ททท.งัด9แนวโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวไทยลุยปรับตัวปี64ฟื้นฟูปี65 ชูเศรษฐกิจ3สีรับนโยบายBCGรัฐบาลเร่งททท.ทั่วโลกเริ่มขายเม.ย.64
ททท.งัด9แนวโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวไทยลุยปรับตัวปี64ฟื้นฟูปี65
ชูเศรษฐกิจ3สีรับนโยบายBCGรัฐบาลเร่งททท.ทั่วโลกเริ่มขายเม.ย.64
“คิง เพาเวอร์”เพิ่มพลังช้อป“หน้าร้าน-ออนไลน์”ลดสูงสุด75%ถึง31มค.
คิง เพาเวอร์ชวนเล่าเรื่อง“พลังรอยยิ้ม”ลุ้นรับเสื้อTHAILAND SMILES
ททท.ชี้โควิด-19เปลี่ยนเทรนด์ท่องเที่ยวปีฉลูสู่6เทรนด์รุ่ง 6เทรนด์ร่วง
ททท.ปลุกทั่วไทยผลิตแพกเกจขายฟรีในห้างTATdepartmentstore
TCEBชี้เป้า3อันดับสถานที่จัดประชุมเมืองไทยมาแรงต้องลองใช้ปี’64
เที่ยวฟินเช็คอินวิถิใหม่ล่องเรือสองฝั่งโขงนครพนม-ท่าแขกสสป.ลาว
6เคล็ดลับแก้อาการเบื่อบ้านหรือ Cabin Feverในช่วงโควิด19ระบาด
บางกอกแอร์เวย์สเปิดบินแล้วกรุงเทพฯสู่ตราดและสุโขทัย 1 ก.พ.64
ครม.คลายเกณฑ์ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันให้ผู้จองห้องพักม.ค.-ก.พ.64
ผู้ว่าชลบุรีสั่งปิดชั่วคราวโรงแรม/แหล่งเที่ยวช่วยธุรกิจทั้งระบบอยู่รอด
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #ททท9แนวโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวไทย #KingpowerONCEUPONAMONTHลด75%
ช่วงที่ 1 เกาะติดอาวุธลับทางรอดใหม่ในสถานการณ์โควิดกับ
“ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร" ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กางอี-บุ๊ค
เข็มทิศชี้ทางออก ““9
แนวโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวไทย” เครื่องมือใหม่ที่จะใช้ปลุกภาคธุรกิจทั้งประเทศ
ลั่นปี’64 ททท.ให้เป็นยุคปรับตัว
แนะทุกองคาพายพเปลี่ยนแนวรุกตลาดการขายสู่วิถีใหม่ “ดิจิทัล-มูลค่าสูง-เศรษฐกิจ3สี (เขียว/น้ำเงิน/ทอง)” ขานรับนโยบายเศรษฐกิจBCG
รัฐบาล
3 ปีหน้า ถกสำนักงาน
ททท.ทั่วโลก ฝ่า 5
ปัจจัยท้าทาย
เร่งเครื่องลุยตลาดเชิงรุกเริ่มกระตุ้นพันธมิตรผลิตแพกเกจวางขายเที่ยวไทย เริ่ม
เม.ย.64 ลุ้นต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาได้ไตรมาส
4 นี้
ปูพรมรับปี’65
เดินหน้าสู่ฟื้นฟูรายได้ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารได้จัดทำอีบุ๊ค “9 แนวโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวไทย” คู่มือเข็มทิศการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เพื่อหาทางออกให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 เพราะตลอดปี 2563 ผู้ประกอบการและหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมดต้องเจอกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป อันเป็นผลมาจากความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการ ห้ามเคลื่อนย้ายคนจำนวนมาก หรือแม้จะเดินทางได้ก็ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ
กล่าวคือปัจจัยข้างต้นทำให้เกิดทุกภาคส่วนต้องปรับตัวรับสถานการณ์วิถีใหม่ เริ่มต้นจาก เรื่องที่ 1 การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อความปลอดภัย หรือการเดินทางที่มีความยุ่งยากก็อาจจะต้องใช้วิธีเดินทางผ่านเทคโนโลยีเพื่อสร้างความเข้าใจได้มากขึ้น และการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิด เรื่องที่ 2 มิติทางสังคมและสิ่งแวดล้อม จะต้องก้าวไปสู่การท่องเที่ยว “มูลค่าสูง” High Value Tourism มีรูปแบบเป็นอย่างไร เรื่องที่ 3 เศรษฐกิจสามสี ที่มีความผูกพันกับท่องเที่ยว ประกอบด้วย 3.1 การท่องเที่ยวสีเขียว มีความยั่งยืนอย่างแท้จริงด้วยพลังงาน สีน้ำเงิน เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัย สีทอง เป็นเรื่องการนำยุคทองแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ให้เหมาะสม ซึ่งแต่ละประเทศมีบริบทที่จะนำมาประยุกต์ใช้แตกต่างกันไป
สำหรับเรื่อง
เศรษฐกิจ 3 ปี
น่าจะมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยทางด้าน BCG เช่น Bio Economy -Circular Economy
-Green Economy
ผมคิดว่าเรื่องดังกล่าวมีนัยสำคัญที่ ททท.จะผลักดันนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอนาคตต่อไป
