ททท.รุกทำELEPHANT CARE TOURISMปี’63 งัดใช้3CนำเอกชนบุกITBป้องยุโรปแบนทัวร์ช้างไทย

ททท.รุกทำELEPHANT CARE TOURISMปี’63

งัดใช้3CนำเอกชนบุกITBป้องยุโรปแบนทัวร์ช้างไทย

อ่านทั้งหมดได้ในมติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/publicize/news_1945162
เรื่องโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #saveท่องเที่ยวช้างไทย #ทททELEPHANTCARETOURISM #Elephantjunglesantuarycampแม่วาง #ElephantPattaraFarmหางดง

นักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชียนิยมมาเที่ยวช้สงไทย ที่ Elephant Jungle Santaury Camp อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

ททท. ชูโปรเจ็กต์ “ELEPHANT CARE TOURISM” ปี’63 ลุยวาระช้าง สะกัดตลาดยุโรปจ่อแบนการท่องเที่ยวช้าง หัวใจสำคัญหล่อเลี้ยงทั้งคนและช้างทั่วไทยกว่า 250 แห่ง จับมือเครือข่ายพันธมิตร “กมธ.ท่องเที่ยว-แคมป์/ฟาร์มช้าง-ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย” ใช้กลยุทธ์ 3 C “สื่อสาร-เปิดอกคุย-ประนีประนอม” นำทีมบุกคุยใน ITB 2020 เบอร์ลิน ตลุยนำเอเย่นต์กับสื่ออินเตอร์ลงพื้นที่พิสูจน์ความจริง

ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์
รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 

นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2563 พร้อมจัดทำโครงการ “ช้างเพื่อการท่องเที่ยว” โดยจะชูทำโครงการ “ELEPHANT CARE TOURISM” นำเสนอการท่องเที่ยวที่ใส่ใจชีวิตของช้าง โดยเตรียมนำไปพูดคุยกันในเวทีระดับโลกงาน International Travel Brose : ITB 2020 ช่วงระหว่าง 4-8 มีนาคม 2563ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน หลังจากปี 2562 ได้นำผู้ประกอบการไปแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นกับนานาชาติในงาน World Travel Mart : WTM 2019 ณ เอ็กเซล ลอนดอน อังกฤษ มาแล้ว เป็นการเปิดช่องทางให้การท่องเที่ยวช้างเมืองไทยในมุมมองของตลาดยุโรปรับรู้สิ่งที่ถูกต้อง เพื่อลดผลกระทบทางการตลาดซึ่งรุนแรงมากขึ้นตามลำดับในการแบนหรือต่อต้านการท่องเที่ยวแพกเกจที่ใช้ช้างหรือสัตว์เพื่อการท่องเที่ยว

ล่าสุดเมื่อปลายปี 2562 ททท.ได้นำตัวแทนบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนอเมริกา แคนาดา ลงพื้นที่ตามแคมป์ช้างภูเก็ต กาญจนบุรี เชียงใหม่ ของไทย และกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จะนำสื่อมวลชนและเอกชนจากสวีเดน และยุโรปมาดูการท่องเที่ยวช้างตามพื้นที่ต่าง ๆ อีกครั้งเช่นกัน โดยเสร็จการสำรวจพื้นที่รับรู้ข้อมูลอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้วทัศนคติการยอมรับก่อนและหลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเอเย่นต์ที่เคยตัดโปรแกรมช้างออกไปจะขอกลับไปหารือฝ่ายบริหารเพื่อกลับมาทำแพกเกจขายตามความเหมาะสมอีกครั้ง

อีกทั้งขณะนี้ทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวแห่งอังกฤษ : The Association of British Travel Agents :ABTA ได้ออกกฎ 10 ข้อขึ้นมาควบคุมทั่วยุโรปมีกว่า 3,000 เอเย่นต์ รณรงค์ให้เลิกผลิตแพกเกจท่องเที่ยวช้างเมืองไทย ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม  2563 ยังจะผลักดันให้ออกกฎหมายรุนแรงถึงขั้นการท่องเที่ยวช้างอาจจะผิดกฎหมาย เบื้องต้นขณะนี้คือให้ไทย 1.ปล่อยช้างเข้าป่า 2. ห้ามใช้ขอบังคับช้าง รณรงค์ให้นักท่องเที่ยวอังกฤษและยุโรปเลิกซื้อแพกเกจทัวร์ช้างในไทย ส่วนเอ็นจีโอออกกฎเข้มกว่า ABTA ตอนนี้จึงกลายเป็นมีกฎเรื่องท่องเที่ยวช้างมากมายจนไม่รู้ว่าจะใช้กฎของหน่วยงานใด

นักท่องเที่ยวกำลังช่วยกันทำกิจกรรมตรวจสุขภาพช้างไทยในแคมป์ช้าง

ซึ่งมาจากเหตุผลความเข้าใจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือจากการรับรู้ข้อมูลจาก VDO ของบางกลุ่มที่นำภาพเก่า ๆ ด้านประเพณีการเลี้ยงช้างบ้านตามความเชื่อของท้องถิ่น อาทิ ผาจ้านหรือการให้ลูกช้างอย่านมแม่แล้วแยกตัวออกไปเข้าฝูงหาอาหารกินเอง หรืออีกหลายภาพที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตช้าง ภาพต่าง ๆ เหล่านี้ถูกนำไปตอกย้ำฉายซ้ำ ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่ตรงความเป็นจริง

ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าประเทศไทยนำช้างมามีส่วนร่วมดึงดูดคนเข้ามาท่องเที่ยวจากอดีตจนถึงขณะนี้ จึงถึงเวลาต้องเดินหน้าโครงการ ELEPHANT CARE TOURISM  อย่างจริงจัง เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลจริงเชิงรุกธุรกิจปางช้างภาคเหนือและภาคอื่น ๆ ให้ตลาดโลกเกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงความเป็นจริง ซึ่งปัจจุบันทั่วประเทศมีช้างเลี้ยงตามแคมป์ต่าง ๆ มีอยู่ราว 250 แห่ง ต้องดูแลวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของช้างกว่า 3,500 เชือก ต่างต้องพึ่งพา “รายได้หลักจากท่องเที่ยว” ทั้งเจ้าของแคมป์หรือฟาร์มหรือปางช้าง ชาวบ้านในชุมชนที่ปลูกพืชป้อนให้แคมป์ช้าง แรงงานท้องถิ่นทั้ง ควาญ เจ้าหน้าที่ทุกระดับ เรื่อยไปจนถึงแพทย์ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลุ่มขายของที่ระลึก ที่พัก มากมาย

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร  จ.ลำปาง นำชมการเลี้ยงช้างให้มีความสุข
ด้วยการปล่อยช้างออกหากินเป็นโขลงในพื้นที่ป่าใกล้ๆศูนย์ฯ พอตกเย็นหัวหน้าโขลงก็จะนำสมาชิกกลับเข้าแคมป์พักผ่อน

ททท.ตั้งปี 2563 เป้าขับเคลื่อนโครงการ ELEPHANT CARE TOURISM   ด้วยกลยุทธ์  3 C ประกอบด้วย 1.C -communication สื่อสารสร้างการรับรู้สู่สาธารณะให้มากที่สุด ต่อจากนี้เป็นต้นไปจะไม่ขอพูดเกี่ยวกับการขี่ช้างท่องเที่ยวผิดหรือถูก แต่จะให้นักท่องเที่ยวพิจารณาด้วยตนเอง ด้วยการให้ข้อมูลเชิงวิจัยจากข้อมูลของสัตวแพทย์ยืนยันเมื่อคนคลุกคลีด้วยช้างจะมีความสุข 2.Collaboration ชวนแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมานั่งขับเข่าคุยกันถึงทางออกที่เป็นไปได้ตามความเป็นจริงบนกติกาการอยู่ร่วมกัน 3.Compromisation ทำให้เกิดการยืดหยุ่น เพื่อให้แต่ละฝ่ายสามารถปฎิบัติได้อย่างถูกต้อง โดยไม่เดือดร้อน

นายนัทธี ถิ่นสาคู
รองประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวสภาผู้แทนราษฎร 

นายนัทธี ถิ่นสาคู รองประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการภาคเหนือและทางสมาคมเลี้ยวช้างภาคเหนือขอให้มาดู 1.สถานที่เลี้ยงช้าง 2.การบิดเบือนข้อมูลด้านการเลี้ยงช้าง 3.ขาดแคลนงบประมาณ จึงได้ลงพื้นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเจ้าของปางช้างในเชียงใหม่ และดูงานพร้อมกับคณะของ ททท. ที่ “ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย หรือสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนนครินทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.)” ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เพื่อเดินหน้าภารกิจหลัก ๆ คือ 1.จะปลุกจิตสำนึกให้ช้างเป็น มรดกของชาติ 2.ช้างเป็นทุกอย่างทั้งทางด้านวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และอื่น ๆ 3.ปัจจุบันมีการบิดเบือนภาพช้างไทย เบ่งเบนทำให้เกิดความน่าเกลียดน่ากลัวที่ไม่ใช่ความจริง 4.จะดูแลเรื่องงบประมาณอีกครั้งตามสภาพความเป็นจริง

โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวช้างถือเป็นหัวใจสำคัญทั้งเรื่องการทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์เรียนรู้วิถีชีวิตช้างไทยตามภูมิปัญญาพื้นบ้านอย่างถูกต้องด้วย

สำหรับการลงพื้นที่ดูวิถีชีวิตช้างในสถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ นั้นมีผลวิจัยยืนยันไทยเลี้ยงดูช้างดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงเสียชีวิต รวมทั้งช้าง ไทย 2 ใน 3 ของทั้งหมดราว 3,700 เชือก ใช้ชีวิตอยู่ในการท่องเที่ยว ตามธรรมชาติจะมีวิธีการเลี้ยงช้าง 3 แบบ ได้แก่ 1.สัมผัสโดยตรง free contract  ข้อดีเข้าถึงช้างได้ง่าย 2.No contract ห้ามสัมผัสช้าง 3.ก้ำกึ่งทั้งสัมผัสและไม่สัมผัสก็ได้ ซึ่งช้างเลี้ยงส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการสัมผัสและคลุกคลีอยู่กับคนจึงจะร่าเริงไม่เครียด ภายในสถาบันดูแลช้างประมาณ 110 เชือก มีสัตวแพทย์พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และทีมสัตวแพทย์อาสาบริการ 24 ชั่วโมงตามปางต่าง ๆ

นักท่องเที่ยวนานาชาติสนุกกับการทำกิจกรรมพาช้างเลี้ยงไปอาบน้ำทำความสะอาดตัวในลำธาร
ในแหล่งท่องเที่ยว Elephant Jungle Santaury Camp อ.แม่วาง จ.ลำปาง

รวมทั้งมีบริการท่องเที่ยวช้าง ประกอบด้วย 1.ดูแลช้างครึ่งวัน 2.ฝึกขี่ช้าง 1-2 วัน 3.เรียนรู้วิถีควาญช้าง 4.โปรแกรมฝึกควาญช้างระดับพื้นฐาน 6 วัน 5 คืน 5.หลักสูตรฝึกควาญช้างระดับเบื้องต้น 10 วัน 6.อาบน้ำช้าง 10 นาที 7.ส่งช้างกลับบ้าน โดยมีที่พักรองรับสไตล์รีสอร์ต 20 หลัง อาคาร 20 ห้อง โฮมสเตย์ 10 หลัง พักได้ 3-6 คน/หลัง

จากนั้น ททท.ได้นำทีมสื่อมวลชนไทยลงพื้นที่สำรวจการท่องเที่ยวช้างของเอกชน พื้นที่แรก “Elephant Jungle Sauntuary Camp” อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ มีเครือข่ายแคมป์ช้างกระจายอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวอีก 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต สมุย(สุราษฎร์ธานี) พัทยา (ชลบุรี)

นายภาเวส บัลลานี
 ผู้จัดการ Elephant Jungle Sauntuary Camp อ.แม่วาง จ.ลำปาง

“นายภาเวส บัลลานี” ผู้จัดการ Elephant Jungle Sauntuary Camp เล่าว่าดูแลบริการท่องเที่ยวช้างเลี้ยงมาหลายปี เฉพาะในพื้นที่แม่วางมีเครือข่ายแคมป์ช้างบริการอยู่ 7 แห่ง เน้นการพัฒนาเป็น “แหล่งเรียนรู้และบันเทิงด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ : Education & Entertainment Base on Eco Tourism” ในจังเกิลแซงชัวรี่มีช้าง 52 เชือก มีควาญเท่าจำนวนช้าง พนักงาน 150 คน เครือข่ายรถสองแถวขนส่งนักท่องเที่ยว 40 คัน โดยเน้นจ้างงานชาวปะกากะญอในพื้นที่เกือบ 100 % มีรายได้หมุนเวียนมาจุนเจือทั้งคนและช้างซึ่งช้างแต่ละเชือกกินอาหารประมาณ 10 % น้ำหนักตัว รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายของช้างเดือนละ 10,000 บาทขึ้นไป/เชือก ท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของแคมป์ช้างแห่งนี้ที่มีรายได้มาหล่อเลี้ยงทุกชีวิต

ลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตนเอง (F.I.T.) ยุโรป อเมริกา รวม 60 % ที่เหลือเป็นเอเชีย 40 % ส่วนใหญ่เป็นชาว ฮ่องกง ไต้หวัน เซี่ยงไฮ้ ซื้อแพกเกจทางออนไลน์มีให้เลือก 3 แบบ 1.แพกเกจครึ่งวัน 1,700 บาท/คน 2.แพกเกจเต็มวัน 2,400 บาท/คน 3.แพกเกจ 2 วัน 1 คืน 3,500 บาท/คน พิเศษตรงได้ร่วมเส้นทางเดินเลี้ยงช้างครึ่งวัน ควบคู่กับการณรงค์ให้ความรู้พฤติกรรมช้างอย่างถูกต้อง และให้เที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ทิ้งขยะ และอื่น ๆ รวมถึงมีกิจกรรมซีเอสอาร์ เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไปจะเพิ่มกิจกรรมปลูกหญ้าที่ช้างกิน การทำภาชนะจากขี้ช้างเพื่อนำไปเป็นกระถางเพาะกล้าไม้ปลูกเพิ่มในป่าตามเส้นทางช้าง


“นายธีรภัทร ตรังปราการ” เจ้าของ “ภัทร เอเลเฟ่น ฟาร์ม” อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และนายกสมาคมสมาพันธุ์ช้างไทย กล่าวว่า เป็นพื้นที่แรกที่ใช้ชื่อฟาร์มมีบทบาท คัด-รักษา-ขยายพันธุ์ช้าง ในรอบ 17 ปีสามารถทำคลอดช้างได้แล้ว 14 เชือก ปล่อยสู่ป่าไป 7 เชือก วางนโยบายพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวช้างในลักษณะ Elephant Health Care Base Tourism จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวช้างไว้วันละ 45 คน เพื่อเข้ามาทำกิจกรรม ทำความคุ้นเคยกับช้าง ตรวจสุขภาพช้าง ให้อาหารช้าง โดยมีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานที่เน้นนำงานวิจัยครบวงจรเข้ามาดูแลวิถีชีวิตช้าง พร้อมกับให้ความรู้นักท่องเที่ยว

เดือนกุมภาพันธ์นี้เตรียมต้อนรับสื่อและเอเย่นต์จากสวีเดนและยุโรปที่ ททท.จะพาลงพื้นที่ทำกิจกรรม จากนั้นจะไปร่วมงาน ITB 2020 เบอร์ลิน เพื่อนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยวช้างในตลาดยุโรปอย่างถูกต้อง เพื่อรณรงค์และป้องกันการแบนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันทางสมาคมสมาพันธุ์ช้างไทยมีสมาชิก 14 ปางช้าง ดูแลช้างเพื่อการท่องเที่ยวกว่า 500 เชือก มีองค์ความรู้และแนวทางการเลี้ยงที่ดีมีคุณภาพ

ทั้งนี้หลังเกิดโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 จนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นโรคระบาดก็ทำให้ทาง เอเลเฟ่น จังเกิล แซงชัวรี่ แคมป์นักท่องเที่ยวยุโรปและทวีปไกลยกเลิกไปประมาณ 15 % เช่นเดียวกับทาง ภัทร เอเลเฟ่น ฟาร์ม ก็มีนักท่องเที่ยวลดลงด้วยเช่นกัน