ททท. โหมวันธรรมดาน่าเที่ยวปี’62รุกใหญ่5ภาค50ชุมชน
เจาะตลาดคอร์ปอเรตใช้เงินทำกิจกรรมถึงมือชาวบ้านอู้ฟู่
คิงเพาเวอร์ชวนเที่ยวส่งท้ายสุขตรุษจีนรางน้ำถึง17ก.พ.นี้
แนะสมาชิกใช้”กะรัต”คิงเพาเวอร์แลกสิทธิ์ได้สารพัดอย่าง
ททท.หนุนพันธมิตรบูมเที่ยวกระบี่นาคาเฟสต์1-3มี.ค.62
บางจากได้สิทธิแบงก์กสิกรเปิดรับฝากเงินที่SPA-อินทนิล
มูลนิธิปิดทองนำชมอ่างเก็บน้ำซำตมขาว-ตลาดเขียวอุดร
วันธรรมดาน่าเที่ยว‘ชุมชนบ่อสวกน่าน5แห่งห้ามพลาด’
แนะอ่านฉลากเข้าใจเร็วภายใน 30 วิ.ก่อนซื้ออาหารกิน
ทุนญี่ปุ่นลุยซื้อเชนเรดแพลนเนตในไทยเรียบ5โรงแรม
ไทยแอร์ฯเอ็กซ์ฝันบินข้ามทวีปโกยเงินปีหมู2 หมื่นล้าน
ปิดถนนกำแพงเพชร6-ตลาดดอนเมือง16กพ.-14พ.ค.นี้
ต้อนรับเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังได้ทางมือถือ และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen และบล็อกเกอร์ #gurutourza #สวท97 #รวยด้วยข่าว97 #เที่ยวกับกู๋ #วันธรรดาน่าเที่ยว #TATNAn
ช่วงที่ 1 เกาะติด “วิบูลย์ นิมิตรวานิช” ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชูธงผู้นำการทำเมกะโปรเจ็กต์การตลาดเชิงรุก “วันธรรมดาน่าเที่ยว” ทั่วไทย 5 ภูมิภาค คัด 50 ชุมชน แต่ละภาคชุมชนละ 5 เมืองหลัก 5 ชุมชนเมืองรอง เร่งโกยเงินนักท่องเที่ยวกลุ่มเงินหนาตลาดคอร์ปอเรตทั้งผู้บริหาร พนักงาน บริษัท ห้างร้าน องค์กรขนาดใหญ่ หันมากระจายรายได้สู่ชุมชนตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาล พร้อมงัดแม่เหล็กขั้วใหญ่ร่วมทำกิจกรรมตามอัตลักษณ์พื้นบ้านที่แปลกแตกต่างกันทั่วไทยสร้างความน่าสนใจ ประเดิมทริปแรก ภาคเหนือ “ชุมชนบ่อสวก เมืองน่าน” ตามมาด้วย มหาสนุก More Fun ภาคตะวันออก 2 ชุมชนเข้มแข็ง น้ำเชี่ยว ตราด กับตะเคียนเตี้ย ชลบุรี
นายวิบูลย์ นิมิตวานิช ผู้อำนวยการ ภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว ประจำปี 2562” มุ่งเน้นทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกปีจะพุ่งเป้าผู้สูงวัย แต่ปีนี้จะทุ่มเจาะกลุ่มคอร์ปอเรต บรรดา บริษัท ห้างร้าน องค์กรต่าง ๆ โดยร่วมมือกับทาง DMC โดย ททท.เลือกสนุบสนุนชุมชนท่องเที่ยวอย่างเข้มข้นใน 5 ชุมชนเมืองหลัก 5 ชุมชนเมืองรอง ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคอีสาน วางกลยุทธ์ให้เกิดการท่องเที่ยววันธรรมดา จึงเล็งเห็นการหยิบยกชุมชนแต่ละภูมิภาคที่มีแม่เหล็กสามารถดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวคอปอร์เรตกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
เริ่มจาก “ภาคเหนือ” นำร่องกระตุ้นการเดินทางเข้ามายัง “ชุมชนบ่อสวก “ตำบลบ่อสวก อำเภอเมือง จังหวัดน่าน มีทั้งความน่าสนใจและแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมดีมาก “ภาคอีสาน” เลือก “ชุมชนวังน้ำมอก อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ทางผ่านไปยังอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย “ภาคตะวันออก” เลือกแหลมสัก จ.กระบี่ แหล่งเรียนรู้วิถีประมงและการแปรรูปผลิตภัณฑ์พืชทะเลที่น่าทึ่ง “ภาคตะวันออก” เลือก 2 ชุมชน คือ ชุมชนน้ำเชี่ยว จ.ตราด กับชุมชนบ้านตะเคียนเตี้ย
ชุมชนตะเคียนเตี้ยมีอาชีพทำสวนมะพร้าวทั้งตำบลรวมกว่า 8,000 ไร่ |
โดย ททท.จะต้องวางกลยุทธ์สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเกิดความเข้าใจถึงประสบการณ์เดินทางอย่างสนุก แตกต่างจากเดิมนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะคิดไปว่าท่องเที่ยวชุมชนการเดินทางเข้าถึงยังลำบาก ไปแล้วอาจจะไม่สนุก ทว่าขณะนี้ ททท.จึงมุ่งเชิญชวนกลุ่มคอปอร์เรต บริษัท ห้างร้าน ได้นำคณะลงไปทำ building จัดประชุม สัมมนา กลุ่มเล็ก ๆ เข้าไปใช้พื้นที่ เพื่อเปิดการรับรู้และประสบการณ์ระหว่างองค์กรกับชุมชน ร่วมทำกิจกรรมพื้นบ้าน หรือ ทำสินค้าโอท็อป D.I.Y.กระจายเม็ดเงินถึงมือชาวบ้านในท้องถิ่นโดยตรง สามารถเป็นส่วนหนึ่งตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาล ซึ่งจะตอกย้ำให้เห็นถึงความยั่งยืนอย่างแท้จริง ปี 2562 ททท.ได้เปิดการเข้าถึงข้อมูลการท่องเที่ยวชุมชนผ่านหลายช่องทาง ได้แก่
1.ช่องทางการสื่อสาร เพื่อเผยแพร่กิจกรรมของชุมชนเป้าหมายทั้ง 5 ภูมิภาค กระตุ้นให้คนส่วนใหญ่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น 2.การจัดทำโครงการ Product Testing นำตัวแทนของ บริษัท ห้างร้าน องค์กร เข้าไปเยี่ยมชมสถานที่จริง หรือบางพื้นที่จำเป็นต้องใช้บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว (travel agents) ก็จะได้นำทั้งสองส่วนเดินทางไปพร้อม ๆ กัน
เพื่อศึกษารายละเอียดพื้นที่ความพร้อม ความเป็นไปได้ ควบคู่กับการเจรจากับทางผู้นำชุมชนเพื่อการต่อยอดธุรกิจนำนักท่องเที่ยวเข้ามาอุดหนุนตลอดทั้งปี เพราะแต่ละชุมชนท่องเที่ยวจะมีช่วงฤดูซึ่งสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้แตกต่างกัน เพราะบางช่วงชาวบ้านจะต้องนำเวลาไปปลูกพืชผล ทำนา เกี่ยวข้าว เก็บผลไม้ เมื่อคุยกันแล้วจะได้เข้าใจตรงกันแล้วมีอัตลักษณ์ต่างกันไป จากประสบการณ์นำตัวแทนกลุ่มคอปอร์เรตหรือเอเย่นต์ท่องเที่ยวลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวชุมชนพร้อมขายนั้น ยังไม่ได้เปิดหรือมีค้นพบ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่กลุ่มเข้าเยี่ยมถึงความแปลกใหม่ของเมืองไทย สร้างสรรค์เศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน ประการสำคัญต้องขอให้นักท่องเที่ยวช้อปปิ้งหรืออุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนซึ่งมีทั้งคุณค่าและมูลค่า จึงขอความร่วมมือซื้อมาทดลองใช้จากกลุ่มผู้สูงวัยในชุมชนล้วนมีความตั้งใจทำสินค้าที่ระลึก หรือการทอผ้ามีดีไซน์ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นกำลังใจเมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้วซื้อผ้าที่ทอคนในชุมชนจะได้มีกำลังใจที่การทำอาชีพเสริมการท่องเที่ยวชุมชน
กาแฟกะทิมะพร้าวของชาวตะเคียนเตี้ย หนึ่งเดียวของเมืองไทย |
ผอ.วิบูลย์กล่าวว่าใน "ภาคตะวันออก" ก็มี 2 ชุมชนท่องเที่ยวนำเสนอ ได้แก่ ชุมชนตะเคียนเตี้ย จ.ชลบุรี มี การทำมะพร้าว ทั้งการดื่มน้ำมะพร้าว การแปรรูปเป็นหีบเย็นดีต่อสุขภาพ ซิกเนเจอร์สำคัญคือ “กาแฟกะทิ” เป็นนวัตกรรมที่ชุมชนได้คิดค้นโดยนำกระทิมะพร้ามาผสมในกาแฟ รสชาติดีกว่าใส่ครีมเทียม อีกส่วนเป็นการสร้างนิเวศน์การปลูกมะพร้าวด้วยการเพาะเลี้ยงตัวเบียนมาปราบด้วงซึ่งเป็นศัตรูของสวนมะพร้าว ปลอดสารเคมีด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมทั้งมี “บ้านร้อยเสา” จะมีกิจกรรมตัดพวงมะโหด นำก้านมะพร้าวมาสานทำ D.I.Y. หรือเข้าครัวเป็นเชฟ ทำเมนูไก่กะลา สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารได้ด้วยการโขลกน้ำพริกแกงได้ด้วยตนเอง หรือการนำมะละกาสานเป็นปลาตะเพียนบีบใส่หมูหรือไก่สับ สวยงามจริง ๆ
ขณะที่ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จ.ตราด มี 3 ศาสนา 2 วัฒนธรรม และกิจกรรมงมหอย สานงอบ และอาหารการกิน การเดินชมชุมชน แต่นักท่องเที่ยวที่จะได้พบสิ่งแรกในชุมชนคือ “สะพานวัดใจ” ที่จะต้องมีความมั่นคงเพราะสะพานสูงมากแต่อยู่ที่ความตั้งใจชองนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็สามารถข้ามได้ ในเดือนกุมภาพันธ์ มีกิจกรรมที่ผ่านมาช่วงเทศกาลวาเลนไทน์คือแต่งงานปูและหอย เพื่ออนุรักษ์การเพาะพันธุ์ทั้งปูและหอยที่เรานำมารับประทานในระยอง เป็นกิจกรรมที่คู่รักนิยมมาทำ
ทางด้าน จันทบุชุมชนตะปอน ช่วงสงกรานต์ ในจันทบุรี ช่วงระหว่างกุมภาพันธ์- 5 เมษายน 2562 มีงานเทศกาลขึ้นเขาคิฎกูฎ แล้วจะต่อด้วยสงกรานต์ตะปอน ชักเย่อเกวียนพระบาท สมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องโรคระบาดนำน้ำพุทธมนต์มาปะพรม ทำให้ชาวบ้านเชื่อถือศรัทธาในการนำผ้าพระบาทมาแห่โดยเกวียน โดยแย่งชิงเพื่อให้ผ้าพระบาทไปปิดไว้หน้าบ้าน ระยะหลังเกรงผ้าจะพระบาทไปเก็บไว้ยังตะปอนน้อยแต่ละปีนำมาทำพิธีแห่แข่งขันในช่วงสงกรานต์
ในชุมชนตะปอนใหญ่จะมีความโดดเด่น “ตลาดตะปอน” ด้านการค้าขายกันเอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมชิมเรื่องอาหารการกินได้ทุกวันเสาร์ อาหาร ผัก ผลไม้ที่ปลูกกันเอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปทำกิจกรรมในชุมชนภาคตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวขับรถไปเองหรือเดินทางอิสระ (F.IT) ตั้งแต่ พัทยา (ชลบุรี) 1.30 ชั่วโมง จ.ระยอง 2 ชั่วโมง จันทบุรี 3 ชั่วโมง ตราด 4 ชั่วโมง สะดวกสบยโดยขับแล้วแวะไปเรื่อย ๆ อากาศกำลังดีช่วงหน้าร้อน นำเสนอให้เที่ยวใกล้ปิดเทอมช่วงเมษายนของทุกปี อีกทั้งยังมีอีกหลายพื้นที่แถบชลบุรี
ตอนนี้สถานที่ยอดนิยมก็มี นาจอมเทียน อลาคัมปาณ สวนนงนุช หรือพาลูกลงเรือยอร์ช ค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก หรือระยองปลายมีนาคมถึงต้นเมษายนสวนทุเรียนเริ่มออกแล้ว ไล่เรียงกันไปในภาคตะวันออก กลุ่ม ทุเรียนเลิฟเวอร์ เข้าสวนแล้วซื้อกลับบ้านได้ จากตราด จันทบุรี ระยอง
ผอ.วิบูลย์ ย้ำถึงธีม More Fun ภาคตะวันออก ซึ่งยังมีจังหวัด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา เป็นธีมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ได้ขับรถ ATV หรือได้เรียนรู้โรงเรียนกาสรณ์กสิวิทย์ ในโรงเรียนควาย หรือฉะเชิงเทราพาครอบครัวพ่อแม่ลูกทำ D.I.Y.ที่มิมูราห์ ฟาร์ม ทำพิซซ่าจากชีสนมควาย ปลูกข้าว เลี้ยงอาหารสัตว์ ขณะที่สมุทรปราการก็ยังขอย้ำเรื่องอาหารการกิน ตลาดน้ำผึ้ง คุ้มบางกะเจ้า เป็นความสนุกสนานและการสร้างสุขภาพที่ดี
คอนเซ็ปต์โดยรวมการเที่ยวภาคตะวันออกทั้ง 9 จังหวัด เมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้ว เที่ยวก็สนุก กินก็สนุก อีกมุมมองหนึ่งคือเมื่อเหนื่อยจากเรียนหรือทำงาน มาภาคตะวันออกแล้วจะได้พลังกลับไป ขณะเดียวกัน ททท.ภาคตะวันออก ก็เน้นลดการใช้พลาสติก หลอด หันมาใช้ถุงผ้า กล่องอาหาร หรือปิ่นโต แล้วให้นักท่องเที่ยวมาใช้สิ่งต่าง ๆ และไฮไลต์หรือการท่องเที่ยวเกาะหมากโดยการนั่งรถพ่วงพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ทั้งรถ การปลูกพืชผัก เริ่มจากผู้ประกอบการก่อน ทุกวันนี้ทุกคนเข้าใจการลดภาวะโลกร้อน เกี่ยวกับการเก็บขยะ การช่วยเหลือกันดูแลรักษาสถานที่ท่องเที่ยว บ้านเรือน เรื่องการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวและพื้นที่สาธารณะที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิงเพาเวอร์ชวนเที่ยวตรุษจีนสัปดาห์สุดท้ายที่รางน้ำ”
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำทีมผู้บริหารมอบความสุขอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการจัดงาน “KING POWER CHINESS NEW YEAR 2019 THE BLISSFUL HARMONY-สำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง รุ่งโรจน์รับปีใหม่จีน” ในสัปดาห์สุดท้าย ระห่าง 16-17 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 12.00 – 21.00 น. โดยได้เนรมิตพื้นที่บริเวณลานแสดงกลางแจ้ง ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวจีน และนานาชาติ ได้เติมความสุขสำราญได้ถึง 8 ไฮไลต์
ไฮไลต์แรก “การจำลองโรงเตี๊ยมหรือหมู่บ้านวัฒนธรรมจีน” สีแดงสดใสเสริมสิริมงคล เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม ชิม แชะ แชร์ภาพสุขสำราญและความบูรณ์ความสุขส่งต่อไปครอบครัวและคนอื่น ๆ
ไฮไลต์ที่ 2 คัดสรร 50 ร้านอาหารดังสุดยอดความอร่อย มาไว้ในงานมีอาหารหลากสไตล์ทั้งเมนูไทย จีนต้นตำรับ และอื่น ๆ พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิด แบ่งเป็น 3 โซน ทั้งอาหาร ขนมหวาน และสินค้ามงคล ในบรรยากาศไชนิสมาร์เก็ต มีให้เลือกชิมอาหารเด็ด ๆ อาทิ โอวกี่หมูสะเต๊ะ ยู้ลูกชิ้นปลาเยาวราช หอยทอดชาวเล นายเฉียเกาลัดเยาวราช ข้าวขาหมูตรอกซุงบางรัก กุยช่ายตลาดพลู ไอติมไข่แข็งเซ็นต์หลุยส์ หวานพอดีเชียงใหม่ขนมหวาน
ไฮไลต์ที่ 3 เลือกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความมงคลตามความเชื่อและเทรนด์ ซึ่งนำมาร้อยเรียงเป็นเครื่องประดับยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยเฉพาะร้านยอดนิยมโดนใจนักช้อปกลุ่มตลาดเจนวาย อย่างร้าน LEILA AMULETS และสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ จากร้าน Andre Jade Accessories, Aclaire Stingray Jewelry, ISSUE มาให้เลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลิน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงานทุกคน
ไฮไลต์ที่ 4 นำการแสดงวัฒนธรรมจีนที่มีความหลากหลายมาจัดแสดงเผยแพร่ ให้ผู้ชมทุกวัยได้สัมผัสประสบการณ์อันดีงามผ่านเรื่องราวบนเวทีขนาดใหญ่ ในแต่ละวันจะมีชุดการแสดงหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาให้ชมอย่างอลังการทุกวัน
ไฮไลต์ที่ 5 จัดแคมเปญกระตุ้นการช้อปในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ทั่วไทย จุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นมากกว่าดิวตี้ฟรี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Explore Endlessly – การค้นพบไม่มีวันสิ้นสุด ภายในงานจะได้พบกับความสนุกในทุก ๆ การช้อปปิ้ง กับคิง เพาเวอร์ ทั้งที่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต เมื่อซื้อครบ 10,000 บาทสุทธิ รับทันทีส่วนลด 1,000 บาท และเมื่อซื้อสินค้าครบ 20,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลดมูลค่า 2,000 บาท เพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้า 4,000 บาทขึ้นไป โดยจำกัดสิทธิ์วันละ 1 สิทธิ์/ ใบเสร็จ/ คน และอื่นๆ อีกมากมาย
ไฮไลต์ที่ 6 พบกับความพิเศษล่าสุดในบริเวณพื้นที่ คราวน์ เอเทรียม ของคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้จัด Pop-up Shop สุดเอ็กคลูซีฟของเครื่องสำอาง Lancome ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึง 10 มีนาคม 2562 แวะมาเช็คอินถ่ายรูปกันอย่างจุใจ อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมสนุกอย่างเต็มอิ่ม
ไฮไลต์ที่ 7 พบกับนิทรรศการที่ได้รวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับเทพเจ้าจีนแต่ละองค์ ล้วนแล้วแต่มีความหมายทรงคุณค่า ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนทั่วโลก
ไฮไลต์ที่ 8 อัญเชิญเทพเจ้าแห่งความเป็นสิริมงคลมาให้สักการะขอพร เช่น พระโพธิสัตว์กวนอิม (ช่วยสรรพสัตว์พ้นทุกข์) เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย (เงินตรา) พระสังกัจจายน์ - พระอสีติมหาสาวก (โชคลาภ) เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย (ร่มเย็นเป็นสุข) และเทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย (ปกป้องอภิบาลและปราบปรามศัตรู)
ตลอดการจัดงาน “KING POWER CHINESS NEW YEAR 2019 THE BLISSFUL HARMONY-สำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง รุ่งโรจน์รับปีใหม่จีน” ระหว่างวันนี้-17 กุมภาพันธ์ 2562 ลูกค้าสามารถนำใบเสร็จที่มียอดครบ 800 บาท แลกรับสร้อยข้อมือหินปี่เซียะ จำนวนจำกัด 200 ชิ้นต่อวัน หรือนำใบเสร็จที่มียอดครบ 3,000 บาท มาร่วมถ่ายภาพสไตล์ย้อนยุค พร้อมเครื่องแต่งกายในแบบจีนราชวงศ์ชิง และร่วมสนุกกับเกมตามหาคำมงคลจีน ที่มาให้ตามล่าถึง 8 ตัวอักษร แล้วรับสิทธิ์ถ่ายรูปสวยๆ ฟรี
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์มอบกะรัตคะแนนสะสมแลกสิทธิ์ได้สารพัด”
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ขอแนะนำสมาชิกผู้ถือบัตร “คิง เพาเวอร์” ผู้นำร้านค้าดิวตี้ฟรีที่เป็นมากกว่าการเดินทาง ได้คะแนนสะสมแบบใหม่ในชื่อ ‘กะรัต’ “กะรัต” คือหน่วยในการสะสมคะแนน ซึ่งเรียกว่า CARAT REWARDS สมาชิกจะได้รับ CARAT REWARDS โดยได้รับจากการซื้อสินค้าครบทุกๆ 100 บาท (สุทธิ) ที่คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา จะได้รับ 1 กะรัต อายุของ CARAT REWARDS: 3 ปีปฏิทิน นับจากปีที่เกิดยอดซื้อปีแรก เช่น สมาชิกซื้อสินค้าวันที่ 10 ตุลาคม 2561 กะรัตที่ได้รับ จะหมดอายุในวันที่ 31 ธันวาคม 2563
วิธีการใช้ CARAT REWARDS: การใช้กะรัตเพื่อแลกรับของสมนาคุณ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ Shopping - นำ คะแนน CARAT REWARDS มูลค่า 1 กะรัต = 1 บาท สามารถชำระค่าสินค้าแทนเงินสด (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น) ที่คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา ดังนี้
Food & Beverage - บัตรรับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารของคิง เพาเวอร์ บัตรรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหาร Cuisine Unplugged ที่Pullman King Power, คูปองเงินสดสำหรับรับประทานอาหาร ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต, คูปองรับประทานอาหารที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, ภัตตาคารรามายณะ ทุกสาขา และ บัตรกำนัลห้องอาหารบุฟเฟต์ ชื่อดังจากโรงแรมต่างๆ ที่ร่วมรายการ
Travelling - คูปองบริการ Pocket Wifi กว่า 200 ประเทศ, คูปองบริการ Luggage wrapping ก่อนการเดินทาง, คูปองบริการรถ Limousine รับส่งที่พัก และสนามบิน, บัตรกำนัล/ส่วนลดจากห้องพักและแพ็กเกจท่องเที่ยวทั่วโลก และส่วนลดสายการบิน
Entertainment & Lifestyle - บัตรกำนัลสำหรับใช้บริการ Le Spa โรงแรมพูลแมคิง เพาเวอร์ บัตรชมภาพยนต์ และรายการอื่นๆ สอบถามเพิ่มได้ทุกวันที่ คอล เซ็นเตอร์ 1631 เวลา 08.00-21.00 น.
ข่าวที่ 3 “ททท.รวมพันธมิตรชวนเที่ยวงานกระบี่นาคาเฟสต์1-3มี.ค.62”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ร่วมภาคพันธมิตรท่องเที่ยวในกระบี่ มีทั้งองค์การบริหารส่วนตำบลหนองทะเล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดงาน Krabi Naga Fest 2019 ภายใต้ธีม “Breezing Beach & Music – สายลมแห่งท้องทะเลและดนตรี” ระหว่าง 1-3 มีนาคม 2562 เวลา 17.00-24.00 น. ณ หาดคลองม่วง ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จ.กระบี่
มุ่งส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเมืองกระบี่ซึ่งมีจุดขายโดดเด่นเรื่องชายหาดสวยงาม อาหารทะเลสดอร่อย แถมยังได้เสียงดนตรีเสริมบรรยากาศและกระตุ้นนักท่องเที่ยวตัดสินใจมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ตลอดงานนักท่องเที่ยวจะได้ชิมอาหารตามบูธขายของโรงแรม 4-5 ดาว การแสดงดนตรีของศิลปิน Pop, Pop Jazz, Pop Rock ที่มีชื่อเสียง การแสดงดนตรีของศิลปินแจ๊สนานาชาติบนเวที พร้อมกับช้อปสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อของกระบี่ บูธการท่องเที่ยวโดยชุมชน การแสดงทางวัฒธรรม กิจกรรมเดิน-วิ่ง พิชิตเขาหงอนนาค และกิจกรรม CSR เก็บขยะชายหาดคลองม่วง ห้ามพลาดการเดินทางมาหาดคลองม่วงเที่ยวงาน “กระบี่นาคา เฟสติวัล 2562 ระหว่าง 1-3 มีนาคม 2562
ข่าวที่ 4 “บางจากเปิดรับฝากเงินให้กสิกรที่SPA-อินทนิลแจกโปร”
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่าได้รับการแต่งตั้งจากธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าเปิดบริการ KBank Services ในร้านค้าปลีก SPA และร้านกาแฟอินทนิล เพื่อเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ดำเนินการให้บริการรับฝากเงินเข้าบัญชีธนาคาร สูงสุด 20,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 40,000 บาทต่อวันต่อหมายเลขบัตรประชาชน ค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการ
พร้อมทั้งจัดทำโปรโมชั่นพิเศษ ระหว่างวันนี้– 28 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อแนะนำและกระตุ้นให้คนเข้ามาใช้ช่วงแรกที่เปิดบริการโดยลดค่าธรรมเนียมพิเศษเหลือเพียง 10 บาทต่อรายการ
โดยนำร่องใน 16 สาขา ได้แก่ ร้านสพาร์ที่ให้บริการ KBank Services นำร่อง 7 สาขาแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร SPAR 1.สาขาพระราม 2 กม.12 และ 2.สาขา M-Tower ต่างจังหวัด ก็มี สมุทรสงคราม SPAR สาขาพระราม 2 กม.77 สมุทรปราการ SPAR 1.สาขาศรีนครินทร์ 2.สาขาบางนา กม.16 นนทบุรี SPAR สาขาราชพฤกษ์ 2 นครราชสีมา SPAR สาขาปากช่อง
ร้านอินทนิลที่ให้บริการ KBank Service อีกไม่ต่ำกว่า 9 สาขา ในกรุงเทพฯ ได้แก่ อินทนิล 1.สาขาENCO 2.สาขาสตรีวิทย์ 2 3.สาขาอุดมสุข 45 4.สาขาอ่อนนุช 17/1 5.สาขาศรีนครินทร์สมิติเวช 6.สาขาพัฒนาการ 6.สาขานิมิตรใหม่ 2 7.สาขาเพชรเกษม 92 และต่างจังหวัดใน ชลบุรี สาขาบายพาส-ชลบุรี กม.1 กับ เพชรบุรี สาขาชำอำปาร์ค
ข่าวที่ 5 “มูลนิธิปิดทองนำชมอ่างเก็บน้ำซำตมขาว-ตลาดเขียว อุดร”
มูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ เตรียมนำคณะลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อไปใน โครงการอ่างเก็บน้ำซำตมขาวพร้อมระบบส่งน้ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ รัชกาลที่ 10 บ้านห้วยหมากหล่ำ ตำบลทมนางาม อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี
โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับไว้เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมากจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับราษฎรบ้านห้วยหมากหล่ำ ซึ่งมีพื้นที่อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชัน มีที่ราบแคบๆ บริเวณเชิงเขาและที่ราบสลับลูกเนิน ซึ่งต้องดำรงชีพอย่างยากลำบาก สามารถช่วยเหลือให้ราษฎรจำนวน 70 ครัวเรือน มีแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและการทำเกษตรกรรม มีพื้นที่เพาะปลูกได้รับประโยชน์ รวม 350 ไร่
โดยมี นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 5 จะทำหน้าที่ โครงการอ่างเก็บน้ำซำตมขาว พร้อมระบบส่งน้ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมกับนำเยี่ยมชม พื้นที่อ่างเก็บน้ำ และวิถีชีวิตชุมชนของชาวบ้านห้วยหมากหล่ำ
จากนั้นนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จะมาอธิบายถึงนโยบาย-แนวทางการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมเกษตรปลอดภัย
ระหว่างลงพื้นที่กับมูลนิธิปิดทองหลังพระ ก็จะได้เยี่ยมชม “ตลาดร่มเขียว” สถานที่จำหน่ายพืชผลทางการเกษตรของเกษตรกรส่งตรงถึงผู้บริโภค เส้นทางจำหน่าย สินค้าเกษตรปลอดสาร ของชุมชนบ้านโคกล่าม-แสงอร่าม อำเภอหนองวัวซอ เพื่อตามรอยเส้นทางผลผลิตพืชผักปลอดสารของชาวบ้าน ไปดูโครงการพื้นที่ต้นแบบปิดทองหลังพระ ที่ได้ถอดประสบการณ์การรวมกลุ่ม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ภูธารา ซึ่งเป็นการรวมตัวของชาวชุมชนเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ภูธารา” มีจุดเริ่มต้นจากข้าวภูธาราที่นำมาต่อยอดสู่การพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรอื่น อาทิ การแปรรูป ผักและผลไม้อื่น ๆ โดยเน้นการทำเกษตรปลอดภัย จนสามารถสร้างเป็นแบรนด์ของอุดรธานีเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี
ช่วงที่ 2 ความสนุกในการเดินทาง “วันธรรมดา น่าเที่ยว” กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปีนี้จัดใหญ่จัดเต็ม เข็มไมล์แรกพาตลุย “ชุมชนบ่อสวกต้องห้ามพลาด 5 แห่ง” ลานวัฒนธรรม-พิพิธภัณฑ์เตาเผาโบราณ-ทำลูกปะคบสมุนไพรจิ๋วบ้านเชียงยืน-หีบอ้อยบ้านป่าคา-ทอผ้าบ้านซาวหลวง” ส่วนสุขภาพแนะ “วิธีอ่านฉลาก” เข้าใจง่ายใน 30 วิ.ก่อนกินอาหาร ตามติดข่าวทันกระแส เรื่องแรก “ทุนญี่ปุ่นซื้อเชนเรดแพลนเนต” ในไทยเรียบ 5 โรงแรม “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์” ฝันบินไกลข้ามทวีป โกยรายได้ 2 หมื่นล้านบาท “ปิดถนนสร้างสกายวอล์ค” ถนนกำแพงเพชร6 หน้าตลาดดอนเมือง 2 เดือนครึ่ง ช่วง 16 ก.พ.-14 พ.ค.2562
@สนุกกับวันธรรมดาน่าเที่ยวชุมชนบ่อสวกต้องห้ามพลาด5แห่ง
ต้อนรับปีกุลการเดินทางหาประสบการณ์ความสุขกับโครงการ “วันธรรมดา น่าเที่ยว” ชวนบินลัดฟ้าสู่ภาคเหนือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยสายการบิน ไทย แอร์ เอเชีย FD 3554 มุ่งหน้าไปยังชุมชนท่องเที่ยวที่มีรากวัฒนธรรมเข้มแข็งมากของชาวบ้าน “ตำบลบ่อสวก” อำเภอเมือง จังหวัดน่าน
พอเครื่องลงแตะพื้น “สนามบินน่านนคร” ใช้เวลานั่งรถราวครึ่งชั่วโมง จุดที่ 1 “ลานวัฒนธรรมบ่อสวก” มี “ป้าวิลัย เรืองรุ่ง” ผู้นำสถานที่ยืนรออยู่กลางลานกว้างรายล้อมด้วยซุ้มไม้ไผ่ ด้านข้างจัดมุมสาธิตพร้อมสอนนักท่องเที่ยวทดลอง “ปั้นดิน” ร่วมย้อนนึกถึงวัฒนธรรมในอดีตบรรพบุรุษชุมชนปั้นภาชนะต่าง ๆใช้เองในครัวเรือน มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ โดยมีเรื่องเล่าว่า “ทุกวันพระ” คนในชุมชนจะต้องหยุดขุดดินบนภูเขาที่ดีสุดในประเทศไทยนำมาปั้น แต่ต้องไปรวมตัวกันร่วมงานบุญที่วัดแทน เป็นความเชื่อเล่าขานต่อ ๆ กันมาว่าหากขุดดินซึ่งที่สุดในประเทศที่บ่อสวกมาปั้นแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่พอใจเอาได้
ถ้าไปวันธรรมดานักท่องเที่ยวสามารถลงมือร่วมกิจกรรม “ปั้นดินเผา” ผลงานศิลปะฝีมือตัวเองซึ่งมีชิ้นเดียวในโลกแล้วนำกลับมาเป็นที่ระลึกได้เลย เครื่องปั้นดินเผาบ่อสวกมี “ลายเป็นเอกลักษณ์” อยู่ 2 ลาย คือ 1.ลานอินธนู ชาวบ้านนำมาเป็นวัตถุมงคลเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย มีบารมี ส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้าในการงาน 2.ลายนกฮูก เป็นสัตว์สายตาเฉียบคม เชื่อกันว่านำมาห้อยคอแล้วจะอายุยืน สร้างความสำเร็จ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบค้าขายและดูแลสุขภาพ
ไฮไลต์การเที่ยวลานวัฒนธรรมบ่อสวก ช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนธันวาคมของทุกปี ชาวบ้านจะจัดงาน “ของดีบ่อสวก” ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างคึกคักในบริเวณลานวัฒนธรรม ปีนี้ไปพบกันได้ ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม 2562
จุดที่ 2 “พิพิธภัณฑ์เฮือนบ้านสวกแสนชื่น” ด.ต.มนัส ติคำ” อดีตตำรวจปราชญ์ชุมชนเจ้าของ “เตาเผาโบราณจ่ามนัส” จากลานวัฒนธรรมออกไปไม่ไกลจากลานวัฒนธรรมบ่อสวก เป็นของเอกชนที่ใช้ทุนของตนเองกับผู้บริจาคพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้เปิดให้นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการชาวไทยและทั่วโลก เข้ามาศึกษามหัศจรรย์ของเตาเผาซึ่งฝังอยู่ใต้ดินมาอย่างยาวนานในบริเวณที่ดินอาศัยราว 10 ไร่ ขณะนี้ขุดให้ชมรุ่น 1 จำนวน 4 เตา ในชื่อ “เตาเผาจ่ามนัส” จากหลักฐานทางโบราณคดีคาดสร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 ราว พ.ศ.1823-1858 “เตาเผาสุนัน” (ภรรยา) สร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 ราว พ.ศ.1963-2013
ยังเหลือเตาเผาโบราณอีกหลายเตาภายในบริเวณที่ดินของดาบตำรวจมนัส สามารถขุดค้นได้ในรุ่นที่ 2 ต่อไป
นอกจากเดินชมเผาโบราณขนาดใหญ่ท่านึ่งมากแล้ว ยังมีเรือนพิพิธภัณฑ์โดยนำชื่อ “แสนกับชื่น” เป็นพ่อตาแม่ยายมาตั้งอย่างสมเกียรติ เป็นเรือนไม้สร้างแบบล้านนายกพื้นใต้ถุนสูงจัดแสดงวิถีชีวิตการอยู่อาศัยสมัยก่อน มีห้องพระ ห้องนอน ห้องครัว พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ถ้าจะฟังเรื่องราวอย่างสนุกต้องให้ ดต.มนัส เป็นไกด์นำชม จึงจะได้อรรถรสกระแทกใจนักท่องเที่ยวจริง ๆ
จุดที่ 3 “บ้านเชียงยืน” เป็นอีกแห่งที่กลุ่มสตรีในหมู่บ้านรวมตัวกัน นำวิถีชุมชนการทำสวนตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งคว้ารางวัลระดับประเทศมาแล้ว โดยมี “รัตติกาล สายยาโน “ สาวโสดวัย 40 ปีเศษ รวบรวมเพื่อนบ้านที่มีองค์ความรู้เปิดเรือนไม้หลังงามสอนนักท่องเที่ยวร่วมสนุกกับ D.I.Y.การทำ “ลูกปะคบสมุนไพรจิ๋ว” แบบง่าย ๆ ใช้เวลาไม่มากแต่ได้ความรู้รวดเร็วทันใจ ราคาก็สบายกระเป๋าเพียงคนละ 150 บาท แถมด้วยของกินพื้นบ้านอร่อยที่นำมาเสิร์ฟ อย่างน้ำมะพร้าวสดจากสวนหลังบ้าน ถั่วแระต้มจากไร่ในครัวเรือน และผักกาดดองเกลือรสธรรมชาติไม่เค็มจนเกินไป
ระหว่างทางยังมีจุดบริการ “นวดสมุนไพรพื้นบ้าน” มีทั้งการทำสปาสุ่มไก่ อบสมุนไพรในสุ่มซึ่งมีผ้าคลุม อบอยู่ในสุ่มซึ่งมีเตาไฟรมควันสมุนไพรหลายสิบอย่างใช้เวลาราว 20-30 นาที ขับเหงื่อล้างพิษออกจากร่างกาย หรือจะเป็น “สปาเท้าด้วยสมุนไพร” นำสมุนไพรแช่น้ำร้อนใส่กะละมังมาให้นักท่องเที่ยวได้แช่เท้าผ่อนคลายราว 20 นาที
จุดที่ 4 “หีบอ้อยโบราณ บ้านป่าคา” บริเวณด้านหน้าจัดทำเป็นอาคารโล่ง สาธิตการทำหีบอ้อยโบราณด้วยอุปกรณ์เสาที่มีเดือยและคานโยกใช้ควายเผือกเมื่อครั้งอดีตตัวละ 4 บาท แต่ตอนนี้ควายตัวละ 20,000 บาท ที่จะมาโชว์การหมุนคานหีบอ้อยออกมาเป็นน้ำ แล้วนำไปเคี่ยวแปรรูปเป็น “น้ำตาลอ้อย” ภูมิปัญญา เคี่ยวกระทะละ 5 ชั่วโมง จะได้น้ำตาลอ้อย 5 กิโลกรัม ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ นำมาบรรจุถุงขาย ถุงละ 20 บาท ชาวบ้านได้ปลูกอ้อยไว้ประมาณ 4 ไร่ แต่ละปีจะตัดอ้อยพันธุ์สุพรรณบุรีได้ผลผลิตปีละประมาณ 2 ตัน นำมาเข้าหีบทำน้ำตาลขาย เป็นรายได้เสริมอีกปีละราว 5,000-20,000 บาท
จุดที่ 5 “บ้านซาวหลวง” แหล่งเรียนรู้กระบวนการผลิตผ้าทอจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เมื่อไปถึงจะได้ชม โรงทอผ้า ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงในหมู่บ้านจะใช้เวลาว่างเว้นจากทำนา ทำไร่ ทำสวน มาทอผ้าผืนเพื่อหารายได้เสริมได้เป็นกอบกำฤดูกาลละ 5,000-20,000 บาท/ครัวเรือน ผ้าเมืองน่านซึ่งเป็นลายดั้งเดิมมีมากถึง 8 ลายด้วยกัน ดูการทอเสร็จก็มีร้านอยู่ด้านในโรงทอนำผ้าแฟชั่นสำเร็จรูป ให้เลือกช็อปทั้ง เสื้อ กางเกง ผ้าพันคอ หมวก
ปัจจุบันยังได้จัดทำการขายท่องเที่ยวภายใต้ชื่อ “บ้านซาวหลวง แหล่งภูมิผญ๋าผ้าทอมือ” คิดค่าบริการ มบ้านภูมิผญ๋าหรือโรงงานทอผ้าบ้านซาวหลวง ค่าชมคนละ 50 บาท ร่วมทำกิจกรรมคนละ 100 บาท อาหารว่างคนละ 30 บาท อาหารกลางวันขึ้นอยู่กับจำนวนการสั่งเมนู แต่ทุกรายการจะบวกผลไม้ไว้ด้วยคือ 2 อย่าง 100 บาท/คน 3อย่าง 200 บาท/คน อาหารเย็น แบบขันโตก 3 อย่าง 200 บาท/คน 4 อย่าง 270 บาท/คน บายศรีสู่ขวัญ 50 บาท/คน การแสดง 2,000 บาท ติดต่อผู้ใหญ่อำนวย อินผ่อง ได้ที่ โทร.081-162-5320
แถมอีก 1 จุด ที่ “บ้านต้าม” แหล่งสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น “กลุ่มจักสาน” ผู้สูงวัยบ้านตาม พ่อแก่แม่เฒ่าจะมาคอยรับนักท่องเที่ยวอยู่ในเรือนสาธิตโดยมีงานสานถ่ายทอดให้ทำ 2 ชนิด คือ “ม้าสาน” ของเล่นสำหรับเด็ก ๆ กับ “ตะแหล๋ว” เครื่องสานง่าย ๆ ขนาดจิ๋วใช้ขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไป นักท่องเที่ยวหลายวัยชื่นชอบกับกิจกรรมสานไม้ไผ่บ้านต้ามเป็นอย่างมาก
สำหรับร้านอาหารแนะนำ ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในตำบลบ้านบ่อสวก แห่งแรก “ร้านอาหารเชฟชุมชน” เหมาะกับมื้อกลางวัน ร้านนี้ตั้งอยู่ติดถนนเส้นหลักด้านหน้าเป็นร้านอาหาร ด้านหลังเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ เป็นเชฟที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก “เชฟชุมพล” ซึ่งเป็น 1 ในโครงการของ ททท.เมื่อปี 2561 เมนูแนะนำก็มี ไก่ทอดมะแกว่น น้ำพริกหนุ่มกับผักสดผักต้ม
แห่งที่ 2 “ร้านเฮือนภูคา” เหมาะกับมื้อค่ำ อยู่ใจกลางเมืองน่าน อร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะปลาทอดสมุนไพร ผัดผักเชียงดา และอีกหลากหลายเมนูชุมชนพื้นบ้าน
ออกไปชมเมืองน่าน 5 แห่งต้องห้ามพลาด ในวันธรรมดา น่าเที่ยว แล้วจะพบกับความสุขสุดแสนจะชีล
@อ่านฉลากอย่างเข้าใจภายใน30 วินาทีก่อนกินอาหาร
ผู้ที่มีพฤติกรรมหิวปุ๊บซื้อปั๊บ! ไปซื้อของทีไรก็หยิบๆ ลงตะกร้าเดินมาจ่ายตังค์อย่างเดียว เราขอแสดงความห่วงใยว่า คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นคนไทย 1 ใน 14 ล้านคน ที่เป็นโรคกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) หรือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
สถิติจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กลุ่มโรคนี้เป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรไทยราว 300,000 กว่าคนต่อปี ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคอ้วนลงพุง ไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ พฤติกรรมการกินแบบตามใจปากทั้งหวาน มัน เค็ม สะสมนานๆ จนก่อโรคมากมาย
วันนี้จึงขอแนะนำขั้นตอนการอ่านฉลากอย่างฉับไวใน 30 วินาที เข้าใจและตัดสินใจเลือกให้ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น ดังนี้
1.หนึ่งหน่วยบริโภค = ในการกิน 1 ครั้ง ควรกินไม่เกินปริมาณที่กำหนด มักระบุเป็นกรัม แต่ก็มีการคำนวนปริมาณให้แบ่งกินได้ เช่น ½ ซอง 2.พลังงานทั้งหมด = หลายคนเข้าใจผิด เห็นมันฝรั่งถุงเบ้อเริ่ม อุตส่าห์อ่านตรง ‘พลังงานทั้งหมดแล้ว’ เห็นมีแค่ 350 กิโลแคลอรีก็คว้าทันที ขอบอกว่า พลังงานที่ระบุในฉลาก ไม่ได้คิดตามปริมาณอาหารที่มีทั้งหมด! แต่คำนวณจาก ‘หนึ่งหน่วยบริโภค’ นะ
ดังนั้นถ้า 1 ห่อมี 4 หน่วยบริโภคและคุณหิวหน้ามืดกินหมดห่อก็รับพลังงานแบบคูณ 4 เข้าไปด้วยนะ! 3.ไขมันทั้งหมด คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด โซเดียม = ในฉลากจะพิมพ์ด้วยตัวหนา วิธีคำนวณง่ายๆ ให้ดูที่จำนวนเปอร์เซ็นที่พิมพ์ต่อท้ายจำนวนกรัม ซึ่งหมายถึงร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน เช่น ไขมันทั้งหมด 21 กรัม คิดเป็น 32 % แปลว่า กิน 1 ห่อก็หมดโควตาไขมันไป 32 % เหลือแค่ 68 %
สำหรับโควตาไขมันในอาหารมื้ออื่นๆ ของวัน 4.คำนวณแบบรวบตึง! ขอแถมเพดานความปลอดภัย ลดหวาน เค็ม มัน โดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แนะนำปริมาณ ต่อวัน ไว้ ดังนี้ จำกัดปริมาณน้ำตาล ไม่เกิน 40 กรัม = น้ำตาล 6 ช้อนชา ไขมันทั้งหมด ไม่เกิน 65 กรัม และในจำนวนนี้ถ้าเป็นกรดไขมันอิ่มตัว ไม่เกิน 20 กรัม = น้ำมัน เฉลี่ย 6 ช้อนชา โซเดียม ไม่เกิน 23 กรัม = เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีง่ายๆ คือให้เอา 4 หารจำนวนกรัม จะออกมาเป็นช้อนชา รับรองว่าต้องตกใจถ้ารู้ว่าชาเขียวรสหวานขวดนึงมีน้ำตาลเกือบ 4 ช้อนชา กินขวดนึงแทบจะหมดโควต้ากินน้ำตาลต่อวัน
เพราะฉะนั้น อ่านฉลากอาหารก่อนซื้อและเลือกสิ่งที่ดีกว่า ก็ลดความเสี่ยงโรค NCDs ลงได้เพียบ ที่เหลือก็หมั่นออกกำลังกาย ลดความเครียด งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “ญี่ปุ่นบุกซื้อโรงแรมเชนเรดแพลนเนตในไทยเรียบ5แห่ง”
เชนโรงแรม เรด แพลนเนต เจแปน ที่เข้ามาซื้อกิจการในไทย |
สำหรับโ เรด แพลนเนต เจแปน ขณะนี้มีโรงแรมอยู่ทั่วเอเชีย วางกลยุทธ์เจาะตลาดการท่องเที่ยวแบบทวิภาคที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มมิลเลนเนียล สอดคล้องกับปัจจัยหนุนรอบด้านทั้ง 1.สายการบินต้นทุนต่ำขยายเส้นทางใหม่ ๆ เพิ่มอยู่ตลอดเวลา 2. ไทยและญี่ปุ่นเปิดเสรีการขอวีซ่ามากขึ้น 3.วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นแม่เหล็กดึงดูดการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเติบโตเพิ่ม 2 เท่า ปี 2561 มีจำนวนมากถึง 1.13 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นมาไทยต่อเนื่อง 3 ปีหลัง คือ ปี 2559 กว่า 1.4 ล้านคน ปี 2560 จำนวน 1.5 ล้านคน ปี 2561 มากถึง 1.6 ล้านคน
ทั้งนี้การรุกลงทุนขยายโรงแรม ของ เรด แพลนเนต เจแปน เตรียมทยอยเปิดต้อนรับน้องใหม่ ได้แก่ เรด แพลนเนต ฮิโรชิมา นากาเรคาวะ ในฤดูร้อนปี 2563 การเข้าซื้อกิจการโรงแรมเรือธงสองในกรุงมะนิลาเดือนมิถุนายนปี 2561 2018 รวมถึงการเปิดโรงแรม เรด แพลนเนต ซัปโปโร ซูซูกิโนะ เซาท์ แห่งที่ 5 ในญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 และมีแผนเปิดกิจการโรงแรมแห่งที่สองคือเรด แพลนเนต ซัปโปโร ซูซูกิโนะ เซ็นทรัล ช่วงตุลาคม 2562
ขณะที่ ไซมอน เกโรวิช ประธานบริษัท เรด แพลนเนต เจแปน กล่าวว่า ขณะนี้ เรด แพลนเนต เจแปน เป็นผู้นำในตลาดโรงแรมราคาประหยัดแห่งเอเชีย ซึ่งมีห้องพักอยู่ทั่วญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และไทย การขยายเครือข่ายครั้งนี้แสดงให้เห็นความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงแรมอย่างชัดเจน
ปีนี้ผลจากการประกาศการร่วมทุนสามารถลงทุนเพิ่มได้มากถึง 22,000 ล้านเยน ในโรงแรมใหม่ 6 แห่ง และภายในเวลา 2 ปี ยังสามารถขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ ๆ เช่น แฟรนไชส์ สัญญาการบริหาร และการร่วมทุนทั้งในตลาดปัจจุบันและตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นได้ด้วย
ข่าวที่สอง “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ฝันปี62บินข้ามทวีปโกยเงิน2หมื่นล้าน”
นายนัดดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบิน แอร์เอเชีย เอ็กซ์ และไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยว่า วางกลยุทธ์การขยายตลาดปี 2562 นำไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ขยายเส้นทางบินสู่ทั่วโลกหลังจากผ่านมาตรฐานการรับรองขององค์การบินระหว่างประเทศทุกองค์กรเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท จากจำนวนผู้โดยสารรวม 3 ล้านคน ควบคู่การทยอยรับมอบเครื่องใหม่เข้าประจำฝูงบินเพิ่ม 5 ลำ รองรับการเปิดจุดบินใหม่เริ่ม 25 มิถุนายน นี้ เข้าสู่ออสเตรเลีย เรื่อยไปจนถึงเพิ่มความถี่ฐานบินเดิมหลัก ๆ ในญี่ปุ่น เกาหลี จีน จากนั้นช่วงปลายปีเตรียมเปิดบินสู่อเมริกา
การเปิดใหม่ครั้งแรกโดยบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ – บริสเบน ออสเตรเลีย 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่ม 25 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป ได้จัดทำโปรโมชั่นให้สมาชิกแอร์เอเชียในราคาพิเศษรวมทั้งหมดเริ่มต้น 5,555 บาท/ที่นั่ง
ส่วนผลการดำเนินงานของแอร์ เอเชีย เอ็กซ์ ปี 2561 ขนส่งผู้โดยสารรวม 1.98 ล้านคน เพิ่ม 26% จากตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือญี่ปุ่นและเกาหลี ปัจจุบันบินตรง ไป-กลับ กรุงเทพฯ สู่เมืองต่าง ๆ ในญี่ปุ่น ได้แก่ โตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด นาโกยา และกรุงโซล เกาหลีใต้ และเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ข่าวที่สาม “ปิดถนนหน้ากำแพงเพชร6-ตลาดดอนเมือง16ก.พ.-14พ.ค.”
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รายงานว่า ได้ประกาศปิดการจราจรทางเข้า-ออก (ทางข้ามทางรถไฟ) ถนนกำแพงเพชร 6 (Local Road) ช่วงหน้าตลาดใหม่ดอนเมือง เพื่อก่อสร้างฐานราก Sky Walk สถานีดอนเมือง โดยจะปิดประมาณ 2 เดือนครึ่ง ช่วง16 กุมภาพันธ์ - 14 พฤษภาคม 2562 แล้วเปิดให้ใช้งานเฉพาะทางออก (ทางข้ามทางรถไฟ) จากถนนกำแพงเพชร 6 เข้าสู่ถนนวิภาวดีรังสิต ในช่วง 05.00 - 09.00 น. และ 16.00 – 20.00 น.
ผู้ใช้ทางสามารถเปลี่ยนไปใช้ทางเข้า-ออก ถนนกำแพงเพชร 6 (Local Road) จุดอื่นๆ แทน ได้แก่ หน้าวัดเสมียนนารี นอร์ทปาร์ค หน้าวัดหลักสี่ หน้าคลังน้ำมันบาฟส์ และหน้าสถานีตำรวจดอนเมือง โทรสอบถามได้ที่ 02-159-8440-43 หรือ www.bangsue-rangsitredline.com
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ผู้ดำเนินรายการและคอลัมนิสต์ท่องเที่ยว |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น