ดร.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า การนำเข็มทิศ 9 แนวโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการนำไปสู่ “การเปลี่ยนแปลง” เช่น นโยบายของรัฐบาลต้องการให้ทำตลาดนักท่องเที่ยวมูลค่าสูง High Value Tourism สถิติในอดีตเมื่อปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยมากถึง 40 ล้านคน แต่นับจากไปอาจจะไม่ต้องการปริมาณหรือจำนวนคนเยอะเพียง 20-30 ล้านคน ลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว ฉนั้นผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้บอก “วิธีปรับตัว” เช่น หันมาลงทุนนวัตกรรมการท่องเที่ยวสีเขียวมากขึ้น หรือการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ การท่องเที่ยวเชิงป้องกันรักษาดูแลสุขภาพ Health and Wellness ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงจิตวิทยา แต่ละแนวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องการต้องเตรียมปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตต่อไป
ขณะเดียวกัน ททท.ก็จะนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้กับองค์กร รวมทั้งสำนักงาน ททท.ในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก หลังจากเจอเหตุการณ์ไวรัสโควิด-19 แล้ว ความเป็นไปได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า เริ่มจากปี 2564 จะเป็นปีแห่งการปรับตัว ปี 2565 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว สิ่งที่รัฐบาลตั้งโจทย์ไว้ให้คือ การปรับตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองไทยไปสู่ “การท่องเที่ยวมูลค่าสูง” ดังนั้น ททท.สำนักงานในประเทศและต่างประเทศก็จะต้องร่วมมือกัน 1.เลือกกลุ่มเป้าหมาย 2.กำหนดระยะเวลาการทำงาน 3.กลุ่มกิจกรรมเพื่อให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโลกต่อไป 4.การทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามนโยบายกำหนด 5.การวางกลยุทธ์เริ่มขายท่องเที่ยวในแต่ละตลาด เมื่อต้องการเห็นนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาได้ช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 ปี 2564 โดยไม่สามารถให้เวลาใกล้กระชั้นชิดไม่ได้
ททท.จึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาในช่วงนี้วางแผนปรับตัว
เริ่มขับเคลื่อนให้เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า แผนขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยว เริ่มจาก “ในประเทศ” เมื่อรัฐบาลประกาศผ่อนคลายด้านเศรษฐกิจและการเดินทางได้มากขึ้น ททท.ก็จะกระตุ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งการกระตุ้นเชิงพื้นที่เมืองหลัก เมืองรอง เชิงเวลา วันธรรมดา หรือเทศกาล เชิงการใช้จ่าย โดยจัดกิจกรรมเสริมเพิ่มเข้าไป กระจายไปสู่ฐานรากมากขึ้น
ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” เน้นทำ 3 เรื่องด้วยกัน คือ 1.ทำให้ไทยเป็นประเทศ Top of Mind ในตลาดเป้าหมายที่กำหนด 2.การช่วยเหลือพันธมิตรผู้ประกอบการตามนโยบายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา 3.หาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศคู่แข่งขันซึ่งทุกประเทศโดนเหมือนกันหมด
จากการหารือร่วมกับผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานต่างประเทศ ในแถบ “เอเชีย” พบว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาได้ช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 แต่ถ้าสามารถทำได้เร็วกว่านั้นก็จะเป็นเรื่องที่ดี สิ่งที่สั่งการและให้โจทย์ไปทำการบ้าน ขอให้เริ่มคลิกออฟธุรกิจ ออกสตาร์ตการขาย และบู๊ตจำนวนยอดขาย ให้เริ่มทำหลังเมษายน 2564 เป็นต้นไป เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานนักท่องเที่ยวเอเชียประเทศแรก ๆ ที่จะเดินทางได้ก่อน คือ 1.สาธารณรัฐประชาชนจีน กับ อินเดีย แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเดินทางเข้าไทย เช่น ปัจจัยที่ 1 มาตรการด้านสาธารณสุข ต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ต้องยอมรับมาตรการกักตัว Quarantine ย่อมส่งผลความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างแน่นอนกับประเทศคู่แข่งที่ไม่ได้นำมาตรการนี้เข้ามาบังคับใช้ เช่น สิงคโปร์ ศรีลังกา โดมินิกัน
ปัจจัยที่ 2 สถานการณ์วัคซีนป้องกันโควิด เป็นอย่างไร ถ้าประเทศต้นทางเริ่มฉีดให้ประชาชนของตนเอง แต่ประเทศไทยยังไม่ได้ฉีด จะส่งผลให้คนในประเทศนั้น ๆ ยังจะเลือกเดินทางมาหรือไม่
ปัจจัยที่ 3 ความรู้สึกของคนไทย ในฐานะเจ้าบ้าน พอใจ ยินดี หรือเปล่าที่จะเปิดประเทศ อาจจะไม่สบายใจมากนักหากต้องเปิดประเทศในช่วงที่ยังมีจำนวนคนติดเชื้อการระบาดสูงอยู่
ปัจจัยที่ 4 การอำนวยความสะดวกการเข้ามายังประเทศไทย ต้องยอมรับอาจจะไม่เอื้อได้มากนัก ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำวีซ่า จำนวนเที่ยวบินเข้า-ออก แต่ละประเทศ ไม่ได้มีทางเลือกมากเหมือนที่ผ่านมา
ปัจจัยที่ 5 นโยบายของประเทศต้นทาง ถึงแม้ไทยอยากจะเปิดประเทศรับคนเข้ามา หรือจะปลดล็อกมาตรการกักตัว 14 วัน แต่ถ้านโยบายรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นขอความร่วมมืออย่าให้ประชาชนของตนเองเดินทางออกต่างประเทศ ก็อาจจะยังไม่มีคนเดินทางก็เป็นได้
ทั้ง 5 ปัจจัย ถือเป็นภารกิจ “ความท้าทาย” ต่อการทำงานของ ททท.ทั้งหมดเป็นอย่างมาก ทางนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายให้ ททท.จับตาดูพร้อมกับบริหารจัดการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีนมีความพยายามของหลายฝ่ายที่จะผลักดันนำเข้านักท่องเที่ยวจีนนั้น ล่าสุดจากการพูดคุยกับทาง ททท.สำนักงานในจีนได้รับการยืนยันว่า รัฐบาลจีนมีนโยบายผ่อนคลายให้คนจีนเดินทางภายในประเทศแต่ยังห้ามเดินทางข้ามระหว่างมณฑลและจังหวัด จึงเป็นเรื่องยากที่จะข้ามประเทศเข้ามา แต่ก็อาจมีความเป็นไปได้อนุญาตมายังประเทศที่มีความปลอดภัย เช่น ไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยสูง เรื่องนี้คาดการณ์ค่อนข้างยากพอสมควร เพราะทุกอย่างรอฟังการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ หากทำได้เร็วก็อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีเร็วขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิดก็เป็นได้
ส่วนสัญญาณการท่องเที่ยวของไทยช่วงกุมภาพันธ์ ต่อเนื่องตลอดไตรมาส 1 ปี 2564 ที่กลับมาเจอการระบาดใหม่จากเหตุการณ์จังหวัดสมุทรสาคร ส่งผลต่อเนื่องไปถึงอัตราการเข้าพักเฉลี่ยมกราคมอาจจะต่ำสุด อาจจะเริ่มฟื้นตัวเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม นี้ แต่การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวยังไม่สามารถทำได้มาก มีข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ แต่คิดว่าไม่น่าจะลากยาวไปมากกว่านี้ ตั้งความหวังเดือนเมษายนปีนี้จะเริ่มฟื้นกลับมาในระดับเดือนละ 20-30 ล้านคนครั้ง
ทั้งนี้ทุกคนยังคงต้องอยู่กับโควิด-19 เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกที่ยังไม่สามารถทำให้ตัวเลขการติดเชื้อกลับไปเป็น 0 ได้ แต่ไทยก็รักษามาตรฐานป้องกันดูแลไว้ได้เป็นอย่างดีจนสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ต้องขอฝากทุกคนต้องการ์ดสูง การ์ดไม่ตก โดยเฉพาะเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม การเข้าพื้นที่โดยการดูการจำกัดจำนวนคน ขณะเดียวกันตัวเองก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ตลอด ข้อปฏิบัติเหล่านี้จะเป็นการส่งสัญญาณจากในประเทศไปยังทั่วโลกถึงความพร้อมเรื่องตอกย้ำความมั่นใจการท่องเที่ยวของไทยที่พร้อมจะเปิดบ้านต้อนรับต่างชาติอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 “คิง เพาเวอร์”เพิ่มพลังช้อป“หน้าร้าน-ออนไลน์”ลดสูงสุด75%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ส่งพลังรอยยิ้มปลุกกำลังซื้อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทย ต้อนรับเดือนมกราคม 2564 ด้วยกลยุทธ์การจัดทำแคมเปญช้อปปิ้งด้วยตัวเลขช่วงวันสวย ๆ แคมแปญแรก “ช้อปมันส์ 9 วัน ฉลองตรุษจีน” ด้วย “HAPPY CHINESS MORE MORE YEAR” มอบพลังความสุขตั้งแต่ปี MORE ที่จะหนุนนำทุกคนรับพลังบวกดี ๆ มากกว่าเดิมได้ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ต่อเนื่องถึง 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 23-31 มกราคม 2564 แจกใหญ่ 3 อั่งเปาฉลองตรุษจีน ประกอบด้วย 1.ส่วนลด 30%สินค้าแบรนด์ดังส่งตรงถึงบ้าน 2.คูปองลงทะเบียนก่อนช้อปจะได้รับส่วนลดเพิ่ม 3.คูปองเพื่อใช้รับประทานอาหารฟรีมูลค่า300บาท ที่ไทย เทสต์ ฮับ ชั้น 3
แคมเปญที่ 2 ใหม่มาแรง “ONCE
UPON A MONTH” ขอสักครั้ง 5 วันพิเศษ Home Delivery Sale Up To 75% Off
ลดทั้งเว็บไซต์ Sale All
Web และแอพลิเคชั่น ทั้งสองช่องทางลดสูงสุด 75% เมื่อช้อปขั้นต่ำ 4,000 บาทขึ้นไป
ทันทีที่คลิกเข้าไปช้อปผ่านทางออนไลน์แล้วรับรหัสส่วนลด ONCEUP75 ได้ตลอดแคมเปญทาง
www.kingpower.comและ แอปพลิเคชัน KING POWER
ก่อนช้อปแนะนำให้ “ผูกบัญชีออนไลน์กับบัตรสมาชิก คิ เพาเวอร์” เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า...ทุกการเดินทาง โดยคลิกให้ครบทั้ง 3 ส่วน คือ สมัครทันที-เลือกประเภทบัตรสมาชิก-กะรัตรีวอร์ด
พอคลิกเข้าเว็บไซต์หรือแอพลิเคชั่น King Power ก็จะได้พบกับพาเหรดทัพ “สินค้าท็อปแบรนด์” ละลานตา พร้อมใจกันเข้าร่วมส่งเสริมการขายแบบจัดเต็ม เพื่อตอบสนองนักช้อปที่มีไลฟ์สไตล์ชีวิตวิถีใหม่ ทำงานอยู่ที่บ้าน :Work from Home Collection
ห้ามพลาด!! 5 ขอสักครั้ง 5 วันพิเศษ ระหว่างวันที่ 27-31 มกราคม 2564
สำหรับการช้อปออนไลน์กับแคมเปญ “ONCE UPON A MONTH” ขอสักครั้ง 5 วันพิเศษ Home Delivery Sale Up To 75% Off นักช้อปสามารถใช้สิทธิ์จ่ายผ่านบัตรเครดิตพันธมิตรคิง เพาเวอร์ เช่น 1.บัตรกสิกรไทยให้สิทธิ์รับเครดิตเงินคืน 12% เมื่อใช้คะแนน Kbank Reward Point แลกซื้อสูงสุดได้ถึง 30,000 คะแนน 2.บัตรเดบิตและกรุงศรี บอร์ดดิ้ง การ์ด แจกของกำนัลเมื่อช้อปครบตามเกณฑ์ ส่วนบัตรเครดิตกรุงศรีให้พิเศษถึง 3 ต่อ ไม่ว่าจะเป็นการแลกคะแนนเพื่อรับเงินคืน 10 % หรือรับเงินคืนสูงสุด 6,000 บาท หรือรับส่วนลดสูงสุดตามเงื่อนไข 20 % และ 3.บัตรเครดิตเคทีซีให้เงินคืน 280 บาท เมื่อแลกช้อปด้วย KTC forever 1,999 คะแนน
สำหรับทั้ง 2 แคมเปญ ทั้งช้อปมันส์ 9 วันฉลองตรุษจีน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ แจกใหญ่ 3 อั่งเปา และ ขอสักครั้ง 5 วันพิเศษ ลดสูงสุด75 % ช้อปสนุกทางออนไลน์ในเว็บไซต์กับแอพลิเคชั่น King Power นั้น จะเน้นส่งเสริมการขายเมื่อสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการแคมเปญดังกล่าวเท่านั้น
โดยนักช้อปสามารถใช้สิทธิ์อย่างคุ้มค่าแบ่งจ่ายเป็นงวดแล้วยังได้กะรัตรีวอร์ดเป็นคะแนนสมสมด้วย
คือ 1.แบ่งจ่าย 0% ได้ถึง 31 ธันวาคม 2564 โดยแบ่งจ่ายนานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 15,000 บาทสุทธิ ต่อ 1 รายการสั่งซื้อ
หรือแบ่งจ่ายนานสูงสุด
6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทสุทธิ ต่อ 1 รายการสั่งซื้อ 2.รับคะแนนสะสมเป็นกะรัตได้
จากสิทธิ์สมาชิกบัตรคิง
เพาเวอร์ เมื่อสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ทุกรายการสามารถสะสมกะรัตหรือคะแนนในบัตรได้ตามยอด
เพื่อเก็บไว้แล้วนำมาแลกสิทธิ์อื่น ๆ ในโอกาสต่อไป
ข่าวที่ 2 คิง เพาเวอร์ชวนเล่าเรื่อง“พลังรอยยิ้ม”ลุ้นรับเสื้อTHAILAND SMILES
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ เชิญชวนเข้ามาร่วมแบ่งปัน “พลังแห่งรอยยิ้ม” โดยเล่าเรื่องราว
พร้อมแจ้ง ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อีเมล ผ่านทางเว็บไซต์ www.kingpower.com ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15
กุมภาพันธ์ 2564สามารถเข้ามาร่วมสนุกง่ายมาก
“เพียงบอกเล่าเรื่องราวหรือเคล็ดลับที่ทำให้ยังยิ้มได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน”
ที่ต้องเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
แล้วรับทันทีสิทธิ์ลุ้นรับ “เสื้อฟุตบอลสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ รุ่นพิเศษ THAILAND SMILES WITH YOU” มูลค่าตัวละ 2,500 บาท จำนวน 5 ตัว (รางวัลละ 1 ตัว) จะประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้โชคดีส่งอีเมลยืนยันรับสิทธิ์มายังอีเมล power@kingpower.com
ผู้โชคดีติดต่อรับของรางวัลได้ตั้งแต่วันที่
25 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2564 ที่เคาน์เตอร์บริการสมาชิกหรือ Member
Service คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5%
จากมูลค่าของรางวัล (มูลค่าของรางวัล 2,500 บาท) และไม่อนุญาตให้นำของรางวัลไปจำหน่ายหรือซื้อขาย
หากตรวจพบจะดำเนินคดีทางกฎหมายทันที
สำหรับเงื่อนไข ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 18.00 น. ประกาศผลวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้โชคดีได้รับการคัดเลือกจากคำตอบที่ถูกใจกรรมการมากที่สุด การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
ข่าวที่ 3 ททท.ชี้โควิด-19เปลี่ยนเทรนด์ท่องเที่ยวปีฉลูสู่6เทรนด์รุ่ง 6เทรนด์ร่วง
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์วิกฤตการระบาดของไวรัส COVID-19 ทาง ททท.ได้รวบรวมแนวโน้มหรือเทรนด์ธุรกิจที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตขนานใหญ่
กระแสคลื่นที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องไลฟ์สไตล์ของคน
ไปจนถึงธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นำไปสู่การปรับเทรนด์ปี
2564 ที่จะเกิด 6 ธุรกิจดาวรุ่ง และ 6 ธุรกิจดาวร่วงดังนี้
6 เทรนด์รุ่ง ประกอบด้วย
1. ธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) : การกักตัวอยู่บ้าน ทำให้อาหารจัดส่งถึงบ้านกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภค ซึ่งนอกจากร้านอาหารจะปรับตัวมาทำแบบนี้แล้ว โรงแรมและสายการบินก็ยังหันมาหารายได้จากธุรกิจนี้ด้วย
2.ตลาดค้าปลีกออนไลน์ (E-commerce) : ตลาดค้าปลีกออนไลน์ กลายเป็นช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค เมื่อต้องกักตัวอยู่บ้าน จึงมีการเติบโตที่น่าสนใจ
3.ท่องเที่ยวแบบผจญภัย (Adventure Tourism) : การแคมป์ปิ้งตามสถานที่ธรรมชาติ ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะตอบโจทย์การรักษาระยะห่างทางสังคม ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย
4.นักท่องเที่ยวเจน Y และ Z (GEN Y and GEN Z Tourist) : กลุ่มคนเจนเนอเรชัน Y และเจนเนอเรชัน Z ทั้ง 2 เจนเนอเรชันนี้ จะกลายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาแรง โดยข้อมูลจาก Deloitte Insights ระบุว่าในช่วงเมษายน – พฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มอายุ 18 – 34 ปี เป็นกลุ่มที่มองหาซื้อดีลท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด
5.ความบันเทิงและการท่องเที่ยวในบ้าน (Hometainment + Hometravel) : สื่อบันเทิงและศิลปะที่เจาะกลุ่มคนอยู่บ้านมากขึ้น เช่น การจัดคอนเสิร์ตแบบเสมือนจริง เดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์แบบเสมือนจริง หรือการลงทุนทำสตรีมมิ่งคอนเทนท์ผ่าน OTT TV เช่น Netflix ที่ลงทุนทำ Original Content มากที่สุดในตลาด
6.เกษตรประยุกต์ (Applied Farming) : กระแสที่มาควบคู่กับความยั่งยืน ก็คือการเกษตร ที่ประยุกต์ดัดแปลงเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือเป็นมากกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม เช่น ร้านกาแฟในทุ่งนา บุฟเฟต์ไร่ผลไม้ ร้านชาพรีเมียมในไร่ชา และฟาร์มสเตย์
6 เทรนด์ร่วง ประกอบด้วย
1.เรือสำราญ (Cruise Travel) : เนื่องจากการท่องเที่ยวบนเรือสำราญเป็นสถานที่ปิด และใช้เวลาเดินทางนาน ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส
2.สายการบิน (Airlines) : การเดินทางหยุดชะงัก เนื่องจากมาตรการปิดประเทศ ทำให้สายการบินหันมาพึ่งการขนส่งสินค้า และธุรกิจอื่น ๆ แทน
3.กลุ่มนักท่องเที่ยวสูงวัย (Baby Boomer Tourist) : คนสูงวัยเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 แล้วได้รับผลกระทบร้ายแรง ทำให้เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อที่ฟื้นตัวยากที่สุดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และบริษัทประกันมีแนวโน้มจะไม่อนุมัติ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง
4.ภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism) : อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่หยุดชะงัก ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายหันมาตระหนักถึงปัญหาภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมืองหรือ Overtourism ที่มีมาก่อนหน้า จนเกิดปัญหาระบบนิเวศน์และประชาชนท้องถิ่นถูกรบกวน โดยจะใช้ช่วงเวลาที่เงียบสงบ วางแผนป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก
5.โรงแรมและที่พัก (Hotel Industry) : ธุรกิจโรงแรมและที่พัก เป็นธุรกิจที่พึ่งพาเงินทุนหมุนเวียนมาก การหยุดชะงักของการท่องเที่ยว อาจทำให้ผู้ทำธุรกิจรายย่อยขาดสภาพคล่อง และยากที่จะฟื้นตัวกลับมาได้
6.กลุ่มทัวร์ (Tour group) : ทัวร์เป็นกลุ่ม กับคนหลากหลาย สุ่มเสี่ยงต่อโรคระบาด ทำให้อาจไม่ได้รับความนิยมไปอีกพักใหญ่ และเช่นเดียวกันกับธุรกิจโรงแรม ถ้าการท่องเที่ยวหยุดชะงัก ธุรกิจรายย่อยนั้นก็มีทุนหมุนเวียนน้อย ทำให้ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวได้อีก
ข่าวที่ 4 ททท.ปลุกทั่วไทยเร่งผลิตแพกเกจวางขายฟรีในห้างTATdepartmentstore
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้รณรงค์ให้ ททท.สำนักงานทั่วประเทศ ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียล มีเดีย และช่องทางต่าง ๆ ในระหว่างหยุดทำงานอยู่บ้านชั่วคราว ช่วยกันปลุกกระแสเชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ทั่วเมืองไทย ผลิตแพกเกจ และสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อนำมาวางขาย ผ่านช่องทางห้างออนไลน์ของ ททท.ใน www.tourismthailand.org/tourismdepartmentstore
ททท.เปิดให้นำมาวางขายฟรี
สมัครฟรีได้ทันทีโดยคลิกเข้ามาที่ คลิก https://bit.ly/39kAWyO
โครงการนี้จัดทำขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งช่วยกันมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกที่ดี
และขอความร่วมมือทุกคนเดินทางไปพักผ่อนโดยปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
ข่าวที่ 5 TCEBชี้เป้า3อันดับสถานที่จัดประชุมเมืองไทยมาแรงปี’64
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่าได้
จัดทำข้อมูลนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ Thai
Mice Connect ด้วยการจัดอันดับสถานที่จัดประชุมในเมืองไทยติด
3 อันดับมาแรงปี 2564 จึงแนะนำให้ลองใช้บริการ ประกอบด้วย
1.เดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร สถานที่จัดประชุมมาแรงอันดับ
1 ‘เดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ’ โรงแรมหรูระดับ 5
ดาว ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เดินทางง่าย สะดวก
และสามารถรองรับลูกค้าได้หลายระดับและจำนวนมากถึง 300 คน บริการดี
ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการจัดประชุม สัมมนาได้อย่างครบครัน
ติดต่อขอใบเสนอราคา : http://bit.ly/MICE-TheBerkeleyHotel
2. โรงแรมเลอ
แคสเซีย จ.ขอนแก่น - สถานที่จัดประชุมต่างจังหวัดที่มาแรงในปีที่ผ่านมาต้องยกให้
‘โรงแรมเลอ แคสเซีย’ ตั้งอยู่ที่ ถ.พิมพสุต ห่างจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นประมาณ 800
เมตร ความน่าสนใจของที่นี่คือ มีห้องพัก ห้องจัดกิจกรรมสัมมนา ประชุม
รวมไปถึงห้องจัดเลี้ยงคอยรองรับนักเดินทางไมซ์มากถึง 500 คน
และถ้าหากใครที่อยากจะมาจัดกิจกรรมทีมบิ้วดิ้ง
ที่นี่ก็มีโปรแกรมทัวร์แนวผจญภัยจัดเตรียมไว้ให้มาสนุกกันด้วย
รับรองได้ว่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน
ติดต่อขอใบเสนอราคา : http://bit.ly/MICE-LeCassiaHotel
3. โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง
จ.เชียงราย -เทรนด์การจัดงานแบบวิถีชุมชนกำลังมาแรง
ทำให้ที่ โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง จ.เชียงราย
เป็นสถานที่จัดงานไมซ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปีที่ผ่านมา
ที่นี่ผ่านการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์อาเซียนและการท่องเที่ยวโดยชุมชนอาเซียน
และยังสามารถรองรับการจัดงานไมซ์ ทั้งการประชุม สัมมนา หรือเอ้าท์ติ้งได้มากถึง 100 คน
คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองแท้ๆ พร้อมลิ้มรสชาติอาหารอร่อยๆ
และได้รับการพักผ่อนอย่างที่ชีวิตในเมืองกรุงไม่สามารถให้คุณได้
ติดต่อขอใบเสนอราคา : http://bit.ly/MICE-HomestayBanThaKhanThong
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยได้ช่วยชาติ ทริปนี้ชวน เช็คอินวิถีใหม่ “ล่องสองฝั่งโขง นครพนม-ท่าแขก สปป.ลาว” ดื่มด่ความสุขกลางลำน้ำแห่งชีวิตไทย-ลาว ขึ้นบกสักการะพระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วเมือง ต่อด้วย “6 เคล็ดลับแก้อาการเบื่อบ้าน Cabin Fever” และข่าวเด็ด ๆ “บางกอกแอร์” กลับมาบินเพิ่มอีก 2 เส้นทางแล้ว กรุงเทพฯ ไป-กลับ ตราด และสุโขทัย เริ่ม 1 ก.พ.64 “ครม.คลายเกณฑ์เราเที่ยวด้วยกัน” นักท่องเที่ยวที่จองช่วง ม.ค.-ก.พ.นี้ใช้สิทธิ์ได้ถึง เม.ย.64 และ “ชลบุรี” นำร่องประกาศปิดโรงแรมกับแหล่งท่องเที่ยว เพื่อช่วยเอกชนขอเงินรัฐเยียวยาพยุงการจ้างงานและธุรกิจให้รอดต่อไป
เที่ยวฟินเช็คอินวิถิใหม่ล่องเรือสองฝั่งโขงนครพนม-ท่าแขกสสป.ลาว
ไปปักหมุดหยุดเที่ยว “นครพนม” เช็คอินวิถีใหม่ด้วยการนั่งเรือชมวิวสองฝั่งแม่น้ำโขง “นครพนม” และเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว
รอแดดร่มลมตกจะเห็นท้องฟ้าสาดแสงสีทองยามเย็นสวยงาม มุ่งหน้าไปซื้อตั๋วตรงจุดลงเรือ บริเวณหน้า”ตลาดอินโดจีน” ริมแม่น้ำโขง ห่างจากลานพญาศรีสัตตนาคราชเพียง 300 เมตรเท่านั้น ราคาตั๋วเรือคนละ 50 บาท ใช้เวลาล่องประมาณ 1 ชั่วโมง
ระหว่างรอเวลาขึ้นเรือล่องแม่น้ำโขง สามารถเดินเที่ยวกินลมชมวิวไปเรื่อย ๆ ในบรรยากาศสตรีทฟู้ดท้องถิ่นมีของกินตลอดเส้นทาง
พอถึงเวลาก็เดินลงบันไดไปขึ้นเรือได้ โดยจะแล่นออกจากฝั่งหน้าตลาดอินโดจีนราว 5 โมงเย็น เรือจะค่อย ๆ แล่นผ่านองค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์กเมืองนครพนม หอนาฬิกา จวนผู้ว่าหลังเก่า ไปจนถึงรองอาสนวิหารนักบุญอันนา จากนั้นก็จะเปลี่ยนข้างข้ามโขงไปเลียบริมฝั่งเมืองท่าแขก วกกลับมายังฝั่งไทย
ในจังหวัดนครพนม นอกจากล่องเรือสองฝั่งโขงยามเย็นแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งศรัทธาอีกหลากหลายแห่งที่ได้รับความนิยม อย่างการไปสักการะองค์พระธาตุพนม ชมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ไหว้ บูชาองค์พญาศรีสัตตนาคราช
ปัจจุบันทางบริษัท วิน วิน สมายล์ แนะนำโปรแกรมท่องเที่ยว นครพนม แบบฟิน ฟิน สามารถเช็คอิน วิถิใหม่ได้ เที่ยว 3 อาคารสวยเมืองนครพนม ล่องเรือแม่น้ำโขง ถนนคนเดินนครพนม ย่านบ้านเก่าริมโขง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.086 336 9708, 086 338 4417 หรือ แอดไลน์ line
ID : @winwinsmile
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19) ทำให้เราต้องอยู่แต่บ้านนาน ๆ
จนอาจเกิดอาการเบื่อบ้านหรือ Cabin Fever ขึ้นมา เป็นอารมณ์ในแง่ลบและความรู้สึกเป็นทุกข์หรือกังวลใจที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยว
รู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยเฉพาะในช่วง COVID-19 ที่บีบให้เราต้องเว้นระยะห่างทางสังคมหรือกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลานาน
จนก่อตัวเป็นความรู้สึกเบื่อมากจนกระสับกระส่าย แรงกระตุ้นให้ทำสิ่งต่าง ๆ ลดน้อยลง หงุดหงิดง่าย รู้สึกสิ้นหวัง ซึมเศร้า ความอดทนต่ำ ไม่มีสมาธิ มีปัญหาด้านการนอนหลับหรือตื่นยากขึ้น แม้อาการเบื่อบ้านจะไม่ถูกจัดเป็นโรคความผิดปกติทางจิต แต่ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องจริง และภาวะ Cabin Fever ยังส่งผลเราทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ยากลำบากมากขึ้นด้วย
สำหรับ Cabin Fever ไม่ถือว่าเป็นโรค จึงไม่มีแนวทางการรักษาที่เฉพาะ แต่เราอาจลดอาการเบื่อบ้านและรักษาสุขภาพจิตให้ดีขึ้นด้วยเคล็ดลับดังต่อไปนี้
1.ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างตรงเวลาและเป็นกิจวัตร -กิจกรรมที่ว่านี้เริ่มต้นตั้งแต่ตื่นนอน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 3 มื้อ ทำงานบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท ออกกำลังกาย และเข้านอน หากเราทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามตารางเวลาที่จัดไว้อย่างเป็นระบบ นอกจากจะเพิ่มพูนความภาคภูมิใจจากความสำเร็จเล็ก ๆ ในแต่ละวันแล้ว ยังคลายความกังวลได้ด้วย
2.ติดต่อคนรอบข้างผ่านเทคโนโลยี - โดยอาจเลือกการพูดคุยหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันผ่านโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ หรือจะใช้การติดต่อที่เบสิคอย่างการเขียนจดหมายหากันก็ดูคลาสสิกไปอีกแบบ
3.หางานอดิเรกใหม่ ๆ หรือกิจกรรมที่ชอบ เช่น เรียนภาษาที่ 3 ทำอาหาร ถ่ายภาพ วาดรูป เล่นดนตรี ฝึกนั่งสมาธิ หรือเรียนโยคะ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ แถมยังขจัดความเบื่อหน่าย ลดอาการ Cabin Fever ไปในตัวด้วย
4.ออกกำลังกายเป็นประจำ จากงาวิจัยจำนวนหนึ่งชี้ให้เห็นว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิกซึ่งก็คือการออกกำลังกายที่ใช้อากาศหรือออกซิเจนในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนในร่างกาย อย่างการวิ่ง การว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ อาจเทียบได้กับยารักษาโรคซึมเศร้า เพราะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ทำให้รู้สึกดี ลดอาการวิตกกังวลและซึมเศร้า และช่วยให้อาการนอนไม่หลับดีขึ้นด้วย โดยควรใช้เวลาอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมทั้งควรออกกำลังกายแบบเพิ่มกล้ามเนื้อที่ได้ผลเช่นกัน เช่น วิดพื้น ท่าสควอช ท่าเบอร์พี ท่าลันจ์ ท่าแพลงค์
5.เสพสื่อและใช้เวลากับหน้าจอโทรศัพท์ให้น้อยลง ใช้เวลากับสิ่งเหล่านี้ให้น้อยลงหรืออยู่กับมันเพียงวันละ 2 ชั่วโมง จึงช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะเราอาจไม่รู้ตัวเลยว่า การใช้เวลาดูละคร ซีรีส์ ข่าว การใช้โซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งการเล่มเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด โดยมีการศึกษาพบว่า พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้คนซึมเศร้าและสิ้นหวัง อาจนำชีวิตของตัวเองไปเปรียบเทียบกับชีวิตคนอื่นที่มักแสดงด้านดี ๆ และด้านที่มีความสุข จนเราเองรู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อย ไม่มีคุณค่า และเกิดความวิตกกังวลตามมา
6.ออกไปนอกบ้านดูบ้าง มีงานวิจัยกล่าวว่า การทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกไปนอกบ้านจะช่วยให้จิตใจผ่องใส บรรเทาความเครียด นอนหลับได้ดีขึ้น และยังพัฒนาการทำงานของสมองด้วย แม้ในช่วงการระบาดของโรคเช่นนี้ การออกไปนอกบ้านอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีมากนัก แต่เราก็สามารถป้องกันตนเองได้โดยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เลือกสถานที่ที่คนไม่พลุ่กพล่าน แออัด หากยังกังวลก็อาจลองเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าหรือลองปลูกต้นไม้ที่ชอบไว้ตามระเบียง เท่านี้อาการเบื่อบ้านก็อาจหายไปได้
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก บางกอกแอร์เวย์สเปิดบินแล้ว2จุดบินกรุงเทพฯสู่ตราดและสุโขทัย 1 ก.พ.64
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รายงานว่า พร้อมกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบิน ไป-กลับ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ – ตราด และกรุงเทพฯ – สุโขทัย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป จะทำให้มีเที่ยวบินบริการรวม 7 เส้นทาง ดังนี้ กรุงเทพฯ ไป–กลับ สมุย ภูเก็ต กระบี่ (ไป-กลับ) ลำปาง เชียงใหม่ ตราด และสุโขทัย
ส่วนเส้นทาง ไป-กลับ ภูเก็ต สู่ปลายทาง หาดใหญ่ อู่ตะเภา และสมุย ยังคงยกเลิกให้บริการชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2564
ขณะที่สำนักงานขายตั๋วเครื่องบินของบางกอกแอร์เวย์สตามจุดต่าง ๆ ยังคงปิดชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 คือ สำนักงานบางกอกแอร์เวย์สถนนวิภาวดีรังสิต และห้องรับรองผู้โดยสารทุกประเภท รวมทั้งมุมให้บริการของว่างและเครื่องดื่มเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้เวลาเปิดทำการของสนามบินสมุย
สนามบินสุโขทัย และสนามบินตราด จะปรับเวลาชั่วคราว ไปจนถึงวันที่
27 มีนาคม 2564 คือ สมุย 09.00 น. – 19.30 น.สุโขทัย 06.00 น. – 20.00 น. ตราด 08.00 น. – 17.00 น.
ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบินได้ทาง
www.bangkokair.com/flight/flightSchedule
หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call
Center) โทร 1771 หรือ 02-270-6699 ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.
PG Live Chat:
https://bit.ly/PGLiveChatTH
ข่าวที่สอง ครม.คลายเกณฑ์ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันนักท่องเที่ยวจองพักม.ค.-ก.พ.64
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 26 มกราคม 2564 เห็นชอบตามรายงานที่จะยืดหยุ่นโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการปรับเกณฑ์เพิ่มเติมตามข้อเสนอล่าสุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้ปรับเกณฑ์เงื่อนไขรายละเอียดของโครงการให้ครอบคลุมแก่ผู้ได้รับสิทธิจากการจองที่พักไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 และกลุ่มใหม่ที่จองที่พักระหว่างมกราคม-กุมภาพันธ์ นี้ สามารถใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันเลื่อนการเดินทางอออกไปได้จนถึงเมษายน 2564
ขณะเดียวกันพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ททท. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งหารือกับทางกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการเปลี่ยนหลักเกณ์และเงื่อนไขรายละเอียดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์และมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องเข้าใจรายละเอียดการที่เปลี่ยนแปลงโดยเร็วที่สุด
ข่าวที่สาม ผู้ว่าฯชลบุรีสั่งปิดโรงแรม/แหล่งเที่ยวชั่วคราวช่วยพยุงธุรกิจทั้งระบบ
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ได้นำร่องประกาศคำสั่ง คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรีฉบับที่ 12/64 ลงวันที่ 28 มกราคม 2564 มีมติให้ ปิดโรงแรมหรือสถานประกอบการในลักษณะคล้ายโรงแรม และปิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งของราชการและเอกชนในจังหวัดชลบุรีในจังหวัดชลบุรี เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ซึ่งเป็นมาตรการช่วยผู้ประกอบการโรงแรมและพนักงานได้รับสิทธิเงินอุดหนุนจากภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากปัจจุบันถึงจะเปิดบริการก็มีนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้จ่ายเงินน้อยมากไม่เพียงพอจะดำเนินธุรกิจอยู่ได้
ในประกาศคำสั่งฉบับดังกล่าว ระบุให้เจ้าของกิจการดูแลช่วยเหลือลูกจ้าง ในสถานประกอบการเพื่อให้ชะลอการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดชลบุรี หากสถานประกอบการใดยังมีผู้ใช้บริการ หรือมีความประสงค์ยังไม่ปิดบริการให้แจ้งนายอำเภอในท้องที่ภายใน 7 วัน (นับจากวันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้)
ทั้งนี้ ก่อนมีประกาศคำสั่งดังกล่าว
นายภัครธรณ์ เทียนไชย
ได้รับหนังสือจากสมาคมโรงแรมภาคตะวันออกถึงความเดือดร้อนเพราะยอดจองห้องพักในพัทยาได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่
จนโรงแรมขนาดใหญ่เตรียมตัดสินใจขายกิจการ
แต่หากรัฐสั่งปิดกิจการโรงแรมเพื่อรับสิทธิ์เยียวยาตามที่ ศบค.เห็นชอบ
ก็จะสามารถรักษาธุรกิจไว้ได้อีกสักระยะ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น