ททท.ชี้รายได้ท่องเที่ยว2เดือนแรกปี62โต12%สวนกระแสฝุ่น นำTHE SEASONเปิดยิ่งใหญ่ในITB2019ชิงตลาดโลก-เที่ยวเทรนด์ใหม่สวนมะดันท่าทราย นครนายก
ททท.ชี้ยอดรายได้ม.ค.-ก.พ.โต12%สวนกระแสฝุ่น
งัดTHE SEASONเปิดยิ่งใหญ่ในITB2019ชิงทัวร์โลก
คิงเพาเวอร์บูมตรุษจีนรางน้ำรับสุข8ไฮไลต์-17ก.พ.
ฮือฮา!ททท.ระยองชูแต่งงานปูโปรโมตทัวร์เชื่อมโยง
ททท.นำไทยแชมป์แกะหิมะดูดตลาดญี่ปุ่น2ล้านคน
บางจากขายB20เซฟเงินลิตรละ5บาทช่วยลดฝุ่นพิษ
ปิดทองหลังพระชู5กลุ่มทัวร์ชุมชนโป่งลึก/บางกลอย
MoreFunตลุยสวนมะดันชุมชนท่าทรายนครนายก
เลี่ยง6พฤติกรรมส่อเสี่ยงส่งผลเสียต่อสุขภาพพังเร็ว
สุวรรณภูมิจ่อปิดซ่อมรันเวย์4ปี3เฟสเว้นสงกรานต์
TCEBกอดคอบินไทยสิงคโปร์รุกไมซ์รวย4ประเทศ
BTSเร่งไทย-เทศบัตรแรบบิทลงทะเบียนเริ่ม15ก.พ.
ช่วงที่ 1 เกาะติด “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวประเทศไทย (ททท.) งัดสถิติท่องเที่ยวฝ่าดงฝุ่น 2 เดือนแรก “มกราคม-กุมภาพันธ์” รายได้ตลาดอินเตอร์โตเกินเป้า 12 % “ตรุษจีน-วาเลนไทน์” ยังแรงไม่หยุด เตรียมงัดหมัดเด็ด “THE SEASON” เป็นตัวเอก เปิดตัวหนังสารคดีท่องเที่ยวแนวใหม่ที่จะใช้มหกรรมงาน “ITB 2019” ต้นเดือนมีนาคม นี้ สร้างความฮือฮาในตลาดโลก เปิดความยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบใน 3 ฤดู “หนาว-ฝน-ร้อน” ของ 55 เมืองรอง พร้อม ๆ กับเปิดแนวรุกปลุกทั่วโลกหันมาเที่ยวไทยอย่างมีส่วนรับผิดชอบ เพื่อดูแลธรรมชาติให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป
ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) |
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าได้ประเมินสถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศ 2.5 PM ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วงเดือนมกราคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ผลปรากฏว่าตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทาเข้าไทย (inbound) ยังคงทำรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12 % สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียง 10 % แนวโน้มมาจากช่วง 2 เทศกาลใหญ่ ตรุษจีนซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนซึ่งใช้จ่ายเงินเที่ยวไทยมากถึง 30 % ของทั้งหมด ยังคงเดินทางเข้ามาจำนวนมากกว่า 350,000 คน เพิ่ม 4 % ใข้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 12 % เช่นเดียวกับเทศกาลวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ นี้ ก็จะเป็นปัจจัยบวกกระตุ้นคู่รักชาวต่างชาติเข้ามาจัดแต่งงานตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทย
ส่วน ททท.ได้เปิดช่องทางสื่อสารเรื่องฝุ่นละอองในอากาศต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้น โดยนำข้อมูลจากหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง จากทั้งนักวิชาการ กรมควบคุมมลพิษมาและส่วนงานอื่น ๆ อธิบายให้นักท่องเที่ยวนานาชาติเข้าใจถึงสถานการณ์ในไทยกระแสอาจจะไม่ได้รุนแรงเหมือนคาดการณ์ แล้วก็คล้ายกับอีกหลายประเทศเคยเกิดฝุ่นละอองในลักษณะเดียวกัน จึงทำให้ตั้งแต่การจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 23-27 มกราคม การแข่งขันไทยแลนด์ มาราธอน เรื่อยมาจนถึงตรุษจีน 3-7 กุมภาพันธ์ 2562 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญใด ๆ เพราะยังไม่เกิดการยกเลิกเดินทางมาเมืองไทยอย่างน่าตกใจเกิดขึ้นแต่อย่างใด
โดยภาพรวมการท่องเที่ยวน่าจะผ่านวิกฤตฝุ่นละอองครั้งนี้ไปได้ ระหว่างนี้ก็จะขอให้ทุกฝ่ายใช้กระแสดังกล่าวเตือนตนเอง และหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องตื่นตัวรับมือ และต่อไปจะได้เห็นการออกมาตรการป้องกันดูแลอย่างเข้มข้นมากขึ้น พร้อมใจกันลงมือปฏิบัติโดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเข้าสู่โหมดความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูงขึ้นตามลำดับ ขณะนี้สถิติต่างชาติเดินทางเข้าไทยตลอดเทศกาลตรุษจีน วันที่ 4-10 กุมภาพันธ์ 2562 ททท.เห็นการฟื้นตัวของตลาดจีนชัดเจนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สร้างรายได้เข้าประเทศมีสัดส่วนมากกว่า 30 % ของทั้งหมด สัญญาณที่ดีปีนี้ช่วงฉลองตรุษจีนจะมีการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 12% จากนักท่องเที่ยวจีน 350,000 คน รวมทั้งจะแชร์ตลาดอื่นไปได้ด้วย
เป็นการออกตัวเดือนแรกของปี 2562 น่าจะเป็นสถิติที่น่าพอใจท่ามกลางปัจจัยความวุ่นวายรุมเร้าหลายเรื่องด้วยกัน แนวโน้มการขับเคลื่อนรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2562 น่าจะสดใสเป็นปีทอง โดยมีมูลเหตุสำคัญคือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเติบโตทั้งรายได้และจำนวน อันเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่า Visa On Arrival เป็นแรงกระตุ้นทั้งจีนและอีก 20 ประเทศ รวมถึงอินเดียได้รับอานิสงนี้ด้วย ยกเว้นอาเซียนซึ่งเป็นสมาชิกไม่ต้องใช้วีซ่า
ตลาดระยะไกลซึ่งเป็นแฟนคลับของไทย อย่าง สหภาพยุโรป ซึ่งนำเงินเข้ามาใช้จ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2561 เกือบ 5 แสนล้านบาท 8.2 % ช่วงฤดูเดินทางตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาก็รักษายอดไว้ได้ดีทั้งรายได้และจำนวนคนเพิ่มเกินกว่า 3.86 % ยกเว้นสหราชอาณาจักรไม่บวกหรือลบจำนวนยังคงเท่าเดิม เพราะต้องเผชิญกับปัญหาภายในประเทศเรื่อง Brexit เชื่อแน่ตลาดยุโรปจะโตจากเที่ยวบินประจำตามปกติจะโตแบบไม่หวือหวาและไม่ตกแบบหวือหวาเช่นกัน แม้กระทั่งรัสเซียปีที่ผ่านมาทำได้ 1.4 ล้านคน รายได้บวก 14 % รวมถึงตลาดท่องเที่ยวในประเทศก็เติบโตสอดคล้องกัน ดังนั้นกราฟการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตลอดปี 2562 จะเคลื่อนไปในทางบวกพุ่งสูงขึ้น
เป็นไปตามวัฎจักรโดยช่วงกลางปีอาจจะชะลอตัวเพราะเป็นช่วงนอกฤดูกาลเดินทางท่องเที่ยวระหว่างมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ประเมินมุมบวกจะมีอินเดียขยายตัวเพิ่มเพราะอานิสงของฟรีวีซ่า ผนวกกับตลาดเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV -กัมพูชา- สปป.ลาว-เมียนมา-เวียดนาม เป็นพื้นที่เป้าหมายเติบโตต่อเนื่องทุกตลาด โดย ททท.ได้ฉลองนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยครบปีละ 1 ล้านคน ไปหลายประเทศแล้ว
รวมทั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็มีเวียดนามด้วย ส่วนสิงคโปร์ต้อนรับเกินกว่า 1 ล้านคน และยังมีอีกหลายตลาดทำสถิติดังกล่าว ดังนั้นตลาดต่างประเทศจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีอนาคตต่อไป สิ่งที่ ททท.จะให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษปี 2562 คือ “ตลาดในประเทศ” วางเป้าหมายส่วนแบ่งการทำรายได้จะขยับขึ้นเป็น 33-35 % จากปีที่ผ่านมา 30 % เป็นความท้าทายของสำนักงาน ททท.ทุกแห่งที่จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้ได้ตามที่กำหนดเป้าหมายไว้
นายธเนศวร์ กล่าวว่า ตามแผน ททท.จะต้องนำภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมมหกรรมงานซื้อขายระดับใหญ่สุดของโลก International Travel Brouse 2019 ณ กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมันี ซึ่งไทยเข้าร่วมงานต่อเนื่องมายาวนาน 38 ครั้ง โดยมีฐานตลาดสำคัญในสหภาพยุโรป ปี 2562 ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายชัดเจนให้ ททท.ขับเคลื่อนเทรนด์ใหม่ด้วยการส่งสัญญาณใหม่ในตลาดยุโรปทั้งหมด Responsible Tourism -การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ เนื่องจากไทยเห็นถึงการมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาปีที่ผ่านมาครบ 38 ล้านคน ปีนี้อาจจะถึง 40 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศ
จึงถึงเวลาที่จะต้องส่งข้อความและสัญญาณถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาให้เห็นความเอาใจใส่ ความรอบคอบ ร่วมมือกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนผ่านแนวคิด “Responsible Tourism -การท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ” เดินหน้าผ่านการผลิตภาพยนตร์สารคดีการท่องเที่ยว 14 ตอน ในชุด THE SEASON วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 เตรียมเปิดตัวภาพยนตร์สารคดี THE SEASON ซึ่งผลิตโดยคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ชื่อ บริษัท ด็อคคิวเมนท์ จำกัด มีความเชี่ยวชาญการทำหนังสารคดีซึ่งแตกต่างภาพยนตร์โฆษณาที่ใช้กลยุทธ์การเซ็ตฉาก ส่วนภาพยนตร์สารคดีใช้ทักษะความสามารถของทีมงานที่จะดึงความงามแท้จริงของธรรมชาติโดยไม่ได้ปรุงแต่งออกมาโชว์
ซึ่งเมืองไทยในแต่ละฤดูกาล ทั้งฤดูหนาว-ฤดูฝน-ฤดูร้อน ล้วนแล้วแต่มีความงดงามในทิศทางแตกต่างกันไป เช่น ฤดูหนาวจะได้เห็นความงดงามของต้นไม้ ดอกไม้ สายหมอก ภูเขา ภาคเหนือ ขณะเดียวกันในฤดูฝนจะได้เห็นความงดงามของป่าร้อนชื้นทางภาคใต้ ป่าฮาลาบารา นราธิวาส ยะลา หรือทางชายทะเลภาคตะวันออก และฝั่งอันดามันภาคใต้
ภาพยนตร์ THE SEASON จะเป็นโจทก์หนังสารคดีแบ่งเป็น 14 ตอน แบ่งความงามของ 3 ฤดู หนาว-ร้อน-ฝน โดยในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นี้ จะนำมาให้ชมเพียง 3 ตอนเรียกน้ำย่อยก่อน เพราะหลายตอนยังอยู่ในช่วงการผลิตและถ่ายทำ ส่วนช่องทางการเผยแพร่สื่อสารให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกจะนำภาพยนตร์สารคดี นำเสนอผ่านออนไลน์ของเว็บไซต์ www.tourismthailand.org และเว็บไซต์ของสำนักงาน ททท.ในแต่ละประเทศทั่วโลก รวมทั้งจะฉายผ่านช่อง Discovery ด้วย
ประเด็นสำคัญต้องการนำความงามทั้งหมดของเมืองไทยไปนำเสนอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยขมวดปมสุดท้ายเรื่อง “ความงาม” เหล่านี้มีความเปราะบาง แต่จะทำอย่างไรให้ความงดงามคงอยู่ตลอดไป ทางเดียวก็คือนักท่องเที่ยวจะต้องมีทัศนคติในการเดินทางใหม่ทั้งหมด โดยเดินทางอย่างรับผิดชอบ ซึ่ง ททท.เองเคยมีคอนเซ็ปต์ให้คนทุกกลุ่มเดินทางโดยเก็บมาเพียงภาพถ่าย ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า
ซึ่งภาพยนตร์สารคดี THE SEASON ต้องการสื่อความหมายอันลึกซึ้งเหล่านี้ออกมาให้ได้ ประเด็นสำคัญคือเมืองไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้ทรัพยากรธรรมชาติปีละไม่ต่ำกว่า 38 ล้านคน ประเมินคร่าว ๆ เผลอ ๆ ปลายปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาถึง 40 ล้านคน ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หากไม่ได้ชวยกันดูแล ระมัดระวัง การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ด้วยจึงน่าจะเกิดปัญหาตามมามากกว่าเกิดผล
ดังนั้น ททท.จึงใช้โอกาสในเวทีมหกรรมงาน ITB 2019 ต้องส่งสัญญาณล่วงหน้าไปก่อน แล้วเดินหน้าแผนการณรงค์ปลุกจิตสำนึกนักท่องเที่ยวด้วยภาพยนตร์สารคดีปรากฎอยู่ในช่องสำคัญ ๆ อย่าง Discovery เผยแพร่อย่างกว้างขวางทั้ง offline online เพราะ THE SEASON จะสะท้อนสู่คนไทยนึกไม่ถึงว่าจะมีความงดงามเหล่านี้อยู่จริง และถึงเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันรักษาไว้ให้ตราบนานเท่านาน
สำหรับการนำเสนอพื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์สารคดี THE SEASON ทั้ง 14 ตอน จะเน้นพื้นที่ “เมืองรอง” เช่น ป่าฮาลาบารา นราธิวาส หรือทะเลหมอก จ.แม่ฮ่องสอน หินสามวาฬ จ.บึงกาฬ และความงดงามในเมืองชายทะเลอันดามัน กระบี่ ระนอง ซึ่งมีเทคนิคการถ่ายทำละเอียดอ่อน เพราะต้องบันทึกเสียงธรรมชาติของน้ำ นก และอื่น ๆ โดยทีมช่างภาพจะต้องใช้เลนเก็บความงดงามทุกรายละเอียดโดยแทบจะไม่มีเสียงพากษ์ใด ๆ
ขณะเดียวกันก็ต้องบันทึกไว้ซึ่งเสียงของสายลม ใบไม้พลิ้วไหว เสียงปลากระโดดทวนน้ำ ทุกอย่างเป็นความลงตัวมาก ผลงานภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวชุดนี้จึงเป็นอีกก้าวของการทำงานสื่อสารการตลาด ฉีกแนวการท่องเที่ยวของ ททท.สู่เส้นทางสายใหม่ โดยไม่ได้เน้นการปรุงแต่งโฆษณาแต่เป็นการนำเสนอธรรมชาติจริง ๆ ของประเทศไทยสู่สายตาสังคมโลก
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์มอบความสุขตรุษจีน8ไฮไลต์-17ก.พ.นี้
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำทีมผู้บริหารมอบความสุขอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการจัดงาน “KING POWER CHINESS NEW YEAR 2019 THE BLISSFUL HARMONY-สำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง รุ่งโรจน์รับปีใหม่จีน” ระหว่างวันนี้- 17 กุมภาพันธ์ 2562 เปิดให้ชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00 – 21.00 น. โดยได้เนรมิตพื้นที่บริเวณลานแสดงกลางแจ้ง ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ออกแบบให้แม่เหล็กดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวจีน และนานาชาติ รวมไว้ให้ตื่นตาตื่นใจถึง 8 ไฮไลต์ด้วยกัน
ไฮไลต์แรก “การจำลองโรงเตี๊ยมหรือหมู่บ้านวัฒนธรรมจีน” สีแดงสดใสเสริมสิริมงคล เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม ชิม แชะ แชร์ภาพสุขสำราญและความบูรณ์ความสุขส่งต่อไปครอบครัวและคนอื่น ๆ
ไฮไลต์ที่ 2 คัดสรร 50 ร้านอาหารดังสุดยอดความอร่อย มาไว้ในงานมีอาหารหลากสไตล์ทั้งเมนูไทย จีนต้นตำรับ และอื่น ๆ พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิด แบ่งเป็น 3 โซน ทั้งอาหาร ขนมหวาน และสินค้ามงคล ในบรรยากาศไชนิสมาร์เก็ต มีให้เลือกชิมอาหารเด็ด ๆ อาทิ โอวกี่หมูสะเต๊ะ ยู้ลูกชิ้นปลาเยาวราช หอยทอดชาวเล นายเฉียเกาลัดเยาวราช ข้าวขาหมูตรอกซุงบางรัก กุยช่ายตลาดพลู ไอติมไข่แข็งเซ็นต์หลุยส์ หวานพอดีเชียงใหม่ขนมหวาน
ไฮไลต์ที่ 3 เลือกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความมงคลตามความเชื่อและเทรนด์ ซึ่งนำมาร้อยเรียงเป็นเครื่องประดับยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยเฉพาะร้านยอดนิยมโดนใจนักช้อปกลุ่มตลาดเจนวาย อย่างร้าน LEILA AMULETS และสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ จากร้าน Andre Jade Accessories, Aclaire Stingray Jewelry, ISSUE มาให้เลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลิน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงานทุกคน
ไฮไลต์ที่ 4 นำการแสดงวัฒนธรรมจีนที่มีความหลากหลายมาจัดแสดงเผยแพร่ ให้ผู้ชมทุกวัยได้สัมผัสประสบการณ์อันดีงามผ่านเรื่องราวบนเวทีขนาดใหญ่ ในแต่ละวันจะมีชุดการแสดงหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาให้ชมอย่างอลังการทุกวัน
ไฮไลต์ที่ 5 จัดแคมเปญกระตุ้นการช้อปในร้านดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ ทั่วไทย จุดหมายแห่งไลฟ์สไตล์ที่เป็นมากกว่าดิวตี้ฟรี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Explore Endlessly – การค้นพบไม่มีวันสิ้นสุด ภายในงานจะได้พบกับความสนุกในทุก ๆ การช้อปปิ้ง กับคิง เพาเวอร์ ทั้งที่ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต เมื่อซื้อครบ 10,000 บาทสุทธิ รับทันทีส่วนลด 1,000 บาท และเมื่อซื้อสินค้าครบ 20,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลดมูลค่า 2,000 บาท เพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้า 4,000 บาทขึ้นไป โดยจำกัดสิทธิ์วันละ 1 สิทธิ์/ ใบเสร็จ/ คน และอื่นๆ อีกมากมาย
ไฮไลต์ที่ 6 พบกับความพิเศษล่าสุดในบริเวณพื้นที่ คราวน์ เอเทรียม ของคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้จัด Pop-up Shop สุดเอ็กคลูซีฟของเครื่องสำอาง Lancome ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึง 10 มีนาคม 2562 โดยได้เนรมิตพื้นที่ให้สวยงามวิจิตรตระการตา โดดเด่นด้วยการนำโคมไฟระย้าขนาดยักษ์มาตั้งตระหง่านกลางโดม ผสานกับการนำไฟกราฟฟิกสีสันสวยงามมาเล่นระดับ สร้างความตื่นตาตื่นใจ รวมถึงการตกแต่งประดับประดาด้วยโทนสีแดงสด แสดงถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย และมีอำนาจเรืองรอง พร้อมให้นักเดินทางขาช้อปแวะมาเช็คอินถ่ายรูปกันอย่างจุใจ อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมสนุกอย่างเต็มอิ่ม
ไฮไลต์ที่ 7 พบกับนิทรรศการที่ได้รวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับเทพเจ้าจีนแต่ละองค์ ล้วนแล้วแต่มีความหมายทรงคุณค่า ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนทั่วโลก
ไฮไลต์ที่ 8 อัญเชิญเทพเจ้าแห่งความเป็นสิริมงคลมาให้สักการะขอพร เช่น พระโพธิสัตว์กวนอิม (ช่วยสรรพสัตว์พ้นทุกข์) เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย (เงินตรา) พระสังกัจจายน์ - พระอสีติมหาสาวก (โชคลาภ) เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย (ร่มเย็นเป็นสุข) และเทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย (ปกป้องอภิบาลและปราบปรามศัตรู)
ตลอดการจัดงาน “KING POWER CHINESS NEW YEAR 2019 THE BLISSFUL HARMONY-สำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง รุ่งโรจน์รับปีใหม่จีน” ระหว่างวันนี้-17 กุมภาพันธ์ 2562 ลูกค้าสามารถนำใบเสร็จที่มียอดครบ 800 บาท แลกรับสร้อยข้อมือหินปี่เซียะ จำนวนจำกัด 200 ชิ้นต่อวัน หรือนำใบเสร็จที่มียอดครบ 3,000 บาท มาร่วมถ่ายภาพสไตล์ย้อนยุค พร้อมเครื่องแต่งกายในแบบจีนราชวงศ์ชิง และร่วมสนุกกับเกมตามหาคำมงคลจีน ที่มาให้ตามล่าถึง 8 ตัวอักษร แล้วรับสิทธิ์ถ่ายรูปสวยๆ ฟรี
“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายทำให้งาน “KING POWER CHINESS NEW YEAR 2019 THE BLISSFUL HARMONY-สำราญความสุข สมบูรณ์เงินทอง รุ่งโรจน์รับปีใหม่จีน” ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและจีนเข้ามาใช้จ่ายเงินอย่างมีความสุข ทำให้เศรษฐกิจของไทยคึกคักตั้งแต่ช่วงต้นปี อีกทั้งยังจะได้นำเสนอถึงศักยภาพของการมหกรรมทางวัฒนธรรมโดยใช้ลานกลางแจ้ง ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เนรมิตให้กลายเป็นสถานที่จัดอีเวนต์ทางวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับเทศกาลสำคัญ เพื่อเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวนานาชาติได้รู้จักความโดดเด่นของประเทศไทยในมุมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของเอกชนไทยที่ช่วยองค์กรรัฐอีกช่องทางกระตุ้นนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ กระจายถึงมือคนไทยในหลากหลายอาชีพได้รับประโยชน์ร่วมกัน
ทั้งนี้ในพิธีเปิดงาน “คิง เพาเวอร์ ไชนิส นิวเยียร์ 2019 เดอะ บลิสส์ฟูล ฮาร์โมนี” เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้นำโชว์สุดพิเศษโดยมีไฮไลต์โชว์จาก “ใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่” ในชุดการแสดง “Welcome to King Power Chinese New Year 2019 The Blissful Harmony” รับบทบาทของเจ้าเมืองผู้เลอโฉมออกต้อนรับผู้เข้าร่วมชมงานและนักท่องเที่ยว เข้าสู่บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองของอาณาจักร คิง เพาเวอร์ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวการต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข ด้วยการแสดงประกอบน้ำพุสุดอลังการ
และยังจัดให้ชมการแสดง “เปลี่ยนหน้ากากจีน” ที่นำศาสตร์การแสดงมาผสมกับมายากลจากสถาบันส่งเสริมศิลปะการแสดงจีน ตื่นตาไปกับโชว์เชิดหุ่นละครเล็กในชุด “ระบำเจ็ดนางฟ้าและการเชิดมังกร จากโรงละครอักษรา” ด้วยท่วงท่าร่ายรำอันอ่อนช้อย พลิ้วไหว ประทับใจไม่รู้ลืม การแสดง“เชิดสิงโต LED 8 ตัว” ผ่านรูปแบบกายกรรมที่อัดแน่นด้วยแสง สี เสียง ตระการตาให้ผู้มาเยือนได้รับชมอย่างจุใจ ระหว่างวันนี้ -17 กุมภาพันธ์ 2562 สามารถแวะเข้าสัมผัสความสุขตลอดตรุษจีนได้ที่ ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ตลอดทุกวัน
ข่าวที่ 2 “ททท.นำไทยคว้าแชมป์แกะหิมะ8ปีดูดทัวร์ญี่ปุ่น2ล้านคน”
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำทีมแกะสสักหิมะไทย คว้าแชมป์แกะสลักหิมะเป็นปีที่ 8 ในการเข้าร่วมงาน “International Snow Sculpture ครั้งที่ 46” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้เทศกาลหิมะรายการใหญ่ที่สุด“Sapporo Snow Festival ครั้งที่ 70” ณ เมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งจากญี่ปุ่นและทั่วโลกเข้าชมงานกว่า 2 ล้านคน
จึงพร้อมใช้เวทีนี้สร้างชื่อเสียงจากผลงานความสำเร็จเชิญชวนชาวญี่ปุ่นหลั่งไหลเข้าเที่ยวเมืองไทยตามเป้าภายในปี 2563 จะต้องได้มากถึงปีละ 2 ล้านคนขึ้นไป ปี 2562 ประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยมีผู้ได้รับรางวัล 3 อันดับแรก ได้แก่ ตัวแทนจากประเทศไทย มาเก๊า และสาธารณรัฐประชาชนจีน จะได้รับโอกาสให้จัดแสดงอยู่ใน สวนสาธารณะโอโดริ ไปจนถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562
นายกฤษณะ แก้วธำรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ททท. กล่าวว่า ผลงานการแกะหิมะที่คว้าแชมป์ ปี 2562 โดยได้นำเสนอประติกรรมชิ้นเอกเป็น “ปลากัด (Betta Brilliance - The Beauty and Strength of Thailand)” ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2561 สร้างเอกลักษณ์ทั้งด้านความสง่างาม ความนุ่มนวล อยู่คู่กับสังคมไทยมากว่า 200 ปี รวมถึงเป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับสายน้ำได้อย่างชัดเจน
สำหรับตัวแทนนักแกะสลักของไทยที่ลงสนามแข่งโชว์ฝีมือครั้งนี้ ประกอบด้วย นายกุศล บุญกอบส่งเสริม จากโรงแรมแชง-กรีล่า นายอำนวยศักดิ์ ศรีสุข จากโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และนายกฤษณะ วงศ์เทศ นักแกะสลักอิสระ
ข่าวที่ 3 “ททท.ระยองบูมMore Funแต่งงานปู14-16ก.พ.นี้”
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง รายงาน เตรียมสร้างความฮือฮาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ด้วยการจัดไฮไลต์ More Fun ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ จะจัด “พิธีแต่งงานปู” 3 วัน 3 คืน ระหว่าง 14-16 กุมภาพันธ์ 2562 ณ สะพานรักษ์แสม อ.แกลง จ.ระยอง โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปร่วมเป็นสักขีพยานรัก (ษ์) ให้บรรดาคู่รักปูตัวน้อย ร่วมปล่อยปูคืนทะเล เป็นกิจกรรมซีเอสอาร์สร้างประโยชน์คืนสู่ธรรมชาติแบบครบวงจรควบคู่กับยังปลุกจิตสำนึกท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
โดยมีบริการรถรางนำเที่ยวฟรีตลอด 3 วัน ช่วง 09.00-16.00 น.เส้นทาง จุดขึ้นรถสะพานรักษ์แสม--มหาลัยบ้านนอก-สวนคุณพิชัย ในการทำ 3 กิจกรรม ได้แก่
1.ทำซั้งเชือกบ้านให้ปลาน้อยกับกลุ่มประมงนักอนุรักษ์ ประมงพื้นบ้านเนินฆ้อ และร่วมปล่อยปูที่สะพานรักษ์แสม 2.ทำอาหารเพื่อสุขภาพ โดยชาวบ้านเกษตรกรบ้านจำรุง 3.ชมสวนคุณพิชัยและสนุกกับกิจกรรมเขี่ยดอกสละ (ผสมพันธุ์เกสรดอกสละ)
และนำเสนอแหล่งท่องเที่ยว Pre Wedding ปลุกกระแสเชื่อมโยงการท่องเที่ยว 10 แห่ง ได้แก่ 1. ทุ่งโปรงทอง 2. จุดชมวิวท้ายเกาะเสม็ด 3. Rayong Smile Plants ห้ามพลาดจุดถ่ายรูปต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงรูปหัวใจ เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ 4. ถนนยมจินดา 5 สะพานรักษ์แสม 6. สวนพฤกษศาสตร์ ห้ามพลาดจุดถ่ายรูปบริเวณป่าเสม็ดพันปี (โทรล่วงหน้า 084-333-3926) 7. อ่างเก็บน้ำดอกกราย 8. หอชมวิวเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง 9. ลานหินขาว หาดแม่รำพึง 10. จุดชมวิวภายในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038-653-034
พร้อมทั้งคัดสรร 10 “กิจกรรมเติมรักให้กันที่ระยอง” ได้แก่ 1. เขี่ยดอกสละ ผสมเกสรตัวผู้กับตัวเมีย ทำให้มีลูกผลสร้างครอบครัวสมบูรณ์ ที่ สวนคุณพิชัย และสวนยายดา-เจ๊บุญชื่น 2. สานเสื่อกระจูด... ถักทอร้อยเรียงกระจูดแต่ละเส้นให้รวมเป็นหนึ่ง 3. ล่องเรือชมป่าเสม็ดพันปี ณ สวนพฤษศาสตร์ระยอง ให้รักยืนยาว 4. จับมือกันข้ามสะพานรักษ์แสม ทำให้รักมั่นคงเสมอต้นเสมอปลาย
5. ทำซั้งเชือกบ้านปลา ร่วมอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำให้อุดมสมบูรณ์ เสมือนการสร้างบ้านให้รากฐานชีวิตมั่นคง 6. ปล่อยปูแสมและปูดำ 7. ล่องเรือชมวิวปากน้ำระยอง 8. ทำเสื้อมัดย้อมโคลนทะเล 9. ทานอาหารที่ร้านอาหารวาสนา 10. ชิมเมนูผักกระชับ...กระชับรักให้แน่นแฟ้น
ข่าวที่ 4 “บางจากปลุกใช้ใหญ่ใช้B20ถูกกว่าดีเซล5บาท/ลิตร”
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมสนับสนุนนโยบายกระทรวงพลังงาน จำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 เชิญชวนให้ลูกค้ากลุ่มรถขนส่งขนาดใหญ่ตามรุ่นที่กรมธุรกิจพลังงานประกาศ ให้เข้ามาเติมน้ำในสถานีบริการตามโครงการ “ B20 เพื่อรถใหญ่ ลดฝุ่น ประหยัดเงิน” ในราคาประหยัดกว่าดีเซลปกติลิตรละ 5 บาท ระหว่างวันนี้-28 กุมภาพันธ์ 2562 ช่วยลดมลภาวะฝุ่นควัน และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่อยู่ในภาวะล้นตลาดและราคาตกต่ำ
ระยะแรกเปิดจำหน่ายรอบกรุงเทพฯ ปริมณฑล โดยเฉพาะพื้นที่วิกฤติฝุ่นควัน ก่อนทยอยขยายจำหน่ายไปทั่วประเทศ ตามเป้าหมายปีนี้จะขายให้ได้ 15 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันมียอดใช้อยู่ประมาณ 5 ล้านลิตร ระยะแรก บมจ.บางจาก ได้เริ่มจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 นำร่อง 5 สาขา ในพื้นที่วิกฤติฝุ่นควันในเขตรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ พระราม 2 (นาโคก) เพชรเกษม (วังมะนาว) เทพารักษ์ กม.11 บางบัวทอง และแก่งคอย โดยมีแผนจะขยายการจำหน่ายไปทั่วประเทศต่อไป ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันดังกล่าวได้รับการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ข่าวที่ 6 “มูลนิธิปิดทองชูทัวร์ชุมชนโป่งลึก-บางกลอย5กลุ่ม”
มูลนิธิและสถาบันปิดทองหลังพระฯ เดินหน้าปี’62 เปิดแนวรุกสร้าง “5 กลุ่ม” พัฒนาจุดแข็ง “ท่องเที่ยวชุมชนโป่งลึก-บางกลอย” พลิกความเป็นอยู่ชาวปกาเกอะญอ บนยอดแก่งกระจาน นายผดุงศักดิ์ เบญจศีล หัวหน้างานพื้นที่ มูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ เปิดเผยว่าในการเข้ามาพัฒนาชุมชน “โครงการแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ บ้านโป่งลึก-บางกลอย” ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้เข้าพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2555 ร่วมกับทางอำเภอแก่งกระจานและจังหวัดเพชรบุรี พัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวปกากะญอ
โดยนำร่องถ่ายทอดความรู้การเพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ภายใต้ระเบียบปฏิบัติของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รูปแบบการสร้างบ้าน การเลี้ยงสัตว์ใหญ่ไม่ได้ เนื่องจากล่อแหลมต่อผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเรื่องสารเคมีตั้งเป้าหมายการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ กฎหมายกับความต้องการของคนในพื้นที่สอดคล้องกัน ระยะเริ่มต้นเข้ามานำร่องปลูกข้าวแต่ต้องใช้น้ำปริมาณมาก จึงต้องหันไปปลูกป่ากล้วยน้ำว้าและกล้วยอื่น ๆ สามารถแปรรูปสร้างอาชีพทำรายได้เข้าชุมชนได้เป็นกอบกำ และพืชสวน มีทั้งทุเรียน กาแฟ
โดยมีแกนนำในพื้นที่อย่าง “คุณจินดารัตน์ คำเวียง กรรมการองค์การบริหารส่วนตำบลบางกลอย ซึ่งใช้ต้นทุนดั้งเดิมทางธรรมชาติที่พ่อแม่ชาวปกากะญอสั่งสมไว้ให้ผสมผสานเข้ากับองค์ความรู้ที่ทางมูลนิธิและสถาบันปิดทองหลังพระฯ จากการฝึกอบรม จึงเป็นตัวอย่างความสำเร็จให้แก่ชุมชนทางด้านการปลูกพืชเศรษฐกิจทั้ง 2 ชนิด ผสมผสานเข้ากับไม้อื่น ๆ เช่น ป่าไผ่
อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานการเกษตร อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ภายใต้หน่วยงานหลักคือ โรงเรียน ตชด.กสน. ระดมกันเข้ามาช่วยพัฒนาทำงานเป็นทีมในชุมชนบ้านโป่งลึก-บางกลอย ทำให้เกิดการทำกิจกรรมต่อเนื่องควบคู่กับความรู้ต่าง ๆ ทาง กสน.ให้ความรู้กับกลุ่มแม่บ้านแปรรูปกาแฟ ทำสร้อยข้อมือ สร้างความตื่นตัวให้ชาวบ้านมากขึ้น เพราะมีรายได้เข้ามาเป็นรูปธรรม แล้วยังมีศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงฝึกอบรมภายใต้ “โครงการวิจัยและพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในชุมชนปะกาเกอะญอ บ้านโป่งลึก-บางกลอย เพชรบุรี บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ระยะนำร่อง 2 ปี ระหว่างปี 2561-2562
ปัจจุบันอยู่ในช่วง “การฟื้นฟูตนเอง” ตั้งกลุ่มที่มีทักษะความสามารถแตกต่างกันไปนำมาพัฒนาอย่างจริงจัง เช่น เครื่องจักรสานดั้งเดิมของปะกาเกอะญอ เป็นสินค้าที่มีมูลค่าทางวัฒนธรรม สำหรับกลุ่มหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นคือ
กลุ่มแรก “กลุ่มแม่บ้าน” เป็นแกนนำเชื่อมโยงผลผลิตในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น “กล้วย กาแฟ” 2 ชนิด โดยซื้อผลผลิตจากชาวบ้านมาแปรรูปแล้วหาตลาดกลางเข้าไปรับซื้อ เช่น ร้านกาแฟอะเมซอน กับโรงเรียน ตดช.
กลุ่มที่ 2 “กลุ่มวัฒนธรรม” มีความชัดเจนด้านการแสดง ร้องเพลง จัดให้นักท่องเที่ยวได้ชม ซึ่งเดิมได้ถ่ายทอดจากปู่ย่าตายายสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน โดยได้รับการแนะนำจากอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้นำเสนอแก่นักท่องเที่ยวซึ่งเสียงเพลงและดนตรีมีความละเอียดและความหมายลึกซึ้งมาก
กลุ่มที่ 3 “กลุ่มล่องแพ” มีสมาชิกกว่า 40 ราย ช่วยกันคิดค้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำเพชรบุรีตามความเชื่อของท้องถิ่น ซึ่งใช้น้ำดื่มกิน เพาะปลูกทำการเกษตรทั้งหมด ชาวบ้านมีความเชื่อสูงมาก จึงให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสแม่น้ำเพชรด้วยการล่องแพท่องเที่ยววิถีชีวิต เริ่มเปิดบริการ 15 เดือน เป็นแหล่งล่องแพที่น่าสนใจ
กลุ่มที่ 4 “กลุ่มกางเต็นท์” ชาวบ้านนำเต็นท์มาไว้เป็นกองกางบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กจ.10 รองรับนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ชุด แล้วชาวบ้านก็มาต่อยอด ทำหมอน จากเสื้อผ้าที่มีผู้คนนำมาบริจาคเป็นจำนวนมากแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ด้วยการประยุกต์เป็นหมอนและที่นอนพักค้างในเต็นท์
กลุ่มที่ 5 “กลุ่มแปรรูป” อย่างกล้วยตาก และผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น ที่สร้างอาชีพ ทำให้หลายครอบครัวมีอาชีพทำกิน อีกทั้งไม่ต้องลงพื้นราบไปหารายได้ แต่ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่กับครอบครัวมีความสุขเพิ่มขึ้นจากรายได้เสริมจากการท่องเที่ยวชุมชน
ช่วงที่ 2 ออกไปเที่ยวแหล่งใหม่ใน “ชุมชนท่าทราย” อ.เมือง จ.นครนายก บุกสวนมะดันทัวร์เกษตรครบวงจร สนุกกับ 5 More Fun เทรนด์ใหม่มาแรง แล้วหันมาใส่ใจ “6พฤติกรรมเสี่ยงสร้างผลเสียต่อสุขภาพ” และข่าวฮ็อต “สุวรรณภูมิ” จ่อซ่อมรันเวย์ 4 ปี 3 เฟส เลี่ยงช่วงสงกรานต์ปี62 “TCEBกอดคอการบินไทยสิงคโปร์” รวมพลังเจาะตลาดไมซ์คนรวย 4ประเทศเข้าไทย “บีทีเอส” เร่งผู้ใช้ทั้งไทยและเทศแสดงตัวตนการถือบัตรแรบบิทก่อนรูดเริ่ม 15 ก.พ.62
@ทัวร์เทรนด์ใหม่สวนมะดันชุมชนท่าทรายนครนายก
ตอนนี้การท่องเที่ยวใกล้กรุงในเมืองรองเปิดใหม่มีความเท่เก๋ไก๋มานำเสนอกันอยู่ตลอดเวลา ทริปนี้จะชวนไปยัง “ชุมชนท่าทราย” ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เปิดสวนต้อนรับทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึงบ่าย 3 โมง นักท่องเที่ยวจะต้องทึ่งกับอาชีพของทั้งตำบลพากันหันมา “ปลูกมะดันกัน” นำร่องพัฒนาเมื่อปี 2558 ในพื้นที่รวมประมาณ 300-400 ไร่ แต่ละปีจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่า 1 ตัน ช่วงมีปริมาณมะดันดกออกจำนวนมากคือช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ของทุกปี
แต่แทนที่ชาวบ้านจะนำมะดันมาทำเป็นผลิตภัณฑ์แช่อิ่ม ดอง อบแห้ง เหมือนตลาดทั่ว ๆ ไป ชาวท่าทรายกลับคิดต่างโดยใส่นวัตกรรมสร้างความแปลกใหม่ 3 โปรดักซ์ ที่กำลังได้รับความนิยมทั้งเครื่องดื่ม อาหาร แปลกแตกต่างสร้างความฮือฮาแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยี่ยมชม
เริ่มจากเครื่องดื่ม นางเอกของผลิตภัณฑ์ คือ “น้ำผลไม้คั้นสด” บรรจุขวด รสชาติเข้มข้นเปรี้ยวหวานเค็มแบบลงตัว ขนาดขวดละ 250 ซีซี ราคา 35 บาท “แยมมะดัน” ทันทีที่ลิ้นสัมผัสรสบอกได้เลยว่าอร่อยไม่แพ้แยมผลไม้ต่างชาติ ตอนนี้กำลังก้าวไปขั้นที่จะพัฒนาทำ “ไวน์มะดัน”
ส่วนอาหารคาว ก็มี “ไข่เค็มมะดัน” ผสมผสานความหอมของกลิ่นใบเตยลงไป ทำให้ไข่เค็มของชาวท่าทรายกลายเป็นไข่สีเขียวรสชาติได้ความเปรี้ยวของมะดันไปตัดความเค็ม อร่อยไปอีกแบบ ทำราคาขายได้ดีถึงฟองละ 8 บาท สำหรับพระเอกต้องยก “น้ำจิ้มมะดันซีฟู้ด” รสแซ่บ เป็นชุมชนนำร่องผลิตส่งขายแห่งเดียวในประเทศไทย บรรจุขายเป็นของฝาก ขนาดพกพาง่ายขวดละ 110 กรัม ราคาเพียง 35 บาท เรียกได้ว่าเป็นชุนชวนสวนมะดันน้องใหม่มาแรง นักท่องเที่ยวทยอยเข้าไปชมได้ทุกวัน
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชุมชนท่าทราย บริเวณหมู่ 4 ยังได้เปิดเป็นพื้นที่ทำโครงการแปลงทดลอง “เกษตรอินทรีย์” มีสวนผลไม้ขึ้นชื่อให้ท่องเที่ยวสลับกันไปได้ด้วย คือ สวนกล้วย สวนมะยงชิด ไร่ฟักทอง ส่วนเส้นทางท่องเที่ยวภายในชุมชนท่าทราย ตั้งกระจายอยู่รอบ ๆ มีความหลากหลายมุมใหม่ 3 เส้นทาง
เส้นทางแรก “บ้านเก่า 100 ปี-ก๋งยี่” เป็นบ้านตั้งอยู่ใจกลางวัดพุทธกับโบสต์คริสต์
เส้นทางที่ 2 “ล่องเรือชมแม่น้ำนครนายก” จะมีไกด์ชุมชนนำชมเส้นทางตามรอยเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ 5
เส้นทางที่ 3 “สวนเกษตรอินทรีย์ GIP” มะยงชิด กล้วย สวนบัวสวรรค์ ทุเรียน มะม่วง ส้มโอ ไฮไลต์มีบริการโฮมสเตย์เปิดให้นักท่องเที่ยวพักค้างคืนกลางสวนผลไม้ได้ โดยชาวบ้านหมู่ 7 นำบ้าน 12 หลัง กับ หมู่ 1 อีก 20 หลัง ประยุกต์ทำเป็นที่พักเก๋ ๆ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ในชุมชนมาทำงานในกรุงเทพฯ แล้วเห็นความแปลกใหม่จึงนำไปปรับบ้านเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้เสริมให้คนหมู่บ้านมีความเป็นอยู่ดีขึ้น รวม ๆ แล้วสมาชิกวิสาหกิจชุมชนท่าทรายแต่ละครอบครัวจะมีรายได้จากการขายผลผลิตและการท่องเที่ยวเฉลี่ยครอบครัวละ 1 แสนบาท/ปี
การไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยว “ชุมชนท่าทราย” นักท่องเที่ยวสามารถเลือกตามความชอบได้อีกอย่างน้อย 5 More Fun
More Fun 1 ตื่นตากับ “สวนมะดันและสวนเกษตรผสมผสาน” ทั้งตำบล 300-400 ไร่ พร้อมใจกันหันมาปลูกมะดันทำเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว และมีร้านกาแฟชิค ๆ “บ้านสวน” ของ 9 พี่น้องรวมตัวกันเปิดร้านบริการนักท่องเที่ยวมีทั้งกาแฟ และอาหาร อร่อย ๆ ให้รับประทาน ไฮไลต์ คือ เมี่ยงคำมะดัน ข้าวยำมะดัน และผลิตภัณฑ์มะดันที่สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู
More Fun 2 ชม “วัดโรงหิน” ซึ่งมีโบสถ์มอญแปลกแตกต่างจากวัดทั่วไปเพราะไม่มีใบระกา แวะสักการะ “หลวงพ่อบาง” ความศักดิ์สิทธิ์นั้นมีตำนานคล้ายหลวงพ่อโสธร
More Fun 3 “วัดคริสต์ประจักษ์บ้านเล่า” มีเรื่องราวดึงดูดความสนใจในบริเวณแห่งนี้จะมีวัดพุทธตั้งอยู่ติดกับโบสถ์คริส” ตามประวัติศาสตร์บรรพบุรุษได้สร้างวัดและโบสถ์ไว้ให้ลูกหลานเคารพ ศรัทธา หลอมรวมความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน
More Fun 4 ตลุยชม “กลุ่มสาธิตการแปรรูปมะดัน” แต่ละวันสมาชิกในชุมชนจะนำมะดันสดจากสวนมาส่งเพื่อให้ทางศูนย์วิสาหกิจชุมชนนำเข้ากระบวนแปรรูป จนกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานของหลายจังหวัดหรือจากพื้นที่ใกล้เคียงที่มีชุมชนในจังหวัดสระแก้วเดินทางมาดูงาน
More Fun 5 บุก “แปลงนาปลูกข้าวไร่เบอรี่ปลอดสาร” ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าเมืองรองใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถเพียงชั่วโมงเศษก็มีจะได้ทุ่งนาสวยงาม
More Fun 6 ตอนนี้กำลังฟื้นฟู “ชุมชนไทย-ญวน” ดั้งเดิมที่อพยพจากจันทบุรีและสามเสน (กรุงเทพฯ) มาตั้งถิ่นฐานอยู่ตั้งแต่แรก เตรียมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในท่าทราย แล้วดึงความโดดเด่นการทำ “เปลญวน” กำลังมีอาจารย์และทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสอนชาวบ้านรื้อฟื้นวิถีชีวิตดั้งเดิม
นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้และเที่ยวอย่างสนุกสนานครบทุกรสในสไตล์ More Fun ตะวันออก
@เลี่ยง6พฤติกรรมเสี่ยงเกิดผลเสียต่อสุขภาพ
พฤติกรรมที่เคยชินและทำจนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว บางพฤติกรรมส่งผลเสียต่อสุขภาพ บุคลิกภาพ จิตใจ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ลองมาดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้างที่มักทำให้เกิดพฤติกรรมผิด ๆ
1. ตามอย่างสังคม เพื่อนฝูง เช่น สูบบุหรี่ตามเพื่อน เสพติด การไปงานปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนบ่อย ๆ หรือแชทคุยกันจนดึกทำให้นอนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ
2. ค่านิยม บางอย่างในบางสังคมอาจจะขัดแย้งกัน เช่น มีกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่นิยมกินชานมไข่มุกตาม ๆ กันจากรสชาติและกระแสนิยม แต่บางกลุ่มอาจไม่นิยมเพราะรู้สึกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
3. ความเชื่อ บางคนสร้างความเชื่อผิด ๆ ขึ้นมาเพื่อเอาใจร่างกาย เช่น เมื่อรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้ามักดื่มน้ำหวานหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก จนเป็นโรคเบาหวาน หรืออื่น ๆ
4. สิ่งเร้ารอบตัว บางคนตื่นเต้นกับโปรโมชั่นทางการตลาดต่าง ๆ เช่น โปรโมชั่นลดราคาอาหารบุฟเฟต์ ทำให้อดใจไม่ไหวต้องกินบ่อย ๆ หรือติดการดูซีรีย์ ซึ่งทำร้ายสุขภาพได้ง่าย
5. การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ เช่น รีบแล้วหันไปเลือกกินอาหารฟาสต์ฟูดส์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยเป็นประจำ หรือลืมแบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย
6. สร้างอารมณ์ ทางลบต่าง ๆ เช่น ความกลัว ความอาย ความเศร้า ความโกรธ ความรังเกียจ ความรู้สึกผิด เป็นต้น มักส่งผลต่อพฤติกรรมที่ทำขึ้นเพื่อหลีกหนี เก็บกดหรือขัดขวางอารมณ์นั้น ๆ ไม่ให้มีมากขึ้นหรือแสดงออกมา ส่วนอารมณ์ทางบวกนั้นมักเกี่ยวข้องกับการหลั่งของสารสื่อประสาทโดปามีนในสมอง
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “สุวรรณภูมิลั่นซ่อมรันเวย์4ปี3ระยะเลี่ยงสงกรานต์62”
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” กล่าวว่า เตรียมเข้าสู่ช่วงเวลาซ่อมรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพื้นผิวทางวิ่ง ฝั่งตะวันออก (Runway 01R-19L) ทางขับออกด่วน-Rapid Exit Taxiway ต่อเนื่องกัน 4 ปี ระหว่าง 2562 – 2565 แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 1 จะรื้อและซ่อมแซมพื้นผิวทางวิ่งฝั่งตะวันออก ระยะทาง 2,000 เมตร แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก 1 มี.ค.- 15 พ.ค. 2562 ระยะทาง 900 เมตร ช่วงตรงกับเทศกาลเดินทางสงกรานต์ 8 – 19 เม.ย. 2562 จะงดซ่อมชั่วคราว จะได้ไม่กระทบการท่องเที่ยว รวมทั้งได้มีการประสานแจ้งทางอู่ตะเภาทราบถึงแผนเพื่อเป็นข้อมูลเตรียมทำแผนรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจนบางเวลาเที่ยวบินต่าง ๆ อาจจะลงที่สุวรรณภูมิไม่ได้ ช่วงที่ 2 ระหว่าง 8 พ.ย. 2562 – 6 เม.ย. 2563 ระยะทาง 1,100 เมตร
ระยะที่ 2 จะเริ่มมิ.ย.- ต.ค. 2563 เน้นประเมินเพื่อออกแบบปรับปรุงสภาพพื้นผิวและเสริมสร้างความเข็งแรงของโครงสร้างทางวิ่ง
ระยะที่ 3 จะเริ่มต.ค. 2564 – เม.ย. 2565 งานก่อสร้างปรับปรุงสภาพพื้นผิวทางและเสริมความแข็งแรงของทางวิ่งตลอดทั้งเส้น
ข่าวที่สอง “TCEB-บินไทยสิงคโปร์อัดแคมเปญไมซ์เจาะ4ประเทศ”
นางสาวนุช หอมรสสุคนธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กับ นายนิวัตน์ จันทรโชติ ผู้จัดการทั่วไปสิงคโปร์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการ ASEAN MaxiMICE พุ่งเป้ากระตุ้นตลาดท่องเที่ยวเชิงประชุมนิทรรศการ หรือ MICE เจาะกำลังซื้อเติบโตมาแรงเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทย 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และ ฟิลิปปินส์
โดยจะมอบสิทธิพิเศษให้ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ อาทิ ช่องทางพิเศษ เข้าชมการแสดงทางวัฒนธรรม บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS เพิ่มน้ำหนักกระเป๋า สิทธิเลือกที่นั่งแบบกลุ่มในเที่ยวบินเดียวกันของการบินไทย
ข่าวที่สาม “BTSแรบบิทเร่งผู้ถือบัตรต้องลงทะเบียนใช้15ก.พ.62”
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) “ BTSC” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ออกประกาศผู้ให้ถือบัตรบีทีเอสแรบบิทต้องมาลงทะเบียนแสดงตัวตน (Know Your Customer หรือ KYC) ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 บัตรดังกล่าวเข้าข่ายขายผ่านระบบออนไลน์ จึงต้องขอความร่วมมือผู้โดยสารให้นำบัตรแรบบิทพร้อมบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง กรณีที่เป็นชาวต่างชาติ ไปลงทะเบียนด้วยตนเอง เมื่อซื้อหรือเติมมูลค่าเงิน เติมเที่ยว ที่ห้องขายตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และด่วนพิเศษ (BRT) ทุกสถานี หรือศูนย์บริการแรบบิทตรงสถานีสยาม
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0
เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน คอลัมนิสต์และผู้ดำเนินรายการ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น