“TCEB”ชิงไมซ์บิ๊กไซซ์ทั่วโลกหอบเงินจัดในไทยเพียบ ก.ย.-ธ.ค.65 ชงศบค.ก.ย.นี้ปลดล็อกครั้งใหญ่ภาษีงานINTER ARTโกยเศรษฐีโลก
“TCEB”ชิงไมซ์บิ๊กไซซ์ทั่วโลกหอบเงินจัดในไทยเพียบ ก.ย.-ธ.ค.65
ชงศบค.ก.ย.นี้ปลดล็อกครั้งใหญ่ภาษีงานINTER ARTโกยเศรษฐีโลก
เร่งอัดฉีดงบในประเทศต.ค.65เพิ่มเอ็กซิบิชั่นกระจายจัด10ไมซ์ซิตี้
ช้อปแบรนด์ดัง“ดิออร์บูทีก”เปิดใหม่คิงเพาเวอร์สนามบินสุวรรณภูมิ
คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนช้อปแบรนด์SIRIVANNAVARIบิ๊กเซลลด90%
พูลแมนคิงเพาเวอร์กระหน่ำจัดFlash Sale4โปรห้อง/สปา/อาหาร
ททท.+เซ็นทรัลบูมThe Great Tourism Ecosystemดึงทัวร์8แสนล้าน
TCEB ชูไมซ์ไทยมนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จชี้เป้าจัดไมซ์5แห่ง5สไตล์
บางจากร่วมTCACชูBCP 316 NETตอบโจทย์สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
สายกรีนเที่ยว“ภูหินร่องกล้า”พิษณุโลกชมชมลานผา&ดอกไม้สวย
5สัญญาณฟ้องว่าร่างกายของคนเรากำลังป่วยต้องดูแลรักษาด่วน
ทัวร์เอื้องหลวงควงเชฟมิชลินรังสรรรค์รายได้มื้อละ4.9-7.9พันบาท
ไทยเวียตเจ็ทบินเพิ่มกรุงเทพฯ-ฟูโกว๊ก12ต.ค.ขายตั๋วโปร2,999บาท
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #เที่ยวภูหินร่องกล้า
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/f9ltqXRr3-/
ช่วงที่ 1 ไมซ์ไทยแรงไม่หยุด “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดแนวรุกเต็มรูปแบบ เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ทะลักเข้าไทย ก.ย.-ธ.ค.นี้ 8 งาน ทั้งงานอาวุธ สุขภาพ
อาหาร เดินหน้าลุย “ศบค.” ก.ย.65 ชงปลดล็อก
“ภาษีไมซ์ระหว่างประเทศ” ทำฟรีโซน International Art Exhibition &
Trade Fair เพิ่มฐานตลาดไฮเอนด์ ดึงศิลปิน นักสะสมศิลปะโลก ใช้เงินมหาศาลกว่า
20 %ของเอ็กซิบิชั่น ส่วนในประเทศลั่นกลองบุกประชุมเมืองไทย พร้อมหางานเอ็กซิบิชั่นกระจายจัดเพิ่มใน
10 ไมซ์ ซิตี้
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
“TCEB” เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม
2565 มีงานต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเป็นจำนวนมากหลังรัฐบาลยกเลิกมาตรการ
Test & Go ไม่ตรวจหาเชื้อโควิด-19
ทำให้ตลาดคอนเว็นชั่นการประชุมระดับโลกเริ่มเข้าไทย ส่วนงานแสดงสินค้านานาชาติหรือ
Exhibition มีต่อเนื่องมาตลอด ล่าสุดเพิ่งจะเปิดโครงการ “Thailand
MICE BACK”
ต้องการสื่อสารกับทุกคนถึงว่าไมซ์ของประเทศไทยกลับมาแล้วทั้งตลาดในและต่างประเทศทั่วโลก ตัวอย่างงานใหญ่
งานแรก Defense & Security 2022 มีคนเข้าร่วม 12,800 คน จัดระหว่างวันที่
29 สิงหาคม
– 1 กันยายน
2565 ที่ศูนย์ประชุมอิมแพค
เมืองทองธานี กรุงเทพฯ
งานที่
2 Healthy Living and Innovation Expo
2022 มีคนเข้าร่วม
10,000 คน จัดระหว่างวันที่
8-11
กันยายน 2565 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี
อำเภอหาดใหญ่ อยู่ในความมหาวิทยาลัยจังหวัดสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา
งานที่ 3 korat FooDEx ลักษณะคล้ายไทยฟู้ด
มีคนเข้าร่วม 40,500 คน จัดระหว่างวันที่
14-18
กันยายน 2565 ที่จังหวัดนครราชสีมา
งานที่
4 Food
Ingredients Asia 2022
มีคนเข้าร่วม
12,865 คน จัดระหว่างวันที่
5-7 ตุลาคม
2565 ที่กรุงเทพฯ
งานที่ 5 “The International Conference on Family Planning 2022 :ICFP 2022
ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2565 เลือกจัดที่ศูนย์ประชุม
PEACH โรงแรมรอยัลคลิฟฟ์ พัทยา จังหวัดชลบุรี
จะมีผู้เข้าร่วมจากทั่วโลกกว่า 5,000 คน คาดจะสร้างรายได้ 315 ล้านบาท เป็นงานประชุมวิชาการวางแผนครอบครัวนานาชาติ
เพื่อหารือด้านสุขภาพอนามัย การเจริญพันธุ์เพื่อคุณภาพชีวิตของประชากรโลก
งานที่
6 The Bangkok Art
Biennale มีคนเข้าร่วม
1,000,000 คน จัดระหว่างวันที่
22 ตุลาคม
2565 -23 กุมภาพันธ์
2566
ที่กรุงเทพฯ
งานที่
7 Travel Blog
Asia 2022 :TBEX Asia 2022 มีคนเข้าร่วม 400 คน จัดระหว่างวันที่
15-18 พฤศจิกายน
2565 ที่จังหวัดภูเก็ต
งานที่ 8 L’Etape
Phitsanulok by Tour de France 2022 มีคนเข้าร่วม 1,500 คน จัดระหว่างวันที่ 2-4 ธันวาคม 2565 ที่จังหวัดพิษณุโลก
นายจิรุตถ์กล่าวว่าขณะนี้ทีเส็บให้น้ำหนักความสำคัญด้าน “มาตรการภาษี” ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยจัดงานไมซ์อย่างเต็มที่
ประกอบด้วย
มาตรการที่
1 การลดหย่อนภาษี โดยผู้ประกอบการ หรือจัดงานไมซ์
สามารถนำค่าใช้จ่ายมาขอคืนภาษีปี 2565 ได้ ตามมติคณะรัฐมนตรี
(ครม.) อนุมัติให้ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม -31 ธันวาคม 2565 ประกอบด้วย
ส่วนแรก
การจัดประชุม/สัมมนา ภายในประเทศ ของ บริษัท ห้างร้าน การจัดกิจกรรมประชุม
งานกลางแจ้ง รวมงานวิชาการ ค่าเดินทาง ขนส่ง ตั๋วโดยสารเครื่องบิน ห้องพักโรงแรม
อาหาร และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะได้ลดภาษีดังนี้หากเลือกจัดในเมืองหลักลดได้ 1.5 เท่า จัดในเมืองรอง 55 จังหวัด
ลดได้ 2 เท่า
ส่วนที่สอง
จัดงานแสดงนิทรรศการสินค้าหรือเอ็กซิบิชั่นในประเทศ สามารถนำค่าเช่าพื้นที่เปิดบูธ
จัดงานเลี้ยงต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับงานทั้งหมด นำมาแสดงเพื่อขอลดภาษีได้ 2 เท่า
มาตรการที่ 2 เสนอปลดล็อกภาษีการจัดงานระหว่างประเทศ” ทั้ง การจัดนิทรรศการและแสดงสินค้า :International
