ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้นำททท.ลุยแผนครึ่งปีหลังดันเที่ยวไทยเพิ่มวันพักพุ่ง30% กระตุ้นตลาดในประเทศเฮออกเที่ยวร่วมฟื้นเศรษฐกิจชาติ

 

ผู้นำททท.ลุยแผนครึ่งปีหลังดันเที่ยวไทยเพิ่มวันพักพุ่ง30%

กระตุ้นตลาดในประเทศเฮออกเที่ยวร่วมฟื้นเศรษฐกิจชาติ

พูลแมนคิงเพาเวอร์อัดโปรวันแม่ลดแรง30%แจกแรงตั๋วฟรี

มหานครสกายวอล์ค”บูมเล่นโยคะลอยฟ้า-พาแม่เที่ยวฟรี

ททท.ดึง”เวียร์-เบลล่า”เล่นหนังโฆษณาฟื้นเที่ยวไทยปี63

ททท.อีสานนำร่องบูมเที่ยว16ชุมชนปั๊มเศรษฐกิจฐานราก

ททท.ระยองกอดคอเอกชนจัดเต็มสิงหารับ3กิจกรรมใหญ่

บางจากมอบผลิตภัณฑ์ให้ผู้พิการโครงการAPCD 60+Plus

TCEBดึง20บริษัทจัดไมซ์เทรดโชว์ออนไลน์IT&CM China

คิดแล้วไปให้ถึง@นครนายก-ปราจีนเช็คอินทัวร์หน้าฝน10จุด

กรมอนามัยเตือนเราไม่ควรกิน“ผลไม้รสเปรี้ยว”ตอนท้องว่าง

ทอท.ชี้แจงชัดเจนมติบอร์ดเยียวยาเอกชน+กลุ่มคิงเพาเวอร์

ซีอีโอไทยแอร์เอเชียเปิดแผนกู้วิกฤตโลว์คอสต์ผงาดใหม่ปี64

 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋   

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ช่วงที่ 1 ถอดรหัสท่องเที่ยวกับ “ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณดีโรงแรมยอดพักแตะ 30 % ภาคตะวันออก ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ ฟื้นเร็ว เตรียมถอดบทเรียน “โควิด” เดินหน้าลุยปลุกกำลังซื้อทั่วไทยมุมใหม่ ชวนกันออกมาช่วยชาติฟื้นเศรษฐกิจ ต้นปีงบประมาณ 64 เริ่ม ตุลาคม 63 นี้ ขับเคลื่อน 2 เฟส “ปลายปีเพิ่มวันพักค้างคืน-ต้นปีหน้าเพิ่มรายได้” เป้าปี 64 ทำเป็นช่วง 6.75 แสนล้าน - 1.53 ล้านล้านบาท ตอนนี้งัดโฆษณาสองศิลปินแพคคู่ “เวียร์-เบลล่า” ปั๊มยอด ต่อยอดปั้นสุดยอดหมู่บ้านชนบทแจ้งเกิดรับวิถีใหม่ และทวีความเข้มข้นท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและรับผิดชอบ

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศหลังต้องต่อสู้กับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ช่วงครึ่งปีแรกต้องหยุดการเดินทาง หยุดเคลื่อนย้ายคนจำนวนมาก ส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วการเดินทางเพิ่งจะเริ่มกลับมาหลังรัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนคลายให้ทยอยเดินทางได้ โดยผู้ประกอบการห้องพักโรงแรม 5 ภูมิภาค ก็ทยอยเปิดบริการเริ่มเมื่อ 1 กรกฎาคม 2563 ผ่านมาเดือนเศษ รัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนเงินกู้กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการจัด 2 แคมเปญหลัก ได้แก่ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “กำลังใจ” ให้นักท่องเที่ยวจองได้ตั้งแต่ 16 กรกฎาคม นี้ แล้วออกเดินทางได้ตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา

จากการสอบถามข้อมูลจากทางสมาคมโรงแรมไทยได้รับการยืนยันว่าจากเดิมเมื่อช่วงต้นปี 2563 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupacy Rate :OR) 0-5 % ตอนนี้ขยับขึ้นมาเป็น 15-20 % แนวโน้มสิงหาคม-กันยายน นี้ ก็น่าจะมีอัตราเข้าพักแตะ 20-30 % ททท.ต้องการเห็นการเติบโต แต่ปัจจุบันมีโรงแรมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเพียง 50 % โดยมีโรงแรมที่ยังไม่ได้เปิดเพราะตลาดหลักเคยเป็นต่างชาติ เมื่อไม่มีคนจากนานาชาติเข้ามาจึงยังต้องรอเวลาอีกสักพัก โดยยังคงพอจะพึ่งพานักท่องเที่ยวไทยที่มีกำลังซื้ออยู่บ้าง

 

สถิติการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวในประเทศขณะนี้ ประเมินจากตัวเลขการจองห้องพักผ่านแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” จะพบการจองโรงแรมที่พักรัศมีไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อย่าง พัทยา ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนระยะไกลคือ ภูเก็ต กระบี่ แต่ยังไม่ค่อยมีการจองพักโซนภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนวโน้มหลังสถานการณ์โควิด-19 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอาจจะหันมา 1.ท่องเที่ยวระยะใกล้กรุงเทพฯ 2.ลดจำนวนวันพักค้างคืนแต่ละทริปลง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ททท.จะต้องหันมาปรับยุทธศาสตร์เพิ่มวันพักค้างคืนให้มากขึ้น

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่าในช่วงโค้งสุดท้าย 3 เดือนสุดท้ายปลายปีนี้ ซึ่งจะเข้าสู่ปีงบประมาณ 2564 ตั้งแต่ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ททท.ก็จะต้องทำ 1.ถอดบทเรียนสถานการณ์โควิด-19 แล้วมาสร้างอนาคตทางการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความปลอดภัยและความยั่งยืน เพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ 2.หากลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน คงจะต้องรอนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเข้ามาท่องเที่ยวไทยได้เมื่อไร ทางภาครัฐและเอกชนก็ต้องสร้างความมั่นใจให้คนไทยในประเทศควบคู่กันไปด้วย หากนำต่างชาติเข้ามาแล้วจะไม่เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีกครั้ง

ดังนั้น ททท.จึงแบ่งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายโดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส ได้แก่

 

เฟสที่ 1 ช่วงตั้งแต่กรกฎาคม-ธันวาคม นี้ เน้นการฟื้นฟูกำลังซื้อตลาดในประเทศ โดยเพิ่มความถี่การเดินทาง วันพักค้างคืน อย่างเข้มข้นโดยใช้หลายกิจกรรมกระตุ้นตามมาตรการต่าง ๆ

เจาะเข้าไปยังกลุ่มที่มีคุณภาพและศักยภาพที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น ตามนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อย่างชัดเจนอีก 2 กลุ่ม คือ คนไทยที่เคยท่องเที่ยวต่างประเทศ (outbound) กับกลุ่มชาวต่างชาติพำนักอยู่ในไทย (Expat) ซึ่งมีรวมกันแล้วไม่ต่ำ 2 ล้านคน เพื่อช่วยภาคเอกชนเพิ่มอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศให้ขยับขึ้นมาเป็น 30 %

