เปิดใจ "จินดารัตน์ คำเวียง"ทายาทปกากะญอบ้านโป่งลึก-บางกลอย พลิกสู่ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบแก่งกระจาน-นั่งรถรางเที่ยวน่นวันธรรมดา10สถานที่รอบเมืองเก่า
เปิดใจ”ว้า-จินดารัตน์”ทายาทปกากะญอในโป่งลึก-บางกลอย
ผนึกมูลนิธิปิดทองฯพลิกชุมชนต้นแบบท่องเที่ยวแก่งกระจาน
คิงเพาเวอร์นำแบรนด์โลกมาให้ช้อปเดือนแห่งรัก3เทรนด์แรง
ททท.จับมือรฟท.จัดทัวร์รถไฟสายศาสตร์ศรัทธาสู่เมืองเพชร
More Fun ตะวันออกลุยจัดมหกรรม"อาหารอร่อยระยอง..ฮิ"
บางจากคว้าเกียรติบัตรผู้นำผลิตภัณฑ์พลังงานโลว์คาร์บอน
TCEBย้ำไมซ์ไตรมาส1ปี’62สดใสตุนรายได้เฉียด4หมื่นล้าน
นั่งรถรางเที่ยววันธรรมดา จ.น่าน10สถานที่รอบเมืองโบราณ
จะทำอย่างไรเมื่อสุขภาพเจออาการเวียนหัวจนบ้านหมุนติ้ว
คมนาคมเร่งใช้งบก่อนเลือกตั้ง1.2ล้านล้าน21เมกะโปรเจกต์
ลุ้นบอร์ดทอท.ชี้TORดิวตี้ฟรี-เทอร์มินัล2สุวรรณภูมิ20กพ.นี้
แควนตัสอัดโปรแรงตั๋วบินถูกสู่ออสซี่-นิวซีแลนด์ถึง19 ก.พ.
อพท.ผนึกGSTCดึงทั่วโลกมาประชุมเที่ยวยั่งยืนที่เชียงใหม่
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์
ช่วงที่ 1 รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์ เป็นรายการแรกของประเทศที่ชวน “จินดารัตน์ คำเวียง” มาเปิดใจในฐานะผู้ทายาทผู้สืบทอดเชื้อสายชาวเขาปกากะญอมาถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจกว่า 30 ปี ก่อนและหลังมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ เข้าไปสนับสนุนจนทำให้ชุมชนลางผืนป่าบนยอดดอยสูง “บ้านโป่งลึก-บางกลอย” แก่งกระจาน ผงาดสู่ชุมชนท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์ และศูนย์กลางการผลิตพืชเศรษฐกิจ ทุเรียน กาแฟ กล้วย ไผ่ แหล่งแปรรูปสินค้าเกษตร และเส้นทางท่องแพชมรากวิถีวัฒนธรรมลำน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงคนเมืองเพชรอยู่ดีมีสุขมาจนถึงทุกวันนี้
จินดารัตน์ คำเวียง ผู้นำกลุ่มแม่บ้านโป่งลึก-บางกลอย และกรรมการองค์การบริหารส่วนตำบลบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่าในฐานะผู้สืบทอดเชื้อสายชาวปกากะญอมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษจนกระทั่งทุกวันนี้ครอบครัวได้ประกอบอาชีพทำไร่ปลูกพืชที่กินในครัวเรือนได้กว่า 30 ปี โดยได้ต่อยอดขยายผลการเพาะปลูกแบบผสมผสานเป็นพืชเศรษฐกิจด้วย ได้แก่ พื้นที่ปลูกทุเรียนกับกาแฟอยู่ด้วยกันราว 4 ไร่ และพืชกินได้ในครัวเรือนชนิดอื่น ๆ โดยมีผลผลิตออกมาปริมาณสูงหลังจากอายุของทุเรียนเข้าปีที่ 20 กับต้นกาแฟประมาณ 5 ปี สามารถนำกาแฟมาติดแบรนด์เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนบรรจุซองขายราคาซองละ 12 บาท แล้วรวมเป็นแพกขนาด 8 ซอง ขายราคา 100 บาท ทางชุมชนได้รับความรู้จากการเดินทางไปดูงาน
พร้อมทั้งมี ดร.สุพรรณี บุญเพ็ง คณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทางมูลนิธิปิดทองหลังพระดึงเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ชาวชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นเวลา 2 ปี จินดารัตน์กล่าวว่าทางมูลนิธิปิดทองหลังพระ ได้เข้ามาส่งเสริมชาวบ้านในชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร นำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสอน ด้วยวิธีพาไปดูงานวิธีการเพาะปลูกในพื้นที่ต้นแบบตามจังหวัด ๆ ที่ประสบความสำเร็จ ในการปลูกพืชเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ในบางกลอย 4 อย่าง ได้แก่ กาแฟ กล้วยตาก ทุเรียน ไม้ไผ่จักรสาน รวมทั้งมีการเลี้ยงสัตว์ในครัวเรือนเพื่อกินในครัวเรือน เช่น ไก่ ปลา
ความเป็นอยู่ของชาวปกากะญอในหมู่บ้านบางกลอยมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน หลังจากได้มูลนิธิปิดทองหลังพระเข้ามาส่งเสริมแล้วนำทางศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้ามาร่วมเป็นพี่เลี้ยงให้ชาวบ้าน บริหารจัดการผลผลิตที่ได้มาเป็นสินค้าที่ขายเพิ่มรายได้ นอกเหนือจากการกินในครัวเรือนเท่านั้น แหล่งจำหน่ายสินค้าของหมู่บ้านจะมีตัวแทนของคนในหมู่บ้านมารับซื้อจากแต่ละครอบครัวไปขายตลาดในเมือง
แต่ละบ้านมีรายได้แตกต่างกันไป ครอบครัวซึ่งมีรายได้มากสุดคือปีละ 100,000 บาท ซึ่งเห็นความแตกต่างชัดเจนในจำนวนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กว่า 1,200 คน ล้วนแล้วแต่มีอาชีพทำเพื่อสร้างรายได้เสริม ผู้ชายจะออกไปเพาะปลูกทำไร่
ส่วนผู้หญิงนอกจากปลูกผัก แปรรูปสินค้าแล้ว ยังทำการทอผ้าเป็นเสื้อ กระเป๋า ย่าม ร้อยสร้อยข้อมูล ทั้งใช้เองและขายนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมชุมชน จินดารัตน์ย้ำว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวทุกคน
เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมบ้านโป่งลึก-บางกลอย ไม่ต้องนำของเสื้อผ้ามือสองเข้ามาแจก แต่ขอให้นำเงินเข้ามาอุดหนุนใช้จ่ายซื้อของจากชาวบ้านในชุมชนกลับบ้าน หรือกินอาหารมื้อเที่ยงจากฝีมือชาวบ้านซึ่งจัดเตรียมถูกสุขลักษณะมีอาหาร ย่ามชาวเขา เสื้อผ้าชาวเขา เกษตรแปรรูป สร้อยข้อมือ และอีกหลายอย่างให้เลือก ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือการทำของชาวบ้านทั้งสิ้น
เมื่อมูลนิธิปิดทองหลังพระเข้ามาส่งเสริมสนับสนุนชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ส่งผลให้ชาวบ้าน 1,200 ครัวเรือน มีความเป็นอยู่จากการทำอาชีพและขายผลผลิตให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับส่งเสริมเรื่องการทำผลิตภัณฑ์ให้เป็นแพกเกจ ปรับปรุงรสชาติฝีมือการทำอาหารด้วยการนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยสอน ทางชุมชนบางกลอยเพิ่งเริ่มเปิดศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกลางหมู่บ้าน ซึ่งการประชาสัมพันธ์ยังน้อย จึงต้องวางแนวการจัดการทำกิจกรรม
กิจกรรมแรก การทำอาหารก็ทำเฉพาะต้อนรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากชาวบ้านยังมีความรู้ไม่มากจึงเน้นอาหารพื้นบ้านเป็นหลัก หรือจะซื้อวัตถุดิบมาเตรียมไว้ก็อาจจะเสียได้ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวยังมีไม่มาก
กิจกรรมที่ 2 บริการล่องแพ จากบริเวณจุดเริ่มต้นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแก่งกระจาน 10 (กจ.10) ไปตามแม่น้ำเพชรบุรีซึ่งเดิมเคยเป็นเส้นทางขนสินค้าจากหมู่บ้านไปส่งขายในพื้นที่อื่น ๆ ราคาเหมาแพท่องเที่ยว 550 บาท/ลำ ระหว่างทางจะมีธรรมชาติข้างทางกับวิถีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวปกากะญอ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวปกากะญอในผืนป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น “จินดารัตน์” ย้ำหนักแน่นว่า ขอความร่วมมือ 2 เรื่องหลัก คือ
เรื่องแรก นำเงินเข้ามาอุดหนุนสินค้าในชุมชนซึ่งชาวบ้านทำขึ้นมากินและขายเพิ่มรายได้ในครัวเรือน เรื่องที่ 2 อย่านำขยะพลาสติกเข้ามาในหมู่บ้านเด็ดขาดเพราะบนภูเขากำจัดขยะเหล่านี้ได้ยากมากหรือหากพกพามาก็ต้องนำกลับไปด้วย นับจากนี้เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวควรจะหันมาร่วมมือกันใช้ภาชนะที่เป็นธรรมชาติ เช่นถุงผ้าใส่สิ่งต่าง ๆ ใช้กระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำ หลอดไม้ไผ่ดื่มน้ำ แทน
ชาวชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย ยังคงดำรงวิถีชีวิตรักษารากวัฒนธรรมอันดีงามของปกากะญอไว้อย่างเข้มแข็งทั้งเรื่อง อาหารพื้นบ้าน การทำเครื่องจักรสานใช้ในครัวเรือน รวมทั้งการดูแลปลูกรักษาป่าไว้ และการต่อยอดปลูกพืชแบบผสมผสานตามทฤษฎีพอเพียง สร้างรายได้เสริมจากการปลูกพืชกินในครัวเรือนต่อยอดเป็นพืชเศรษฐกิจผนวกกับการประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมอย่างพอเหมาะพอดี แล้วไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่เพื่อร่วมกันสร้างความยั่งยืนตลอดไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์นำแบรนด์ดังให้ช้อป3เทรนด์โลกเริ่มเดือนแห่งรักก.พ.”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำความสุขมาให้ผู้หญิงทั้งหลายได้ฉลองเดือนแห่งความรักตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป กับสินค้าแบรนด์ระดับโลก ในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ สาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทั้งในเมืองและสนามบิน ช้อปให้สนุกกับ 3 เทรนด์มาแรง
เทรนด์แรก “COLOUR OF THE MOMENT” เติมพลังความสวยด้วยบิวตี้ไอเท็มสีแดงสุดเซ็กซี่ในดีไซน์สุดพิเศษแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น เพื่อต้อนรับตั้งแต่วันวาเลนไทน์ปีนี้เรื่อยไปจนอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อสวยไปด้วยกัน เลือกได้ตามความชื่นชอบ 1.GUERLAIN ABEILLE ROYALE YOUTH WATERY OIL (50ML 4,850 บาท 2.JURLIQUE ROSE BODY OIL DUO LIMITED EDITION (100ML X 2) 3,270 บาท 3.L’OCCITANE HAND CREAM DUO SET ราคา 1,980 BAHT บาท
เทรนด์ที่ 2 “RED MIRACLES” ก่อนจะไปออกเดทในวันวาเลนไทน์ สาวๆ ต้องเตรียมผิวให้สดใส เปล่งปลั่ง ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เริ่มต้นด้วย Guerlain Abeille Royale Youth Watery Oil เฟเชียลออยล์เนื้อบางเบาที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว จากนั้นบำรุงผิวกายด้วย Jurlique Rose Body Oil Duo Limited Edition ตามด้วย L’Occitane Hand Cream Duo Set แฮนด์ครีมเพื่อผิวมือนุ่มชุ่มชื้นน่าสัมผัส
ล้ำนำยุคไปกับ 1.LANCÔME L’ABSOLU ROUGE MATTE NO.178 LUNAR NEW YEAR LIPSTICK 1,035 บาท / AVAILABLE IN 1 SHADES 2.GUERLAIN KISSKISS CHINESE NEW YEAR EDITION 1,260 บาท / AVAILABLE IN 3 SHADES 3.SHU UEMURA LIPSTICK RD163 LIMITED EDITION 980 บาท / AVAILABLE IN 3 TEXTURES 4.GIVENCHY LE ROUGE NO.325 CHINESE NEW YEAR EDITION 1,340 บาท 5.YSL ROUGE VOLUPTÉ PLUMP-IN-COLOUR ราคา1,320 BAHT)
เทรนด์ที่ 3 RED POUT เพิ่มความสนุกให้ได้ลุคแจ่มด้วยลิปสติกสีสันต่างๆ ที่ทั้งแต่งแต้มความสดใสและไม่ลืมใส่ใจบำรุงริมฝีปาก เพื่อริมฝีปากจะได้อิ่มเนียนสวยน่าสัมผัส พร้อมรับวันวาเลนไทน์ ขอแนะนำ 1.Lancôme L’Absolu Rouge Lunar New Year Lipstick 2.Guerlain KissKiss Chinese New Year Edition 3.Shu Uemura Lipstick RD163 Limited Edition 4.Givenchy Le Rouge No.325 Chinese New Year Edition และ 5.YSL Rouge Volupté Plump-In-Colour
ดูรายละเอียดได้ทาง www.kingpower.com หรือคอลเซ็นเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 “ททท.จับมือรฟท.บูมทัวร์รถไฟศาสตร์ศรัทธาสู่เมืองเพชร”
นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี กล่าวว่าได้ร่วมมือสนับสนุนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดโครงการ “ศาสตร์ศรัทธา” ชมวิวรถราง เที่ยวทางรถเล้ง จังหวัดเพชรบุรี โปรแกรม “ชมวิวรถราง เที่ยวทางรถเล้ง” (1 วัง 2 ชุมชน 3 วัด) จังหวัดเพชรบุรี จะเริ่มให้บริการเที่ยวแรกในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยว จะออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 06.30 น. ถึงสถานีเพชรบุรี เวลา 09.44 น. เดินทางต่อด้วยรถเล้ง รถสองแถวเล็กท้องถิ่น (ฟรี) เที่ยวพระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน) ที่ประทับในการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อครั้งเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปสุดคลาสสิกที่มีอายุกว่า 100 ปี สักการะหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุวรวิหาร เที่ยวชุมชนริมน้ำเมืองเพชร และชุมชนคลองกระแชง
ยลเสน่ห์เมืองเพชร ที่มีชีวิต กิน แชะ ช็อป อาหารอร่อยขึ้นชื่อเมืองเพชร อาทิ ก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงซอสพริก ข้าวแช่เมืองเพชร ก๋วยจั๊บน้ำข้น ลอดช่องน้ำตาลโตนด เที่ยวชมวัดใหญ่สุวรรณาราม ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างเมืองเพชร พระพุทธรูป พระบาท 6 นิ้ว UNSEEN เมืองเพชร เดินทางถึงวัดพระนอน สักการะพระพุทธไสยาสน์ อายุกว่า 400 กว่าปี ก่ออิฐถือปูนยาว 43 เมตร ความสูงจากพระเศียรถึงฐานบรรทม 15 เมตร จัดเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในประเทศไทย
สำหรับขากลับมีขบวนรถพิเศษบริการนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์ – กรุงเทพ ที่ 912 เวลา 16.31 น. ถึงสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 19.30 น.
ข่าวที่ 3 “ททท.ชวนเที่ยวมหกรรม”อาหารอร่อยระยองฮิ”
นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง กล่าวว่า ระวห่างวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2562 เตรียมสื่อนำสำรวจพื้นที่ต้อนรับเปิดฤดูท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป และเปิดตัวโครงการ “อาหารอร่อย ระยอง...ฮิ” โดยให้ทดลองชิมเมนูเด็ด มื้อแรกช่วงกลางวันยังร้าน วาสนา ฟิชชิ่งปาร์ค แล้วก็พาไปตลุย ปากน้ำระยอง บริเวณสะพานเฉลิมชัย แหล่งนำอาหารทะเลสดขึ้นฝั่งมาจำหน่าย จากนั้นในช่วงมื้อค่ำพาไปยัง ร้านแหลมเจริญ ซีฟู๊ด ต้นตำรับปลำกะพงเจ้าแรกของประเทศไทย วันที่สองชวกันไปสัมผัสประสบการณ์ตรงกับ วิถีชาวประมงที่ “ชุมชนประมงพื้นบ้านสวนสน” ชมการขึ้นอวนปู-ปลา วัตถุดิบอาหารทะเลมาจำหน่ายนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป
แล้วเดินทางต่อไปยัง “ชุมชนอ่าวมะขามป้อม” ชุมชนประมงอีกแห่งหนึ่งของอำเภอแกลง เป็น แหล่งซื้ออาหารทะเลสด ชมการขึ้นอวนปูม้าสดๆ ของชาวบ้าน กับแหล่งอนุรักษ์ปูม้า มีธนาคารปูม้าหมุนเวียนวงจรชีวิตกับการขยายพันธุ์ปูม้าอีกทางหนึ่งด้วย มื้อกลางวันก็มี “ครัวสารภี บ้านทะเลน้อย” ปรุงเมนูอาหารถิ่นจากผักท้องถิ่น ระยอง ไฮไลต์คือผักกระชับที่ขึ้นชื่อและหำทำนได้ที่ระยองเท่านั้น ทำแกงส้มผักกระชับ เมนูยำผักกระชับ และนำชมการปลูกจะได้มาเป็นผักกระชับมื้อค่ำ จะพาชิม“ครัวย่าฉิม” ร้านอาหารพื้นบ้ำน จังหวัดระยอง
ในแต่ละวันจะจัดโปรแกรมนำชมแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ทำกิจกรรมสนุก ๆ สไตล์ MORE FUN ระยอง อย่าง แวะสวนลุงพิชัย ร่วมเขี่ยเกสรสละ ไปสะพานรักษ์แสม สะพานแขวนแห่งเดียวของจัระยองสุดแสนโรแมนติก ลงมือทำซั๊งเชือกสร้างบ้านปลา และปล่อยปูลงสู่ธนาคารปู ไป ทุ่งโปรงทอง สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ยามเย็นในวิวพาโนรามาของต้นโปรงทองเขียวอมเหลืองอร่ำมเต็มท้องทุ่ง ล่องเรือชมฟาร์มหอยนำงรม และปูก้ามดาบ ดื่มด่ำความงามของป่าชายเลน 2 ข้างทำง ชมแนวกันคลื่นไม้ไผ่ ทำกิจกรรม คราดหอยตลับ วิถีชำวประมงปำกน้ำประแส
ก่อนกลับแวะ สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง แห่งเดียวในระยองที่มีให้เลือกชมกว่า 500 สายพันธุ์
ข่าวที่ 4 “บางจากฯ รับมอบเกียรติบัตรรับรองฉลากคาร์บอนผลิตภัณฑ์
นายเฉลิมชัย อุดมเรณู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนรับมอบเกียรติบัตรรับรองฉลากคาร์บอนผลิตภัณฑ์ของบางจากฯ จากนางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ตามที่บริษัท บางจากฯ ได้จัดทำ Carbon Footprint ของผลิตภัณฑ์และผ่านการทวนสอบโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมผ่านการพิจารณาขึ้นทะเบียนรับรองฉลากคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ จำนวน 4 ผลิตภัณฑ์ ณ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
โดยบางจากฯ ให้ความสำคัญเสมอมาต่อการมีส่วนร่วมลดการเกิดภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ของผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดเพื่อประกอบการตัดสินใจ และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยในการแข่งขันในตลาดโลก
ข่าวที่ 5 “ผู้นำTCEBย้ำรายได้ไมซ์Q1สดใสไทย-เทศเฉียด4หมื่นล้าน”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ทีเส็บ เปิดเผยถึงผลตัวเลขตลาดไมซ์ต่างประเทศในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. - ธ.ค. 2561) ว่า มีมูลค่ารายได้รวมเกือบ 40,000 ล้านบาท จากตลาดต่างประเทศที่มาไทย สร้างรายได้ 18,031 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ค่าที่พัก ค่าอาหารและเครื่องดื่ม และค่าซื้อสินค้าและของที่ระลึก โดยมีจำนวนกลุ่มไมซ์ราว 241,407 ราย คิดเป็น 2.48 % โดย5 อันดับแรกส่วนใหญ่เป็นตลาดเอเชีย ได้แก่ จีน 85,498 ราย สปป.ลาว 29,547 ราย มาเลเซีย 21,352 ราย อินโดนีเซีย 21,051 ราย ญี่ปุ่น 19,205 ราย
แนวโน้มตั้งแต่ใตรมาส 2 ปีนี้ ยังคงได้ปัจจัยหนุนจาก 3 เรื่อง คือ 1.เทรนด์การเดินทางระยะสั้นภายในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียยังมาแรง 2.มาตรการสนับสนุนของรัฐบาล เช่น ปลดล็อกฟรีวีซ่าหรือยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงหนังสือเดินทาง 3.การกระตุ้นนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่ลตลาดไมซ์ในประเทศ ในไตรมาสแรก สร้างรายได้ 24,494 ล้านบาท จากจำนวนรวมที่มีมากถึง 6,412,117 ราย จังหวัดที่ได้รับความนิยมจากไมซ์ในประเทศ 5 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และขอนแก่น
ช่วงที่ 2 ออกเดินทางแอ่วเหนือในโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” โดยชวนกันนั่งรถรางทัวร์รอบเมืองเก่าน่านชม 10 สถานที่เที่ยว วัด-พระธาตุ-วิถีชุมชนเมืองโบราณ บนถนนแห่งตำนานอดีตเจ้าเมืองน่านหลายองค์ แล้วมาฟังว่า “เมื่อเวียนหัวจนบ้านหมุน” มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัย สำหรับข่าวเกาะติด ก่อนเลือกตั้ง “คมนาคมเร่งเทใช้งบ 1.2 ล้านล้าน” ดันลงทุน 21 เมกะโปรเจ็กต์ ทางอากาศกับทางถนนโกยไปมากสุดกว่า 1 ล้านล้านบาท “ภาคธุรกิจจับตาบอร์ด ทอท.20 ก.พ.นี้” จะชี้เป้าชัด 2 วาระใหญ่ อนุมัติ TOR ชิงพื้นที่ทำดิวตี้ฟรีกับเชิงพาณิชย์ และล้มหรือลุยต่อดีไซน์อาคาร 2 สุวรรณภูมิ ด้าน “สายการบินแควนตัส” งัดตั๋วบินถูกจากกรุงเทพฯ สู่เมืองต่าง ๆในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไปหาซื้อได้ในงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก จนถึง 17 ก.พ.นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ “อพท.จับมือ GSTC” นำประชุมโลกมาจัดในไทยครั้งแรกหวังใช้เวทีนี้ปลุกกระแสท่องเที่ยวยั่งยืนค้ำยันเศรษฐกิจชุมชน
@นั่งรถรางชม10 สถานที่โบราณรอบเมืองเก่าน่าน
การเดินทาง “วันธรรมดา น่าเที่ยว” วันนี้จะชวนนั่งรถรางของเทศบาลเมืองน่าน สัมผัสเรื่องเล่าและความงดงามแห่งวิถีวัฒนธรรมชุมชน “รอบเมืองเก่าน่าน” นานเกือบพันปีมี 10 สถานที่ต้องห้ามพลาดเยี่ยมชมดินแดนน่านน้ำตะวันออก เมืองแห่งขุนเขา เมืองเก่าที่มีชีวิต
สถานที่ 1 ถนนคนเดิน ข่วงเมืองน่าน บริเวณนนผากอง (“ข่วง” หมายถึงที่โล่งกว้างใช้ทำกิจกรรม) เป็นศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ “โอท็อปน่าน” ร้านขายของกินของฝากและถนนคนเมือง เชื่อมโยงกับบ้านเมืองเก่าสถานที่ท่องเที่ยวน่าน
สถานที่ 2 “วัดมิ่งเมือง” สีขาวเงิน โดยมีฝีมือสล่าหรือช่างปั้นเชียงแสน เชื่อกันว่าสร้างก่อนวัดร่องขุ่น เชียงราย ภายในมีเสามิ่งหลักเมืองอยู่ในศาลาจตุรมุขทำจากไม้สักทองขนาด 2 คนโอบสูง 3 เมตร
สถานที่ 3 “พิพิธภัณฑ์สถานเมืองน่าน” พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเปิดให้ชมฟรี ซึ่งมีอุโมงค์ดอกไม้ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้แชะแชร์รูปกันเพลิน ๆ
สถานที่ 4 “วัดศรีพันต้นหรือสมัยก่อนเรียกสลีพันต้น” สลี-หมายถึงต้นโพธิ์ ความโดดเด่นคือโบสถ์ตั้งตระหง่านสีเหลืองทองอร่าม ยุคหนึ่งเจ้าเมืองรณรงค์ให้ชาวบ้านปลูกต้นโพธิ์กระทั่งมาครบหนึ่งพันต้นตรงบริเวณนี้พอดี บางยุคเชื่อว่าสร้างในสมัยพญาศรีพันต้นอันเป็นชื่อที่เรียกพ้องกันมาจนถึงทุกวันนี้ หน้าวัดมีเรือแข่งขนาดยาวที่สุดขุดจากไม้ตะเคียนต้นเดียว นั่งได้ 78 ฝีพาย ส่วนทางเข้าโบสถ์มีพญานาค 7 เศียร หากได้อธิษฐานโดยวิธีลูบย้อนเกร็ดขึ้นไป ขอพรจะสำเร็จดังใจหวัง
นั่งรถไปตามถนนมหาพรหม ตั้งชื่อถนนตามชื่อ “เจ้ามหาพรหมรัษฎา” เจ้าเมืองน่านองค์สุดท้าย องค์ที่ 64 ถึงแก่พิลาลัยแล้วก็เปลี่ยนการปกครองเป็นสมบูรณาสิทธิราช ต่อมาปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ถนนสายนี้จะได้ชม
สถานที่ 5 วัดไผ่เหลือง มีสัญลักษณ์คือต้นพิกุลอายุกว่า 200 ปี เป็นวัดศิลปะพื้นเมืองน่านสมัยอดีต ถัดไปจะเป็นบ้านไม้เก่าลูกสาวเจ้าเมืองเก่าชื่อเจ้าเขมมาลาเป็นน้าของเจ้าสุริยะวงศักดิเดช สร้างบ้านทรงผสมยุโรป ทุกวันนี้อยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมอนุรักษ์ไว้
สถานที่ 6 วัดภูมินทร์ ประตูจะอยู่ตรงกันข้ามกับหัวควงอยู่เหนือข่วงเมืองมีหอไตรสวยงาม และถัดไปเป็นวัดเจดีย์หลวงกลางเวียงหรือวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร องค์เจดีย์มีช้างรายรอบอยู่ 24 เชือก ต่อด้วยคุ้มเจ้าราชบุตบ้านเจ้าเมืองน่านองค์สุดท้าย ปัจจุบันมีทายาทอาศัยอยู่ชื่อ เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน เก็บข้าวของเครื่องใช้โบราณเครื่องภูษาและเครื่องทรงเจ้าเมืองน่านสมัยก่อน สะสมไว้ให้ได้ชม เป็นบ้านส่วนตัวหากต้องการเข้าชมต้องติดต่อล่วงหน้าเพื่อขอนุญาตเข้าชมได้
มาถึงตรงบริเวณถนนสี่แยกเจ้าราชบุตรอนุรุษรังษี (สี่แยกปั๊มเชลล์) ห่างไปประมาณ 3 กม.เป็นทางแยกไป
สถานที่ 7 “พระธาตุแช่แห้ง” ประจำคนเกิดปีกระต่าย ส่วนผู้ที่เกิดปีมะเมียและปีจอ มีพระธาตุปีเกิดจำลองไว้ด้วย ทำได้ 3 ปีเกิดในสถานที่แห่งเดียว ปีนี้พระธาตุแช่แห้งครบ 616 ปี เตรียมจัดฉลองอย่างยิ่งใหญ่
สถานที่ 8 วัดมงคล รถรางวิ่งผ่านวัดตามความเชื่อหากผู้ใดโสดให้มาขอคู่ได้ที่วัดแห่งนี้ได้แน่นอน เชื่อกันว่ากุศโลบายของคนโบราณ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองเก่า มีกำแพงดิน กับ คูเมือง กางกั้น พอรถรางเลี้ยวเข้าสู่ถนนอนันตวรฤทธิเดช หนึ่งในผู้ครองนครน่าน คึกคักพิเศษเดือนละ 2 วัน มีคนมาลุ้นโชครางวัลล็อตเตอรี่
ผ่านมายังสี่แยกดอนแยง (แอบดู ซุ่มดู) ซึ่งด้านหน้าของถนนสายนี้จะเห็น
“เจดีย์วัดสวนตาล” นั่งไปเรื่อย ๆ จะเห็นทรงของเจดีย์เล็กลงเรื่อย ๆ สองข้างทางเป็นข้าวต้มโต้รุ่ง สมัยก่อนเมืองน่านไม่รบกันแต่ตกลงกับพม่าว่าหากใครสร้างเจดีย์เสร็จก่อนเป็นผู้ชนะ ชาวเมืองน่านจึงรวมใจกันสร้าง “เจดีย์วัดสวนตาล” ขึ้น ด้วยน่านมีกำลังพลน้อยกว่าจึงต้องใช้ปัญญาแก้ปัญหาสร้างโดยการนำไม้ไผ่สร้างแล้วนำดินเหนียวมาล้อมรอบปิดด้วยปูนทับอีกชั้นกลายเป็นองค์เจดีย์แล้วเสร็จก่อนกลายเป็นผู้ชนะ ทำให้พม่าถอยทัพกลับบ้านเมืองไป ตามความเชื่อสามารถ “ขอลูก” ได้
ตอนนี้วัดสวนตาลกำลังระดมทุนบูรณะวิหารและยกช่อฟ้าอายุ 100 ปี ทำพิธีในวันที่ 4 มีนาคม 2562 ด้านหน้าเขตวัดมีบ่อน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ขุดในสมัยเจ้าทองทิพย์ ปัจจุบันจะนำน้ำขึ้นมาสรงพระพุทธรูปทองทิพย์ช่วงสงกรานต์ปีละ 1 ครั้ง และเป็นน้ำที่ใช้ในพิธีถือพิพัฒน์สัตยาในสมัยนั้นพระเจ้าติโลกนาฎเคยมายึดน่านเป็นเมืองขึ้นของล้านนา
บ่อน้ำแห่งนี้จึงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์โดยเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2501 รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จมาบ่อน้ำทิพย์นี้แล้ว
ระหว่างทางรถรางจะวิ่งผ่านบ้านของ “ลุงบุญช่วย เครื่องเงินโบราณ” ซึ่งเป็นช่างเงินเก่าแก่เมืองน่าน ทำสืบต่อจากบรรพบุรุษมาตั้งแต่อายุ 17 ปี กระทั่งตอนนี้อายุ 87 ปี เมื่อปี 2557 ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติสาขทัศนศิลป์ ประนีตศิลป์ เมื่อพฤศจิกายน 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ทรงเคยเสด็จมายังบ้านลุงช่วย
สถานที่ 9 “โฮงเจ้าฟองคำ” (โฮง หมายถึงบ้านของทายาทของเจ้าเมืองรุ่นถัด ๆ ไป) บ้านเก่าโบราณอายุกว่า 192 ปี ตั้งอยู่ในซอยสร้างโดยช่างเก่าสกล บริเวณบ้านเปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมได้ 2 ส่วน คือ 1.บนเรือน จัดแสดงห้องนอน ห้องพระ ห้องครัว และห้องพิธีต่าง ๆ พร้อมระเบียงเชื่อมตัวเรือนเข้าหากัน 2.ใต้ถุนบ้านจัดแสดงวิถีชีวิตการทอผ้า การเล่นสะล้อซอซึง
สถานที่ 10 อาคารเก่ารังสีเกษม (โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา) มีมิชชันนารี 2 คน มาพัฒนาสร้างโรงเรียนชายและหญิงล้วน ตอนนี้รวมกันเป็นสหศึกษา และถัดไปมีอดีตตึกผ่าตัดแห่งแรกเพื่อทำคลอด ปัจจุบันศูนย์ภูมิรักษ์เฉลิมพระเกียรติ เป็น 1 ใน 6 ของไทย
บริเวณใกล้เคียงกันเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเปรมปรีดา 500 เมตร มี “ชุมชนบ้านดอนแก้ว” อยู่ติดริมแม่น้ำน่าน แหล่งปลูกมะไฟจีนของดีขึ้นชื่อเมืองน่าน เป็นคำขวัญในอดีตด้วยประโยคที่ว่า “มะไฟจีนรสดี ลิ้นจี่ชลรอง ส้มสีทองเมืองน่าน สรรพคุณของมะไฟจีนช่วยให้ชุ่มคอกับลดความดันได้
เป็น 10 สถานที่นั่งรถรางชมวิถีชีวิต วัดวาอาราม บ้านเรือน และเรื่องราวของถนนสายต่าง ๆ ตั้งชื่อตามเจ้าเมืองสมัยอดีต รอบเมืองเก่าน่าน ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ
@ดูแลตัวอย่างไรเมื่อเวียนศีรษะ-บ้านหมุน
อาการเวียนศีรษะ-บ้านหมุนพบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุทั้งหลาย การรู้จักวิธีการดูแลรักษาตัวเองเบื้องต้น จะช่วยให้มีความสะดวกและลดการพึ่งพาแพทย์และโรงพยาบาลได้มาก การดูแลตนเองค่อนข้างไม่ยากและลำบากแต่ประการใด ส่วนใหญ่แล้ว อาการเวียนศีรษะ-บ้านหมุนหายเองได้ แม้ไม่ได้ทำอะไรเลย การรักษาและดูแลตนเองช่วยให้อาการทุเลาลงได้เร็ว และลดความทุกข์ทรมานของอาการเวียนศีรษะ-บ้านหมุน
1.นอนพัก เพราะจะเสียการทรงตัว การนอนพักช่วยลดอาการและลดอุบัติเหตุได้ การนอนหลับตาจะช่วยได้มาก บางคนลืมตาไม่ได้เลย เพราะจะมีอาการมากขึ้น
2. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ถ้ามีใครอยู่เป็นเพื่อนยิ่งดี การเดินไปที่ต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ควรมีคนพยุงไปส่ง
3. ห้ามขับรถเด็ดขาด เพราะอันตรายมาก
4.ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ หรือน้ำเกลือแร่ โดยการจิบบ่อยๆ เนื่องจากมีอาการคลื่นไส้ กินอาหารไม่ได้ หรืออาเจียน การดื่มน้ำเกลือแร่บ่อยๆ ช่วยลดอาการขาดน้ำได้ และช่วยไม่ให้อ่อนเพลีย
5. กินยาพวกไดเมนไฮดริเนต (dimenhydrinate) ขนาด 50 มิลลิกรัม (ยาแก้เมารถ เมาเรือ) กินครั้งละ 1 เม็ด ทุกๆ 6 ชั่วโมง จนเมื่ออาการดีขึ้นก็ลดเป็น ทุกๆ 8 ชั่วโมง เมื่ออาการเป็นปกติดีแล้วสัก 1-2 วัน ก็สามารถหยุดยาได้ ในขณะเดียวกันอาจจะกินยา ซินนาริซีน (cinnarizine) ขนาด 25 มิลลิกรัม หรือ เมอริสลอน ขนาด 6 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง พร้อมๆ กันก็ได้
ทำตามนี้แล้ว ส่วนมากอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อสามารถเดินตัวตรงได้ ไม่มีอาการอะไร ก็สามารถ ทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ คราวต่อๆ ไป เมื่อเริ่มๆ จะเป็นอาการแบบนี้ขึ้นมาอีก ก็ทำตามอย่างข้างบนเลย ไม่ต้องรอให้เป็นมากๆ จะได้ผลดีกว่า เพราะถ้ารอให้เป็นมากๆ โดยเฉพาะถ้ามีอาเจียนมากแล้วจะลำบาก
แล้วเมื่อไหร่ควรจะต้องไปพบแพทย์ ให้สังเกตุอาการดังนี้
1.เมื่อทำตามวิธีการดูแลด้วยตนเอง ข้างต้นแล้วผ่านไปอย่างน้อย 8-2 ชั่วโมงไม่ดีขึ้น หรืออาการแย่ลง ควรรีบไปพบแพทย์
2. มีอาการอาเจียนมาก กินยา และดื่มน้ำไม่ได้เลย หรือกินยาแล้วมีอาเจียนทุกครั้ง ร่างกายจะขาดน้ำ เกลือแร่ และยา อย่าฝืนทน ควรไปพบแพทย์เพื่อฉีดยา และบางรายอาจจะต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ในรายที่เป็นมากจริงๆ อาจจะต้องพักในโรงพยาบาล แต่มีเป็นส่วนน้อย
3. เมื่ออาการดีขึ้น แต่ไม่ยอมหายเป็นปกติเสียที ควรไปพบแพทย์เช่นกัน เพราะอาจจะมีสาเหตุบางอย่างซ่อนอยู่ ที่อาจจะจำเป็นต้องได้รับการค้นหาและรักษาที่ต้นเหตุ
4. เป็นบ่อยๆ มากๆ จนรบกวนชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก ก็ต้องหาสาเหตุเช่นกัน หรือในรายที่ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ การกินยาป้องกันไว้ก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่ง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เร่งใช้งบ1.2ล้านล้าน21เมกะโปรเจ็กต์ก่อนเลือกตั้งมี.ค.62”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหน่วยงานในสังกัดเร่งผลักดันตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เดินหน้าเมกะโปรเจ็กต์การลงทุน 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.29 ล้านล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในมีนาคม 2562 ซึ่งเป็นภารกิจที่คมนาคมพยายามเร่งทำให้เรียบร้อยก่อนถึงวันเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 หลังจากนั้นจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น ส่วนจะเป็นพรรคการเมืองใดหรือผู้นำรัฐบาลคนใดจะต้องรอผลสรุปหลังการเลือกตั้งดังกล่าว
โดยมีเมกะโปรเจ็กต์ตามมติครม.อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมทำให้ทันภายในช่วง 2 เดือนนี้ 21 โครงการ นั้น ประกอบด้วย
ทางอากาศ 4 โครงการ วงเงินรวม 1.92 แสนล้านบาท ได้แก่ 1.การจัดหาฝูงบินล็อตใหม่ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 38 มูลค่า 1.6 แสนล้านบาท 2.โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยาน (MRO) ของการบินไทย 10,000 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างอาคารแซทเทิลไลท์ สนามบินสุวรรณภูมิ 1.6 หมื่นล้านบาท 4.การขยายท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1.5 หมื่นล้านบาท
ทางน้ำ 3 โครงการ วงเงินรวม 1.75 แสนล้านบท ได้แก่ 5.พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มูลค่า 8.4 หมื่นล้านบาท 6.พัฒนาท่าเรือคลองเตย 2.3 หมื่นล้านบาท 7.การปรับปรุงท่าเรือระนอง 5,000 ล้านบาท
ทางถนน 14 โครงการ วงเงินรวม 9.81 แสนล้านบาท ได้แก่ 8.รถไฟความเร็วสูง ไฮสปีดเทรนไทย-จีน มูลค่า 1.79 แสนล้านบาท 9.ไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) 2.2 แสนล้านบาท 10.ไฮสปีดเทรน กรุงเทพฯ-หัวหิน 7.7 หมื่นล้านบาท 11.รถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม 6.7 หมื่นล้านบาท 12.รถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี 3.7 หมื่นล้านบาท 13.รถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย 2.6 หมื่นล้านบาท
14.รถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 8,100 ล้านบาท 15.รถไฟทางคู่ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 6.2 หมื่นล้านบาท 16.รถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี 2.4 หมื่นล้านบาท 17.รถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา 5.7 หมื่นล้านบาท 18.รถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ 5.9 หมื่นล้านบาท
19.รถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี 1.1 แสนล้านบาท 20.รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ และรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศาลายา และตลิ่งชัน-ศิริราช รวม 2.4 หมื่นล้าน21.ทางพิเศษ พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านทิศตะวันตก 3.1 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่สอง “ลุ้นบอร์ดทอท.20ก.พ.ฟันธงTORดิวตี้ฟรี-เทอร์มินัล2สุวรรณภูมิ”
แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการบินกล่าวว่าขณะนี้ภาคธุรกิจพากันจับตาถึงการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ในการพิจารณาวาระใหญ่ 2 เรื่อง คือ
เรื่องแรก การพิจารณาอนุมัติการออกเงื่อนไขเปิดประมูล (TOR) บริหารพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ (coummercial area) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะออกมาในแนวทางใด ระหว่างการให้สิทธิเอกชนเพียงรายเดียวเข้าดูแลพื้นที่แยกแต่ละส่วนระหว่างดิวตี้ฟรีกับเชิงพาณิชย์ หรือจะให้หลายรายสามารถเข้าบริหารพื้นที่แต่ละประเภทได้โดยนำสินค้าแบรนด์มาวางขายได้ตาม category
เรื่องที่สอง จะมีมติให้ชัดเจนถึงแนวทางการประมูลโครงการออกแบบและดีไซน์การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ จะล้มหรือต้องดำเนินการต่ออย่างไร ตามข้อสงสัยที่นายดวงฤทธิ์ บุนนาค ออกมาเคลื่อนไหวในฐานะแกนนำนิติบุคคลร่วมทำงานดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก หรือ ‘กลุ่มดวงฤทธิ์ บุนนาค’ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดออกแบบอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 สุวรรณภูมิ เนื่องจากก่อนหน้าทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แสดงความเห็นต่อ ทอท. เห็นควรชะลอโครงการก่อสร้างด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแผนแม่บท (Master Plan) สนามบินสุวรรณภูมิฉบับปี 2561 ออกไปก่อน
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบอย่างชัดเจน ดังนั้นในการประชุมบอร์ด ทอท.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ นี้ จึงทำให้เอกชนที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ข่าวที่สาม “แควนตัสเทขายตั๋วถูกในเที่ยวไทยไปทั่วโลก”
สายการบินแควนตัส รายงานว่า ได้เข้าร่วมงานตั๋วโดยสารราคาโปรโมชั่นในงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 24 - Thai International Travel Fair ซึ่งจะจบภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้นำตั๋วโดยสารชั้นประหยัด ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมืองต่าง ๆ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มาขายไปจนถึง 19 กุมภาพันธ์ 2562
เพื่อให้ผู้ซื้อนำไปเดินทางได้ตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์ 2 เมษายน และ 5 พฤษภาคม-10 กรกฎาคม 2562
ราคาตั๋วชั้นประหยัด กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ (เส้นทางตรง) เริ่มต้น 19,140 บาท กรุงเทพฯ-บริสเบน (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 18,580 บาท กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 18,380 บาท กรุงเทพฯ-อะดิเลด (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 20,170 บาท กรุงเทพฯ-เพิร์ธ (ผ่านสิงคโปร์) เริ่มต้น 15,585 บาท
ราคาตั๋วชั้นธุรกิจ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ (เส้นทางตรง) เริ่มต้น 71,560 บาท กรุงเทพฯ-บริสเบน (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 72,475 บาท กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 72,275 บาท กรุงเทพฯ-อะดิเลด (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 72,555 บาท กรุงเทพฯ-เพิร์ธ (ผ่านสิงคโปร์) เริ่มต้น 59,500 บาท
ตั๋วโดยสารธุรกิจไปนิวซีแลนด์ กรุงเทพฯ-โอ๊คแลนด์ (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 87,220 บาท กรุงเทพฯ-ไครสต์เชิร์ช (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 87,115 บาท และ กรุงเทพฯ-เวลลิงตัน (ผ่านซิดนีย์) เริ่มต้น 87,160 บาท
ข่าวที่สี่ “อพท.-GSTCยึดไทยเวทีประชุมท่องเที่ยวยั่งยืนดันเศรษฐกิจรุ่ง”
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) “อพท.” เปิดเผยว่า อพท.ในฐานะสมาชิกสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือGlobal Sustainable Tourism Council : GSTC ได้จับมือกันจัดประชุมในไทยเป็นครั้งแรกของอาเซียน ว่าด้วยเรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2562 : 2019 GSTC Asia-Pacific Sustainable Tourism Conference รวม 4 วัน ระหว่าง 28 ก.พ. 2562 - 2 มี.ค. นี้ ณ ศูนย์ประชุม โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ ภายใต้หัวข้อ “ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มคุณภาพการท่องเที่ยว (Quality through Creativity) คาดจะมีตัวแทนจากต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 400 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ทั้งที่เป็นสมาชิกของ GSTC สื่อมวลชน และผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและไทยที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานประมาณ 400 คน รวมทั้งได้รับเกียรติจาก นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยสู่ความยั่งยืน” วันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ. 2562 ทั้งนี้ ทั้งนี้ อพท. และสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกจะใช้เวทีดังกล่าว นำเสนอและแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ รวมทั้งมุมมองด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ควบคู่กันไป เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมทั้งลดความเหลื่อมล้ำ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น