ภาคเหนือ17จังหวัดชวนเที่ยวฤดูหนาว
25-28ม.ค.50นำ10ชนเผ่าบุกสวนลุม
ตามรอยพ่อไปพระราชวังบางปะอินอยุธยา
คลังย้ำเก็บใบเสร็จเที่ยว3หมื่นลดภาษีปี59
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2559
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวการท่องเที่ยวได้อย่างทันสถานการณ์
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
คุณวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
“คุณวิบูลย์
นิมิตวานิช” ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคเหนือ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เปิดฤดูท่องเที่ยวหน้าหนาวในเมืองเหนือ
10
จังหวัด พร้อมกับแนะนำน้องใหม่มาแรงที่เพิ่งจะเปิดสำนักงาน ททท.แห่งใหม่ จ.ลำปาง
และ จ.นครสวรรค์ ของดีที่ต้องนำมาเล่าสู่กันฟัง
คุณวิบูลย์เล่าว่าแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วทั้งภาคเหนือขณะนี้มี
ททท.ดูแลอยู่ 10 สำนักงาน ล่าสุดมีสำนักงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ได้แก่
ททท. จ.ลำปาง ดูแลการท่องเที่ยวในพื้นที่ 2
จังหวัด คือ ลำปางและลำพูน กับ ททท. นครสวรรค์
ดูแลพื้นที่ท่องเที่ยว 2 จังหวัดเช่นกัน คือ นครสวรรค์ กับพิจิตร
ช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ของทุกปี
อุณหภูมิหนาวเย็นในภาคเหนือเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วทุกภาคเข้าสู่ภาคเหนือได้เป็นอย่างดี
จังหวัดไฮไลต์ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนานาชาตินิยมไปมากที่สุดคือ
เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน
ขณะนี้ “ดอกไม้เมืองหนาว” เริ่มบานต้อนรับนักท่องเที่ยว
คือ “ทุ่งบัวตอง” ดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน ห้อมล้อมด้วยอากาศเย็นสบาย ๆ หรือจะเป็นทุ่งดอกไม้
บนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ โครงการหลวงดอยตุง เชียงราย โดยรวม ๆ แล้ว
การเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือปลายปีนี้เป็นเชิงบวกทั้งสถิติการเข้าพัก
ที่กระจายไปเมืองรองท่องเที่ยวอย่าง ลำพูน แพร่ น่าน ก็คึกคักด้วยเช่นกัน
ผอ.วิบูลย์อธิบายว่าล่าสุด ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ เพิ่งจะเปิดโครงการ “แอ่วเหนือม่วนกั๋น
เหนือฝันล้านแรงบันดาลใจ” แนะนำ 8 เส้นทาง
เส้นทางที่ 1 เกษตรหลวง
มีจำนวนโครงการหลวง 30 โครงการ ทั้งพืชผักผลไม้ ปศุสัตว์
อนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร การปลูกผลไม้เมืองหนาว อาทิ สตอเบอรี่ อาโวคาโด
การที่พระองค์ท่านได้ไปให้ความรู้กับชาวเขาในหลายพื้นที่
เส้นทางที่ 2 ชุมชนควรเรียนรู้ เช่น
นาต้นจั่น สุโขทัย หรือจะไปชมการผลิตผ้าหมักโคลน ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ภูโคลน แม่ฮ่องสอน
กิจกรรมโฮมสเตย์ หลายแห่ง แนะนำไปเยี่ยมชม ชุมชนบ้านไร่กองขิง
ที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กลุ่มพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
เส้นทางที่ 3 หลากหลายเส้นทางสายดอกไม้ ทุ่งบัวตองบาน
ไล่เรียงมาถึงตอนนี้ที่ดอยตุงเปิดเทศกาลชมดอกไม้เมืองหนาวกันแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2559 เป็นต้นมา
ไปจนถึงต้นปี 2560
เส้นทางที่ 4 แพรภัณฑ์อาภรณ์ เน้นเส้นทางผลิตผ้าพื้นเมืองในชุมชนต่าง ๆ เช่น
ตีนจกไทยพรวน ไทยญวน ผ้ายกดอกเชิงภู แต่ละผืนสวยงามมาก
