ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

TCEBนำเอ็กซิบิชั่นไมซ์ปี66ทำรายได้เกินเป้า21,400ล้านบาท เพิ่ม 4 ยุทธศาสตร์ 4 บาทบาทใหม่

 TCEBเซอร์ไพรส์นำทัพเอ็กซิบิชั่นปี’66โกยเงินเกินเป้า2.1หมื่นล้าน

ชู4ยุทธศาสตร์เพิ่ม4บทบาท“ผู้ร่วมมือ-ลงทุน-ประสาน-นำความคิด”

ยึดหัวหาดEECดึงไมซ์อินเตอร์บูมนวัตกรรมจับคู่ค้าขาย12SCURVE

สมัครบัตรคิงเพาเวอร์4สาขา-4สนามบิน-ออนไลน์แจกส่วนลดอื้อ

คิงเพาเวอร์ทุกอย่างเป็นไปได้ช้อปดับร้อน4สาขา3สเต็ปลด20%

พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดเต็ม“เกล็นบาร์”ดีสุดในกทม.กินดื่มลด30%

ททท.บุกATM2023ชิงตลาดตะวันออกกลางทัวร์สุขภาพ/รักษ์โลก

บางจากนำCarbonMarketsClubคว้ารางวัลความยั่งยืนด้านวิทย์

TCEBดึงเอกชนร่วมฟรียกระดับไมซ์สู้วิกฤตโลกร้อน19พ.ค./14มิ.ย.

เที่ยวตราดดับร้อน5พิกัด5เกาะ “ช้าง-กูด-หมาก-ขาม-ขายหัวเราะ

4วิธีดูแลตัวเองอย่างไรป้องกันไม่ให้ทรมานจากอาการปวดหลัง

ก.ท่องเที่ยวชี้สัปดาห์แรกพ.ค.66ต่างชาติแห่เที่ยวไทย5.2แสนคน

เอ็น.ซี.ซี.กระหน่ำจัดตลอดพ.ค.นี้5อีเวนต์ช้อปมันส์ที่ศูนย์สิริกิตติ์

 


วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TCEB  #บางจาก #เที่ยวตราด5พิกัด5เกาะ 

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้...https://fb.watch/klCsH4b9UP/

ช่วงที่ 1 สุดเซอร์ไพรส์กับ ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibition) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” นำธุรกิจเอ็กซิบิชั่นฟื้นเร็วโตเกินเป้าเท่าตัว จบปี’66 ได้แน่ 21,400 ล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งไว้เพียง 16,000 ล้านบาท ใช้กลยุทธ์เด็ด 4 ยุทธศาสตร์ เปิดเกมผู้เล่น 4 บทบาท “ผู้ร่วมมือ-ผู้ประสาน-ผู้ลงทุน-ผู้นำทางความคิด” กอดคอทุกภาคส่วนทะลวงตลาดโลกทะลักเข้าไทย กวาดเรียบทั้งงานขนาดเล็ก-ลาง-ใหญ่ ยึดไข่แดง EEC ศูนย์กลางจับคู่งานอินเตอร์กับกำลังซื้อ SCURVE 12 อุตสาหกรรม

นายดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibition) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดจัดแสดงสินค้านานาชาติฟื้นตัวโดยไทยเป็นประเทศจากการเตรียมพร้อมติดอันดับ 1 ใน 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2565 ได้จัดงานแบบวิถีใหม่ (New Normal) ดูแลควบคุมการจัดงานด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเสริมผนวกเข้ากับการจัดไมซ์อย่างยั่งยืน โดยได้บ่มเพาะผู้ประกอบการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขมาตั้งแต่ปี 2563-2564 จนกระทั่งปัจจุบันไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางจัดงานเอ็กซิบิชั่นเบอร์ 1 แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 


คาดปี 2566 จะมีงานเอ็กซิบิชั่นตลาดต่างประเทศเข้ามาจัดในไทยประมาณ 180 งาน ตลอดปีนี้เฉพาะตลาดเอ็กซิบิชั่นมีแนวโน้มจะทำรายได้เข้าประเทศเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่าตัว คาดจบปีนี้จะมีรายได้ 21,400 ล้านบาท โดยมีนักทางเชิงธุรกิจเพื่อเข้าร่วมงานแสดงสินค้าไม่ต่ำกว่า 300,000 คน ซึ่งเดิมตั้งเป้าหมายจะผลักดันทำรายได้ประมาณ 16,000 ล้านบาท จากจำนวน 160,000 คน แต่ผลประกอบการครึ่งแรกปีนี้สามารถทำรายได้เข้ามาแล้ว 14,000 ล้านบาท จาก 220,000 คน 

 

เนื่องจากมีอุตสาหกรรมใหม่ต่อเนื่องเข้ามาจัดอยู่ตลอด ผนวกกับการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขควบคุมโควิด-19 ระบาด ทำให้ทั่วโลกเกิดความมั่นใจและพร้อมที่จะเคลื่อนคนเข้ามาจัดงานในเมืองไทย ถือเป็นจุดแข็งจากความร่วมมือสร้างความพร้อมของทั้งภาครัฐและเอกชนทุกฝ่าย เป็นแรงส่งทำให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการจัดเอ็กซิบิชั่นไมซ์ที่ได้รับความนิยมจากตลาดทั่วโลกฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว

ส่วนสถานการณ์ครึ่งแรกปี 2566 ทีเส็บดำเนินงานภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

 

ยุทธศาสตร์ที่ 1 เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขัน ทีเส็บได้บ่มเพาะโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมให้ทุกคนพัฒนาอย่างทันที และขับเคลื่อนโดยให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจหรือ outcome มากกว่าจะเป็นเพียงงานที่มีผู้เข้าร่วมจนำวนมากเพียงอย่างเดียว

 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 การจัดงานเอ็กซิบิชั่นโดยมีความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นตลาดต่างประเทศ หรือในประเทศ ทุกงานจะแสวงหาการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ทีเส็บมีไกด์ไลน์ให้ผู้ประกอบการแต่ละงานจึงจัดได้อย่างมีคุณภาพ เช่นเดียวกับต่างประเทศที่นำงานมาจัดในเมืองไทยต่างก็สบายใจ

 

ยุทธศาสตร์ที่ 3 Innovative Solution ผลักดันให้การจัดงานไมซ์มีความสะดวกและง่ายต่อโลกมากขึ้น ขยายผลและลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด

 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 Build Agile บูรณาการทำงานภายในองค์กรรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้มีความสามารถมากขึ้น เช่น ช่างไฟ หรือฝ่ายอื่น ๆ ไม่ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่อีกต่อไป

 

นายดวงเด็ดกล่าวว่าสถานการณ์ต่อไปครึ่งหลังปี 2566 ทีเส็บคุยกับออร์กาไนเซอร์หลายส่วน เป้าหมายยังคงเป็น กลุ่มที่ 1 อยู่ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   สิงคโปร์ ฮ่องกง ทั้งสองประเทศมีความเคลื่อนไหวต้องการสถานที่ใหม่เป็นจุดหมายปลายทางการจัดงานเอ็กซิบิชั่น ทางไทยเองก็ร่วมกับมือพันธมิตรสถานที่จัดงานหรือ Venue ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่อยู่จำนวนมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมทันสมัย ร่วมมือกับลูกค้าที่นำงานเข้ามาจัดในไทย นับเป็นยุทธศาสตร์เป็นพันธมิตรร่วมกัน

 

กลุ่มที่ 2 ออร์กาไนเซอร์ในตลาดยุโรป อังกฤษ เยอรมัน 2 ประเทศหลักที่มีการเคลื่อนตัวสร้างการเติบโตเลือกจะมาจัดงานในประเทศแถบเอเชีย ทีเส็บจึงผลักดันไทยเป็นประเทศแรกที่จะนำงานเข้ามาจัด ปี 2566 คาดหวังจะทำสถิติใหม่ทำได้ไม่น้อยกว่า 26 งาน จำนวนสูงมากหากเปรียบเทียบกับการเพิ่งจะกลับมาเปิดประเทศหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19

 

ส่วนขนาดการจัดงานเอ็กซิบิชั่น แบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรก ขนาด 1,000-3,000 ตารางเมตร มีจำนวนมากที่สุดประมาณ 50 % ส่วนที่สอง ขนาดกลาง 3,000-6,000 ตารางเมตร มีประมาณ 30 % ส่วนที่สาม ขนาดใหญ่เกิน 6,000 ตารางเมตรขึ้นไป การเคลื่อนตัวลำบากมีประมาณ 1-2 งาน

ล่าสุดทีเส็บได้ปรับบทบาทจาก“ผู้สนับสนุน” เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ใช้วิธีอัดฉีดเงินงบประมาณเหมือนกันแต่ทีเส็บปรับใหม่เพิ่มเป็น 4 บทบาท คือ  บทบาทที่ 1 ผู้ร่วมสร้าง กรณีมีผู้จัดการงานใหม่ ๆ เข้ามาก็จะเข้าไปร่วมสร้างแพทเทิร์นใหม่  ๆ ให้ความร่วมมือพูดคุยข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้นำงานเข้ามาจัดเกิดความมั่นใจถึงกำลังซื้อมีอยู่จริง ยุทธศาสตร์สำคัญตอนนี้คือการทำงานร่วมกับทางเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) มีกำลังซื้อเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมหาศาลซึ่งพร้อมจะเดินเยี่ยมชม และซื้อเทคโนโลยีทั้งหลายหากมีงานเข้ามาจัดยังพื้นที่ดังกล่าว

 

บทบาทที่ 2 ผู้ประสานงานอำนวยความสะดวกหรือ Collaborator หลายครั้งการจัดงานจิวเวอรี่ เครื่องสำอางค์ จะมีกฎระเบียบค่อนข้างเคร่งครัด ทีเส็บจะช่วยประสานกับหน่วยงานกำกับดูแลระเบียบหารือกันเพื่อหาวิธีนำสินค้าเข้าและออกภายใต้กฎหมายของประเทศที่รองรับอยู่ ซึ่งภาครัฐค่อนข้างให้ความสำคัญและร่วมมือเป็นอย่างดี สร้างความสามารถทางการแข่งขันจนทำให้ไทยชิงงานมาจัดในไทยได้หลายงาน

 

บทบาทที่ 3 ผู้ร่วมลงทุนกับงานต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์และมีเป้าหมายดึงนักเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาชมงานในบ้านเรา เพราะจะได้ค่าใช้จ่ายจากการเดินทางเชิงธุรกิจที่มาดูงานแสดงสินค้าสูงกว่านักเดินทางปกติทั่วไปถึง 3 เท่า ตอนนี้เฉลี่ยทำได้ประมาณ 66,000 บาท/คน/ทริป

 

บทบาที่ 4 ผู้นำทางความคิดให้อุตสาหกรรม หรือ Thought Leadership โดยมีนักวิจัยและหาข้อมูลอนาคตเพื่อบอกถึงเทรนด์อนาคตอีก 3-5 ปี จะเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมไมซ์บ้าง จากนั้นก็นำข้อมูลมาเตรียมผู้ประกอบการในประเทศ ตัวอย่างตอนช่วงเกิดโควิด-19 ทีเส็บทำโครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการหลายเรื่อง พอเปิดประเทศเอกชนก็ดำเนินการได้ทันที

 

นายดวงเด็ดกล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังปี 2566 ทีเส็บจะนำงานใหม่ ๆ เข้ามาจัดในเมืองไทยโดยภาพรวมงานที่ทีเส็บนำเข้ามาจัดในไทยจะมุ่งตอบสนองอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วย 2 มิติ คือ มิติแรก “งานที่สร้างความยั่งยืน” เมื่อนำมาจัดแล้วจะต้องจัดต่อเนื่องในไทย สร้างความมั่นคงสูง ซึ่งทีเส็บจะนำไปวิเคราะห์ลักษณะงานควรจะสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติโดยเฉพาะอุตสาหกรรมในประเทศที่รัฐบาลมุ่งสนับสนุนเต็มที่ 12 SCURVE เมื่อมีงานแสดงสินค้าเครื่องจักร นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดความมั่นใจกำลังซื้อในประเทศจะมีมากเพียงพอ แล้วยังสามารถดึงกำลังซื้อจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม เข้ามาได้ด้วย เช่น งานจิวเวอรี่ เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หรืองานโลจิสติกส์ โรโบติก ซึ่งจะสนับสนุนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม

 

มิติที่ 2 งานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EVหรือระบบรถยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ ซึ่งไทยลงทุนค่อนข้าง หรืองานเกี่ยวข้องดิจิทัลเทค (digital Tech) ผลักดันประเทศเข้าสู่เทรนด์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐเช่นกัน

 

นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับออร์กาไนเซอร์ต่างประเทศ ดึงการแสดงสินค้าด้านพลังงานมาไทย เริ่มเดือนพฤษภาคม 2566 มีงาน FUTURE ENERGY เน้นการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานแห่งอนาคต ซึ่งจะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาแล้ว ยังเน้นนำองค์ความรู้ต่าง ๆ มาใส่ด้วย ในอดีตเมื่อกล่าวถึงรถยนต์ระบบไฟฟ้า EV ภายในเวลาไม่กี่ปีนวัตกรรมการชาร์ตแบตเตอรี่รถยนต์ใช้เวลาไม่นานก็ชาร์ตได้เต็มแล้ว รวมทั้งงานเกี่ยวกับเครื่องใช้ที่ประหยัดพลังงานด้วย

 

สำหรับงานที่เกี่ยวข้องความยั่งยืนทางพลังงาน ขณะนี้มีบริษัทขนาดใหญ่ในเมืองไทยจัดงานขึ้นเองแล้ว เช่น ไทยเบฟ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในวันนี้ไทยเป็นผู้นำด้านการจัดงานขนาดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังลงลึกไปถึงวางรูปแบบการจัดงานตามแนวทางส่งเสริมลดโลกร้อน ลดการใช้พลาสติก ลดพลังงาน ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองทั้งหลาย แล้วนำกลับไปรีไซเคิลได้

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 สมัครบัตรคิงเพาเวอร์4สาขา-4สนามบิน-ออนไลน์แจกส่วนลดอื้อ

 

ร้อนนี้..พลัสความเป็นไปได้ให้มากกว่าเพียง “สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์” วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2566รับคูปองส่วนลด 15% นำไปช้อปสินค้า 1 ชิ้น เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET และเติมเงิน 20,000 บาท พร้อมรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

 

สมัครง่ายผ่าน 2 ช่องทาง ที่ คิง เพาเวอร์ 4 สาขา รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต และ LINE Official Account : @KINGPOWER

 

หรือเแวะช้อปที่ “สนามบิน” ดับร้อนกันดีกว่า! แล้วสมัคร SCARLET รับคูปองส่วนลด 15% และสมัคร NAVYรับส่วนลด 10% พร้อมส่วนลดทุกการช้อป 5% สมัครง่ายที่ คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต

 

พิเศษ! สมัครและผูกบัญชีสมาชิกออนไลน์ ใช้เงินในบัญชีสมาชิก ช้อปดิวตี้ ฟรี ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์และแอป KINGPOWER ได้ทุกเวลา

 

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ทุกอย่างเป็นไปได้ช้อปดับร้อน4สาขา3สเต็ปลด20%

 

ร้อนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ที่ คิง เพาเวอร์ มีทริป? ชอบส่วนลด? ชอบช้อป? ต้องมาร่วมสเต็ปช้อปโดนใจ   ได้ตามร้านออนกราวนด์ทั้ง 4 สาขา ที่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต มีเวลาเลือกสินค้าที่ใช่ในโปรโมชั่นดับร้อนได้อีกถึง 48 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 6-7 พฤษภาคม 2566 กับ 3 สเต็ป ดังนี้

 

สเต็ป 1 : สมาชิก คิง เพาเวอร์  ช้อปโดนใจ ลดสูงสุด 20% เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ

สเต็ป 2 :  ลงทะเบียนก่อนช้อป  ที่ https://onestop.kingpower.com/PreRegister รับฟรี! คูปองส่วนลด 2,000 บาท สำหรับช้อป 25,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จ ใช้ได้คนละ1 สิทธิ์/วัน

 

สเต็ป 3 :  รับคูปองส่วนลดเพิ่ม เมื่อช้อปครบ 25,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) คูปองส่วนลด 1,000 บาท เมื่อใช้ช้อป 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ ใบเสร็จ ใช้ได้คนละ 1 สิทธิ์/วัน

 

ข่าวที่ 3 พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดเต็ม“เกล็นบาร์”ดีสุดในกทม.กินดื่มลด15-30%

 

โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ชวนผู้ที่กำลังมองหาสถานที่สังสรรค์กับเพื่อนหลังเลิกงาน ต้องมาที่ห้อง 'เกล็นบาร์' ของโรงแรม รับทันทีเมื่อสั่งเมนูจานเดี่ยว a la carte ส่วนลด 30% และเครื่องดื่มไม่รวมแอลกอฮอล์ ส่วนลด 15% พร้อมดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มจาก คุณเก่งมิกโซโลจิสต์ของเราและเพลิดเพลินด้วยเสียงเพลงจากวงดนตรีสด  

 

ห้อง 'เกล็นบาร์' เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.00 – 01.00 น. ชมดนตรีสด วันพฤหัสบดี – วันเสาร์ เวลา 20.30 – 22.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติม หรือ โทร 02 680 9999

 

เกล็น บาร์” เป็นหนึ่งในบาร์ดีที่สุดในกรุงเทพ ต้อนรับทุกคนเข้ามาเปิดประสบการณ์ยามค่ำคืนกับบาร์ดีไซน์ตกแต่งทันสมัย เน้นโทนสีดำ-เทาสุดเท่ ผสานเข้ากับความเป็นไทยที่ทางบาร์ได้นำสัญลักษณ์ขวดโหลเหล้าดองสมุนไพรต่าง ๆ มาจัดวางบนเคาน์เตอร์เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศกลิ่นอายวัฒนธรรมการกิน-ดื่มแบบไทย ๆ เหมาะเป็นร้านน่านั่งในกรุงเทพฯ เพื่อการการพักผ่อนหลังเลิกงาน การรวมกลุ่มสังสรรค์ หรือจัดธีมปาร์ตี้แบบส่วนตัว เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 17.00-01.00 น.

 

พร้อมอร่อยกับ “เมนูอาหารไทย” สุดสร้างสรรค์ จานเด็ด “ของว่าง” ไปจนถึงอาหาร “จานหลัก” อย่างเฟรนช์ฟรายส์รสต้มยำกุ้ง หอยนางรมแปซิฟิกเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มมะนาวและพริกเผา หรือผัดกระเพรากุ้งล็อบสเตอร์แคนาดา และลิ้มลองเครื่องดื่มหลากหลาย ตั้งแต่คลาสสิคชนิดต่าง ๆ โดยฝีมือมิกโซโลจิสต์ของเรารังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษตามใจคุณ ไปจนถึงสูตรพิเศษแบบไทย ๆ รสชาติร้อนแรง แปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทล ‘สุดใจ’ ซึ่งใช้รัมผสมกับผลไม้ดอง หรือ ‘สเน่ห์’ รัมผสมกับกระเจี๊ยบสูตรเฉพาะของเกล็น บาร์ อีกหนึ่งร้านน่านั่งในกรุงเทพฯ เสิร์ฟเครื่องดื่มสุดล้ำที่หาไม่ได้จากบาร์แห่งอื่นอย่างแน่นอน

 

ข่าวที่ 4 ททท.บุกATM2023ชิงตลาดตะวันออกกลางทัวร์สุขภาพ/รักษ์โลก

 

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท.นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 46 ราย ร่วมงาน ATM : Arabian Travel Market 2023 มหกรรมส่งเสริมการขายท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก ซึ่งจะเป็นโอกาสส่งเสริมท่องเที่ยวไทยในกลุ่มตลาดตะวันออกกลางซึ่งมีคุณภาพและศักยภาพทั้งรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดสุดตลาดหนึ่งของไทย โดยใช้จ่ายสูงและมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวมหรือ Health & Wellness กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวยั่งยืนดูแลสิ่งแวดล้อม (Sustainable Travel)

 

ตลอดงานนี้ ททท.วางกลยุทธ์ นำเมืองไทยส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ด้วย Soft Power ทั้ง 5F : Food Fight Fashion Film และ Festival สร้างความทรงจำและความประทับใจให้นักท่องเที่ยว ควบคู่การให้ความสำคัญกับชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายทำ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหรือ Sustainable Tourism Goals (STGs) ต่อยอดจากแนวคิด 17 เป้าหมาย การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ เร่งผลักดันเอกชนและผู้ให้บริการ (Shape Supply) ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ได้แก่ การบริหารจัดการ เศรษฐกิจและสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวมูลค่าสูง (High Value) และจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable) อย่างแท้จริง

 

ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้ามาเมื่อปี 2565 รวมทั้งสิ้น 314,882 คน ในจำนวนนี้มีตลาดหลักเป็นนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย 100,000 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE :United Arab Emirate) 66,000 คน และโดยภาพรวมนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเข้าเมืองไทยได้ช่วยสร้างเศรษฐกิจให้คึกคักจาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยแรก ใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวสูง ปัจจัยที่ 2 มีระยะเวลาวันพักเฉลี่ยยาวเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงสถานการณ์ปกติปี 2562 นักท่องเที่ยวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใช้เงินเฉลี่ยวันละกว่า 220 ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมีวันพักค้างเฉลี่ยสูงถึง 11.14 วัน/คน/ทริป

 

ส่วนการเข้าร่วมขายในงาน ATM 2023 เมืองดูไบ ครั้งนี้ พิธีเปิดคูหาประเทศไทยได้รับเกียรติจาก นายสรยุทธ ชาสมบัติ เอกอัครราชทูตประจำกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. พร้อมผู้บริหาร ททท. เข้าร่วม ตลอดงาน 4 วัน ได้จัด 4 กิจกรรม ได้แก่

 

กิจกรรมแรก การจับคู่เจรจาธุรกิจ โดย ททท.นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 46 ราย มีธุรกิจโรงแรม 32 ราย ธุรกิจนำเที่ยว 10 ราย แหล่งท่องเที่ยว 3 ราย และแพลตฟอร์มทางการท่องเที่ยว 1 ราย ร่วมเจรจาพร้อมกับนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทยกับบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ตะวันออกกลาง  

 

กิจกรรมที่ 2 สาธิตวิถีไทย เช่น ร้อยลูกปัดชุดโนรา บุหงารำไป วาดพัดกระดาษสา และการแสดงร่วมสมัยต่าง ๆ

 

กิจกรรมที่ 3 ให้ข่าวสารการท่องเที่ยว เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวของไทย นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด Amazing New Chapters ด้วยแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ แจกสื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ทั้งในรูปแบบ VDO และ e-Brochure

 

กิจกรรมที่ 4 ผู้บริหาร ททท. ร่วมเจรจาทิศทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวร่วมกับสายการบินพันธมิตรในตะวันออกกลาง เดินหน้าเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและขยายเส้นทางเดินทางเข้าเมืองไทย

 

ข่าวที่ 5 บางจากนำCarbonMarketsClubคว้ารางวัลความยั่งยืนด้านวิทย์

 

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในฐานะประธาน Carbon Markets Club ได้เป็นตัวแทนรับรางวัลเกียรติยศ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล Mahidol Science Environment & Sustainability Award 2023 ประเภทองค์กร จากรองศาสตราจารย์ ดร. พลังพล คงเสรี คณบดี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจาก Carbon Markets Club ซึ่งมีบางจากฯ ริเริ่มก่อตั้งขึ้นร่วมกับพันธมิตรรวม 11 องค์กร เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยมีบทบาทหน้าที่เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ภาวะโลกร้อน 2.การชดเชยคาร์บอน และ 3.ส่งเสริมตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างเป็นรูปธรรม

 

โดยได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นแบบอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้สังคม และมีบทบาทเป็นผู้นำการสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อมให้ข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์

 

หลังจากรับรางวัล “นางกลอยตา” ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง “Carbon Markets Club ชวน ลด ละ เริ่ม เพื่อโลก เพื่อเรา” พร้อมกับทาง Carbon Markets Club ร่วมจัดนิทรรศการและรับสมัครสมาชิกทำกิจกรรม “ปฏิบัติการสำรวจธรรมชาติในเมือง City Nature Challenge” คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท

 

ขณะนี้ยังคงเปิดรับผู้สนใจเข้าร่วม Carbon Markets Club ได้ฟรี โดยสมัครสมาชิกทั้งประเภทองค์กรหรือบุคคล สมัครผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.carbonmarketsclub.com

 

ซึ่งทาง บมจ.บางจาก ได้เดินหน้าขยายกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ๆ (New Frontier Businesses) เช่น ธุรกิจแรก แพลตฟอร์มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เปิดสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) ผู้ลงทุน Corporate Venture Capital เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศน์สร้างนวัตกรรมสีเขียว ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ

 

รวมทั้งได้ก่อตั้ง Carbon Markets Club เดินหน้าส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium ขานรับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ. 2030 และลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะต้องรวมพลังพันธมิตรจากหลายภาคส่วนร่วมสนับสนุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

 

ข่าวที่ 6 TCEBดึงเอกชนร่วมฟรียกระดับไมซ์สู้วิกฤตโลกร้อน19พ.ค./14มิ.ย.

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ทีเส็บก้าวไปอีกขั้นจากการจัดงานอย่างยั่งยืน โดยได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายฟรีทั้งหมดให้ผู้ประกอบการไมซ์ เข้าร่วมโครงการ “ยกระดับธุรกิจไมซ์สู้วิกฤตโลกร้อน” แบ่งเป็น กรุงเทพฯ ลงทะเบียนได้ในวันที่  19 พฤษภาคม และพัทยา ชลบุรี วันที่  14 มิถุนายน 2566

 

ทีเส็บเชิญชวนผู้ประกอบการไมซ์และที่เกี่ยวข้อง ร่วมการอบรมเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยเนื้อหาจัดเต็มแนวทางที่จะนำมาใช้ที่เกี่ยวข้องกับ Carbon Footprint และวิธีการจัดงานแบบลดโลกร้อน ไฮไลต์ประเด็นหลัก 5 เรื่อง ได้แก่

 

เรื่องที่ 1 การเสวนาพิเศษ “คาร์บอนฟุตพรินต์ ภาระหรือโอกาส ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ พิชิตความยั่งยืน"

 

เรื่องที่ องค์ความรู้ด้านการจัดงานแบบลดโลกร้อน ต้องทำอย่างไร

 

เรื่องที่ 3  Carbon Credits คืออะไร แล้วจะทำ Carbon Offset ต้องทำอย่างไร

 

เรื่องที่ 4 Climate Impact Achievement กับความสำเร็จในการขายงานและดึงดูดลูกค้าให้มาจัดงานแบบลดโลกร้อน

 

เรื่องที่ กลยุทธ์ในการเล่าความสำเร็จของลูกค้าและองค์กรที่จะสร้างความแตกต่าง (Competitive Edge)

ลงทะเบียน พื้นที่ กทม. วันที่ 19 พ.ค. 66  คลิก  https://bizconnect.tceb.or.th/e/420/2566-1

ลงทะเบียน พื้นที่ พัทยา ชลบุรี วันที่ 14 มิ.ย. 66 คลิก https://bizconnect.tceb.or.th/e/415/2566-2

 

            ช่วงที่ 2 ออกทะเลไปดับร้อนกันที่ “ตราด” 5 พิกัด 5 เกาะ ไล่เรียงเที่ยวเกาะดัง ๆ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะขาม และเกาะน้องใหม่ “ขายหัวเราะ” แล้วมาฟัง “4วิธีป้องกันสุขภาพพังจากโรคปวดหลัง” และข่าวฮ็อต ข่าวแรก “กรมการท่องเที่ยวชี้” สัปดาห์แรก พ.ค.ต่างชาติเที่ยวไทย 5.2แสนคน ข่าวที่สอง “เอ็น.ซี.ซี.กระหน่ำจัดพ.ค.นี้5อีเวนต์ช้อปสนุกที่ศูนย์สิริกิติ์

 

ท่องเที่ยว- เที่ยวตราดดับร้อน5พิกัด5เกาะ “ช้าง-กูด-หมาก-ขาม-ขายหัวเราะ

 

ออกทะเลหนีอากาศร้อนไปเที่ยวกัน ในโมเมนท์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ ตะลอนทัวร์หมู่เกาะทะเลตราด 5 เกาะ 5 พิกัด เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะขาม เกาะขายหัวเราะ ดังนี้

 

พิกัดที่ 1 เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะทะเลอ่าวไทยและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมี “หมู่เกาะรัง” หมู่เกาะหนึ่งในทะเลตราด อยู่ตรงกลางระหว่างเกาะช้าง กับเกาะกูด ในเขตของพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งบนบกและใต้ท้องทะเล ภายในหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆ มากมาย ได้แก่ เกาะรังใหญ่ เกาะรังเล็ก เกาะกระ เกาะเทียน เกาะทองหลวง เกาะสามพี่น้อง เกาะมะปริง เกาะตุ๊น และเกาะกำปั่น ซึ่งเกาะต่างๆ เหมาะแก่การน้ำดูปะการังท่ามกลางฝูงปลาแหวกว่ายสวยงาม 

 

ทำให้ “หมู่เกาะรัง” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดตราด ที่จะมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดำน้ำ ชมปะการังน้ำตื้น มาท่องเที่ยวชมความสวยงามใต้ท้องทะเล เล่นน้ำคลายร้อน เดินรับลมทะเลบนหาดทรายขาว กันอย่างไม่ขาดสาย

 

การเดินทางไปเกาะช้างปัจจุบันมี ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ อยู่ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 30 นาที เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30 - 18.30 น. เรือออกทุก 1 ชั่วโมง ค่าเรือบุคคล 80 บ./คน/เที่ยว (ไป-กลับ 160) ค่าเรือรถยนต์ 4 ล้อ 120 บ./คัน/เที่ยว (ไป-กลับ 240) ใช้เวลาข้ามฟาก 30 นาที ปลายทางท่าเรืออ่าวสับปะรด เกาะช้างโทร.08-1943-5872

 

            พิกัดที่ 2 เกาะกูด แผ่นดินแห่งสุดท้ายในน่านน้ำของไทยทางฝั่งทะเลตะวันออก เป็นเกาะที่อยู่ท้ายสุดทางทิศตะวันออกของน่านน้ำ ทะเลตราด มีความยาว 25 กิโลเมตร กว้าง 12 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองตราด 80 กิโลเมตร ลักษณะโดยทั่วไปของเกาะยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำ เนิดของน้ำ ตกหลายแห่ง ชายหาดที่สวยงามบนเกาะกูดประกอบด้วยอ่าวไม้ซี้เล็ก อ่าวยายกี๋ หาดคลองมาด อ่าวตะเภา อ่าวน้อย หาดคลองเจ้า อ่าวง่ามโข่ อ่าวบางเบ้า หาดตะเคียน หาดคลองหิน อ่าวจาก อ่าวพร้าว

 

“เกาะกูด” เกาะสวรรค์ หาดทรายสวย น้ำทะเลใสเห็นตัวปลา ความงดงามของทะเลตะวันออก  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต จุดพักผ่อนหย่อนใจของเกาะขนาดใหญ่อันดับสองในจังหวัดตราด ภายในเกาะประกอบไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ มีหาดทรายสีขาวที่เนียนละเอียด น้ำทะเลใสสีมรกต จนได้รับการขนานนามว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” 

 

เต็มไปด้วยความงดงามของแนวปะการังนานาชนิด ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและรักในการชื่นชมของโลกใต้น้ำได้มาหลงรักกับเกาะนี้กัน นอกจากทะเลที่ว่าสวยแล้ว ภายในเกาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกมากมายให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกหลายแห่ง เส้นทางเดินชมศึกษาธรรมชาติ และมุมพักผ่อนหย่อนใจอีกมากมาย

 

นักท่องเที่ยวสามารถไปลงเรือได้ที่ท่าเรือแหลมศอก ตำบลอ่าวช่อ อำเภอเมืองตราด มีเรือโดยสารให้บริการ 4 ราย รอบเวลาตามฤดูกาล สอบถามรอบเรือ เรือเกาะกูดปริ๊นเซส โทร. 08 6126 7860 เรือเกาะกูดเอ็กซ์เพรส โทร. 08 7749 0030 เรือบุญศิริ โทร. 08 6333 8560 ซุปเปอร์เจ็ท เฟอร์รี่ โทร. 06 2559 5444

 

