ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.งัดกลยุทธ์ลงทุนสื่อโฆษณาเทรนด์ใหม่ฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวปีฉลู ติดอาวุธ4สินค้าท่องเที่ยวมาแรงทะลวงเจาะตลาดเป้าหมาย2แบบ6กลุ่ม

 ททท.งัดกลยุทธ์ลงทุนสื่อโฆษณาเทรนด์ใหม่ฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวปีฉลู

ติดอาวุธ4สินค้าท่องเที่ยวมาแรงทะลวงเจาะตลาดเป้าหมาย2แบบ6กลุ่ม

พลังคิงเพาเวอร์มอบผ้าห่มกันหนาวโรงพยาบาลน่านช่วยผู้ป่วยขาดแคลน

คิงเพาเวอร์”คืนความสุข22สมาชิกผู้โชคดีร่วมล่องเรือเที่ยวรับพรทั่วกรุง

ททท.-ตร.กองปราบลุยปี64เอาผิดโรงแรม/ร้านอาหารโกงเราเที่ยวด้วยกัน

คลังยัน“ททท.จ่อเสนอ ครม.”เห็นชอบขยายเราเที่ยวด้วยกันถึง31ต.ค.64

เลือกท่องเที่ยวธรรมชาติสวนสาธารณะวิถีใหม่อย่างปลอดภัยในกรุง3สไตล์

กรมอนามัยแนะใช้4ข้อสั่งอาหารเดลิเวอรี่ถึงบ้านปลอดภัยห่างไกลโควิด-19

โรงแรมแกรนด์ไฮแอทกรุงเทพงัดขายบัตรกำนัลลดหนัก25%ถึง31มี.ค.64

โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ฉลองปีฉลูขายบุฟเฟต์3in1แค่750บาทตลอดม.ค.64

“หนีกรุง-PPTV36”เริ่มแล้ว“ONE PIC BIG DREAM 3”สนุกทุกพุธ4ทุ่มครึ่ง

 

นายนิธี สีแพร

ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #savetourismthailand  #เที่ยวเมืองไทยช่วยชาติปลอดภัย  

ช่วงที่ 1 ติดตามกลยุทธ์พลิกฟื้นโฆษณาประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวทั้งประเทศกับ “นิธี สีแพร” ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแผนใช้พลัง “สื่อออนไลน์-โซเชียล” เต็มรูปแบบทั้ง facebook, instagram, twitter, tiktok, youtube ติดอาวุธแคมเปญรณรงค์ท่องเที่ยวในประเทศ 4 วิถีใหม่ “เที่ยวไทยลดความเสี่ยงโควิด-คัดสินค้าสุขภาพ/ กีฬา/สร้างสรรค์-ใส่องค์ความรู้-โหมจิตสำนึกรับผิดชอบ” บุกใส่เป้าหมายกำลังซื้อสูง 2 แบบ 6 กลุ่มหลัก แบบเจาะตามเพศวัย 2 กลุ่ม “มิลเลนเนียล-ครอบครัว” รุกตามพื้นที่ 4 กลุ่ม “กรุงเทพฯ-หัวเมืองใหญ่-คนเคยเที่ยวนอก-ต่างชาติพำนักในไทย”

นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การวางกลยุทธ์ผลิตสื่อขับเคลื่อนการโฆษณาประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2564 ตั้งเป้าให้สอดคล้องกับแผนใหญ่ของ ททท.ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกับประเมินการให้น้ำหนักความสำคัญ เนื่องจากตลาดต่างประเทศนั้นไทยยังอยู่ในช่วงล็อกดาวน์รวมถึงยังมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ด้วย

ดังนั้น ททท.จึงพุ่งเป้าจัดลำดับความสำคัญ เรื่องแรก  “ตลาดในประเทศ” ก่อนหน้านี้เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวตามฤดูกาล หน้าหนาว-ชวนดูวิวทิวทัศน์ พอสถานการณ์เปลี่ยนไปมีการระบาดรอบใหม่ จึงหันไปเน้นโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิงการรณรงค์ให้ผู้คนช่วยกัน “ป้องกันดูแล” ตนเอง ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ป้องกันกลุ่มเสี่ยง

เมื่อภาครัฐออกประกาศ “ห้ามการเดินทางข้ามจังหวัด” ททท.ก็ให้ความสำคัญต่อเนื่อง ด้วยการ “สื่อสารข้อมูล” ที่เป็นประโยชน์มากสุด

เรื่องที่ 2 ภารกิจ ททท.ด้านอื่น ๆ ต้องตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทยังคงทำต่อเนื่องไม่ได้หยุดขับเคลื่อน ไฮไลต์หลัก ๆ คือ การคัดเลือกสินค้าท่องเที่ยวใหม่ ๆ หลายโปรดักต์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ท่องเที่ยวเชิงกีฬา ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันก็มองถึงการจัดอีเวนต์ กิจกรรมต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามวิถีใหม่ New Normal จะต้องไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดรอบใหม่ขึ้นมาอีก อนาคตต้องเป็นเรื่อง “การรักษาระยะห่าง :Social Distancing” และการนำเครื่องมือกับวิธีป้องกันอีกหลายรูปแบบมาใช้อย่างเต็มที่

เรื่องที่ 3 การนำองค์ความรู้ต่าง ๆ ด้านการท่องเที่ยว ซึ่ง ททท.สั่งสมมายาวนานกว่า 60 ปี พัฒนาไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งมี TAT Academy เป็นแกนนำ สร้างหลักสูตร Re-Up Skill ทักษะต่าง ๆ ให้ผู้ประกอบการ และบุคลากร ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

เรื่องที่ 4 ปลุกจิตสำนึก “การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ : Responsible Tourism :RT” ช่วงนักท่องเที่ยวหายไปทำให้แหล่งท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวสู่ปกติอีกครั้ง จึงต้องทำให้เกิดการเรียนรู้ว่า เมื่อการท่องเที่ยวเริ่มใหม่อีกครั้งแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ต้องคงความสวยงามแช่นเดิม บทบาทของ ททท.ต้องเร่งกระตุกฉุกคิดให้คนสนใจท่องเที่ยววิถีใหม่ไม่เหมือนเดิม ทำอย่างไรจะดูแลรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม รักษาน้ำใส ๆ ทะเล อย่างพัทยาทะเลใสสวยงามไม่ข้นขุ่นเหมือนก่อน หรือสัตว์ทะเล ฉลาม พะยูน สามารถอยู่ในแหล่งธรรมชาติร่วมกันได้อย่างมีความสุข

อนาคตข้างหน้าเมื่อสถานการณ์ไวรัสโควิดคลี่คลายลง ททท.ได้เตรียมวางแผนจัดทำโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ และในประเทศ ควบคู่กันไป กับการใช้องค์ความรู้สื่อสารถ่ายทอดต่อเนื่องทุกเรื่องราวตามลำดับเหตุการณ์



นายนิธีกล่าวว่า การวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว ต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ตั้งแต่ปีใหม่ 2564 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เริ่มชะลอการเดินทาง หลังใช้เงินหยุดพักผ่อนไปแล้วช่วงส่งท้ายปี จากนี้ก็เป็นระยะต้องทำงานเก็บเงินอีกสักพัก ในจังหวะที่มีไวรัสโควิดระบาดรอบใหม่ กลุ่มที่ 2 ยังมีคนบางกลุ่มตกค้างเพราะวางแผนเดินทางเที่ยวหลังปีใหม่ ก็ชะลอการเดินทางด้วย

ททท.วางกลยุทธ์ใช้ช่วงเวลานี้หันมาเน้นทำแผน “รณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาด” เมื่อรัฐบาลมีนโยบายให้งดเดินทางข้ามจังหวัด พร้อมกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านข้อความที่จะสื่อออกไป ขณะเดียวกันก็จะ “ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม” และทางผู้ว่าการ ททท.ก็ยังคงเดินหน้าช่วยผู้ประกอบการอย่างเต็มที่เพื่อให้เข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ Soft Loan ที่จะใช้รักษาธุรกิจไว้ รวมถึงการวางแผนนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ทำให้ท่องเที่ยวไม่เป็นอุตสาหกรรมสร้างความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรค พร้อม ๆ กับการใช้โครงการ “รับฟังเสียงประชาชน : Traveller Voice “ มีหลายร้อยข้อความเสนอเข้ามาเป็นวงกว้าง

สำหรับการ “เลือกใช้สื่อ” ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมกับผู้บริโภค ทั้งออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น facebook, instagram, twitter, tiktok พยายามนำแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งแต่ละสื่อจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันไป เช่น facebook-เน้นการสื่อสารเนื้อหาเป็นทางการ twiter-เน้นสื่อข้อความเป็นปัจจุบันทันด่วน youtube-เน้นผลิตหนังหรือข้อมูลที่น่าสนใจออกฉายให้นักท่องเที่ยวชมแล้วนำไปแชร์ต่อไป tiktok -เน้นให้นักท่องเที่ยวแชร์ประสบการณ์ใหม่ ๆ

ขณะเดียวกันก็ต้องมอง “กลุ่มเป้าหมาย” ในปี 2564 หลัก ๆ คือ 6 กลุ่ม ประกอบด้วย การแบ่งนักท่องเที่ยวเป้าหมายตามเพศวัย ได้แก่ กลุ่มแรก “วัยรุ่น-คนรุ่นใหม่ : Millenial” กลุ่ม 2 “ครอบครัว” และแบ่งนักท่องเที่ยวตามพื้นที่ อีก 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม 1 “กรุงเทพฯ” กลุ่ม 2 “หัวเมืองใหญ่” ยังมีกำลังซื้อสูง จะเริ่มเพิ่มความสำคัญมากขึ้น กลุ่ม 3 คนไทยนิยมเดินทางเที่ยวต่างประเทศ กลุ่ม 4 ต่างชาติพำนักในเมืองไทย -Expat มีศักยภาพการเดินทางท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 200,000-500,000 คน ทั้งญี่ปุ่น จีน ยุโรป แต่ละกลุ่มพยายามวางแผน ผลิตสื่อ ให้เข้าถึงอย่างเหมาะสมต่อไปด้วย

เนื้อหาการผลิตสื่อช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ยังคงเป็นระยะที่มีการแพร่ระบาดรอบใหม่ จะเน้นผลิตสื่อ รณรงค์ลดความเสี่ยง ห่วงใยด้านต่าง ๆ ทั้ง สุขภาพ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ตั้งแต่มกราคมยาวไปถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้หรือไม่ หากจบเร็วก็จะปรับเปลี่ยนก็จะรณรงค์ให้คนท้องถิ่นเข้ามาช่วยแชร์และพร้อมรอต้อนรับนักท่องเที่ยว ผนวกการนำเสนอเรื่อง “ปัจจัย 4” อาหาร-ที่อยู่อาศัย-ยารักษาโรค-เครื่องนุ่งห่ม สามารถจัดหาได้จากพื้นที่ใดได้บ้าง

ตัวอย่าง “อาหาร” นอกเหนือจากการสั่งดิลิเวอรี่จาก Grab แล้ว ยังมีทางเลือกสั่ง “อาหารถิ่น/ชุมชน” เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เชื่อมโยงเข้ากับ “ร้านอาหารถิ่น” ทั่วประเทศ กระตุ้นถึงเรื่องการเดินทางไปกินไม่ได้ก็สามารถสั่งออนไลน์ได้ ส่วน “เครื่องนุ่งห่ม” นำเสนอสินค้าผ้าชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละแหล่งท่องเที่ยว หรือเรื่อง “ที่อยู่อาศัย” ก็จะนำเสนอสถาปัตยกรรม 4 ภาค สอดคล้องกับภูมิศาสตร์ ความเชื่อ สามารถไปด้วยกันได้ ดึงผลิตภัณฑ์สินค้าตกแต่งบ้าน แต่ละท้องถิ่นมีความโดดเด่นด้านใดสามารถซื้อหาได้ และ “ยารักษาโรค” ก็ชูขายสมุนไพรภูมิปัญญาไทยเพื่อสุขภาพ



สุดท้ายจะผนวกนำไปสู่การเปิดตลาดออนไลน์ “ททท.มาร์เก็ตเพลส” เพื่อให้ผู้ประกอบการชุมชนทั่วประเทศมี “ช่องทางการขาย” มีรายได้เข้าพื้นที่ โดย ททท.จะการเชื่อมโยงให้เห็นถึงแม้จะไม่มีการเดินทางแต่ก็สามารถธุรกิจต้องไม่หยุดนิ่ง เป็นแนวคิดเรื่อง Safe Partner เงินทองก็ยังหาได้จากการลงมือทำการค้าขายท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบตามวิถีใหม่ ซึ่งเป็นแผนงานเบื้องต้นต้อนรับศักราชใหม่ปี 2564 ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

 


ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 ข่าวที่ 1 พลังคิง เพาเวอร์มอบผ้าห่มกันหนาวโรงพยาบาลน่านช่วยผู้ป่วยขาดแคลน

 


กรอบแก้ว ปันยารชุน รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำทีมพนักงานเดินทางไปคืนประโยชน์สู่สังคม (CSR) เป็นพลัง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ โดยได้ส่งมอบผ้าห่มกันหนาว 500 ผืน ให้กับ นพ.วสันต์ แก้ววี รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลน่าน เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาความหนาวให้แก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่ขาดแคลน โดยมีตัวแทนพนักงานจิตอาสา คิง เพาเวอร์ สาขาเชียงใหม่ และคณะผู้บริหารโรงพยาบาลน่าน ร่วมอยู่ด้วย ณ อาคารสิริเวชรักษ์ โรงพยาบาลน่าน

 


ข่าวที่ “คิงเพาเวอร์” มอบความสุข22สมาชิกผู้โชคดีล่องเรือเที่ยวรับพรทั่วกรุง

กลุ่มคิง เพาเวอร์ มอบสิ่งที่ดี ๆ ให้ลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกคิง เพาเวอร์ ร่วมเติมความสุขกับกิจกรรม ล่องเรือ ไหว้พระ มหามงคล” เสริมมงคล ส่งท้ายปี 2563 ต้อนรับปี 2564  โดยนำผู้โชคดีจากกิจกรรม Chinese New Year 2020 รวม 23 คน ร่วมกิจกรรม “ล่องเรือ ไหว้พระ มหามงคล” ขอพร 4 ศาลเจ้า เสริมความเป็นสิริมงคลส่งท้ายปี

โดยมี ศิลักณ์ อินทภาษี ผู้อำนวยการส่วนงานบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและบริการสมาชิก และ ปรานต์ชญาน์ อภิลัคนานุวัต ผู้อำนวยการส่วนงานการจัดกิจกรรมทางการตลาดและการสื่อสารการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้อนรับลูกค้าสมาชิก พร้อมทั้งเชิญ ซินแส “เป็นหนึ่ง-วงษ์ภูดร” ร่วมทริปนี้ด้วย

ด้วยการพาสมาชิกเริ่มต้นล่องเรือไหว้พระเสริมสิริมงคลตามสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ในกรุงเทพฯ เริ่มจาก “ล้ง 1919”ต่อด้วยสักการะ “ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว” ศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่เกือบ 200 ปี ศักดิ์สิทธิ์เรื่องการเสริมดวงด้านการงาน แวะ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” ย่านคลองสาน ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คนส่วนใหญ่นิยมมาบูชาเน้นความซื่อสัตย์มีคุณธรรม แล้วก็ไปสัมผัสวิถี”ชุมชนกุฎีจีน” ณ ท่าน้ำวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

ตามมาด้วยการกราบสักการะ “ศาลเจ้าแม่กวนอิม-เกียนอันเกง” ศาลเจ้าจีนเก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี ที่ได้รับการอนุรักษ์ทั้งเครื่องไม้แกะสลักที่มีความประณีตและสมบูรณ์ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และภายนอกศาลเจ้าที่มุงด้วยกระเบื้องโค้งตามแบบจีนแท้​ เมื่อปี 2551 ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

แล้วจึงเดินทางต่อไปยัง “ศาลเจ้าโจวซือกง” ย่านตลาดน้อย เยาวราช ศาลเจ้าเก่าแก่ของชาวจีนฮกเกี้ยนในประเทศไทย อายุเกือบ 200 ปี

ปิดท้ายความพิเศษนี้กับ ซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร ได้แนะนำการออกแบบลายเซ็นตามหลักฮวงจุ้ย พร้อมตรวจดวงชะตาให้กับสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ท่ามกลางบรรยากาศเพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารกลางวัน สไตล์ฟิวชั่นไทยฟู้ด แบบ Full Course จากโรงแรมบันยัน ทรี แล้วเทียบท่าขึ้นฝั่งตรงเอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อนท์ มอบประสบการณ์ดี ๆ ให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข

ข่าวที่ ททท.-ตร.กองปราบลุยปี64เอาผิดโรงแรม/ร้านอาหารโกงเราเที่ยวด้วยกัน

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้ดำเนินการต่อเนื่องเรื่องการแจ้งความเอาผิดกรณีผู้ประกอบการโรงแรม 320 แห่ง กับร้านอาหาร 220 แห่ง เข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” โดย ททท.จัดทีมเจ้าหน้าที่รับผิดชอบลงพื้นที่ทำงานร่วมกับทางทีมตำรวจกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทยอยแจ้งความแยกเป็นรายคดีตามหลักฐานความผิด โดยจะใช้เวลาทำงานอย่างหนักต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อระดมนำข้อมูลมาเป็นหลักฐานแจ้งความเอาผิดเป็นราย ๆ ตามที่ตรวจพบรายชื่อ แต่เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาพอสมควร

ภารกิจนี้ได้รับการยืนยันว่าทางทีมตำรวจกองปราบปรามมุ่งมั่นทำงานอย่างเข้มแข็งปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งร่วมกับทีมงานของ ททท. พร้อมทั้งได้เชิญพนักงานของธนาคารกรุงไทยผู้รับผิดชอบดูแลการสร้างแพลตฟอร์มเราเที่ยวด้วยกัน และตัวแทนของกระทรวงการคลัง มาร่วมให้ปากคำ รายละเอียด ขั้นตอน ระเบียบ กฎเกณฑ์ การใช้งานของผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อรับรายได้เป็นเงินสนับสนุนตามมาตรการของรัฐบาลตลอดโครงการเฟสแรก วงเงินกว่า 5,000 ล้านบาท

ข่าวที่ คลังยืนยัน ททท.จ่อเสนอ ครม.เห็นชอบขยายเราเที่ยวด้วยกันถึง 31 ต.ค.64

 

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การเดินหน้าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ปี 2564 นั้นทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายระยะเวลาโครงการจากเดิม 30 เมษายน 2564 เพิ่มไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 รวมทั้งกำหนดระบบการเลื่อนวันเข้าพักให้ประชาชนจองโรงแรมเพื่อเข้าใช้บริการพักตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ทางธนาคารกรุงไทย (KTB) จะปรับปรุงระบบให้สอดรับกับการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยเร็วต่อไป หลังมีคำวิจารณ์โครงการเราเที่ยวด้วยกันประเด็นหลักเรื่องการเปลี่ยนวันจองห้องพัก เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการให้ประชาชนชะลอการเดินทางจากการระบาดใหม่ของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา

 

ดังนั้นทางหน่วยงานเกี่ยวข้องกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จึงเปิดทางให้นักท่องเที่ยวที่จองโรงแรมเพื่อเข้าพักตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 เลื่อนเข้าพักได้โดยประสานโรงแรมได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยโรงแรมสามารถรับเรื่องไว้ได้ก่อน แล้วจากนั้นจะนำเข้าระบบต่อไป

สำหรับสถิติการใช้สิทธิ์จองห้องพักโรงแรม สรุปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 นักท่องเที่ยวใช้สิทธิจองแล้วทั้งสิ้น 5,106,470 สิทธิ์ จากทั้งหมด 6 ล้านสิทธิ์ คิดเป็นมูลค่า 13,634 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.จองผ่านโรงแรมทั้งหมด 5,274 แห่ง รวมmทั้งใช้จ่ายผ่าน E -Voucher อีกประมาณ 5,711.6 ล้านบาท 2.ซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินมูลค่ารวม 1,001.87 ล้านบาท ประเมินแล้วจะสามารถสร้างมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันแล้วกว่า 20,000 ล้านบาท

ขณะที่ยอดผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” กลุ่มแรก “ผู้ประกอบการ” ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 มีโรงแรมที่พักลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,514 แห่ง ร้านอาหาร 67,527 แห่ง สถานที่ท่องเที่ยว 2,098 แห่ง ร้านโอท็อป 1,383 แห่ง สปา/ร้านนวดเพื่อสุขภาพและบริการขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว 204 แห่ง กลุ่มที่ 2 “ประชาชน/นักท่องเที่ยว” ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 มาจนถึงปัจจุบันมีทั้งสิ้น 7.3 ล้านคน

            ช่วงที่ 2 วันนี้จะชวนคนกรุงไปพักผ่อนหย่อนใจ ท่องเที่ยวสวนสาธารณะอย่างปลอดภัย 3 แห่ง “สวนรถไฟ-สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์-สวนสันติภาพ” แหล่งรวมองค์ความรู้ธรรมชาติ พันธุ์ไม้ ดอกไม้ แบบครบวงจร แล้วตั้งใจฟัง “กรมอนามัยแนะ4ข้อป้องกันอาหารเดลิเวอรี่” ต่อด้วยเกาะติดข่าวดี ๆ ของ โรงแรมไฮแอทเอราวัณ กรุงเทพฯ งัดโปรโมชั่น “บัตรกำนัลเงินสดลด 25%” มาวางขายถึง 31 มี.ค.64 ส่วน “ดิ เอเมอรัลด์ กรุงเทพฯ” ชิงจัดบุฟเฟต์ 3 in 1 ราคาแค่ 750 บาท เสิร์ฟจานเด็ดตับห่านด้วย และ “บริษัท หนีกรุง-PPTV 36” เปิดแล้วมหกรรมแบทเทิ้ล 16 ช่างภาพอิสระ ร่วมขับเคี่ยวกันใน One Pic Big Dream Season 3 ชมแหล่งท่องเที่ยวสวยอันซีนทั่วฟ้าเมืองไทยได้ทุกคืนวันพุธ ทาง PPTV36 เวลา 22.30-23.30 น.


 เลือกท่องเที่ยวธรรมชาติสวนสาธารณะวิถีใหม่อย่างปลอดภัยในกรุง3สไตล์

เมื่อเราต้องหยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทำงานอยู่ที่บ้าน และเดินทางภายในจังหวัดที่ตั้งของตนเองเป็นหลัก วันนี้ จึงอยากชวนคนเมืองกรุง ลองส่องแหล่งพักผ่อนหย่อนในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งเป็นปอดที่ดี “กรุงเทพฯ” มีสวนสาธารณะรายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดกว้างใหญ่กระจายอยู่ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง อาทิ สวนหลวง ร.9: พื้นที่ 500 ไร่ สวนลุมพินี: พื้นที่ 360 ไร่ สวนเสรีไทย: พื้นที่ 350 ไร่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์: พื้นที่ 196 – 3 – 65 ไร่ สวนจตุจักร: พื้นที่ 155 – 0 – 56.6 ไร่ สวนธนบุรีรมย์: พื้นที่ 63 – 1 – 20 ไร่ สวนกีฬารามอินทรา: พื้นที่ 59 – 0 – 36 ไร่ สวน 60 พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ: พื้นที่ 52 – 1 – 69 ไร่

แนะนำ การใช้ชีวิตวิถีปกติใหม่ ในกรุงเทพฯ เลือกมุมผ่อนคลายด้วยธรรมชาติสวนสาธารณะสัก 3 แห่ง


แห่งแรก “สวนวชิรเบญจทัศ” หรือ “สวนรถไฟ” อยู่ตรงถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯเดิมทีพื้นที่เคยเป็นสนามกอล์ฟรถไฟ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสวนที่เหมาะมาพักผ่อนกัน ทั้งขี่จักรยาน ออกกำลังกาย วิ่งยามเช้า/เย็น ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น หรือแม้แต่การเก็บภาพประทับใจ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นที่เดินทางง่ายสุดๆ ติดทั้ง BTS และ MRT มีรถประจำทางหลายสาย

ภายในสวนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 375 ไร่ สามารถเดินชมสวนพฤกษศาสตร์ สวนสมุนไพรนานาชนิด ลานกีฬา สวนพุทธศาสนา สวนพิพิธภัณฑ์รถไฟ สระว่ายน้ำ พื้นที่กางเต็นท์พักแรมสำหรับเด็กนักเรียน สามารถศึกษานกหลายชนิดที่มีอยู่เองตามธรรมชาติได้ด้วย

เปิดให้บริการ : ทุกวันตั้งแต่ 04:30 – 21:00 น. ค่าจอดรถ 20 บาท ค่าเช่าจักรยานวันละ 20-30 บาท/คัน ค่าเช่าเรือพาย 30 บาท/ชั่วโมง


แห่งที่สอง สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ อยู่ตรงถนนกำแพงเพชร 2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นสวนสาธารณะอยู่ติดกับสวนจตุจักรและสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2535 ตั้งอยู่ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์เด็ก มีบรรยากาศการตกแต่งออกแบบคนละอารมณ์กับสวนรถไฟ โดยไม่เน้นมีทางวิ่ง ทางปั่นจักรยาน แต่เพิ่มบรรยากาศแบบธรรมชาติของสวนต้นไม้ดอกไม้ สระน้ำ ลานบัว ที่ถูกจัดไว้เป็นโซนสวยงามให้คุณได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

เปิดให้บริการ : ทุกวันเวลา 05:00 – 19:00 น. สามารถเดินทางด้วย รถไฟฟ้า : BTS สถานีหมอชิต ทางออกที่ 1 หรือ 3 เดินผ่านเข้าทางสวนจตุจักร/ MRT สถานีจตุจักร ทางออกที่ 2 เดินผ่านเข้าทางสวนจตุจักร รถประจำทาง : ถนนกำแพงเพชร 2 สาย 77, 104, 122, 136, 145, ปอ.23, ปอ.138

 

สวนแห่งนี้มีความโดดเด่นจากการออกแบบให้เป็นสวนป่าใจกลางเมืองที่ให้ความร่มรื่น ด้วยธรรมชาติเขียวขจี เพิ่มจุดสนใจด้วยสระน้ำกลางสวนติดตั้งน้ำพุเพิ่มความสดชื่น กำหนดให้มีสิ่งก่อสร้างเท่าที่จำเป็นจึงสร้างบรรยากาศให้สงบร่มเย็น ปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอกและแนวป่ารอบสวน ยังช่วยดูดซับฝุ่นละอองสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในสวน

จุดพักผ่อนเด่น ๆ ภายในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ 4 จุด คือ จุดที่ 1 “เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์พืช” ท้องถิ่น พันธุ์ไม้ในพระนาม พันธุ์ไม้จากพระตำหนักต่างๆ และพันธุ์ไม้ต่างประเทศที่น่าสนใจไว้มากมาย มี จุดที่ 2 “สระน้ำ” คดเคี้ยวสร้างเป็นรูปตัว “ส” และ “S” ผสานกัน สื่อถึงพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แนวขอบสระเลือกปลูกพืชพันธุ์สร้างสีสันเน้นลักษณะอักษร “ส” ให้โดดเด่นด้วยสีเหลืองของดอกราชพฤกษ์ และ “S” เน้นด้วยสีม่วงชมพูของดอกอินทนิลน้ำ


จุดที่ 3 “ลานบัว” ลานพักผ่อนตกแต่งด้วยบ่อน้ำรูปดอกบัวขนาดยักษ์ เป็นที่รวมพันธุ์บัวทั้งไทยและต่างประเทศ มีกระถางโบราณเก่าแก่ประดับลานและปลูกบัวชนิดต่างๆ และสวนยุโรป จุดที่ 4 “อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” เป็นสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจต่างๆ จุดที่  5 “สวนพระมหากรุณาธิคุณเพื่อผู้พิการทางสายตา” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางสายตาได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติพร้อมกับการเรียนรู้และสัมผัสพืชพรรณไม้หอมประเภทต่าง ๆ ได้ด้วย

แห่งที่สาม “สวนสันติภาพ” อยู่ใกล้ ๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนราชวิถี แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เวลาเปิดให้บริการ : ทุกวันเวลา 05:00 – 21:00 น. เปิดให้ประชาชนใช้พักผ่อนมานานกว่า 23 ทางการ ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2541 ชื่อสวนแห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตรงกับ 16 สิงหาคม 2488 เป็นวันยุติความโหดร้ายของสงคราม และวันเริ่มต้นของสันติภาพความสงบสุขแห่งมวลมนุษยชาติอีกครั้ง

เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติแบบครบวงจร ภายในสวนสันติภาพ จะมีเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ นำมาปลูกไว้โดยบอกชื่อ สรรพคุณ และวิธีใช้ พร้อมตัวอย่างการปลูกให้เราได้ศึกษา มีแจกตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ให้ลองไปปลูกเองที่บ้านได้ และมีแปลงสาธิตปลูกผักในพื้นที่แคบ ๆ  กับแปลงนาสาธิต และอื่น ๆ

 

สวนสันติภาพใช้สัญลักษณ์ “นกพิราบคาบช่อดอกมะกอก 5 ดอก” คือ สัญลักษณ์ของสวนตั้งอยู่ในสระน้ำ แทนความหมายว่า “สื่อสันติภาพของโลก” จำลองจากผลงานของ ปิกัสโซ ศิลปินวาดภาพชื่อก้องโลก

 

การเดินทาง สามารถใช้ รถไฟฟ้า : BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เดินลงฝั่ง Center One และเดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสวนสาธารณะนี้อยู่ใกล้ๆ ซอยราชวิถี 3 และรถโดยสารประจำทาง : ถนนราชวิถี สาย 12, 14, 17, 24, 36, 38, 61, 63, 69, 74, 77, 92, 204, ปอ.14, ปอ.140, ปอ.159

เลือกท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ไร้โควิด ได้ ตามสวนสาธารณะที่กระจายอยู่ทั่วเมืองกรุง ใกล้ที่ไหน เลือกไปพักผ่อนหย่อนใจได้ที่นั่น แล้วจะรู้ว่ากรุงเทพฯ ก็มีของดีไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ

 กรมอนามัยแนะใช้4ข้อสั่งอาหารเดลิเวอรี่ถึงบ้านปลอดภัยห่างไกลโควิด-19

     นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย  อธิบดีกรมอนามัย แนะนำ 4 ข้อที่เหมาะกับการนำมาใช้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบาดใหม่ เมื่อผู้คนหันมาเลือกสั่งอาหารเดลิเวอรี(Delivery) แทนการไปซื้อเองจากตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อโควิด-19 กรมอนามัยจึงแนะนำ 4 ข้อป้องกัน ดังนี้

1.ผู้ประกอบการที่จัดบริการอาหารแบบเดลิเวอรี ติดตามสถานการณ์และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรค และให้ความรู้หรือประชาสัมพันธ์แก่ผู้ขนส่งอาหาร เมื่อไปส่งอาหารให้ลูกค้าขอให้ใช้วิธีการส่งอาหารแบบ Personal distancing ยืนห่างจากลูกค้าอย่างน้อย 1 เมตร และห้ามวางอาหารบนพื้น 

 

2.ร้านอาหารให้บริการอาหารในรูปแบบเดลิเวอรีร้านอาหารต้องสะอาด ถูกสุขลักษณะ อาหารปรุงสำเร็จ ต้องปรุงสุกใหม่ สำหรับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ปรุงให้สุกด้วยความร้อนไม่น้อยกว่า 70 องศาเซลเซียส นานกว่า 5 นาที หลีกเลี่ยงการจำหน่ายอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก

3. ผู้ขนส่งอาหารเดลิเวอรีต้องลงทะเบียนกับผู้ประกอบการที่จัดบริการอาหารแบบเดลิเวอรี สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยระหว่างปฏิบัติงาน ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้านอาหาร ก่อนและหลังการส่งอาหารให้ผู้สั่งซื้ออาหารด้วย รวมทั้งหลังเข้าห้องส้วม หลังจับสิ่งสกปรก หรือจับเงิน และคอยสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการเจ็บป่วย มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสชาติ ให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์ทันที 

4.ผู้สั่งซื้ออาหาร หรือผู้บริโภค ให้จัดเตรียมภาชนะรองรับอาหาร เช่น กล่องหรือโต๊ะแบบพับได้ และให้ยืนห่างจากผู้ขนส่งอาหารอย่างน้อย 1 เมตร ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ หลังการรับอาหารจากคนขนส่งอาหารและควรจ่ายค่าบริการโดยวิธี E-Payment หรือเตรียมเงินสดให้พอดีเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินทอน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่สั่งอาหารแบบเดลิเวอรีงดรับช้อนส้อมพลาสติกเพื่อลดการสัมผัสและรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยในคราวเดียวกันโดยหันมาใช้อุปกรณ์ที่ใช้ซ้ำได้ เช่น ช้อนหรือส้อมที่บ้านแทน และก่อนที่จะทิ้งขยะพลาสติกก็ควรคัดแยกเศษอาหารออกก่อนเพื่อสามารถนำพลาสติกกลับมารีไซเคิลหรือใช้ซ้ำได้อีก เป็นการลดโรคและรักษ์โลกไปพร้อม ๆ กัน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก โรงแรมแกรนด์ไฮแอทกรุงเทพงัดขายบัตรกำนัลลดหนัก25%ถึง31มี.ค.64

 

 

โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ จัดมหกรรมของขวัญต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้ ด้วยการจัดแคมเปญ “บัตรกำนัลเงินสด” ลดสูงสุด 25% ให้เลือกซื้อเป็นของขวัญพิเศษกับโปรโมชั่นใหม่ วันนี้-31 มีนาคม 2564 ซื้อในราคาเพียง 750 บาท รับมูลค่าสูงถึง 1,000 บาท และบัตรกำนัลมูลค่า 500 บาท ซื้อราคาเพียง 400 บาท เท่านั้น

 

“วิธีซื้อ” เพียงแอดไลน์ @grandhyatterawan เพื่อรับรหัสส่วนลด และซื้อสินค้าในราคาที่ดีที่สุดในไฮแอทเอราวัณออนไลน์ชอป https://www.hyatterawanshop.com/product/grand-hyatt-erawan-cash-voucher-1000/

“สิทธิบัตรกำนัลเงินสดสุดคุ้ม” ซื้อแล้วสามารถนำใช้ได้ที่ 1. ห้องอาหารของโรงแรม เช่น ซาลเวีย, เดอะ ไดนิ่ง รูม, ยูแอนด์หมี่ และอื่นๆ 2.ส่วนลดห้องพักและสปาของโรงแรม 

“เงื่อนไขการซื้อ” 1.สามารถนำบัตรกำนัลไปใช้ได้จนถึง 30 มิถุนายน 2564 ยกเว้นวันที่ 12,14 กุมภาพันธุ์ 2564 และช่วงเทศกาลต่างๆ สอบถามเพิ่มเติม หรือโทรจองล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ก่อนเข้าใช้บริการ โทร 02-254-1234 อีเมลล์ grand@hyatt.com  2.สามารถใช้ที่ร้านอาหารของโรงแรม ยกเว้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ร้านเอราวัณ เบเกอรี่, รูม เซอร์วิส, ค่าเปิดขวดแอลกอฮอล์, การจัดงานต่างๆ และสินค้าอื่นๆ 3.ใช้เป็นส่วนลดห้องพักและสปาบางเมนูเท่านั้น

4.การจองห้องพัก บัตรกำนัลจะถูกนำมาใช้กับรหัสโปรโมชั่น GV001 หรือสามารถจองผ่าน https://www.hyatt.com/en-US/hotel/thailand/grand-hyatt-erawan-bangkok/bangh?offercode=GV001

5.ไม่สามารถใช้เป็นส่วนลดอื่นๆนอกเหนือจากข้างต้น 5.ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือขอคืนเป็นเงินสดได้ ในกรณีที่ยังเหลือเครดิตจากบัตรกำนัล 6.ไม่สามารถนำไปซื้อขายต่อเพื่อประโยชน์ทางการค้าได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-254-1234 อีเมลล์ bangkok.bangh@hyatt.com

ข่าวที่ 2 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ฉลองปีฉลูขายบุฟเฟต์3in1แค่750บาทตลอดม.ค.64

โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ เปิดห้องอาหาร “ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ ช็อพ” ต้อนรับต้นปีฉลูให้ฉลองด้วย “บุฟเฟต์นานาชาติ 3 in 1 ตลอดเดือนมกราคม 2564 เปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30 – 14.30 น. และวันศุกร์-เสาร์ เวลา 17.00 – 21.00 น. ราคาคนละ 790 บาท

โดยจัดเต็มจากเมนูเด่นจากทั้ง 3 ห้องอาหาร ให้บริการครบจบที่เดียวคือ ซูชิพรีเมียม ฟัวกราส์ วากิว ปลาไหลญี่ปุ่น ซีฟู้ดแบบร้อน-เย็น อาทิ หอยนางรม กั้งกระดาน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ เป็ดปักกิ่ง ติ่มซำ ขนมหวาน ไอศกรีม เครื่องดื่ม  พิเศษ! ถ้าจองผ่านเพจห้องอาหารจะได้รับ “ตับห่านทอดซอสเบอร์รี่” ทันทีคนละ 1 ที่

สอบถามข้อมูลหรือสำรองที่นั่งโทร. 0-2276-4567  ต่อ 8413 หรือไลน์ @theemeraldhotel

ข่าวที่สาม“หนีกรุง-PPTV36”เริ่มแล้วONE PIC BIG DREAM Season3”สนุกทุกพุธ4ทุ่มครึ่ง



บริษัท หนีกรุง คอนเน็ค รายงานว่า จับมือกับ สถานีโทรทัศน์ PPTV 36 เปิดซีซันใหม่รายการเกมโชว์ ที่คนรักการถ่ายภาพและเดินทางท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ “ONE PIC BIG DREAM : เกมภาพกระตุกต่อม ซีซัน 3” ดูกันแบบจุใจกับเกมการแข่งขันถ่ายภาพที่เราจะได้เห็นผู้แข่งขันจะต้องออกเดินทางไปค้นหามุมมองใหม่ๆในโลเคชันที่สวยงามแปลกตา ได้เห็นฝีมือและเคล็ดลับในการถ่ายภาพในแบบ     ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน  ใครจะคิดว่า “การถ่ายภาพ” จะมาเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นได้

 

ติดตามชมรายการ ONE PIC BIG DREAM เกมภาพกระตุกต่อม ซีซัน 3 ได้ทุกวันพุธ เวลา 2230-23.30 น. ทางช่อง PPTV HD ช่อง 36 เทปแรกเริ่มไปแล้ววันพุธที่ 6 มกราคม 2564 ส่วนพุธต่อไปต้องติดตามความเข้มข้น มันทุกหยุดอย่างแน่นอน

 

ประมวลผลจากความสำเร็จ 2 ซีซันแรก มีผู้ติดตามชมจากสื่อทุกช่องทางมากกว่า 20 ล้านคน การันตีได้ถึงความเข้มข้นของเกมการแข่งขันในรูปแบบ Photo Battle วัดกันด้วยภาพต่อภาพ ชนิดใครแพ้คัดออกทันที ภาพของใครสามารถกระตุกต่อมท่องเที่ยวกรรมการ  ได้มากกว่าก็เป็นผู้ชนะโดยมีรางวัลชนะเลิศสูงถึง 3 แสนบาท 

ในซีซัน 3 นี้ มีผู้แข่งขันทั้ง 16 คน  ได้รับการคัดเลือกมาจากทั่วประเทศ ระดับฝีมือที่สูสีคู่คีกันมากกว่าทุกซีซันที่ผ่านมา เรียกได้ว่าใครตกรอบไปน่าเสียดายอย่างยิ่ง ทีเด็ดชวนให้น่าติดตามเกมในซีซันนี้มากขึ้นกว่าเดิมคือความสวยงาม                 ของธรรมชาติที่เรียกกันว่า Season Change ซึ่งเปิดฤดูแข่งกันในช่วงปลายฝนต้นหนาว ช่วงที่สภาพธรรมชาติเปลี่ยนแปลงเร็วแบบวันต่อวันเลยทีเดียว ทำให้ผู้แข่งขันจะต้องเจอศึกหนัก นอกจากท่าบังคับอันสุดโหดของรายการแล้วก็ยังต้องต่อสู้กับสภาพอากาศที่ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแพ้ชนะเลยทีเดียว

 

                จึงเชื่อได้เลยว่า ONE PIC BIG DREAM เกมภาพกระตุกต่อม ซีซัน 3 จะเป็นเกมโชว์ที่สนุกสนานเร้าใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาเกมการแข่งขันที่แปลกใหม่ และทวีความตื่นเต้นน่าติดตามอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง   และหลงรักการถ่ายภาพ ที่นอกจากจะได้เห็นการเปิดมุมมองใหม่ในโลเคชั่นระดับอันซีนของเมืองไทยแล้ว   ยังจะได้เห็นเทคนิคดีๆในการถ่ายภาพจากผู้แข่งขันที่ต่างต้องงัดฝีมือขั้นเทพออกมาแบทเทิลกันอย่างสุดฝีมือ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่หลงรักธรรมชาติเก็บรวมรวมข้อมูลไว้ แล้วเลือกเดินทางไปเที่ยวเมื่อมีโอกาสในวันข้างหน้าต่อไป

 

            ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง