เปิดใจ“อรรชกา สีบุญเรือง”นำไมซ์ไทยโชติช่วง
ติดอาวุธตลาดแสนล้านรุก5แนวแรงยุคดิจิตอล
คิงเพาเวอร์อัดโปรผ่านแอพออนไลน์ลด15%
5ททท.จีนโชว์หมัดเด็ดเอาอยู่ตลาดทัวร์ปี62
ผู้นำบางจากดันโปรเจ็กต์ทำกำไร5.7พันล้าน
ทั่วโลกหนุนทอท.ขึ้นนำสนามบินไฮเทคเอเชีย
เที่ยวชุมชนบ้านลาดเมืองเพชรมีของเด็ดน่าทึ่ง
เคล็ดลับเรื่อง“อาหารเป็นพิษ” ป้องกันได้ไม่ยาก
บิ๊กก.พานิชย์ตื่นปราบ-ลงโทษทัวร์นอมินีทั่วไทย
รัฐบาลไฟเขียวการบินไทยซื้อฝูงบินใหม่แสนล้าน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 เจาะใจ “อรรชกา สีบุญเรือง” ประธานกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” ประกาศพร้อมนำประสบการณ์จากบีโอไอและอดีตรัฐมนตรี 2 กระทรวงมาช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้รุ่งโรจน์ เร่งติดอาวุธการตลาดด้วยไฮเทคโนโลยี ขยายฐานเหล่าธุรกิจ S CURVE ตามไปดูว่า 5 นโยบายขับเคลื่อน สสปน.จะรุ่งโรจน์โชติช่วงขนาดไหนในยุคประธานบอร์ดหญิงเหล็กคนใหม่
นางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” เปิดเผยว่า พร้อมวางนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยซึ่งมีพัฒนาการเติบโตเป็นอย่างดีทำได้ปีละ 1 ล้านคน โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศเข้ามาสร้างรายได้ทางตรงปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมสถิติคนไทยอย่างจริงจังในกลุ่มผู้จัดกิจกรรมไมซ์ในประเทศ จะต้องเตรียมเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเรื่องจำนวนและรายได้ของไมซ์ภาพรวมที่ไหลเข้าสู่เศรษฐกิจ เกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนถ่ายทอดเทคโนโลยีสามารถสร้างผลบวกทางรายได้ต่อประเทศอย่างมาก
ปี 2561 ได้นำร่องทำการประเมินผลทางเศรษฐกิจ Economic impack จากไมซ์ ต่อเนื่องจากที่ผ่านมาไมซ์สร้างรายได้ทางอ้อมให้ประเทศปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 1.64 แสนคน และนำเงินเข้าสู่โครงสร้างภาษีกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนถึงมีผลเชิงบวกที่เกิดขึ้นกับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ในฐานะอดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเคยเป็นผู้จัดบีโอไอแฟร์มาหลายครั้ง รวมทั้งช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ก็ทำให้ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมและการนำมาจัดกิจกรรมไมซ์ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของ สสปน.มีแผนแม่บทพัฒนาการตลาดอย่างชัดเจนอยู่แล้วระหว่างปี 2560-2564 เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้เพิ่งปรับแผนให้สอดคล้องกับเป้าหมายใหม่ปี 2561 มุ่งเน้นยกระดับรายได้ หลังจากการจัดประชุมสัมมนา แสดงสินค้านานาชาติ ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องหาช่องทางขยับขึ้นเป็นผู้นำตลาดภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไทยครองอันดับ 6 ด้านตลาดจัดประชุมนานาชาติ (convention) และอันดับ 7 ด้านการจัดนิทรรศการแสดงสินค้า (Exhibition)
ตั้งเป้าหมายช่วงครึ่งปี 2561 เป็นต้นไป จะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเลือกเจาะตลาดหาวิธีไปดึงงานขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพเข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจัดการแสดงสินค้าต้องเน้นสนองนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไฮเทคกลุ่ม S CURVE สามารถไปขยายกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศเข้ามาช่วยผู้ประกอบการไทย เสริมสร้างการเรียนรู้เทคโนโลยีพร้อมกับหาแหล่งตลาดใหม่ ๆ เพื่อส่งออกได้ด้วย เป็นการพัฒนาผู้ประกอบการครอบคลุมทั้งด้านตลาด การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการลงทุน
ปี 2561 มีการจัดงานแสดงสินค้าไฮเทค เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ดิจิตอล ไอที พลังงาน เริ่มทยอยเพิ่มขึ้น และวางแผนงานอนาคตประกวดโรบ็อต โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Robo Cup 2021 ซึ่งสอดคล้องกับการสนับสนุน 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง หรือ S CURVE โดยจะทำนโยบายสนับสนุนให้กระจายการทำงานออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น พร้อมกับผลักดันให้พนักงานขององค์กรต่าง ๆ เดินทางกระจายสู่ภูมิภาคทั่วประเทศด้วย นำไปสู่การกระจายรายได้ ผ่าน MICE CITY ด้วยการส่งเสริมจังหวัดสำคัญ ๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา (ชลบุรี) ระยอง และทางใต้ที่ภูเก็ต ควรเร่งขยายไปเมืองรองกระตุ้นการจัดกิจกรรมไมซ์มากขึ้นโดยพ่วงไมซ์นานาชาติเข้าไปด้วย
ส่วนการพัฒนาไมซ์ในประเทศได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาเรียกว่า M POWER MICE THAILAND EXHIBITION มีคณะทำงานภาครัฐและเอกชนร่วมกันมองหางานที่สามารถจัดขึ้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ตัวอย่าง งานหอมมะลิโลกที่ จังหวัดร้อยเอ็ด ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ งานฟู้ดเท็ค จังหวัดนครราชสีมา เพราะมีอุตสาหกรรมอาหารเพียงพอที่จะทำได้
อาวุธสำคัญที่จะติดเพิ่มให้กับ สสปน.เพื่อเป็นเครื่องมือขยายการเติบโตทางการตลาดดังนี้
1.จะเน้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยผู้ประกอบการและผู้จัดงาน ตั้งแต่ลงทะเบียนเข้ามาร่วมงานไปจนถึงสิ้นงานต้องประเมินผลอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก โดยได้ร่วมมือกับศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ จัดงาน Start up เพื่อพัฒนาตอบโจทก์ไมซ์โดยตรง เป็นจุดเริ่มต้นให้คำนึงถึงโจทก์ของไมซ์ไปพร้อมกับเรื่องท่องเที่ยว
2.ให้ความรู้เรื่องเทรนด์ จัดสัมมนาบรรยายพิเศษโดยได้มีประธานของ Reed เจ้าแห่งตลาดจัดอีเวนต์มาให้ความรู้ เน้นหนักถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องใดซึ่งเป็นไปตามเทรนด์โลก เมื่อไปดึงงานมาแล้วจะต้องรู้วิธีจัดอย่างมืออาชีพ
3.การสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงาน TCEB ซึ่งเป็นหน่วยงานเล็ก ๆ มีพนักงานเพียง 100 คน จะต้องหาวิธีทำให้การจัดสรรงบประมาณมาใช้ในการทำงานอย่างราบรื่น ทำงานใกล้ชิดกับเอกชนและให้ตรงความต้องการด้วย เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องประเมินงานที่เข้าไปสนับสนุนต้องเกิดอิมแพ็คสูง จึงจะดูกันทั้งฝ่ายพนักงานและผู้ประกอบการ การร้องขอสนับสนุนต้องเกิดประโยชน์ อีกทั้งงานของรัฐมีเงื่อนไขกติกา และเดือนกรกฎาคมนี้ในการประชุมจะเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมหารือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก้ไขปัญหานอกเหนือจากการทำโปรโมชั่น ต้องพัฒนาในเชิงเทคโนโลยี เทรนด์ ข้อมูลข่าวสาร ส่งเสริมไปจัดงานในต่างประเทศ
4.จัดทำควบคู่กับการเร่งหางานหลักใหม่ ๆ เข้ามาจัดเพิ่มในไทย งานเสริมสร้างข้อมูลให้เกิดการใช้ประโยชน์มากที่สุด
5.TCEB ต้องเร่งทำ Intelligent Unit ฐานข้อมูลทั้งภายในและต่างประเทศต้องแน่นขึ้น เพื่อเป็นฐานการตัดสินใจ ต้องมอนิเตอร์ติดตามได้อย่างใกล้ชิดแต่ละด้านเติบโตอย่างไร ส่วนไหนจะเจาะได้บ้าง
นางอรรชากล่าวว่าการทำภารกิจสนองนโยบายรัฐบาลในพื้นที่พัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะใช้ S CURVE เป็นแกนหลักนำงานไมซ์ในและต่างประเทศเข้าไปจัดในพื้นที่แถบ EEC ขานรับกับในอนาคตอันใกล้น้มีศูนย์ประชุมใหม่ ๆ เกิดขึ้น ส่วนโรงแรมได้ขยายห้องประชุม ส่วนสวนนงนุชกำลังเปิดคอนเว็นชั่น แล้วยังมีอุตสาหกรรมใหม่กำลังเกิด เช่น อากาศยาน โรบอต จึงจะดึงงานขนาดใหญ่เข้าไปจัดเต็มรูปแบบ
สำหรับนโยบายลดขยะในอุตสาหกรรมไมซ์ โดยเฉพาะพลาสติกเมืองไทยใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้จำนวนมากไม่ย่อยสลายในเวลาอันรวดเร็ว จึงเตรียมรณรงค์ให้การจัดงานไมซ์ทั้ง 4 ส่วน M-I-C-E เริ่มจากลดการขวดน้ำที่ใช้ในงาน ถุงผ้าใส่เอกสาร ตัวอย่าง ลาวันด้า ทั้งประเทศสามารถใช้มาตรการเลิกขยะพลาสติกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับประเทศไทยต้องสร้างนิสัยให้คนหันมาใช้ถุงผ้า ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้อย่างไบโอพลาสติก ทำจากชานอ้อย มันสำปะหลัง
นับเป็นจังหวะที่อีกครั้งของ สสปน.หรือ TCEB ที่ได้มืออาชีพอย่าง “อรรชกา สีบุญเรือง” เข้ามากำกับดูแลนโยบายในฐานะประธานกรรมการคนใหม่ ที่พร้อมจะเดินหน้าสานต่อแผนเดิมให้ก้าวสู่ความสำเร็จในอีก 1-2 ปีนี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์Rainy Dayช้อปในเว็บAppลด15%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญช้อปออนไลน์ ทาง www.kingpower.com ดวย Rainy Day ลดสูงสุด 15 % เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท กดเข้าไปรับรหัสลดราคาได้ตั้งแต่วันนี้ – 19 กรกฎาคม 2561 เพียงแค่เข้าไปยัง Application แล้วรับอีคูปอง 500 บาท ได้ในครั้งถัดไป
การรับสิทธิส่วนลดที่จะเข้าร่วมช้อปผ่านแอพลิเคชั่นก็ทำได้ง่าย ๆ
1. รหัสส่วนลด ALLJUL15 สามารถใช้ได้ที่ KingPower.com เท่านั้น ตั้งแต่วันนี้-19 กรกฎาคม 2561
2. รหัส E-Coupon จะถูกจัดส่งถึงอีเมล์ของคุณภายใน 3 วันทำการ
3. รหัสส่วนลดเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าทุกแผนกเฉพาะที่ร่วมรายการเท่านั้น ยกเว้นสินค้ารายการต่าง ๆ ที่สงวนสิทธิ์ไม่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในแผนกหลัก ๆ ได้แก่ แผนกเครื่องสำอาง แผนกแฟชั่น แผนกนาฬิกา อาทิ สินค้า Duty Free แบรนด์ MIDO สินค้า Non Duty Free แบรนด์ FORREST
แผนก OTOP สินค้า Non Duty Free แบรนด์ FIVE STARS, NUTRIMATE, DAHRA และ VERA GOLD แผนก HOME & LIVING แผนกแม่และเด็ก แผนก Aromatherapy แผนก Health and Personal Care Brand แผนก PHARMACY ทุกแบรนด์ แผนก LIQUOR & WINE ทุกแบรนด์
ทั้งนี้สินค้าราคาพิเศษ (PRICE CHANGE/PRICE PROMOTION) ไม่สามารถร่วมส่วนลดการจัดรายการส่งเสริมการขาย
4. ลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ Kingpower.com และทำการล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดนี้
5. รหัสส่วนลด ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday Celebration, บัตรส่วนลดอื่นๆ E-Purse, E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท และโปรโมชั่นอื่นๆ
6. ไม่สามารถใช้ส่วนลดร่วมกับชุดคูปองเงินสด OBS บัตรสมาชิกทุกประเภทและรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ
7. รหัสนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
8. สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631 เข้าไปดูรายละเอียดที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ททท.5แห่งเปิดแผนใหญ่ตลาดจีนปี62”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ระหว่างการสรุปแผนตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2562 เมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ ช่วงที่มีสถานการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตเป็นเหตุทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต ในช่วงระยะสั้น ๆ อาจจะเกิดผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่ในระยะยาวจะเข้าสู่ภาวะปกติโดยสามารถนำเข้าให้ได้ตามเป้าปีละ 13 ล้านคน และสร้างรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ต้องมากกว่า 530,000 ล้านบาท ล่าสุดได้ให้นโยบายสำนักงาน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีนทั้ง 5 แห่ง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง เร่งสร้างความเข้าใจถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการป้องกันตามมาตรฐานสากลทั้งปัจจุบันและอนาคตในการท่องเที่ยวเมืองไทย
ทางด้าน ททท.ภูมิภาคเอเชียตะวันออก รายงานว่าปัจจุบันจีนมีนักท่องเที่ยวเดินทางต่างประเทศปีละประมาณ 140 ล้านคน ในจำนวนนี้เดินทางเที่ยวในประเทศใกล้เคียงแถบเอเชียถึง 104 ล้านคน และไทยครองแชมป์มีจีนมาท่องเที่ยวมากสุด 5 เดือนแรกปี 2561 มีจีนเข้ามาเกินกว่า 5 ล้านคน แล้ว และจากผลสำรวจของเนลสันถึงพฤติกรรมที่จีนเดินทางเที่ยวต่างประเทศมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.ความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ บวกกับสามารถทำ Visa On Arrival ได้อย่างสะดวก 2.ราคาแพกเกจท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายเหมาะสม
ส่วนไทยมีแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วไปซึ่งเดินทางอิสระด้วยตนเอง (F.I.T) เกิน 60 % ด้วยความสนใจหลัก ๆ คือ อาหาร ช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวโรมานซ์ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย
ทั้งนี้ในการแถลงแผนการตลาดประจำปี 2561 ททท.ทั้ง 5 สำนักงาน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง หันไปพุ่งเป้าเจาะตลาดจีนกลุ่มที่สนใจท่องเที่ยวเฉพาะเพิ่มขึ้น หรือ Niche Market ซึ่งพร้อมใช้จ่ายเงินอย่างเต็มที่ 1.กลุ่มสุขภาพ นิยมเข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพ การทดสอบเลือกเพศเพื่อการมีบุตรคนที่ 2 ตามนโยบายรัฐบาล 2.กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา กอล์ฟ และอื่น ๆ 3.กลุ่มครอบครัว 4.กลุ่มชื่นชอบความโรแมนซ์ อย่าง คู่รัก คู่แต่งงาน คู่ฮันนีมูน 5.กลุ่มผู้หญิง
ล่าสุดทางสมาคมโรงแรมภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต ได้เข้าพบ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหารือถึงผลกระทบระยะสั้นจากตลาดจีนยกเลิกการจองห้องพักทันทีกว่า 50 % เนื่องจากไม่พอใจต่อท่าทีการพูดของบางคนในรัฐบาลที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในจีน และขอให้ทุกฝ่าย่วยกันสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวอย่างถูกต้องตามจริง เพื่อเอกชนในภูเก็ตจะได้ดึงตลาดกลับคืนมาให้เร็วที่สุดต่อไป
ข่าวที่ 3 “บางจากเล็งรักษายอดกำไรกว่า5.7พันล้าน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 2561 ในระดับเดียวกับปีก่อนที่ทำได้ 5,780 ล้านบาท แม้ช่วงไตรมาส 2/61 จะต้องหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น 45 วัน ทำให้ปริมาณการกลั่นลดเหลือราว 6 หมื่นบาร์เรล/วัน และส่งผลให้ปริมาณการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ราว 1.01 แสนบาร์เรล/วัน ลดลงจากปีที่แล้วผลิตได้ 1.11 แสนบาร์เรล/วัน
ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่นจะทรงตัวจากระดับประมาณ 6.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีก่อน แต่บริษัทคาดหวังว่าปีนี้จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และยังมีกำไรพิเศษจากการที่บมจ.บีซีพีจี (BCPG) จะขายโซลาร์ฟาร์ม 2 แห่งเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในญี่ปุ่น ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานด้วย
ทั้งนี้ ประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้ที่ระดับ 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว โดยราคาน้ำมันดิบตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ราว 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับระดับปิดสิ้นปีก่อนที่ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงทำให้คาดว่าปีนี้จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน
ข่าวที่ 4 “ทอท.ได้ทั่วโลกหนุนขึ้นนำสนามบินไฮเทคเอเชีย”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ทอท.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงอภิปราย AOT Sister Airport CEO Forum 2018 ระหว่างวันที่ 11 – 13 กรกฎาคม 2561 ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอนด์ แบงคอก คอน เวนชั่น เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยมีสมาชิกสนามบินนานาชาติจากทั่วโลกที่ลงนาม Sister Airport Agreement : SAA กับ ทอท.เข้าร่วมด้วย 15 แห่ง เพื่อหารือกันในหัวข้อหลัก “Aviation Industry as It Experiences Constant Evolution in Technology and Innovation” เตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมการบินที่จะต้องเผชิญหน้ากับวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท/องค์กรต่าง เข้าร่วมรับฟังด้วยกว่า 200 คน
เป้าหมายของ ทอท. เน้นใช้เวทีการจัดประชุมครั้งนี้ เดินหน้า 2 เรื่องหลัก ประกอบด้วย เรื่องแรก โหมโรง Digital Platform พัฒนาบริการขยายตามสถานการณ์ของโลก ซึ่งปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 โลกแห่งความเป็นจริง ทอท.เดินหน้าทำในส่วนของแผน 5-10 ปีข้างหน้า ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินลงทุนระยะยาว 2 แสนล้านบาท ขยายสนามบินต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานของนักเดินทาง แต่ระหว่างนี้กว่าจะไปถึงอีก 5 ปีหน้า สนามบินแต่ละแห่งของ ทอท.มีความแออัดในการใช้พื้นที่เกิดขึ้นอย่างมาก จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยหลายรูปแบบ จึงนำไปสู่การสร้างแอพลิเคชั่น
ในส่วนที่ 2 เป็นโลกเสมือนจริง เข้ามาเสริมทัพด้วยการสร้าง application จะเริ่มใช้ได้จริงช่วงไตรมาส 1-2 ปี 2562 เป็นต้นไป พัฒนาให้เป็นศูนย์รวมข้อมูลบิ๊กดาต้าสำเร็จรูป เพื่อให้ผู้โดยสารใช้แอพลิเคชั่นแบบครบวงจร ในการตรวจสอบข้อมูลบริการสนามบินในทุกส่วนก่อนการเดินทางขึ้นและลงเครื่องบินแต่ละครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการวางระบบให้ปริมาณการจราจรในสนามบินแต่ละแห่งรื่นไหลระบายออกไปยังจุดหมายได้เร็วที่สุด
เริ่มตั้งแต่ปริมาณจราจรเข้าออกสนามบิน ที่ว่างในลานจอดรถยนต์ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน สำนักงานตรวจคนเข้าออกเมือง แต่ละจุดหนาแน่นหรือไม่อย่างไร รวมถึงสายพานกระเป๋าในสุวรรณภูมิที่มีความยาวถึง 23 กม.โหลดกระเป๋าของผู้โดยสารขึ้นเครื่องอย่างราบรื่อนหรือไม่ ต่อไปสามารถใช้แอพลิเคชั่นดังกล่าวตรวจสอบได้ทั้งหมด นวัตกรรมทางเทคโนโลยีแอพลิเคชั่นดังกล่าว ทอท.จะนำเข้ามาให้ผู้โดยสารคนไทยและนานาชาติใช้เพื่อสะท้อนถึงอนาคตการบริหารจัดการสนามบินของประเทศไทยมีประสิทธิภาพเทียบชั้นทั่วโลก
นายนิตินัย กล่าวว่า นวัตกรรมถือเป็นหัวใจหลักในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจของ ทอท.ซึ่ง ทอท.ได้ปรับรูปแบบการให้บริการ การพาณิชย์ และการบริหารงานภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรอื่นให้อยู่บนโลกเสมือนจริง (Digital Platform) ไปสู่ยุค Thailand 4.0 รวมถึง ระบบการตัดสินใจในการบริหารท่าอากาศยานร่วมระหว่างหน่วยงาน (Airport Collaborative Decision Making : A-CDM) และการพัฒนา AOT Application ที่จะช่วยการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งช่วยให้การบริการของ ทอท.มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย ทอท.จึงได้นำเสนอโครงการ “Digital Platform” เพื่อการเชื่อมโยงเครือข่ายไปยังท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วโลก และใช้เวทีดังกล่าวร่วมหารือเรื่องเครือข่ายการขนส่งผ่านศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certify Hub) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าการเกษตรในระดับภูมิภาคต่อไป
เรื่องที่ 2 การสร้างไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศตรวจรับสินค้าเกษตรแห่งภูมิภาคเอเชียเข้าสู่ยุโรป : Airport Cargo Cirtifly Hub ก่อนหน้านี้ ทอท.ได้พูดคุยกับสมาชิกไว้ในเบื้องต้นเนื่องจากมีสินค้าเกษตร อาหารและยาหลายอย่างส่งจากไทยเข้าสู่ยุโรปแล้วถูกปฏิเสธ ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดในการนำมาตรฐานยุโรปมาตรวจยังต้นทางในไทยตามกฎที่เรียกว่า Cirtifly Hub แล้วประทับตราการตรวจเช็คอย่างเรียบร้อย
ขณะนี้ทางกรมศุลกากรไทยได้แก้ไขกฎระเบียบ เปิดทางให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็น “ศูนย์กลางเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางอากาศ” อีกทั้งยังมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ช่วยอีกทางในฐานะการเจรจา รัฐต่อรัฐ หรือ G to G โดยนายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานคณะทำงานเห็นชอบในหลักการเรื่องการขนส่งสินค้าทางอากาศสู่ตลาดโลกได้อย่างราบรื่น หลังจาก ทอท.กับสนามบินลีแอช (Liege Airport) ประเทศเบลเยี่ยม ประตูสำคัญเข้าสู่ทวีปยุโรป ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เห็นชอบให้จัดตั้งบริษัทลูกเปิดบริการคาร์โก้ ขณะนี้ได้เสนอไปยังคมนาคมเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จัดทำเป็นวาระร่วมกันระหว่าง 2 กระทรวงคือ กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้สามารถประกาศความร่วมมือเป็น G to G อย่างสมบูรณ์แบบได้เร็ว ๆ นี้
สำหรับการประชุมในวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. และ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขึ้นกล่าวปาฐกถาโดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการสนามบินนานาชาติซึ่งเป็นประตูเศรษฐกิจทั้งทางด้านการบริการนักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีปริมาณความต้องการจากผู้ใช้กลุ่มใหญ่อย่างสายการบินทั่วโลก เรื่อยไปจนถึงนักเดินทาง และอื่น ๆ
Mr. Arun Mishra, Regional Director International Civil Aviation Organization Asia & Pacific Office ได้สะท้อนความเห็นถึงเรื่องความท้าทายของท่าอากาศยานต่อวิวัฒนาการของเทคโนโลยี : Airport Challenges in Technology Revolution ว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อไทยและสมาชิก เนื่องจากอัตราการเติบโตของการขนส่งทั้งคนและสินค้าใตอาเซียนและภูมิภาคเอเชียเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่จะต้องให้น้ำหนักกับมาตรฐานความปลอดภัยทั้ง safety และ Security อย่างเคร่งครัดควบคู่กันไปด้วย
สำหรับวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 จะเป็นการอภิปรายต่อเนื่องโดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท/องค์กรที่ร่วมลงนาม SAA กับ ทอท.และผู้บริหารท่าอากาศยานของ ทอท.เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางที่ดีที่สุด (Sharing Best Practices) ใน 2 หัวข้อ คือ 1.เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน (Technology & Innovation for Airport Safety & Security) และ 2.การปรับปรุงการบริการภายในท่าอากาศยาน โดยการนำเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์นวัตกรรมมาใช้ (Enhancing Airport Services with Technology & Creativity)
ช่วงที่ 2 การท่องเที่ยวมุมใหม่ทำให้ชีวิตดีดี๊ เมื่อได้ไปสำรวจ “ชุมชนบ้านลาด” จังหวัดเพชรบุรี แหล่งปลูกกล้วยหอมทองคุณภาพดีที่สุดของประเทศและส่งออกต่างประเทศ กับการชมสวนตาลอายุ 150 ปีกับปราชญ์นักปีนปาดตาล ส่วนการดูแลสุขภาพ “อาหารเป็นพิษป้องกันได้ไม่ยาก” และข่าวร้อน ๆ จากกรณีเรือท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ตทำให้จีนเสียชีวิต ทำให้ “กระทรวงพาณิชย์” ตบเท้าออกมาประกาศกวาดล้างธุรกิจนอมินีพร้อมเอาผิดทางอาญาและปรับกรรมการผู้ถือหุ้น กับข่าวการบินไทยได้ไฟเขียวจากคมนาคมให้ใช้เงินแสนล้านซื้อฝูงบินใหม่ 23 ลำ เป็นข่าวดีข่าวเฮรับในยุครอยต่อก่อนการเลือกตั้งใหม่
@เที่ยวชุมชนบ้านลาดเมืองเพชรเด็ดจริง
การเดินค้นหาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศตามชุมชนและเมืองรอง กำลังกลายเป็นกระแสมาแรง วันนี้จะชวนไป “ชุมชนบ้านลาด” อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
ทึ่งในศักยภาพของ “ชาวบ้านลาด” ชุมชนเกษตรภาคตะวันตก ท้องถิ่นที่รวมตัวกันปลูก “กล้วยหอมทอง” คุณภาพดีที่สุดของประเทศจนทำให้นักธุรกิจ “ชาวญี่ปุ่น” ต้องบินมาจองซื้อล่วงหน้าทุกปี แถมยังแหล่งปลูกตาลพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถนำทุกส่วนของกล้วยหอมกับตาลมาทำเป็น “อาหารถิ่น” และของใช้สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ
คุณศิริชัย จันทร์นาค ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด เปิด “ศูนย์สหกรณ์เกษตรบ้านลาด” อำเภอบ้านลาด ต้อนรับนักท่องเที่ยวและกลุ่มองค์กรบริษัทที่จูงมือกันไปทำกิจกรรมวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เด่นเป็นอัตลักษณ์ชาวบ้านลาดกว่า 10,000 ครอบครัวรวมตัวกันทำการเกษตรปลูกผสมผสาน ทั้งนาข้าว สวนกล้วย พืชผัก ผลไม้ สมุนไพรปลอดสารเคมี ทยอยเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์
แล้วก็นำเมนูอาหารถิ่นที่ทำจากข้าวอินทรีย์ ผักปลอดสารเคมี กล้วย ตาล มาเสิร์ฟแบบจัดเต็มด้วยเมนูเด็ดเฉพาะถิ่น “แกงจาวตาล” แกงกระทิใส่เนื้อจาวตาลสดคลุกเคล้าด้วยเนื้อหมูสับหรือไก่ลงไปรสชาติฟินมาก ปลาทูทอดกินกับผักพื้นบ้าน ปลาแม่น้ำเพชรทอดน้ำปลา ผัดสารพัดผักรวม ต้มจืดเยื่อไผ่ และอื่น ๆ อีกเพียบ
ส่วนผลไม้กินแบบสดก็มี ละมุดหวานกรอบ กระท้อนเนื้อฟู และขนมแปรรูป “จาวตาลชุดแป้งทอดกรอบ” ตามด้วย“ทองม้วนสด” ที่มีส่วนผสมของแป้งกับน้ำตาลสดรสไม่หวานจัดบรรจุถุงหรือใส่กระทงใบตองกินร้อน ๆ ได้เลย มีให้เลือกตามชอบ 2 รส คือเค็มกับหวาน แล้วยังมีขนมตาลขนาดพอคำ น้ำตาลสดใส่กระบอกไม้ไผ่ เสิร์ฟไม่อั้น กล้วยน้ำทองสุก และผลิตภัณฑ์กล้วยหอมทองดิบบรรจุกล่อง และแปรรูปซื้อกลับบ้านได้ เช่น กล้วยตากอบพลังงานแสงอาทิตย์ กล้วยเบรกแตกแผ่นบาง ๆ ทอดกรอบ
เป็นการเติมพลังก่อนจะนั่งรถรางไปชมแหล่งท่องเที่ยวรอบชุมชนบ้านลาด เริ่มจาก ตลาดเช้า และตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรทุกชนิดจากชุมชนในพื้นที่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไฮไลต์ที่ต้องแวะชมคือ “โรงงานบรรจุและแปรรูปกล้วยหอมทอง” ผลไม้ขึ้นชื่อของท้องถิ่นเป็นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งส่งออกญี่ปุ่นมานานหลายปี จำนวนปีละกว่า 20 ตัน ขายได้ราคากิโลกรัมละ 25 บาท เฉลี่ยลูกละ 5 บาท ทำรายได้ดีกว่าขายส่งในไทย สามารถแวะเข้าไปชมกระบวนการผลิตแบบง่าย ๆ ได้มาตรฐานการรับรอง GMP
ภายในโรงงานแปรรูปนักท่องเที่ยวจะได้เห็นขั้นตอนการคัดเลือก “ผลกล้วยหอมทอง” ขนาดที่ได้มาตรฐานออกจากเครือ จากนั้นจึงนำไปผ่านการทำความสะอาด อีก 4-5 ครั้ง นำไปชั่งน้ำหนัก และแยกบรรจุกล่องเตรียมทยอยส่งออกต่างประเทศ ส่วนกล้วยผลที่ไม่ได้มาตรฐานแม่บ้านในชุมชนจะมารับซื้อไปทำผลิตภัณฑ์แปรรูปในแต่ละแบบ ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นกอบกำเดือนละหลักหมื่นบ้านขึ้นไป
ส่วนไฮไลต์อีกแห่งคือ “สวนตาลลุงถนอม” ตอนนี้ให้ทายาทรุ่น 2 มารับไม้ต่อคือ “คุณอำนาจ ภู่เงิน” ครูสอนทำอาชีพตาลเมืองเพชร โดยสืบทอดกิจการสวนต่อจากรุ่นพ่อมีสวนตลาดอายุเกือบ 30 ปี ทำสืบต่อกันมาราว 70 ปี แล้ว ในพื้นที่ 10 ไร่ มีตาลอยู่ราว 450 ต้น ต้นที่อายุแก่สุดมากถึง 150 ปี ภายในบริเวณสวนแห่งนี้จะมีอาคารเปิดโล่งออกแบบหลังคาทำจากใบตาล จุนักท่องเที่ยวได้เกือบ 100 คน และมีอาคารผลิตกับจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากตาล ไม่ว่าจะเป็น ตาลเชื่อมบรรจุกระป๋อง น้ำตาลสดบรรจุขวด งวงตาลอบแห้งนำมาต้มดื่มแบบชา
พร้อม ๆ กับการชมกรรมวิธีขึ้นตาล เพื่อบีบน้ำตาลสดจากงวง ซึ่งเป็นศาสตร์ปราชญืภูมิปัญญาพื้นบ้านจริง ๆ เพราะจะต้องใช้เวลาปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดตาลบริเวณงวงตาลนานถึง 12 ชั่วโมง เพื่อรอน้ำจากตาล โดยต้องอาศัยทักษะความชำนาญอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องการปีน การปาดดอกตาลเพื่อให้ได้น้ำตาล รวมถึงจะต้องรู้ว่าแต่ละฤดูปริมาณน้ำตาลที่ออกจากงวง “ช่วงพีคหรือให้น้ำตาลมาก ๆ ” อยู่ระหว่าง พฤษภาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี แต่ละต้นจะให้ผลผลิตราว 35-40 กิโลกรัม ราคาขายจากสวนประมาณ กิโลกรัมละ 140 บาท แต่เป็นฤดูฝนจึงค่อนข้างหาแรงงานที่เชี่ยวชาญยากสักนิด ส่วนช่วง “โลว์-ให้ผลผลิตน้อยลง” ก็จะเป็นช่วงธันวาคม-มีนาคม ของทุกปี แต่ปราชญ์ตาลในสวนแห่งนี้จะรู้เทคนิคเคล็ดลับวิธีทำให้มีน้ำตาลสดตัดขายได้ทั้งปี ถ้าอยากรู้ต้องลองไปเที่ยวชุมชนบ้านลาดสวนตาลลุงถนอม แล้วจะได้คำตอบว่าคืออะไร
ขณะนี้ชุมชนบ้านลาด ซึ่งมีความเข้มแข็งอย่างมาก พร้อมแล้วที่จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวและหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บริษัท ห้างร้าน ต่าง ๆ ที่สนใจนำทีมไปจัดกิจกรรมสนุก ๆ ทุกวัน แถมได้ประโยชน์ทั้งกับองค์กรและทีมงานอย่างมาก หากได้ไปท่องเที่ยวและจัดประชุมในชุมชนแห่งนี้
ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณศิริชัย จันทร์นาค ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โทร.081-940-0054
@อาหารเป็นพิษป้องกันได้ไม่ยาก
อาหารเป็นพิษ มักเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วใน ระยะเวลาอันสั้นภายหลังจากรับประทานอาหาร อาการของโรค จะเกิดขึ้น ภายใน 1 ชั่วโมง จนถึง 8 วัน หลังการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เบื่ออาหาร และอุจจาระร่วง
ข้อควรปฏิบัติสำหรับประชาชนทั่วไป มีดังนี้
• ปรุงอาหารให้สุกอย่างทั่วถึง
• ห้ามรับประทานอาหารดิบ หรือ ดิบ ๆ สุก ๆ โดยเฉพาะ อาหารประเภทเนื้อสัตว์
• ควรรับประทานอาหารเมื่อปรุงเสร็จทันที หรือสุกใหม่ ๆ
• เก็บอาหารที่ปรุงสุกแล้วอย่างระมัดระวัง ในกรณีที่จะนำมารับทาน ต้องนำมาอุ่นให้ร้อนอย่างทั่วถึงก่อนรับประทานอีก สำหรับอาหารทารกต้องนำมารับประทานทันทีหลังปรุงสุก และไม่ควรเก็บไว้
• หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนระหว่างอาหารด้วยกัน เพื่อไม่ให้อาหารที่ปรุงสุกแล้ว ปนเปื้อนกับอาหารดิบ เช่น การใช้มีด เขียง ต้องแยกระหว่างอาหารดิบและอาหารสุก เป็นต้น
• เลือกอาหารที่มีขบวนการผลิตที่ปลอดภัย
• ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสอาหาร และรับประทานอาหาร และภายหลังการใช้ห้องน้ำ อย่าใช้มือสัมผัสอาหารที่ปรุงสุกแล้วโดยตรง
• รักษาสิ่งแวดล้อมในครัวให้สะอาด โดยเฉพาะโต๊ะที่ใช้ปรุงอาหาร
• น้ำดื่ม และ น้ำใช้ต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำสำหรับปรุงอาหารต้องสะอาด
• ควรเพิ่มความระมัดระวังในเตรียมอาหารสำหรับทารกหรือเด็ก
• กินอาหารร้อน สุก สะอาด ปราศจากสารพิษ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “พานิชย์เต้นใช้โทษเข้มปราบนอมินีเรือทัวร์ภูเก็ต”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ให้นโยบายเร่งด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าไปตรวจสอบสถานะของบริษัทนำเที่ยวและเจ้าของเรือที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เรือล่มจนนักท่องเที่ยวเสียชีวิตเป็นจำนวนมากคือ บริษัท เลซี่ แคท ทราเวล จำกัด และ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด โดยจะเข้มงวดกับเรื่องการจัดตั้งตัวแทนการเข้าถือหุ้นแทนต่างชาติ ซึ่งตามกฎหมายไทยไม่สามารถทำได้ ผนวกกับจะต้องจัดระเบียบเรื่องกลุ่มธุริจนอมินีอย่างจริงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ได้ตรวจสอบการจดทะเบียนของทั้ง 2 บริษัทแล้ว พร้อมกับเตรียมมาตรการเข้มหลังการลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กรมสรรพากร ปปง. และหน่วยงานราชการในจังหวัดภูเก็ต ขยายผลตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทุกกรณี หากพบเป็นธุรกิจนอมินีถือหุ้นแทนโดยคนไทย กรรมการบริษัททั้งหมดต้องรับผิด ตามความผิด ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและยังทำธุรกิจอยู่ ต้องระวางโทษปรับวันละ 10,000-50,000 บาท
ข่าวที่สอง “รัฐสั่งบินไทยทุ่มแสนล้านซื้อฝูงบินใหม่23ลำ”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เร่งรัดเมกะโปรเจ็กต์ทุกโครงการเพื่อนำเสนอพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันภายใน สิงหาคม-กันยายน-ตุลาคม 2561 บางโครงการอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น ไฮไลต์อีกเรื่องก็มีการเสนอแผนของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่าการลงทนกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อจัดหาเครื่องบินใหม่ 23 ลำ เข้าประจำฝูงแทนเครื่องเก่าที่จะต้องปลดระวาง ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ระหว่างปี 2561-2562
โดยมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายเกี่ยวข้องจะเสนอเข้าคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยพิจารณาช่วงกันยายนปีนี้ ปัจจุบันการบินไทยมีฝูงบินที่จะต้องหามาทดแทนให้ครบ 105 ลำ
ส่วนโครงการในความรับผิดชอบของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้ศึกษาเพิ่ม โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กทม.-หัวหิน และศึกษาเพิ่มเติมโครงการการรถไฟรางคู่เชื่อมไปยัง สุราษฎร์ธานี ส่วนเส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวไปยังเมืองรองให้เพิ่มเส้นทางไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออก ส่วนการโอนย้าย 4 สนามบินของ กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มายัง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จปีนี้
ขณะที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้เร่งประชุมเพื่อที่จะเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด การบินไทย คนใหม่ โดยเฉพาะ เนื่องจากกระทรวงการคลังได้มีการเสนอชื่อให้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานบอร์ดการบินไทย ส่วนตำแหน่ง ผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย คนใหม่ ได้ให้การบินไทยเร่งดำเนินการเช่นกัน
ส่วนการรับโอนย้ายสนามบินจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) จำนวน 4 สนามบิน คือ สนามบินตาก, อุดรธานี, ชุมพร, สกลนคร มาอยู่ในความรับผิดชอบบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน แต่อยากให้ ทอท. ดำเนินการพัฒนาสนามบินให้มีศักยภาพ เน้นในเรื่องของความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารที่มาใช้บริการ มากกว่าเน้นไปเรื่องของการพัฒนาเชิงพาณิชย์.
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ติดอาวุธตลาดแสนล้านรุก5แนวแรงยุคดิจิตอล
คิงเพาเวอร์อัดโปรผ่านแอพออนไลน์ลด15%
5ททท.จีนโชว์หมัดเด็ดเอาอยู่ตลาดทัวร์ปี62
ผู้นำบางจากดันโปรเจ็กต์ทำกำไร5.7พันล้าน
ทั่วโลกหนุนทอท.ขึ้นนำสนามบินไฮเทคเอเชีย
เที่ยวชุมชนบ้านลาดเมืองเพชรมีของเด็ดน่าทึ่ง
เคล็ดลับเรื่อง“อาหารเป็นพิษ” ป้องกันได้ไม่ยาก
บิ๊กก.พานิชย์ตื่นปราบ-ลงโทษทัวร์นอมินีทั่วไทย
รัฐบาลไฟเขียวการบินไทยซื้อฝูงบินใหม่แสนล้าน
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังเรียลไทม์ได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza
ช่วงที่ 1 เจาะใจ “อรรชกา สีบุญเรือง” ประธานกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” ประกาศพร้อมนำประสบการณ์จากบีโอไอและอดีตรัฐมนตรี 2 กระทรวงมาช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้รุ่งโรจน์ เร่งติดอาวุธการตลาดด้วยไฮเทคโนโลยี ขยายฐานเหล่าธุรกิจ S CURVE ตามไปดูว่า 5 นโยบายขับเคลื่อน สสปน.จะรุ่งโรจน์โชติช่วงขนาดไหนในยุคประธานบอร์ดหญิงเหล็กคนใหม่
 |
| อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” |
นางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการ (บอร์ด) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB/สสปน.” เปิดเผยว่า พร้อมวางนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยซึ่งมีพัฒนาการเติบโตเป็นอย่างดีทำได้ปีละ 1 ล้านคน โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศเข้ามาสร้างรายได้ทางตรงปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมสถิติคนไทยอย่างจริงจังในกลุ่มผู้จัดกิจกรรมไมซ์ในประเทศ จะต้องเตรียมเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเรื่องจำนวนและรายได้ของไมซ์ภาพรวมที่ไหลเข้าสู่เศรษฐกิจ เกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนถ่ายทอดเทคโนโลยีสามารถสร้างผลบวกทางรายได้ต่อประเทศอย่างมาก
ปี 2561 ได้นำร่องทำการประเมินผลทางเศรษฐกิจ Economic impack จากไมซ์ ต่อเนื่องจากที่ผ่านมาไมซ์สร้างรายได้ทางอ้อมให้ประเทศปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 1.64 แสนคน และนำเงินเข้าสู่โครงสร้างภาษีกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนถึงมีผลเชิงบวกที่เกิดขึ้นกับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ในฐานะอดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเคยเป็นผู้จัดบีโอไอแฟร์มาหลายครั้ง รวมทั้งช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ก็ทำให้ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมและการนำมาจัดกิจกรรมไมซ์ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของ สสปน.มีแผนแม่บทพัฒนาการตลาดอย่างชัดเจนอยู่แล้วระหว่างปี 2560-2564 เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้เพิ่งปรับแผนให้สอดคล้องกับเป้าหมายใหม่ปี 2561 มุ่งเน้นยกระดับรายได้ หลังจากการจัดประชุมสัมมนา แสดงสินค้านานาชาติ ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องหาช่องทางขยับขึ้นเป็นผู้นำตลาดภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไทยครองอันดับ 6 ด้านตลาดจัดประชุมนานาชาติ (convention) และอันดับ 7 ด้านการจัดนิทรรศการแสดงสินค้า (Exhibition)
ตั้งเป้าหมายช่วงครึ่งปี 2561 เป็นต้นไป จะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเลือกเจาะตลาดหาวิธีไปดึงงานขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพเข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจัดการแสดงสินค้าต้องเน้นสนองนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไฮเทคกลุ่ม S CURVE สามารถไปขยายกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศเข้ามาช่วยผู้ประกอบการไทย เสริมสร้างการเรียนรู้เทคโนโลยีพร้อมกับหาแหล่งตลาดใหม่ ๆ เพื่อส่งออกได้ด้วย เป็นการพัฒนาผู้ประกอบการครอบคลุมทั้งด้านตลาด การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการลงทุน
ปี 2561 มีการจัดงานแสดงสินค้าไฮเทค เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ดิจิตอล ไอที พลังงาน เริ่มทยอยเพิ่มขึ้น และวางแผนงานอนาคตประกวดโรบ็อต โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Robo Cup 2021 ซึ่งสอดคล้องกับการสนับสนุน 10 อุตสาหกรรมดาวรุ่ง หรือ S CURVE โดยจะทำนโยบายสนับสนุนให้กระจายการทำงานออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น พร้อมกับผลักดันให้พนักงานขององค์กรต่าง ๆ เดินทางกระจายสู่ภูมิภาคทั่วประเทศด้วย นำไปสู่การกระจายรายได้ ผ่าน MICE CITY ด้วยการส่งเสริมจังหวัดสำคัญ ๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา (ชลบุรี) ระยอง และทางใต้ที่ภูเก็ต ควรเร่งขยายไปเมืองรองกระตุ้นการจัดกิจกรรมไมซ์มากขึ้นโดยพ่วงไมซ์นานาชาติเข้าไปด้วย
ส่วนการพัฒนาไมซ์ในประเทศได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาเรียกว่า M POWER MICE THAILAND EXHIBITION มีคณะทำงานภาครัฐและเอกชนร่วมกันมองหางานที่สามารถจัดขึ้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ตัวอย่าง งานหอมมะลิโลกที่ จังหวัดร้อยเอ็ด ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ งานฟู้ดเท็ค จังหวัดนครราชสีมา เพราะมีอุตสาหกรรมอาหารเพียงพอที่จะทำได้
อาวุธสำคัญที่จะติดเพิ่มให้กับ สสปน.เพื่อเป็นเครื่องมือขยายการเติบโตทางการตลาดดังนี้
1.จะเน้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยผู้ประกอบการและผู้จัดงาน ตั้งแต่ลงทะเบียนเข้ามาร่วมงานไปจนถึงสิ้นงานต้องประเมินผลอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายเล็ก โดยได้ร่วมมือกับศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ จัดงาน Start up เพื่อพัฒนาตอบโจทก์ไมซ์โดยตรง เป็นจุดเริ่มต้นให้คำนึงถึงโจทก์ของไมซ์ไปพร้อมกับเรื่องท่องเที่ยว
2.ให้ความรู้เรื่องเทรนด์ จัดสัมมนาบรรยายพิเศษโดยได้มีประธานของ Reed เจ้าแห่งตลาดจัดอีเวนต์มาให้ความรู้ เน้นหนักถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องใดซึ่งเป็นไปตามเทรนด์โลก เมื่อไปดึงงานมาแล้วจะต้องรู้วิธีจัดอย่างมืออาชีพ
3.การสร้างขวัญและกำลังใจแก่พนักงาน TCEB ซึ่งเป็นหน่วยงานเล็ก ๆ มีพนักงานเพียง 100 คน จะต้องหาวิธีทำให้การจัดสรรงบประมาณมาใช้ในการทำงานอย่างราบรื่น ทำงานใกล้ชิดกับเอกชนและให้ตรงความต้องการด้วย เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องประเมินงานที่เข้าไปสนับสนุนต้องเกิดอิมแพ็คสูง จึงจะดูกันทั้งฝ่ายพนักงานและผู้ประกอบการ การร้องขอสนับสนุนต้องเกิดประโยชน์ อีกทั้งงานของรัฐมีเงื่อนไขกติกา และเดือนกรกฎาคมนี้ในการประชุมจะเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมหารือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก้ไขปัญหานอกเหนือจากการทำโปรโมชั่น ต้องพัฒนาในเชิงเทคโนโลยี เทรนด์ ข้อมูลข่าวสาร ส่งเสริมไปจัดงานในต่างประเทศ
4.จัดทำควบคู่กับการเร่งหางานหลักใหม่ ๆ เข้ามาจัดเพิ่มในไทย งานเสริมสร้างข้อมูลให้เกิดการใช้ประโยชน์มากที่สุด
5.TCEB ต้องเร่งทำ Intelligent Unit ฐานข้อมูลทั้งภายในและต่างประเทศต้องแน่นขึ้น เพื่อเป็นฐานการตัดสินใจ ต้องมอนิเตอร์ติดตามได้อย่างใกล้ชิดแต่ละด้านเติบโตอย่างไร ส่วนไหนจะเจาะได้บ้าง
นางอรรชากล่าวว่าการทำภารกิจสนองนโยบายรัฐบาลในพื้นที่พัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะใช้ S CURVE เป็นแกนหลักนำงานไมซ์ในและต่างประเทศเข้าไปจัดในพื้นที่แถบ EEC ขานรับกับในอนาคตอันใกล้น้มีศูนย์ประชุมใหม่ ๆ เกิดขึ้น ส่วนโรงแรมได้ขยายห้องประชุม ส่วนสวนนงนุชกำลังเปิดคอนเว็นชั่น แล้วยังมีอุตสาหกรรมใหม่กำลังเกิด เช่น อากาศยาน โรบอต จึงจะดึงงานขนาดใหญ่เข้าไปจัดเต็มรูปแบบ
สำหรับนโยบายลดขยะในอุตสาหกรรมไมซ์ โดยเฉพาะพลาสติกเมืองไทยใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้จำนวนมากไม่ย่อยสลายในเวลาอันรวดเร็ว จึงเตรียมรณรงค์ให้การจัดงานไมซ์ทั้ง 4 ส่วน M-I-C-E เริ่มจากลดการขวดน้ำที่ใช้ในงาน ถุงผ้าใส่เอกสาร ตัวอย่าง ลาวันด้า ทั้งประเทศสามารถใช้มาตรการเลิกขยะพลาสติกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับประเทศไทยต้องสร้างนิสัยให้คนหันมาใช้ถุงผ้า ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้อย่างไบโอพลาสติก ทำจากชานอ้อย มันสำปะหลัง
นับเป็นจังหวะที่อีกครั้งของ สสปน.หรือ TCEB ที่ได้มืออาชีพอย่าง “อรรชกา สีบุญเรือง” เข้ามากำกับดูแลนโยบายในฐานะประธานกรรมการคนใหม่ ที่พร้อมจะเดินหน้าสานต่อแผนเดิมให้ก้าวสู่ความสำเร็จในอีก 1-2 ปีนี้
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์Rainy Dayช้อปในเว็บAppลด15%”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดแคมเปญช้อปออนไลน์ ทาง www.kingpower.com ดวย Rainy Day ลดสูงสุด 15 % เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท กดเข้าไปรับรหัสลดราคาได้ตั้งแต่วันนี้ – 19 กรกฎาคม 2561 เพียงแค่เข้าไปยัง Application แล้วรับอีคูปอง 500 บาท ได้ในครั้งถัดไป
การรับสิทธิส่วนลดที่จะเข้าร่วมช้อปผ่านแอพลิเคชั่นก็ทำได้ง่าย ๆ
1. รหัสส่วนลด ALLJUL15 สามารถใช้ได้ที่ KingPower.com เท่านั้น ตั้งแต่วันนี้-19 กรกฎาคม 2561
2. รหัส E-Coupon จะถูกจัดส่งถึงอีเมล์ของคุณภายใน 3 วันทำการ
3. รหัสส่วนลดเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าทุกแผนกเฉพาะที่ร่วมรายการเท่านั้น ยกเว้นสินค้ารายการต่าง ๆ ที่สงวนสิทธิ์ไม่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในแผนกหลัก ๆ ได้แก่ แผนกเครื่องสำอาง แผนกแฟชั่น แผนกนาฬิกา อาทิ สินค้า Duty Free แบรนด์ MIDO สินค้า Non Duty Free แบรนด์ FORREST
แผนก OTOP สินค้า Non Duty Free แบรนด์ FIVE STARS, NUTRIMATE, DAHRA และ VERA GOLD แผนก HOME & LIVING แผนกแม่และเด็ก แผนก Aromatherapy แผนก Health and Personal Care Brand แผนก PHARMACY ทุกแบรนด์ แผนก LIQUOR & WINE ทุกแบรนด์
ทั้งนี้สินค้าราคาพิเศษ (PRICE CHANGE/PRICE PROMOTION) ไม่สามารถร่วมส่วนลดการจัดรายการส่งเสริมการขาย
4. ลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ Kingpower.com และทำการล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดนี้
5. รหัสส่วนลด ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday Celebration, บัตรส่วนลดอื่นๆ E-Purse, E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท และโปรโมชั่นอื่นๆ
6. ไม่สามารถใช้ส่วนลดร่วมกับชุดคูปองเงินสด OBS บัตรสมาชิกทุกประเภทและรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ
7. รหัสนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้
8. สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้
สอบถามได้ที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631 เข้าไปดูรายละเอียดที่ www.kingpower.com
ข่าวที่ 2 “ททท.5แห่งเปิดแผนใหญ่ตลาดจีนปี62”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ระหว่างการสรุปแผนตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2562 เมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ ช่วงที่มีสถานการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตเป็นเหตุทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต ในช่วงระยะสั้น ๆ อาจจะเกิดผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่ในระยะยาวจะเข้าสู่ภาวะปกติโดยสามารถนำเข้าให้ได้ตามเป้าปีละ 13 ล้านคน และสร้างรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ต้องมากกว่า 530,000 ล้านบาท ล่าสุดได้ให้นโยบายสำนักงาน ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีนทั้ง 5 แห่ง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง เร่งสร้างความเข้าใจถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการป้องกันตามมาตรฐานสากลทั้งปัจจุบันและอนาคตในการท่องเที่ยวเมืองไทย
ทางด้าน ททท.ภูมิภาคเอเชียตะวันออก รายงานว่าปัจจุบันจีนมีนักท่องเที่ยวเดินทางต่างประเทศปีละประมาณ 140 ล้านคน ในจำนวนนี้เดินทางเที่ยวในประเทศใกล้เคียงแถบเอเชียถึง 104 ล้านคน และไทยครองแชมป์มีจีนมาท่องเที่ยวมากสุด 5 เดือนแรกปี 2561 มีจีนเข้ามาเกินกว่า 5 ล้านคน แล้ว และจากผลสำรวจของเนลสันถึงพฤติกรรมที่จีนเดินทางเที่ยวต่างประเทศมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.ความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ บวกกับสามารถทำ Visa On Arrival ได้อย่างสะดวก 2.ราคาแพกเกจท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายเหมาะสม
ส่วนไทยมีแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วไปซึ่งเดินทางอิสระด้วยตนเอง (F.I.T) เกิน 60 % ด้วยความสนใจหลัก ๆ คือ อาหาร ช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยวโรมานซ์ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย
ทั้งนี้ในการแถลงแผนการตลาดประจำปี 2561 ททท.ทั้ง 5 สำนักงาน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง หันไปพุ่งเป้าเจาะตลาดจีนกลุ่มที่สนใจท่องเที่ยวเฉพาะเพิ่มขึ้น หรือ Niche Market ซึ่งพร้อมใช้จ่ายเงินอย่างเต็มที่ 1.กลุ่มสุขภาพ นิยมเข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพ การทดสอบเลือกเพศเพื่อการมีบุตรคนที่ 2 ตามนโยบายรัฐบาล 2.กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา กอล์ฟ และอื่น ๆ 3.กลุ่มครอบครัว 4.กลุ่มชื่นชอบความโรแมนซ์ อย่าง คู่รัก คู่แต่งงาน คู่ฮันนีมูน 5.กลุ่มผู้หญิง
ล่าสุดทางสมาคมโรงแรมภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต ได้เข้าพบ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหารือถึงผลกระทบระยะสั้นจากตลาดจีนยกเลิกการจองห้องพักทันทีกว่า 50 % เนื่องจากไม่พอใจต่อท่าทีการพูดของบางคนในรัฐบาลที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในจีน และขอให้ทุกฝ่าย่วยกันสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวอย่างถูกต้องตามจริง เพื่อเอกชนในภูเก็ตจะได้ดึงตลาดกลับคืนมาให้เร็วที่สุดต่อไป
ข่าวที่ 3 “บางจากเล็งรักษายอดกำไรกว่า5.7พันล้าน”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 2561 ในระดับเดียวกับปีก่อนที่ทำได้ 5,780 ล้านบาท แม้ช่วงไตรมาส 2/61 จะต้องหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น 45 วัน ทำให้ปริมาณการกลั่นลดเหลือราว 6 หมื่นบาร์เรล/วัน และส่งผลให้ปริมาณการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ราว 1.01 แสนบาร์เรล/วัน ลดลงจากปีที่แล้วผลิตได้ 1.11 แสนบาร์เรล/วัน
ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่นจะทรงตัวจากระดับประมาณ 6.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีก่อน แต่บริษัทคาดหวังว่าปีนี้จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และยังมีกำไรพิเศษจากการที่บมจ.บีซีพีจี (BCPG) จะขายโซลาร์ฟาร์ม 2 แห่งเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในญี่ปุ่น ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานด้วย
ทั้งนี้ ประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้ที่ระดับ 65-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว โดยราคาน้ำมันดิบตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ราว 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับระดับปิดสิ้นปีก่อนที่ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงทำให้คาดว่าปีนี้จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน
ข่าวที่ 4 “ทอท.ได้ทั่วโลกหนุนขึ้นนำสนามบินไฮเทคเอเชีย”
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ทอท.เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงอภิปราย AOT Sister Airport CEO Forum 2018 ระหว่างวันที่ 11 – 13 กรกฎาคม 2561 ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอนด์ แบงคอก คอน เวนชั่น เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยมีสมาชิกสนามบินนานาชาติจากทั่วโลกที่ลงนาม Sister Airport Agreement : SAA กับ ทอท.เข้าร่วมด้วย 15 แห่ง เพื่อหารือกันในหัวข้อหลัก “Aviation Industry as It Experiences Constant Evolution in Technology and Innovation” เตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมการบินที่จะต้องเผชิญหน้ากับวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท/องค์กรต่าง เข้าร่วมรับฟังด้วยกว่า 200 คน
เป้าหมายของ ทอท. เน้นใช้เวทีการจัดประชุมครั้งนี้ เดินหน้า 2 เรื่องหลัก ประกอบด้วย เรื่องแรก โหมโรง Digital Platform พัฒนาบริการขยายตามสถานการณ์ของโลก ซึ่งปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 โลกแห่งความเป็นจริง ทอท.เดินหน้าทำในส่วนของแผน 5-10 ปีข้างหน้า ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินลงทุนระยะยาว 2 แสนล้านบาท ขยายสนามบินต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานของนักเดินทาง แต่ระหว่างนี้กว่าจะไปถึงอีก 5 ปีหน้า สนามบินแต่ละแห่งของ ทอท.มีความแออัดในการใช้พื้นที่เกิดขึ้นอย่างมาก จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยหลายรูปแบบ จึงนำไปสู่การสร้างแอพลิเคชั่น
ในส่วนที่ 2 เป็นโลกเสมือนจริง เข้ามาเสริมทัพด้วยการสร้าง application จะเริ่มใช้ได้จริงช่วงไตรมาส 1-2 ปี 2562 เป็นต้นไป พัฒนาให้เป็นศูนย์รวมข้อมูลบิ๊กดาต้าสำเร็จรูป เพื่อให้ผู้โดยสารใช้แอพลิเคชั่นแบบครบวงจร ในการตรวจสอบข้อมูลบริการสนามบินในทุกส่วนก่อนการเดินทางขึ้นและลงเครื่องบินแต่ละครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องการวางระบบให้ปริมาณการจราจรในสนามบินแต่ละแห่งรื่นไหลระบายออกไปยังจุดหมายได้เร็วที่สุด
เริ่มตั้งแต่ปริมาณจราจรเข้าออกสนามบิน ที่ว่างในลานจอดรถยนต์ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน สำนักงานตรวจคนเข้าออกเมือง แต่ละจุดหนาแน่นหรือไม่อย่างไร รวมถึงสายพานกระเป๋าในสุวรรณภูมิที่มีความยาวถึง 23 กม.โหลดกระเป๋าของผู้โดยสารขึ้นเครื่องอย่างราบรื่อนหรือไม่ ต่อไปสามารถใช้แอพลิเคชั่นดังกล่าวตรวจสอบได้ทั้งหมด นวัตกรรมทางเทคโนโลยีแอพลิเคชั่นดังกล่าว ทอท.จะนำเข้ามาให้ผู้โดยสารคนไทยและนานาชาติใช้เพื่อสะท้อนถึงอนาคตการบริหารจัดการสนามบินของประเทศไทยมีประสิทธิภาพเทียบชั้นทั่วโลก
นายนิตินัย กล่าวว่า นวัตกรรมถือเป็นหัวใจหลักในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจของ ทอท.ซึ่ง ทอท.ได้ปรับรูปแบบการให้บริการ การพาณิชย์ และการบริหารงานภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรอื่นให้อยู่บนโลกเสมือนจริง (Digital Platform) ไปสู่ยุค Thailand 4.0 รวมถึง ระบบการตัดสินใจในการบริหารท่าอากาศยานร่วมระหว่างหน่วยงาน (Airport Collaborative Decision Making : A-CDM) และการพัฒนา AOT Application ที่จะช่วยการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งช่วยให้การบริการของ ทอท.มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย ทอท.จึงได้นำเสนอโครงการ “Digital Platform” เพื่อการเชื่อมโยงเครือข่ายไปยังท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วโลก และใช้เวทีดังกล่าวร่วมหารือเรื่องเครือข่ายการขนส่งผ่านศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certify Hub) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าการเกษตรในระดับภูมิภาคต่อไป
เรื่องที่ 2 การสร้างไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการขนส่งทางอากาศตรวจรับสินค้าเกษตรแห่งภูมิภาคเอเชียเข้าสู่ยุโรป : Airport Cargo Cirtifly Hub ก่อนหน้านี้ ทอท.ได้พูดคุยกับสมาชิกไว้ในเบื้องต้นเนื่องจากมีสินค้าเกษตร อาหารและยาหลายอย่างส่งจากไทยเข้าสู่ยุโรปแล้วถูกปฏิเสธ ดังนั้นจึงเกิดแนวคิดในการนำมาตรฐานยุโรปมาตรวจยังต้นทางในไทยตามกฎที่เรียกว่า Cirtifly Hub แล้วประทับตราการตรวจเช็คอย่างเรียบร้อย
ขณะนี้ทางกรมศุลกากรไทยได้แก้ไขกฎระเบียบ เปิดทางให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็น “ศูนย์กลางเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางอากาศ” อีกทั้งยังมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ช่วยอีกทางในฐานะการเจรจา รัฐต่อรัฐ หรือ G to G โดยนายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานคณะทำงานเห็นชอบในหลักการเรื่องการขนส่งสินค้าทางอากาศสู่ตลาดโลกได้อย่างราบรื่น หลังจาก ทอท.กับสนามบินลีแอช (Liege Airport) ประเทศเบลเยี่ยม ประตูสำคัญเข้าสู่ทวีปยุโรป ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เห็นชอบให้จัดตั้งบริษัทลูกเปิดบริการคาร์โก้ ขณะนี้ได้เสนอไปยังคมนาคมเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จัดทำเป็นวาระร่วมกันระหว่าง 2 กระทรวงคือ กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้สามารถประกาศความร่วมมือเป็น G to G อย่างสมบูรณ์แบบได้เร็ว ๆ นี้
สำหรับการประชุมในวันที่ 12 กรกฎาคม 2561 นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. และ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขึ้นกล่าวปาฐกถาโดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการสนามบินนานาชาติซึ่งเป็นประตูเศรษฐกิจทั้งทางด้านการบริการนักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีปริมาณความต้องการจากผู้ใช้กลุ่มใหญ่อย่างสายการบินทั่วโลก เรื่อยไปจนถึงนักเดินทาง และอื่น ๆ
Mr. Arun Mishra, Regional Director International Civil Aviation Organization Asia & Pacific Office ได้สะท้อนความเห็นถึงเรื่องความท้าทายของท่าอากาศยานต่อวิวัฒนาการของเทคโนโลยี : Airport Challenges in Technology Revolution ว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อไทยและสมาชิก เนื่องจากอัตราการเติบโตของการขนส่งทั้งคนและสินค้าใตอาเซียนและภูมิภาคเอเชียเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่จะต้องให้น้ำหนักกับมาตรฐานความปลอดภัยทั้ง safety และ Security อย่างเคร่งครัดควบคู่กันไปด้วย
สำหรับวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 จะเป็นการอภิปรายต่อเนื่องโดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท/องค์กรที่ร่วมลงนาม SAA กับ ทอท.และผู้บริหารท่าอากาศยานของ ทอท.เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางที่ดีที่สุด (Sharing Best Practices) ใน 2 หัวข้อ คือ 1.เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน (Technology & Innovation for Airport Safety & Security) และ 2.การปรับปรุงการบริการภายในท่าอากาศยาน โดยการนำเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์นวัตกรรมมาใช้ (Enhancing Airport Services with Technology & Creativity)
ช่วงที่ 2 การท่องเที่ยวมุมใหม่ทำให้ชีวิตดีดี๊ เมื่อได้ไปสำรวจ “ชุมชนบ้านลาด” จังหวัดเพชรบุรี แหล่งปลูกกล้วยหอมทองคุณภาพดีที่สุดของประเทศและส่งออกต่างประเทศ กับการชมสวนตาลอายุ 150 ปีกับปราชญ์นักปีนปาดตาล ส่วนการดูแลสุขภาพ “อาหารเป็นพิษป้องกันได้ไม่ยาก” และข่าวร้อน ๆ จากกรณีเรือท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ตทำให้จีนเสียชีวิต ทำให้ “กระทรวงพาณิชย์” ตบเท้าออกมาประกาศกวาดล้างธุรกิจนอมินีพร้อมเอาผิดทางอาญาและปรับกรรมการผู้ถือหุ้น กับข่าวการบินไทยได้ไฟเขียวจากคมนาคมให้ใช้เงินแสนล้านซื้อฝูงบินใหม่ 23 ลำ เป็นข่าวดีข่าวเฮรับในยุครอยต่อก่อนการเลือกตั้งใหม่
@เที่ยวชุมชนบ้านลาดเมืองเพชรเด็ดจริง
การเดินค้นหาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศตามชุมชนและเมืองรอง กำลังกลายเป็นกระแสมาแรง วันนี้จะชวนไป “ชุมชนบ้านลาด” อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
ทึ่งในศักยภาพของ “ชาวบ้านลาด” ชุมชนเกษตรภาคตะวันตก ท้องถิ่นที่รวมตัวกันปลูก “กล้วยหอมทอง” คุณภาพดีที่สุดของประเทศจนทำให้นักธุรกิจ “ชาวญี่ปุ่น” ต้องบินมาจองซื้อล่วงหน้าทุกปี แถมยังแหล่งปลูกตาลพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถนำทุกส่วนของกล้วยหอมกับตาลมาทำเป็น “อาหารถิ่น” และของใช้สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ
คุณศิริชัย จันทร์นาค ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด เปิด “ศูนย์สหกรณ์เกษตรบ้านลาด” อำเภอบ้านลาด ต้อนรับนักท่องเที่ยวและกลุ่มองค์กรบริษัทที่จูงมือกันไปทำกิจกรรมวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เด่นเป็นอัตลักษณ์ชาวบ้านลาดกว่า 10,000 ครอบครัวรวมตัวกันทำการเกษตรปลูกผสมผสาน ทั้งนาข้าว สวนกล้วย พืชผัก ผลไม้ สมุนไพรปลอดสารเคมี ทยอยเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบอินทรีย์
แล้วก็นำเมนูอาหารถิ่นที่ทำจากข้าวอินทรีย์ ผักปลอดสารเคมี กล้วย ตาล มาเสิร์ฟแบบจัดเต็มด้วยเมนูเด็ดเฉพาะถิ่น “แกงจาวตาล” แกงกระทิใส่เนื้อจาวตาลสดคลุกเคล้าด้วยเนื้อหมูสับหรือไก่ลงไปรสชาติฟินมาก ปลาทูทอดกินกับผักพื้นบ้าน ปลาแม่น้ำเพชรทอดน้ำปลา ผัดสารพัดผักรวม ต้มจืดเยื่อไผ่ และอื่น ๆ อีกเพียบ
ส่วนผลไม้กินแบบสดก็มี ละมุดหวานกรอบ กระท้อนเนื้อฟู และขนมแปรรูป “จาวตาลชุดแป้งทอดกรอบ” ตามด้วย“ทองม้วนสด” ที่มีส่วนผสมของแป้งกับน้ำตาลสดรสไม่หวานจัดบรรจุถุงหรือใส่กระทงใบตองกินร้อน ๆ ได้เลย มีให้เลือกตามชอบ 2 รส คือเค็มกับหวาน แล้วยังมีขนมตาลขนาดพอคำ น้ำตาลสดใส่กระบอกไม้ไผ่ เสิร์ฟไม่อั้น กล้วยน้ำทองสุก และผลิตภัณฑ์กล้วยหอมทองดิบบรรจุกล่อง และแปรรูปซื้อกลับบ้านได้ เช่น กล้วยตากอบพลังงานแสงอาทิตย์ กล้วยเบรกแตกแผ่นบาง ๆ ทอดกรอบ
เป็นการเติมพลังก่อนจะนั่งรถรางไปชมแหล่งท่องเที่ยวรอบชุมชนบ้านลาด เริ่มจาก ตลาดเช้า และตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรทุกชนิดจากชุมชนในพื้นที่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไฮไลต์ที่ต้องแวะชมคือ “โรงงานบรรจุและแปรรูปกล้วยหอมทอง” ผลไม้ขึ้นชื่อของท้องถิ่นเป็นผลิตภัณฑ์ดาวรุ่งส่งออกญี่ปุ่นมานานหลายปี จำนวนปีละกว่า 20 ตัน ขายได้ราคากิโลกรัมละ 25 บาท เฉลี่ยลูกละ 5 บาท ทำรายได้ดีกว่าขายส่งในไทย สามารถแวะเข้าไปชมกระบวนการผลิตแบบง่าย ๆ ได้มาตรฐานการรับรอง GMP
ภายในโรงงานแปรรูปนักท่องเที่ยวจะได้เห็นขั้นตอนการคัดเลือก “ผลกล้วยหอมทอง” ขนาดที่ได้มาตรฐานออกจากเครือ จากนั้นจึงนำไปผ่านการทำความสะอาด อีก 4-5 ครั้ง นำไปชั่งน้ำหนัก และแยกบรรจุกล่องเตรียมทยอยส่งออกต่างประเทศ ส่วนกล้วยผลที่ไม่ได้มาตรฐานแม่บ้านในชุมชนจะมารับซื้อไปทำผลิตภัณฑ์แปรรูปในแต่ละแบบ ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นกอบกำเดือนละหลักหมื่นบ้านขึ้นไป
ส่วนไฮไลต์อีกแห่งคือ “สวนตาลลุงถนอม” ตอนนี้ให้ทายาทรุ่น 2 มารับไม้ต่อคือ “คุณอำนาจ ภู่เงิน” ครูสอนทำอาชีพตาลเมืองเพชร โดยสืบทอดกิจการสวนต่อจากรุ่นพ่อมีสวนตลาดอายุเกือบ 30 ปี ทำสืบต่อกันมาราว 70 ปี แล้ว ในพื้นที่ 10 ไร่ มีตาลอยู่ราว 450 ต้น ต้นที่อายุแก่สุดมากถึง 150 ปี ภายในบริเวณสวนแห่งนี้จะมีอาคารเปิดโล่งออกแบบหลังคาทำจากใบตาล จุนักท่องเที่ยวได้เกือบ 100 คน และมีอาคารผลิตกับจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากตาล ไม่ว่าจะเป็น ตาลเชื่อมบรรจุกระป๋อง น้ำตาลสดบรรจุขวด งวงตาลอบแห้งนำมาต้มดื่มแบบชา
พร้อม ๆ กับการชมกรรมวิธีขึ้นตาล เพื่อบีบน้ำตาลสดจากงวง ซึ่งเป็นศาสตร์ปราชญืภูมิปัญญาพื้นบ้านจริง ๆ เพราะจะต้องใช้เวลาปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดตาลบริเวณงวงตาลนานถึง 12 ชั่วโมง เพื่อรอน้ำจากตาล โดยต้องอาศัยทักษะความชำนาญอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องการปีน การปาดดอกตาลเพื่อให้ได้น้ำตาล รวมถึงจะต้องรู้ว่าแต่ละฤดูปริมาณน้ำตาลที่ออกจากงวง “ช่วงพีคหรือให้น้ำตาลมาก ๆ ” อยู่ระหว่าง พฤษภาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี แต่ละต้นจะให้ผลผลิตราว 35-40 กิโลกรัม ราคาขายจากสวนประมาณ กิโลกรัมละ 140 บาท แต่เป็นฤดูฝนจึงค่อนข้างหาแรงงานที่เชี่ยวชาญยากสักนิด ส่วนช่วง “โลว์-ให้ผลผลิตน้อยลง” ก็จะเป็นช่วงธันวาคม-มีนาคม ของทุกปี แต่ปราชญ์ตาลในสวนแห่งนี้จะรู้เทคนิคเคล็ดลับวิธีทำให้มีน้ำตาลสดตัดขายได้ทั้งปี ถ้าอยากรู้ต้องลองไปเที่ยวชุมชนบ้านลาดสวนตาลลุงถนอม แล้วจะได้คำตอบว่าคืออะไร
ขณะนี้ชุมชนบ้านลาด ซึ่งมีความเข้มแข็งอย่างมาก พร้อมแล้วที่จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวและหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บริษัท ห้างร้าน ต่าง ๆ ที่สนใจนำทีมไปจัดกิจกรรมสนุก ๆ ทุกวัน แถมได้ประโยชน์ทั้งกับองค์กรและทีมงานอย่างมาก หากได้ไปท่องเที่ยวและจัดประชุมในชุมชนแห่งนี้
ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณศิริชัย จันทร์นาค ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านลาด อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โทร.081-940-0054
@อาหารเป็นพิษป้องกันได้ไม่ยาก
อาหารเป็นพิษ มักเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วใน ระยะเวลาอันสั้นภายหลังจากรับประทานอาหาร อาการของโรค จะเกิดขึ้น ภายใน 1 ชั่วโมง จนถึง 8 วัน หลังการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เบื่ออาหาร และอุจจาระร่วง
ข้อควรปฏิบัติสำหรับประชาชนทั่วไป มีดังนี้
• ปรุงอาหารให้สุกอย่างทั่วถึง
• ห้ามรับประทานอาหารดิบ หรือ ดิบ ๆ สุก ๆ โดยเฉพาะ อาหารประเภทเนื้อสัตว์
• ควรรับประทานอาหารเมื่อปรุงเสร็จทันที หรือสุกใหม่ ๆ
• เก็บอาหารที่ปรุงสุกแล้วอย่างระมัดระวัง ในกรณีที่จะนำมารับทาน ต้องนำมาอุ่นให้ร้อนอย่างทั่วถึงก่อนรับประทานอีก สำหรับอาหารทารกต้องนำมารับประทานทันทีหลังปรุงสุก และไม่ควรเก็บไว้
• หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนระหว่างอาหารด้วยกัน เพื่อไม่ให้อาหารที่ปรุงสุกแล้ว ปนเปื้อนกับอาหารดิบ เช่น การใช้มีด เขียง ต้องแยกระหว่างอาหารดิบและอาหารสุก เป็นต้น
• เลือกอาหารที่มีขบวนการผลิตที่ปลอดภัย
• ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสอาหาร และรับประทานอาหาร และภายหลังการใช้ห้องน้ำ อย่าใช้มือสัมผัสอาหารที่ปรุงสุกแล้วโดยตรง
• รักษาสิ่งแวดล้อมในครัวให้สะอาด โดยเฉพาะโต๊ะที่ใช้ปรุงอาหาร
• น้ำดื่ม และ น้ำใช้ต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำสำหรับปรุงอาหารต้องสะอาด
• ควรเพิ่มความระมัดระวังในเตรียมอาหารสำหรับทารกหรือเด็ก
• กินอาหารร้อน สุก สะอาด ปราศจากสารพิษ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “พานิชย์เต้นใช้โทษเข้มปราบนอมินีเรือทัวร์ภูเก็ต”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ให้นโยบายเร่งด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าไปตรวจสอบสถานะของบริษัทนำเที่ยวและเจ้าของเรือที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เรือล่มจนนักท่องเที่ยวเสียชีวิตเป็นจำนวนมากคือ บริษัท เลซี่ แคท ทราเวล จำกัด และ บริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด โดยจะเข้มงวดกับเรื่องการจัดตั้งตัวแทนการเข้าถือหุ้นแทนต่างชาติ ซึ่งตามกฎหมายไทยไม่สามารถทำได้ ผนวกกับจะต้องจัดระเบียบเรื่องกลุ่มธุริจนอมินีอย่างจริงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ได้ตรวจสอบการจดทะเบียนของทั้ง 2 บริษัทแล้ว พร้อมกับเตรียมมาตรการเข้มหลังการลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กรมสรรพากร ปปง. และหน่วยงานราชการในจังหวัดภูเก็ต ขยายผลตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทุกกรณี หากพบเป็นธุรกิจนอมินีถือหุ้นแทนโดยคนไทย กรรมการบริษัททั้งหมดต้องรับผิด ตามความผิด ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและยังทำธุรกิจอยู่ ต้องระวางโทษปรับวันละ 10,000-50,000 บาท
ข่าวที่สอง “รัฐสั่งบินไทยทุ่มแสนล้านซื้อฝูงบินใหม่23ลำ”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เร่งรัดเมกะโปรเจ็กต์ทุกโครงการเพื่อนำเสนอพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันภายใน สิงหาคม-กันยายน-ตุลาคม 2561 บางโครงการอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น ไฮไลต์อีกเรื่องก็มีการเสนอแผนของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่าการลงทนกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อจัดหาเครื่องบินใหม่ 23 ลำ เข้าประจำฝูงแทนเครื่องเก่าที่จะต้องปลดระวาง ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ระหว่างปี 2561-2562
โดยมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายเกี่ยวข้องจะเสนอเข้าคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยพิจารณาช่วงกันยายนปีนี้ ปัจจุบันการบินไทยมีฝูงบินที่จะต้องหามาทดแทนให้ครบ 105 ลำ
ส่วนโครงการในความรับผิดชอบของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้ศึกษาเพิ่ม โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กทม.-หัวหิน และศึกษาเพิ่มเติมโครงการการรถไฟรางคู่เชื่อมไปยัง สุราษฎร์ธานี ส่วนเส้นทางรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวไปยังเมืองรองให้เพิ่มเส้นทางไปยังภาคเหนือ และภาคตะวันออก ส่วนการโอนย้าย 4 สนามบินของ กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มายัง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จปีนี้
ขณะที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้เร่งประชุมเพื่อที่จะเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด การบินไทย คนใหม่ โดยเฉพาะ เนื่องจากกระทรวงการคลังได้มีการเสนอชื่อให้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานบอร์ดการบินไทย ส่วนตำแหน่ง ผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย คนใหม่ ได้ให้การบินไทยเร่งดำเนินการเช่นกัน
ส่วนการรับโอนย้ายสนามบินจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) จำนวน 4 สนามบิน คือ สนามบินตาก, อุดรธานี, ชุมพร, สกลนคร มาอยู่ในความรับผิดชอบบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มองว่า การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน แต่อยากให้ ทอท. ดำเนินการพัฒนาสนามบินให้มีศักยภาพ เน้นในเรื่องของความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารที่มาใช้บริการ มากกว่าเน้นไปเรื่องของการพัฒนาเชิงพาณิชย์.
ติดตามฟังรายการได้เป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น