Exhibition และการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) ขณะนี้ทีเส็บเตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และรัฐบาล ภายในเดือนกันยายน 2565 เพื่อพิจารณาภาษีการจัดงานเอ็กซิบิชั่นซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(BOI) เน้นงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับไมซ์
โดยเฉพาะงานแสดงศิลปะและการซื้อขายหรือ International Art Exhibition and
Trade Fair รายการสำคัญของโลกที่มีหน่วยงานรับรองอย่างเป็นทางการ
เพื่อนำเข้ามาจัดในประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าตลาดจำนวนการจัดงานมากกว่า 20 % ของเมกะอีเวนต์ และอีก 20 % เป็นงานศิลปะของเหล่าแฟนเบสต์ทั่วโลก
ตัวอย่าง
การจัดงานแสดงศิลปะหรือ Soft Power ทีเส็บกำลังทำเรื่องเสนอ
ศบค.ยกเลิกเก็บภาษีงาน Art Fair เพราะปัจจุบันคนไทยมีฝีมือด้านการศิลปะ
หรือศิลปินจากทั่วโลกที่สนใจจะเข้ามาซื้องานในไทย
ตามกฎหมายขณะนี้ต้องเสียภาษีสูงถึง 30 % เพื่อประโยชน์ที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่าภาษี
หากนำงานนิทรรศการศิลปะนานาชาติมาจัดในไทย
พร้อมกับเปิดโดยแต่ละงานกำหนดให้เกิดการซื้อขายสินค้าได้โดยไม่ต้องจ่ายภาษีดังกล่าว
ก็จะทำให้มีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้าประเทศได้มหาศาล
องค์ประกอบหลักตามกฎหมายไทยปัจจุบัน
คือหากมีการซื้อขายงานทางด้านศิลปะขึ้นในไทยจะต้องจ่ายภาษีสูงถึง 30 % อุปสรรคเรื่องภาษีส่งผลทำให้ที่ผ่านมาจึงไม่มีผู้สนใจนำงานแฟร์ศิลปะมาในเมืองไทย
การเสนอปลดล็อกครั้งนี้ไม่ได้หมายรวมถึงการยกเว้นภาษีงานศิลปะทั้งหมด
แต่จะขอยกเว้นเฉพาะงาน Art Fair รายการสำคัญ ๆ เท่านั้น
ตอนนี้รัฐบาลไทยสนับสนุนอยู่แล้วคือ
งานที่นำศิลปะมาโชว์ตามอาคาร สถานที่ หรือศูนย์ประชุมนานาชาติ สามารถใช้ A.T.A.
Cenet ของศุลกากรของไทยอนุญาตให้นำเข้าหรือนำออกสินค้าที่มาสาธิตในงานนิทรรศการหรือแสดงสินค้า
จัดประชุม หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นเขตปลอดภาษีนั่นเอง
ส่วนทีเส็บต้องการนำเสนอกรณีหากเกิดการซื้อขายสินค้าที่นำมาจัดนิทรรศการแสดงได้รับการปลดล็อก
ก็จะเป็นแม่เหล็กดึงงานศิลปะขนาดใหญ่ของโลกซึ่งขณะนี้มีหลายงานต้องการมาจัดในเมืองไทย
หากทำได้ก็จะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจอย่างมาก 1.เพิ่มตลาดคุณภาพระดับไฮเอนด์ มีการใช้จ่ายเงินสูงจากต่างทั่วโลกเดินทางเข้ามาชมงานศิลปะ
ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน นักธุรกิจ นักสะสม 2.ทำให้ไทยพัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจ
Art and Trade Fair ได้อย่างมีศักยภาพ
ขณะนี้ในเอเชียหลายประเทศเปิดให้งานจัดแสดงนิทรรศการและการซื้อขายศิลปะนานาชาติเป็นงานปลอดภาษีหรือ
Free Zone อย่างในฮ่องกง เกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน
แต่ละปีมีเม็ดเงินหลั่งไหลเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ในประเทศไทยก็เคยจัดงาน
Bangkok Art Biennale ซึ่งจัดต่อเนื่องระยะยาวหลายเดือน
มีผู้คนเข้าชมงานรวมหลักล้านคน หากไทยสามารถจัดนิทรรศการแล้วขายงานศิลปะได้ด้วย
ก็จะทำให้ศิลปินไทยผู้มีชื่อเสียงไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ
นายจิรุตถ์
กล่าวว่า ไทยยังมีโอกาสอีกหลายเรื่องที่จะเป็นศูนย์กลางจัดไมซ์รายการสำคัญระดับโลก
เช่น งานนิทรรรศการและจัดแสดงยอร์ช ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไฮเอนด์
นิยมเดินทางมาไทย หากจัดงานเหล่านี้ได้มากขึ้น
จะเป็นประโยชน์ภาพใหญ่ส่งเสริมและผลักดันให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการจัดงานเมกะอีเวนต์
สร้างโอกาสให้กับประเทศต่อไปในอนาคต
มาตรการที่ 3 ทีเส็บรุกสนับสนุนเงินจัดไมซ์ในประเทศ ต้อนรับการเริ่มต้นปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จะเดินหน้าต่อยอดสนับสนุน
2 ส่วนหลัก ประกอบด้วย
ส่วนแรก ต่อยอดโครงการ
“ประชุมเมืองไทย”
โดยก่อนหน้านี้ใช้งบส่วนหนึ่งทำแล้วซีรีย์แรก “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”
อุดหนุนผู้จัดการประชุม สัมมนา เต็มวัน 15,000 บาท/งาน จัดประชุม 2 วัน 1 คืน
อุดหนุนด 30,000 บาท/งาน
ได้เรียนรู้โมเดลดังกล่าวเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ใหม่ ได้ทำระบบเตรียมไว้แล้ว
เน้นถูกต้อง สะดวก ง่าย รวดเร็วมากขึ้น จะเริ่มหลังเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
ส่วนที่สอง กระจายการจัดงานเอ็กซิบิชั่นไปยังจังหวัดต่าง ๆ ใน 10 ไมซ์ ซิตี้ เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ จะต้องหางานไปเติมเต็มในพื้นที่ให้ได้
หรืออย่างการสนับสนุนศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ปรับโฉมใหม่ พื้นที่จัดงานรวม 300,000 ตารางเมตร ขนาดใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า กำหนดจะเปิดอย่างเป็นทางการ 12 กันยายน
2565 เป็นต้นไป โดยเน้นการยกระดับเป็นศูนย์ประชุมยั่งยืน
ด้วยวิธีจัดงานโดยคำนวณ “คาร์บอน ฟุตปริ๊นท์”
ปริมาณการปล่อยและดูดกับก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากแต่ละการจัดงานไมซ์
ขณะนี้ทางศูนย์สิริกิติ์ยืนยันมียอดจัดงานค่อนข้างเต็ม
ทางทีเส็บร่วมมือด้วยทางด้านวิชาการและสถานที่จัดประชุม “สุดยอดผู้นำเอเปค 2022” ระหว่างวันที่ 13-18
พฤศจิกายน 2565
จุดขายใหม่พุ่งเป้าการรักษาสิ่งแวดล้อมขานรับเทรนด์โลกถือเป็นเรื่องดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์ของไทย
ซึ่งทีเส็บพร้อมสนับสนุนศูนย์ประชุมทุกแห่งในเมืองไทยอย่างเท่าเทียมกัน
