้น”

นางประณยา  นิถานานนท์ ผู้อำนวยการ - ธุรกิจบัตรเครดิต  “เคทีซี” หรือ บริษัท  บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้รวบรวมพันธมิตร 20 ร้านบุฟเฟ่ต์ดังกว่า 90 สาขา ออกแคมเปญ “อิ่มไม่อั้น..อร่อยเน้นๆ กับบัตรเครดิตเคทีซี”    ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 – 31 มกราคม 2561ให้สมาชิกได้ฟินกับบุฟเฟ่ต์มา 2 จ่าย 1  เพียงจ่ายค่าอาหารผ่านบัตรเครดิตเคทีซี บุฟเฟ่ต์ 1 คน และใช้คะแนนสะสม KTC FOREVER REWARDS เริ่มต้นเพียง 1,999 คะแนน แลกรับบุฟเฟ่ต์อีก 1 คนได้ทันที

ร้านดัง ๆ ที่ร่วมแคมเปญอิ่มไม่อั้น ได้แก่ ร้านคิมจู / คิมจูบูเดชิเก / บลูสไปซ์ / ชาบูสแควร์ / กินซ่า เฮ้าส์ ออฟ บาบีคิว / กิวย่า ยากินิกุ / มูแอนด์มอร์ ยากินิกุ บุฟเฟ่ต์ / ชาบู ชาบู นางใน / ซูกิชิ โตเกียว บุฟเฟ่ต์ / โซล กริลล์ / โม โม่ พาราไดซ์ / ทาซึ ชาบู ยากิ / ชิบูย่า ชาบู / ยูแอนด์ไอ พรีเมี่ยม สุกี้ บุฟเฟ่ต์ / คิงคอง บุฟเฟ่ต์ / มงก๊ก       สุกี้ยากี้ / โควเอ็น ซูชิ บาร์ / ซากุระ ยากินิคุ แอนด์ ชาบู และโกจู ซูชิ

สอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 เว็บไซต์ www.ktc.co.th

ข่าวที่สี่ “ดรีมครุยส์ยกทัวร์อินเตอร์ขึ้นเกาะทำภูเก็ตคึกคัก”
นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนในภูเก็ตทั้ง เทศมนตรีอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กรรมการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ต้อนรับนาย Michael Goh Senior Vice President of Genting Cruises Lines ผู้บริหารเรือสำราญ Dream Cruises oeนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์มาเที่ยวหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต สัปดาห์ละ 1 วัน (พุธ 6:00-21:00 น.) แต่ละครั้งจะมีนักท่องเที่ยว 3,200-3,500 คน เป็นข่าวดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูเก็ตเพิ่มอีกช่องทาง

สำหรับเรือ Dream Cruises เป็นเรือสำราญที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ขนาด 19 ชั้น รองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 4,500 คน มีพนักงานให้บริการบนเรือกว่า 2,000 คน ภายในเรืองมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ห้องสวีท ผับ คาสิโน สระว่ายน้ำ สไลเดอร์ ดิวตี้ฟรี การแสดงแสงสีเสียง  พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยยอดเยี่ยม  โดยให้บริการเดินทางรวม 5 วัน เส้นทางช่องแคบมะละกา-กัวลาลัมเปอร์-ปีนัง-ภูเก็ต


พบกันใหม่สัปดาห์หน้า วันเสาร์และอาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ททท.แจกของขวัญปีใหม่เที่ยวลดหย่อนภาษี-เที่ยวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว

ททท.จ่อมีข่าวดีรัฐประกาศแจกของขวัญปีใหม่
เที่ยวลดหย่อนภาษี-บิ๊กเซอร์ไพรส์ATFเชียงใหม่
ช้อปออนไลน์คิงเพาเวอร์ลดไม่ยั้งทุกแบรนด์35%
บางจาก-ไปรษณีย์เปิดบริการโลจิสติกส์อัจฉริยะ
ILINKเร่งโปรเจ็กต์APMสุวรรณภูมิใน870 วัน
ตะลอนทัวร์เชิงนิเวศน์ในอ้อมกอดบ้านน้ำเชี่ยว
บินไทยควงแบงก์-คาร์โก้-เชฟมิชลินปั๊มเงินปี’61
แปลงโฉมดุสิตครั้งใหญ่ทศวรรษ5สู่ดุสิตคัลเลอร์
ดุสิตธานีฉลอง48ปีลดทุกห้องอาหาร48%ข้ามปี
กอบกาญจน์โชว์ผลงานอำลาเก้าอี้รมว.ท่องเที่ยว

สวัสดีวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen

ช่วงที่ 1 “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมนำข่าวดีจากรัฐบาลมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในเรื่อง “มาตรการเที่ยวลดหย่อนภาษี” และการส่งเสริมให้คนไทยออกมาเคาน์ดาวน์กันอย่างคึกคักโดยจะขยายพื้นที่จัดงานไปสู่เมืองท่องเที่ยวรอง กลาง เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้ ต่อด้วยการการปลุกวัยรุ่นก้าวออกมาเที่ยวอย่างสร้างสรรค์กับไทยเท่ภาค 2 ด้วย 3 หมวด 5 วิถีเท่ รวมถึงจะทำเซอร์ไพรส์ในฐานะประเทศ “เจ้าภาพ ATF 2018” ปลายเดือนมกราคมปีหน้าให้อยู่ในภาพจำของอาเซียนทุกคน



“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมพร้อมร่วมกับทั่วประเทศจัด Amazing Thailand Countdown 2018 โดยจะดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก ให้การสนับสนุนเอกชนและหน่วยงานของรัฐจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช่น เชียงใหม่ เฟสติวัล พัทยา เคาน์ดาวน์ ไนต์ พาราไดซ์ หาดใหญ่ หรือ ที่ขอนแก่น ส่วนที่สอง ททท.สำนักงานทั่วประเทศ จัดเองในเมืองท่องเที่ยวรอง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน กำลังพิจารณาในพื้นที่ เชียงราย กาญจนบุรี จันทบุรี อุดรธานี รวมทั้งภูเก็ต ทุกพื้นที่มีความน่าสนใจ

แรงจูงใจที่จะให้คนไปร่วมเคาน์ดาวน์ ขณะนี้ก็มีเรื่องของ “มาตรการท่องเที่ยวลดหย่อนภาษี” กำลังเจรจากับทางกระทรวงการคลัง โดยได้เสนอกติกาที่จะให้คนเดินทาง กระทรวงการคลังให้ ททท.มาพิจารณา เรื่องที่ 1 กำหนดพื้นที่ท่อองเที่ยวเมืองรองเพิ่มขึ้น เลือกบางจังหวัดที่มีจำนวนคนเดินทางเข้าไปน้อย เรื่องที่ 2 ค่าใช้จ่ายที่จะนำมาลดหย่อนภาษี ซึ่งกระทรวงการคลังต้องสูญเสียบางส่วนไปซึ่งตามปกติจะต้องนำมาพัฒนาประเทศ ดังนั้นจึงต้องคัดเลือกบางหมวด เช่น ห้องพัก ห้างร้านที่สามารถออกใบกำกับภาษี ได้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ

มาตรการท่องเที่ยวลดภาษีได้น่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ อย่างเร็วคือช่วงต้นเดือนมกราคม 2561
สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะสดใสเงินสะพัดมากกว่าทุกปีอย่างแน่นอน พุ่งทะยานไปข้างหน้ามีผลดีต่อทุกภาคส่วน สถิติล่าสุดถึง 15 พฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยถึง 30.5 ล้านคน เปรียบเทียบในช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน ฉนั้นการเดินทางเข้าของต่างชาติน่าจะเติบโตไม่มีปัญหาใด ๆ และด้วยอากาศหนาวเย็นของปีนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูด “คนไทยเที่ยวในประเทศ” ช่วงท้ายปีคึกคักสูงกว่าทุกปี ทำให้เม็ดเงินสะพัดตามเป้าหมายทั้งตลาดในและต่างประเทศนั่นเอง

ส่วนภารกิจกระตุ้น “เที่ยวไทยเท่” ซึ่งเปิดภาค 2 ออกมาตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นกระแสคนรุ่นใหม่ออกมาเดินทางเที่ยวในประเทศอย่างสร้างสรร เป็นโครงการต่อเนื่องจากภาคแรกได้คัด “เท่เซ็ตเตอร์ 9 คน” มาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ผลปรากฏว่าตลอดปีนี้เท่เซ็ตเตอร์มาแรงสุดคือ “น้องนาย-ณ ภัทร เสียงสมบุญ” สถิติจากคลิปเข้าชม 10 ล้านวิว สร้างการรับรู้ได้มากถึง 80 ล้านเพจวิว ดังนั้นเที่ยวไทยเท่ภาคสองจึงตั้งเป้ากระตุ้นเพิ่มขึ้น มองถึงคุณค่า สร้างประโยชน์ให้ท้องถิ่น กระจายรายได้ลงลึกสู่ชาวชุมชนอย่างแท้จริง โดยมุ่งให้เช้าไปทำ 5 ช ได้แก่ “ชม ชิม ช้อป ช่วย แชร์”

ในความหมายของแต่ละ ช.ได้แก่ ช่วย เพิ่มเข้ามาในการท่องเที่ยวอย่างช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังการช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

ปัจจุบันคนรุ่นใหม่วัยรุ่นออกมาท่องเที่ยวเมืองไทยในจำนวนปีละกว่า 160 ล้านคนครั้ง จะมีส่วนแบ่งตลาดวัยรุ่นอยู่ประมาณ 30 % เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพเดินทางต่อเนื่องในระยะยาว เพราะสามารถเดินทางกับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และในโลกสมัยใหม่ชื่นชอบโพสต์ แชร์ ทำให้เกิดการปลุกกระแส “ท่องเที่ยวเมืองรอง” ได้เร็วยิ่งขึ้นได้ด้วย

ในปี 2561 ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จะเพิ่มความเข้มข้นปี 2561 มีไฮไลต์ 3 เรื่องผนวกรวมอยู่ในเป้าหมาย ประกอบด้วย ท่องเที่ยวชุมชน ท่องเที่ยวเชิงอาหาร การสร้างธรรมาภิบาลที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม จะหันมาส่งเสริมการลดขยะ ยิ่งท่องเที่ยวมากขยะต้องน้อยลง หรือการส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงอาหาร ททท.ยกระดับโดยจับมือทำ มิชลิน ไกด์ บุ๊ค , โฟว์ แอนด์ บียอน และยังมีโครงการร่วมมือกับอีกหลายแห่ง