หรือจะเป็นผ้าน้ำไหลเมืองน่าน ผ้าไทลื้อ จ.พะเยา จะมีความหลากหลาย ที่น่าสนใจอีกชนิดคือ
“ผ้าทอขนแกะ” เป็นงานแฮนด์เมดร้อยเปอร์เซ็นต์
บ้านห้วยฮ่อม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน
เส้นทางที่ 5 “อร่อยล้ำ ตามแรงบันดาลใจ”
มีแกงพื้นเมืองของภาคเหนืออย่าง แกงแค แกงฮังเล ไข่น้ำแร่ (แจ้ซ้อน ลำปาง)
เส้นทางที่ 6 “อิ่มบุญ อุ่นใจ” ตามรอยครูบาไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ครูบาศรีวิชัย เส้นทางสิบนิ้ววันทาไหว้พระธาตุ 3 จังหวัด อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน หรือ 2 พระธาตุจังหวัดตาก
เส้นทางที่ 7 “ทดสอบใจ ผจญภัย” ชวนเจนวายออกมาสนุกด้วยกัน
ในสถานที่ท่องเที่ยวผจญภัยเชิงธรรมชาติ ล่องแก่งน้ำเข็ก ลำน้ำเข็ก โหนสลิงเหนือผืนป่าที่เรียกว่า
Flight of the Gibbon สร้างความตื่นเต้น ล่องแก่ง ขับรถATV วิบาก
ในจังหวัดตากก็เป็นอีกแห่งที่น่าร่วมสนุกได้ในหน้าหนาวนี้
เส้นทางที่ 8 “ธรรมชาติสุขกาย สุขใจ”
แนะนำการเดินทางไปรีทรีตดูแลสุขภาพ แช่น้ำแร่ ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง
หรือแช่น้ำพุร้อน สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หรือภูมิใจนำเสนออีกแห่งคือ “ภูโคลน” จ.แม่ฮ่องสอน
หลังจากที่มีไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน ก็มีไข่ต้มภูโคลนด้วยเช่นกัน
โดยให้ชาวบ้านเลี้ยงเป็ดแล้วนำไข่มาต้มในโคลนที่นี่
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแล้วต้มรับประทานได้เลย
ทั้ง 8 เส้นทาง “แอ่วเหนือม่วนกั๋น เหนือฝันล้านแรงบันดาลใจ”
ต้อนรับลมหนาวปีนี้และต้นปี 2560 นั้น ทาง
ททท.ให้นักท่องเที่ยวเลือกได้ตามจริตความชอบของแต่ละคนได้เลย ทั้งดอกไม้เมืองหนาว
โครงการพระราชดำริ ทั้งพืชและปศุสัตว์ อาทิ การให้อาหารแกะที่หมู่บ้านห้วยฮ่อม
อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ไม่ไกลจากปางอุ๋ง และตัวเมือง การเดินทางสะดวกสบาย
สำหรับไฮไลต์การกระตุ้น โครงการ “ท้าเที่ยวข้ามภาค” ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ จับมือกับ “สายการบินในประเทศ”
ทำโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินและแพกเกจท่องเที่ยวเมืองเหนือ นำเสนอ เส้นทาง
เชียงใหม่-เชียงราย และข้ามภาค เชียงราย-หาดใหญ่ ข้ามภาคกันไปมา
โดยดูกิจกรรมที่สอดรับกัน เช่น
ภาคเหนืออยู่ภูเขาก็จัดกิจกรรมท้าไปเที่ยวทะเลภาคใต้ สลับกับเมืองทะเลมาขึ้นดอยสูง
ขณะเดียวกันก็ทำกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองโครงการ “เมืองต้องห้ามพลาด...พลัส” ใน ลำปาง ต่อยอดกับลำพูน เพชรบูรณ์กับพิษณุโลก
น่านกับแพร่ และเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ
รวมทั้งทำกิจกรรมโปรโมชั่นกับบริษัทนำเที่ยว สายการบิน จัดโร้ดโชว์
และมหกรรมท่องเที่ยวคอนซูเมอร์นักท่องเที่ยวทั่วไป
เพื่อให้เกิดการเที่ยวในภูมิภาคเดียวกันและเที่ยวข้ามภาคไปพร้อม ๆ กัน
ไฮไลต์ใหญ่รายการสำคัญอีกโครงการ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ระหว่างวันที่ 25-28
มกราคม 2560 ณ สวนลุมพินี นำเสนอ 5 ภูมิภาค มีกิจกรรมมากมาย “ภาคเหนือ” จะเน้น
“กาดโน โฟมอาหาร” รณรงค์การใช้ภาชนะบรรจุอาหารโดยไม่ใช้โฟมตลอดทั้งงาน
ควบคู่กับเรื่อง “ของดีและอาหารถิ่น” ร่วมทำเวิร์คช็อป
การทำผลิตภัณฑ์ชุมชนประจำถิ่นที่ขึ้นชื่อ อย่างการวาดภาพลวดลาย “ชามตราไก่”
กี่เอว-พระบาทห้วยต้ม
รวมทั้งการจัด “มหกรรมช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง” ภาคเหนือจะยกของดีของเด่นทั้ง 17
จังหวัดมาจำหน่ายภายในงานตลอดทั้งสัปดาห์งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ได้แก่
ทองโบราณ-สุโขทัย ผ้าโบราณ-เมืองน่าน และทุกผลิตภัณฑ์ ไฮไลต์อีกอย่างคือ “นำชาวเขา 10
ชนเผ่า” มาแนะนำถึงวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่ถูกต้องที่นักท่องเที่ยวควรจะได้เรียนรู้
แต่ละเผ่าจะมาแนะนำผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมพาวิลเลี่ยนภาคเหนือ
ที่จะยกมาไว้ในงานทั้งหมด ทั้งวิธีการแต่งกาย วัฒนธรรม ศิลปะ การละเล่นชาวเขา
ทุกท่านจะได้เห็นของจริงอย่างชัดเจน
ภายในงานจะเน้น “นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว” จองผ่านทาง Application ต่าง ๆ รวมทั้งการร่วมมือกับภาคเอกชน สายการบิน
แล้วแต่โครงการ เพราะภายในงานมีกติกาห้ามขาย “แพกเกจท่องเที่ยว”
จะสอนเทคนิคการจองและซื้อการท่องที่ยวผ่านแอพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ททท.สำนักงานน้องใหม่ กรณี ททท.ลำปาง จะนำชุมชน “พระบาทห้วยต้ม” จ.ลำพูน ซึ่งเป็นถิ่นฐานของชาวเขาเผ่า “ปะกากะญอ”
ทั้งหมู่บ้านรับประทานมังสะวิรัตต้นตำรับการทอผ้ากี่พื้นเมืองมา
หรือจะเป็น “การทำชามตราไก่-ลำปาง” มาแนะนำกับผู้เข้าร่วมงาน หรือ “นครสวรรค์” จะยกขนมประจำจังหวัด
“โมจิ” และกำลังติดต่อทางร้าน “ไอศกรีมน้ำตาลสด” เป็นของกินใหม่
หรือ ก๋วยเตี๋ยวพริกสด ข้าวแรมฟืน-เชียงราย ไก่มะแกว่น-น่าน ไข่ลวกน้ำแร่แจ้ซ้อน-ลำปาง
ตลอด 25-28 มกราคม 2560
ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2560 ต้องห้ามพลาด
และทั้งปีหน้า เมืองเหนือทุกจังหวัดพร้อมจะเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนทุกเพศทุกวัย
โดยเฉพาะการเข้าไปศึกษาเรียนรู้ดูวิถีชีวิตผู้คนในโครงการพระราชดำริ ภาคเหนือ
ซึ่งมีให้ชมถึง 30 แห่ง แวะดูชุมชน แช่น้ำแร่ ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง
รับประทานอาหารถิ่น ไหว้พระเกจิดังนครสวรรค์
ต้อนรับปีใหม่เสริมสร้างบารมีความสำเร็จทางการงาน
ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างความสุขกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง
ฟังข่าวในช่วงแรก
ข่าวที่ 1 “ช้อปคิงเพาเวอร์รับทัวร์ฟรีดูบอลที่อังกฤษ”
กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์
มอบโอกาสให้คนไทยบินและเที่ยวฟรี“อังกฤษเชียร์ฟุตบอลติดขอบสนาม”
ชมการแข่งขันเลสเตอร์ซิตี้-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
วันนี้ – 31 ธันวาคม 2559
เป็นเอ็กซ์คลูซีฟทริป
เฉพาะ 10 ท่านแรก เมื่อช็อปที่ คิง เพาเวอร์
ครบ 2,000,000 บาท ณ ร้าน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี
พัทยา และภูเก็ต พิเศษ! จ่ายผ่านบัตร Mastercard รับ GIFT CARD 60,000 บาท
สำหรับ “รางวัลท่องเที่ยวอังกฤษ” 1 รางวัล 2 ที่นั่ง ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่น
ยกเว้น โอนสิทธิ์ให้คนที่มีนามสกุลเดียวกัน ผู้เดินทางจะต้องออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครเท่านั้น เข้าไปดูรายละเอียดทั้งหมดได้ใน www.kingpower.com
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ได้จัดทำโครงการ “ทุกล้านคน
ลุ้นเที่ยวฟรีเมืองไทย” ล่าสุดได้แจกรางวัลใหญ่นักท่องเที่ยวคนที่ 30 ล้านประจำปี 2559 ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติรู้จักการท่องเที่ยวเมืองไทยอย่างแพร่หลายในทั่วโลก
โดยมีเครือข่ายผู้ร่วมสนับสนุนทั้ง
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) และผู้แทน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
รางวัลที่นักท่องเที่ยวคนทื่
30 ล้าน ได้รับ ประกอบด้วย
ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดของการบินไทย เส้นทางบินระหว่างประเทศไป-กลับ 2 ที่นั่ง ประเทศไทย เก็บไว้เดินทางได้ภายใน 1 ปี ที่พักโรงแรม 5 ดาว 5 คืน ในเขตกรุงเทพฯ พัทยา และหัวหิน บริการรถลีมูซีนของ ทอท. รุ่น BMW Series 7
เพื่อใช้ส่งนักท่องเที่ยวเข้าที่พักในกรุงเทพฯ โทรศัพท์มือถือ ทรูสมาร์ทโฟน 5.0 พร้อมซิมการ์ด 4G และอินเทอร์เน็ตฟรี 7 วัน จากบริษัททรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน)
ข่าวที่ 3
“แฮงเอาท์ในท่าเตียนที่รร.ศาลารัตนโกสินทร์”
“ท่าเตียน” พื้นที่รอยต่อรอบพระบรมมหาราชวังที่ “สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” กำลังจะพัฒนาปรับปรุงตรงตลาดท่าเตียน นับได้ว่าเป็นถนนแห่งการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยงานศิลป์ของย่านเมืองเก่า ที่น่าสนใจอย่าง “ศาลารัตนโกสินทร์” เป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เหมาะกับการนั่งชม “วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร” (วัดแจ้ง) เลียบแม่น้ำอันแสนสงบยามค่ำคืน ทางโรงแรมมี “ห้องอาหาร” เก๋ ๆ ได้รับความนิยม
เพื่อในจัดงานต่าง ๆ ใน “โอกาสพิเศษ” โดยมีร้านอาหารอยู่บนชั้นดาดฟ้าเปิดโล่งเรียกว่า Roof Top Bar ไว้ให้ผู้ที่เข้าไปเยือนนั่งเล่นแบบสบาย
ๆ
บริเวณบาร์มีอาหารรับประทานเล่น
และเครื่องดื่มปลอดแอลกอฮอล์ ในรูปแบบม็อกเทล ราคา 220 บาท เช่น “สายน้ำ” มีทั้ง สัปปะรด มะนาว น้ำเชื่อม
และบลูฮาวาย หรือ “สวัสดีศาลา” ประกอบด้วย มะม่วง เสาวรส ไซรัป
และมิ้นต์
ส่วนแอลกอฮอล์ พร้อมเสิร์ฟก็มีเบียร์ เริ่มต้น 140 บาท วิสกี้ เริ่มต้นแก้วละ 220 บาท และค็อกเทลสูตรพิเศษ เริ่มต้น 290 บาท มีทั้งแบบคลาสสิคและพิเศษคือ อรุณ ซัมเมอร์ , เดอะ ริเวอร์,
เจ้าพระยา จิน ฟิซซ์
บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
เชิญชวนร่วมปันน้ำใจช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในภาวะราคาข้าวตกต่ำ โดยนำข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 160 ตัน
ซึ่งเป็นข้าวใหม่ของกลุ่มสหกรณ์การเกษตรต่างๆ ที่หอม นุ่ม อร่อย สมนาคุณฟรี
สำหรับผู้เติมน้ำมันบางจากครบ 600 บาท รับข้าวหอมมะลิขนาด 200 กรัม 1 ถุง ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2559 ไปจนกว่าของจะหมด
ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากในกรุงเทพฯ ปริมณฑล
ก่อนหน้านี้ ตลอดช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
บางจากฯ ได้ร่วมบรรเทาความเดือดร้อน
ของเกษตรกรด้วยการรับซื้อข้าวหอมมะลิคุณภาพดีจากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยตรงรวมกว่า
230 ตัน มาจำหน่ายที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั้งในกรุงเทพฯ
ปริมณฑล และต่างจังหวัด
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่
ทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้รับการประเมินระดับ “ดีเลิศ” จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี
2559 และเป็น 1 ใน 49 บริษัทที่ได้รับการประเมินผลที่ดีที่สุดในกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่า
10,000 ล้านบาท
โดยทอท.ได้เข้าร่วมโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี
2559 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2016) ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai
Institute of Directors Association : IOD) ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในปี 2559 มีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมโครงการกว่า
600 บริษัท ทอท.ได้รับการประเมินให้เป็น 1
ใน 80 บริษัทที่ได้รับผลคะแนนในภาพรวมอยู่ในช่วง 90 – 100
คะแนน หรืออยู่ในระดับ “ดีเลิศ” และเป็น
1 ใน 49
บริษัทที่ได้รับการประเมินผลที่ดีที่สุดในกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่า
10,000 ล้านบาท (Top Quartile)
ทั้งนี้ ทอท.ได้เข้าร่วมโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน
ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งใน
ปี 2553 – 2556
ทอท.ได้รับการประเมินอยู่ในระดับดีเลิศ และปี 2557 – 2558
ทอท.ได้รับการประเมินอยู่ในระดับดีมาก
ไทย แอร์ เอเชีย ร่วมกับ www.AirMosphere.net เชิญชวนนักเดินทางร่วมโครงการ “เขียนบันทึกการเดินทางในสไตล์ของคุณ” บนเว็บไซต์ www.AirMosphere.net ภายใต้ธีม
"เที่ยวแบบประหยัด...สนุกยังไง?" ระหว่างวันนี้ –
18 ธันวาคม 2559 ประกาศผล วัน23 ธันวาคม 2559 บน AirMosphere.net โดยผู้ได้รับรางวัล ต้องแจ้งรายละเอียด ชื่อ-นามสกุล ตามบัตรประชาชน
นามปากกาพร้อมอีเมล์ที่ร่วมสนุก
โดยเลือกเส้นทางบินใดก็ได้ของแอร์เอเชีย
ไปคนเดียวหรือไปกับแก๊งเพื่อน สามารถเขียนเข้ามาร่วมสนุกได้หมด
หากเนื้อหาในบันทึกการเดินทางเป็นข้อมูลอัพเดตล่าสุด จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
โดยมีรางวัลสุดชิค ประเภทแรก “บันทึกการเดินทางที่ “ รีวิวดี มีประโยชน์
และสามารถเดินทางตามรอยได้จริง” รางวัลชนะเลิศ ตั๋วเครื่องบินไทยแอร์เอเชีย
ไป-กลับ เส้นทางระหว่างประเทศ 1 รางวัล 2 ที่นั่ง อันดับที่ 2 – 3 – 4
รับ ลำโพงแบบพกพา จาก Sony จำนวน 3
รางวัล
ประเภท 2 บันทึกการเดินทางที่ได้จำนวน “จำนวนผู้อ่าน”
“บันทึกโดนใจ”และ “ยอดการแชร์”
มากที่สุด รับของรางวัล
ตั๋วเครื่องบินไทยแอร์เอเชีย ไป-กลับ เส้นทางภายในประเทศ 1 รางวัล 2 ที่นั่ง ส่วนอันดับที่ 2 – 3 – 4 รับของรางวัล กระเป๋า Foldable Bag สุดเท่ จากAirMosphere.net
จำนวน 3 รางวัล
-รวมของรางวัลทั้งสิ้น จำนวน 8 รางวัล สำหรับนักเขียนรีวิวของ AirMosphere.net
-รวมของรางวัลทั้งสิ้น จำนวน 8 รางวัล สำหรับนักเขียนรีวิวของ AirMosphere.net
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น. ตามรอยพ่อไปเที่ยวพระราชวังบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา
แล้วมาฟังวิธีแก้อาการ “ละเมอแชต” ของสังคมยุคเสพติดโซเชียลมีเดีย
และข่าวท้ายชั่วโมงในการเก็บใบเสร็จรับเงินท่องเที่ยว 30,000 บาท มาหักภาษีบุคคลธรรมดา
และใบเสร็จจากการจัดสัมมนาให้พนักงานในประเทศมาหักภาษีนิติบุคคล ปี 2559
@นั่งกระเช้าชม”พระราชวังบางปะอิน-วัดนิเวศฯ”
พระราชวังบางปะอิน และวัดนิเวศธรรมประวัติ
ราชวรวิหาร อยู่บริเวณ
ม.12 ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00-17.00 น. โดยมีบริการกระเช้าข้ามฟาก 05.30-21.00 น.
พระราชวังบางปะอินนั้น " พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความเงียบสงบของบางปะอิน
จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนัก และพระที่นั่งสำหรับ แปรพระราชฐานและประทับรับรอง
พระราชอาคันตุกะ "
ใครที่ชื่นชอบเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมยุโรป
เมื่อได้มาท่องเที่ยวอยุธยา
คงต้องตรงมาที่วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหารเป็นที่แรก
อารามหลวงบนเกาะกลางแม่น้ำแห่งนี้
เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยศึกษาแบบจากโบสถ์ฝรั่งสไตล์โกธิค สังเกต
ได้จากปลายยอดแหลมของอุโบสถ ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีสวยงามนำเข้ามาจากอิตาลี
กลายเป็นความงดงาม ที่แตกต่างไม่แพ้วัดไทยดั้งเดิม
ข้ามมาอีกฝั่งของแม่น้ำจะเข้าสู่เขตพระราชวังบางปะอิน
วังโบราณที่สร้างในยุคสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก
ซึ่งใช้สำหรับการประกอบราชพิธีต่างๆ และเขตพระราชฐานชั้นใน เชื่อมจาก
พระที่นั่งวโรภาษพิมานกับประตูเทวราชครรไล
นอกจากศิลปะไทยที่ผสมผสานกับศิลปะตะวันตกทั่วบริเวณแล้ว
ยังมีพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ พระที่นั่งสุดท้ายที่สร้าง
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่นี่สร้างขึ้นโดยสมาคมพ่อค้าใหญ่ชาวจีน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิมที่งดงามอลังการไม่แพ้
พระที่นั่งอื่นๆ
เส้นทางท่องเที่ยว
จ.พระนครศรีอยุธยา 2 วัน 1 คืน
วันแรก ช่วงเช้า •เยี่ยมชมพระราชวังบางปะอิน
และวัดนิเวศธรรมประวัติ ราชวรวิหาร ชมความงดงามของวังฤดูร้อน
และสักการะพระประธานที่สร้างขึ้นในสมัย ร.5
•วัดพนัญเชิง สักการะหลวงพ่อโต
พระคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ ช่วงบ่าย •ชมจิตรกรรมฝาผนังวัดสุวรรณดารามราชวรวิหาร
•พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาชมความงดงามของโบราณวัตถุ
วันที่สอง ช่วงเช้า •ตันแลนด์
ดินแดนแห่งความสมดุลเปิดโรงงานอุตสาหกรรมของการผลิตชาเขียว •หอนิทรรศการประวัติศาสตร์มรดกโลก
เรื่องราวของอยุธยาตั้งแต่อดีต จนปัจจุบัน ช่วงบ่าย •เที่ยวชมวัดหน้าพระเมรุ วัดราชบูรณะ
นมัสการพระมงคลบพิตร • พระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรร
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด ได้แก่ หอประดิษฐาน พระคันธารราษฎร์ กราบไหว้พระพุทธรูปปางขอฝน หอวิฑูรทัศนา
หอส่องกล้องดูดาวและชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร
พระที่นั่งเรือนไม้สองชั้นสไตล์ยุโรป
กิจกรรมห้ามพลาด ได้แก่ ขึ้นกระเช้าข้ามน้ำมาสู่วัด
จากนั้นร่วมบริจาคเงินค่ากระเช้าตามศรัทธา
เดินออกกำลังกายเบาๆ ขึ้นบันไดเวียนความสูง
30 เมตรไปจุดชมวิวที่หอวิฑูรทัศนา
การเดินทางไปท่องเที่ยว พระราชวังบางปะอินและวัดนิเวศธรรมประวัติ โทร. 0-3526-2139 พระราชวังบางปะอิน
โทร. 0-3526-1548 , 0-3526-1044
การเดินทาง วิ่งออกจากใจกลางเมืองไปทางหลวงหมายเลข 3477 มุ่งหน้าสู่
ต.บ้านเลนขับไปตามทางประมาณ 15 กม. จะถึงสถานีรถไฟบางปะอิน
จุดหมายอยู่ทางขวามือ
@แพทย์แนะป้องกันอาการละเมอแชต
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข
อธิบายว่า “พฤติกรรมละเมอแชต” เป็นอาการของสังคมยุคเสพติดโซเชียลมีเดีย บางคนใช้อุปกรณ์หลายตัวพร้อมกัน ตาดูทีวี ทำงานบนโน้ตบุ๊ก
และใช้มือถือไปในเวลาเดียวกัน ทำให้กระทบเรื่องการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
ทำให้เกิดโรคข้างเคียงได้ การรับข้อมูลมากๆ จะทำให้เสพติดข้อมูล อยู่อย่างสงบๆ
ไม่ได้
ซึ่งการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องควรนอนหลับวันละ 6
ชั่วโมงเป็นตัวเลขมาตรฐานทั่วไป ปัจจุบันคนใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลักในชีวิตประจำวันทำให้รับข้อมูลนำเข้าตลอดเวลาทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
กดดูมือถือเรื่อยๆ จนเป็นนิสัย พฤติกรรมใหม่ที่เข้ามาด้วยความเคยชินในกิจวัตรประจำวัน
ทั้งเวลากินเวลานอนนำข้อมูลเข้าอยู่ตลอดเวลา เล่นมือถือจนหลับ
ผลกระทบที่เกิดจากอาการละเมอแชตคือ
นอนหลับไม่สนิท หรือนอนหลับไม่ได้เต็มที่ เป็นเหตุให้พักผ่อนไม่เพียงพอ
กระทบมาถึงระบบการทำงานของร่างกาย ร่างกายอ่อนแอ ทำให้เกิดความเครียดสะสม
นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า เสี่ยงเป็นโรคอ้วน โรคโมโนโฟเบียฝันร้าย
กระทบต่อการเรียนและการทำงาน ทั้งยังอาจส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้
ดังนั้นจึงแนะนำให้ลองอยู่ห่างจากสมาร์ทโฟนบ้าง
อาจใช้วิธีตัดใจปิดมือถือ ปิดเสียง หรือปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตก่อนนอน
จะช่วยให้ห่างไกลจากการละเมอแชต และฟื้นฟูสุขภาพการนอนหลับให้เต็มอิ่ม
ตื่นเช้ามาพร้อมความสดชื่นแจ่มใส ร่างกายแข็งแรงขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ก.คลังประกาศลดหย่อนภาษีนิติบุคคลให้กลุ่มจัดประชุมสัมมนาในประเทศ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29
มีนาคม 2559
มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
และจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ในช่วงระหว่างวันที่
1 มกราคม-31
ธันวาคม 2559
คือ
1.ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีการจัดโครงการอบรมสัมมนาภายในประเทศให้แก่ลูกจ้าง
ทั้งกรณีที่ดำเนินการเองและกรณีจ้างผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
สามารถนำรายจ่ายจากการจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก
ค่าขนส่งหรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว
นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้เป็นจำนวน 2 เท่าของที่จ่ายจริง
และเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ครม.มีติอนุมัติเพิ่มเติมให้นำใบเสร็จรับเงินจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศระหว่าง
1-31 ธันวาคม 2559 มาหักลดหย่อนภาษีเพิ่มได้อีก 15,000 บาท
รวมกับที่ประกาศไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา 15,000 บาท
รวมตลอดทั้งปีสามารถนำใบเสร็จรับเงินท่องเที่ยวมาลดหย่อนได้ทั้งสิ้น 30,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
2559
โดยการหักลดหย่อยภาษีท่องเที่ยวนี้
จะยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้
ซึ่งจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
และค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ที่เข้าสู่ระบบที่ถูกกฎหมาย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น
ไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีบุคคลธรรมดา
2. ให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการจ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
นำมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท
สำหรับ หลักฐานที่ใช้ในการขอลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว ได้แก่ ใบเสร็จรับเงิน และ/หรือ ใบกำกับภาษี
โดยมีรายละเอียดที่ถูกต้องดังนี้ 1. ชื่อ – นามสกุล ที่ถูกต้อง
ตามข้อมูลในทะเบียนบ้านของเรา 2. เลขประจำตัวประชาชนของผู้เสียภาษี 3. ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของเรา 4. วันที่
ที่ระบุในใบเสร็จ และ/หรือ ใบกำกับภาษี สำคัญนะคะ
ต้องระบุช่วงวันที่ให้ถูกต้องด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักวิชาการแผนกภาษี กรมสรรพากร โทร. 0
2272 9214
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
วิเคราะห์ “การไทยเที่ยวไทย” เดือนธันวาคม 2559:
ผู้ประกอบการปรับทัพการตลาดใช้โอกาสจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
ใน 3 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย
1. “การออกมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ” จะส่งผลดีผ่านการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
แม้ผลกระตุ้นอาจเผชิญข้อจำกัดอยู่บ้างเนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวช่วงฤดูเดินทางเดือนธันวาคมของทุกปี ส่วนใหญ่จะวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว
จึงทำให้ผู้ที่ในช่วงนี้อาจเผชิญปัญหาไม่สามารถจองที่พักในแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายได้
2.ผลของมาตรการนำใบเสร็จรับเงินมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาเพิ่มเติม ตามยอดการใช้เงินรวม 30,000 บาท
จะมีผลทำให้เกิดเม็ดเงินกระจายสู่ธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มเติม 2,000- 4,000 ล้านบาท เทียบกับในกรณีที่ไม่มีมาตรการการท่องเที่ยว และส่งผลให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจท่องเที่ยวเดือนธันวาคม 2559 ประมาณ 82,000-84,000
ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.8-11.5 เมื่อเทียบกับที่เติบโตร้อยละ 13.4
ในเดือนเดียวกันของปี 2558
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เที่ยวในช่วงนี้จะได้รับประโยชน์จากมาตรการ
ที่จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อจากการขอคืนภาษีในปีหน้า
3.
เพื่อให้มาตรการที่ออกมาได้ประโยชน์ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม และธุรกิจนำเที่ยว
(ที่อยู่ในระบบ) จะใช้โอกาสนี้ในการทำการตลาดประชาสัมพันธ์
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้และสร้างแรงจูงใจในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปว่า “ตลาดไทยเที่ยวไทย” เป็นหนึ่งในกิจกรรมเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
โดยรายได้จากคนไทยเที่ยวในประเทศมีมูลค่าประมาณ 800,000
ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 5.7
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
ได้ก่อให้เกิดเม็ดเงินกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
ติดตามฟังรายการบนมือถือในช่วงเวลา 11.00-12.00 น.โดยเข้าไปที่ www.google.com พิมพ์คำว่า FM 97.0 .อ่านได้ทาง www.facebook.com/penroong yaisamsen
หรือติดตามฟังย้อนหลังทาง www.facebook.com/rauydauykhao
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์การบิน/ท่องเที่ยว และผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น