ข่าวที่
1 ช้อปแบรนด์ดัง“ดิออร์บูทีก”เปิดใหม่ในคิงเพาเวอร์สนามบินสุวรรณภูมิ
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ รายงานว่า ขณะนี้พันธมิตรระดับโลก “แบรนด์ดิออร์” เปิดตัวบูทีคแห่งใหม่
สุวรรณภูมิ ภายในพื้นที่ผู้โดยสารขาออกสไตล์หรูโอ่อ่ากว่า 153 ตารางเมตร โดยได้คัดสรรคอลเลคชั่นผลิตภัณฑ์สุดเอกซ์คลูซีฟเป็นอย่างดี
มามอบประสบการณ์ให้เลือกซื้อท่ามกลางบรรยากาศหรูเลิศ สะท้อนถึงความสง่างามและความทันสมัยอันไร้ซึ่งกาลเวลาของดิออร์ที่ครองความนิยมผู้คนตลอดไป
ภายในบูทีคดิออร์สนามบินสุวรรณภูมิ ได้นำเสนอเสน่ห์สินค้า
เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋าสุภาพสตรี สรรค์สร้างขึ้นจากจินตนาการอันไร้ที่สิ้นสุดของ
“มาเรีย กราเซีย คิอูริ : Maria Grazia Chiuri” เรื่อยไปจนผลงาน “ไฟน์ จิวเวลรี่”
สุดคลาสสิกอย่าง Rose des Vents แสนวิจิตรงดงามสมที่ได้แรงบันดาลใจจากเข็มทิศนั่นเอง
ส่วนคอลเลคชั่นของสุภาพบุรุษ
ออกแบบโดย คิม โจนส์ (Kim Jones) เพื่อยกระดับการเดินทาง เติมเต็มและมอบความสุขให้ทุกคนภายในช่วงเวลาสั้น
ๆ ก่อนออกเดินทาง ก็สามารถช้อปสินค้าแบรนด์คุณภาพระดับโลกได้อย่างคุ้มค่า
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนช้อปแบรนด์ SIRIVANNAVARIบิ๊กเซลลด90%
แบรนด์ SIRIVANNAVARI ชวนผองเพื่อนมาช้อปงานบิ๊กเซลครั้งใหญ่ประจำปีลดสูงสุด
90% บริเวณโซนบูทีค SIRIVANNAVARI คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ตั้งแต่วันนี้
– 30 กันยายน 2565 ตั้งแต่10.00
– 20.00 น.จัดเต็มแฟชั่นกระเป๋าถือ รองเท้า เครื่องประดับ พร้อมแอกเซสซอรี่
ทั้งผู้หญิงและคุณผู้ชาย ให้เลือกช้อปแบบสบาย ๆ พร้อมช้อปให้สวยเจิดจรัสและมีสไตล์
ในแบบของ SIRIVANNAVARI
ตื่นตาตื่นใจกับผลิตภัณฑ์เครื่องหนังระดับลักซ์ชัวรี่หรูหรา
ทั้งงาน Made in Italy งานฝีมือหนังคุณภาพเลิศ
กระเป๋าถือหลากสไตล์ รองเท้าส้นสูงเสริมความสง่า รองเท้าผู้ชาย รองเท้าแตะสวมใส่ในวันสบาย
ๆ เครื่องประดับคอสตูมจิวเวลรีดีไซน์เก๋ แบบ statement piece ลิมิเต็ด เอดิชั่น สนุกกับแอคเซสซอรี่ละลานตา พร้อม แว่นตากันแดด เข็มขัด
กระเป๋าเข็มขัด และอื่น ๆ
สอบถามได้ก่อนที่ คิง เพาเวอร์ คอลแทร็ก เซนเตอร์ 1631 หรือ LineOA: Sirivannavari_shop
ข่าวที่ 3 พูลแมนคิงเพาเวอร์กระหน่ำจัดFlash
Sale4โปรห้อง/สปา/อาหาร
โรงแรมพูลแมน
คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ ในเครือ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำมหกรรม “Flash
Sale” กลับมาอีกครั้งกับมหกรรมลดขนานใหญ่อีกครั้ง
ตั้งแต่วันนี้ – 4 กันยายน 2565 รับสิทธิประโยชน์ครบจบที่ “โรงแรม พูลแมน คิง
เพาเวอร์ กรุงเทพฯ “ เลือกได้ 4 แบบ
1.สมาชิกคิง เพาเวอร์ ช้อปจองห้องพักออนไลน์รับคูปองส่วนลดเพิ่ม 10% นำไปใช้ได้ถึง
28 กุมภาพันธ์ 2566 หรือจะใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันลดได้ตามสิทธิ์อีกถึง
40%
2.HAPPY
STACATION จองห้องพักซูพีเรีย รวมอาหารเช้าและเครื่องดื่ม Happy
hours ได้ที่ เดอะจังชั่น ราคา 3,888 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน เมื่อใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันลด
40% เพียง 2,332.80 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน
พิเศษ
!! สามารถสะสมไนท์ และคะแนน ALL - Accor Live
Limitless รวมทั้งใช้สิทธิ์ตามสถานะบัตรตัวเองได้ ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า
12 ปี เข้าพักฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายยกเว้นขอเตียงเสริม ชำระเพิ่มเฉพาะค่าอาหารหากเป็นกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กอายุ
6-11 ปี ราคา 300 บาทสุทธิ/คน
3.เลอสปา : LE SPA ทุ่มโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม 1 เพื่อใช้บริการนวดตัว
60 นาที ได้ที่เลอ สปา ราคา 890 บาทสุทธิ เลือกระหว่าง นวดน้ำมันอโรมา หรือ นวดไทย
ก็ได้
4.เจแปนนีส เซ็ต เมนู ห้องอาหารเท็นชิโนะ สไตล์ญ่ปุ่นสุดหรู เสิร์ฟความอร่อยในราคาสุดคุ้ม ซื้อ
5 แถม 1 ชุด ด้วยเมนูญี่ปุ่นมื้อค่ำ 3 คอร์ส ราคา 800 บาทสุทธิ
จองใช้ได้ทุกวันพุธ – วันเสาร์ คูปองที่ซื้อแล้วเก็บไว้ใช้ได้จนถึงวันที่
30 กันยายน 2565
ข่าวที่ 4 ททท.+เซ็นทรัลบูมThe Great Tourism Ecosystemดึงทัวร์8แสนล้าน
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ททท.จับมือกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของไทยผู้นำร้านค้าปลีกสไตล์มิกซ์ยูส (Retail-led mixed use) เปิดแคมเปญยิ่งใหญ่ “The Great
Collaboration forThailand’s Tourism Ecosystem” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
กระตุ้นท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศ
ต่างประเทศ และฟื้นเศรษฐกิจไทย กระจายสู่เมืองหลัก เมืองรอง ร่วมพลิกฟื้นเศรษฐกิจผลักดันรายได้เข้าเป้าหมายรวมกว่า
800,000 ล้านบาท โดยใช้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ
37 สาขา
ร่วมกับพันธมิตร
ภาครัฐ เอกชน จัดโปรแกรมท่องเที่ยว Welcome Package พร้อมแจกสิทธิพิเศษมากมาย สร้างแรงจูงใจนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเดินทางทั่วไทย
ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า
ททท.มีความยินดีที่ได้ร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนาและพันธมิตรทุกกลุ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เติมเต็มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้สมบูรณ์ ผลักดันให้ไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืน
ซึ่งล่าสุดกรุงเทพฯ ติดอันดับ 1
รางวัล Asia’s Best
Awards 2022 ในฐานะเมืองจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของโลกประจำปี
2565 เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
รัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
โดยเฉพาะธุรกิจรีเทล โรงแรม สายการบิน และพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทุกกลุ่มคือพลังที่จะเป็นกลไกสำคัญช่วยกันบู๊สเตอร์เศรษฐกิจ
และท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน นำท่องเที่ยวมาเป็นช่องทางนำรายได้เข้าประเทศตามเป้าหมายปี
2565 และ 2566
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวหลังโควิดมีสัญญาณที่ดีจากหลายเริ่มออกเดินทาง
ตัวเลขของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศมีปริมาณผู้คนเข้ามาใช้บริการกลับมาเกือบ 100% ในมอลล์ที่นักท่องเที่ยวนิยมพื้นที่
กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และจังหวัดอื่น ๆ มีแนวโน้มดีขึ้นชัดเจน
เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรม ศูนย์อาหาร จึงมั่นใจนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ปี 2565
จะเป็นไปตามเป้าของ ททท.
รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน สถิติเดือนสิงหาคมนี้มีถึง 3.78 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 176,000 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากสุดเรียงตามลำดับ
3 ประเทศแรก
ได้แก่ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ ตามลำดับ
ดังนั้น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา วางแผนผลักดันไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางของโลกหรือ
Global Preferred
Destination ด้วย
3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย
กลยุทธ์ที่ 1 Stimulate Spending & Spread
income ชูบทบาทศูนย์การค้าเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยง
Retail & Tourism
Ecosystem เข้าด้วยกัน
เติมเต็มการท่องเที่ยวทั้งระบบ ด้วยจุดแข็งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลกระจายอยู่ทั่วประเทศ
19 สาขา ในเมืองท่องเที่ยวหลักและรอง 15 จังหวัด จะเน้นทำกิจกรรม 1.จัดงานโปรโมทการท่องเที่ยว 2.จัดงาน Hotel Fair 3.จัดงานOTOP Market 4.ผลิตโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนได้ทั่วประเทศแบบข้ามภูมิภาค
(Cross-Region) เช่น
งานท่องเที่ยวภาคใต้จัดที่เซ็นทรัลเวิลด์ หรือที่ภูเก็ต เพื่อดึงนักท่องเที่ยวภูมิภาคอื่นมาเที่ยวภูเก็ต
พร้อมร่วมพันธมิตร ภาครัฐและเอกชน ดีไซน์การเดินทางให้ลูกค้าตั้งแต่
Pre-arrival stage ไปจนถึง Mall arrival stage กระจายรายได้ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระบบอีโคซิสเต็มพร้อมทั้งกระตุ้นท่องเที่ยวท้องถิ่นและเชื่อมโยงจังหวัดใกล้เคียง
โดยมีพันธมิตร 7 กลุ่ม
คือ
1.ภาครัฐทำการท่องเที่ยวในระบบแซนด์บ็อกซ์ ร่วมกับ ททท.
สำนักงานต่างประเทศ ดูไบ และฮ่องกง ทำแฟมทริปและทำโปรโมชั่นร่วมต่างๆ ร่วมกันกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล
กระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงิน
2.สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” รองรับธุรกิจไมซ์
ซึ่งในอนาคตภาครัฐอาจต้องส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกเพิ่มมากขึ้น
3.สถาบันการเงิน บัตรเครดิต รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์การจ่ายเงินตลอดห่วงโซ่อีโคซิสเต็ม
เช่น มาสเตอร์การ์ดแจกของพรีเมียมเมื่อช้อปตามยอดที่กำหนด มีโปรแกรมคืนเงินเข้าบัตรหรือ
cash back
ร่วมกับบัตร JCB, UnionPay, Alipay, WeChat Pay มอบสิทธิพิเศษ และโปรแกรมส่วนลดเต็มที่
4.ร่วมกับร้านค้าในศูนย์การค้าและกลุ่มเซ็นทรัล
มอบส่วนลดพิเศษ จากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลTops Market, Tops Online, Central Food Hall และส่วนลดจากร้านค้า-ร้านอาหารตามศูนย์การค้ามูลค่ารวมกว่า
5,000 บาท ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรโรงแรม มอบ Welcome Package นี้ให้ลูกค้าเมื่อเข้าพักที่โรงแรมต่างๆ
รอบศูนย์การค้าแต่ละแห่ง
5.จับมือกับ TRUE Corporation สนับสนุนฟรีซิมการ์ดและ WiFi มอบให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกท่านที่เข้ามาในศูนย์การค้าเซนทรัลสาขาต่าง
ๆ
6.ผนึกกับสายการบินชั้นนำ ทั้งบางกอกแอร์เวย์ส Kris+ และ Pelago by Singapore Airlines, การบินไทย
ไทยสมายล์ เวียตเจ็ทแอร์ เพียงแค่ลูกค้าแสดงบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง
(Boarding Pass) เมื่อมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ก็รับสิทธิพิเศษ
เช่น โวเชอร์ส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล Tops Market Central Food Hall และ TOPS Online พร้อมรับคูปองฟรีเมนูอาหารไทยต้นตำรับเมื่อชอปครบตามมูลค่า
พิเศษลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิกสายการบินพันธมิตร
จะได้สิทธิ์ใช้บริการ เดอะ เอ็กซ์คลูซีฟเลาจน์ได้ 1 ครั้ง ต่อ 2 คน ที่
The Exclusive Lounge สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลวิลเลจ
และสาขาเซ็นทรัลภูเก็ต