สำหรับท่องเที่ยวชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนที่จะให้ความสำคัญเชิงลึก ในฐานะเป็นกำลังหลักการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น ททท.จะได้นำโครงการจับคู่ตลาดในประเทศกับต่างประเทศมาต่อยอดอีกขั้นคือ โครงการ G LINK เช่น ลอสแองเจลิส จับคู่กับชุมพร ปีหน้าจะจัดทำแพกเกจขายชุมพรกับอเมริกา พร้อม ๆ กับร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมีหมู่บ้านนวัตกรรมสร้างสรรค์ นำมาพัฒนาเป็นแพกเกจท่องเที่ยวขายในตลาดต่างประเทศอย่างกว้างขวาง และงานโร้ดโชว์ เทรดโชว์ ระดับโลก

การคัดเลือกชุมชนท่องเที่ยวจะต่อยอดจากรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำปี หรือ “กินรี” จัดทุก 2 ปี แล้วคัดเลือกร่วมกับ UNDP สหประชาชาติ โดยต้องยอมรับชุมชนที่คัดเลือกเข้ามานั้นอาจจะไม่ยังไม่พร้อมรองรับตลาดต่างประเทศได้ทั้งหมด จึงต้องพิจารณาชุมชนที่มีความพร้อมจริง ๆ ก่อน เพราะตามนโยบายรัฐบาลก็ไม่ต้องการให้ไปเร่งนำชุมชนที่ยังไม่พร้อมเข้ามารับตลาดต่างประเทศ จึงจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดย ททท.จะทำการตลาดให้อย่างเข้มแข็ง ส่วนที่ยังไม่พร้อมก็จะใช้วิธีบ่มเพาะด้านข้อมูลและวิธีบริการเพื่อให้เกิดความยั่งยืนการพัฒนาตลาดระยะยาว

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อถึงการเตรียมเป็นเจ้าภาพในนามประเทศไทยจัดมหกรรม “ASEAN TOURISM FORUM 2018” ระหว่าง 24-26 มกราคม 2561 ที่จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในขั้นตอนวางแผนงานเน้นบรรยากาศ กลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนา แนวทางการจัด จะนำผู้ซื้อจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทยและสมาชิกอาเซียน เรื่อยไปจนถึงชมการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

หัวใจสำคัญของการทำให้ประเทศไทยอยู่ในความทรงจำระหว่างงาน ATF 2018 นั่นคือ สร้างกิจกรรมให้ชาติสมาชิกอาเซียนมีส่วนร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน เพื่อแสดงถึงภาพการบูรณาการทำงานร่วมกัน และประกาศความริเริ่มใหม่ ๆ ซึ่งทางฝ่ายเลขานุการกำลังทำอยู่ แล้วเนรมิตให้เกิดเป็น “Chaingmai Decoration”

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์ลดไม่ยั้ง35%ถึง15มค.61”



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดทัพสินค้าร่วมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาให้ได้ช้อปออนไลน์กันอย่างจุใจทางwww.kingpoweronline.com ด้วยแคมเปญ Let’s Celebrateลดถึง 35 % ไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด และส่งให้ฟรีไม่มีขั้นต่ำ  ระหว่างวันนี้ – 15 มกราคม 2561

นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งขยายแนวรุกขายสินค้าดิวตี้ฟรีออนไลน์ ผ่านช่องทาง www.kingpoweronline.com  อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีส่วนแบ่งลูกค้าคนไทย 60 % จากเดิมมีคนไทยนิยมซื้อราว 80 % ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ภายหลังตลาดต่างชาติหันมาสนใจเพิ่มขึ้นมีสัดส่วนราว 40 % โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีความเชี่ยวชาญซื้อสินค้าออนไลน์ขยับจากเดิม 5 เป็น 35 % คาดการณ์ในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้า จีนจะขยับยอดซื้ออนไลน์มากถึง 60 %

ระหว่างนี้จะต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อจะให้ผู้ซื้อเข้าถึงสินค้าออนไลน์ของคิง เพาเวอร์ เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่างยังคงมีอยู่บ้าง ซึ่งทางรัฐบาลจีนเองก็ต้องป้องกันการจับจ่ายใช้เงินของชาวจีนด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางคิง เพาเวอร์ ต้องหาทางออกด้วยการจับมือกับพันธมิตรในจีนด้วยอีกทาง เพื่อทำให้สัดส่วนลูกค้าจีนช้อปออนไลน์ได้ถึง 60 % รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางการซื้อให้สะดวกมากขึ้น ผ่านทาง  Application kingpower จะเริ่มได้ช่วงมกราคมหรือไตรมาสแรก 2561 เป็นต้นไป ส่วนในไทยก็โปรโมตผ่านออนไลน์ facebook, line

สำหรับรายได้และความสนใจของนักช้อปซื้อผ่านออนไลน์ มีอัตราการเติบโตระดับดีทั้งกลุ่มคนไทยและต่างชาติ ประเมินจากปริมาณการเข้ามาสั่งซื้อบางครั้งหนาแน่นจนเว็บไซต์ล่มก็มี ซึ่งในพื้นที่ประเทศจีนเองทางคิง เพาเวอร์ ได้ลงทุนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่ม 2 เท่า โดยยังคงมีการจำหน่ายสินค้าบางส่วนกับทาง TMALL แต่พยายามแยกตัวออกเป็นอิสระ เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าออนไลน์ตรงกับคิง เพาเวอร์ โดยจะพยายามพัฒนาเว็บไซต์ แอพลิเคชั่น ให้ทันสมัยเข้าถึงง่ายมากที่สุด แล้วก็ลดสัดส่วนการขายทางทีมอลล์นั่นเอง

ตามแผนพัฒนาเว็บไซต์เชิงรุกไปยังตลาดอื่น ๆ นอกเหนือจากจีน เดิมมีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ประมาณ 2 เป็น 6 % ตามสัดส่วนแล้วนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 จึงเป็นกลุ่มที่ช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรีมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่านักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ

ข่าวที่ 2 “ภาคกลางจัดเต็มทัวร์ชุมชนหนองโรงเมืองกาญจน์”



นางปานจิตร สันทัดกลการ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า ได้ขยายแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใน ชุมชนตำบลหนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นเคยเป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูป่าด้วยการปลูกต้นไม้นานาชนิดทดแทน มีทั้งป่าเชิงอนุรักษ์ ป่าสมุนไพร จนเกิดเป็นป่าที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชน จึงลงพื้นที่สนับสนุนพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ให้เป็น 1 ใน 10 ชุมชนต้นแบบของกิจกรรม Village Tourism 4.0

กิจกรรมที่ยกระดับและพัฒนาชุมชนโดยบูรณาการการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง ทั้งวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นทางเลือกใหม่และยังจะช่วยเพิ่มทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นทำให้คนในชุมชนมีรายได้มากตามไปด้วย ซึ่งชุมชนมีความพร้อมทั้งทางด้าน ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากภูมิปัญญาชาวบ้าน  อาทิ เครื่องประดับ แหวน กำไลที่ทำมาจากเถาวัลย์ซึ่งมีอยู่มากมายในป่า ทำฐานการเรียนรู้ทั้งหมด 35 ฐาน สวนผสมตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ สามารถเข้ามาเรียนรู้เพื่อนำประโยชน์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้

ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมสาธิตทอผ้าขาวม้า แปรรูปตาล นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น นำหัวตาลไปทำถ่านใช้ในครัวเรือน ผลตาลไปทำเป็นขนม รวมทั้งมีวิถีวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้านอย่าง เพลงเหย่ย เป็นเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ที่กำลังจะสูญหายไป นิยมเล่นช่วงสงกรานต์ งานนักขัตฤกษ์ งานมงคล และงานรื่นเริงทั่วไปของชาวบ้าน ปัจจุบันเยาวชนของบ้านห้วยสะพานสามัคคีและสมาชิกในตำบลต่อยอดโดยนำมาแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยว

ข่าวที่ 3 “บางจากผนึกไปรษณีย์บริการโลจิสติกส์อัจฉริยะ”



นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)  พัฒนาธุรกิจบริการสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยทั้งสองบริษัทจะใช้เครือข่ายของปั๊มน้ำมันบางจากเป็นที่ตั้งสาขาไปรษณีย์ และตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) พัฒนาระบบรับส่งสินค้าและโลจิสติกส์ พร้อมเปิดโอกาสขยายช่องทางการตลาดสินค้าของสมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายปั๊มชุมชนบางจากผ่านระบบ e-Commerce น้ำมันหล่อลื่นบางจาก
เข้าสู่ระบบออนไลน์ www.thailandpostmart.com จำหน่ายไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศด้วย โดยเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่งและโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ซึ่งครอบคลุมทั่วประเทศ อำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงประชาชนมากขึ้น

ความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ๆ คือ

1.เป็นช่องทางรับ-ส่งสิ่งของ เพื่อรองรับธุรกิจ e-Commerce อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคโดยการติดตั้งตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (iBox) ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ใช้เป็นจุดรับ-ส่งสิ่งของตลอด  24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ในกรณีผู้บริโภคไม่อยู่บ้าน หรือไม่สะดวกรับส่งสินค้าในเวลาราชการ

2. สร้างช่องทางการตลาดใหม่ๆ  สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน กับผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ผ่านระบบ e-Commerce ของ ปณท ช่วยขยายฐานลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนง่ายขึ้น ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้สมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายปั๊มชุมชนบางจากกว่า 1 ล้านครัวเรือน หรือเกือบ 5 ล้านคน เบื้องต้นจะนำร่องจากจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นบางจากผ่าน www.thailandpostmart.com ในอนาคตก็จะมีผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางนี้

3.ความร่วมมืออื่นๆ เช่น การเปิดสาขาย่อยของไปรษณีย์ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก การเปิดสถานีบริการน้ำมัน ร้านกาแฟอินทนิล หรือร้านค้า Non-oil อื่นๆ ของบางจากฯ และในพื้นที่ ปณท พร้อมทั้งสนับสนุนใช้พลังงานสะอาดกับรถขนส่งของไปรษณีย์ไทยไปพร้อม ๆ กัน

ข่าวที่ 4 “ILINKติดตั้งAPMสุวรรณภูมิให้ทอท.ใน870วัน”

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รายงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลติดตั้งงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัต (APM) มูลค่าตามสัญญาจ้างรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเกือบ 3,000 ล้านบาท โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาคเอกชนได้เร่งดำเนินงานเพื่อจัดทำงานให้แล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้ภายใน 2 ปี

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ทาง บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยถึงการร่วมลงนามสัญญากับอีก 4 บริษัทไปตั้งแต่วันที่ พฤศจิกายน 2560 ดำเนินการเดินหน้าสัญญาสัมปทานกับ ทอท.ติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติสุวรรณภูมิร่วมกันในนาม “นิติบุคคลร่วมทำงานไออาร์ทีวี” ประกอบด้วย บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK มีมูลค่าของสัญญาจ้าง 2,099 ล้านบาท บริษัท เรืองณรงค์ จำกัด  540 ล้านบาท บริษัท ไทยเกอร์ เทคโนโลยี จำกัด 210 ล้านบาท บริษัท วิวเท็กซ์ จำกัด 150 ล้านบาท มีกำหนดระยะเวลาการทำงานติดตั้ง APM ให้แล้วเสร็จภายใน 870 วัน

ช่วงที่ 2 ร่วมเดินทางเที่ยวชุมชนสองศาสนาที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข “บ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด” เป็นศูนย์กลางดึงดูดทัวร์เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ วิถีชีวิตทุกรูปแบบที่มีคุณค่า แถมเป็นแหล่งอาหารอร่อย งอบสานดีไซน์เก๋ ๆ เพียบ ขณะเดียวกันก็ต้องหันมาใส่ใจลองเลือกกินอาหารป้องกันภูมิแพ้ และข่าว

@เที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ตราด สุดยอดชุมชนเชิงนิเวศน์



ชุมชนสองศาสนาของชาวพุทธและมุสลิม “บ้านน้ำเชี่ยว” จังหวัดตราด เป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตอยู่กันด้วยความรักสามัคคี ร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ จนได้รับรางวัลมากมาย ด้วยการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งกลุ่มงานกันชัดเจน จะมีกลุ่มทำอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยว กลุ่มกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการทำงอบ กลุ่มเรือ ให้บริการพานักท่องเที่ยวชมป่าชายเลน และสาธิตการดำน้ำเก็บหอยปากเป็ด

เมื่อเดินทางไปพักผ่อนยังบ้านน้ำเชี่ยว ก็ต้องไปชมความสมบูรณ์ของป่าชายเลนซึ่งจัดทำเป็น             เส้นทาง“ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน” ถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์อย่าง ปู ปลาตีน ลิง นกหลายสายพันธุ์ และหอดูนกขนาดเท่าตึกสามชั้น บนยอดหอมองลงมาจะเห็นวิวพาโนรามาป่าครบถ้วนทุกมุม


หรือจะไป “ล่องเรือชมธรรมชาติ” ในคลองน้ำเชี่ยว ไปจนถึงปากอ่าว เมื่อเรือทอดสมอ ก็ถึงเวลาเรียนรู้วิธีการงมหอยปากเป็ด กิจกรรมนี้สร้างความสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยว แถมยังท้าทายความสามารถสำหรับคนที่อยากทดลองทำด้วยตัวเอง เพราะเป็นภูมิปัญญาชุมชนที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา
ไปท่องเที่ยว “มัสยิดอัลกุบรอ” อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ตั้งโดดเด่นอยู่ริมคลองเป็นศูนย์รวมใจของชาวมุสลิมบ้านน้ำเชี่ยว
หรือจะไปสักการะพระพุทธสารีริกธาตุที่ “วัดน้ำเชี่ยว” ศูนยรวมจิตใจของชวพุทธ และมีพระประจำวันเดปางต่าง ๆ สามรถกราบบูชาได้ และทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างประจำปี 2548

เมื่อหิวในระหว่างมื้อของแต่ละวันสามารถแวะไปเลือกรับประทานอาหารถิ่นบ้านน้ำเชี่ยวได้บริเวณ “ศาลาจุดบริการนักท่องเที่ยว” ที่กลุ่มจัดเตรียมอาหารต้อนรับจะสรรหาวัตถุดิบมาปรุงให้นักท่องเที่ยวรับประทาน และยังปิดให้ร่วมลงมือทำกิจกรรม งอบน้ำเชี่ยว หัตถกรรมพื้นบ้านอันเป็นมรดกล้ำค่าสร้างรายได้เข้าท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และลงอทำตังเมกรอบ ข้าวเกรียบยาหน้า (ลักษณะคล้ายขนมเบื้องกับข้าวเกรียบปากหม้อ) เป็นเมนูที่ชาวบ้านรื้อฟื้นขึ้นมาทำเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น



อาหารถิ่นบ้านน้ำเชี่ยว ต้องชิมให้ได้ เมนูอาหารคาว คือ ก๋วยเตี๋ยวผัดบ้านน้ำเชี่ยว ความพิเศษอยู่ตรงการใส่กะทิ ทำให้หอมมันรสชาติกลมกล่อม ปลาทูน้ำเชี่ยว ที่อร่อยไม่แพ้แหล่งอื่น ที่ “ครัวชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” กินพร้อมกับน้ำพริกกะปิ ส่วนเมนูของหวานก็มี ตังเมกรอบ เป็นขนมน้ำตาลชัก คล้ายกับแท่งไม้แห้ง รสชาติหวานมันกรอบ และข้าวเกรียบยาหน้าจาก “ครัวป้าแต๋ว” ซึ่งใช้วัตถุดิบธรรมชาติ หอมกลิ่นกุ้ง อร่อยจนลืมอิ่ม

จากชุมชนสามารถนั่งเรือไปท่องเที่ยวรอบบริเวณ “เกาะช้าง” หรือจะพายเรือคายัก ชมทิวทัศน์ ดำน้ำดูปะการัง แล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนกินลมชมวิวมะพร้าวตามแนวชายหาดยาว หรือจะไปชม “หาดทรายดำ” แหล่งศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนนั่นเอง

ของฝากที่ควรซื้อ คือ งอบบ้านน้ำเชี่ยว มีหลายรูปทรงให้เลือกตามความชอบ มีทั้งทรงสเด็จ ทรงกระดองเต่า ทรงกระทะคว่ำ และอาหารทะเลมีทั้งแบบปปรรูและสด ๆ

สนใจไปท่องเที่ยว ติดต่อชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว โทร.084-892-5374

@4 กลุ่มอาหารช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ เริ่มกลายเป็นโรคสุดฮิตของคนไทย ซึ่งสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยอย่างมาก โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์  คุณลิซ่า คอลลิเออร์ คูล นักเขียนเจ้าของรางวัล National Health Information Award มีตัวช่วยได้แก่อาหาร 4 อย่าง ดังต่อไปนี้

1. ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว องุ่น เพราะผลไม้เหล่านี้จะมีวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการ ภูมิแพ้ ได้ โดยพยาบาลเด็กอ่อนได้กล่าวว่าเด็กแรกเกิดที่ดื่มนมแม่เป็นประจำ จะมีภูมิต้านทานต่อโรค ภูมิแพ้ เพราะได้รับวิตามินซีจากน้ำนม

2. มะเขือเทศ เป็นแหล่งรวมของวิตามินซีเช่นเดียวกับผลไม้ตระกูลส้ม นอกจากนี้ในมะเขือเทศยังมีไลโคปินซึ่งช่วยลดอาการหอบหืดจาก ภูมิแพ้ ได้เป็นอย่างดี

3. เมล็ดทานตะวัน นอกจากวิตามินซีแล้ว วิตามินอีก็เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ช่วยต่อสู้กับโรค ภูมิแพ้ ได้ จากการวิจัยพบว่าอาหารที่มีวิตามินอีสูงจะช่วยลดการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อ ภูมิแพ้ ซึ่งเมล็ดทานตะวันก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี

4. ผักโขม เป็นอีกหนึ่งอาหารสำหรับพิชิต ภูมิแพ้ อย่างแท้จริง เนื่องจากอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสารที่หากร่างกายขาดไปจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรค ภูมิแพ้ และหอบหืดได้ง่ายยิ่งขึ้น

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “การบินไทยดึงแบงก์-คาร์โก้-เชฟมิชลินปั๊มตลาดปี’61
นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตลอดเดือนพฤศจิกายน นี้ ทุกฝ่ายได้เร่งผลักดันกิจกรรมการตลาดเพื่อวางกลยุทธ์และแผนเพิ่มรายได้ และร่วมกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายกลุ่มด้วยกัน ล่าสุดการบินไทยเพิ่มเพื่อนใหม่จับมือ CITI BANK เพิ่มคะแนนแลกไมล์ตั๋วบินทันใจทางมือถือ ทำโปรแกรม. Thai Airways Citi reward. Pay with point  ซึ่งทางบัตรเครดิตซิติแบงก์มีโปรโมชั่นเริ่มต้นเพียง4,000 คะแนน ได้สิทธิแลกเป็นเงินมูลค่า 1,000บาท แล้วสามารถนำไปใช้ซื้อตั๋วโดยสารการบินตามเส้นทางทั้งในและต่างประเทศ

รวมทั้งได้จัดประชุม “Cargo & Mail Sales System-wide Meeting” ให้แก่พนักงานขายระวางสินค้าจากสถานีต่าง ๆ ทั่วโลก ของฝ่ายการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ (คาร์โก้) การบินไทยฯ เดินทางมาร่วมวางแผนกลยุทธ์ แผนการขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในปี 2561 เต็มศักยภาพ

ขณะที่ “นายเฉลิมพล แก้วชินพร”  ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตั้งแต่พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ได้จัดบริการ Chef on Board นำร่องเส้นทางแรก ปารีส-กรุงเทพฯ แก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่ง นำมิสเตอร์ฟรองซัวส์  อดัมสกี้ เชฟมิชลินสตาร์ จากฝรั่งเศส มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษต่างๆ หมุนเวียนให้บริการในแต่ละเดือน อาทิ หอยนางรมชุบเจลลี่ท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาคาเวียร์เสิร์ฟพร้อมกับสลัดเรมูลาดวาซาบิ แอปเปิ้ลเขียวและเซเลอรี่ เนื้อตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดกับเห็ดทรัฟเฟิลและผักชนิดต่างๆ หรือ ปลาแซลมอนรมควันเสิร์ฟพร้อมไข่ปลาบิน รับประทานกับต้นกระเทียมฟองดองท์และน้ำสลัดสมุนไพร

ทุกฝ่ายในการบินไทยต่างพยายามร่วมกันฟื้นฟูบริการให้กลับมาครองใจผู้โดยสารกระเป๋าหนักอีกครั้ง เพื่อสร้างผลกำไรกลับคืนมาโดยเร็ว

ข่าวที่ 2 “ดุสิตธานีนำทัพสู่ทศวรรษ5ด้วยดุสิตคัลเลอร์”

นายชนินทร์ โทณวณิก ประธานกรรมการ และ ศุภจี สุพันธ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จัดงาน The Art of Thai Hospitality ต้อนรับสื่อมวลชนไทยและนานาชาติ โดยผู้บริหารทั้ง 2 คน ให้ข้อมูลว่า ดุสิตธานีเป็นโรงแรมคนไทยเปิดให้บริการมาครบ 48 ปี โดยได้มอบความอบอุ่นในแบบวิถีไทยให้คนทั่วโลกเข้าถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งเตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาสร้างสีสันเพิ่มคือดุสิต คัลเลอร์

“ศุภจี สุพันธ์ธรรม” ยืนยันว่าได้ไฟเขียวจากที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ให้เดินหน้าใช้เงินลงทุนราว 3.67 ล้านบาท ผุดเมกะโปรเจ็กต์สไตล์ Mixuse ใหม่แทนที่โรงแรมดุสิตธานีปัจจุบัน โดยจะเริ่มทยอยทุบอาคารหลังเดิมทิ้งตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2561 เป็นต้นไป แต่ยังคงคอนเซ็ปต์อนุรักษ์วิถีไทยไว้ครบถ้วนในโครงการใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้แบรนด์ใหม่ดุสิต คัลเลอร์ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีเศษ เพื่อเปิดให้บริการโฉมใหม่ภายในปี 2563 ภายในเมกะโปรเจ็กต์ใหม่จะมีห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร เรสซิเดนท์ ครบวงจร

วางแผนระหว่างการก่อสร้างจะทยอยนำบริการส่วนอื่น ๆ ที่ยังคงสามารถทำรายได้ให้คงอยู่ ได้แก่ ร้านอาหาร จะใช้วิธีไปเช่าใช้สถานที่ด้านนอกเปิดบริการเบื้องต้นเจรจาไว้แล้ว 3 แห่ง รวมถึงบริการซักรีด และอื่น ๆ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจทำรายได้ให้โรงแรมดุสิตธานีมาตลอด

ส่วนการขยายเครือข่ายแบรนด์ดุสิตในต่างประเทศทั่วโลก ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะเข้าบริหารให้ได้ตามเป้าหมาย 62 แห่ง โครงการที่คืบหน้าไปมากแล้วคือเกียวโต ญี่ปุ่น และดุสิต D2 ในฟิลิปปินส์

สำหรับ"ดุสิต คัลเลอร์ส" ในเกียวโต ญี่ปุ่น ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท คัลเลอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดตั้งเป็น บริษัทดุสิต คัลเลอร์ส จำกัด เปิดโรงแรมในชื่อ ดุสิต คัลเลอร์ส ขนาด 200 ห้อง กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2562 พร้อมรองรับโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ ปี 2563

ข่าวที่สาม “ดุสิตฉลอง48ปีลดทุกห้องอาหาร48%”


นางสุกัญญา จันทร์ชู ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในโอกาสฉลองปีที่ 48 ระหว่างวันนี้- 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้นำเมนูอาหารซีฟู้ดระดับพรีเมี่ยมมาจัดมหกรรมบุฟเฟต์ลดสูงสุด  48 % เหลือเพียงคนละ 1,315 บาท จากราคาเต็ม 2528 บาท ที่ห้อง “เดอะ พาวิลเลี่ยน” ของโรงแรมระดับตำนานแถวหน้าของเมืองไทย

เปิดโปรโมชั่นบุฟเฟต์มื้อเย็นวันศุกร์-วันเสาร์ ได้เพิ่มความแปลกใหม่จากวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยล็อบสเตอร์ที่จะนำมามอบให้คนละ 1 ตัว พร้อมตับห่าน อาหารทะเลสด ชูชิ ซาชิมิ เนื้ออบต่างๆ สลัดบาร์ ของหวานสารพัดเค้ก ไอศรีม ผลไม้ตามฤดูกาล และเครื่องดื่มซื้อ 1 แถม 1

สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ จัดบุฟเฟต์ Ultimate Alaska King Crab & Lobster Brunch Buffet ลดเหลือคนละ 1,866 บาท จากราคาเต็ม 3,587 บาท

เช่นเดียวกับที่ห้อง “เดอะ เมฟลาวเวอร์” จัดเมนูซิกเนเจอร์ เช่นเดียวกันห้องอาหารเวียดนาม เทียนดอง ห้องแฮมมิงตัน พร้อมใจกันลดอาหารมื้อหลัก ๆ 48 % ฉลองดุสิตธานีครบรอบ 48 ปี

ข่าวที่สี่ “กอบกาญจน์โชว์ผลงานก่อนอำลาตำแหน่ง”

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อำลาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจัดแถลงข่าวครั้งสุดท้ายพร้อมกล่าวด้วยน้ำตาถึง ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจกว่า 3 ปีเศษ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำให้มีรายได้เข้าประเทศตามเป้าหมายต่อเนื่อง

ตลอด 10 เดือนแรก ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2560 การท่องเที่ยวสามารถกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ  2,167,932 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.67% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,472,698 ล้านล้านบาท และคนไทยเที่ยวในประเทศ 695,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.34%

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติรวม 28,824,753 คน เพิ่ม 6.69% คนไทยเที่ยวไทย 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) รวม 109.15 ล้านคนครั้ง เพิ่ม 6.32% เฉพากันยายนเดือนเดียวมีคนไทยเที่ยวในประเทศ 13.11 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้น 5.79%

ติดตามฟังรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทาง สวท.FM 97.0 MHz.และติดตามอ่านทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ : #gurutourza

ครม.ประยุทธ์ 5 คลอดแล้ว 13 รัฐมนตรี



รายชื่อคณะรัฐมนตรีใหม่  
เปลี่ยนแปลงครั้ง เป็น ครม 5 ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา





วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ททท.โหม12เมืองต้องห้ามพลาด พลัส 2561-ดึงแอร์เอเชีย นกแอร์ ธุรกิจ ร่วมเพียบ

ททท.โหมขาย12เมืองห้ามพลาดพลัส3หมวด4เป้า
ปี’61หวังทุบสถิติรายได้8เดือนปีนี้ทะลุ5.2หมื่นล้าน

เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ #gurutourza #Amazingthailand



นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่าในปี 2561  ใส่เกียร์หน้าชูตลาดการขายแหล่งท่องเที่ยวโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus เน้นเพิ่มการเติบโตในเชิงคุณภาพภายใต้แนวคิด Plus Less Volume More Value” โดยจะใช้กลยุทธ์ร่วมมือพันธมิตรสร้างกิจกรรมตอกย้ำจุดเด่นของแต่ละจังหวัด ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกช่วงวัย ควบคู่กับท่องเที่ยวใน 3 หมวดหลัก คือ การท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวอาหารถิ่น และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขานรับนโยบายรัฐบาลในปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ยั่งยืน

ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2560 สถิติมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวเมืองต้องห้ามพลาด พลัส  13.6 ล้านคน สร้างรายได้รวม 52,400 ล้านบาท



 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ททท.ได้เปิดตัวกิจกรรมโครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus ปี 2561 ประกอบด้วย นิทรรศการแสดงสินค้าที่มีการผสานนวัตกรรมสร้างสรรค์จากทั้ง 5 ภูมิภาค (ผลิตภัณฑ์เซรามิคจาก จังหวัดลำปาง  เครื่องแต่งกายผลิตจากสีย้อมธรรมชาติ จังหวัดน่าน  ผลิตภัณฑ์ทอเสื่อ จากจังหวัดจันทบุรี  ผลิตภัณฑ์จากหน้ากากผีตาโขน จังหวัดเลย  ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับจากลูกปัดโนรา จังหวัดพัทลุง  และผลิตภัณฑ์เสื้อสกรีนลายหนังใหญ่ จังหวัดราชบุรี) รวมทั้งสินค้า OTOP และอาหารถิ่นในจังหวัดหลักภายใต้โครงการ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus จำนวน 24 บูธ อาทิ เครื่องเงิน จังหวัดน่าน  ผลิตภัณฑ์จากไร่กำนันจุล จังหวัดเพชรบูรณ์  พลอย อัญมณีต่างๆ จังหวัดจันทบุรี  เครื่องประดับจากลูกปัดโนรา จังหวัดพัทลุง  ปลาทูซาเตี๊ยะ จังหวัดสมุทรสงคราม  กุ้งจ่อมแม่เนย จังหวัดบุรีรัมย์  และผลิตภัณฑ์แมคคาเดเมียแปรรูป จังหวัดเลย



ททท.วางแนวทางให้การท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลัส ไว้เบื้องต้น 4 เป้าหมาย

1.ตอกย้ำภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละเมืองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์และ Fanpage 12 เมืองต้องห้าม...พลาด (www.citieshiddengemsthailand.com)

2. กระตุ้นรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการจัดงาน “เทศกาลเที่ยว 12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus” ระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2560 ณ โซน C ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ มีแพ็คเกจท่องเที่ยวขายราคาพิเศษ พร้อม OTOP อาหารท้องถิ่น กิจกรรมสาธิตต่าง ๆ จะมีผู้ประกอบการร่วมออกบูธกว่า 200 ราย

3.จัดกิจกรรม Highlight ต้องห้ามพลาด ตลอดทั้งปีจะมีการจัดกิจกรรมที่โดดเด่นและสอดคล้องกับภาพลักษณ์ในแต่ละเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาทิ งานเทศกาลคริสต์มาสภูเรือ จังหวัดเลย งานมหานครผลไม้ จันทบุรี และงานสตรอเบอร์รี่แลนด์ แอนด์ กรีนมาเก็ต เขาค้อ เพชรบูรณ์ ร่วมกับพันธมิตรท่องเที่ยวทำโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษตลอดทุกฤดู

 โดยร่วมกับพันธมิตรสายการบินไทย แอร์เอเชีย นกแอร์  Thai Ticket Major ทำโปรโมชั่น ส่วนการจัดกิจกรรมต่างๆ ก็มี คาราวานรถยนต์ ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กิจกรรมปั่น SLOW LIFE เมืองต้องห้าม...พลาด ร่วมกับบริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด และเนชั่นทีวี 22 อีกทั้งการจัดกิจกรรมค้นหาสุดยอด แฟนเมืองต้องห้าม...พลาด ร่วมกับแอพพลิเคชั่น One Map ส่งเสริมการขยายตัวของจำนวนและรายได้ท่องเที่ยว

4.จัด Event Marketing โดยนำการท่องเที่ยวเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Tourism) สอดแทรกไปในขั้นตอนต่างๆ ทั้งเรื่องคัดแยกขยะ ไม่ใช้ถุงพลาสติก เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ดุสิตธานีผุดเมกะโปรเจ็กต์เกือบ4หมื่นล้าน-ลุยบริหารโรงแรมทั่วโลก62แห่ง

2 บิ๊กกลุ่มดุสิตธานีลั่นนธุรกิจก้าวข้าม48ปี
ทุ่มเมกะโปรเจ็กต์MixUseเกือบ4หมื่นล้าน

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกิร์ #gurutourza



นายชนินทร์ โทณวณิก ประธานกรรมการ และ ศุภจี สุพันธ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จัดงาน The Art of Thai Hospitality ต้อนรับสื่อมวลชนไทยและนานาชาติ

โดยผู้บริหารทั้ง 2 คน ร่วมให้ข้อมูล ว่า ดุสิตธานีเป็นโรงแรมคนไทยเปิดให้บริการมาครบ 48 ปี ที่ได้มอบความอบอุ่นในแบบวิถีไทยให้คนทั่วโลกเข้าถึงอย่างลึกซึ้ง

นับจากวันที่ 16 เมษายน 2561 เป็นต้นไป จะปิดดำเนินการ ตามที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ให้เดินหน้าใช้เงินลงทุนราว 3.67 ล้านบาท ผุดเมกะโปรเจ็กต์สไตล์ Mixuse ใหม่แทนที่โรงแรมดุสิตธานีปัจจุบัน ทว่ายังคงอนุรักษ์วิถีไทยไว้อย่างครบถ้วน แต่จะใช้ชื่อแบรนด์ใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม

ภายในเมกะโปรเจ็กต์จะมีห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซนทรัล โรงแรม ร้านอาหาร เรสซิเดนท์ ครบวงจร โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีเศษ เพื่อเปิดให้บริการบริการโฉมใหม่ภายในปี 2563

ระหว่างการก่อสร้างจะทยอยนำบริการส่วนอื่น ๆ อาทิ ร้านอาหาร ไปเช่าใช้สถานที่เปิดบริการด้านนอก เบื้องต้นได้เจรจาไว้แล้ว 3 แห่ง บริการซักรีด และอื่น ๆ



ส่วนการขยายเครือข่ายแบรนด์ดุสิตในต่างประเทศทั่วโลก ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะเข้าบริหารให้ได้ตามเป้าหมาย 62 แห่ง โครงการที่คืบหน้าไปมากแล้วคือเกียวโต ญี่ปุ่น และดุสิต D2 ในฟิลิปปินส์

สำหรับ"ดุสิต คัลเลอร์ส" ในเกียวโต ญี่ปุ่น ทางดุสิตธานี เซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท คัลเลอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยได้จัดตั้ง บริษัทดุสิต คัลเลอร์ส จำกัด ดำเนินการเปิดโรงแรมชื่อ ดุสิต คัลเลอร์ส ขนาด 200 ห้อง กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2562 เพื่อเตรียมรองรับการที่โตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ 2020 ปี 2563

วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การบินไทยปฎิวัติแผนการตลาดปี'61 -ขายบัตรจองขวัญ ไมล์แลกบุญ

 การบินไทยปฎิวัติการตลาดเดินหน้าเเกินร้อยปลายปี’60
เพิ่มบินเพียบยุโรป/เอเชีย-บัตรของขวัญ-ไมล์แลกบุญ

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza

 การบินไทยเปิดแผนปฎิวัติการตลาด ต้อนรับในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี งัดสารพัดโปรดักซ์ออกมาขาย ทั้งเพิ่มจุดบินใหม่ในยุโรป เอเชีย ออกบัตรชุดของขวัญ เตรียมคืนกำไรสู่สังคมจัด้ต็ม "ไมล์แลกบุญ" ก.พ.61



“วิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จัดทีมเดินหน้าเชิงรุกเพิ่มรายได้เข้าบริษัทและประเทศหลังจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลดธงแดงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยส่งผลให้สายการบินสามารถเปิดเส้นทางและจุดบินใหม่ได้อย่างอิสระตามปกติ ผนวกกับเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวตามตารางบินฤดูหนาวพอดี

 ทางการบินไทยจึงเปิดเส้นทางใหม่แกะกล่อง เส้นทางแรก ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เวียนนา ประเทศออสเตรีย เริ่มตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางยุโรปกลาง สามารถเชื่อมต่อยุโรปตะวันตกและตะวันออก เพื่อบินต่อเข้าสู่ โปแลนด์ ปร้าก สาธารณรัฐเช็ค หรือเมืองใหญ่ ๆ ในเยอรมัน รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะแม่เหล็กสำคัญที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยในเวียนนามีภาพยนต์ดังระดับโลกอย่าง Sound of Music นางเอกไปเต้นอยู่บนยอดเขาซึ่งอยู่ในซาลซ์บูร์ก ทางตอนใต้ของออสเตรีย มีวิวทิวทัศน์งดงาม จะเป็นแม่เหล็กให้คนไทยและอื่น ๆ ไปท่องเที่ยวกัน

 การบินไทยจะบินเส้นทาง กรุงเทพฯ-เวียนนา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว จึงเชิญชวนคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยุโรปคราวเดียวกันในหลายประเทศใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเที่ยวบินของการบินไทยดังกล่าวได้

 ขณะนี้การบินไทยได้จัดทำแคมเปญชิมลางขายล่วงหน้ามาแล้ว 1 เดือน เฉลี่ยทริปละ 30,000 บาท และยังคงขายต่อเนื่อง ๆ ไปเรื่อย


 เส้นทางที่ 2 เพิ่มเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ-ไต้หวัน  ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมเดินทางไปจำนวนมาก รวมถึงการบินไทยได้โค้ดแชร์กับไทยสไมล์ เส้นทางกรุงเทพฯ-เกาสุง เหมาะแก่การไปเที่ยวฤดูหนาว นั่งเครื่องไปลงเกาสุงแล้วนั่งรถไฟมาขึ้นเครื่องที่ไทเป

 เส้นทางที่ 3 เปิดบินตรง ภูเก็ต-กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสารทางภาคใต้อีกช่องทาง

 ส่วนบริการเที่ยวบินไกลจากยุโรป อเมริกา เข้าสู่ประเทศไทย การบินไทย ต้อนรับปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวแถบทวีปยุโรปมาด้วยอัตราการบรรทุกเฉลี่ยตลอดฤดูท่องเที่ยวเกิน 80 %

 นายวิวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยยังได้จัดทำโปรดักซ์พิเศษออกมาขาย คือ การจำหน่ายบัตร THAI Gift Voucher ในรูปแบบของบัตรแทนเงินสด เริ่มขายตั้งแต่ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2560 - 30 มิถุนายน 2561  เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 2561 และโอกาสพิเศษต่างๆ โดยสามารถใช้แทนเงินสด  หรือใช้ร่วมกับการชำระเพิ่มด้วยเงินสด หรือบัตรเครดิต เพื่อใช้แทนเงินสดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินการบินไทย ทุกเส้นทาง ค่าแพ็กเกจทัวร์เอื้องหลวง และซื้อสินค้าที่ร้าน THAI Shop

สถานที่ซื้อบัตรของขวัญได้ที่สำนักงานขายการบินไทยทั่วประเทศ เป็นบัตรชุดที่ออกแบบมาให้มีความสวยงามเป็นพิเศษสำหรับช่วงเทศกาลมอบของขวัญช่วงปีใหม่นี้ แบ่งเป็น 3 ชุด หาซื้อได้ที่ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือที่ thaiairways.com

ชุดที่ 1 ราคา 3,000 บาท ประกอบด้วย Gift Voucher ใบละ 1,000 บาท รวม 3 ใบ

ชุดที่ 2 ราคา 5,000 บาท ประกอบด้วย Gift Voucher ใบละ 5,000 บาท รวม 1 ใบ

ชุดที่ 3 ราคา 10,000 บาท ประกอบด้วย Gift Voucher ใบละ 10,000 บาท รวม 1 ใบ  สำหรับGift Voucher ชุด 10,000 บาท จะได้ส่วนลด 3% ราคาเหลือเพียงชุด 9,700 บาท

 สำหรับกิจกรรมเสริมทัพปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน โดยได้ร่วมมือกันในงานขายท่องเที่ยว World Travel Mart 2017 ทั้งภาครัฐและเอกชนไทยร่วมเดินทางไปตอกย้ำโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ร่วมกันตลอดงาน เพื่อเจาะตลาดยุโรป นับเป็นความสำเร็จอีกเวทีที่จะดึงดูดทั่วโลกมามากขึ้น รวมทั้งยังร่วมมือกันนำ Framtrip เป็นสปอนเซอร์นำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน จากทั่วโลกเข้าเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทยเพื่อไปแนะนำกับเครือข่ายลูกค้าให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การบินไทยแจกรับปีใหม่เพิ่มจุดบินใหม่เพียบยุโรป-เอเชีย-9อาชีพดิจิตอลโตตามไมซ์-เที่ยวชุมชน3พันปีเมืองโบราณอู่ทอง

การบินไทยงัดสารพัดโปรดักซ์ต้อนลูกค้าปลายปี’60
เพิ่มบินเพียบยุโรป/เอเชีย-บัตรของขวัญ-ไมล์แลกบุญ
ศาลยังไม่รับฟ้องคดี”ทอท.-คิงเพาเวอร์”รอฟังปีหน้า
ลุ้นเที่ยวลดภาษีปี’61-ททท.ชูอีเวนต์ไทยฟู้ดไทยไฟต์
บีซีพีจีเครือบางจาก9เดือนกำไรฉลุย 514ล้านบาท
9อาชีพดิจิตอลเทรนด์มาแรงพุ่งตามอุตฯไมซ์ไทยโต
เที่ยวชุมชน3พันปีเมืองโบราณอู่ทอง-สุพรรณบุรี
5พันธมิตรชูโปรเจ็กต์นำร่องจีนเที่ยวไทยปลอดภัย
แอร์เอเชียทุ่ม100ล้านUSบริการดิจิตอลแอร์พอร์ต
ดุสิตฯศรีนครินทร์ชวนช้อปซานต้าช่วยเด็กพิการ
อนันตราสยามทำเมนูพิเศษวันขอบคุณพระเจ้า

 สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 19  พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza

ช่วงที่  1 “คุณวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการในการเร่งอัดแคมเปญปั๊มรายได้การบินไทยในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี งัดสารพัดโปรดักซ์ออกมาขาย ทั้งเพิ่มจุดบินใหม่ในยุโรป เอเชีย ออกบัตรชุดของขวัญ และอีกมากมาย เพื่อจะได้ปลดล็อกภาระขาดทุนที่สั่งสมมาหลายปี

วิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์”
 รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์
 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 


“วิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์” รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จัดทีมเดินหน้าเชิงรุกเพิ่มรายได้เข้าบริษัทและประเทศหลังจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลดธงแดงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยส่งผลให้สายการบินสามารถเปิดเส้นทางและจุดบินใหม่ได้อย่างอิสระตามปกติ ผนวกกับเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวตามตารางบินฤดูหนาวพอดี

 ทางการบินไทยจึงเปิดเส้นทางใหม่แกะกล่อง เส้นทางแรก ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เวียนนา ประเทศออสเตรีย เริ่มตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางยุโรปกลาง สามารถเชื่อมต่อยุโรปตะวันตกและตะวันออก เพื่อบินต่อเข้าสู่ โปแลนด์ ปร้าก สาธารณรัฐเช็ค หรือเมืองใหญ่ ๆ ในเยอรมัน รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะแม่เหล็กสำคัญที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยในเวียนนามีภาพยนต์ดังระดับโลกอย่าง Sound of Music นางเอกไปเต้นอยู่บนยอดเขาซึ่งอยู่ในซาลซ์บูร์ก ทางตอนใต้ของออสเตรีย มีวิวทิวทัศน์งดงาม จะเป็นแม่เหล็กให้คนไทยและอื่น ๆ ไปท่องเที่ยวกัน

การบินไทยจะบินเส้นทาง กรุงเทพฯ-เวียนนา สัปดาห์ละ 4 เที่ยว จึงเชิญชวนคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยุโรปคราวเดียวกันในหลายประเทศใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเที่ยวบินของการบินไทยดังกล่าวได้

ขณะนี้การบินไทยได้จัดทำแคมเปญชิมลางขายล่วงหน้ามาแล้ว 1 เดือน เฉลี่ยทริปละ 30,000 บาท และยังคงขายต่อเนื่อง ๆ ไปเรื่อย

เส้นทางที่ 2 เพิ่มเที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ-ไต้หวัน  ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมเดินทางไปจำนวนมาก รวมถึงการบินไทยได้โค้ดแชร์กับไทยสไมล์ เส้นทางกรุงเทพฯ-เกาสุง เหมาะแก่การไปเที่ยวฤดูหนาว นั่งเครื่องไปลงเกาสุงแล้วนั่งรถไฟมาขึ้นเครื่องที่ไทเป

เส้นทางที่ 3 เปิดบินตรง ภูเก็ต-กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่ม 1 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 4 เที่ยว เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสารทางภาคใต้อีกช่องทาง



ส่วนบริการเที่ยวบินไกลจากยุโรป อเมริกา เข้าสู่ประเทศไทย การบินไทย ต้อนรับปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวแถบทวีปยุโรปมาด้วยอัตราการบรรทุกเฉลี่ยตลอดฤดูท่องเที่ยวเกิน 80 %

 นายวิวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยยังได้จัดทำโปรดักซ์พิเศษออกมาขาย คือ การจำหน่ายบัตร THAI Gift Voucher ในรูปแบบของบัตรแทนเงินสด เริ่มขายตั้งแต่ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2560 - 30 มิถุนายน 2561  เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 2561 และโอกาสพิเศษต่างๆ โดยสามารถใช้แทนเงินสด  หรือใช้ร่วมกับการชำระเพิ่มด้วยเงินสด หรือบัตรเครดิต เพื่อใช้แทนเงินสดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินการบินไทย ทุกเส้นทาง ค่าแพ็กเกจทัวร์เอื้องหลวง และซื้อสินค้าที่ร้าน THAI Shop

สถานที่ซื้อบัตรของขวัญได้ที่สำนักงานขายการบินไทยทั่วประเทศ เป็นบัตรชุดที่ออกแบบมาให้มีความสวยงามเป็นพิเศษสำหรับช่วงเทศกาลมอบของขวัญช่วงปีใหม่นี้ แบ่งเป็น 3 ชุด หาซื้อได้ที่ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือที่ thaiairways.com

ชุดที่ 1 ราคา 3,000 บาท ประกอบด้วย Gift Voucher ใบละ 1,000 บาท รวม 3 ใบ

ชุดที่ 2 ราคา 5,000 บาท ประกอบด้วย Gift Voucher ใบละ 5,000 บาท รวม 1 ใบ

ชุดที่ 3 ราคา 10,000 บาท ประกอบด้วย Gift Voucher ใบละ 10,000 บาท รวม 1 ใบ  สำหรับGift Voucher ชุด 10,000 บาท จะได้ส่วนลด 3% ราคาเหลือเพียงชุด 9,700 บาท

สำหรับกิจกรรมเสริมทัพปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน โดยได้ร่วมมือกันในงานขายท่องเที่ยว World Travel Mart 2017 ทั้งภาครัฐและเอกชนไทยร่วมเดินทางไปตอกย้ำโปรดักซ์ท่องเที่ยวใหม่ร่วมกันตลอดงาน เพื่อเจาะตลาดยุโรป นับเป็นความสำเร็จอีกเวทีที่จะดึงดูดทั่วโลกมามากขึ้น รวมทั้งยังร่วมมือกันนำ Framtrip เป็นสปอนเซอร์นำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน จากทั่วโลกเข้าเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทยเพื่อไปแนะนำกับเครือข่ายลูกค้าให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “ศาลยังไม่รับฟ้องคดี “ทอท.-คิงเพาเวอร์”



จากกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ได้ตรวจคำฟ้องและเอกสารประกอบที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ไปยื่นสำนวนคำฟ้องในเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 จึงมีคำสั่งให้รับสำนวนคำฟ้อง ไว้พิจารณาเพื่อไต่สวนมูลฟ้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และนัดรวบรวมพยานเอกสาร หลักฐาน บัญชีพยานบุคคลวันที่ 16 มกราคม 2561 เวลา 9.00 น. และตรวจสอบพยานหลักฐานวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 9.00 น. ก่อนที่จะกำหนดนัดไต่สวนพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องต่อไป

ตามกระบวนการพิจารณาดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมานั้น ศาลเพียงรับสำนวนคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาเพื่อรอการไต่ส่วนมูลฟ้องตามกำหนดต่อไป ยังมิได้วินิจฉัยว่าคดีมีมูลหรือไม่  อีกทั้งมิได้เป็นการประทับรับฟ้องแต่อย่างใด

ตามลำดับเหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้นัดฟังคำสั่งในคดีหมายเลขดำ อท.352/2560 ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กับพวกรวม 18 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เป็นกรรมการหรือผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบฯ จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายฯ และเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท กระทำการหรือไม่กระทำการ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้กรณีร่วมกระทำผิดกฎหมายและข้อสัญญาที่ก่อหรือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่สัญญาระบุไว้ ซึ่งมีการยื่นฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.60 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯได้กล่าวย้ำว่า “วันนี้ศาลมีคำสั่งรับสำนวนคำฟ้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ไว้พิจารณา ยังไม่ได้ไต่สวนว่าคดีมีมูล หรือตัดสินว่ามีความผิดแต่อย่างใด ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้ถูกต้อง และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงมีคำสั่ง ห้ามคู่ความไม่ให้เผยแพร่ข้อมูล และพยานหลักฐาน ที่อาจจะกระทบต่อกระบวนการพิจารณาของศาล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือ ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น”

สำหรับกรณีการฟ้องร้องดังกล่าว เป็นเรื่องเดิมที่นายชาญชัยได้กล่าวหาว่า ผู้บริหาร ทอท. เอื้อประโยชน์ ให้แก่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โดยที่สัญญาฯ ระหว่าง ทอท. กับ คิง เพาเวอร์ ให้เก็บรายได้เข้ารัฐ 15 % จากยอดการขายสินค้าหรือบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ (ทสภ.) แต่คณะกรรมการ ทอท. อนุมัติให้เก็บเพียง 3 % ก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐมูลค่า 14,290,660,119 บาท

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ได้อธิบายพร้อมชี้แจงต่อผู้บังคับบัญชา หน่วยงานภาครัฐ และต่อสื่อสาธารณะต่อเนื่องมาหลายครั้ง ถึงการปรับเปลี่ยนอัตราการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าว เป็นการปรับเปลี่ยน จากอัตราร้อยละ 15 ของยอดรายได้จากการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร (ซึ่งเป็นบริการประเภทหนึ่งภายใต้สัญญาฯ) เป็น ร้อยละ 3 ของยอดมูลค่าสินค้าปลอดอากร ที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้า/ผู้โดยสาร (ที่ซื้อสินค้าฯ จากร้านค้าปลอดอากรในเมือง) เมื่อเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 โดยเมื่อคำนวณค่าผลประโยชน์ตอบแทนที่ ทอท. ได้รับจากการปรับเปลี่ยนตามอัตราจัดเก็บใหม่เพิ่มเป็นร้อยละ 3 เป็นจำนวนที่มากร้อยละ 0.45ส่งผลให้ ทอท. ได้รับเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มขึ้น และทำให้ ทอท.ได้รับประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมจากที่ระบุไว้ในสัญญาฯ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยรวมต่อภาพรวมทางรายได้ของหน่วยงานด้วย

ข่าวที่ 2 “ททท.ลุ้นลดภาษีปี’61-ชูไทยฟู้ด-ไทยไฟต์บูมอีเวนต์โลก“

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อยู่ระหว่างร่วมหารือกับกระทรวงการคลัง ภายในเดือนมกราคมปีหน้าจะได้ข้อสรุปชัดเจน ถึงมาตรการนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีในปี 2561 มีแนวคิดจะเสนอทั้งการไปยังเมืองท่องเที่ยวรองยอดรวม 30,000 บาท และเที่ยวโลว์ซีซันยอดรวม 50,000 บาท

มาตรการดังกล่าวจะขานรับกับนโยบายส่งเสริม “ปีการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” และกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้ได้ตามเป้า 160 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าปี 2560 มีประมาณ 154 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 9.5 แสนล้านบาท

ทางด้าน นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. เตรียมส่งเสริมการตลาดภายใต้แนวคิด Open to the new shades ปี 2561 โดยทยอยปล่อยวิดีโอโปรโมตออกมาทางโซเชี่ยลมีเดียและเชิญชวนทำคลิป เน้นสร้างความฮือฮาให้เกิดกระแสแชร์ต่อ ๆ กัน อย่างตลาดจีน ให้ทำคลิปแล้วจะส่งทุเรียนก้านยาวไปแลก หรือบางประเทศก็ให้กางเกงมวยไทย

รวมถึงการเพิ่มสีสันการจัดงานอีเวนต์ “ไทยเฟสติวัล” ตามในเมือง ๆ ทั่วโลก จัดงาน 3-4 วัน มีต่างชาติเข้าร่วม 3-5 หมื่นคน จะเพิ่มท่องเที่ยวเข้าไปด้วย ผนวกแนวคิด “ไทยฟู้ด ไทยไฟต์” ชูความโดดเด่นด้วยการออกร้านซุ้มอาหารไทยควบคู่กับสาธิตมวยไทย ขณะนี้เล็งไว้มี 7 เมือง ได้แก่ กรุงโรม สตอกโฮลม์  ในยุโรปจะเลือกจัดช่วงฤดูร้อน ออสเตรเลีย กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างซิดนีย์หรือเมลเบิร์น อเมริกาสหรัฐอาจจะเป็น ซีแอตเติล และลอสแองเจลิส จีนก็ต้องเป็นมณฑลใหญ่อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้

ข่าวที่ 3 “บีซีพีจีเครือบางจาก9เดือนกำไร514ล้านบาท”



นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในเครือของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาสที่ 3  ของปีนี้ นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ทำผลกำไรสุทธิคิดเป็น 514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 % โดยทุกโครงการเปิดเชิงพาณิชย์แล้วทั้งในไทยและญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนเต็มไตรมาส  จากการที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการโซลาร์สหกรณ์ (ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น โครงการ Nagi (ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญา 10.5 เมกะวัตต์)

ส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2560 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าประมาณ 2,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณเกือบ 10 % และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนประมาณ 402 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษเท่ากับ 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 42 %

ข่าวที่ 4 “9อาชีพไฮเทคดิจิตอลเทรนด์แรงพุ่งตามอุตฯไมซ์“


สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่า ระหว่างที่อุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศและนานาชาติกำลังเติบโต ก็มีอาชีพใหม่ ๆ ขยายตัวตามมาด้วย ซึ่งต้องการบุคลากรที่มีทักษะสอดคล้องกับความท้าทายโลกสมัยใหม่ทางด้านเทคโนโลยี ดิจิตอล โซเชียลมีเดีย ครบวงจร ประกอบด้วย 9 อาชีพ ดังนี้

1.Event Tech Expert: ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอีเว้นท์

2.Social Media Coordinator: เจ้าหน้าที่ประสานงานโซเชียลมีเดีย

3.Digital Concierge: พนักงานต้อนรับดิจิตอล ทำหน้าที่คล้ายพนักงานต้อนรับของโรงแรม

4.Meeting Designer: นักออกแบบการจัดประชุม นักออกแบบการจัดประชุมมีหน้าที่ออกแบบประสบการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดงาน โดยเน้นสร้างประสบการณ์แก่ผู้เข้าร่วมงาน

5.Conference Architect: สถาปนิก ในการจัดประชุม ตำแหน่งนี้มีหน้าที่ใกล้เคียงกับนักออกแบบอีเว้นท์ โดยสถาปนิกในการจัดประชุมจะดูแลการวางแผนพัฒนาการทำงานโดยรวม

6.Event Videographer: ช่างถ่ายวิดีโอในงานอีเว้นท์ปัจจุบันนี้วิดีโอได้เปลี่ยนโลกของการจัดงานอีเว้นท์ไปอย่างสิ้นเชิงทั้งสถานที่จัดงาน นักวางแผน ผู้ขายสินค้า และผู้เข้าร่วมงานต่างหันมาสร้างวิดีโอคอนเทนต์กันยกใหญ่

7.Digital Analytics Manager: ผู้จัดการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล นักวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมในธุรกิจหลากหลายสาขาไม่เว้นแม้แต่แวดวงอีเว้นท์ของเรา ซึ่งข้อมูลที่สามารถน􀄞ำมาวิเคราะห์ได้มีหลายรูปแบบ

8. Customer Experience Manager: ผู้จัดการประสบการณ์ลูกค้า การบริการที่ดีและการทำให้ผู้มาร่วมงานอีเว้นท์มีประสบการณ์ที่ดี คือมีความสุขและรู้สึกสนุกสนานไปกับกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในงาน อาจจะติดตามไปร่วมงานที่จัดในครั้งหน้าอีกก็ได้

9.Event Reporter: นักข่าวสายอีเว้นท์ โลกเราทุกวันนี้ใครก็สามารถทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์
ที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่างรวดเร็วผ่านโซเชียลมีเดีย พักหลังมานี้เราจึงได้เห็นอินฟลูเอนเซอร์บางรายถึงกับหันมาโฟกัสที่การไปร่วมงานอีเว้นท์แล้วมาเขียนบล็อกรายงานความเป็นไปกันอย่างจริงจังเลยทีเดียว

ช่วงที่ 2 ตามล่าหาชุมชนยุคทวารวดีกว่า 3,000 ปี ศูนย์กลางเมืองสุวรรณภูมิที่ “ชุมชนโบราณอู่ทอง” จังหวัดสุพรรณบุรี และขอเตือนบรรดากลุ่ม 4 F “ผู้หญิง-อ้วน-อายุเกิน40-ไขมันสูง” เสี่ยงเป็นนิ่วในน้ำดี และข่าวท้ายชั่วโมงเสิร์ฟร้อน ๆ เรื่อง โชว์เรือนานาชาติตระการตาในน่านน้ำทะเลอ่าวไทยยิ่งใหญ่สุดในอาเซียน ข่าว 5 พันธมิตรผุดโปรเจ็กต์ ท่องเที่ยว Tourism Healthcare Emergency System"  กลุ่มแอร์เอเชียประกาศกร้าวบุกเบิกติดตั้งบริการดิจิตอลการบินทุกสนามบินทั่วโลกเจ้าแรกในเอเชีย และไปอุดหนุน “ดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์” ซื้อถุงเท้าซานต้ากับขนมผิง เพื่อนำเงินไปช่วยเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ และร่วมฉลองวันขอบคุณพระเจ้ากับเมนูพิเศษที่ “ห้องเมดิสัน” โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

@ทัวร์ชุมชน3พันปีเมืองโบราณอู่ทอง สุพรรณบุรี


สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 3,000 ปี “เมืองโบราณอู่ทอง” จังหวัดสุพรรณบุรี เคยเป็นอาณาจักรทวารดีและศูนย์กลางของดินแดนสุวรรณภูมิที่ค้นพบโบราณวัตถุตั้งแต่ยุคหินใหม่ อู่อารยธรรม ซึ่งกลายเป็นแหล่งสะสมของดีของเก่าที่สำคัญต่อการศึกษาของไทย

การไปท่องเที่ยว “ชุมชนอู่ทอง” ก่อนอื่นต้องแวะ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอู่ทอง” ศึกษาเรื่องราวความเป็นมา และชมโบราณวัตถุ ทั้งเศียรพระพุทธรูปทองคำ ลูกปัดทองคำ และอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก พร้อมภาพยนตร์แอนิเมชั่น จำลองเรือนชาวลาวโซ่ง ชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในอู่ทอง

และต้องหาเวลาปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตรอบชุมชนที่ “บ้านโค้ก” ดูบรรยากาศความเป็นท้องถิ่นที่สงบร่มเย็น ปลูกผักปลอดสารพิษ น้อมนำทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต มีความสุขอย่างยั่งยืน


แล้วก็ไปเดินเส้นทาง “ศึกษาธรรมชาติและชมหินตั้งวัฒนธรรมโบราณ” ที่คล้ายสโตนเฮนจ์

 ก่อนเที่ยงก็แวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อพระยาจักรใน “ตลาดอู่ทอง” เลือกอาหารถิ่นเป็นเมนูมื้อกลางวัน



จากนั้นก็ไปชม “พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ “ วัดเขาเทียม เป็นพระพุทธรูปแกะสลักอยู่บนภูผาสูงสุดในโลก85 เมตร ขนาดหน้าตัก 65  เมตร ใต้ฐานพระจะมีถ้ำเข้าไปปฏิบัติธรรมหรือวิปัสสนากรรมฐานได้ ต่อด้วยแวะชมความงามที่ “วัดพระศรีสรรเพชรญาราม” มีถ้ำประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ และพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รอยพระพุทธบาทจำลอง เป็นจุดชมวิวพาโนรามาเมืองอู่ทองที่สวยงาม

“อาหารถิ่นอู่ทอง” ต้องกิน “แกงเผ็ดหน่อไม้ไก่” นำหน่อไม้สดกลิ่นหอมและผักมาปรุงกับพริกแกงรสจัดจ้าน “ขนมกงเกวียน” เป็นขมโบราณ ลักษณะเป็นเส้นไขว้คล้ายล้อเกวียน ใช้ในงานแต่ง แถมรสชาติอร่อย



ส่วนร้านอาหารในชุมชนก็มี “ร้านครัวผู้ใหญ่เงาะ” มีเมนูกบทอดกระเทียม กระเพรากบ อาหารป่าเมนูต่าง ๆ “ร้านป้าแหมว” แกงปลาไหลไร้ก้าง

สามารถหาซื้อของฝากอู่ทองที่มีให้เลือก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไรซ์เบอรี่ น้ำเห็ดเพื่อสุขภาพ สมุนไพรพื้นบ้าน อาทิ ปอกระบิดเกียวทอง ว่านสามสิบ ผลิตภัณฑ์ทำจากมะพร้าว เช่น ตะเกียบ กระบวย โคมไฟ ลูกปัดอู่ทอง เป็นสิ่งมงคลด้วยเรื่องราวความเชื่อมายาวนาน

สนใจท่องเที่ยว ติดต่อ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนเมืองโบราณอู่ทอง โทร.081-851-7087

@หมอเตือนกลุ่ม 4Fระวังภัยโรคนิ่วถุงน้ำดี

นพ.ทวี รัตนชูเอก แพทย์ทรงคุณวุฒิ หน่วยส่องกล้องทางเดินอาหารศัลยศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี เตือนกลุ่มเสี่ยง 4F “ผู้หญิง-อ้วน-วัย40อัพ-กินแล้วจุกแน่นบ่อย” ระวังเสี่ยงเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ภัยเงียบคุกคามคุณภาพชีวิตของหญิงวัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว แนะสังเกตอาการจุกแน่นชายโครงขวาและลิ้นปี่บ่อยหลังอาหาร อย่าคิดว่าแค่โรคกระเพาะอาจเป็นสัญญาณเตือนอันตราย ควรรีบพบแพทย์

 ปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่วพบมากใน 4 กลุ่มเสี่ยง 4 F คือ

1. พบมากในผู้หญิง(Female) มากกว่าเพศชายประมาณ 2-3 เท่า

2. พบมากในวัย 40 ปีขึ้นไป (Forty) หรือวัยกลางคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ

3.พบมากในคนอ้วน(Fatty) การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงทำให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในถุงน้ำดีมากเกินไป

4.พบมากในผู้ที่มีอาการจุกแน่นบ่อยๆหลังรับประทานอาหารไขมันสูง(Fat Intolerance) และมีอาการปวดท้องบ่อยๆ หลังรับประทานอาหาร และยังพบว่าผู้ป่วยโรคทาลัสซีเมีย ก็สามารถเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน

“อาการ” ของโรคนิ่วในถุงน้ำดี คือ จุกแน่น บริเวณชายโครงขวา และลิ้นปี่ ลักษณะการจุกแน่นนี้ ให้พึงระวังไว้ก่อนว่าไม่ใช่โรคกระเพาะอาหาร แต่อาจเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเพราะตับและถุงน้ำดีจะอยู่ใต้ชายโครงขวา ส่วนใหญ่จะเกิดหลังจากรับประทานอาหารประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะอาหารไขมันสูง และอาจมีเพิ่มอาการเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ไม่ดีขึ้นด้วยการรับประทานยาลดกรด ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ซึ่งแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้โดยการตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน

“การรักษา” หากเป็นนิ่วในถุงน้ำดีต้องรีบรักษาทันที ก่อนจะตกไปในท่อน้ำดี กลายเป็นนิ่วในท่อน้ำดี มีความยุ่งยากแก่ในรักษา และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต นิ่วในถุงน้ำดีมีสาเหตุมาจากการตกตะกอนของคอเลสเตอรอล เกลือแร่ และโปรตีนที่ไม่สมดุลในน้ำดี

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ชมโชว์กองเรืออาเซียน-บินผาดโผน19-20พ.ย.”