 

เฟสที่ 2 ตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นไป เน้นเพิ่มรายได้  ซึ่งจะต้องทำควบคู่กัน กระตุ้นทั้งตลาดในประเทศ และรอดูสถานการณ์ตลาดต่างประเทศจะมีสัญญาณการเดินทางเข้ามาได้มากน้อยขนาดไหนบ้าง

โดยมีสัญญาณที่ดีจากแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ขณะนี้มีคนสนใจลงทะเบียนแล้วถึง 4.75 ล้านคน สำเร็จแล้ว 4.5 ล้านคน ส่วนที่ยังไม่สำเร็จก็พยายามลงต่อไปได้ ภายในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังเปิดให้จองตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2563 ถึงขณะนี้ โรงแรมทั่วประเทศมียอดจองห้องพักกว่า 3.82 แสนห้อง พร้อมจ่ยเงินแล้วกว่า 3.7 แสนห้อง  เช็คอินเข้าใช้บริการแล้วกว่า 8.5 หมื่นห้อง ถือได้ว่าความสนใจสูงมากแตกต่างจากช่วงแรกแทบจะไม่มียอดจอง ถือเป็นสัญญาณฟื้นตัวที่ดี

ส่วนแคมเปญ “กำลังใจ” บริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยวเริ่มพาอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัคร (ออส.) และบุคลากรโรงพยาบาลประจำตำบล (รพ.สต.) ออกเดินทางแล้วเช่นกัน เริ่ม 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ทั้ง 2 แคมเปญดังกล่าวจะช่วยสร้างโมเมนตั้มทางเศรษฐกิจ ซึ่งตกลงไปเหลือเกือบ 0 % นับจากนี้รายได้ท่องเที่ยวจะเริ่มผงกหัวขึ้นได้ กราฟที่เคยเป็นรูปตัวแอล (L) จะกลายเป็นรูปยู (U) ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้

เป้าหมายของทั้ง 2 แคมเปญ ที่รัฐบาลใช้เงินกู้ 2.24 หมื่นล้านบาท ใส่ลงไป ก็เพื่อหวังจะให้เกิดเม็ดเงินตัวคูณหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 3 เท่า ไม่เฉพาะกำลังใจกลุ่ม อสม., อสส. , รพ.สต.แต่จะเป็นกำลังใจแก่ผู้ประกอบการที่ประสบความเดือดร้อน และการพยุงประคองก้าวพ้นวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญกว่าเม็ดเงินที่จะเกิดขึ้น

 

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2564 ททท.ตั้งเป้ารายได้โดยไม่ได้เน้นการเพิ่มสูงขึ้นไปอีก เพราะฐานปี 2563 ช่วงโควิด-19 รายได้ท่องเที่ยวรวมติดลบต่ำกว่าปี 2562 ประมาณ 75-80 % ดังนั้นจึงทำเป็น Synerio ไว้ในปี 2564 รายได้จากการท่องเที่ยวรวมจะได้ประมาณ 6.757 แสนล้านบาท -1.530 ล้านล้านบาท ส่วนจะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ ปัจจัยที่ 2 สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศ เพราะหลายประเทศที่เคยส่งนักท่องเที่ยวมาไทยทั้ง จีน อาเซียน ยุโรป ก็ยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ จึงส่งผลต่อการจะพิจารณานำนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย ปัจจัยที่ 3 ความพร้อมของผู้ประกอบการ ที่ผ่านมา ททท.ได้เตรียมความพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขไฮไลต์โครงการ Amazing Thailand Safty & Health Administration : SHA ขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่หลังจากนี้จะต้องเพิ่มเรื่องความคงอยู่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ต้องช่วยกันประคับประคองให้มีสภาพคล่องและการจ้างงานต่อไป ปัจจัยเหล่านี้ต้องวางแผนช่วยกันคิด เพราะทุกปัจจัยจะมีผลต่อรายได้ท่องเที่ยวปีหน้าทั้งหมดนั่นเอง

 

ล่าสุด ททท.ลงทุนนำศิลปินดัง “เวียร์-สกุลวัฒน์ กับ เบลล่า-ราณี” มาเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาการท่องเที่ยวในชื่อชุด “Mini Story” ความยาว 6 นาที ขานรับโครงการ “คิดแล้ว...ไปให้ถึง” ต่อเนื่องจากตอนแรกทำโครงการ “คิดถึง” ช่วงที่ไม่สามารถเดินทางจึงต้องย้ำให้คนไทยและนานาชาติยังคงรับรู้สถานการณ์ท่องเที่ยวไทย  แต่พอรัฐบาลมีมาตรการปลดล็อกดาวน์แหล่งท่องเที่ยวเลิกควบคุมการเดินทางเพื่อเป็นกลไกฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 

เมื่อได้ดาราคู่ขวัญของคนไทยมาถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาท่องเที่ยวก็จะยิ่งกระตุ้นให้คนไทยอยากออกมาเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะเวียร์มีไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวอยู่แล้ว เหมาะกับกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ และสตรี เริ่มออกมาเดินทางใหม่อีกครั้ง

 

เส้นทางที่นำเสนออยู่ในภาพยนตร์โฆษณา ก็มีความหลากหลายอย่างเช่น จันทบุรี จุดหมายปลายทางพักผ่อนไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันก็มีท่องเที่ยวระยะไกล สะพานสวย ๆ ของ “ทะเลน้อย” จังหวัดพัทลุง แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้กระจายอยู่สามารถเลือกท่องเที่ยวได้ตามความชอบของแต่ละกลุ่ม เพราะหลังโควิดธรรมชาติฟื้นตัว สัตว์ต่าง ๆ กลับมาอาศัยอยู่ จึงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการออกเดินทางท่องเที่ยว ประการสำคัญตอนนี้จำนวนคนยังไม่หนาแน่นหรือแออัดจนเกินไป

 

กลยุทธ์การสร้างอารมณ์ความรู้สึกร่วมเพื่อให้คนในประเทศออกมาเดินทางเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี 2563 ททท.จะเดินตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ รมว.พิพัฒน์ รัชกิจประการ กระตุ้นการท่องเที่ยววันธรรมดา เพราะคุณค่าการเที่ยววันธรรมดาตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวได้อย่างมีมากกว่า เพราะรัฐมนตรีตั้งคำถามว่าคุณรู้จักการท่องเที่ยวเมืองไทยดีหรือยัง นั่นสะท้อนถึงยังคงมีอีกหลายมุมมอง หลายพื้นที่ หลายแหล่งท่องเที่ยว ที่คนไทยอาจจะยังไม่รู้จัก หรือรู้จักเมื่อ 10-20 ปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้อาจเลือนหายไป

 

ดังนั้น ททท.จะนำเส้นทางเหล่านี้ กลับมานำเสนอใหม่ เพื่อทำเป็น “เส้นทางแนะนำ” หรือโปรแกรมตัวอย่างการเดินทางท่องเที่ยว รวมทั้งการสร้างกระแสและค่านิยมปลุกคนไทยหันมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากกว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ

 

สำหรับการกระตุ้น “การท่องเที่ยวชุมชน” ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ชุมชนแทบจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีการบริหารจัดการที่ดี จากนี้เป็นต้นไปชุมชนจึงน่าจะเป็น “จุดขายตอบโจทย์การท่องเที่ยววิถีใหม่” จากการสอบถามซีอีโอ AirBNB ระบุเทรนด์ท่องเที่ยวใหม่นักท่องเที่ยวมองหาแหล่งท่องเที่ยวไม่แออัด ซึ่งอาจจะหลีกหนีการเดินทางตามเมืองใหญ่ไปสู่วิถีชนบทเพิ่มขึ้น

 

โอกาสนี้ “การท่องเที่ยวชุมชนและชนบท” จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองความต้องการไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยขนาดไหน ททท.จึงพร้อมจับมือกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) และกรมท่องเที่ยว เข้าไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ให้กลายเป็นแม่เหล็กสำคัญหลังสถานการณ์โควิด-19

 

ขณะนี้ ททท.ได้จัดทำโครงการประกวด “สุดยอดหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนและชนบท” เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ก่อนหน้านี้เคยทำ Go Local มาแล้ว ฉนั้นโครงการต่อเนื่องอาจจะทำเป็น Go Rural ขยายผลได้อีก ทำเป็นแม่เหล็กใหม่เพราะท่องเที่ยวชนบทจะสามารถช่วยกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ภายในวันที่ 27 กันยายน 2563 จะได้รายชื่อสุดยอดหมู่บ้านชนบทครั้งแรกของประเทศไทยขึ้นมา ก็น่าจะกลายเป็นสินค้ากระตุ้นต่อมอยากเดินทางออกเที่ยวเมืองไทยกัน

 

รวมถึงการผนวกส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ จากการพูดคุยกับเอกชนถึงหลังโควิด-19 แล้วจะต้องศึกษาบทเรียน เคยเจอปัญหาการท่องเที่ยวไม่ปลอดภัย และผลเชิงลบของท่องเที่ยวทำลายสิ่งแวดล้อม ททท.และพันธมิตรจึงอยากจะวาดภาพเชิงบวกให้ “อนาคตของการท่องเที่ยวไทยอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยและยั่งยืน” โดยใช้คำว่า Safe and Sustainable Feature ฉนั้นจึงต้องหากลยุทธ์จะทำอย่างไรเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้เกิดความมั่นคง ปลอดภัย หรือ Safty & Security มากขึ้น ด้วยความพยายามนำระบบมาตรฐานสาธารณสุขเข้ามาเพื่อให้นักเดินทางทุกกลุ่มมั่นใจเมื่ออยู่ในประเทศไทย

 

ขณะเดียวกันเมื่อธรรมชาติฟื้นตัวกลับมา ทุกคนควรช่วยกันรักษาไว้ให้อยู่ได้นาน ๆ การสร้างแนวร่วม พันธมิตร เข้ามามีส่วนร่วมดูแลรักษาจุดขายเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติของไทย รักษาสมดุลในมิติเศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม ใช้แนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบเป็นแกนหลักจุดเน้นสำคัญหลังโควิด-19

ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ ทิ้งท้ายว่าขอให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวกันมาก ๆ ที่ผ่านมาทุกคนร่วมมือกันเป็นอย่างดีมากทำให้ประเทศปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 มีชื่อเสียง ต่อจากนี้ควรร่วมมือกันหันมาเปลี่ยนไปสู่อีกโหมดนั่นคือ “ออกมาช่วยกันท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ” วิธีทำง่ายสุดคือออกมาเที่ยว ตามที่รัฐบาลทำแคมเปญรองรับเฟส 1 แล้ว อนาคต รมว.พิพัฒน์ รัชกิจประการ นำเสนอแนวคิดให้ขยายเฟส 2 แล้วก็ขอให้วางแผนท่องเที่ยวไว้เลยว่าปลายปีนี้จะไปท่องเที่ยวที่ใด คิดแล้ว...ไปให้ถึง เมืองไทยสวยทุกที่ ท่องเที่ยวได้ทุกเวลา

 

ข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 พูลแมนคิงเพาเวอร์อัดโปรวันแม่ลดแรง30%แจกแรงตั๋วฟรี

               

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ แนะนำให้มาร่วมส่งมอบความสุขกับคุณแม่สุดที่รักด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษกับ โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์วันแม่ ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์  ในวันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563 ด้วยอาหารทะเลสดใหม่เสิร์ฟบนน้ำแข็ง อาทิ ปูอลาสก้า หอยนางรม 3 ชนิด ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และกุ้งแดง พร้อมหลากเมนูอาหารนานาชาติ อาทิ พิซซ่าโฮมเมดอบร้อน ๆ จากเตา พาสต้า ติ่มซำ ซูชิ ซุป สลัดออร์แกนิค อาหารไทย และเมนูของหวานอีกมากมาย มื้อสาย ๆ หรือบรันช์ ช่วง 12.00 น. – 15.00 น. จองออนไลน์รับส่วนลดทันที 30% ผู้ใหญ่เหลือคนละ 1,680 บาท จากปกติ 2,400 บาท พร้อมเครื่องดื่มไม่อั้น  คุณแม่รับ ฟรี ‘Rose Cake’ พร้อมตั๋วขึ้นชมจุดชมวิว 2 ใบ ที่มหานคร สกายวอล์ค/ต่อบิลเท่านั้น

 

                สิทธิประโยชน์พิเศษ 1.จองออนไลน์ สมาชิกคิง เพาเวอร์ และแอคคอร์ พลัส รับส่วนลด 30% หรือจ่ายเพียง 1,680 บาทสุทธิ/คน 2.เด็กอายุ 0-5 ปีรับประทานอาหารฟรี 3.เด็กอายุ 6-11 ปีได้รับส่วนลด 50% จากราคาเต็ม

 

บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและบาร์บีคิว ละลานตาด้วย อาหารทะเลสดใหม่บนน้ำแข็ง อาทิ ปูอลาสก้า กุ้งแดง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กั้ง หอยนางรม 3 ชนิดและหอยหวาน และบาร์บีคิวพรีเมี่ยมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ รวมทั้ง อาทิ เนื้อโทมาฮอว์คจากออสเตรเลีย เนื้ออาร์เจนติเนียน และกุ้งแม่น้ำ ครบครันไปด้วยอาหารนานาชาติและของหวาน ที่มอบให้ทุกครอบครัวอย่าอลังการ

 

ข่าวที่ 2 มหานครสกายวอล์ค”บูมเล่นโยคะ-พาแม่เที่ยวฟรี

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนร่วมกิจกรรมในเดือนสำคัญวันแม่ “สิงหาคม 2563 ได้ที่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” จัดให้ร่วมเติมเต็มความสุขท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของกรุงเทพมหานครพร้อมทิวทัศน์แบบ 360 องศา ณ มหานคร สกายวอล์ค ชั้น 78 กับไฮไลต์ 2 กิจกรรม เด่น ๆ ต้อนรับสิงหาคม นี้

 