พิกัดที่ 3  “เกาะหมาก” ตั้งอยู่ที่อำเภอเกาะหมาก จังหวัดตราด สวรรค์ของการพักผ่อน ความสวยงามของทะเลแห่งภาคตะวันออก “เกาะหมาก” หาดทรายสวย น้ำทะเลใส ที่คนรักทะเลทั้งหลายไม่ควรพลาด

 

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีท้องทะเลสวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน ผ่อนคลายอย่างแท้จริง สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หาดทรายสีขาวเนียนละเอียด น้ำทะเลใส น่าวิ่งลงไปเล่นน้ำสุด ๆ 

 

มีกิจกรรมมากมายไว้สำหรับรองรับท่องเที่ยวที่มากัน ทั้งการพักผ่อนนอนชิลล์ รอบชายหาด ปั่นจักรยานชมธรรมชาติตามหาดต่าง ๆ ภายในเกาะ หรือจะดำน้ำดูความสวยงามของโลกใต้น้ำตามเกาะใกล้เคียง ชมปะการังสวย ๆ และกิจกรรมภายเรือพายคายัคให้ได้พายเล่นกันเพลิน ๆ ระหว่างวัน

 

พิกัดที่ 4 เกาะขาม เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับเกาะหมาก สามารถนั่งเรือหรือพายคายัก มาจากเกาะหมากได้ สิ่งที่น่าสนใจบนเกาะ คือ กลุ่มหินภูเขาไฟสีดำ รูปทรง แปลกตาที่เรียงรายอยู่ในบริเวณหน้าชายหาด มีธรรมชาติสวยงาม บรรยากาศ เงียบสงบ ร่มรื่น น้ำทะเลใสสะอาดและหาดทรายขาว ด้านตะวันออกของเกาะ ยังมีแนวปะการัง เหมาะแก่การดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก โดยมีค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะขาม คนละ 200 บาท สามารถนำตั๋วไปแลกเครื่องดื่มได้

 

พิกัดที่ 5 “เกาะขายหัวเราะ” เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเล ตั้งอยู่ในบริเวณด้านหลังเกาะกระดาด  ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนึ่งต้น เสมือนภาพในหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามจากเกาะกระดาด ไปที่เกาะขายหัวเราะแห่งนี้ได้ในช่วงเวลาที่น้ำ ลง

 

สามารถซื้อแพ็กเกจเที่ยวเกาะขายหัวเราะได้จากที่พักบนเกาะหมาก ราคาประมาณ 700 บาท ต่อคน (ราคาแล้วแต่ที่พักและช่วงเวลา) รวมค่ารถรับส่งจากที่พักไปแหลมสน (จุดลงเรือไปเกาะกระดาด) นั่งเรือเล็ก 7 คนไปเกาะกระดาด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที แล้วต่อรถแทรกเตอร์ เที่ยวดูกวางและสวนมะพร้าวบนเกาะกระดาดไปจนถึงแหลม ร. 5 ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะ แล้วลงเดินข้ามทะเลผ่านเกาะนกในและนกนอกไปยังเกาะขายหัวเราะได้ โทร. 08 9099 7917

 

สุขภาพ -4วิธีดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้ต้องทรมานจากอาการปวดหลัง

 

ปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุคือ “อาการปวดหลัง” ที่มักจะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อช่วงหลังไปจนถึงเอว สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น การอยู่ในอิริยาบถเดิมนาน ๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย การเลือกใช้เก้าอี้หรือเตียงนอนไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการป้องกันและช่วยลดอาการปวดหลังสำหรับผู้สูงอายุและคนทั่วไป แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังจึงมีข้อแนะนำเพื่อให้ปฏิบัติตาม ดังนี้

 

วิธีที่ 1 ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวร่างกายไม่เพียงแต่ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดี แต่ยังกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้กระดูก และสุขภาพจิตดีขึ้น โดยการออกกำลังกายง่ายๆ ที่แนะนำคือการเดิน สำหรับผู้ที่มีปัญหาหัวเข่าแนะนำให้เดินในน้ำ นอกจากนี้การออกกำลังกายกลางแจ้งยังเพิ่มแคลเซียมจากการสังเคราะห์วิตามินจากแสงแดดด้วย

 

วิธีที่ 2 ไม่ควรอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง หรือยืนนานๆ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ จะส่งผลให้มีภาระต่อข้อต่อ และกล้ามเนื้อมากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา

 

วิธีที่ 3 เติมแคลเซียมบำรุงร่างกาย ควรรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมเป็นประจำ เช่น ใบขี้เหล็ก คะน้า ตำลึง นม น้ำเต้าหู้ เป็นต้น

 

วิธีที่ 4 หลีกเลี่ยงลมและความเย็น ระวังไม่ให้ลมจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศมากระทบตัวโดยตรง เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งได้ง่าย

สิ่งสำคัญหากพบว่ามีอาการปวดหลังเรื้อรัง ปวดหลังร้าวลง ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและแนะนำวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้อง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก -ก.ท่องเที่ยวชี้สัปดาห์แรกพ.ค.66ต่างชาติเข้าไทย5.2แสนคน

 

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ทางกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวสัปดาห์ถัดไประหว่าง 1-7 พฤษภาคม 2566 คาด “ตลาดต่างประเทศ” จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 520,000 คน กลุ่มหลักยังคงเป็น 2 ตลาดหลัก คือ อาเซียนและเอเชียตะวันออก โดยได้รับอานิสงส์จาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 วันหยุดวันแรงงานของจีนซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 ปัจจัยที่ 2 ซาอุดิอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันดิบลงในตลาดเอเชีย อาจส่งผลต่อต้นทุนการเดินทางลดลง ปัจจัยที่ 3 รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความพยายามในการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน

 

ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของการเดินทางระหว่างประเทศอาจได้รับแรงกดดันเชิงลบจาก 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยที่ 1 สถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ปัจจัยที่ 2 เศรษฐกิจโลกยังคงมีสัญญาณถดถอยทั้งฝั่งยุโรปและอเมริกา ปัจจัยที่ 3 ผลกระทบด้านเสถียรภาพของค่าเงินจากการผลักดันเงินสกุลหยวนเป็นสกุลเงินหลักของโลกแทนดอลลาร์สหรัฐ

 

ล่าสุดกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาประเมินสถานการณ์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 พบว่าไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมในไทยตลอดเดือนเมษายน 2566 รวม 2,130,715 คน ทำให้จำนวนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-เมษายน 2566 รวมทั้งสิ้น 8,596,452 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 353,331 ล้านบาท

 

โดยมี “นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย” ตลอด “สัปดาห์สุดท้ายของเดือน” ระหว่างวันที่ 24-30 เมษายน 2566 จำนวนรวมทั้งสิ้น 567,361 คน เดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 81,052 คน  ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 117,181 คน อันดับ 2 จีน 98,893 คน อันดับ 3 อินเดีย 33,576 คน อันดับ 4 เวียดนาม 26,690 คน อันดับ 5 เกาหลีใต้ 26,077 คน

 

ขณะที่ยอดสรุป “ตลอดเดือนเมษายน 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 5 อันดับแรก ทำส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากถึง 53.3 % ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ได้แก่  มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้ เมื่อเปรียบเทียบ “อัตราการเพิ่มของนักท่องเที่ยว” ช่วงเดียวกันกับปีก่อน สามารถจัดเรียงเปอร์เซนต์เติบโตเพิ่มได้ดังนี้  อันดับ 1 เวียดนาม 43.51 % สาธารณรัฐประชาชนจีน 42.00 % เกาหลีใต้ 19.44 % อินเดีย 15.60 % มาเลเซีย ที่ร้อยละ 12.17 % 

 

ตลอดเดือนเมษายน 2566 สามารถสรุปเพิ่มเติมได้ว่ามีต่างชาติเดินทางเที่ยวเมืองไทยรวมกว่า 2 ล้านคน ไฮไลต์การเติบโตเพิ่มขึ้นมาจาก 4 ตลาดหลัก คือ อาเซียน เอเชียตะวันออก  เอเชียใต้ และแอฟริกา ส่วนอีก 3 ตลาด คือ ยุโรป อเมริกา โอเซียเนีย จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงตามฤดูเดินทาง (low season) ส่งผลทำให้ช่วงสัปดาห์สุดท้าย 25-30 เมษายน 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 567,361 คน สูงกว่าคาดการณ์ไว้ และมีจำนวนเพิ่มขึ้น 64,682 คน คิดเป็น 12.87 % โดยมีปัจจัยหลักสนับสนุนจาก 3 ประเทศ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย เวียดนาม มีวันหยุดช่วงวันแรงงานเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องกันยาว

 

ข่าวที่สอง -เอ็น.ซี.ซี.กระหน่ำจัดตลอดพ.ค.นี้5อีเวนต์ช้อปที่ศูนย์สิริกิตติ์

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเดือนพฤษภาคม 2566 เอ็น.ซี.ซี.เปิดพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยได้รวมงานอีเวนต์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองรุ่นใหม่มาเดินช้อปชมชีลได้หลากหลายเทรนด์ ทั้งกลุ่มตลาด คนรักสัตว์ ผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง ชอบการผจญภัยในโลกใต้น้ำ นิยมใช้ชีวิตเอ็กซ์สตรีม หรือคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน ทางศูนย์สิริกิติ์ได้รวมกิจกรรม 5 งานไว้ต้อนรับดังนี้

 

งานที่ 1 Pet Expo Thailand 2023 ระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม  2566  สนุกกับการเลือกช้อปสินค้าแบรนด์ดังและไอเทมสุดเก๋ของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด  

งานที่ 2 Thailand Golf Expo 2023 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคม  2566 เต็มอิ่มกับสินค้าและบริการเอาใจสายกอล์ฟ ร่วมประสบการณ์พิเศษ Special Package กับสนามกอล์ฟทั่วไทย สนุกกับการดวลฝีมือพัตต์กอล์ฟ ลุ้นรับรางวัลมากมาย  

 

งานที่ 3 Thailand Dive Expo 202 ระหว่างวันที่ 18 -21 พฤษภาคม 2566 ปลุกกระแสบรรดาแก๊งค์ไดฟ์วิ่ง ที่กำลังวางแผนเดินทางกับทริปดำน้ำสนุกกว่าเดิม มาเลือกช้อปโปรแกรมเรียนดำน้ำ ทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง อุปกรณ์กล้องถ่ายภาพใต้น้ำ และอื่น ๆ 

 

งานที่ 4 Outdoor Fest 2023 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคม 2566 ช้อปสนั่นสินค้าพร้อมกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งบนบก ในน้ำ ทางอากาศที่มากที่สุด ตอบโจทย์สายเอาท์ดอร์และผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่างแน่นอน 

 

งานที่ 5 Wedding Fair 2023 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคม  2566 ได้เนรมิตงานแต่งในฝันให้เป็นจริง ด้วยสินค้าและบริการเพื่อคัดสรรไปใช้กับงานแต่งแบบครบวงจร ทุกที่ ทุกเวลา

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai