จับตารอยต่อเศรษฐกิจไทยปีลิง59สู่ปีไก่60
คิงเพาเวอร์ในเมือง-สนามบินลดแหลก90%
ห้ามพลาดแสงเทียนแห่งสยามคืน31ธ.ค.นี้
ตามรอยพระบาทไปเกาะทะเลไทยสัตหีบ
สวัสดีส่งท้ายปีวอกในเช้าวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2559
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย” FM 97.0 MHz.ในรายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ฟังเรื่องราวความเข้มข้นข่าวเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ช่วงแรกเวลา 11.15 น.
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ผู้ดำเนินรายการจะนำผลสรุปการวิเคราะห์เรื่อง “รอยต่อเศรษฐกิจไทยจากปีลิง
2559 เข้าสู่ปีไก่ 2560” มาให้ฟังกันอย่างเต็มอิ่ม
หลังจากตลอดช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2559
นักพยากรณ์หลายสำนักได้ประเมินผลเศรษฐกิจภาพรวมปี 2559 ต่อเนื่องถึงแนวโน้มปี 2560
เต็มไปด้วยความท้าทายและต้องเฝ้าระวังปัจจัยรอบด้านทั้งภายในประเทศและสถานการณ์โลก
ขณะที่
“ภาคบริการและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ยังคงเป็นเดอะสตาร์ของประเทศ
ที่พร้อมจะนำเงินกว่า 2.7 ล้านล้านบาท กระจายสู่ท้องถิ่นตามคอนเซ็ปต์ Local Experience ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนโยบายการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เริ่มต้นจากผลวิเคราะห์ของ “Economic Intelligent Center SCB”
ระบุว่ามีปัจจัยภายนอกหลังการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา
ที่ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีแนวโน้มต้องระวัง 5
เรื่อง โดยเฉพาะผลกระทบแรง ๆ
ที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะกลาง 2 เรื่อง ได้แก่ 1.นโยบายทางการค้า และค่าเงินอาจจะผันผวนหากเกิดสงครามการค้า
2.นโยบายต่างประเทศ
กรณีสหรัฐฯ ลดบทบาทในเอเชียแล้วจีนขึ้นมามีอำนาจแทน
จึงต้องจับตาความตรึงเครียดในแถบทะเลจีนใต้
และความเสี่ยงด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบระยะสั้นมี 3 เรื่อง ได้แก่
เงินลงทุนและการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดพันธบัตรและหุ้นผันผวน และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์
แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวมปี
2560
ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
จะเติบโต 3.3
% โดยได้รับแรงหนุนจาก 4หมวดหลัก
ได้แก่ หมวด 1
ท่องเที่ยวยังคงเติบโตสูงต่อเนื่อง 10 % หมวด 2 การลงทุนภาครัฐ จะเติบโต 10.1 % เป็นผลมาจากการขยายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ควบคู่กับลดการลงทุนโครงการขนาดเล็ก
หมวด 3 การบริโภคภาคเอกชนเติบโต 2.9 %
จากภาระจ่ายที่ลดลงและมาตรการภาครัฐ หมวด 4 การลงทุนภาคเอกชน
เติบโต 2.3 % จากการฟื้นตัวของภาคบริการและโครงการภาครัฐ
ผนวกเข้ากับ “การลงทุนเมกะโปรเจ็กต์” ของ “กระทรวงคมนาคม” ปี 2560 มูลค่ารวมกว่า
7.3 แสนล้านบาท จำนวน 27 โครงการ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ
และโลจิสติกส์ ประกอบด้วย
1.โครงการรถไฟฟทางคู่
10
โครงการ มูลค่ารวม 420,000 ล้านบาท
2.รถไฟฟ้า 7 โครงการ 192,000
ล้านบาท สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน)
สายสีเขียวเหนือ (คูคต-ลำลูกกา) สายสีเขียวใต้ (สมุทรปราการ-บางปู) สายสีแดง
(รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
3.โครงการถนน 6 โครงการ 114,000 ล้านบาท 4.โครงการสนามบิน
3 โครงการ
900 ล้านบาท สนามบินสกลนคร สนามบินแม่สอด สนามบินเบตง 5.ท่าเรือทางทะเล
(Seaport) 1 โครงการ 1,400 ล้านบาท คือ เชียงของโลจิสติกส์ เซ็นเตอร์
จ.เชียงราย
ปี 2560 เศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
เริ่มจากสถานการณ์ ไตรมาส 1 จะเติบโตเพียง
3.2 % เพราะการท่องเที่ยวเผชิญแรงกดดัน
ประเด็นแรก “นักท่องเที่ยวจีน”
ปีนี้คงหดตัว ช่วงตรุษจีนต่างจากปกติปีที่ผ่านมามีฐานการใช้จ่ายเงินและเดินทางสูงมาตลอด ประเด็นที่ 2 การส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประเด็นที่ 3 การบริโภคชะลอหลังใช้จ่ายล่วงหน้าในช่วงช็อปช่วยชาติ ประเด็นที่ 4 ต้องจับตานโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
พอเข้าสู่ “ไตรมาส 2” เศรษฐกิจไทยถึงจะเริ่มมีสัญญาณบวกเพิ่มเป็น
3.4 % เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นเบิกจ่ายงบประมาณกลางปี
และการรับเงินภาษีจากช็อป-กิน-เที่ยว ช่วยชาติ
อีกทั้งผลจากการ “จัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม”
(งบกลางปี) ด้วยอีกทาง ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา คือ 1.จะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนกระจายลงสู่ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น
ผ่านโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านการเกษตร โลจิสติกส์ และการท่องเที่ยว
2.ความต้องการกู้เงินในประเทศ
อาจเพิ่มแรงกดดันต่อต้นทุนทางการเงิน ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ขยับขึ้น
3.การขาดดุลงบประมาณในปี
2560 อาจเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเมินว่าจะอยู่ที่ 2.7% ของ GDP ขยับไปเป็น 3-4% ของ GDP หนี้สาธารณะไต่ระดับขึ้นไปใกล้ 45% ของ GDP ณ สิ้นปี 2560 (จากคาดการณ์ที่ 43% ณ สิ้นปี
2559)
สำหรับ “ครึ่งปีหลัง” ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
3 เรื่อง ได้แก่ 1.การส่งออกขยายตัวเล็กน้อย
จากผลด้านราคา 2.การท่องเที่ยวน่าจะขยายตัวดีขึ้น 3.หากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ประมูลแล้วหลายโครงการเริ่มดาเนินการก่อสร้างได้
และสามารถเร่งรัดเบิกจ่ายงบกลางปี อาจเพิ่ม Upside ต่อเศรษฐกิจ
แต่ก็ต้องระวัง “ปัจจัยเสี่ยง” ที่มีผลมาจาก
1.ความผันผวนตลาดการเงินโลกตามทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ
2.BREXIT 3.ประเด็นการเมืองในยุโรป 4.เสถียรภาพเศรษฐกิจจีน 4.ราคาน้ามันสูงขึ้น 5.เงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจเพิ่มแรงกดดันต่อการใช้จ่ายของครัวเรือนไทย
3.2%
สรุปภาพรวม “เศรษฐกิจปี 2560” ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ถึงแม้จะมี 1.การปรับเพิ่มประมาณการ จากผลบวกของงบกลางปี
คงต้องรอประเมินรายละเอียดของโครงการ และช่วงเวลาที่เงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ที่ชัดเจนอีกระยะหนึ่งก่อน และ 2.ต้องพิจารณาความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อาทิ เศรษฐกิจต่างประเทศที่จะมีผลต่อการส่งออก
การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน ประกอบไปด้วยกัน
KResearch สะท้อนผลสำรวจ
“ผู้บริโภคยังกังวลต่อปัญหาหนี้และเพิ่มความระมัดระวังด้านการใช้จ่าย”
สาเหตุมาจาก 3 เรื่อง
1.แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพ
สินค้าแพงขึ้น 73.6 % 2.ความไม่แน่นอนด้านรายได้ครัวเรือน
73.6 % และ
3.ความสามารถในการชาระหนี้ในอนาคต
71.2 %
ขณะที่เหตุผลของการระมัดระวังการใช้จ่าย
มี 5 เรื่อง 1.อยู่ในช่วงไว้อาลัย 6.4 % 2.กังวลต่อรายได้ในอนาคต
51.1 % 3.ต้องการรัดเข็มขัดเพื่อเก็บเงินออม 21.1 % 4.ภาระค่าใช้จ่ายอื่น
ๆ มากขึ้น 20.7 % และ 5.อื่น ๆ 0.3 %
ส่วน “ปัจจัยที่ผู้ประกอบการต้องติดตามสำหรับการดำเนินธุรกิจในปี
2560” ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
และนโยบายรัฐ ที่กำลังเร่งขับเคลื่อน ไทยแลนด์ 4.0 การโหมยุทธศาสตร์เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเดินหน้าอย่างชัดเจน ใน 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก ผู้ประกอบการรายกลาง/ใหญ่ต้องเตรียมรับมือกับการมาถึงของเทคโนโลยีใหม่ๆ
และนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
กลุ่มที่สอง ผู้ประกอบการ
SMEs จะเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น
จากการเข้ามาของผู้เล่นที่วางระบบและให้การบริการที่ครบวงจรเพื่ออานวยความสะดวกให้กับลูกค้าและคู่ค้า
ขณะที่ “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว”
ประเมินแนวโน้มปี 2560
ยังคงเป็นบวก
ตามที่
“กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ระบุทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวปี 2560 ตั้งเป้าจะสร้างรายได้ 2.7
ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.17% ปรับจากเป้าเดิมตั้งไว้เพียง 2.6 ล้านล้านบาทเท่านั้น
โดยตั้งเป้าทำรายได้จาก “ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ” มูลค่ารวมราว 1.78 ล้านล้านบาท จะหันไปเพิ่มฐานลูกค้าตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศกัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม
(CLMV) เร่งการเติบโตให้ได้ 8% จากปี 2559 มาเที่ยวเมืองไทยกว่า 3.25 ล้านคน สร้างรายได้ 96,700 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 20% ควบคู่การขยายตลาดอื่นๆ เช่น อาเซียนเก่า และยุโรป
เป็นการหาตลาดมาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2560 เพราะจีนอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจภายในชะลอตัวลง
ดังนั้นไทยจะใช้กลยุทธ์เพิ่มรายได้ตลาดต่างประเทศด้วยวิธีส่งเสริมประเทศขึ้นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว
(THAILAND TOURISM HUB)
5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา 2.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.การจัดงานแต่งงาน 4.การท่องเที่ยวทางน้ำ และ 5.การท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ASAEN CONNECT) ผ่านกลยุทธ์วิถีถิ่นเพื่อกระจายรายได้ให้กับชุมชน
และจะทำรายได้จาก “ตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ” อีก 9.3 แสนล้านบาท กระตุ้นการใช้จ่ายจากจากปัจจัยแรงส่งของมาตรการช้อปช่วยชาติปลายปี
2559 การขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น
รวมถึงความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม
จะส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านระบบรางในเส้นทางต่างๆ อาทิ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
การท่องเที่ยว 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ตั้งความหวังจะเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าไปชมโครงการพระราชดำริและบริเวณใกล้เคียงได้อีก
2-3 เท่า รวมถึงการขยายตัวท่องเที่ยวยามค่ำคืนมากขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุให้จับตาปัจจัยเสี่ยงที่ต้องการท่องเที่ยวต้องเฝ้าระวังในปี
2560 มี 4 เรื่อง
ได้แก่ 1.การแข่งขันการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน
ผ่านการยกเว้นวีซ่าต่างๆ เริ่มรุนแรงมากขึ้น 2.ภัยก่อการร้ายและสงครามต่างๆ
3.ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
และ 4.การเปลี่ยนแปลงผู้นำและนโยบายด้านเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจท่องเที่ยวไตรมาส 4 ปี 2559 มีรายได้รวม 628,486
ล้านบาท ขยายตัว 4.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
แบ่งเป็นรายได้จากต่างชาติ 400,436 ล้านบาท และรายได้คนไทย 228,050 ล้านบาท จากปัจจัยการขยายตัวของตลาดเมืองรอง เมืองต้องห้ามพลาดและเมืองต้องห้ามพลัส
รวมถึงนักท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาเซียน เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น
และกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงปีใหม่
จึงทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวตลอดปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง
32.5 ล้านคน และมีรายได้รวม 2.51
ล้านล้านบาท ทะลุเป้าที่วางไว้
ข่าวที่ 1 “ลดข้ามปี90%ที่คิงเพาเวอร์ทุกแห่ง”
ขาช้อปทั้งหลาย ! พบกันที่
“ร้านค้าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์” ทั้งสาขาในเมืองและสนามบิน เปกับโปรโมชั่น Let’s
Sale up to 90% แรงสุดขั้วข้ามปี จัดสินค้าแบรนด์เนมใหม่แกะกล่องมาให้ช็อปได้ทุกวัน ไปจนถึงวันที่
15 มกราคม 2560
ช้อปได้ทุกวันที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชั้น 3 ช้อป กับแบรนด์เนมสินค้าใหม่ที่มาร่วมทัพมหกรรมLET’S SALE UP TO 90% และเมื่อซื้อสินค้าครบ 3ชิ้น ได้ส่วนลด On-Top อีก 20% ซื้อสินค้าครบ
5 ชิ้น รับส่วนลด On-Top ไปเลย 30%
โดยเฉพาะดิวตี้ฟรีในเมืองสาขา คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี
พัทยา ภูเก็ต และที่สนามบินนานาชาติ 3 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต แห่ทำโปรโมชั่นเสริมทัพอีกรายการช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ช้อปอย่างจุใจกับ
End of Season Sale ด้วยการนำแบรนด์เนมมาลดสูงสุดถึง 60% กับสินค้าราคาปกติลดเต็มอัตราถึง
20%
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดทำโซเชียล มีเดีย “ปฎิญาณทำความดี
เสริมสิริมงคลแก่ชีวิต” ในกิจกรรมโครงการ “แสงเทียนแห่งสยาม”
ร่วมสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีธรรม 2560 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ภายในงานพบกับหลากหลกิจกรรมเสริมสิริมงคลรับปีใหม่
ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการสวดมนต์ข้ามปี
และร่วมจุดเทียน 100,000 ดวง ในหลายพ้นที่ทั่วประเทศไทย ในคืนส่งท้ายปี
สำหรับประชาชนที่พลาดโอกาสเข้าร่วมงาน สามารถติดตามบรรยากาศสดได้และสามารถร่วมเขียนคำ
“ปฎิญาณความดี” ผ่านออนไลน์ www.tourismthailand.org/thaifest
นายยุทธศักดิ์
สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่าช่วงส่งท้ายปีเก่า 2559
ต้อนรับปีใหม่ 2560 นี้ จะปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ถึง
4 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนราว 19,300 ล้านบาท รวมทั้งจะมีนักท่องเที่ยวทั่วประเทศร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีตามวัดต่างๆ
อีกกว่า 18ล้านคน มูลค่าเงินหมุนเวียน 3,600 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดการจัดงาน “แสงเทียนแห่งสยาม”
วันที่ 31
ธันวาคม 2559 ต่อเนื่องถึงวันที่ 1
มกราคม 2560 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ภายในงานสามารถชมนิทรรศการ “70 เส้นทางตามรอยพระบาท”
เวลา 19.00 น. ททท. เริ่มแจกโคมเทียน100,000
โคม กระจาย 8 จุด ทั่วมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมงาน
(จนกว่าโคมเทียนจะหมด)
เวลา 20.30 น.
พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์และสวดมนต์ข้ามปี
เวลา 21.00 น.
ผู้ร่วมงานยืนสงบนิ่งถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 89 วินาที
เวลา 23.45 น. ร่วมกันสวดมนต์บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย
(อิติปิโส ภควา) เวลา 00.00 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2560 ประธานลั่นฆ้องชัย
พระสงฆ์และประชาชนร่วมกันสวดเจริญมงคลคาถา บทชยันโต และนายสุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว (บี้
เดอะสตาร์) นำร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “พรปีใหม่” ต่อด้วยการร้องเพลง
“สรรเสริญพระบารมี” หน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร เวลา 00.09 น. จุดเทียน “แสงเทียนแห่งสยาม” พระสงฆ์และประชาชนร่วมกันสวดมนต์รับปีใหม่
บทมงคลคาถา (พาหุง)
ซึ่งเป็นการสวดมนต์และจุดเทียนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบูรพกษัติยาธิราช
เทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ถวายพระพรชัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
และเสริมสิริมงคลแก่ประเทศไทยให้มีความสุขตลอดปี
นอกจากมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว
รัฐบาลยังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนและห้างสรรพสินค้าต่างๆ
ใจกลางย่านการค้าของกรุงเทพมหานคร จัดเวทีกิจกรรมร่วมงานแสงเทียนแห่งสยาม
ตั้งแต่แยกปทุมวันถึงแยกพร้อมพงษ์ ได้แก่
เวทีบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ลานสยามพารากอน เวทีบริเวณแยกราชประสงค์ เวทีลานเซ็นทรัลเวิลด์ เวทีบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล
เอ็มบาสซี
เวทีบริเวณหน้าศูนย์การค้าเทอมินอล 21 และศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ โดยให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมไปพร้อมๆ
กับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ในเวลา 21.00 น. วันที่ 31
ธันวาคม 2559 ร่วมพิธียืนสงบนิ่งถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
89 วินาที และร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “พรปีใหม่” เวลา
00.00 น. วันที่
1 มกราคม 2560 ร่วมร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” เวลา
00.09 น. ร่วมจุด“แสงเทียนแห่งสยาม” พร้อมกัน
นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า ได้ร่วมกับส่วนงานราชการ
สายการบินและผู้ประกอบการในสนามบินจัดพิธีปล่อยแถวการปฏิบัติการในการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารช่วงเทศกาลปีใหม่
2560 โดยได้จัดตั้ง
“ศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชน
(Passenger Facilitation
Center)” เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานด้านการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง
ๆ แก่ผู้โดยสารและประชาชนตลอดเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่วันนี้ – 4 มกราคม 2560 ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยาน
บริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ
อาคาร 2 สอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่โทร. 0 2535 1192 และ 0 2535 2110
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) กล่าวว่า
บางจากได้ตรึงราคาน้ำมันขายปลีกช่วงปีใหม่ตั้งแต่ 29 ธ.ค.59- 3 ม.ค.2560
เพื่อมอบเป็นของขวัญและแทนคำขอบคุณให้กับคนไทยที่เดินทางเยี่ยมครอบครัวญาติมิตรและท่องเที่ยว พร้อมกับจัดโครงการสัญจรปลอดภัย สุขใจทั่วประเทศ ระหว่าง 29
ธ.ค.59 – 4 ม.ค.60 ให้สมาชิกบัตรแก๊สโซฮอล์คลับและดีเซลคลับ
รับสิทธิประกันอุบัติเหตุทุนประกัน 100,000 บาท ฟรี
รวมทั้งมีโครงการ"ตรวจรถฟรี
ขับขี่ปลอดภัย ถวายพ่อหลวง" ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก รณรงค์เรื่องความปลอดภัย
และเตรียมความพร้อมของสภาพรถก่อนเดินทาง โดยให้บริการตรวจเช็คสภาพรถฟรี 11 รายการ อาทิ น้ำมันเบรคและคลัทช์
น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ก้านปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก ฯลฯ
พร้อมมอบส่วนลดไส้กรองน้ำมันเครื่อง 10% ณ ศูนย์บริการ Green Serve และ Wash Pro ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก 45 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 15 ม.ค.60
และร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) มอบฟรีหนังสือ “70 เส้นทางตามรอยพระบาท"
สำหรับผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัดและแวะเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันบางจากบนเส้นทางสายหลักใน
5 จังหวัด 5 ภาค คือ พระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์
นครราชสีมา ชลบุรี และเพชรบุรี เพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย
บริเวณท่าเตียนถือเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่
และอาจกล่าวได้ว่ามีความซับซ้อนทางด้านประวัติศาสตร์มากที่สุด
พื้นที่ท่าเตียนนั้นมีความหมายถึง “บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาริมถนนมหาราช”
นับตั้งแต่ท้ายวังจนถึงวังจักพงษ์
พื้นที่บริเวณท่าเตียนเป็นส่วนหนึ่งของ
“ป้อมบางกอกฝั่งตะวันออก” ที่ได้ถูกรื้อตั้งแต่สมัยพระเพทราชา
ป้อมถูกรื้อจนหมดเพื่อนำอิฐไปก่อสร้าง “กำแพงกรุงธนบุรี”
(ตามแนวคลองคูเมืองเดิมทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี)
ปัจจุบันจึงไม่เหลือหลักฐานป้อมบนพื้นดินให้เห็นแล้ว
พื้นที่ท่าเตียนเริ่มมีความสำคัญหลังจากได้เกิดไฟไหม้ตั้งแต่บริเวณ
“บ้านหม้อถึงวัดโพธิ์” จนพื้นที่บริเวณนี้โล่งเตียนใน พ.ศ.2356 (รัชกาลที่ 2)
และได้เกิดไฟไหม้อีกหลายครั้ง
ขณะเดียวกันได้มีชาวตะวันตกหลายชาติเข้ามาขอเจริญพระราชไมตรีและทำสนธิสัญญาต่าง ๆ
รัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้สร้าง
“เรือนหลวงรับราชทูต” และ “บ้านหลวงราชทูต” ต่อจากนั้นจึงได้ก่อสร้าง
“ศาลต่างประเทศ” ขึ้นบริเวณนี้ในราว พ.ศ.2408-9
(ช่วงปลายรัชกาล)
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5
ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศสาขาต่าง ๆ เข้ามารับราชการเป็นจำนวนมาก
ชาวต่างประเทศส่วนหนึ่งได้รับพระราชทานที่พักบริเวณท่าเตียนนี้ด้วย
นอกจากนั้นท่าเตียนยังมีความสำคัญในฐานเป็น
“ตลาดศูนย์รวมสินค้าต่าง ๆ” ที่อยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังมากที่สุดอีกด้วย
สายการบินไทย แอร์ เอเชีย รายงานว่า
ในฐานะผู้นำสายการบินราคาประหยัดที่มีเที่ยวบินตรงแบบประจำ ไป-กลับ
กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ มากที่สุดถึงวันละ 20 เที่ยว ตั้งแต่ปลายเดือน ธันวาคม 2559 เป็นต้นมา
ได้ร่วมมือกับทางจังหวัดเชียงใหม่ โปรโมตการท่องเที่ยว ด้วยกลยุทธ์จัดทำภาพพิมพ์นำเสนอรูปแบบการท่องเที่ยวของเชียงใหม่
บนตู้เก็บของ (Overhead Logger) และถาดอาหาร (Meal Tray) เน้นนำเสนอเส้นทางบินระหว่างจังหวัดเชียงใหม่เชื่อมโยงสู่อาเซียนด้วย
จึงได้ออกแบบจัดทำภาพพิมพ์อุปกรณ์บนเครื่องบิน
เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีความหลากหลายและน่าสนใจ ทั้งทางด้าน
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและสปา การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและอุทยาน
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
สำหรับสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ตามสถิติมีสายการบินขนส่งผู้โดยสารรวม
26 สายการบิน วันที่ 30 กันยายน
2559 มีเที่ยวบิน 67,134 เที่ยว จากผู้ใช้บริการ 9,208,256 คน
ช่วงที่ 2 เวลา 11.45 น.ตามไปดูโครงการพระราชดำริติดทะเลอ่าวไทยในสัตหีบ
แล้วฟังข้อแนะนำตรวจสุขภาพส่งท้ายปี ปิดท้ายด้วยข่าวฮ็อตอำลาปีวอก
สถานที่รวบรวม และจัดแสดงด้านธรณีวิทยา
พฤกษศาสตร์ สัตวศาสตร์ทางทะเล แห่งแรกในประเทศไทย ที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม คือ "
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เกาะและทะเลไทย” ตั้งอยู่บริเวณ เขาหมาจอ ต.แสมสาร
อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เปิดให้เข้าชม ทุกวัน 08.30-16.30 น.
พื้นที่ในอำเภอสัตหีบของทหารเรือ มีชายฝั่งทะเลที่สวยไม่แพ้ที่ใดในชลบุรีเลย
ไปถึงแล้วนอกจากจะชมท้องทะเลแล้ว
อยากให้ลองหาเวลาว่างแวะมาชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
แหล่งเรียนรู้สำคัญ อัดแน่นไปด้วยความรู้ที่น่าสนใจมากมาย
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
ก่อตั้งขึ้น โดยกองทัพเรือ เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงด้านธรณีวิทยา พฤกษศาสตร์
สัตวศาสตร์ทางทะเลแห่งแรกในประเทศไทย
อันเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจ
และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของพันธุกรรมพืชต่างๆ ในประเทศไทย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
มีสถาปัตยกรรมที่วางตัวเรียงรายกันอย่างสวยงามบนเนินเขา
ถ้าหากแวะมาเที่ยวที่นี่แล้วยังมีเวลาเหลือเฟือ
ยังสามารถนั่งเรือข้ามเกาะไปเที่ยวเกาะแสมสารได้พร้อมกันในวันเดียว
วางแผนไปเที่ยวชลบุรี 2
วัน 1 คืน แนะนำว่า วันแรก
ช่วงเช้า •เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
จ.ชลบุรี ช่วงบ่าย•เดินทางไปเกาะแสมสาร
เยี่ยมชมโครงการฯ เล่นน้ำ พักผ่อน •เข้าพักที่สัตหีบ
วันที่สอง ช่วงเช้า •เดินทางไปศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ฐานทัพเรือสัตหีบ และเรือรบหลวงจักรีนฤเบศร ช่วงบ่าย • เที่ยวชมเขตห้ามล่าสัตวป่าเขาชีโอน
แหล่งเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายาก •เยี่ยมชมวิหารเซียน •ซื้อของฝากที่ชุมชนตลาดนาเกลือ
สถานที่เที่ยวห้ามพลาด 3 พิพิธภัณฑ์ได้แก่ •พิพิธภัณฑ์อาคารเทิดพระเกียรติมหาราช
จัดแสดงความเป็นมาของโครงการฯ และความสัมพันธ์ของระบบนิเวศ •พิพิธภัณฑ์อาคารปวงปราชญ์ร่วมแรงใจ
เป็นจุดชมวิวหมู่บ้านแสมสาร และเกาะแรด และจัดความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของป่า
พันธุ์พืช และสัตว์ •พิพิธภัณฑ์อาคารพิทักษ์ศักยภาพทะเลไทย
ตั้งอยู่สูงที่สุด จัดแสดงนิทรรศการผ่านสื่อมัลติมีเดีย และเป็นจุดชมวิวจุดสำคัญ
สนใจท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา
เกาะและทะเลไทย ชลบุรี
โทร.0-3843-2475, 0-3843-2473 หรือ www.tis-museum.org
ค่าเข้าชม คนละ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี 20 บาท
ทหารเรือนอกเครื่องแบบแสดงบัตร 30 บาท และ ต่างชาติ 100 บาท
การเดินทาง -
จากพัทยา ใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท
(ทางหลวงหมายเลข 3) ไปทาง อ.สัตหีบ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกกิโลสิบ
ขับตรงไปจนถึงแยกทางเข้าบ้านแสมสารให้เลี้ยวซ้าย สังเกตป้าย
บอกทางที่มีให้เห็นตลอดทาง
@ตรวจสุขภาพส่งท้ายปีเพื่อชีวิตดีๆปีหน้า
สิ้นปีแล้ว แนะนำให้ไป“ตรวจสุขภาพ” ตามคำแนะนำของแพทย์ระบุว่าเกี่ยวข้องกับ 2 เรื่องหลักๆ
คือ
1.การค้นหาโรคที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา โดยที่ยังไม่มีอาการผิดปกติให้สังเกตได้ เช่น
โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มะเร็งปากมดลูกระยะแรก เป็นต้น
ถ้ามีอาการเจ็บป่วยปรากฏให้เห็นแล้วค่อยไปตรวจ ไม่ใช่การตรวจสุขภาพ แต่เป็นการตรวจเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคอะไร
เพื่อยืนยันผล เมื่อทราบผลการตรวจที่แน่นอนแล้วก็จะได้ให้การรักษาอย่างเหมาะสม
2.การค้นหาพฤติกรรมเสี่ยง และปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ
เพื่อจะได้รู้ว่าสุขภาพของเราเป็นอย่างไรบ้าง และถ้าพบว่าเรามีพฤติกรรมเสี่ยงหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไร
แพทย์ที่ตรวจก็จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา
“นางพัศลินทร์
เศวตรัตน์”
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุโขทัย เชิญชวนเที่ยวเมืองเก่าสุโขทัยช่วงปีใหม่ด้วยการแวะไปชมกิจกรรม
"25 ปี มรดกโลก เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัย และเมืองบริวาร" ตั้งแต่วันนี้ -3 มกราคม
2560 เวลา 18.00-21.00 น. มีงานแสง สี เสียง สุโขทัย 2559 หรือ Sukhothai Historical Park's Light Up Night ให้นักท่องเที่ยวได้ชมตลอด
ณ วัดมหาธาตุ
ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
สอบถามที่โทร. 0 5561 6228-9 หรือ เฟซบุ๊ก Tat Sukhothai fanpage และอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โทร. 0 5569 7310
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รายงานว่า
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560
มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ขสมก.
จึงได้จัดแผนปฏิบัติการเดินรถและแผนอำนวยความสะดวก ปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน จัดเดินรถไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ให้บริการฟรีจำนวน
12 คัน ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.59 - 2 ม.ค.60
เริ่มให้บริการคันแรก ตั้งแต่เวลา 08.00 น. คันสุดท้ายออกจากท่า เวลา 17.00 น. เส้นทางจากอู่หมอชิต 2 - วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร รถจะวิ่งผ่านวัดต่างๆ 9
วัด ได้แก่
วัดเบญจมบพิตรดุสิต-วนารามราชวรวิหาร, วัดสามพระยาวรวิหาร, วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร, วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร, วัดมหาธาตุ-ยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
(วัดโพธิ์), วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว), วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร,วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ข่าวที่สาม“TGเสิร์ฟเมนูเคาน์ดาวน์บินต่างประเทศ”
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TG จัดขนมหวานจานพิเศษต้อนรับเทศกาลปีใหม่
2560
ให้ผู้โดยสารได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขช่วงเวลาพิเศษ ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2559 - 1 มกราคม 2560 สำหรับผู้โดยสาร “ ชั้นหนึ่ง” เสิร์ฟ
เค้กแบล็คฟอเรสต์กับซอสช็อคโกแลต “ชั้นธุรกิจ” เสิร์ฟนิวยอร์กชีสเค้ก และ “ชั้นประหยัด” เสิร์ฟเค้กกล้วยหอมกับคาราเมล
ขนมหวานดังกล่าว “เชฟจากครัวการบินไทย”
ได้สร้างสรรค์เมนูพิเศษเพื่อให้ผู้โดยสาร พร้อมเสิร์ฟในทุกเที่ยวระหว่างประเทศขาออกจากกรุงเทพฯ
มื้อกลางวันหรือมื้อเย็น (ยกเว้นเส้นทางตะวันออกกลาง ปากีสถาน บังคลาเทศ
และอินเดีย)
นายสุปรีชา
สุฐมานนท์
ผู้จัดการทั่วไป Dolphins Bay Phuket กล่าวว่า
ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ โชว์โลมา และแมวน้ำที่น่ารัก ณ ซอยป่าหล่าย ตำบลฉลอง
อำเภอเมืองภูเก็ต เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมฉลองเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันนี้-8
มกราคม 2560 กับสุดยอดการแสดงโชว์โลมาระดับโลก ตื่นเต้นกับความแสนรู้
และแมวน้ำที่น่ารัก ในราคาสุดประหยัดซื้อบัตร 3 ใบ แถมฟรี 1 ใบ
ราคาบัตรเริ่มต้นที่ 250- พร้อมการถ่ายภาพกับโลมาปกติ 400- (ไม่เกิน 4
ท่านต่อครั้ง) เหลือเพียง 300 บาท
พบกับสาระข่าวดี ๆ ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.
ดำเนินรายการโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์ :การบิน/ท่องเที่ยว และผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น