กิจกรรมแรก “Yoga in the Sky” ตอบสนองความต้องการของผู้รักสุขภาพชื่นชอบการออกำลัง มาเปิดประสบการณ์ใหม่ในการฝึกโยคะคลาสโยคะบนสถานที่สูงที่สุดเหนือกรุงเทพฯ โดยมี ครูแนน วริษา สุทธิกุลพานิช ครูฝึกสอนโยคะชื่อดัง เจ้าของหนังสือ Yoga for Runners ที่ได้รับการรับรองโดย Yoga Alliance International มาเป็นผู้นำคลาส

ผู้ที่มีใจรักโยคะแล้วสมัครเข้าร่วมกิจกรรมจะได้ร่วมสร้างประสบการณ์กับเหล่าดารา เซเลปบริตี้ชื่อดัง ตอบรับเข้าร่วมกว่า 60 คน  โทรสอบถามได้ที่ 02-677-8721

           

กิจกรรมที่ 2 พาคุณเเม่เที่ยวฟรี...ในโอกาสสำคัญ 12 สิงหาคม 2563 ที่ มหานคร สกายวอล์ค ชั้น 78 พาคุณแม่เข้าร่วมประสบการณ์ชมวิวชั้นดาดฟ้าที่สูงที่สุดของเมืองไทย  รีบจองได้ตั้งแต่บัดนี้เพราะโปรโมชั่น “พาคุณแม่เที่ยวฟรี พร้อมอาหารและเครื่องดื่มม็อกเทลราคาพิเศษนั้นให้สิทธิเฉพาะวันที่ 12 สิงหาคม 2563 เท่านั้น

 

ซึ่งทาง “มหานคร แบงค็อก สกายบาร์” ห้องอาหารและบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับคุณแม่เป็นเมนูของว่าง “Mother's Love” ราคาเพียงคนละ 350++ บาท พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มม็อกเทล “First Love” ราคาเพียง 290++ บาท  ท่ามกลางเสียงเพลงไพเราะจากวงดนตรีมูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะมาขับกล่อมเพลงสุดอมตะมากมาย อาทิ ขอให้เหมือนเดิม จำได้ไหม พรานล่อเนื้อ พรหมลิขิต สุขกันเถอะเรา ระหว่าง 12:00 - 14:00 น. และ 18:00 - 20:00 น. โทรจองที่นั่งล่วงหน้าได้มหานคร แบงค็อก สกายบาร์ หมายเลข 02-677-8722 หรือ www.mahanakhonbangkokskybar.com

 

นักท่องเที่ยวที่จะพาครอบครัวมาร่วม “พาแม่เที่ยวฟรี...ที่มหานคร สกายวอล์ค” เพียงทำตามกติกาง่าย 1.แสดงบัตรประจำตัวประชาชนของคุณแม่และลูก หรือสำเนาสูจิบัตรเพื่อยืนยันและรับสิทธิ์ ณ จุดจำหน่ายบัตรเข้าชม 2.ให้สิทธิ์คุณแม่ทุกครอบครัวขึ้นไปชมบนชั้น สกาย วอล์ค ฟรี เมื่อคนในครอบครัวซื้อบัตรอย่างน้อย 1 ใบ ตามปกติจะจำหน่าย บัตรผู้ใหญ่ เด็ก หรือผู้สูงอายุ ราคาแตกต่างกันไป

 

สำหรับ มหานคร สกาย วอล์ค จุดชมวิวกรุงเทพมหานครที่สวยสุดในเมืองไทย บนชั้นดาดฟ้าอาคาร คิง เพาเวอร์ มหานคร เปิดให้บริการทุกวันระหว่าง 10.00- 00:00 น. สามารถชมรอบสุดท้ายช่วงเวลา 23.00 น.

 

ข่าวที่ 3 ททท.ดึง”เวียร์-เบลล่า”โชว์หนังโฆษณาฟื้นเที่ยวไทยปี’63

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้ลงทุนจัดทำแคมเปญโฆษณา ททท. ชวนเที่ยวไทย โดยได้เลือกศิลปินแพ็กคู่ “เวียร์–เบลล่า” เป็นพรีเซ็นเตอร์ในโครงการ “คิด...แล้วไปให้ถึง” ปลุกกระแสไทยเที่ยวไทย ฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยได้ผลิตสื่อผ่านโฆษณา และ Mini Story “คิดแล้วไปให้ถึง” ตั้งเป้าสร้างแรงจูงใจให้คนออกเดินทาง ทำให้ไทยเที่ยวไทยตลอดปี2563 มีจำนวนรวม 68 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ 4 แสนล้านบาท

 

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า วางแนวทางสื่อสารดารตลาดใน ลักษณะแบบบูรณาการ (Integrated Marketing Communication) ผ่านการนำเสนอผลงานโฆษณารูปแบบต่างๆ พร้อมใช้ช่องทางการสื่อสารการตลาดแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ประกอบด้วย ภาพยนตร์ 1.โฆษณาชุด “คิดแล้วไปให้ถึง” ความยาว 60 วินาที Cutdown 30 วินาที 2. “Mini Story คิดแล้วไปให้ถึง” ความยาว 6 นาที เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์คู่ขวัญ ที่รักการเดินทางท่องเที่ยวแห่งปี "เวียร์ ศุกลวัฒน์-เบลล่า ราณี" พร้อมร้องเพลงประกอบโฆษณา เพลงคิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ โดย เวียร์ ศุกลวัฒน์

 

แคมเปญนี้ศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยทั้ง 2 คน จะมาชวนคนไทยทุกคนออกเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง นำเสนอผ่าน FaceBook Fanpage : “Amazing ไทยเท่” กำกับภาพยนตร์โดย นายชยนพ บุญประกอบ (หมู) ผู้กำกับชื่อดังจากเมย์ไหนไฟแรงเฟร่อ, พรจากฟ้า, Friend Zone ระวัง...สิ้นสุด ทางเพื่อน

อีกทั้งยังจะจัดกิจกรรม One day Trip with Weir รับสมัครผู้โชคดีที่เข้าร่วมกิจกรรมผ่าน FaceBook Fanpage: “Amazing ไทยเท่”

 

ดังนั้น ททท.จึงขอให้นักท่องเที่ยวติดตามเพิ่มเติมได้ที่ FaceBook Fanpage: “Amazing ไทยเท่” อย่าให้ความคิดถึงเป็นแค่ความรู้สึก...คิดถึงเมืองไทย “คิด...แล้วไปให้ถึง” ออกมาเที่ยวเมืองไทย วันนี้มีความสวยงามทางธรรมชาติและวิถีใหม่ ๆ ให้ค้นหาประสบการณ์วิถีใหม่ New Normal ได้ทุกที่ ทุกเวลา

 

ข่าวที่ 4 ททท.อีสานนำร่องท่องเที่ยว16ชุมชนไทยเท่ดันเศรษฐกิจฟื้น

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายงานว่า ช่วงสิงหาคมนี้ได้เดินหน้าโครงการ“เล่าเรื่องภูมิใจ ชุมชนไทย ชุมชนเท่” ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากโดยเน้นไฮไลต์การนำเสนอขายการท่องเที่ยว 16 ชุมชน

ซึ่งมีจุดแข็งที่ดึงดูดความสนใจทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต

 

นำร่องทำ 16 ชุมชนตัวอย่าง โครงการ “เล่าเรื่องภูมิใจ ชุมชนไทย ชุมชนเท่” ได้แก่ 1.ชุมชนเขมราฐ อุบลราชธานี 2.ชุมชนบ้านสวาย สุรินทร์ ในนครราชสีมา 2 ชุมชนคือ 3.ชุมชนบ้านบุไทร นครราชสีมา 4.ชุมชนด่านเกวียน ในบุรีรัมย์ 3 ชุมชน คือ 5.บ้านสนวนนอก 6.ชุมชนบ้านโคกเมือง 7.ชุมชนบ้านเจริญสุข ในจังหวัดเลย 2 ชุมชน คือ 8.ชุมชนบ้านกกสะทอน 9.ชุมชนบ้านผาหวาย (ภูป่าเปาะ)

 

10.ชุมชนบ้านเซินเหนือ ขอนแก่น 11.ชุมชนบ้านบุ่งสิบสี่ ชัยภูมิ 12.ชุมชนบ้านนาถ่อน นครพนม 13.ชุมชนบ้านเสมา กาฬสินธุ์ 14.ชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่ บึงกาฬ 15.ชุมชนบ้านเดื่อ หนองคาย 16.ชุมชนบ้านเชียง อุดรธานี

 

ทุก ๆ ชุมชนตัวอย่างต่างก็มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง รวมทั้งตอนนี้พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทย และต่างชาติในอนาคตต่อไป ขณะนี้แต่ละชุมชนได้จัดทำมาตรการรองรับเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี

 

ข่าวที่ 5 ททท.ระยองกอดคอเอกชนจัดเต็มสิงหาฯต้อนรับ3กิจกรรมใหญ่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง​ รายงานว่า ช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ระยองมีโอกาสต้อนรับกิจกรรมสำคัญ 3 งาน ประกอบด้วย งานแรก ททท.ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวระยอง จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาการขายท่องเที่ยวในรูปแบบ “Table Top Sale” ข้ามภาค เชิญชวนนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำผู้ประกอบ​การนำเที่ยวจาก 20 จังหวัด เข้ามาส่งเสริมการขาย​ท่องเที่ยว  ระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 2563 ที่โรงแรม samed Grand View Resort  เพื่อสร้างโอกาสทางการขายและประชาสัมพันธ์บริการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการระยองกระตุ้นตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามาสัมผัสประสบการณ์เที่ยวทะเลอ่าวไทยแถบนี้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าตลอดปลายปี 2563 จะมีนักท่องเที่ยวข้ามจากพื้นที่ดังกล่าวมาระยองไม่ต่ำกว่า​ 4,000​ คน​

 

โดยหลังเสร็จสิ้นการจับคู่เจรจาธุรกิจแล้ว ททท.ยังได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวอีสาน 20 จังหวัด เดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวไฮไลต์ตามจุดต่าง ๆ ​ ซึ่งได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเข้าสู่ระยอง​ได้ทุกฤดู

 

งานที่สอง ททท. จัดงานแสดงดนตรี Music by the sea @Rayong ระหว่างวันที่ 8 - 9 สิงหาคม 2563 ณ หาดแหลมเจริญ จ.ระยอง ซึ่งเปิดรับลงทะเบียนผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตล่วงหน้าจำกัดไว้ไม่เกิน 1,000 คน พร้อมทั้งให้ความสำคัญการจัดงานในรูปแบบ New normal ตามมาตรการของสาธารณสุข โดยได้แบ่งการเข้าชมโซนการแสดงดนตรีวันละ 500 คน จัดระบบเข้าคิวรอเข้าชมไว้อย่างบริเวณหน้างานตลอดสองวัน

 

งานที่สาม ระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม 2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำทีมจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)สัญจรนอกสถานที่ ในจังหวัดระยอง มีทั้งการพบปะประชาชน และการเยี่ยมชมสถานที่ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจตอกย้ำการเดินทางาระยองท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย

 

ข่าวที่ 6 บางจากนำผลิตภัณฑ์มอบผู้พิการโครงการ APCD 60+ Plus

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้จัดกิจกรรม ส่งมอบผ้ากันเปื้อน 100 ผืน ที่ผลิตจากเส้นใยที่ได้จากการรีไซเคิลขวดพลาสติก ในโครงการ “รักษ์ ปัน สุข” ของบางจากจัดขึ้นเพื่อลดขยะพลาสติกต้นทาง พร้อมหน้ากากอนามัยผ้า 200 ผืน ผลิตโดยชุมชนรอบโรงกลั่นน้ำมันบางจาก

 

โดยได้นำไปมอบที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเร็ว ๆ ให้นายพิรุณ ลายสมิต ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD เพื่อส่งมอบให้ผู้พิการที่ปฏิบัติงานในร้านกาแฟ 60+ Plus Bakery & Chocolate Cafe ในรูปแบบ Universal Design Cafe ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ APCD ร่วมปันน้ำใจ สนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในด้านสิทธิคนพิการ ให้มีสิทธิและส่วนร่วมในสังคม

 

ข่าวที่ 7 TCEBดึง20บริษัทจัดไมซ์เทรดโชว์ออนไลน์IT&CM Chinaทะลุเป้า

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) TCEB” เปิดเผยว่า ได้เร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์เชิงรุกแบบเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 2563 จึงได้เริ่มส่งเสริมเอกชนไทยรุกเข้าทำตลาดผ่านระบบออนไลน์ระหว่างประเทศครั้งแรก ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการไมซ์ 20 บริษัท เข้าร่วมงานเทรดโชว์ไมซ์ออนไลน์งาน IT&CM China (Incentive Travel and Convention, Meeting China) ปรับรูปแบบจากเดิมทุกปีเคยใช้วิธีจัดงานจริง ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาจัดเทรดโชว์ออนไลน์ (Virtual Tradeshow) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ตั้งเป้าจะมีผู้ขายนานาชาติเข้าร่วมกว่า 119 ราย และผู้ซื้อกว่า 300 ราย

 

ในการจัดงาน IT&CM China ปีนี้ทีเส็บต้องการเปิดเวทีเจรจาธุรกิจไมซ์ระหว่างกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไมซ์ไทยได้เจรจาธุรกิจกับคู่ค้าจีนแล้ว ยังมุ่งหวังเพิ่มประสบการณ์ความรู้จากการเข้าร่วมงาน เรียนรู้การใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีการจัดงานไมซ์ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ

 

ขณะเดียวกันทีเส็บยังพลิกแนวคิดการสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยผสมผสานนำวิธีจัดงานจริงให้ผู้ประกอบการไมซ์ 20 บริษัท มารวมตัวกันที่โรงแรม แบ็งคอก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค แล้วเปิดเจรจาผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ของงานเทรดโชว์ IT&CM China พร้อมกัน

 

สำหรับปี 2563 การเข้าร่วมงานเทรดโชว์ไมซ์ออนไลน์ IT&CM China ตลอดงานทีเส็บคาดจะเกิดการนัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจของผู้ประกอบการไมซ์ไทยรวมกันกว่า 500 นัดหมาย โดยผู้ประกอบการไมซ์ทั้ง 20 บริษัท จะได้รับสิทธิเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ดังนี้ 1.ทำนัดหมายก่อนล่วงหน้าผ่านระบบ Pre-schedule Appointment (PSA)  จากนั้นจึงได้รับการแสดงชื่อบริษัทลงในแผนผังการจัดงาน 2.มีสิทธิล็อคอินเข้าสู่ระบบเพื่อร่วมเจรจาธุรกิจ และค้นหาผู้ซื้อในระบบได้จำนวนไม่น้อยกว่า 40 สิทธิ 3.มีชื่อบริษัทโชว์อยู่ใน Buyers Profile e-book  4.จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมภายในงานเพื่อสร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์กิจกรรมให้กลุ่มผู้ซื้อต่างประเทศได้รับรู้กิจกรรมที่ทางไทยจัดทำขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย เช่น การออกแบบแบนเนอร์เพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และสร้างการจดจำต่อสายตานานาชาติผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์บริเวณ Home Page, Networking Lounge Page, และ Social Media

 

นายจิรุตถ์กล่าวว่าก่อนวันจัดงานจริงที่โรงแรม แบ็งคอก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ทีเส็บได้นัดหมายบรีฟผู้ประกอบการ (Exhibitor Brief) พร้อมจัดเตรียมคู่มือการเข้าร่วมงาน (Exhibitor Manual) ให้ผู้ประกอบการทั้ง 20 บริษัท ซักซ้อมระบบเตรียมตัวก่อนเข้าร่วมงานจริง โดยเน้นจัดงานตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้า โดยทีเส็บจะอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำทางด้านเทคนิคแก่ผู้ประกอบการทั้ง 20 บริษัท เพื่อให้การจัดกิจกรรมดังกล่าวสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งการรายได้ให้โรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน IT&CM China ครั้งนี้ ที่เสร็จสิ้นลงในวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

 

            ช่วงที่ 2

 

คิดแล้วไปให้ถึง@นครนายก-ปราจีนบุรีเช็คอิน2จังหวัด10จุด

 

การเดินทางแสวงหาความสนุก More Fun กับ “คิดถึงแล้วไปไหนให้ถึง@นครนายก-ปราจีนบุรี” กับธรรมชาติสดใหม่ที่ฟื้นตัวกลับมาอุดมสมบูรณ์ต้อนรับกรีน ซีซัน เที่ยวหน้าฝนใกล้กรุงเทพฯ 2 จังหวัด

สตาร์ตรถออกจากเมืองกรุงมุ่งไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ ตรงสู่ “นครนายก” ตลุยเช็คอิน 4 จุด

จุดแรก “ร้าน Lalilali Local Cafe” ในตลาดเก่าองครักษ์สั่งกาแฟ อาหารว่าง รองท้องยามเช้า เพราะเป้าหมายที่จะไปเช็คอินต่อ

จุดที่ 2 คือการทำกิจกรรมเชิงผจญภัยในเขตทหารน่าเที่ยวที่ “โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า” มีความสนุกรออยู่ทั้งการเล่น “จิ้งจอกเวหา ยิงธนู บีบีกัน กระโดดหอสูง 34 เมตร

 

จุดที่ 3 กินมื้อเที่ยง ณ ร้าน “คลับเฮาส์ สนามกอล์ฟเขาชะโงก” เติมพลังให้เต็มที่ เพื่อไปเช็คอินความมันส์จุดที่ 4 Adventure in the Rain” จะเลือกขับรถ ATV ตลุยธรรมชาติ หรือเล่นเพ้นบอลล์ลุย ๆ ต่อด้วย “ล่องแก่งลำน้ำนครนายก” ตรงท่าน้ำภูสักธาร ซึ่งเป็นจุดเช็คอินที่พัก “ภูสักธาร รีสอร์ท” ด้วย

ใช้พลังล่องแก่งมันส์ ๆ จนหมดแรงก็ขึ้นฝั่งมารอเช็คอินจุดที่ 4 กับอาหารมื้อค่ำริมนาข้าวที่ “ร้านครัวนานา”

หมดวันพอดี ถึงเวลาพักผ่อนชาร์ตแบตเตอรี่ไว้เดินทางต่อเช้าวันใหม่

 

            วันที่สอง ล้อหมุนไปต่อยัง “ปราจีนบุรี” แนะนำเช็คอิน 2 อำเภอ ให้ครบ 6 จุด

เริ่มจากชมวิถียามเช้า เช็คอินใน “อำเภอประจันตคาม” 3 จุด

จุดที่ 1  “ราวิลโฮม” ที่ร่ำลือกันว่าเป็นร้านจิบกาแฟตีนเขาใหญ่ “ราคาหลักร้อย วิวหลักล้าน” ได้คาเฟอีนกระตุ้นต่อมการเดินทางไป

จุดที่ 2 “วัดโคกอู่ทอง” เพื่อสักการะขอพรพระพุทธมหาบูรพา หรือหลวงพ่อใหญ่ เกจิเลื่องชื่อเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประจำวัดที่หลวงปู่โสฬส ยโสธโรหรือครูธำรงโพธิเขต เหล่านักรบทหารและพรานเดินป่า รู้จักกิตติศัพท์ท่านเป็นอย่างดีเรื่องวิทยาคมป้องกันอันตราย แคล้วคลาด

 

            ภายในวัดโคกอู่ทอง มีสถาปัตยกรรมโรมันสะดุดตาคือ “มหามณฑป” ตรงกลางสร้างโดมสูงประดับลวดลายตะวันตกแบบโรมัน ภายในมณฑปได้บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้มากมาย ทั้งพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปปางนาคปรก พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูป ร.9 และพระสรีระสังขารของหลวงปู่โสฬส

 

            จุดที่ 3 “วัดแจ้ง” (เมืองเก่า) เป็นวัดเก่าแก่แห่งแรกในอำเภอประจันตคามอายุกว่า 187 ปี มีสรีระร่างของ “ท้าวอุเทน” บุคคลผู้อุปถัมภ์วัดมาตั้งแต่แรกเริ่ม และด้านหลังวัดที่มีเวสสุวรรณองค์ใหญ่สุดในโลก ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะกัน

 

วนรถกลับเข้า “อำเภอเมืองปราจีนบุรี” เพื่อเช็คอินก่อนกลับกรุงเทพฯ อีกสัก 3 จุด

จุดที่ 1 “เดย์สปา อภัยภูเบศ” ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ สั่งเมนูอาหารพื้นบ้านรสชาติไทยแท้มารับประทานเป็นมื้อกลางวัน

 

จุดที่ 2 “โรงพยาบาลอภัยภูเบศร” เดินชมช้อปผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่คนไทยทั้งประเทศคุ้นเคย แถมยังส่งออกไปต่างประเทศจนโด่งดังอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

จุดที่ 3 เข้า “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดฝั่งคลอง ปะพวน” สัมผัสประสบการณ์ดี  ๆ ที่คนปราจีนบุรีช่วยกันรักษาดูแลไว้

 

ทริปนี้ต้องบอกว่าตอบโจทย์ “คิดแล้วไปไหนให้ถึง@นครนายก-ปราจีนบุรี” สนุกสุด ๆ กับการ กิน ฟิน 2 วัน เช็คอินได้ถึง 12 จุด แล้วจะรออะไร ออกมา More Fun กันเลยพี่น้องชาวไทย

 

กรมอนามัยเตือนไม่ควรกิน“ผลไม้รสเปรี้ยว”ตอนท้องว่าง

 

          นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย แนะนำการกินผลไม้ ไม่ควรทำความเชื่อเรื่องการกินผลไม้ก่อนอาหารจะช่วยให้ร่างกายการดูดซึมสารต่างๆในผลไม้ได้อย่างเต็มที่ เพราะขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าการกินผลไม้ตอนท้องว่างจะช่วยให้การดูดซึมได้ดีขึ้น มีเพียงข้อแนะนำในการเลือกกินผลไม้ให้เหมาะสม เพราะผลไม้บางชนิดก็ไม่ควรกินตอนท้องว่าง เช่น ลูกพลับ เนื่องจากกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามาก หากไปรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้คลื่นไส้ และระคายเคืองในกระเพาะอาหาร ขณะที่มะละกอเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก ส่วนสับปะรด ส้ม และมะนาว มีรสชาติเปรี้ยวทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ แต่ถ้าจะกินก่อนกินอาหารแค่ 2-3 ชิ้นเล็กๆ ก็พอจะกินได้ และควรล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการลดสารเคมีตกค้าง

 

          จึงแนะนำเรื่องการกินผลไม้ให้ได้คุณค่าแต่ละครั้ง ควรคำนึงถึงปริมาณที่เพียงพอมากกว่าช่วงเวลา โดยในหนึ่งวันควรกินผลไม้ให้ได้มื้อละ1-2 ส่วน ตามแต่ละประเภท เช่น มะละกอสุก 6 ชิ้นพอคำ เงาะ 4 ผล ฝรั่งครึ่งผล สับปะรด 6 ชิ้นพอคำ กล้วยน้ำว้า 1 ผล ชมพู่ 2 ผลขนาดใหญ่ มังคุด 4 ผลขนาดกลาง ส้มสายน้ำผึ้ง 1 ผล เป็นต้น ซึ่งจากรายงานทางคลินิกและระบาดวิทยาพบว่า การกินผลไม้เป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และป้องกันมะเร็งบางชนิด รวมทั้งทำให้ระบบขับถ่ายปกติและช่วยควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากในผลไม้มีใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำ เมื่อกินเข้าไปจะเกิดการพองตัวเป็นเจลแทนพื้นที่บางส่วนในกระเพาะอาหารทำให้รู้สึกอิ่ม อีกทั้งยังกักน้ำตาลและคอเลสเตอรอล ลดการดูดซึม ดังนั้นเมื่อกินผลไม้ตอนท้องว่าง จึงทำให้รู้สึกอิ่มส่งผลให้กินอาหารมื้อหลักหลังจากนั้นในปริมาณที่ลดลงตามไปด้วย

 

ข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก ทอท.ชี้แจงชัดมติบอร์ดเยียวยาเอกชน+บริษัท คิง เพาเวอร์

 

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีกระแสข่าวที่บิดเบือนทำให้ประชาชนเข้าใจไม่ถูกต้องถึงมติคณะกรรมการ (บอร์ด) เห็นชอบให้เยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินที่ ทอท.ดูแล โดยระบุอาจเป็นภาระต่อภาษีประชาชน เอื้อประโยชน์เอกชนใดเป็นการเฉพาะโดยมิได้คำนึงถึงองค์รวม หรือผลประโยชน์แก่ประเทศ

ทอท.จึงขอชี้แจงหลักการและสาระสำคัญของมาตรการเยียวยาดังกล่าวดังนี้

 

1.หลักการดำเนินนโยบายของ ทอท. คือ ทอท. และผู้ประกอบการทุกรายต้องผ่านวิกฤต Covid-19 นี้ไป

ด้วยกัน โดยคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเฉพาะอันอาจเกิดจากการเลิกจ้างงานควบคู่

ไปด้วย ดังนั้นวิกฤต Covid-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและแผ่เป็นวงกว้างทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจาก ทอท. ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลักของประเทศจะได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว ผู้ประกอบการ สายการบิน และผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ รวมพนักงานและลูกจ้างเกือบแสนชีวิต ก็ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกัน ซึ่งในสัญญา

เชิงพาณิชย์ของ ทอท. ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการบอกเลิกสัญญาตามเหตุผลสมควร โดยต้องแจ้งล่วงหน้า 45-90 วัน

 

โดยแม้สัญญาจะเปิดโอกาสให้บอกเลิกได้ แต่ ทอท. ก็ไม่พึงประสงค์ให้ปิดกิจการเพราะนอกจากจะกระทบเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลต่อปัญหาสังคมการเลิกจ้างงานอีกด้วย การบรรเทาผลกระทบฯ นี้ อาจทำให้รายได้ของ ทอท. ลดลง แต่มิใช่รายจ่ายที่ ทอท. ต้องจ่ายออกไปหรือการนำภาษีจากประชาชนมาจ่ายให้ผู้ประกอบการแต่อย่างใด

 

2.การช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ได้ทำอย่างเท่าเทียมกัน โดยมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการฯ สามารถประคับประคองกิจการให้คงอยู่ต่อไปได้ตามความเหมาะสมของโครงสร้างต้นทุน โดยได้ช่วยเหลือสายการบิน ทอท. ได้เลื่อนการชำระค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charges) เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของสายการบิน อีกทั้งยกเว้นการเก็บค่า Parking Charges

 

ส่วนสายการบินที่หยุดบิน และลดค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ส่วนสายการบินที่ยังทำการบินก็ลดค่าบริการสนามบิน 50 % ระหว่างเมษายน – ธันวาคม 2563

 

ขณะที่การช่วยเหลือผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ ทอท. ได้ยกเว้นการเรียกเก็บผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 – 31 มีนาคม 2565 (โดยยังคงเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนอัตราร้อยละ) และเลื่อนการชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง รวมถึงยกเว้นการ

เก็บค่าเช่าพื้นที่และค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ให้ผู้ประกอบการที่ขอหยุดกิจการชั่วคราว และลดค่าเช่าพื้นที่

ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร 50% ให้ผู้ประกอบการที่ยังคงประกอบกิจการ ตั้งแต่เดือน เมษายน - ธันวาคม

2563 และเมื่อเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเริ่มคลี่คลาย

 

หลังจากนั้นแล้ว ทอท.จะเรียกเก็บผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำในอัตราเท่ากับช่วงก่อนวิกฤต (ในระดับเดียวกับปี 2562) และจะปรับขึ้นตามสัญญาเมื่อจำนวนผู้โดยสารเริ่มปรับตัวมากกว่าช่วงก่อนวิกฤต ซึ่งมติบอร์ด ทอท. ที่ออกไปก่อนหน้า (วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 และวันที่ 22 เมษายน 2563) เป็นการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งผู้ประกอบการสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์เป็นการทั่วไป เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถยังคงสามารถดำเนินกิจการอยู่ต่อไปได้ และไม่เกิดการเลิกจ้างงาน อันจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมการบินและประเทศชาติโดยรวม และจะกลับมากระทบต่อมูลค่าหลักทรัพย์ของ ทอท. มากกว่าการปรับตัวลดลงของราคาหลักทรัพย์ในระยะสั้นเป็นอย่างมาก

 

3.กรณีสัมปทานของบริษัท คิงพาวเวอร์ ได้รับมาตรการช่วยเหลือเช่นผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์รายย่อยทั่วไปกว่า 1,000 สัญญา โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างตามสถานะของสัญญา 2 ประการด้วยเหตุผลดังนี้

 

 3.1 ขยายระยะเวลาเตรียมเพิ่มอีก 1 ปี ให้สอดคล้องกับการเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลัง

ที่ 1 (SAT-1) : เดิมสัญญาได้กำหนดไว้ให้บริษัทมีระยะเวลา 1.เตรียมการตกแต่งพื้นที่ 6 เดือน ช่วงเตรียมการ

ทอท. จะเรียกเก็บอัตราค่าตอบแทนตามสัญญาแปรผันตามจำนวนพื้นที่เปิดให้บริการ หลังจากนั้น 2.จะเรียกเก็บ

ค่าตอบแทนตามพื้นที่เต็มจำนวนตามสัญญาเป็นเวลา 10 ปี แต่จากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้ ทอท.ไม่สามารถเปิดดำเนินการอาคาร SAT-1 ได้ตามเป้าหมายที่ปรากฏในสัญญา คาดจะเลื่อนการเปิดให้บริการไปอีก 1 ปี จากเดิม 1 เมษายน 2564 เป็น1 เมษายน 2565

บอร์ด ทอท.จำเป็นต้องมีมติให้ขยายเวลาเตรียมการจากเดิม 6 เดือน ออกไปอีก 1 ปี เป็น 1 ปี 6 เดือน ส่งผลให้ต้อง “ปรับอายุสัญญา” เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดใช้งานอาคาร SAT-1

 

3.2 ปรับจำนวนผู้โดยสารที่ใช้คำนวนค่าตอบแทนขั้นต่ำให้สอดคล้องตามจริง : เนื่องจากผลกระทบวิกฤต Covid-19 ส่งผลให้รัฐบาลต้องมีมาตรการจำกัดการเปิดน่านฟ้า ทำให้มีปริมาณเที่ยวบินน้อยลง ทอท. จึงเห็นชอบที่จะ “ใช้จำนวนผู้โดยสารจริง” มาคำนวณอัตรา “ค่าตอบแทนขั้นต่ำ” โดยยังคง 1.อัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำ และ 2.อัตราส่วนแบ่งรายได้เดิมตามสัญญาไว้ทุกประการ โดยค่าตอบแทนขั้นต่ำนี้จะถูกปรับขึ้นทันทีในปีถัดไปตามอัตราการขยายตัวของผู้โดยสารและเงินเฟ้อ โดยไม่ต้องรอให้ผู้โดยสารกลับมาในระดับก่อนวิกฤตดังเช่นผู้ประกอบการรายอื่นแต่อย่างใด

 

ข่าวที่สอง ซีอีโอแอร์เอเชียเปิดแผนกู้วิกฤตโลว์คอสต์ผงาดใหม่ปี’64

นายธรรฐพล แบเวลเวล ประธานกรรมการ ไทย แอร์ เอเชีย เปิดเผยว่า การรับมือแก้วิกฤตโควิด-19 จะใช้วิธีลอยคอเพื่อกลับมาแข็งแกร่งที่สุดในอนาคต เพราะตลอดช่วงล็อกดาวน์น่านฟ้าในประเทศต้องหยุดบริการไปประมาณ 2 เดือนครึ่ง แต่ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 1,500 ล้านบาท ตอนนี้ก็จะพยายามกอบกู้ธุรกิจการบินโลว์คอสต์กลับมาให้ได้

โดยยังคงยึดสูตรการบริหารธุรกิจ ประกอบด้วย 1.Re-Soft พนักงานและเครื่องมือต้องดูแลรักษาไว้ให้ได้มากที่สุด 2.แสดงความแข็งแรงที่ยังต้องยืนอยู่ในธุรกิจให้ได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมาการทำงานอยู่บ้านได้ผลดีกว่า ดังนั้นจึงใช้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าตอนนี้ให้พนักงานสลับกัน

 

3.Return ธุรกิจที่มีอยู่ในช่วงหยุดโควิด ได้เพิ่มการขาย “ชานมไข่มุก” ซึ่งมียอดสั่งออนไลน์ดีมาก จึงให้พนักงานบนเครื่องมาเป็นผู้ส่งชานมแทน ตอนนี้ต่อยอดขยายสาขาในภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น ได้พนักงานเป็นคนทำ ส่วนการต่อยอดตั๋วโดยสารบุฟเฟต์ ได้เงินมาประมาณ 100 ล้านบาท

 

4.Remacination and reform เร่งปรับตัวย้ายสถานที่ ตัวอย่างเคยอยู่ดอนเมืองแล้วต้องย้ายไปสุวรรณภูมิ อยู่ได้ 5 ปี ก็ต้องย้ายกลับมาดอนเมืองอีกครั้ง มีเช็คอินเคาน์เตอร์ 5 แถว มีเครื่องบิน 25 ลำ วันนี้มีเครื่อง 60 ลำ แต่มีเช็คอิน 3 แถว ขณะที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ไม่เคยถามว่าแอร์

 

ดังนั้นแอร์เอเชีย ต้องใช้ตู้เช็คอินเข้ามาช่วย วันนี้มีผู้โดยสารในประเทศเข้ามาใช้ตู้เช็คอิน 70 % ต่างประเทศ 50 % หากไม่มีตู้เช็คอินตอนโควิดมาคงหายนะ เพราะสามารถรองรับการเดินทางวิถีใหม่

ตอนนี้ยังได้เพิ่มช่องทางการหารายได้ โดยประยุกต์ค้าขายผ่านการขนส่งสินค้าทางอากาศ ทำคาร์โก้ และแอร์เอเชีย มาร์เก็ตเพลส คัดเลือกสินค้าในประเทศมาวางขาย

 

นายธรรฐพลยืนยันว่า กลางปี 2564 เป็นต้นไป การท่องเที่ยวจะกลับมา แต่ไตรมาสแรกปีหน้าไม่กล้ายืนยันจะกลับมาได้หรือไม่ ตอนนี้จึงขอให้รัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าระบบ ป้องกันธุรกิจง่อยกันหมด แล้วบางธุรกิจเมื่อล้มแล้วก็ไม่สามารถกลับมาแจ้งเกิดใหม่ ดังนั้นแอร์เอเชียจึงต้องประคองให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้

 

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai