วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

ททท.ใต้ผุดชีพจรลงเซาท์บูมท่องเที่ยว14จังหวัด-ร่วมกินเจทั่วไทย-ไปถิ่นกำเนิดครามสกลนคร

ผู้นำใหม่ททท.ใต้โชว์วิสัยทัศน์ขาย14จังหวัด
”More Inspire-ชีพจรลงเซาท์”โกยล้านล้าน
คิงเพาเวอร์จัดทัพธุรกิจต้อนรับก้าวสู่29ปี’62
ททท.ทั่วไทยหนุนเที่ยวถือศีลกินเจ9-17ต.ค.
บางจากฉลอง12ปีเปิดบัตรกรีนไมล์/แอพใหม่
ทอท.จ่อเปิดTOR”ดิวตี้ฟรี-เชิงพาณิชย์”ต.ค.นี้
TCEBดันขอนแก่นผงาดไมซ์อาเซียน4กลยุทธ์
เที่ยวถิ่นกำเนิดครามทัวร์พระธาตุ/ถ้ำสกลนคร
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรานอนไม่พอสุขภาพยับเยิน
บินไทยเสิร์ฟเมนูเลิศต้อนรับออคโทเบอร์เฟสต์
ทีจีใช้จังหวะฉลอง30ปีโกยตลาดบินนาโกย่า
ททท.ต่อยอดเชฟชุมชนเปิดตัวเมนู30ร้านดัง
ไทย3จังหวัดติดโพลล์1 ใน20 ท่องเที่ยวโลก
วิทยุการบินรับมือฝนลมป่วนการบินทั่วไทย
คาเฟ่แคนทารีเมืองท่องเที่ยวเสิร์ฟเจมันม่วง

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 เปิดวิสัยทัศน์ “นายนิธี  สีแพร” ผู้อำนวยการคนใหม่ ภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับภารกิจนำ 14 จังหวัดแดนใต้ ในการปั๊มรายได้ให้ทะยานเฉียดปีละเกือบ 1 ล้านล้านบาท กระจายอย่างทั่วถึงทุกชุมชน ด้วยกลยุทธ์ตลาดการขายใหม่ภายใต้ธีม More Inspire ภาคใต้มีดีกว่าทะเล ถ้าอยากรู้ต้องลองแคมเปญ “ชีพจรลงเซ้าท์” เพื่อทำให้คนไทยสนุกกับการเที่ยวข้ามภาค เที่ยววันธรรมดา และอาเซียนไหลบ่าเข้ามาทางรอยต่อเพื่อนบ้านทำให้เส้นทางเชื่อมโยง 3 จังหวัดสุดแดนใต้มีสีสันมากขึ้นในปี 2562 ต้อนรับการเปิดสนามบินแห่งใหม่ในเบตง ยะลา

นายนิธี  สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่  1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป โดยวางวิสัยทัศน์จะพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวของภาคใต้ที่รับผิดชอบดูแล 14 จังหวัด ตามโจทก์หลักของรัฐบาลจะต้องนำการท่องเที่ยวเข้ามากระจายรายได้เป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ พุ่งเป้าขยายเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยวรอง ชุมชน เน้นภาพลักษณ์ภาคใต้ซึ่งมีกลยุทธ์เชิงรุกหรือ Strategic MOVE 2562 ภายใต้คอนเซ็ปต์ MORE INSPIRE -ภาคใต้ไม่ได้มีดีแค่ทะเล ยังมีอาหารการกิน ชุมชน ธรรมชาติ ผู้คนมีความกระตือรือร้น หลายส่วนเป็นแม่เหล็กสามารถดึงนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

ส่วนรายได้ของการท่องเที่ยวภาคใต้ 6 เดือน มกราคม-มิถุนายน 2561 ทำได้สูงกว่าเป้า 5.4 แสนล้านบาท เพิ่ม 16 % มาจากต่างชาติ 4.36 แสนล้านบาท คนไทย 1.21 แสนล้านบาท

ขณะที่ปี 2562 จะเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 12 % หรือต้องเพิ่มอย่างท้าทายให้ได้อีกไม่ต่ำกว่า 2.17 แสนล้านบาท

สินค้าที่จะเป็นแม่เหล็กสร้างจุดขายการท่องเที่ยวภาคใต้พึ่งพาทั้งคนไทยและต่างประเทศ พยายามสร้างความสมดุล โปรดักซ์ชูขายต่างชาติคือหมู่เกาะ ทะเล จะเพิ่มเรื่องวิถีชีวิตทะเล ประมง บะบ๋ายะหยา ปารานากัน ชาวไทยมุสลิม ต่าง ๆ เหล่านี้ให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างหลากหลายมากขึ้น ส่วนคนไทยจะเน้นภาคใต้ไม่ไกลเกินเอื้อม ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเที่ยว รวมถึงความสดใหม่แดนใต้ ซึ่งมีภาพลักษณ์เชิงบวกเปิดให้เห็นอีกมากมาย



สำหรับธีมคอนเซ็ปต์ของจุดขาย More Spire จะนำมาใช้ในปี 2562 เรื่องแรก อาหาร อาทิ ดินแดนแห่งยุทธจักรความอร่อยเมืองตรัง ภูเก็ตเส้นทางสายกินเจ้าของฉายา Gastronomy เส้นทางสายขมิ้นในหลายจังหวัดภาคใต้ จะนำมาผูกร้อยเรียงเป็นเรื่องราวอาหารจากทะเลสู่สมุนไพรบนบก ต่อด้วยความชิค ชีล ความเป็นพรีเมี่ยม มีหลายจังหวัดโชว์ความหรูหรา สมุย ภูเก็ต กระบี่ กลุ่มคู่รัก ฮันนีมูน มีไลฟ์สไตล์ตอบโจทก์นักท่องเที่ยวครอบคลุมทุกตลาดในและต่างประเทศ


นายนิธีกล่าวว่าจะเพิ่มความแรงกระตุ้นการท่องเที่ยวข้ามภาคด้วยแคมเปญ “ชีพจรลงเซาท์” เพราะคนไทยชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจเมื่อออกเดินทางตอนไหนให้นึกถึงภาคใต้ มาจากเชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรธานี ขอนแก่น ควบคุ่กับการทำ Sale Call นำซิลิบริตี้มาสร้างกระแสท่องเที่ยวข้ามภาค โปรโมตผ่านบล็อกเกอร์กับตัวแทนผู้มีชื่อเสียงภาครัฐด้วย

การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนำเสนอความพิเศษให้ตลาดคนไทย จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก การกระจายพื้นที่ตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อสูง นักธุรกิจรุ่นใหม่ ผู้มีรายได้สูง จะเสนอขายแหล่งท่องเที่ยวพรีเมี่ยม ส่วนที่ 2 ช่วงเวลาการทำโปรโมชั่นเพื่อสร้างแรงจูงใจกลุ่มทั่วไป โลว์ซีซัน และเที่ยววันธรรมดา ขณะนี้หารือกับทางสายการบินต่าง ๆ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย ไทยสไมล์ และกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อทำโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้อคนไทยช่วงนอกฤดูได้มากขึ้น



จากนั้นภาคใต้ยังได้เตรียมเข้าร่วมนำการท่องเที่ยวเข้ามาร่วมขายในงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ที่จัดเป็นงานประจำทุกปีช่วงมกราคม 2562 ก็จะนำเสนอภาคใต้มีดีมากกว่าทะเล จะเสริมเรื่อง วิถีชีวิต วัฒนธรรม อันลุ่มลึก ควบคู่กับอาหารอร่อย ผนวกความเป็นพรีเมี่ยม ตอบโจทก์ไลฟ์สไตล์ เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตัวเองในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งจะมีโปรแกรมเฉพาะเป็นการเชิญกลุ่มเฉพาะเจาะลึกมากขึ้น

กิจกรรมปี 2562 ที่จะชวนนักท่องเที่ยวไปยัง 3 จังหวัดแดนใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ขณะนี้ความสดใส สวยงาม บริสุทธิ์ อัธยาศัยไมตรี ธรรมชาติอันงดงาม ทำให้เกิดการเดินทางข้ามภาคโดดเด่นเป็นพิเศษมาตั้งแต่ปีนี้

ยิ่งปี 2562 รัฐบาลประกาศเปิดใช้สนามบินเบตง ยะลา จะยิ่งช่วยสร้างสีสันการท่องเที่ยวเข้าสู่ชายแดนใต้คึกคักมากขึ้น บริเวณรอยต่อชายแดน รวมทั้งนราธิวาสอุดมไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร วิถีชีวิต และธรรมชาติ เช่นเดียวกับปัตตานีเป็นเมืองเก่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ทั้งหมดจะเป็นความผสมผสาน ไทย พุทธ มุสลิม กลมกลืนลงตัวอย่างสงบ
อีกทั้งยังจะใช้ศักยภาพของรอยต่อไทยกับประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียน มีทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เดินทางเข้ามาต่อเนื่อง โดยเข้าทางปีนังต่อรถสู่หาดใหญ่ หรือไปทางสุไหงโกลก



ทั้งนี้ได้คุยกับสำนักงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ไว้เรียบร้อยที่จะขยายตลาดอาเซียนเข้ามาท่องเที่ยวพื้นที่รอยต่อชายแดนไทย และยังเป็นโอกาสดีที่ นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้คนเดิมย้ายไปเป็นผู้อำนวยการอาเซียนด้วย จึงสามารถต่อยอดกลยุทธ์การขายท่องเที่ยวภาคใต้ได้อย่างลงตัว สร้างความคึกคักมากขึ้น

ขณะนี้ตลาดจีนเริ่มหันความสนใจไปท่องเที่ยวหาดใหญ่ โดยมีเที่ยวบินตรง เข้าไปยังสงขลามากขึ้น

สำหรับช่วงเทศกาลถือศีลกินเจระหว่าง 9-17 ตุลาคม นี้ ในภูเก็ต ตรัง และหลายจังหวัดภาคใต้ก็ชวนกันไปร่วมเทศกาลดังกล่าว



ที่ผ่านมา ททท.ได้จัดแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเลมีขยะอยู่จำนวนมาก จะกระตุ้นสร้างการรับรู้ โดยเตรียมภาชนะใส่อาหาร ขวดน้ำ ถุงผ้า แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้ได้มากสุด โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ดูแลการบริหารจัดการขยะ ทั้งรีไซเคิลแปรรูปนำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยการใช้โครงการ Up Cycling จัดกิจกรรมเก็บขยะในทะเล ในการนำขยะพลาสติกมาทำเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น ของใช้ จำหน่าย เป็นโครงการหัวหอกดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์จัดทัพธุรกิจก้าวสู่29ปี’62”


กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้บุกเบิกร้านค้าปลอดอากร (duty free) ของประเทศไทย เตรียมนำธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 29 ในเดือนตุลาคม 2561 ที่พร้อมจะนำธุรกิจในเครือรวมกว่า 16 บริษัท เดินหน้าต่อยอดเศรษฐกิจและท่องเที่ยวไทยปี 2562 เข้าสู่ยุคเปลี่ยนอีกครั้ง

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า พร้อมจะรักษาจุดยืน เข้าร่วมการประมูลพื้นที่ร้านค้าปลอดอากรและพื้นที่เชิงพานิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” โดยจะจุดแข็งเรื่องประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน โดยลงแข่งทุกรอบอย่างโปร่งใสเป็นธรรม และยินดีจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนคืนรัฐตามกติกาทุกข้อ

สำหรับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จากก้าวสู่ก้าวทางธุรกิจขึ้นปีที่ 29 โดยพร้อมนำสิ่งใหม่ ๆ มาเติมเต็มสังคมไทย ตอนนี้ได้ดีไซน์พื้นที่กลางแจ้งบริเวณ ฟาวเท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้กลายเป็นสถานที่จัดงานเอ็กซิบิชั่นอีเวนต์กลางแจ้ง นำเทรนด์อินเตอร์ใหม่ ๆ เข้ามาสร้างความคึกคักดึงความสนใจคนไทยและต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว

ขณะนี้ได้จัดเทศกาล “อาคิ-กุจิ” ต้อนรับเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ยกมาไว้ใจกลางกรุง ระหว่างวันนี้ - 30 กันยายน 2561 โดยจับมือกับสถานเอกอัคราชฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และมูลนิธิญี่ปุ่น นำร้านอาหารดัง สินค้าแฟชั่น โชว์ศิลปะวัฒนธรรมตามแบบฉบับญี่ปุ่น มาให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ร่วมช้อป ชิม ชม แชะ แชร์ กันอย่างจุใจ

“อัยยวัฒน์” กล่าวว่าแต่ละปีจะสร้างสรรค์กิจกรรมเด่น ๆ ตามเทศกาลสำคัญของไทย 4 เทศกาล  ได้แก่ ลอยกระทง เคาน์ดาวน์ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ โดยยอมทุ่มทุนด้วยการดีไซน์พื้นที่กลางแจ้ง บริเวณฟาวเท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ

ช่วงปลายปี 2561 เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์โชว์ระดับโลกที่จะนำมาจัดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ด้วยเช่นกัน

ข่าวที่ 2 ”ททท.หนุนร่วมเทศกาลกินเจทั่วไทย9-17ต.ค.นี้”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า สำนักงาน ททท.ทั่วประเทศ ได้ร่วมสนับสนุนการเดินทางเข้าร่วมมหาบุญใหญ่ประจำปี เทศกาลถือศีลกินผัก หรือเทศกาลกินเจ ระหว่าง 9 -1 7 ตุลาคม 2561 โดยมีหน่วยงานพยากรณ์ตลอดเทศกาลเจปี 2561 จะสร้างรายได้สู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 4,600 ล้านบาท

พื้นที่แรก จังหวัดชลบุรี มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ อ.นาเกลือ ชวนผู้ร่วมงานแต่งชุดสีขาว เข้าร่วมขบวนอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน (เซ็งทีตี้) และ “กิ้วอ้วงฮุกโจ้วและพระโพธิสัตว์ ” ไปสถิต ณ โรงเจสว่างบริบูรณ์ จากนั้นวัดถัดๆ ไปเป็นพิธีสวดมนต์ เดินธูป จนถึงวันที่ 15 ตุลาคมจะมีขบวนแห่ออกจากโรงเจ วันที่ 17 ตุลาคม จะทำพิธิทิ้งกระจาด เผาเครื่องทรงถวาย กิ้วอ้วงฮุกโจ้วและพระโพธิสัตว์ วันที่18 ตุลาคม ทำพิธีส่งกิ้วอ้วงฮุกโจ้วและพระโพธิสัตว์

พื้นที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ประเพณีที่ชาวบ้านเรียกว่า “เจี๊ยะฉ่าย” หมายถึงงานเฉลิมฉลององค์เการาชันย์ แต่ละศาลเจ้าจัดพิธีบูชาและอัญเชิญองค์เทพลงมาเป็นประธาน พร้อมทำกิจกรรมสำคัญคือ พิธีแห่พระรอบเมือง (อิ้วเก้ง), พิธีลุยไฟ (โก้ยโห้ย)  พิธีขึ้นบันไดมีด พิธีเดินสะพานตะปู  พิธีสะเดาะเคราะห์ (โก้ยห่าน)

พื้นที่ 3 จังหวัด จัด 9 วัน 9 คืน เพื่อรักษาประเพณีอันเก่าแก่ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนปฏิบัติสืบต่อกันมากว่า 100 ปี ปีนี้จะได้ชมขบวนแห่เจ้ารอบเมือง ขบวนแห่พระรอบตลาดเมืองตรัง ช่วงกลางคืนทางศาลเจ้าจะจัดให้มีพิธีลุยไฟ พิธีข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ ไต่บันไดมีด และเยี่ยมประชาชนตามบ้านเรือน

พื้นที่ 4 จังหวัดกระบี่ เป็นอีกแห่งของประเพณีเก่าแก่ที่มีการจัดมาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัด และศาลเจ้ากว่า 70 แห่ง ชวนนักท่องเที่ยวร่วมพิธีบวงสรวงเทพเจ้า สร้างความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง พร้อมการสักการะชมขบวนแห่พระและม้าทรงของศาลเจ้าต่าง ๆ แห่รอบเมือง และร่วมพิธีเสริมดวงเมือง
พื้นที่ 5 หาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ร่วมจัดอย่างยิ่งใหญ่ บริเวณ สวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ หน้ามูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ้ง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

พื้นที่ 6 จังหวัดสมุทรสาคร จัดประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร  โรงเจมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ศาลเจ้าปุนเถ้ากง คลองมหาชัย ศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือ คลองจาก ศาลเจ้าแม่จุ๋ยบ๋วยเนี้ย โรงเจเชงเฮียงตั๊ว ศาลเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าปุนเถ้ากง ท่าฉลอม และพระโพธิสัตว์กวนอิม

นอกจากนี้ยังมีจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ชวนเข้าร่วมงานเทศกาลกินเจเพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตทุกคน

ข่าวที่ 3 “บางจากฉลอง12ปีสมาชิกเปิดบัตรกรีนไมล์-แอพใหม่”

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในโอกาสพิเศษบัตรสมาชิกบางจาก ครบ 12 ปี จึงได้พัฒนาระบบบัตรสมาชิกเพิ่มในรูปแบบ Digitized Loyalty Program เปิดตัวบัตร "บางจากกรีนไมลส์" ควบคู่กับ Bangchak Mobile Application ใหม่ เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตยุคดิจิตอล

เพราะบัตรบางจากเป็นรอยัลตี้ การ์ด ใบแรกของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของไทย ซึ่งมีทั้งบัตรแก๊สโซฮอล์คลับ และบัตรดีเซลคลับ ที่จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน สะอาดดีต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ผู้บริโภค

สำหรับบัตรบางจากกรีนไมลส์ พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด "มากกว่าที่ให้ คือความใส่ใจ" ที่มอบสิทธิประโยชน์ที่จะเอื้อให้สมาชิกได้เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ในเวลาเดียวกัน ทั้งจากโปรแกรม "ขึ้นเท่าไหร่ คืนเท่านั้น" ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในวันแรกที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น เพราะจะคืนส่วนเพิ่มกลับไปให้เป็นคะแนนสะสม นอกเหนือจากการสะสมคะแนนเมื่อเติมน้ำมันหรือซื้อสินค้าในเครือบางจาก โดยสามารถนำคะแนนสะสมแลกรับส่วนลดในการเติมน้ำมันหรือซื้อสินค้าในเครือบางจาก ร้านอินทนิล ร้านสพาร์ (SPAR) ศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น รวมถึงร้านค้าพันธมิตรมากมาย เช่น A&W After You Dairy Queen Auntie Ann Hotpot Major SF Cinema

พร้อมทั้งเพิ่มทางเลือกให้สมาชิกบัตรมีส่วนรวมกับโปรแกรม "ตะกร้าบุญ” เลือกบริจาคคะแนนสะสมให้แก่องค์กรสาธารณประโยชน์รวม 13 องค์กร ครอบคลุมทุกด้านของการช่วยเหลือสังคม เช่น สภากาชาดไทย มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) มูลนิธิคุ้มครองเด็ก มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ

ขณะที่ Bangchak Mobile Application ใหม่ เพื่อให้สมาชิกได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างสะดวกสบายและตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลมากขึ้น เช่น สามารถตรวจสอบรายการสะสมคะแนนและประวัติการแลกคะแนน แลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่คุณชื่นชอบจากร้านค้าชั้นนำ โดยมีโปรแกรมช่วยเลือกสิทธิประโยชน์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละคน รวมทั้งมีเมนูที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น เช่น ตรวจสอบราคาน้ำมันที่ใช้ประจำพร้อมรับข้อความแจ้งเตือนเมื่อมีการปรับราคา ค้นหาสถานีบริการน้ำมันบางจากและธุรกิจในเครือ การวางแผนการเดินทาง หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย และยังมีเมนูตะกร้าบุญที่สมาชิกเลือกบริจาคคะแนนเพื่อสาธารณประโยชน์เป็นครั้งๆ ได้ตามต้องการ

ข่าวที่ 4 “ทอท.จ่อเปิดทีโออาร์ดิวตี้ฟรี-เชิงพาณิชย์ ต.ค.นี้”



ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า เดือนตุลาคม 2561 นี้ หลังสรุปการออกแบบอาคารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเสร็จเรียบร้อย เตรียมจะเปิดเอกสารการประกวดราคา หรือ TOR เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจเสนอเข้าบริหารพื้นที่ควบคู่ไปพร้อมกันทั้งในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 และอาคารใหม่หลังที่สอง ประกอบด้วย 2 สัญญา ได้แก่
1.สัญญาบริหารพื้นที่จำหน่ายร้านค้าปลอดอากร (Duty free Airport) เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผู้ได้รับสัมปทานบริหารพื้นที่ปัจจุบันคือกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะหมดสัญญาช่วงกันยายน 2563 เพื่อให้เวลา 2 ปีล่วงหน้าแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ชนะเตรียมการด้านต่าง ๆ  และ 2.สัญญาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area)

ขณะนี้ได้จัดทำร่างรายละเอียด โดยได้นำข้อสรุปจากที่ปรึกษา และรับฟังความเห็นจากหลายภาคส่วน เพื่อทำให้การกำหนดรูปแบบ TOR เปิดประมูลโดยสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศด้วย


ข่าวที่ 5 “ทีเส็บดันขอนแก่นผงาดขึ้นไมซ์อาเซียน4กลยุทธ์”



นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า พร้อมร่วมกับกับจังหวัดขอนแก่นและองค์กรเกี่ยวข้อง พัฒนาขอนแก่นเป็นเมืองไมซ์อาเซียนด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.ส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ขอนแก่นสู่เป็นศูนย์กลางไมซ์ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 2.ยกระดับการบริการ สร้างโอกาสให้กิจกรรมไมซ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.พัฒนาบุคคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่ และ 4.พัฒนามาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรและสถานที่จัดการประชุมสัมมน พร้อมทั้งร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำโครงการตั้งศูนย์เครือข่ายด้านการศึกษาไมซ์ในภูมิภาค (MICE Academic Cluster) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มรายได้กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ สามารถลดความเหลื่อมล้ำลงได้ตามนโยบายของรัฐบาล

โดยจัดทำการแผนสนับสนุนการกระตุ้นรายได้เพิ่ม 2 แพกเกจไมซ์ ได้แก่ 1.แพคเกจสนับสนุนการประชุมและอินเซนทีฟ เปิดให้เดินทางข้ามจังหวัดและพักค้างคืนในขอนแก่นจะได้รับ 2.แพคแกจสนับสนุนการประชุมวิชาการ (Conventions) ซึ่งดำเนินโครงการไปแล้วในช่วงมีนาคม-กันยายน 2561

ปี2560 มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ภายในประเทศที่เข้าไปยังขอนแก่น 474,000 คน สร้างรายได้ 956 ล้านบาท โดยทีเส็บได้ผลักดันไมซ์ในขอนแก่นต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี

ช่วงที่ 2 ชวนไปดูของดีในเมืองแหล่งกำเนิดครามแห่งแรกของเมืองไทยใน “สกลนคร” ตอนนี้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ GI ดึงดูดเหล่าดีไซเนอร์แห่สร้างเป็นแบรนด์สินค้าแข่งกันขายในเวทีระดับนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นเมืองเล็กน่ารักที่มีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ถ้ำสวย ๆ ให้ชมด้วย แล้วลองฟังว่า “จะเกิดอะไรขึ้น...หากเรานอนไม่พอ” ผลร้ายตามมาเพียบ สำหรับข่าวท้ายชั่วโมง “การบินไทย” เสิร์ฟเมนูต้อนรับออคโทเบอร์ เฟสต์ และใช้โอกาสฉลอง 30 ปีลุยชิงตลาดผู้โดยสารนาโกย่า ส่วน “ททท.-กระทรวงท่องเที่ยว-GC” เดินเครื่องต่อยอดโครงการเชฟชุมชนเทรนด์ใหม่ 30 ร้านดัง ชวนเหล่าฟู้ดดี้เตรียมตัวให้พร้อมตลุยกินได้ปลายปีนี้ ขณะที่ “โพลล์มาสเตอร์การ์ด” พบทั่วโลกเทให้ท่องเที่ยวไทยติด 1 ใน 20 ของโลก ถึง 3 เมือง คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา ทางด้าน “วิทยุการบิน” ออกโรงทำแผนรับมือจราจรทางอากาศช่วงฝนลมแรง และ “คาเฟ่ แคนทารี” ทั่วไทยเสิร์ฟเมนูเจสูตรมันม่วง อร่อยจนต้องแวะทุกที่ตามเมืองท่องเที่ยว

@ทัวร์เมืองครามเที่ยวพระธาตุชมถ้ำที่สกลนคร



บุกไปสัมผัสวิถีดินแดนแห่งภูมิปัญญาเมืองครามกระหึ่มโลก ที่ “สกลนคร” ราชาสีย้อมผ้าที่กลายเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนอันโด่งดัง ที่ปรากฏอยู่บนแฟชั่นผืนผ้าและดีไซน์เป็นของใช้มากมายหลากหลายอย่าง เป็นความเท่แบบไทย
คราม สกลนคร เป็นความสำเร็จถึงขั้นที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาขึ้นทะเบียน GI หรือทะเบียนสินค้าจากแหล่งผลิตเฉพาะเจาะจง ไปเรียบร้อยแล้ว แถมเหล่าดีไซเนอร์รุ่นใหม่ก็นิยมนำผ้ามาออกแบบในแต่ละซีซัน สวมใส่แล้วสวยงามดูดี

ด้วยกรรมวิธีการย้อมผ้าครามเป็นภูมิปัญญาเก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย แถมโดนใจกลุ่มลูกค้าตั้งแต่รุ่นแม่ไปจนถึงเหล่าฮิปสเตอร์


ตอนนี้มีแบรนด์บุกเบิกต้นตำรับเมืองสกลนคร อย่าง “แม่ฑีตา” มีอัตลักษณ์เฉพาะเรื่องการย้อมแบบโบราณ พอมาถึงแบรนด์ “Mann Crafe” ทันสมัยขึ้นมาด้วยการนำเทคนิคผ้าพิมพ์ผสมผ้าคราม “ภูคราม” โดดเด่นด้านการปักดอกไม้ลงบนลายผ้าคราม ส่วนกระเป๋าผ้าคราม ต้องยกให้แบรนด์ “สุขสม” ทั้งเก๋ เท่ มีเสน่ห์

เมื่อไปถึงสกลนคร ตลอดทริป ต้องแวะดูแหล่งผลิตครามต้นกำเนิดของเมืองไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก

จากนั้นก็แนะนำให้นั่งรถเที่ยว บนเส้นทาง “โค้งปิ้งงู” ความท้าทายบนเนินเขาเมืองเลื้อยคดเคี้ยว ระหว่างทางจะมีหลักกิโลเมตรขนาดยักษ์เป็นแลนด์มาร์กให้นักท่องเที่ยวแวะชมวิวพร้อมกับแชะแชร์รูปให้เพื่อน ๆ ลองมาเที่ยวกัน บนถนนสายนี้ยังมีน้ำตกอยู่หลายแห่ง ทั้ง เหวสินธุ์ชัย สามหลั่น และ น้ำตกสาวไห้



สกลนคร มีวัดขึ้นชื่อแนะนำว่าต้องไปสักครั้ง วัดแรก “พระธาตุเชิงชมวรวิหาร” เชื่อกันว่าหากได้สักการะจะได้อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ด้วยเพราะเป็นปูชนียสถานคู่บ้านเมืองสกลนครมาแต่โบราณ เป็นสถานที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระองค์แสน” กราบไหว้แล้วจะได้รับพรเรื่องโชคลาภดีนักแล



วัดที่สอง “วัดถ้ำผาแด่น” เป็นวัดบนหน้าผาแกะสลักอย่างงดงาม ภายในวัดมีงานและสลักหินทราย ประติมากรรมทราย ขนาดใหญ่ สร้างความเชื่อศรัทธา ตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวทุกวัย

ปลายฝนต้นหนาวปีนี้ ไปเยือนชุมชนคนทำผ้าย้อมคราม แล้วต้องห้ามพลาดแวะสักการะพระธาตุเชิงชุมวิหาร กับหลวงพ่อองค์แสน เติมความสุขจากการท่องเที่ยวเมืองรองได้อีกทาง


@จะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าคนเรานอนไม่เพียงพอ

ถ้าเราพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะลดประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและส่งผลเสียหลายประการ

1.โรคอ้วนถามหา - หากนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ  ร่างกายจะผลิตสารเลปติน น้อยลง ทำให้เรามีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะของหวานและของมัน  ยิ่งไปกว่านั้นหากนอนน้อยเพียงแค่วันละ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นในการควบคุมปริมาณกล้ามเนื้อและไขมันน้อยลง  ส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น เกิดความอ้วนตามมาในที่สุด

2.ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ -มีผลทำให้ปราการต้านเชื้อโรค เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรียอ่อนแอลงด้วย  เพราะระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะลดลงตาม  ที่พบเห็นได้บ่อย คือ อาการเป็นหวัดหรือภูมิแพ้

3.ความจำแย่ -เพราะส่งผลต่อระบบประสาทและความจำอย่างมาก  เพราะอวัยวะสำคัญในสมองอย่างฮิปโปแคมปัส  จะทำหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลที่เรียนรู้ในระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจำระยะยาว  ซึ่งฮิปโปแคมปัส จะทำงานตอนที่เรานอนหลับเท่านั้น

4.อารมณ์แปรปรวน - การนอนไม่พอส่งผลให้จิตใจไมสดชื่น  จึงทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย  และอารมณ์ขึ้นลงได้โดยไม่มีเหตุผล อีกทั้งยังมีอาการง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา

5.ผิวเหี่ยว - โกรทฮอร์โมนที่ช่อยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย และสารเมลาโทนินที่มีบทบาทในการปกป้องเซลล์ผิวหนัง จากสารอนุมูลอิสระต่างๆ  จะถูกสร้างมากที่สุดในเวลากลางคืน ขณะเรานอนหลับ หากอดนอนหรือนอนไม่พอ จะส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยว  หย่อนคล้อย และเกิดการอักเสบหรือภูมิแพ้ของผิวหนังได้ง่ายขึ้น

6.สมรรถภาพทางเพศเสื่อม การนอนหลับไม่เพียงพอ  จะมีผลต่อกระบวนการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนให้ต่ำลงในผู้ชาย ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดต่ำลง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “บินไทยเสิร์ฟเมนูเด็ดรับออกโทเบอร์เฟสต์ถึง10ต.ค.”



บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จัดให้บริการอาหารจานพิเศษต้อนรับ “Oktoberfest 2018” เทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของเยอรมนี ให้แก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ ที่เดินทาง แฟรงก์เฟิร์ต-กรุงเทพฯ และมิวนิก-กรุงเทพฯ ระหว่างวันนี้ – 10 ตุลาคม 2561 โดยได้ปรุงแบบบาวาเรียน เมนูหมูกรอบราดซอสเบียร์ คาราเวย์ ทานคู่กับข้าวสวยที่หุงจากข้าวหอมมะลิ หรือบาวาเรียน เพรทเซล และส้มตำไทย
การบินไทยฉลองครบรอบ 30 ปี เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-นาโกยา ประเทศญี่ปุ่น

ข่าวที่สอง “บินไทยฉลอง30ปีรุกชิงตลาดนาโกย่า”



นายวิวัฒน์ ปิยะวิโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ในโอกาสปี 2561 จัดฉลองเที่ยวบินกรุงเทพฯ สู่ นาโกยา ญี่ปุ่น ครบรอบ 30 ปี การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี ควบคู่กับการแลกเปลี่ยนทางด้านศิลปวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม จึงเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน และการติดต่อทางธุรกิจสำคัญของผู้โดยสารการบินไทย ซึ่งมีเที่ยวบินบริการ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-นาโกยา สัปดาห์ละ 14 เที่ยว ด้วยเครื่องโบอิ้ง 787-8 และโบอิ้ง 777-300ER

ปัจจุบัน การบินไทยบิน ไป-กลับ ญี่ปุ่น สัปดาห์ละกว่า 77 เที่ยว สู่ 5 เมือง 6 จุดบิน ได้แก่ โตเกียว (ขึ้น-ลง ณ สนามบิน นาริตะ/ฮาเนดะ, โอซากา นาโกยา ฟุกุโอกะ และซัปโปโร

ข่าวที่สาม “ททท.-GCต่อยอดเชฟชุมชนเปิดตัว30ร้านดัง”



กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ บริษัท พีทีที โกลบอล  เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ต่อยอดโครงการอาหารถิ่น โดยล่าสุดได้จัดทำโครงการ “30 ร้านอาหารเชฟชุมชนเพื่อท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน”  ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร ยกระดับมาตรฐานจากชุมชนสู่ตลาดสากล เพื่อใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดการท่องเที่ยว พร้อมสร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารกระจายรายได้ให้กับชุมชนอย่างแท้จริงและยั่งยืน ประมาณปลายปี 2561 จะเปิดเส้นทางท่องเที่ยวให้กลุ่มฟู้ดดี้ หรือนักท่องเที่ยวสายกินทั้งคนไทยและชาวต่างชาติลิ้มรสชาติกันอย่างจุใจ

สำหรับโครงการนี้มี เชฟชุมพล สร้างเชฟชุมชน by GC ดำเนินการ โดยมี GC กับ ททท.สำนักงานระยอง สนับสนุน โดยเน้นส่งเสริมการใช้วัตถุดิบของดีในระยอง พร้อมกับค้นหาเมนูพื้นถิ่นจาก 8 พ่อครัวแม่หัวป่าก์ สร้างสรรค์เมนูใหม่ให้ระยอง ซึ่งทาง GC ได้สนับสนุนเมนูพื้นถิ่นดั้งเดิม และพัฒนาสูตรอาหารเมนูใหม่ รวม 60 เมนู ให้มีมาตรฐานทั้งในด้านรสชาติ ภาพลักษณ์ และมีความดึงดูดใจต่อผู้บริโภค พร้อมนำมาประยุกต์ใช้กับบรรจุภัณฑ์พลาสติกของ GC  ตลอดจนส่งเสริมการให้ความรู้ ด้านอาหารปลอดภัย การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ถูกวิธี และพัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์ พร้อมจัดทำชั้นวางจำหน่ายสินค้าอาหารชุมชนในโครงการ ด้วยวัสดุกล่องนม  รีไซเคิล หรือ Eco Board มอบให้กับทุกร้าน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไป

ข่าวที่สี่ “มาสเตอร์การ์ดโพลล์ชี้ไทยติดท่องเที่ยวโลก3เมือง”



มาสเตอร์การ์ดเปิดผลสำรวจฉบับที่ 7 ประจำปี 2561 -Mastercard Global Destination Cities Index, GDCI 2018 โดยระบุการท่องเที่ยวของไทยยังคงครองใจตลาดโลก ซึ่งเป็นผลสรุปการสำรวจตลอดปี 2560 จากทั้งหมด 162 เมือง พบว่าไทยมีจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมติด 20 อันดับแรก ถึง 3 แห่ง  ได้แก่
1.กรุงเทพฯ คือเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลกที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเยือนและพักแรมมากเป็น อันดับ  1 ต่อเนื่องกันถึง 5 ปี สถิติปี 2560 มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกหลั่งไหลเข้ากรุงเทพฯ 20.5 ล้านคน ใช้จ่ายเงินค่าที่พัก ติดอันดับ 5 รวม 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2561 คาดการเติบโต นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีก 9.6 % ส่วนยอดใช้เงินพักแรมจะเพิ่ม 13.8 %

2.ภูเก็ต ติดอันดับ 12 อีกทั้งยังครองตำแหน่งที่มีผู้ใช้จ่ายเงินเข้าพักติดอันดับ 10 ของโลก ปี 2560 ทำยอดรวมได้ 1.046 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2561 คาดจะเพิ่มขึ้น 12.6 %
 3.พัทยา ติดอันดับมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากติดอันดับ 18

ข่าวที่ห้า “วิทยุการบินทำแผนรับมือฝนลมกระทบเที่ยวบิน”



นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่าได้เตรียมแผนรับมือกรณีการเกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณประเทศไทย ช่วง 28 กันยายน - 1 ตุลาคม 2561 ทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ซึ่ง บวท.ได้เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ช่วงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งส่งผลต่อทัศนวิสัยทางการบินโดยได้ออกมาตรการรองรับสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบการบิน เพื่อเพิ่มระดับของความปลอดภัย และระดับประสิทธิภาพในการจัดการจราจรทางอากาศ

โดยได้ปฏิบัติตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) โดยบริหารจัดการสภาพคล่องจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow Management : ATFM) ตามรูปแบบที่กำหนด พร้อมประกาศแจ้งสายการบิน ท่าอากาศยานทั่วประเทศ เพื่อบริหารความคล่องตัวในการให้บริการภาคพื้นให้ราบรื่น เกิดผลกระทบต่อภาพรวมการให้บริการจราจรทางอากาศน้อยที่สุด

โดยขอให้ผุ้โดยใช้บริการเดินทางโดยเครื่องบินติดตามการปรับตารางการบินหรือยกเลิกเที่ยวบิน รวมทั้งเผื่อเวลาการเดินทาง ด้วยทุกครั้ง

ข่าวที่หก “คาเฟ่แคนทารีจัดพิเศษเมนูเจมันม่วงทั่วไทย”



เครือ คาเฟ่ แคนทารี ทั่วประเทศ ได้ระดมทุกสาขา จัดเทศกาลอาหารเจ ระหว่าง 8-17 ตุลาคม 2561 คาเฟ่ แคนทารี ด้วยเมนูพิเศษ “แพนเค้กมันม่วง” แสนอร่อย สูตรลับเฉพาะของคาเฟ่ แคนทารี สัมผัสรสละมุน หอมหวานเต็มคำ กับแพนเค้กมันม่วงเสิร์ฟกับมันม่วงบด กล้วยหอม และอัลมอนด์สไลซ์ อิ่มอร่อยพร้อมเครื่องดื่มเจหลากหลายเมนูได้ที่สาขา อยุธยา บางแสน เชียงใหม่ เกาะยาวน้อย โคราช ภูเก็ต ปราจีนบุรี ศรีราชา และ ระยอง

สอบถามเพิ่มที่ คอล เซ็นเตอร์ 1627 หรือเข้าไปดูรายละเอียดใน www.cafekantary.com

ติดตามฟังรายการเป็นประจำได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0

เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว-การบิน และผู้ดำเนินรายการ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

ททท.ดัน55เมืองรองเศรษฐกิจคึดสุดปลายปี61-ชง2มาตรการด่วนดึงทัวร์จีน-เที่ยวลำพูนคนเมืองมังล้านนา-

ททท.ดัน55เมืองรองเศรษฐกิจคึกปลายปี’61
บูมลำพูนรับครม.-บุรีรัมย์โมเดลทัวร์กีฬา
คิงเพาเวอร์เปิดเทรนด์ธุรกิจใหม่ขานรับปี’62
ททท.ผนึกเทคมีทัวร์ลุยขายเที่ยวLocalTable
ชัยวัฒน์นั่งCEOบางจากต่อ4ปี-ชูลดโลกร้อน
ทอท.ทุบแผนแม่บท-T2สุวรรณภูมิ1.3แสนล.
เที่ยวลำพูนสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังดีต่อใจ
6เคล็ดลับปั่นจักรยานลดความอ้วนได้ชะงัด
สภาทัวร์ชง2มาตรการด่วนปั๊มยอดวันชาติจีน
บางกอกแอร์อัดโปร3จังหวัด 890บาท/เที่ยว
ขสมก.จ่อใช้ตั๋วอีทิกเก็ตรถเมล์กรุง15ต.ค.นี้
ททท.รับทีมผลิตหนังพีอาร์โมโตจีพีสู่ทั่วโลก

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 เกาะติดการลั่นกลองรุก 55 เมืองรอง กับ “นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โค้งสุดท้ายปี 2561 ตั้งแต่ตุลาคมนี้มีความสดใหม่มาเพิ่มรายได้ปี 2562ด้วยท่องเที่ยว 4.0 อะเมซิ่ง ไทยเท่ และ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน เปิด “เมืองลำพูน” ต้อนรับ ครม.สัญจรปลุกคนทั้งประเทศสัมผัสคุณค่าดินแดนล้านนา ส่วน “โมโตจีพี บุรีรัมย์” 5-7 ต.ค.นี้ เศรษฐกิจอีสานใต้
ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ
 รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 


นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่ากลยุทธ์การเดินหน้าทำตลาดเชิงรุกท่องเที่ยว 55 เมืองรอง ตามนโยบายรัฐบาลให้กระจายตัวโดยมี ททท.เป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนศักยภาพและขีดความสามารถของทุกเมือง ปี 2561 อาจจะยังทำได้ไม่ครบ ตลอด 9 เดือนปีนี้ เน้นการโปรโมตเมืองรองที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปจัดประชุมสัญจร

ขณะที่พื้นที่เมืองหลักที่อยู่รอบนอกอยู่ไกลออกไป ททท.ก็จะดูแลอย่างเต็มที่ โดยมีสำนักงาน ททท.ในประเทศ 40 แห่ง ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น

เป้าหมายตลาดในประเทศรวมเมืองรองต้องทำปี 2561 ให้ได้ 1 ล้านล้านบาท และต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งฝ่ายสื่อสารการตลาดจึงต้องบุกหนักเพื่อสื่อสารเต็มอัตรา

ส่วนในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2561 ซึ่งตรงกับไตรมาสแรกปีงบประมาณใหม่ 2562 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม นี้ ททท.ร่วมกับอีก 3 องค์กร ได้แก่ การบินไทย ไทยสไมล์ และธนาคารกรุงไทย เปิดแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” ควบคู่กับกระตุ้นการใช้แคมเปญของรัฐบาลทางด้านการท่องเที่ยว 55 เมืองรองสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ผสมผสานกันให้ครบที่สุด



แคมเปญไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน จะเริ่ม ตุลาคม-ธันวาคม 2561 ซึ่งจะเป็นการรุกเต็มที่ในการเพิ่มรายได้และจำนวนคนเข้าไปยังเมืองรอง โดยผลิต 20 แพกเกจ ขายผ่านช่องทาง “ทัวร์เอื้องหลวง” และบริษัทนำเที่ยวอีก 120 บริษัท จะช่วยกันขายแพกเกจด้วย ซึ่งสามารถบินกับการบินไทยกับไทยสไมล์บริการครอบคลุม 10  เมืองด้วยกัน

รวมทั้งแคมเปญนี้จะเป็นการพลิกโฉมการขายผ่านดิจิตอลเป็นครั้งแรก โดยทางธนาคารกรุงไทยมีสาขากระจายทั่วประเทศ เปิดให้นักท่องเที่ยวชำระผ่านอิเลคทรอนิกหรือสแกนคิวอาร์โค้ดตามเมืองรองท่องเที่ยวทั่วประเทศ และแอพลิเคชั่น ทำให้เกิดความสะดวกในการซื้อของด้วย

รายจ่ายทั้งหมดในการซื้อแพกเกจ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” สามารถใช้สิทธิ์การซื้อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท นับเป็นโครงการบูรณาการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ททท.ออกแบบเส้นทางและเนื้อหา การบินไทยกับไทยสไมล์ก็จะนำนักท่องเที่ยวไปสู่จุดหมาย ส่วนธนาคารกรุงไทยได้เข้ามาทำให้การใช้จ่ายเงินคล่องตัวมากกว่าทุกครั้ง เป็นการฉายภาพให้เห็นถึงขีดความสามารถของหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะเข้าไปเพิ่มความคึกคักให้เมืองรองทั้งหมด


นายธเนศวร์กล่าวว่า ปี 2562 จะเป็นความเป็นรูปธรรมในการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองทั่วประเทศ สามารถลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืนได้ชัดเจนมากขึ้นผ่านโครงการ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน รวมถึงการปูพรมไปสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 4.0

สำหรับการท่องเที่ยวสไตล์ดังกล่าวเหมาะกับนักท่องเที่ยวตลาดคนรุ่นใหม่ และวัยตั้งแต่ปลายอายุ 30 ปีขึ้นไป ก็มีก้าวหน้าใช้แอพลิเคชั่นจองซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งในร้านอาหาร หรือเมื่อไปเที่ยวตามวัดต่าง ๆ  ในแหล่งท่องเที่ยวก็สามารถบริจาคเงินออนไลน์ผ่านแบงก์กรุงไทยแล้วรับใบเสร็จรับเงินเป็นอิเลคทรอนิกส์ ก็นำมาหักภาษีการบริจาคได้เช่นกัน

ส่วนแผนงานต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีไปจัดประชุมสัญจรที่จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 3-4 ตุลาคม นี้ ซึ่งลำพูนเป็น 1 ใน 55 เมืองรองนั้น ททท.เตรียมนำเสนอการท่องเที่ยวไฮไลต์แคมเปญ “อะเมซิ่ง ไทยเท่” เป็นกิจกรรมปลุกกระแสตลาดในประเทศ เพื่อให้คนหันมาเที่ยวแบบเท่ ๆ แข่งขันกันทำดีเมื่อเข้าไปเที่ยวยังชุมชน



ดังนั้นการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวลำพูน ที่ ครม.จะสัญจรเดือนตุลาคม นี้ ซึ่งเชื่อมโยงกับเมืองหลักคือเชียงใหม่ โดยตลอดเส้นทางผ่านเข้าไปก็มีสนามกอล์ฟมากมาย ยิ่งได้แรงหนุนจาก ครม.สัญจรจะยิ่งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักลำพูนในมุมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นขนาดเล็กน่ารัก มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อคู่บ้านเมือง พระธาตุหริภุญไชย วัดจามเทวีสร้างโดยได้รับอิทธิพลของขอมมีความงดงาม ว่ากันว่าหากใครได้ขอพรจากพระนางจามเทวีจะประสบความสำเร็จกันทุกคน เป็นกิมมิกหรือเรื่องราวน่าท่องเที่ยว

ลำพูนยังมี “อาหารถิ่น” เลื่องชื่อหลายอย่าง ตัวอย่าง ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย ซึ่งบรรจุไว้ในโปรแกรม ครม.สัญจรครั้งนี้ เป็นอาหารถิ่นไม่ฟุ่มเฟือยต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม



นอกจากนี้ยังมีชุมชนแหล่งท่องเที่ยวที่เตรียมต้อนรับ ครม.สื่อมวลชน และทุกคนที่ไปร่วมการประชุมครั้งนี้ คือ “ชุมชนบ้านหนองเงือก” อำเภอป่าซาง ซึ่งมีวัดบ้านหนองเงือก มีโบราณวัตถุ จิตรกรรมฝาผนังสวยงาม พระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 200 ปี หรือ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านดอนหลวง” ไปดูวิสาหกิจชุมชน “ตลาดต้องชม“ และ “ร้านประชารัฐรักสามัคคี” ของกระทรวงมหาดไทย ทุกพื้นที่จะบรรจุอยู่ในกำหนดการของ ครม.เพื่อตอกย้ำถึง อะเมซิ่ง ไทยเท่ และ ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน โดยได้พรีเซ็นเตอร์แบบอัตโนมัติเปิดเมืองรองให้คนไทยทั่วประเทศได้เห็นทั้งหมด สร้างแรงจูงใจให้ไปเที่ยวลำพูนกัน

ขณะเดียวกันตามแผนแม่บท ลำพูน กำลังได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่การลงทุนเปิดสนามบินแห่งที่ 2 ต่อจากเชียงใหม่



สำหรับ “บุรีรัมย์” เมืองรองอีกแห่ง ช่วง 5-7 ตุลาคม นี้ ต้องเปิดบ้านจัดมหกรรมการแข่งขันรถแข่งระดับโลก “พีทีที ไทยแลนด์ กรังปรี 2018 -โมโตจีพี” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์ จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬางานแรก ที่จะช่วยคิกออฟให้การท่องเที่ยวไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตอย่างคึกคัก ขณะนี้ห้องพักโรงแรมทั้งในบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง เริ่มหนาแน่นมากแล้ว อีกทั้งสายการบินก็บินตรงเข้าบุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ททท.นำทีมไปจัดงาน “บุรีรัมย์ ไนต์” ในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เพื่อประชาสัมพันธ์งานโมโตจีพี และจังหวัดบุรีรัมย์ ให้สื่อมวลชน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้รู้จัเพิ่มขึ้น ททท.กับการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัด โดยมีสื่อมวลชนทั้งออฟไลน์และออนไลน์กว่า 100 องค์กร และยังมีการนำเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง

ททท.จะใช้จังหวะของการเป็นเจ้าภาพจัดโมโตจีพี วางกลยุทธ์ที่จะนำการท่องเที่ยวออกจากโหมดการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ หรือ Mass Tourism เปลี่ยนไปสู่ประเทศศูนย์รวมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพโดยรุกเจาะเซ็กเมนต์ที่มีความชัดเจนได้รับความนิยมในเชิงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (sport tourism) สร้างความพึงพอใจให้กับ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นอย่างมากในการบุกไปประชาสัมพันธ์งานถึงญี่ปุ่นแล้วได้รับความสนใจสูงมาก

สาเหตุที่เลือกไปโปรโมตบุรีรัมย์ในญี่ปุ่น เพราะการแข่งขันโมโตจีพี เป็นการแข่งขันสนามที่ 15 ถือเป็นสนามสุดท้ายที่จะบอกได้ว่าทีมไหนหรือใครจะได้เป็นแชมป์รายการนี้ประจำปี 2561 ส่วนสนามแข่งขันครั้งต่อไป 16-18 จะไม่ค่อยสำคัญเท่าไร

รวมถึงการไปญี่ปุ่นเพราะมี Factory Team มาลงแข่งโมโตจีพีอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นคาวาซากิ ยามาฮ่า ฮอนด้า และอีกหลายยี่ห้อ เข้าร่วมแบบเต็มอัตราศึก

งานแข่งขันโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นเมืองรองน่าเที่ยวของอีสานใต้ให้เข้มข้นมากขึ้น ระหว่างการแข่งขัน ททท.ได้เปิดบูธแนะนำ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” พร้อมข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากบุรีรัมย์ไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น สุรินทร์ ร้อยเอ็ด จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน และอาหารถิ่นมาร่วมแนะนำในงาน

ซึ่งโมโตจีพีจะช่วยเสริมสร้างการท่องเที่ยวเมืองรองใกล้เคียงให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติประทับใจกับอีเวนต์ที่จัดขึ้น และจะประทับใจในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมาย

เป็นภาพรวมของการคิกออฟการท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายปลายปี 2561 ต้อนรับเศรษฐกิจเมืองรองที่จะเบ่งบานในช่วงปีงบประมาณ 2562 ด้วย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่  1 “คิงเพาเวอร์เปิดเทรน์ธุรกิจใหม่ปี’62”



นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ช่วงตุลาคม 2561 เตรียมเปิดเมกะโปรเจ็กต์การลงทุนใหม่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ที่ได้ใช้เงินกว่า 14,000 ล้านบาท เข้าซื้อโครงการไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ทำรายละเอียดวางแผนงานพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ผสมผสานครบวงจรแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ  เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตตามนโยบายของรัฐบาล

ประการสำคัญจะสามารถใช้ศักยภาพของโครงการ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ที่มีบริการครบทั้ง Observation deck จุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านค้าปลีกขนาด 4 ชั้น พื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากร อาคารรีเทลมหานครคิวป์ และการออกแบบกิจกรรมเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยรวมทั้งชาวต่างชาติเข้ามาใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันต่างชาติมาเที่ยวปีละกว่า 35 ล้านคน แนวโน้มจีนจะเดินทางมาไทยปีละกว่า 10 ล้านคน

ก้าวแห่งอนาคตของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นั้นถือเป็นสีสันการสร้างมุมบวกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ

ในมุมธุรกิจ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เติบโตเป็น “พลังร่วม”เคียงข้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศมาตลอด 28 ปี ส่วนโครงการ คิง เพาเวอร์ มหานคร ก็สามารถต่อยอดกับ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และธุรกิจอื่น ๆ ในเครือรวมกว่า 16 กิจการได้ไม่ยาก จะเป็นอีกหนึ่งพลังเชิงสร้างสรรค์ต่อไป

ในมุมการลงทุน จะเป็น “พลังดูด” เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอบโจทก์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งเป้าวางอนาคตยกระดับการท่องเที่ยวของไทยก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้นำ “ตลาดท่องเที่ยวคุณภาพ” แห่งเอเชียอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยกลยุทธ์การขยายฐานรายได้เพิ่มทั้งทางด้านมูลค่าและคุณค่าโดยการคัดสรรพรีเมี่ยมโปรดักซ์เข้ามาให้บริการ

ขณะที่  “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ” ได้รับการปรับโฉมด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท โดยเปิดโฉมบริการใหม่เมื่อเดือนมกราคม 2561 เป็นต้นมา ด้วยการปรับคอนเซ็ปต์การค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่มีมากกว่าดิวตี้ฟรี สร้างไฮไลต์เพิ่มโซนบริการเปิดพื้นที่ชั้น 3 นำกว่า 30 ร้าน “อาหารสตรีทฟู้ด”แถวหน้าของเมืองไทยมารวมไว้ในที่เดียว สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักชิมทุกวัย แถมยังได้ช่วยชาติโปรโมตอาหารไทยไปด้วย

ควบคู่กับการปรับพื้นที่ลานกลางแจ้ง “ฟาวเท่น สแควร์” ให้กลายเป็นสถานที่จัดอีเวนต์แปลกใหม่ ด้วยการดีไซน์ธีมได้หลากหลายรูปแบบ สลับกับได้เพิ่มกิจกรรมลงทุนนำโชว์ระดับนานาชาติหมุนเวียนเข้ามาจัดแสดงให้คนไทยและต่างชาติได้ชม

ภายในเวลาเพียง 9 เดือน ระหว่างมกราคม-กันยายน 2561 คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ ก็สามารถดึงคนเข้ามาใช้บริการกว่า 7 ล้านคน โดยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่กลุ่มนักช้อปเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว หากแต่มีลูกค้าใหม่หลากหลายกลุ่มเพิ่มขึ้นทุกเดือน

ล่าสุดทุ่มทุนกว่า 20 ล้านบาท เนรมิตลานกลางแจ้ง “ฟาวเท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จัดงานเทศกาล “อาคิ-กุจิ” จำลองวิถีการใช้ชีวิตก่อนเข้าสู่ใบไม้ร่วง ทำให้กลาย Japan Town แห่งใหม่ใจกลางกรุงตลอด 10 วัน ระหว่างวันที่ 20-30 กันยายน 2561

นอกจากจะนำร้านอาหารขึ้นชื่อถึง 40 ร้านแล้ว ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่นญี่ปุ่นอีกกว่า 10 ร้าน มาให้นักท่องเที่ยวได้เดินชิม ชม ช้อป อีกทั้งภายในงาน “อาคิ-กุจิ” ยังได้นำการแสดงศิลปะวัฒนธรรมต้นตำรับญี่ปุ่นมาสร้างความตื่นตาตื่นใจถึง 9 ชุด

ข่าวที่ 2 “ททท.-เทคมีทัวร์ลุยขาย LocalTable”



นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านนโยบายและแผน (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ เทคมีทัวร์เว็บไซต์จองทริปส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในไทย เปิดตัวแคมเปญการท่องเที่ยวเชิงอาหาร LocalTable - Taste Thailand on the LocalTable เพื่อยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยววิถีไทยแบบท้องถิ่นผ่านเส้นทางอาหารหลากหลายจากคนพาเที่ยวในท้องถิ่น (Local Expert) ทั่วประเทศ 55 จังหวัด ส่งเสริมให้คนไทยและต่างชาติเข้าถึงเมืองรองเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้จากโครงการนี้ด้านการจัดท่องเที่ยวเชิงอาหารเพิ่มขึ้นอีก 3 %

สำหรับแคมเปญ LocalTable ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกเป็นอย่างดีทั้งกลุ่มโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล แอร์เอเชีย ดีแทค และ คิง เพาเวอร์ร่วมกันเพิ่มการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้มากยิ่งขึ้น โดยนำการท่องเที่ยวเชิงอาหารไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ของ takemetour.com

นายนพพล อนุกูลวิทยา และนายอมรเชษฐ์ จินดาอภิรักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเทคมีทัวร์ กล่าวว่า ในฐานะเว็บไซต์จองทริปโดยเชื่อมต่อระหว่างนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้นำเที่ยวท้องถิ่นหรือ Local Expert โดยมีบริษัท พาฉันเที่ยว จำกัด เป็นออนไลน์มาร์เก็ตเพลสแพลตฟอร์มที่รวบรวมทัวร์ 1 วัน จาก 55 จังหวัด มาให้นักท่องเที่ยวจองโดยมีคนท้องถิ่นพาเที่ยว ขณะนี้มีบริการทัวร์ 1 วัน และบริการการท่องเที่ยวอื่น ๆ บนเว็บไซต์กว่า 1,000 บริการ เลือกซื้อทัวร์ได้ที่ www.takemetour.com/localtable”

เทคมีทัวร์ริเริ่มโครงการ LocalTable เพื่อสร้างเครือข่ายของร้านอาหาร และ Local Expert มีสมาชิกลงทะเบียนไว้มากกว่า 20,000 คน  ในเมืองรองให้เข้ามามีส่วนร่วมด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น ปัจจุบันมีทัวร์ตามเส้นทางอาหาร 5 ภาคกว่า 70 ทัวร์ อีกทั้งยังได้ร่วมกับ “เชฟบุ๊ค-บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต” ซึ่งเป็นเชฟและพิธีกรชื่อดังรายการอาหาร Foodwork และทีมงาน ในการลงพื้นที่และทำงานร่วมกับคนท้องถิ่นหลายเส้นทาง

ข่าวที่ 3 “ชัยวัฒน์นั่งCEOบางจากต่อ4ปี-ปลุกลดก๊าซเรือนกระจก”


บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 มีมติอุนมัติต่อสัญญาจ้างนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบางจากอีก 1 เทอม เป็นเวลา 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562-31 ธันวาคม 2565

ทางด้าน ดร.เอนกประชา แก้วมณี วิศวกรอาวุโส ส่วนวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นผู้แทนบริษัทฯ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก การเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในองค์กรภาคอุตสาหกรรมที่เข้าร่วม โครงการนำร่องระบบซื้อขายสิทธิ์ ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Trading Scheme หรือ TVETS) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก  หรือ อบก.

เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร สร้างความตระหนักการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม และการบรรเทาภาวะโลกร้อน

ข่าวที่ 4 “ทอท.แจงแผนแม่บท-ลุยT2สุวรรณภูมิ1.3แสนล้าน”


นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดแถลงข่าวอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 กรณีการเดินหน้าลงนามสัญญาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2 ) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยได้ปรับปรุงแผนแม่บท (Master Plan) ใหม่ ให้สอดคล้องตามข้อเสนอแนะขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจะต้องปรับปรุงทุก 5 ปี ส่งผลให้ ทอท.ต้องปรับแผนแม่บทด้วยสาระสำคัญ 2 ประการ ได้แก่

1.ปรับระยะเวลาการก่อสร้างให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเฉพาะในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ได้ปรับกรอบเวลาการก่อสร้างใหม่เป็นระหว่าง 2559 - 2563 แทนของเดิมปี 2554-2560 ประกอบด้วย อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ส่วนต่อขยายอุโมงค์เชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ

 2. ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร Satellite 1และ 2  วงเงินลงทุนกว่า 1.3 แสนล้านบาท เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับผู้โดยสารเพิ่มรวมอีกปีละ 30 ล้านคน แยกเป็นฝั่งละ 15 ล้านคน คือ อาคาร Satellite 1 เดินหน้าทำตามแผนพัฒนาสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จะใช้เงินลงทุน 6.2 หมื่นล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2563 เมื่อเปิดใช้จะรองรับเพิ่มได้ปัจจุบันอีกปีละ 15 ล้านคน   โดยทำแผนสร้างคู่ขนานไปกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2) ต่อเนื่องทางทิศใต้ ตามแผนระยะที่ 4 วงเงิน 4.1 หมื่นล้านบาท ระหว่างปี 2564 - 2569

สำหรับปัจจุบันสุวรรณภูมิมีผู้ผู้โดยสารใช้บริการประมาณปีละ 60 ล้านคน แต่ขีดความสามารถรองรับที่สร้างไว้มีเพียงปีละ 45 ล้านคน ดังนั้นเมื่อทั้งอาคารใหม่เสร็จปี 2563 จะรองรับได้ปีละ 60 ล้านคน แต่จำนวนผู้โดยสารใช้งานจริงอาจมีมากถึงปีละ 70 ล้านคน จึงต้องสร้างอาคาร Satellite 2 กับส่วนต่อขยายอาคารหลักที่เหลืออีกด้านหนึ่งแล้วเสร็จในปี 2569 ตามแผนแม่บทผู้โดยสารจะพุ่งขึ้นไปถึงปีละ 100 ล้านคน จึงจำเป็นจะต้องปรับแผนแล้วเร่งให้เสร็จตามเวลาดังกล่าว ภายใต้การทำงานอย่างมีธรรมาภิบาล


ช่วงที่ 2  ได้เวลาออกเที่ยวเมืองรอง “ลำพูน” เมืองที่ ครม.ลุงตู่ กำลังสัญจรไปจัดประชุม 2-3 ตุลาคม นี้ เปิดมุมแปลกใหม่ในดินแดนล้านนาที่ “ชุมชนบ้านห้วยต้ม” อำเภอลี้ กับวิถีสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังสะวิรัติของชาวปะกากะญอกว่า 2 หมื่นชีวิต แล้วตามไปสักการะพระธาตุหริภุญไชย ส่วนการใส่ใจสุขภาพ “

@เที่ยวลำพูนวิถีสโลไลฟ์ชุมชนคนกินมังฯ



ต้อนรับเดือนแห่งเทศกาลกินเจกับเส้นทาง “ชุมชนมังสะวิรัต” จังหวัดลำพูน ของชาวปะกากะยอกว่า 20,000 ชีวิต ที่ “ชุมชนพระบาทห้วยต้ม” อำเภอลี้ ซึ่งมีวิถีชีวิตการรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติรับประทานอาหารมังสะวิรัตปราศจากการฆ่าหรือเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่น ๆ

ชาวปะกอกะญอในชุมชนพระบาทห้วย ทุกเช้าแต่ละครอบครัวจะตื่นทำบุญตักบาตร วันพระก็เข้าวัดถือศีลและนำอาหารมังสะวิรัตไปถวายเป็นสังฆทานผักแด่ภิกษุสงฆ์



นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบช้า ๆ อย่างสโลว์ไลฟ์ มาแล้วจะติดใจไปอีกนานกับความสุขที่เต็มไปเปี่ยมไปด้วยสุขใจและสุขกายท่ามกลางความสงบ

รอบชุมชนก็มีแหล่งท่องเที่ยวแนะนำที่ “พระมหาธาตุเจดีย์ ศรีเวียงชัย” เจดีย์สีเหลืองทอง ซึ่งเป็นพุทธสถานของวัดพระบาทห้วยต้มคล้ายสะดือเมืองลำพูน สร้างโดย”หลวงปู่ครูบาวงศ์” เพื่อเป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนเฉกเช่นเดียวกับชุมชนพุทธทั่วประเทศ รวมทั้งยังได้ปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาให้แก่ชาวบ้าน เลือกรับประทานพืชผัก สมุนไพรพื้นบ้าน แทนเนื้อสัตว์ อันมีผลดีต่อสุขภาพและจิตใจ



ในลำพูนมีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ อย่าง “อุทยานแห่งชาติแม่ปิง” สามารถเลือกไปนอนพักบนแพชมทะเลสาบแก่งก้อ หรือวิวพระอาทิตย์ตก ณ จุดชมวิว ดอยกระตึก ได้โดยมีทัศนียภาพของทุ่งหญ้ากว้าง น้ำตก ภูเขา ห้อมล้อมดูแล้วสบายตา อารมณ์สดชื่น


แวะไปสัมผัสธรรมชาติไอเย็นจาก “น้ำตกก้อหลวง” นักท่องเที่ยวไปแล้วจะต้องหลงรักสายน้ำบริสุทธิ์ 7 ชั้น ไหลพาดผ่านโขดหินลงสู่แอ่งด้านล่างกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม บริเวณใกล้กันก็มี “น้ำตกตาดสตอ” ให้ท่องเที่ยวอีกแห่งสวยไม่แพ้กันเลย



หรือจะไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองที่ “พระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร” เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีระกา ทรงของเจดีย์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ ๆ ภายในพื้นที่มีโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ ๆ เช่น วิหารหลวง หอระฆังเก่าแก่

ลำพูนเป็น 1 ใน 55 เมืองรอง ต้องไปสักครั้ง แล้วจะสัมผัสได้ถึงความสุข สงบ สันติ กับวิถีชีวิตสโลไลฟ์จับต้องได้จริง

@มี6เคล็บลับการปั่นจักรยานลดความอ้วน

ใครๆ ก็ไม่อยากอ้วน ซึ่งวิธีหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักได้ ก็คือ การออกกำลังกาย ซึ่งการ “ปั่นจักรยาน” ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้จริง หรืออย่างน้อยก็ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่ให้อ้วนง่าย และมีร่างกาย กล้ามเนื้อแข็งแรงสวยงามขึ้นด้วย โดยมีเทคนิคดี ๆ มาฝากกับ  6 เคล็ดลับ

1. ปั่นให้พอดี ไม่จำเป็นต้องหักโหม หลายคนเข้าใจว่า ยิ่งปั่นมาก ยิ่งผอมเร็ว แต่กลับไม่ใช่ การออกกำลังกายหักโหมทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานครั้งละมากๆ ในคราวเดียว จึงแสดงผลโดยการหิวมากกว่าเดิม และทำให้กินเข้าไปมากกว่าก่อนจะปั่นจักรยานเสียอีก

2. เลือกอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร โดยมีอาหารให้พลังงานหลังปั่นจักรยาน ได้แก่ แป้ง โปรตีน ไขมัน และยังควรรับประทานพืชผัก ผลไม้เพื่อช่วยซ่อมแซมเซลล์ร่างกาย ซึ่งไม่ควรเด็ดขาดที่จะอดอาหาร นอกจากจะไม่ผอม ยังทำให้ร่างกายเสียสมดุล เจ็บป่วยได้ง่ายด้วย

3. กินก่อนปั่นหรือหลังปั่นดี ไม่จำเป็นต้องกินอาหารตุนไว้มาก ก่อนออกปั่น แค่รองท้องไม่ให้หิวจัดเท่านั้น เมื่อออกกำลังกายเสร็จ ก็ไม่ควรกินทันที เพราะมีผลต่อระบบการย่อย ทำให้จุกได้ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นแทนเมื่อรู้สึกกระหายหลังปั่น

4. หลีกเลี่ยงเส้นทางปั่นที่เต็มไปด้วยอาหาร นักชิมคงเข้าใจดี ว่าการฝ่าเข้าไปในดงอาหาร ทำให้นักปั่นเสียศูนย์มากไม่น้อย เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความหิว นำไปสู่การพร้อมกินทุกอย่างทันทีหลังปั่น

5. ปั่นแล้วเลี่ยงการแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อปั่นเสร็จเดินเข้าซุปเปอร์รับแอร์เย็นๆ ย่อมทำให้อยากช็อปสิ่งต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะของกินอร่อยๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักปั่นกลับกินเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนไม่ได้ปั่น

6. ลดเครื่องดื่มน้ำตาลและไขมันสูง การออกกำลังกายด้วยจักรยานทุกวัน ไม่ได้หมายความว่า จะกินไขมันและน้ำตาลได้อย่างเต็มที่ หากรู้สึกอยากกินอะไรหวานๆ เปลี่ยนจากช็อกโกแลตเป็นน้ำตาลจากผลไม้จะดีกว่า

การออกกำลังกายที่ดีควรจัดให้เป็นเวลาเป็นประจำจะมีผลดีต่อสุขภาพคุมน้ำหนักได้ด้วย

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “สภาฯท่องเที่ยวชง2มาตรการด่วนชิงทัวร์วันชาติจีน”



นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ทำจดหมายถึง ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 เพื่อขอให้เสนอรัฐบาลพิจารณามาตรการเร่งด่วนช่วงเดือนตุลาคม นี้ เพื่อกระตุ้นและดึงความสนใจช่วงเทศกาลหยุดยาววันชาติของนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามายังไทยเพิ่มขึ้น หลังจากต้องประสบปัญหามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 กรณีเกิดเรือล่มที่ภูเก็ตจนทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวนมาก

ส่วนมาตรการเร่งด่วนที่สภาฯ ท่องเที่ยวเสนอขอมี 2 ข้อหลัก

1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa Fee Exemption)ให้แก่นักท่องเที่ยวจากจีน เป็นกรณีพิเศษ ระยะสั้นเป็น เวลา 6 เดือน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยวจัดการเดินทางมาเยือนประเทศ ไทยเพิ่มขึ้น

2. การให้วีซ่าเข้า-ออก 2 ครั้ง (Double Entry Visa) แก่จีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกและเดินทางกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยอีกครั้งในปีเดียวกัน

ซึ่งทางสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) รายงานสถานการณ์ตลาดจีนเที่ยวไทยจนถึงขณะนี้ยังฟื้นตัวได้ไม่ดี ช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 มีนักท่องเที่ยวจีนรวมเพียง 2.21 ล้านคน ลดลง 17.61 %  และไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.85 ล้านคน ลดลง 25.64 %และจากการติดตามข้อมูลเที่ยวบินเช่าเหมาล าและการส ารองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงวันหยุดยาวของการฉลองวันชาติจีนนั้น่ยอดจองก็ยังไม่กระเตื้องเช่นกัน

ข่าวที่สอง“บางกอกแอร์ชูโปรฮ็อต3จังหวัด890 บาท/เที่ยว”


สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า ได้จัดโปรโมชั่น “Amazing October” ขายตั๋วโดยสารราคาพิเศษ วันที่ 1 – 31 ตุลาคม นี้  3 เส้นทางบินยอดนิยม ได้แก่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) สู่เชียงใหม่ กระบี่ และภูเก็ต เริ่มต้นเพียงเที่ยวละ 890 บาทไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ  จองซื้อทาง www.bangkokair.com หรือ คอล เซ็นเตอร์ โทร 1771 และดูข้อมูลเพิ่มที่ http://www.bangkokair.com/special-promotion

ข่าวที่สาม “ขสมก.จ่อใช้อีทิกเก็ตเริ่ม 15 ต.ค.นี้”



   องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงานว่า ความคืบหน้าในการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E - ticket) เวอร์ชั่น 2.0 บนรถโดยสารธรรมดา จำนวน 800 คัน และเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บริการแล้ว 300 คัน ส่วนอีก 500 คัน คาดจะเปิดได้ ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2561
รวมทั้งได้ปรับปรุงระบบอีทิกเก็ตเป็นเวอร์ชั่น 2.5 เพื่อให้รองรับบัตรโดยสารร่วม ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อให้ใช้งานได้ประมาณมีนาคม 2562

ข่าวที่สี่ “ททท.รับทีมผลิตหนังพีอาร์โมโตจีพี3ต.ค.นี้”



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า เตรียมต้อนรับการถ่ายทำภาพยนต์ประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ในวันพุธที่ 3 ตุลาคม  2561 ณ เมธาวลัย เรสซิเดนซ์ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์

เพื่อผนึกความร่วมกันโปรโมตการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ซึ่งจะเปลี่ยนประวัติเมืองบุรีรัมย์ สถานที่จัดงานให้กลายเป็นต้นแบบพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0

เพ็ญรุ่ง ใบสามเสน
คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ



ททท.โหมจัดเที่ยวไทยยั่งยืนต.ค.-ธ.ค.61
บินไทย-ไทยสไมล์ขาย20เส้นทาง10จุดบิน

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ตัดทำกลยุทธกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยฌครงการ "ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน" ร่วมกับ 3 พันธมิตร ได้แก่ การบินไทย ไทยสไมล์ และธนาคารกรุงไทย ผลิตแพกเกจการขายท่องเที่ยวในประเทศ 20 เส้นทาง 10 จุดบิน  เริ่มขายผ่านทัวร์เอื้องหลวงการบินไทย ระหว่าง 1 ตุลาคม 2561 – 31 ธันวาคม 2561
เน้นการเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองรอง สัมผัสชุมชน วัฒนธรรมท้องถิ่น อาหารการกิน ผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อที่จะเพิ่มรายได้ลงสู่เศรษฐกิจตลอดปีนี้ให้ได้เพื่มขึ้นอีกกว่า 10,000 ล้านบาท และกระจายนักท่องเที่ยวเพิ่มไปยังเมืองรองจากปัจจุบัน 35 เป็น 40 % ของตลาดทั้งหมด


 โดยตลอด 9 เดือน ปีงบประมาณ 2561  นักท่องเที่ยวในเมืองรองดยเติบโตกว่า  5 % โดยเฉพาะในกลุ่ม “เมืองต้องห้ามพลาด...พลัส” มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเพิ่มสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บุรีรัมย์ +8.39% พัทลุง +7.60% แม่ฮ่องสอน +7.32% ปัตตานี +7.26% และ ราชบุรี +7.18%

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท.สนับสนุนการทำแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” เป็นแพ็คเกจ Local Link 3 แบบ A B C ได้แก่ Additional จากเมืองหลักเชื่อมสู่เมืองรอง อาทิ เชียงใหม่-ลำพูน / เชียงใหม่-ลำปาง / ขอนแก่น – อุดรธานี – หนองคาย / กระบี่ – ตรัง / สงขลา(หาดใหญ่) – สตูล- พัทลุง  Brand New เที่ยวในเมืองรองศักยภาพ อาทิ เชียงราย แม่ฮ่องสอน อุบลราชธานี และเขื่อมต่อจากเมืองรองสู่เมืองรอง อาทิ  อุดรธานี – เลย / อุดรธานี – บึงกาฬ / นราธิวาส – ยะลา – ปัตตานี

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พร้อมพัฒนาและการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและพื้นที่เมืองรองของประเทศ สู่เมืองรอง 10 จุดหมายปลายทางของการบินไทยและไทยสมายล์ อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ นราธิวาส กระบี่ และภูเก็ต โดยจะใช้ทัวร์เอื้องหลวง จัดแพ็คเกจทัวร์ขาย ระหว่างสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองจาก 10 เส้นทาง ไปยัง 20 เมืองรอง กระจายสู่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ภาคใต้ ด้วยโปรแกรมท่องเที่ยว ในราคาที่คุ้มค่าและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ทั้งในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ที่พัก และรถรับส่ง


นอกจากแพกเกจทัวร์แล้ว ยังมีบริการเฉพาะแยกขายตั๋วโดยสารและโรงแรม สำหรับลูกค้าที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวเองแบบอิสระ


ทั้งนี้ลูกค้าทัวร์เอื้องหลวงที่ชำระเงินตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับ Dining Voucher จากโรงแรม เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ มูลค่า 1,500 บาท สำหรับผู้ที่สนใจจองรายการท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ ของทัวร์เอื้องหลวง สามารถติดต่อจองหรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 02-288-7335 หรือที่เว็บไซต์ thaiairways.com/roh


นางชาริตา  ลีลายุทธ  รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ กล่าวว่า เข้าร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองโเยใช้เที่ยวบินประเทศ 10 เส้นทาง ไป-กลับ สุวรรณภูมิ สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี นราธิวาส กระบี่ ขอนแก่น อุบลราชธานี อุดรธานี และยังได้ร่วมกับตัวแทนจำหน่ายจัดแพคเกจทัวร์แบบสุดคุ้มไปยังแหล่งท่องเที่ยวอีก 4 เส้นทาง อาทิ

เส้นทาง 1.นราธิวาส มาพร้อมโปรแกรมท่องปลายสุดปลายขวานทอง นราธิวาส-บาเจาะ-ตากใบ-สุไหงโก-ลก สัมผัสบรรยากาศแม่น้ำสำคัญ 3 ใน 4 สาย แพกเกจ 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 7,200 บาท
2.หาดใหญ่ –พัทลุง ท่องสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศ 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นที่ 8,800 บาท3.สุราษฏร์ธานี – ระนอง ท่องเขื่อนเชี่ยวหลาน เกาะหัวใจมรกต ดำน้ำเกาะหัวใจ 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 16,800 บาท
4.แม่ฮ่องสอน-ปาย เที่ยวชมประติมากรรมอันน่าอัศจรรย์จากธรรมชาติ Unseen Thailand 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 10,300 บาท ทุกเส้นทางเป็นราคาที่รวม อาทิ ตั๋วโดยสาร ภาษีสนามบิน    ที่พัก

สำรองนั่งได้ตั้งแต่ 1 – 31 ตุลาคม 2561 เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้– 15 ธันวาคม 2561 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 1181 หรือ โทร. 0 2118 8888



  นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ แหล่งท่องเที่ยว อาทิ การติดตั้งเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) การชำระเงินผ่าน QR Code รวมถึงแอปฯ เป๋าตุงที่ถูกพัฒนามาสำหรับร้านค้าโดยเฉพาะ โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยาย QR Code ตามแหล่งท่องเที่ยว ชุมชน ตลาดนัด ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วทั้ง 55 จังหวัดเมืองรอง โดยเฉพาะเส้นทางตามแคมเปญ “ไทยเที่ยวไทย ไทยยั่งยืน” ตลอดปีนี้





วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561

ททท.จัดบิ๊กโร้ดโชว์ทั่วไทยเฮเที่ยวภูเก็ต
ชูเทศกาลเจ-ปลุกออเจ้าอยุธยาเยือนใต้
ยกฟ้อง‘คิงเพาเวอร์’ไร้ปมดิวตี้ฟรี ทอท.
ททท.ระดมใช้แผนวิจัยอนาคตเที่ยวปี’62
โว้ก-ททท.ร่วมดันไหมมัดหมี่โกอินเตอร์
บางจาก-JCCPรุกพัฒนาหน่วยโรงกลั่น
ทอท.ลุยจ้างDBALPดีไซน์สุวรรณภูมิ2
TCEBเปิดแบรนด์ใหม่ไทยดีรีไฟน์ปี’62
ทัวร์บุรีรัมย์เรื่องเล่าผ้าภูเขาไฟสู่พนมรุ้ง
แนะกำจัดความเครียด7วิธีง่ายใกล้ตัว
ททท.เหนือจัดนอร์ธเฟสติวัล28-30กย.
แบล็คชูการ์จัดแฟชั่นเสื้อช่วยรพ.รามา
อนันตราสยามชวนชิมเมนูเจ8-17ต.ค.
รัฐสั่ง29สนามบินภูมิภาคทำประกันภัย

ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2561 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen    และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97

ช่วงที่ 1 พบกับ “กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร” ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ทุ่มจัดโร้ดโชว์ส่งท้ายปี ตั้งเป้าดึงคนไทย 5 ภาค เที่ยววิถีทะเลใต้ ใช้กระแสออเจ้าจัดบิ๊กโปรเจ็กต์ “ชวนออเจ้าเย้าเยือนภูเก็ต” ลุยกวาดลูกค้าทุกกลุ่มแถบนิคมอุตสาหกรรมพระนครศรีอยุธยา “อุดรธานี” ตะเข็บอีสานดึงตลาดเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และหาดใหญ่รอยต่อ มาเลเซีย สิงคโปร์ ทะลักเข้ามาได้ ย้ำไทย-เทศ ไหลเข้าปีละ 14 ล้านคน แถมแอร์ไลน์แห่บินวันละถึง 60 เที่ยว โดนเสน่ห์ เมืองทะเลสวย อาหารอร่อย แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดเทรนด์ใหม่ มัดใจจนอยู่หมัด


นางสาวกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวไทยและทั่วโลกเดินทางเข้ามายังภูเก็ตประมาณปีละ 14 ล้านคน ขณะนี้มีเที่ยวบินบริการเส้นทางจากจังหวัดต่าง ๆ ภายในประเทศ และจากต่างประเทศ เข้ามาถึงวันละกว่า 60 เที่ยว ทำให้เกิดการค้า การลงทุน และขยายแหล่งท่องเที่ยว ควบคู่กับการสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

โดยมีนักท่องเที่ยวตลาดคนไทยเข้าไปยังภูเก็ตประมาณ 30 % ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แนวโน้มยังมีโอกาสขยายเพิ่มขึ้นได้อีกในเชิงบวก หากได้นำเสนองานเทศกาล งานแฟร์ และการพบปะกับลูกค้า ผู้ประกอบการ บริษัทคอร์ปอเรตขนาดใหญ่ ยังไม่เคยเดินทางไปยังภูเก็ตอีกจำนวนมาก จึงต้องการรุกเจาะเพิ่มลูกค้าคนไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

ขณะนี้เตรียมจัดเทศกาลถือศีลกินผักหรือเจยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ระหว่าง 9-17 ตุลาคม 2561 โดยทางศาลเจ้าหรืออ๊ามทั่วจังหวัดภูเก็ตพร้อมจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะศาลเจ้าขนาดใหญ่ทั้งบริเวณตัวเมืองและอำเภอกระทู้

ส่วนห้องพักโรงแรมมีให้เลือกจำนวนมากมีหลักแสนห้องต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาล ซึ่งจะต้องรีบเข้าไปจองเพราะตามปกติจะมีอัตราการเข้าพักตลอดเทศกาลสูงถึง 90 % จึงขอแนะนำให้เลือกจองพักโรงแรมในเขตอำเภอเมือง ขณะนี้มีแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตให้เดินชมเมือง เป็นอีกบรรยากาศในระหว่างการพักผ่อน

ตลอดเทศกาลเจภูเก็ตจะได้นำอาหารถิ่นมาให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความอร่อยและสร้างการรับรู้เมนูยอดนิยม ซึ่ง ททท.ได้จัดรถโคท้อรถประจำทางสาธารณะอัตลักษณ์ของภูเก็ตบริการนักท่องเที่ยวฟรีเพื่อเข้าร่วมเทศกาลและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เพียงแค่เข้าไปลงทะเบียนกับสำนักงาน ททท.ภูเก็ต

จากนั้นจะมีการเปิดฤดูท่องเที่ยวภูเก็ต จัดงาน “หยุดโลก”ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ชวนไปเที่ยวทะเลอันดามันที่สวยงามเริ่มตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ส่วนการเจาะตลาดคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศที่ภูเก็ตนั้น ททท.ภูเก็ต ได้จัดทำโร้ดโชว์จัดทำโครงการ “ชวนออเจ้าเย้าเยือนภูเก็ต” โดยนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาจับคู่เจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมโรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีงบประมาณให้รางวัลพนักงานเดินทางท่องเที่ยวฟรี (incentive) ทั้งระดับผู้บริหาร แขกของบริษัท และพนักงานโรงงาน เดิมจะเดินทางเฉพาะทะเลใกล้ ๆ กรุงเทพฯ บริเวณภาคตะวันออก พัทยา ชลบุรี ระยอง ตราด หรือภาคกลางก็แถบชะอำ เพชรบุรี หัวหิน

การทำโร้ดโชว์ของภูเก็ตจึงเป็นอีกทางเลือกในการท่องเที่ยวเมืองชายทะเลภาคใต้ที่ไม่ไกลจากพระนครศรีอยุธยา เพราะสามารถใช้เวลาเพียงขับรถมาสนามบินดอนเมือง 1 ชั่วโมง นั่งเครื่องบินแบบประหยัดอีก 1 ชั่วโมง ก็สามารถไปถึงภูเก็ตได้แบบง่าย ๆ สบาย ๆ ทว่าความสวยงามของทะเลอันดามันกับอ่าวไทยก็แตกต่างกัน

รวมทั้งยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่นตุลาคมของทุกปีจะมีเทศกาลถือศีลกินผัก และตลอดทั้งปีก็มีท่องเที่ยวชุมชนมุมใหม่ ๆ อาทิ ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ชุมชนท่าฉัตรไชย และอื่นๆ แต่ละแห่งจะมีวิถีพื้นถิ่นที่นักท่องเที่ยวเข้าร่วมได้

มีแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขื้นหรือ Man Made โครงการใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรงตอนนี้คือ “ถลางมณีฟาร์ม” อยู่อำเภอถลาง เป็นศูนย์รวมวิถีชีวิต ย่อส่วนประเทศไทยทั้งหมดมาไว้ในฟาร์มแห่งนี้ อาทิ สงกรานต์ ลอยกระทง ให้นักท่องเที่ยวชมทุกวัน นอกเหนือจากการดูโชว์อลังการของ ภูเก็ตแฟนตาซี สยามนิรมิต

ผอ.กิตติกากล่าวว่า การนำเสนอจุดขายภูเก็ตในงานโร้ดโชว์ในพระนครศรีอยุธยา จุดประสงค์หลักคือขายแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ผนวกเข้ากับเรื่องใหม่ วิถีกิน วิถีถิ่น ตามที่ภูเก็ตได้รับการประกาศจากยูเนสโก้ห้เป็นเมืองแห่งอาหารการกินหรือ Gastronomy Route มาตั้งแต่ปี 2558

นอกจากอาหารทะเลแล้ว ยังมีอาหารฮกเกี้ยน ติ่มซำ บักกุยเต๋ และอาหารพื้นเมืองแกงใต้ต่างจังหวัดอื่น ๆ เช่น เส้นหมี่แกงโปคือแกงกะทิใส่เนื้อปูเป็นก้อน แกงหมูฮ้อม แกงส้มปลาใส่กระโชนลักษณะคล้ายบอน กุ้งล็อบสเตอร์

หลังจากนั้นก็ไปทำกิจกรรมการท่องเที่ยวกับชุมชน เช่น ท่าฉัตรไชยจะมีโปรแกรมนำนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงล็อบสเตอร์ หรือจะไปทดลองกรีดยาง และอีกหลายอย่างซึ่งเป็นวิถีดั้งเดิมของคนภูเก็ต ซึ่งนักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสความเป็นท้องถิ่นได้ด้วย ซึ่งเป็นมุมใหม่ที่นักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกันก็อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน

ส่วนการทำโร้ดโชว์ดึงนักท่องเที่ยวในประเทศเข้าภูเก็ต พุ่งเป้าที่จังหวัดอุดรธานี จะได้หนองคาย และ เวียงจันทน์ สปป.ลาว ด้วย ที่ผ่านมาทำแล้วประสบความสำเร็จ ส่วนภาคใต้ทำในหาดใหญ่ ก็มีมาเลเซีย สิงคโปร์ ตามมาด้วย เพราะการเดินทางสะดวก โดยสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส บินประจำทุกวัน ระหว่าง หาดใหญ่-ภูเก็ต

สำหรับการบูมกิจกรรมช่วงปลายปี 2561 เตรียมจัดงานเทรนด์ขนาดใหญ่ อาทิ Rock Tournament ซึ่งมีนักท่องเที่ยวหลากหลายจากทั่วประเทศ ภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก ภาคใต้ มีกำลังการจ่ายสูงเรื่องการกิน ดื่ม ช่วงพฤศจิกายน นี้ เชิญชวนคนรักกีฬามาร่วมวิ่งตามชุมชนรักธรรมชาติ โดยมีโรงแรม กลุ่มชมรม สมาคม ต่าง ๆ จัดงานวิ่ง มีคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมจำนวนมากเป็นประจำ เป็นการกระตุ้นท่องเที่ยวเชิงกีฬา สามารถดึงรายได้กระจายเข้าท้องถิ่นชุมชนได้มากขึ้นนั่นเอง

ข่าวที่ 1 “ศาลฯกลางยกฟ้องคิงเพาเวอร์เรียบร้อยแล้ว”

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษา รายงานคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 โดยยกฟ้องคดีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กล่าวหาผู้บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เอื้อประโยชน์ให้คิง เพาเวอร์จ่ายค่าตอบแทนไม่เป็นไปตามสัญญา

ด้วยเหตุผลหลัก ๆ คือนายชาญชัยไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ใช่ผู้รับผลกระทบจากเหตุการณ์และจึงไม่สามารถที่จะทำการฟ้องคดีดังกล่าวได้


สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 ตามที่นายชาญชัยเชื่อว่า คิง เพาเวอร์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เปิดร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินตั้งแต่ปี 2549 จ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐบาลไม่ตรงตามสัญญาร้อยละ 15 ของรายได้ โดยจ่ายเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น

ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ออกมาอธิบายถึงรายละเอียดการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนตามเงื่อนไขตามสิทธิที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะการประมูลดำเนินการธุรกิจดิวตี้ฟรี ในส่วนร้อยละ 15 นั้น เป็นส่วนของพื้นที่ส่งมอบสินค้า ณ สนามบิน หรือ pick up counter ซึ่งได้จ่ายเกินครบถ้วนร้อยละ 3 จากยอดที่ระบุในเงื่อนไขข้อตกลงครบถ้วน สามารถตรวจสอบเอกสารได้ทุกขั้นตอนทุกประการ

ข่าวที่ 2 “ททท.สัมมนาแผนอนาคตท่องเที่ยวปี62”

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าเปิดสัมมนา “ท่องเที่ยวไทย เดินหน้าสู่อนาคต     -Tomorrow’s Tourism : The Future is Now  เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทั้งการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์และแสวงหาประโยชน์บนพื้นฐานของข้อมูลงานวิจัย ซึ่งทำงานโดยศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการท่องเที่ยว (TAT Academy)  ททท.เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านตลาด  การท่องเที่ยว รวมทั้ง สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

  ภายในงานได้เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว และการจัดแสดงผลงานวิจัยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย รวมถึงเอกสารเผยแพร่ทางวิชาการด้านการตลาดการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง ททท.และองค์กรเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกภาคส่วน จะได้ขับเคลื่อนการเติบโตร่วมกันโดยมีทิศทางอย่างชัดเจนในปี 2562

ข่าวที่ 3 “ททท.ผนึกโว้กยกระดับหมัดหมี่ลพบุรีโกอินเตอร์”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้จัดทำกิจกรรมยกระดับดีไซเนอร์หน้าใหม่แฟชั่นผ้าไทย ด้วยการสนับสนุน “โว้ก ประเทศไทย” จัดโครงการ “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018” เฟ้นหาดีไซเนอร์เลือดใหม่ที่มีผลงานการออกแบบและวางแผนธุรกิจโดดเด่น เปิดเวทีผลิตนักธุรกิจแฟชั่น ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

โครงการนี้ได้คัดเลือกดีไซเนอร์ผ้าไทยไหมมัดหมี่ ลพบุรี ที่เข้ารอบสุดท้าย 10 จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 100 ราย มาจัดแสดงผลงานการออกแบบของตนเอง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 ณ แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน โดยมี 10 แบรนด์ที่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการ ได้แก่  Salisa (สริสา) Valentier (วาเลนเทียร์)  Pattricia A. Garde (แพททริเซีย เอ. การ์ด) Clothiers Ekamai (โคลเทียร์ส เอกมัย) Grounder (กราวด์เดอร์)  Renim Project (รีนิม โปรเจคต์)  SSAP(เอส เอส เอ พี) Jee’s Jewelry (จีส์ จิวเวลรี)  Repleat (รีพลีต) และ 2553


ข่าวที่ 4 “บางจากควงJCCPลุยบำรุงหน่วยกลั่นครบวงจร”

นายเฉลิมชัย อุดมเรณู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) กับ Mr.Eiji Hiraoka, Senior Executive Director, JCCP (Japan Cooperation Center Petroleum) เดินหน้าโครงการ Technical Collaboration for Improvement of  Maintenance and Operation ซึ่งเป็นความร่วมมือทางด้านเทคนิค เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบำรุงรักษาหน่วยกลั่นในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก

โดยมีผู้ดำเนินโครงการโดยบริษัท Cosmo Oil (ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ JCCP เป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบางจากกับ JCCP เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านปิโตรเลียมและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

ข่าวที่ 5 “บอร์ดทอท.อนุมัติจ้างDBALPออกแบบสุวรรณภูมิ2ได้”

  นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานประธานกรรมการ (บอร์ด)  บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท." เปิดเผยว่าบอร์ดเมื่อวันพุธที่ 19 กันยายน 2561 ได้รับทราบพร้อมเห็นชอบให้ฝ่ายบริหาร ทอท.ดำเนินการทำข้อตกลงจ้าง บริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้-อีเอ็มเอส-โปรเจ็กต์คอนซัลติ้ง ผู้ชนะการประมูลงานสำรวจออกแบบการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิหลังที่ 2 ได้ พร้อมทั้งเดินหน้าทำให้แล้วเสร็จเพื่อเปิดใช้ตามกำหนดเวลาปี 2564

  สาเหตุที่บอร์ด ทอท.มีมติยืนหลักการให้จ้าง บริษัท ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก้-อีเอ็มเอส-โปรเจ็กต์คอนซัลติ้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของ บริษัท แสปน คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไซน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ระงับการพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบให้ผู้ชนะการประกวดราคารับจ้างสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และขอให้คุ้มครองชั่วคราว เรื่องคำสั่งก่อนหน้านี้ที่บอร์ดพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบผู้ชนะการประกวดแบบและราคา

          ขั้นตอนหลังบอร์ด ทอท. มีมติให้ ทอท.ลงนามสัญญาจ้างสำรวจออกแบบฯ ได้ภายในกันยายน 2561 และเร่งออกแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน เพื่อจะนำแบบไปประมูลงานให้เริ่มการก่อสร้างได้ปลายปี 2562 กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2564  เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีกปีละ 30 ล้านคน
ข่าวที่ 6 “TCEBเปิดแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefineรุกไมซ์ปี62”

นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “สสปน./TCEB” เปิดเผยว่า ในแผนธุรกิจไมซ์ปี 2562 วางกลยุทธ์เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefine your Business Events เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จทั้งการปฏิรูปองค์กร แนวคิด การทำงานร่วมกันกับภายในและภายนอกองค์กรทั้งระดับประเทศและทั่วโลก โดยสื่อสารผ่านกลยุทธ์ แคมเปญ การตลาด อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันติด 1 ใน 5 ผู้นำไมซ์เอเชีย ซึ่งขณะนี้ไทยครองแชมป์ตลาดคอนเวนชั่นและเอ็กซิบิชั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปี 2562 จะต้องเร่งขึ้นอันดับต้น ๆ ในเอเชีย โดยจะเพิ่มความเข้มข้นเรื่องคุณภาพ และการประมวลตัวเลขผลตอบแทนการลงทุน (Return of investment : ROI) เพื่อลงลึกถึงการเพิ่มยอดกลุ่มนักลงทุนชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายของขยายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) และพื้นที่เลียบทะเลอ่าวไทย ไทยแลนด์ ริเวียร่า จากเพชรบุรี-ชุมพร-ระนอง โดยจะมีเมกะโปรเจ็กต์ไร้พรมแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีน One Belt One Road ระบบโลจิสติกส์ บก-น้ำ-อากาศ เข้ามาเสริมทัพ รวมทั้งการเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศดาวรุ่งใหม่ CLMV

การพัฒนาทั้งภายในประเทศของไทยกับจากการเชื่อมโยงของด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะขยายผลมายังการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน ในแถบ EEC ของ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งหรือ S-CURV เติบโตตามขึ้นมาอีกมากมาย เป็นโอกาสและจังหวะของ สสปน./TCEB ที่จะขยายธุรกิจเพิ่มรายได้กระจายสู่จังหวัดต่าง ๆ ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล

นางนิชาภา กล่าวว่า ปี 2562 จะต้องนำไมซ์ของประเทศไทยก้าวไปพร้อม ๆ กับ 6 เทรนด์โลก ได้แก่

1.แนวโน้มตลาดผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นเป็นตลาดขนาดใหญ่จึงต้องสร้างสรรค์งานให้โดนใจตลาดดังกล่าว
2.วิกฤตของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงมีความเสี่ยงในการเดินทางประชุม สัมมนา จัดงาน จึงต้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานเสนอถึงมาตรการความปลอดภัย
3.การขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิตอลเติบโตแบบไร้พรมแดน สสปน.จึงต้องร่วมือกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ กระทรวงดิจิตอล สร้างสร้างศักยภาพให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทย ให้เข้าสู่โลกยุคไซเบอร์ได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งมีทั้ง เทคโนโลยี ดิจิตอล และอินโนเวชั่น

4.สถานการณ์ก่อการร้าย ที่กำลังเกิดขึ้น ก็เป็นอีกเทรนด์ที่ไมซ์จะต้องวางมาตรการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและสถานที่จัดงานเพื่อป้องกันทางด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล

5.พลังการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือโลจิสติกส์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผนวกับเป็นเกตเวย์ของกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ซึ่งพร้อมจะเติบโตเป็นดาวรุ่งของเอเชีย
6.กระแสความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสอันดีที่ไทยและผู้ประกอบการไมซ์วางรากฐานสร้างความยั่งยืนมาตั้งแต่แรก จึงทำให้นานาประเทศหันมาสนใจเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการจัดไมซ์ระดับนานาชาติ

ขณะนี้ตลาดไมซ์ต่างประเทศ กลุ่มประชุมและอินเซ็นทีฟ (Meeting -Incentive :MI) ปีนี้ TCEB ทำให้ไทยมีส่วนแบ่งตลาดภูมิภาคเอเชียเติบโตปีละกว่า 5.6 % โดยอินเซ็นทีฟจากจีนมาไทยเติบโตทั้งรายได้และจำนวนคนมากกว่า 50% โดยมีอินเดียกับอินโดนีเซียตามมาติด ๆ  ส่วนตลาดคอนเว็นชั่น เร่งจับมือกับไทยทีม สมาคม และซัพพลายเออร์ ชิงประมูลงานเข้ามาจัดในไทยเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีเทรนด์ offshore Convention ใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่น่าสนใจขณะที่ตลาดเอ็กซิบิชั่นจะพุ่งเป้าเจาะงานเมกะอีเวนต์ซึ่งมีแนวโน้มสดใสเช่นกัน

ทางด้านตลาดไมซ์ในประเทศ ได้ใช้แคมเปญ “ไมซ์เพื่อชุมชน” โดย TCEB ทำร่วมกับสหกรณ์ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวรุกขยายพื้นที่กระจายรายได้สู่ชุมชนลดความเหลื่อมล้ำ ปี 2562 จะมีอินเซ็นทีฟหรือสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มจัดการในหลากหลายรูปแบบและต่อเนื่องตลอดทั้งปี

อีกทั้งยังได้จัดตั้ง MTEX : M Power Thailand Exibition ขึ้นโดยจับมือกับ 11 องค์กร ประกอบด้วย 6 กระทรวง 5 องค์กรเอกชน ยกระดับงานไมซ์จาก การจัดระดับภาคขึ้นเป็นระดับประเทศและระดับโลกและยังได้ยกระดับความร่วมมือไทยกลุ่มลุ่มน้ำโขงและ CLMV ในเรื่องโลจิสติกส์แบบครบวงจรเพื่อทำให้เป็นฮับไมซ์และผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้นี้

นางนิชาภากล่าวว่า ระหว่าง 18-20 กันยายน 2561 ได้ใช้โอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน Incentive Travel & Conventions, Meeting Asia (IT& CMA) ครั้งที่ 26 และงาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia Pacific) ครั้งที่ 21  ซึ่งไทยได้สิทธิ์จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Thailand : Redefine your Business Events โดยได้ก่อสร้างบูธไทยในพื้นที่ 600 ตารางเมตร เพิ่มสีสันโดยเรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ของ สปปน./TCEB เพื่อสื่อสารไมซ์ของไทยในเวทีโลกในปีต่อ ๆ ไป

สำหรับงาน Incentive Travel & Conventions, Meeting Asia (IT& CMA) ครั้งที่ 26 และงาน Corporate Travel World Asia-Pacific (CTW Asia Pacific) ไทยยังคงได้สิทธิ์จัดต่อเนื่องอีก 2 ปีหน้า จนถึง ปี 2563  สำหรับปีนี้จัด ณ บางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ ซึ่งมีตัวแทนเข้าร่วมงาน แยกเป็นกลุ่มผู้ซื้อจากทั่วโลก 52 ประเทศ 2,464 คน เพื่อพบปะเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ขายจากไทย 69 ราย

ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยวเมืองรอง “บุรีรัมย์” จิ๋วแต่แจ๋วแดนอีสาน มีเรื่องเล่าจากตำนานแบรนด์ “ผ้าภูอัคคนี” จากดินภูเขาไฟหลายร้อยปี “ปราสาทพนมรุ้ง” พันปี และ “โมโตจีพี” ยุค 4.0 ทางด้านสุขภาพ “แนะจำกัดความเครียดแบบง่าย 7 วิธี” ส่วนข่าวดี ๆ วันที่ 28-30 กันยายน นี้ ททท.ภาคเหนือจัดมหกรรม North Festival-ตอนชา...จากดอยสู่กรุง” พบกันได้ที่บองมาเช่ กรุงเทพฯ แล้วลุ้นรับโชค 3 ชั้นตลอดงาน “แบล็คชการ์” จัดแฟชั่นการกุศล 29 ก.ย.นี้ ชวนร่วมซื้อเสื้อบริจาคเงินช่วยโรงพยาบาลรามาธิบดีฯ จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ “อนันตราสยาม กรุงเทพฯ” นำเชฟมือดีเปิดเทศกาลเมนูเจ เริ่มต้นจานละ 280 บาท และกระทรวงคมนาคมสั่ง 29 สนามบินต่างจังหวัดทำประกันภัย พร้อมยกเครื่องใหญ่สนามบินพิษณุโลก

@เที่ยวบุรีรัมย์มุมใหม่วิถีผ้าภูเขาไฟสู่พนมรุ้ง

จังหวัดเล็ก ๆ ในอีสาน “บุรีรัมย์” ที่พลิกผันมาเป็นเมืองรองท่องเที่ยว สร้างชื่อเสียงโด่งดังถึงแดนไกลในการดึงงาน “โมโตจีพี” การแข่งขันรถระดับโลกที่จะเริ่มขึ้นช่วงต้นเดือนตุลาคม นี้

อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอัตลักษณ์เฉพาะ ในเรื่องความโดดเด่นของ “ภูเขาไฟอังคาร” ที่ถูกนำมาเล่าเรื่องอยู่บนผืนผ้าพื้นเมืองในแบรนด์ “ผ้าภูอัคนี” เจ้าของรางวัลโปรดักซ์แชมเปี้ยน

วันนี้ชุมชน “บ้านเจริญสุข” แหล่งผลิตผ้าภูอัคนีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของบุรีรัมย์ ด้วยความเป็นสุดยอดภูมิปัญญาที่ปราชญ์ชาวบ้านได้นำดินภูเขาไฟเก่าแก่ซึ่งดับไปนานแล้วมาย้อมสีผ้า ตามความเชื่อของคนท้องถิ่นเกี่ยวกับ ภูเขาไฟอังคาร มีความศักดิ์สิทธิ์ หากได้นำมาผลิตอยู่บนผืนผ้าจำหน่ายจะสร้างความเป็นสิริมงคลแก่คนผุ้นั้น

นับเป็นภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์ซึ่งกลายเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว เมื่อไปถึงบุรีรัมย์ก็ต้องแวะไปเยี่ยมชมชาวบ้านเจริญสุข เพื่ออุดหนุนผ้าอัคนีจากดินภูเขาไฟอังคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นสีธรรมชาติ ส้ม แดง ตามสีของดินแห่งนี้

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อก็ต้อง “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง” แหล่งมหัศจรรย์ของแสงส่องลอดช่องปราสาทตรงกันในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เป็นปราสาทขอมสร้างในยุคพระเจ้าชัยวรมัน ในศาสนาฮินดูเปรียบเสมือนเป็นเขาไกรลาสของพระศิวะ ภายในปรสาทมีสถาปัตยกรรมงดงามน่าทึ่ง

แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่กำลังมาแรงต้องไปสัมผัสกลิ่นอายท้องถิ่นแท้ ๆ กันยัง “บ้านสนวนนอก” แหล่งเลี้ยงหม่อนไหมทอผ้าสวยงาม สนนราคาสูงไม่เบา ปัจจุบันชาวบ้านเปิดโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนร่วมเรียนรู้การใช้ชีวิตวิถีถิ่นอีสานได้เลย


@
คนส่วนใหญ่กำลังเผชิญความเครียดจากสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว จึงขอนแนะนำเคล็บลับง่าย ๆ ที่จะจัดการความเครียดโดยไม่ต้องพึ่งยาตามอาการ เช่น กินยาแก้ปวด ยานอนหลับ ยาผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้ต้องพึ่งยาอยู่ตลอดเวลา และมักจะต้องกินยาในขนาดหรือปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหยุดยาจะทำให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ลองทำ 7 วิธีดังนี้

1.ฝึกสมาธิ นั่งวิปัสสนาฝึกลมปราณ ฝึกโยคะ อาจทำให้จิตใจสงบลง การใช้ออกซิเจนน้อยลงร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น ไม่กระวนกระวาน


2.ฝึกการผ่อนคลาย เช่น นอนราบบนพื้น ฟังเพลงประเภทเบา ๆ เกร็งกล้ามเนื้อของใบหน้า เกร็งกล้ามเนื้อมือและเท้าให้แน่น ๆ แล้วปล่อยทันที



3.ใช้วิธีการป้อนกลับทางชีวภาพ เช่น อาศัยการบันทึกคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อข้างที่เกร็งเปรียบ-เทียบกับข้างที่ปกติ โดยให้เห็นภาวะคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อบนจอภาพหรือ ได้ยินเสียงของกล้ามเนื้อจากลำโพง หรือฝึกให้ลดเสียงเหล่านี้โดยการพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

4.การนวดทำให้กล้ามเนื้อและร่างกายคลายเครียดได้ โดยเฉพาะการนวดหน้าจะทำให้นอนหลับได้


5.การปรับอิริยาบถ ให้อยู่ในท่าที่กล้ามเนื้อไม่เกร็งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ในท่านั่ง ท่านอน หรือท่าทำงาน


6.การว่ายน้ำหรือลอยตัวอยู่ในน้ำ


7.การออกกำลังกายแบบซ้ำ ๆ เช่น รำมวยจีน ไทเก๊ก หว้ายตันกง เล่นยิมนาสติก เต้ารำจังหวะช้า รำไทย บัลเลย์ เป็นต้น

เมื่อเราไม่เครียด จิตใจจะสบาย สมองจะโปร่งใส ร่างกายแข็งแรงจะทำให้อะไรย่อมประสบความสำเร็จ ได้ตามที่คาดหวังไว้


ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “ททท.จัดNorth Festivalบองมาเช่28-30ก.ย.”
นางสมฤดี จิตรจง ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้จัดมหกรรม “North Festival ชา...จากยอดดอยสู่เมือง” ระหว่าง 28-30 กันยายน 2561 ณ บอง มาร์เช่ มาร์เก็ต ปาร์ค กรุงเทพฯ  นำเสนออัตลักษณ์เฉพาะในวิถีถิ่นภาคเหนือทุกรูปแบบ โดยบอกเล่าเรื่องราวผ่านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากฝีมือของชุมชน

ภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซน 44 บูธ ได้แก่
โซน Tea & Coffee พบกับชาและกาแฟ สุดยอดของดี จากเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ลำปาง

โซน Farm to table ชิมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพื่อสุขภาพของภาคเหนือ

โซน Art & Craft ชมและช้อปสินค้า แฮนด์เมดเหนือเก๋ ๆ ที่

โซน Workshop พบกับเจ้าของสวรรค์บนดิน จ.เชียงราย กูรูด้านชามาสอนเบลนด์ชาสูตรเฉพาะถึงกรุงเทพฯ พร้อมร่วมกิจกรรมเวิร์กช้อปสุดพิเศษทุกวัน แนะนำคนรักงานคราฟต์ต้องร่วมกิจกรรม เพ้นต์กระเป๋าผ้ารูปใบชา มัดย้อมเสื้อยืด ออกแบบเข็มกลัดเก๋ไก๋สไตล์ชนเผ่าเหนือ  เรียนทำสบู่ครามธรรมชาติ

โซน Information เปิดให้สอบถามข้อมูลเที่ยวเหนือทั้ง 17 จังหวัดและ รับของที่ระลึก และพบกับวงนั่งเล่นกับเพลงเหนือไพเราะฟังสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน

ตลอดงานยังได้จัดให้นักท่องเที่ยวที่เข้าชมงานลุ้นรับโชคถึง 3 ชั้น

 โชคชั้นที่ 1 กด Like .oเพจ Go North Thailand แล้วแชร์รูปเที่ยวงาน North Festival ชา...จากยอดดอยสู่เมือง พร้อม #northfestival #ชาจากยอดดอย สู่เมือง #gonorththailand รับทันทีถ้วยชาสุดเก๋

โชคชั้นที่ 2 เมื่อซื้อครบ 3,000 บาท รับฟรีถุงผ้าย้อม สีธรรมชาติ ลดโลกร้อน

โชคชั้นที่ 3 เมื่อซื้อครบ 5,000 บาท รับฟรีเสื้อยืดย้อมสีธรรมชาติไม่เหมือนใคร

ดูรายละเอียดเพิ่มที่ www.gonorththailand.com หรือสอบถามเพิ่มได้ที่ www.facebook.com/GoNorthThailand

ข่าวที่สอง “แบล็คชูการ์ร่วมแฟชั่นการกุศลช่วยรพ.รามาฯ”

นางเมธาวี อ่างทอง ดีไซเนอร์ เปิดเผยว่า บริษัท ธานิศร เอ.ฟอร์ม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ Black Sugar ขอเชิญชวนมาร่วมชมการจัดแฟชั่นการกุศล “Heart Fashion Campaign” วันที่ 29 กันยายน 2561 ณ อาคารสยาม ดิสคัพเวอรี่ (สยามภิวรรธน์) ชั้น 4 ห้อง มาย คิชเช่น เวลา 18.00-21.00 น. รวมทั้งร่วมบริจาคเงินและซื้อเสื้อยืด ที่จะมีจำหน่ายในงาน ตัวละ 450 บาท ชำระผ่านธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 174 0 21169 3 ชื่อบัญชี Heart Fashion Campaign

เพื่อนำเงินรายได้ไปสมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

งานนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และเชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขขะ ดาราศิลปิน พร้อมกับผู้มีชื่อเสียงจะมาร่วมกันเดินแฟชั่นบนแคทวอล์คการกุศลครั้งนี้ด้วย

ข่าวที่สาม “รร.อนันตราสยามจัดเมนูเจเริ่มจานละ280บาท”

โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดเทศกาลอาหารเจ ณ ห้องอาหารไทย สไปซ์ มาร์เก็ต ระหว่าง 8 – 17 ตุลาคม 2561 ปรุงโดย “เชฟวรินธร สัมฤทธิ์ผล” แม่ครัวอาหารไทยได้รังสรรค์หลากหลายอาหารเจสไตล์ไทย พิเศษต้อนรับเทศกาลกินเจปีนี้

เมนูแนะนำอาทิ ข้าวอบมะพร้าวอ่อน, ยำตะไคร้, แกงส้มเจ,เต้าหู้ฟูผัดพริกขิง, สะเต๊ะรวมเจ และอีกหลากหลายเมนูเจ ราคาเริ่มต้นจานละ 280 บาท ++ (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ)

ข่าวที่สี่ “สั่ง29สนามบินทย.ทำประกันภัย-ปรับใหญ่พิษ’โลก”

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ท่าอากาศยานภูมิภาคในสังกัดกรมท่าอากาศยาน (ทย.) 29 แห่ง เริ่มทำการประกันภัย เพื่อให้ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดเหตุต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และดำเนินการเพื่อให้มีใบอนุญาต หรือใบรับรองตามที่ กพท. กำหนด อาทิ ใบรับรองผู้จัดการสนามบินสาธารณะ

พร้อมกับให้นโยบายปีงบประมาณ 2562 จัดทำโครงการปรับปรุงสนามบินพิษณุโลก ทั้งระบบไฟทางวิ่ง ทางขับ การก่อสร้างจุดตรวจค้นรถยนต์บริเวณหน้าสนามบิน ก่อสร้างจุดตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ และปี 2563 เร่งก่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง

สำหรับสนามบินพิษณุโลกมีพื้นที่ 1,380 ไร่ ขนาดอาคารผู้โดยสาร 16,400 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ปีละ 2.4 ล้านคน ความยาวทางวิ่งขนาด 3,000 X 45 เมตร ลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยานแบบ โบอิ้ง 737 ได้ 5 ลำ ลานจอดรถยนต์ได้ 260 คัน

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0

จับตา!!ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว3เดือนแรกไม่ถึง10ล้านคน

  นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ได้แค่ 9.5 ล้านคน จับตา !! ต่างชาติเที่ยวไทยแผ่ว 3 เดือนแรกไม่ถึง 10 ล้านคน เม.ย.นี้ร...