ระหว่างวันที่ 19 - 20 พฤศจิกายน 2560 ชมความอลังการของแสงไฟประดับจากเรือรบนานาชาติกว่า 50 ลำ ของเหล่าทัพทหารเรือมิตรประเทศ พร้อมการแสดงพลุไฟฉลองความสัมพันธ์อาเซียนครบ 50 ปี ในงาน “มหกรรมทางเรือนานาชาติ” ASEAN IFR 2017 บริเวณแหลมบาลีฮาย ชายหาดพัทยา ด้วยกิจกรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจ

ตลอดการจัดงานเมืองพัทยาจะปิดและงดบริการท่าเทียบเรือสาธารณะที่อยู่ในความครอบครองดูแลของเมืองพัทยาทุกท่า ในเขตพื้นที่อ่าวพัทยา - เกาะล้าน พร้อมงดการเดินเรือไปเกาะล้าน และงดใช้พื้นที่โดยรอบบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา (แหลมบาลีฮาย) ระหว่างวันที่ 19 - 20 พฤศจิกายน 2560

 วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560  เวลา 09.00 น. พิธีเปิดมหกรรมทางเรือ ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา
เวลา 10.00 – 15.30 น. การประชุมผู้บัญชาการทหารเรืออาเซียน ครั้งที่ 11 ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา เวลา 15.00 น. เชิญชมการสาธิตช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบภัยทางทะเล ชายหาดแยกพัทยากลาง เวลา 16.00 น. เชิญชมขบวนพาเหรดของทหารเรือจากมิตรประเทศในเครื่องแต่งกายเต็มยศ อย่างสง่างาม ร่วมกับขบวนคาร์นิวัลจากแหล่งท่องเที่ยว
ที่พร้อมใจตกแต่งประดับรถที่เน้นสีสันด้วยริ้วขบวนแห่งท้องทะเล พร้อมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม พร้อมด้วยเหล่าการ์ตูนในชุดมาสคอต ต่างๆ ที่ออกมาเดินร่วมสร้างสีสัน

เริ่มขบวนที่บริเวณ ถนนสายชายหาดพัทยาใต้ ซอย 6 (ลานตะวันนา) และหยุดโชว์การแสดงของแต่ละแหล่งท่องเที่ยว ที่ บริเวณหน้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช โดยริ้วขบวนจะสิ้นสุดที่โรงเรียนเมืองพัทยา 8 (พัทธยานุกูล)

เวลา 19.00 – 21.00 น. เชิญการแสดงพลุไฟฉลองความสัมพันธ์อาเซียนครบ 50 ปี ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยสะดวกด้านการรักษาความปลอดภัย ต่อผู้เข้าร่วมขบวนพาเหรดทางบกของทหารเรือนานาชาติ เมืองพัทยาจะดำเนินการปิดการจราจรถนนสายชายหาดพัทยาใต้ ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2560 เวลา 09.00 น. กิจกรรมแสดงการสวนสนามทางเรือนานาชาติ ณ อ่าวพัทยา โดยมีกำลังพลจากกองทัพทหารเรือและทหารอากาศทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและนอกอาเซียนร่วม 50 ลำ ลอยลำยามค่ำคืน ประดับโคมไฟตามสไตล์ของแต่ละประเทศ เจิดจ้ากลางทะเลสว่างไสวทั่วทั้งทะเลพัทยา รอนักท่องเที่ยวถ่ายภาพประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เป็นที่ระลึก เพื่อสื่อความหมายในวาระครบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน พร้อมชมการแสดงบินผาดโผนจากกองทัพอากาศจำนวน 20 เครื่อง บริเวณ ถนนชายหาดแยกพัทยากลาง

ข่าวที่สอง “5พันธมิตรผุดโปรเจ็กต์เที่ยวไทยปลอดภัยนำร่องทัวร์จีน”

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าได้ร่วมกับ 4 พันธมิตร  “โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส - วิริยะประกันภัย – แองเจิ้ลไลฟ์ และ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย " เอ็มโอยูโครงการนำร่องยกระดับความปลอดภัยนักท่องเที่ยวจีนครบวงจร "Tourism Healthcare Emergency System" ครอบคลุมแผนประกันภัยเริ่มต้นวันละ 50 บาท เพื่อรับสิทธิรักษาใน รพ.เครือบีดีเอ็มเอสทั่วประเทศ พร้อมแอพลิเคชั่น เสมือนที่ปรึกษาแนะนำการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ทั้งรายชื่อและแผนที่โรงพยาบาลใกล้เคียงรวมถึงศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

             โครงการนี้นำร่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดเป็นอันดับแรกซึ่งแนวโน้มปี 2561 จะมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 12 ล้านคน โดยภาพรวมแล้วจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว ด้วยการรักษาที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์นโยบายกระทรวงในการยกระดับความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สอดคล้องกับวาระแห่งชาติการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทยกับคู่แข่งในอาเซียน

นพ.ชาตรี ดวงเนตร กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการการแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ เครือบีดีเอ็มเอส กล่าวว่า โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอสได้เตรียมความพร้อมทางการแพทย์และเครือข่ายโรงพยาบาลพันธมิตรกว่า 45 แห่ง เพื่อช่วยเติมเต็มโครงการ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา แนะนำวิธีรักษาพยาบาลเบื้องต้นผ่านแอพพลิเคชั่นแองเจิ้ลการ์ด จนถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีอุบัติเหตุ หรือ เจ็บป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ BDMS Alarm Center ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และพยาบาลประจำศูนย์ฯ ทั้งช่วยประสานทีมแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือข่ายและพันธมิตรที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 50 กิโลเมตร รวมถึงบริการยานพาหนะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่รวดเร็ว ทั้งทางบก เรือ และอากาศ ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวหลัก อาทิ กรุงเทพ เชียงใหม่ อุดรธานี พัทยา หัวหิน เกาะสมุยและภูเก็ต

ข่าวที่สาม “แอร์เอเชียทุ่ม100ดอลล์นำร่องบริการบินดิจิตอลแอร์พอร์ต”




นายโทนี่ เฟอร์นานเดซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่าเตรียมนำระบบดิจิตอลเข้ามาให้บริการผู้โดยสารในอาเซียน ด้วยเงินกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ นำร่องที่สนามบินนานาชาติชางยี สิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันมีเคาน์เตอร์อยู่ในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังที่ 1

สำหรับบริการใหม่ “ROKKI” หรือ บริการ Wifi บนเครื่อง การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน ‘Amazon of the Skies’ นิตยสารบนเครื่องบิน Travel 3Sixty รวมไปถึงบริการด้านการเงิน เช่น Big Pay และโปรแกรมสะสมแต้มการบิน

แอร์เอเชีย ได้นำร่องให้บริการระบบดิจิตอลในเทอร์มินัล สนามบินชางยี สิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2560 เป็นต้นมา ซึ่งการให้บริการในรูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ โดยได้นำเครื่องคิออสเช็คอิน ที่จะช่วยเช็คอิน และพิมพ์ตั๋วโดยสาร พิมพ์ป้ายติดกระป๋า สัมภาระ เครื่องโหลดสัมภาระอัตโนมัติ ช่องทางศุลกากร  และการเข้าสู่ประตูขึ้นเครื่องบิน ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีในการจดจำใบหน้าของผู้โดยสาร มาให้บริการ

รวมทั้งจะร่วมกับบริษัท Palantir พัฒนาระบบความปลอดภัยในการผ่านขั้นตอนศุลกากรอย่างรวดเร็ว ตามสนามบินต่างๆ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือของอาเซียนในการประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานดูแลท่าอากาศยานและหน่วยงานภาครัฐ ของกลุ่มแอร์เอเชียเข้าด้วยกัน โดยใช้การบูรณาการข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม Skywise ที่พัฒนาขึ้นโดยแอร์บัส เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการดำเนินการธุรกิจ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่สี่ “ดุสิตฯศรีนครินทร์ชวนช้อปช่วยเด็กด้อยโอกาส”


โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพ ขอเชิญชวนทุกท่านมาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความหวังให้กับผู้อื่น อันเป็นนโยบายของ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นเนล ได้ร่วมกับโอเปอร์เรชั่น สมายล์ เนื่องในเทศกาลแห่งความสุข ความรัก สิ่งดีๆที่กำลังจะมาถึงนี้ โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพ ขอเชิญชวนทุกท่านมาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความหวังให้กับผู้อื่น
 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ร่วมกันจัดซื้อถุงเท้าซานต้าและขนมขิงวางจำหน่ายที่ล๊อบบี้ เล้าจ์, ห้องอาหารในโรงแรม และเคาน์เตอร์ต้อนรับ ราคา 50 ต่อชิ้น และทุกการซื้อ 200 บาท สามารถรับสิทธิพิเศษในการลุ้นรางวัลจาก Wheel of Hopes ได้ด้วย

จัดเป็นเทศกาลจะส่งมอบความหวัง เพื่อช่วยเหลือเด็กที่เกิดพร้อมภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ ด้วยการซื้อถุงเท้าซานต้าและขนมผิง รายได้ที่ได้จากการขายจะถูกส่งมอบให้กับองค์กรไม่หวังผลกำไร โอเปอร์เรชั่น สมายล์ เพื่อช่วยเหลือเด็กๆต่อไป

ข่าวที่ห้า“เมดิสัน อนันตรา สยามฯจัดมื้อพิเศษขอบคุณพระเจ้า”



โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพ ขอเชิญท่านและครอบครัวร่วมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า ในคืนวันพฤหัสที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ด้วยเมนูที่หลากหลายเพื่อค่ำคืนที่พิเศษของคุณ ณ ห้องอาหารเมดิสัน สเต๊กเฮาส์ ด้วยเซ็ตเมนู 5 คอร์ส ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ อาทิ แซลมอนดองแบบโฮมเมด, ซุปข้าวโพด กับกุ้งลอบสเตอร์ และไส้กรอกหมูแบบเผ็ด, ปลากะพงย่าง กับหอยตลับ เสิร์ฟกับซอสฮอลันเดซ แซฟฟรอน, ไก่งวง และตับห่านม้วน เสิร์ฟกับมันหวาน กะหล่ำดาว และซอสแครนเบอร์รี่, ทาร์ตฟักทอง กับถั่วพีแคน ราคา 2,300 บาท++ / ท่าน หรือเลือกทานแบบจับคู่กับไวน์ ในราคา 3,500 บาท++/ท่าน (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ)



และสามารถเลือกเติมเต็มความสุขได้ถึงที่บ้าน ด้วยไก่งวงอบ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบ ซอสแครนเบอร์รี่ ซอสเครื่องใน กะหล่ำดาวผัดกับเบคอน และเบรดสตัฟฟิ่ง ราคา 12,000+ บาท ต่อตัว (ขนาดสำหรับ 6-8 คน) จากร้านเบเกอร์รี่มอคค่า แอนด์ มัฟฟินส์ สั่งจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน  โทร. 0 2126 8866 ต่อ เมดิสัน สเต๊กเฮาส์ หรืออีเมล: madision.asia@anantara.com

ติดตามฟังรายการเป็นประจำทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.เวลา 11.00-12.00 น.

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...