7.แทรเวลแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง KLOOK จัดโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าต่างชาติ รับฟรี Starbucks
เมื่อจ่ายครบ 2,000 บาท
รับคูปองอิเลคทรอนิกส์ มูลค่า
100 บาท หรือรับฟรี KLOOK discount code มูลค่า 200 บาท เมื่อใช้จ่ายครบ 2,000 บาท ที่เซ็นทรัล อยุธยา และ 2,500 บาท ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัล
ภูเก็ต พร้อมจัดพื้นที่จุด Pick Up & Drop Off One Day Tour เพื่อบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งเซ็นทรัลเวิลด์
และเซ็นทรัล อยุธยา
อีกทั้งยังเปิดให้บริการ KLOOK Downtown Service Counter บริการด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรแห่งแรกในกรุงเทพฯ
ที่เซ็นทรัลเวิลด์
กลยุทธ์ที่ 2 Springboard Rising Cities : ขยายโครงการต่อเนื่อง ปั้นเมืองดาวรุ่ง
จับคู่เมืองท่องเที่ยวรองกับเมืองหลัก เช่น กรุงเทพฯ - ไปอยุธยา – สุโขทัย เชียงใหม่ - ไปลำพูน – ลำปาง ภูเก็ต – ไปกระบี่ โดยนำจุดแข็งของเซ็นทรัลซึ่งเป็น Fully-Integrated Mixed-Use
Development บริการครบวงจร มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม คอนเวนชั่นฮอลล์ ออฟฟิศ
โมเดลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการปั้นเมืองรอง
เช่น เซ็นทรัล อยุธยา จันทบุรี สร้างการท่องเที่ยวได้ทั้งระบบ ทั้งสร้างแลนด์มาร์กใหม่ให้เมืองผ่านดีไซน์ของโครงการ
รวมถึงเข้าดึงคนเข้าถึงชุมชน ด้วยการร่วมชูเสน่ห์และจุดเด่นของจังหวัดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ช่วยสร้าง ท้องถิ่นในองค์รวม (Local Wealth) กระจายรายได้ถึงมือชุมชนจริง ต่อเนื่องทำโปรแกรมท่องเที่ยวพักค้างนานวัน
สร้างโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกส่งเสริมให้ท่องเที่ยวได้นานวันขึ้น
เช่น ภาคใต้ ชูจุดขายภูเก็ตเมืองหรูหราและการพักผ่อน (Luxury & Leisure) ภาคเหนือ
ใน เชียงใหม่
เชียงราย เด่นด้านเมืองศิลปะแห่งภาคเหนือ (Art Region)
กลยุทธ์ที่ 3 Spotlight on Global Shopping
Destination : ผลักดันกรุงเทพฯ และภูเก็ตเป็นเมืองช้อปปิ้งระดับโลก
พัฒนาหลากหลายฟอร์แมตเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท เช่น เซ็นทรัล วิลเลจ
ลักชูรี่ เอาท์เล็ต แห่งแรกของไทย เซ็นทรัล ภูเก็ต ลักชูรี่ มอลล์
แห่งเดียวในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกของไทย เซ็นทรัลเวิลด์ –
ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์กจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง
พร้อมปรับโฉมโซนใหม่ ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งโซน I (โซน ไอ) และ โซน Hug Thai Hug Craft จุดจำหน่ายสินค้าชุมชนและของฝาก ตลาดจริงใจมาร์เก็ต จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรในชุมชนทั่วประเทศ และ Tourist Malls เซ็นทรัลทั่วประเทศกว่า 15 สาขา เช่น อยุธยาพัทยา เชียงใหม่ สมุย
ข่าวที่ 5 TCEB ชูไมซ์ไทยมนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จชี้เป้าจัดไมซ์5แห่งง5สไตล์
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่า ได้ตอกย้ำแคมเปญสื่อสาร “ไมซ์ไทย มนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ใหม่อุตสาหกรรมไมซ์ไทยด้วยการกระตุ้นหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
จัดประชุม อบรม สัมมนา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้พนักงานในองค์กร สร้างความสามัคคี นำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ
สัมผัสมนต์เสน่ห์ของห้องประชุมที่เปิดกว้างทั่วเมืองไทย
นำเสนอพื้นที่จัดประชุมตามสถานที่โล่งกว้างกว้างแจ้งเสมือนห้องประชุมธรรมชาติที่มีมนต์เสน่ห์เมืองไทย
5 สไตล์ ได้แก่ ทะเล
ภูเขา น้ำตก ชุมชน ระหว่างวันนี้-31
ธันวาคม 2565 สามารถนำค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
การจัดประชุมในประเทศมาได้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 2 เท่า ควบคู่กับการรณรงค์ผ่านแคมเปญ
แคมเปญสื่อสาร “ไมซ์ไทย
มนต์เสน่ห์สู่ความสำเร็จ” แนะนำสถานที่จัดงานทั่วไทย 5
สถานที่ 5 สไตล์ ดังนี้
สไตล์ที่ 1 มนต์เสน่ห์...ห้องประชุมกลางทะเล บนเรือรตีเภตรา จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหมาะกับการจัดประชุมสัมมนา หรือ
เอาท์ติ้งเปิดไอเดียใหม่ ๆ บนเรือสำเภาจีนคลาสสิค รองรับได้ 20 คน เปิดให้เช่าเหมาลำ แบบเช้าไปเย็นกลับ
พร้อมอาหารและเครื่องดื่มบนเรือ โดยมีไกด์มืออาชีพประชุมควบคู่กับชมทิวทัศน์สวยงามของแม่น้ำปราณ
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ระหว่างทางสามารถแวะเกาะเล็ก ๆ ได้
สามารถทำ 2 กิจกรรมหลักได้ คือ
1.ล่องเรือชมธรรมชาติ ประชุมกลุ่มย่อยบนเรือ
หรือแวะจุดพักตามเกาะต่างๆ เช่น เกาะลิง ดอลฟินเบย์ 2.จัดทริปส่วนตัวเส้นทางอนุรักษ์ หรือทำสาธารณประโยชน์ เช่น เก็บขยะปากแม่น้ำปราณ เก็บขยะบนเกาะ
สไตล์ที่ 2 มนต์เสน่ห์...ห้องประชุมกลางสายหมอก ที่ อัยเยอร์เวง
อ.เบตง จ.ยะลา เหมาะกับการนำพนักงานเดินทางเพื่อเป็นรางวัลท่องเที่ยว (incentive) สัมผัสทะเลหมอกแดนใต้ได้ตลอดปีบน
“สกายวอล์คอัยเยอร์เวง” สูงจากระดับน้ำทะเล
2,038 เมตร เพื่อเพิ่มประสบการณ์เดินบนกระจกลอยฟ้าทอดยาวเหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายหมอก
โดยมีวิวขุนเขาเรียงรายสลับซับซ้อน พร้อมกับชมพื้นที่เขาไมโครเวฟ
ของผืนป่าฮาลาบาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลข้ามประเทศไปถึงมาเลเซีย
ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถทำกิจกรรม 1.ชมวิวทะเลหมอกแดนใต้ ที่สามารถชมได้ตลอดปี 2.เยี่ยมชมอดีตหมู่บ้านคอมมิวนิสต์
ท่ามกลางป่าฮาลาบาลา สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมต้นไม้ยักษ์ 3.เดินเล่นในตัวเมืองเบตง
กินอาหารอร่อย ถ่ายภาพสตรีทอาร์ต
ภายในพื้นที่
รองรับที่จอดรถ 300 คัน มีศูนย์บริการสำหรับผู้พิการ บริเวณทางเดินกระจกรองรับรอบละ
50-70 คน จำกัดจำนวนขึ้นอาคารได้สูงสุดไม่เกิน 360 คน
สไตล์ที่ 3 มนต์เสน่ห์...ห้องประชุมกลางชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ชนเผ่าไทกวนบ้านนาถ่อน จ.นครพนม เพิ่มประสบการณ์เรียนรู้วิถิชีวีตของชนเผ่าไทกวนโบราณ
ที่ยังคงรักษาประเพณีและความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เช่น
งานบุญฮีตสิบสอง รำผีหมอ และประเพณีเลี้ยงแสง ซึ่งหาชมได้ที่บ้านนาถ่อนแห่งเดียวเท่านั้น
รองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ 200-300 คน จัดประชุมในบรรยากาศเปิดโล่งประมาณ 100 คน
ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถทำกิจกรรมหลัก
ๆ 1.เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวไทกวน เช่น การลงแขกดํานา การทอผ้า
และการตีเหล็ก การรําผีหมอ การทำเครื่องจักสาน 2.เรียนรู้เกี่ยวกับอาหารชนเผ่า
เช่น การถนอมอาหาร และการประกอบอาหารพื้นบ้าน ชิมวิธีต้มเกลือสินเธาว์ 3.ทดลองทำสปาเกลือ และกัญชาซาวน่า เวิร์กช็อปทำกระเป๋าจักสานจากต้นกก
สไตล์ที่ 4 มนต์เสน่ห์...ห้องประชุมกลางธรรมชาติ ภักดีฟาร์ม
จ.พิษณุโลก ฟาร์มเลี้ยงกวางแห่งเดียวในพิษณุโลกเปิดมากว่า
10 ปี พร้อมทั้งได้ต่อยอดไปสู่ธุรกิจรีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เปิดให้ผู้สนใจได้ชมกวางสายพันธ์รูซ่านิยมเพาะพันธุ์ขาย
และกวางดาว หรือกวางที่เลี้ยงเพื่อความสวยงาม
ดีไซน์จัดประชุมบนร้านอาหารกลางเนินธรรมชาติ รองรับได้ครั้งละไม่เกิน 50 คน เดือนที่เหมาะจะอยู่ในช่วงตุลาคม – พฤศจิกายน
ของปี
ผู้เข้าประชุมสามารถทำกิจกรรม 1.เยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงกวาง และร่วมให้อาหารกวางอย่างใกล้ชิด
2.ทำTeam Building แบบเอาต์ดอร์ เช่น ก่อกองไฟ
จัดกิจกรรมสไตล์คาวบอย
สไตล์ที่ 5 มนต์เสน่ห์...ห้องประชุมกลางทุ่งนา นาเฮียใช้
จ.สุพรรณบุรี เป็นศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
เป็นพื้นที่เกษตรที่มีขนาดใหญ่ รวบรวมองค์ความรู้ใหม่ๆ ในวิถีเกษตร
ภายในแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เช่น เรือนวิถีชาวนาไทยในอดีต และยุ้งเก็บข้าว
ที่จัดแสดงอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต อุปกรณ์ในการทำนา เครื่องมือดักจับปลา
เครื่องมือทำงานไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย
รวมถึงเรือนพระราชกรณียกิจที่บอกเล่าพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่
9 และเรือนหนังสือข้าวที่ให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ข้าว โรค และศัตรูของข้าว
ไฮไลต์
คือ การชมแปลงนาสวย ที่ปลูกให้เป็นรูปร่างต่างๆ ทั้งแผนที่ประเทศไทย
หรือการปลูกข้าวสีเขียวสลับกับต้นข้าวสีดำด้วยการแปลงเป็นอักษรรูปร่างต่างๆ
อีกด้วย
พื้นที่ใช้งาน
มีห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 400 คน พร้อมบริการรถรางนำเที่ยว รถกอล์ฟ ร้านจำหน่ายของฝาก
ผักปลอดสารพิษ ร้านกาแฟสด ร้านอาหาร
กิจกรรมหลัก
ดำนา สไลเดอร์โคลน ชมแปลงนาสาธิต ที่สาธิตการอนุรักษ์และรักษาพันธุ์ข้าว
รวมถึงการปลูกข้าว วิถีชีวิตชาวนาไทย ทำขนมไทย
ชมนิทรรศการข้าวและชาวนา
ข่าวที่ 6 บางจากร่วมTCACชูBCP 316 NETตอบโจทย์สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากได้จัดนิทรรศการแสดงแนวคิดและตัวอย่างผลงานภายใต้แนวคิด
BCP 316 NET นำเสนอผลดำเนินงานด้าน Climate
Action ตามแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจมุ่งสู่เป้าหมาย Net
Zero ของกลุ่มบางจาก ปี ค.ศ. 2050 สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดโลกร้อน
ตอบโจทย์สังคมคาร์บอนต่ำก พร้อมทั้งได้นำคณะผู้บริหารและพนักงานกลุ่มบริษัทบางจากต้อนรับ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย
(Thailand Climate Action Conference (TCAC) ซึ่งเป็นงานที่ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน
ส่วนรายละเอียดการจัดนิทรรศการครั้งนี้ กลุ่มบางจากฯ
นำเสนอภารกิจอย่างหลากหลายเกี่ยวข้องกับอนาคตการลดเลิกการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก
ตั้งแต่การ จัดตั้ง Carbon Markets Club
ร่วมกับหลากหลายองค์กรในการลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำธุรกิจผ่านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
การพัฒนาแพลตฟอร์มมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie สตาร์ทอัพรายแรกของประเทศไทยผู้บุกเบิกให้บริการแพลตฟอร์มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมเครือข่ายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ
รวมทั้งการจัดแสดงตัวอย่าง “หญ้าทะเล” หรือ “บลูคาร์บอน”
เพื่อศึกษาความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน เพื่อดูดซับคาร์บอนในทะเล แผนการผลิต Sustainable
Aviation Fuel (SAF) จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร
ส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงสะอาดอย่างยั่งยืน พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นว่าจะ ลด ละ
เริ่ม เพื่อช่วยโลกได้อย่างไรทั้งปัจจุบันและอนาคตที่จะสร้างความยั่งยืน
ช่วงที่
2 ออกเดินทางเที่ยวอันซีนหน้าฝนได้แล้วที่
“อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” จ.พิษณุโลก ลานและผาสวย ๆ
กับดอกไม้ป่าหลากสายพันธุ์ โดยเฉพาะ “ดอกลิ้นมังกร” ออกปีละครั้งเท่านั้น
กำลังชูช่อเบ่งบานต้อนรับนักท่เงที่ยวสายกรีนอยู่ทั่วผืนป่ากว่า 1.9 ไร่ เที่ยวไทย เที่ยวง่าย ได้ช่วยเศรษฐกิจชาติ แล้วหันมาดูแลสุขภาพ “5สัญญาณฟ้องว่าร่างกายกำลังป่วยต้องรักษาด่วน” และข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ทัวร์เอื้องหลวงผนึกเชฟมิชลิน” ร้าน โบ.ลาน รังสรรเมนูตำรับสุนทรภู่ชวนสมาชิก
ROP ชิมมื้อละ 4,999-7,999 บาท ข่าวที่สอง “ไทยเวียตเจ็ท” บินแล้ว กรุงเทพฯ-ฟูโกว๊ก”
เกาะสวยในเวียดนาม จัดโปรตั๋วเหลือ 2,999 บาทเท่านั้น เริ่มเที่ยวได้ 12 ต.ค.65 เป็นต้นไป
ท่องเที่ยว
-สายกรีนเที่ยว“ภูหินร่องกล้า”พิษณุโลกชมชมลานผา&ดอกไม้สวย
ได้เวลาสายกรีนออกไปผจญภัยเที่ยวหน้าฝนกันแล้ว
“อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” จ.พิษณุโลก เปิดแล้ว ชวนเหล่าสาวกที่ชื่นชอบท่องเที่ยวและพักแรมในอ้อมกอดธรรมชาติผืนป่าชุ่มฉ่ำและสายหมอกยามเช้า
หน้าฝน เดินศึกษาธรรมชาติตามลานสวย ๆ ทั้ง ลานหินปุ่ม ลานหินแตก ผาชูธง ผาหินกบ
ผาคู่รัก ผาหัวใจหิน ผานาคราช โรงเรียนการเมืองการทหาร น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร
ห้ามพลาด !!
สำรวจ “ดอกไม้” ป่าหลากชนิด
กำลังชูช่อสีสดใสเบ่งบานต้อนรับคนรักธรรมชาติ มาเยี่ยมชม มีทั้งดอกช้างงาเดียว ดอกเปราะภูขาว
เปราะหิน ม่วงพนาวัน ดอกเอนอ้าขน กูดเกี๊ยะ ดอกตาเหินไหว
เมื่อไปถึงภูหินร่องกล้าแล้ว สิงหาคมหรือกันยายนนี้ “ดอกลิ้นมังกร”
สายพันธุ์หายาก 1
ปีมีชื่นชมเพียงครั้งเดียว ตอนนี้กำลังชูดอกเบ่งบานอยู่บริเวณโขดหินหน้าน้ำตกหมันแดง
สำหรับ “อุทยานแห่งชาตภูหินร่องกล้า”
เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 191,875 ไร่ เชื่อมต่อกันถึง 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และจังหวัดเลย หน้าฝนจะเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน
ทั้งพรรณไม้ที่ชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ กับแหล่งเช็กอินทางธรรมชาติ
สถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหล เที่ยวได้ต่อเนื่องไปจนถึงฤดูหนาวของทุกปีได้ด้วย
ทางอุทยานแห่งชาติ
เก็บค่าบริการคนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ
ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ปัจจุบันมีกติกาให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
ก่อนเดินทางโทร.สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08 1596 5977
สุขภาพ- 5สัญญาณฟ้องว่าร่างกายของคนเรากำลังป่วยต้องรีบดูแลรักษาด่วน
สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญต้องใส่ใจดูแล หากมี “ลักษณะอาการบางอย่าง” เกิดขึ้นกับร่างกายของเราอาจมองดูเป็นเรื่องเล็กน้อย
แต่อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติบางอย่างได้
ดังนั้นจึงไม่ควรเพิกเฉยแล้วปล่อยไว้จนลุกลามถึงขึ้นกลายเป็นโรคร้ายแรงที่ยากจะรักษา
ควรดูแลทันที จาก 10 สัญญาณดังนี้
1.ถึงเวลาอาหารแล้วไม่หิว -หากเรากินอาหารวันละแค่ 1-2 มื้อก็อยู่ได้
อาการเช่นนี้แสดงว่าระบบการะเพาะอาหารและลำไส้ทำงานผิดปกติ เป็นสัญญาณเตือนถึงระบบย่อยและดูดซึมอาหารมีปัญหา
ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมนำไปใช้ได้เลย เมื่อนานวันเข้า ร่างกายจะค่อย ๆ
ขากสารอาหาร ทำให้ไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคได้ง่ายมาก ยิ่งปล่อยไว้จนไม่มีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเพียงพอ
กรณีหนักสุดคืออาจนำปสู่การเป็นมะเร็งทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นที่กระเพาะอาหาร
ลำไส้ รวมถึงตับและตับอ่อน ได้
2.
ดื่มน้ำเท่าไรคอก็ยังแห้ง เกิดจาก สาเหตุแรก ภายในร่างกายมีอาการร้อนใน ของเหลว
(นอกเหนือจากน้ำ) ในร่างกายมีปริมาณไม่เพียงพอ สาเหตุที่ 2 เลือดหมุนเวียนไม่ดี
ทำให้การหมุนเวียนน้ำในร่างกายพลอยไหลเวียนไม่ดีตามไปด้วย
เมื่อเลือดไปหล่อเลี้ยงบริเวณลำคอไม่เพียงพอ จะส่งผลให้รู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำ
3.นอนหลับเท่าไรก็ไม่พอ
-นอนมากเท่าไรก็ไม่อิ่ม บางคนอาจรู้สึกง่วงช่วงกลางวันอยู่บ่อย ๆ
อาการแบบนี้เกิดขึ้นจากพลังงานในร่างกายไม่เพียงพอเหมือนกับแบตเตอรี่มือถือที่เก็บประจุไฟได้น้อย
เมื่อถูกใช้ไปเพียงนิดเดียว พลังงานก็จะหมดง่าย
อาการนี้บ่งชี้ว่าร่างกายขาดพลังงานอันเป็นผลมาจากนิสัยการใช้ชีวิตที่ผิด
ทั้งเรื่องการกิน การนอนพักผ่อน หากปล่อยไว้ไม่รีบแก้ไข
อวัยวะภายในทุกส่วนจะเสื่อมสภาพเร็วเหมือนกับแบตมือถือนั่นเอง
4.ลุกเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน -อาการนี้บ่งชี้ว่าไตไม่แข็งแรง
จึงไม่สามารถดูดน้ำส่วนเกินกลับเข้าสู่ร่างกายได้มากพอ ทำให้มีน้ำปัสสาวะออกมามาก
เป็นเหตุให้ต้องลุกปัสสาวะตอนกลางคืน หากไม่รักษาไตให้แข็งแรง
จะส่งผลให้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน เข่าเสื่อม และหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมทับเส้นประสาทตามมา
เพราะไตมีความเชื่อมโยงกับกระดูกภายใต้กลไกของร่างกายที่ซับซ้อน อธิบายได้ง่าย ๆ
ว่า หากไตไม่แข็งแรง
แคลเซียมที่ควรจะถูกดูดกลับไปใช้งานในร่างกายจะรั่วออกมาทางน้ำปัสสาวะมาก
ทำให้กระดูกเสื่อมสภาพเร็ว
5.
ปวดเมื่อยตัวแบบเป็น ๆ หาย ๆ อาการที่หลายคนเป็นกันบ่อย ๆ
บ่งชี้ได้ว่าระบบไหลเวียนเลือดทำงานผิดปกติจากหลายสาเหตุด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเลือดน้อยไป น้ำเลือดน้อยไป เลือดข้นหนืดไป
หรือมีสารพิษตกค้างในร่างกาย หากปล่อยเอาไว้นาน
โดยไม่รีบรักษาจะทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายตีบตันได้ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคร้ายอย่างเช่น
โรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน และมะเร็งตับได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
ทัวร์เอื้องหลวงควงเชฟมิชลินรังสรรรค์รายได้มื้อละ4.9-7.9พันบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทาง รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ (ROH) กับทัวร์เอื้องหลวง ได้นำกลยุทธ์เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างรายได้
ด้วยการนำ “ซอฟ์ เพาเวอร์” เข้ามาส่งเสริมสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทยพัฒนาจุดขายใหม่ ๆ
ผสมผสานเข้ากับประสบการณ์พิเศษศิลปวัฒนธรรมด้านประวัติศาสตร์ให้ลูกค้า ด้วยวิธีเล่าเรื่องผ่านอาหาร
ล่าสุด บริษัท ทัวร์เอื้องหลวง
จำกัด เชิญ เชฟระดับมิชลินสตาร์ 2013 เชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ แห่งร้านเดอะ ฟู้ดทรรศน์ บางกอก (โบ.ลาน) จัดคิดค้นรังสรรค์สำรับอาหารไทยระดับพรีเมี่ยมเป็นพิเศษให้เฉพาะลูกค้าทัวร์เอื้องหลวงเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “The Experience” ของการบินไทย นำเสนอผ่านอายตนะ 6 ได้แก่
การมองเห็น ลิ้มรส การดมกลิ่น การได้ยิน การสัมผัส และการสัมผัสจากใจ
มอบสิทธิ์นี้ให้ลูกค้ารอยัล
ออร์คิด พลัส บริการที่ เดอะฟู้ดทรรศน์ บางกอก (โบ.ลาน) สุขุมวิท 53
ในราคาคนละ 4,900 บาท เพิ่ม Wine Pairing จ่ายเพิ่มอีกคนละ 2,500 บาท จะเสิร์ฟทั้งหมดเพียง 3 รอบ ได้แก่ วันอาทิตย์ที่
11 กันยายน วันอาทิตย์ที่
9 ตุลาคม วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เวลา
18.00 น.
พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้
สมาชิก รอยัล ออร์คิด พลัส
รับโบนัสไมล์สะสมเพิ่ม 1,000 ไมล์ และรับเพิ่มอีก 1,000 ไมล์ หากชำระผ่านบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด
สำหรับการสร้างสรรค์เมนูสำรับไทยโดยเชฟมิชลิน
ครั้งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมสุนทรภู่สู่สำรับเมนู โบ.ลาน โภชนวรรณคดี
เรื่องพระอภัยมณี ตอนอภิเษกหัสไชยที่ออกแบบสำรับอาหารไทย
มี คุณสริยา กัมปนาถแสนยากร
Wine Educator
ให้คำแนะนำเรื่องไวน์ที่เหมากับสำรับพระอภัยมณี เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสของอาหาร
และประสบการณ์อาหารรสเลิศของไทย สนใจสำรองที่นั่งมื้อพิเศษของทัวร์
เอื้องหลวงการบินไทยได้โดยเพิ่ม Line OA : @roh.tg หรืออีเมล roh.booking@thaiairways.com
ข่าวที่สอง -ไทยเวียตเจ็ทบินเพิ่มกรุงเทพฯ-ฟูโกว๊ก12ต.ค.ขายตั๋วโปร2,999บาท
นายวรเนติ
หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า ไทยเวียตเจ็ท วางแผนเปิดบินบริการระหว่างประเทศ เส้นทางใหม่เพิ่มอีก 1
จุด ไป-กลับ กรุงเทพฯ
(สุวรรณภูมิ)-ฟูโกว๊ก เกาะในเวียดนาม เริ่มฤดูท่องเที่ยวไฮซีซันนี้ ตั้งแต่ 12
ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ทุก ๆ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 15 นาที
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้การบินร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยและเวียดนามไปพร้อม
ๆ กัน
โดยได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ “Deluxe ดีต่อใจ” ขายตั๋วโดยสารเที่ยวบินเส้นทางดังกล่าว
ราคาเริ่มต้นเพียง 2,999 บาท
(รวมภาษีและค่าธรรมเนียม)เริ่มวันที่ 25 - 31 สิงหาคม 2565 ซื้อแล้วสามารถนำไปใช้เดินทางได้ข้ามปีตั้งแต่ 15 กันยายน 2565 - 25 มีนาคม 2566 ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แบบดีลักซ์ ฟรีทั้งน้ำหนักสัมภาระกระเป๋า 20 กิโลกรัม เลือกที่นั่งได้ บริการเช็คอินช่องทางพิเศษ
เปลี่ยนเที่ยวบินไม่จำกัดจำนวนครั้ง จองซื้อตั๋วโดยสารราคาพิเศษทางเว็บไซต์ th.vietjetair.com
สำหรับ “ฟูโกว๊ก”
เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในเอเชีย แปซิฟิก ของนักเดินทางคนไทย ด้วยภูมิประเทศอันสวยงาม
และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ถือเป็นเกาะสวรรค์ขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของเวียดนาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทางทะเลน้ำใสสีเทอร์ควอยซ์
มีวิถีหมู่บ้านชาวประมง กระเช้าลอยฟ้า
รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม
ส่วน “กรุงเทพมหานคร” ก็เป็นเมืองมหานครท่องเที่ยวครองใจตลาดเวียดนาม
ซึ่งชื่นชอบทัศนียภาพอันสวยงามขณะล่องเรือชิมวิวบนแม่น้ำเจ้าพระยา
ความตระการตาของพระบรมมหาราชวัง และความมีชีวิตชีวาของตลาดนัดกลางคืน
ปัจจุบันไทยเวียตเจ็ทกับ เวียตเจ็ท
(เวียดนาม) ให้บริการเที่ยวบินระหว่างไทยและเวียดนาม จาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ปลายทางเมืองท่องเที่ยว
3 แห่ง ได้แก่ ฮานอย โฮจิมินห์
ดานัง และบินตรงจากภูเก็ต สู่ โฮจิมินห์ อีกเส้นทาง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น