ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.โคราชงัดCool Isan@นครราชสีมา/ชัยภูมิพยุงรายได้ปีวัว3หมื่นล้าน โหมจุดขายเที่ยวสุขภาพสุดเซฟตี้3ไฮไลต์“เขาใหญ่-วังน้ำเขียว-ในเมือง”

ททท.โคราชงัดCool Isan@นครราชสีมา/ชัยภูมิพยุงรายได้ปีวัว3หมื่นล้าน

โหมจุดขายเที่ยวสุขภาพสุดเซฟตี้3ไฮไลต์“เขาใหญ่-วังน้ำเขียว-ในเมือง”

คิง เพาเวอร์”แจกใหญ่3อั่งเปาช้อปมันส์9วันฉลองตรุษจีน23-31ม.ค.64

คิง เพาเวอร์ รางน้ำเดินหน้าใช้4มาตรการให้ช้อปอย่างปลอดภัยขั้นสูงสุด

ททท.งัดE-bookพยากรณ์9แนโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวปลุกธุรกิจปรับตัว

TCEBกอดคอ13สมาคมระดมเร่งธุรกิจไมซ์ไทยโตปีวัวดุ64พ้นภัยโควิด-19

“น่าน”ชวนไปเติมสีสันความสุขฤดูกาลชมทุ่งดอกซากุระบานอุทยานันทบุรี

ย้ำกันชัดๆ “วิธีใช้หน้ากากอนามัย”อย่างถูกต้องและปลอดภัยช่วงโควิด19

“คมนาคม”สั่งกบร.อุ้มสายการบินด่วน3เรื่องพยุงท่องเที่ยวในประเทศรอด

“รมว.คลัง”ลั่นดันแก้เกณฑ์ปล่อยกู้ซอฟท์โลนช่วยแอร์ไลน์-โรงแรมทั่วไทย

“ไทยสมายล์”ยกเลิกบินชั่วคราว-ลดความถี่เส้นทางทั่วไทยถึง31ม.ค.64

 

นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด 

ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงงานนครราชสีมา

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  ฟัง Live สด FM97.0 MHz. https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1550047625189290&id=100005522016696

ช่วงที่ 1 สำรวจแนวรุกมหานครเมืองท่องเที่ยวแห่งอีสานกับ “รุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา งัด “More Cool Isan&นครราชสีมา/ชัยภูมิ” พยุงรายได้ปีฉลู 30,000 ล้านบาท ลุยจัดแถวสินค้าท่องเที่ยวสุขภาพ อากาศบริสุทธิ์ อาหารสะอาด พื้นที่เสี่ยงต่ำโควิด ต้อนรับกลุ่ม F.I.T.ขับรถเที่ยว แนะ 2 เส้นทางยอดฮิต “ปากช่อง-เขาใหญ่-วังน้ำเขียว” กับ “เที่ยวในเมืองย่าโม” ส่วนชัยภูมิเปิดอุทยานแห่งชาติดัง “ป่าหินงาม-ตาดโตน-ภูแลนคา” คืนความสุขเที่ยวธรรมชาติอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปี 2564 วางกลยุทธ์ทำกิจกรรมโครงการรณรงค์การท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ 2 จังหวัด นครราชสีมากับชัยภูมิ ชูจุดแข็งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวครองใจคนไทยทั้งประเทศที่จะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สัมผัสอากาศดี กินอาหารอร่อย ปลอดภัยจากโควิด-19  จึงวางแผนสนองนโยบายรัฐบาลด้วยการเพิ่มความถี่ควบคู่การกระจายรายได้เข้าทั้ง 2 จังหวัด สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ชุมชนและธุรกิจเกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวด้วยโครงการ “More Cool Isan : อีสานมีความสุขมากกว่า” ได้ทั้งความประทับใจ เที่ยวอย่างรับผิดชอบ ภายใต้ธีม “More Cool Isan@นครราชสีมา/ชัยภูมิ” ด้วยกลยุทธ์ลงลึกเจาะรายเซ็กเมนท์กลุ่มนักท่องเที่ยว

 


พุ่งเป้ากระตุ้นนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระ F.I.T.ขับรถท่องเที่ยวเองเนื่องจากระยะทางจากกรุงเทพฯ สู่นครราชสีมา 250 กม.และชัยภูมิ 300 กม.จึงน่าจะโดนใจกลุ่มคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งคนจำนวนมากอาจต้องการเดินทางหลังจากต้องหยุดทำงานอยู่บ้านมานาน

ททท.นครราชสีมาพร้อมจะนำเสนอ “สินค้าท่องเที่ยว” ให้โดนใจทั้งนักท่องเที่ยว 2 กลุ่มหลัก ครอบครัว เพื่อนฝูง สามารถเช็คอินบริเวณแหล่งท่องเที่ยวหลัก  เส้นทางที่ 1 เขาใหญ่-ปากช่อง-วังน้ำเขียว ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นแม่เหล็กใหญ่ทั้งสิ่งแวดล้อมเขียวขจี เป็นปอดของประเทศ รวมทั้งมีโรงแรมที่พักมีจำนวนเกือบ 10,000 ห้อง ได้การรับรองมาตรฐานตราสัญลักษณ์ Amazing Thailand Safety & Health Administration :SHA จำนวน 60 แห่ง กระจายอยู่แถบเขาใหญ่ 45 แห่ง

ขณะเดียวกันบริเวณเขาใหญ่มีไฮไลต์สินค้าท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1.แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ 2.ปลูกผักปลอดสารพิษ สวนผลไม้ แต่ละเดือนจะมีผลไม้บริการต่างกันไป เนื่องจากดิน น้ำ อากาศดี ช่วงรอยต่อระหว่างปากช่อง วังน้ำเขียว จึงได้ผลผลิตผัก ผลไม้ รสชาติอร่อย เช่น มะม่วงของชาวสวนรุ่นใหม่ออกผลตลอดทั้งปี

 


3.ไหว้พระขอพรตอนนี้นิยมไปวัด “เทพพิทักษ์ปุณาราม-วัดผ้าขาวกลางดง” แล้วยังสามารถไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ “มูลนิธิดาวดึงส์ธรรม” สร้างเจ้าแม่กวนอิมและองค์เทพเจ้า มีวิหารเซียน ศูนย์รวมพระพุทธรูปด้วย 4.แหล่งท่องเที่ยวฟาร์ม ได้แก่ ฟาร์มโชคชัย โดยเฉพาะที่เขาใหญ่วิลเลจฟาร์ม นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวสามารถมาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เลี้ยงไก่ เก็บไข่ไก่ ปลูกผัก ทำอาหารกินด้วยกัน ทั้ง 2 ฟาร์มได้รับมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA ตอนนี้ได้เตรียมเพิ่มมาตรการทำกิจกรรมห่างไกลปลอดภัยจากโควิด

 

เส้นทางที่ 2 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนครราชสีมา มีโรงแรมที่ได้ตราสัญลักษณ์ SHA มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่อย่าง “แคนทารี” จากนั้นสามารถไปทำกิจกรรมท่องเที่ยว ไหว้ขอพรย่าโม-ท่านท้าวสุรนารี พร้อม ๆ กับฟังเพลงโคราชจากศิลปินพื้นเมือง “หมอเพลงโคราช” เพลงจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะที่สื่อสารได้ถึงวิถีชีวิตที่หมอเพลงจะมาร้องให้ฟังฟรีบริเวณใกล้ลานย่าโม-ท้าวสุรนารี รวมทั้งยังเลือกไปเที่ยว “พิพิธภัณฑ์โบราณ” ในราชภัฏนครราชสีมา รวบรวมเรื่องราวประวัติความเป็นมาทั้งหมด ต่อด้วย “อาหารถิ่น” เมนูแรก “หมี่โคราช” มีถึง 5 อำเภอปรุงหมี่โคราชขายออนไลน์ช่วงหยุดเชื้อ เพื่อชาติ สถานการณ์โควิด-19 ร้านแนะนำ เช่น เมลโล่ กะลาก้นครัว และอีกหลายร้าน เมนูที่สอง “ขนมจีนประโดก” อยู่ใกล้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี มีผักปลอดสารกินไปด้วยกัน

 


การเดินทางไปท่องเที่ยวนครราชสีมา แนะนำนักท่องเที่ยวพักค้างคืน 2 วัน 1 คืน เลือกพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน ไปสัมผัสประสบการณ์กินอาหารอร่อย และเลือกเดินทางไปตามท่องเที่ยวที่ ททท.แนะนำไปข้างต้น ขณะนี้ได้รณรงค์ให้ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว เข้าร่วมรับตราสัญลักษณ์ SHA

ผอ.รุ่งทิพย์กล่าวว่า ระหว่างนี้ยังได้ร่วมมือกับทางบริษัทบริหารจัดการนำเที่ยว Destination Management Company :DMC และนักท่องเที่ยวอิสระที่ขับรถมาเที่ยวนครราชสีมา ได้เลือกเส้นทางกับโปรแกรมตัวอย่างที่ ททท.จัดเตรียมไว้ให้เลือกใช้บริการผ่านช่องทาง facebookททท.นครราชสีมา เพียงแค่ลิงค์เข้าไปสอบถามจะมีเจ้าหน้าที่คอยตอบเรื่องการดีไซน์แพกเกจท่องเที่ยว



เมื่อมาเที่ยวนครราชสีมาแล้วก็ควรจะขับต่อไปเที่ยว “ชัยภูมิ” ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอุทยานแห่งชาติสวย ๆ หลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นแหล่งปลูกผักผลไม้รสอร่อยเหมือนกัน ช่วงกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ของทุกปี ถึงแม้จะยังไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวทุ่งดอกกระเจียว แต่อากาศช่วงนี้ดีเย็นสบาย มีประติมากรรมลานหิน ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้

ส่วนบริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จะมีชุมชนเปิดบริการร้านอาหารเตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะออกจากบ้านมาท่องเที่ยวช่วงหลังโควิดรอบใหม่อย่างปลอดภัย

เส้นทาง “ท่องเที่ยวในเมืองชัยภูมิ” มีสถานที่กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “เจ้าพ่อพญาแล” สามารถพักค้างคืนที่ “โรงแรมเลิศนิมิตร” ซึ่งได้รับตราสัญลักษณ์ SHA กำลังรอนักท่องเที่ยว

 

น้ำตกตาดโตน จ.ชัยภูมิ

เส้นทางต่อไป “น้ำตกตาดโตน” ในอุทยานแห่งชาติตาดโดนรอยต่ออุทยานแห่งชาติภูแลนคา ได้ด้วย ช่วงมีนาคม-เมษายน ของปี จะได้ดื่มด่ำกับน้ำตกเย็นฉ่ำ รอบอุทยานมีหมู่บ้าน “ปลูกสับปะรดและผลไม้” แวะซื้อได้ แต่ละฤดูจะมีผลสลับให้กิน เช่น มะม่วง ลำไย และสามารถเดินทางไปชมประติมากรรมหินธรรมชาติรูปทรงต่าง ๆ ที่ “มอหินขาว” สามารถพักค้างคืนบนอุทยานทั้งสองแห่งได้ เพื่อนอนชมดาวยามค่ำคืน นักท่องเที่ยวสามารถสอบถาม ททท.หรือ DMC ในพื้นที่ได้

ผอ.รุ่งทิพย์ กล่าวว่า ปี 2564 ททท.นครราชสีมา ตั้งเป้าหมายจะทำรายได้ตามปกติเฉลี่ยทั้งปี นครราชสีมากับชัยภูมิทำได้ประมาณปีละ 30,000 ล้านบาท แต่พอเกิดสถานการณ์โควิดรอบสองก็ต้องปรับเป้าหมายใหม่อีกครั้ง แต่ในช่วงมกราคมนี้ “นครราชสีมา” มีอัตราเข้าพัก 30-40 % ส่วนชัยภูมิมี 20 % ภายใต้สถานการณ์ที่ทางผู้ว่าราชการทั้ง 2 จังหวัดมีมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตัวอย่าง นักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่สีแดงจะต้องตรวจความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตามขั้นตอนกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มข้น ส่วนกลุ่มที่มาจากพื้นที่สีอื่น ๆ ก็ปฏิบัติตามมาตรการปกติ

รวมถึงได้ประเมินสถานการณ์หลังโควิด-19 คลี่คลาย ช่วงมีนาคมนี้เป็นต้นไป จะสามารถสร้างกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางให้เกิดความถี่เข้ามาเที่ยวซ้ำมากขึ้น เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มได้ เพื่อสนองนโยบาย ผู้ว่าการ และผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งมีความสะดวก ปลอดภัย โดยเฉพาะนครราชสีมา กับชัยภูมิ สามารถเดินทางโดยรถยนต์ที่คนกรุงเทพฯ เลือกมาเที่ยว และเป็นสถานที่หลักของคนอีสานอีก 19 จังหวัด เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันเองด้วย

 

ระหว่างนี้ ททท.สำนักงานนครราชสีมา ได้ใช้เวลาในช่วงการหยุดทำงานอยู่บ้าน ประชุม คอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับทางสำนักงานใหญ่ แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปรับแผนตลาดท่องเที่ยว นครราชสีมา ชัยภูมิ ทั้งระยะสั้น-ระยะกลาง-ระยะยาว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งในโอกาสต่อไป

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิง เพาเวอร์”แจกใหญ่3อั่งเปาช้อปมันส์9วันฉลองตรุษจีน23-31ม.ค.64

               กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เชิญชวนมาสัมผัสการแจกใหญ่ 3 อั่งเปา กับแคมเปญสุดคุ้ม “ช้อปมันส์ 9 วัน ฉลองตรุษจีน” มาช้อปต้อนรับเทศกาลความสุข เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 มกราคม ถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ทุกวัน เพื่อรับ อั่งเปาที่ 1 ส่วนลดสูงสุดทันทีสินค้าที่เข้าร่วมโครงการมากถึง 30% อั่งเปาที่ 2  เข้าไปเพียงลงทะเบียนก่อนช้อป แล้วรับฟรี! คูปองส่วนลด 2 ใบ ใบแรกคูปองส่วนลด 1,500 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จ ใบที่สองคูปองลด 5,000 บาท เมื่อช้อป 50,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จอั่งเปาที่ 3 รับฟรี! คูปองรับประทานอาหาร 300 บาท ที่ THAI TASTE HUB ชั้น 3 เมื่อช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ)/ใบเสร็จ คนละ 1 สิทธิ์/วัน

นักช้อปสามารถใช้บริการจากแคมเปญ “ช้อปมันส์ 9 วัน ฉลองตรุษจีน” ประกอบด้วย

สิทธิ์ที่  1 รับส่วนลด 30% สินค้าที่ร่วมรายการซึ่งสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ขาย อีกทั้งยังสามารถใช้ยอดเงินในบัญชีที่ได้รับจากการสมัครสมาชิกเป็นคูปองส่วนลดมูลค่า 1,500 บาท เมื่อซื้อสินค้า 20,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) และ คูปองส่วนลดมูลค่า  5,000 บาท เมื่อการซื้อสินค้า 50,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) แต่จะไม่สามารถใช้ส่วนลดร่วมจากบัตรสมาชิก คิง เพาเวอร์ สินค้าบริการส่งถึงบ้าน และสินค้าลักชัวรี่แบรนด์เนม 


สิทธิ์ที่ 2 คูปองรับประทานอาหาร แลกรับสิทธิ์ได้คนละ 1 สิทธิ์ /วัน ซึ่งจะใช้ได้กับสาขาที่แลกรับและจะหมดอายุการใช้งานภายในวันที่แลกรับคูปอง โดยสามารถใช้ร่วมกับส่วนลด 30% หรือ ส่วนลดต่าง ๆ เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ได้แก่ สมาชิก คิง เพาเวอร์ สินค้าส่งตรงถึงบ้าน (Home Delivery) หรือ สินค้าลักชัวรี่แบรนด์เนม

วิธีใช้คูปองรับประทานอาหารมูลค่า 300 บาท ที่ Thai Taste Hub จะต้องนำคูปองไปแลกบัตรเงินสด  (Cash Card) เพื่อชำระค่าอาหาร ไม่สามารถแลกคืน หรือทอนเป็นเงินสด

 


ข่าวที่ 2 คิง เพาเวอร์ รางน้ำเดินหน้า4มาตรการให้ทุกคนช้อปปลอดภัยขั้นสูงสุด

คิง เพาเวอร์ ดำเนินการเปิดให้บริการร้านค้าด้วยมาตรฐานสุขอนามัยระดับสากล ตามมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด ด้วย 4 มาตรการความสะอาด สร้างความมั่นใจ เสริมสุขอนามัย ในทุกพื้นที่บริการ ทั้งนี้ยังได้ดำเนินการเพิ่มเติมจากมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยที่ดำเนินการอยู่แล้ว โดยได้ทำ ความสะอาด Big Cleaning และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคทุกจุดสัมผัสทั่วทุกบริเวณใน คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ ทั้งในส่วนร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ

โดยจะยังคงป้องกันควบคุมเชิงรุกตั้งแต่การคัดกรอง การเฝ้าระวังติดตาม การรักษาความสะอาด การลดการสัมผัส รวมทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของลูกค้า คู่ค้า พนักงาน อย่างสูงสุด ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และร้านอาหาร THAI TASTE HUB KING POWER RANGNAM ชั้น 3 พร้อมให้ลูกค้าทุกท่านมาสัมผัส ประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างปลอดภัยแล้ววันนี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1631 หรือ Facebook KingPowerOfficial


ยุทธศาสตร์ที่เตรียมพร้อมในทุกพื้นที่บริการเพื่อให้ลูกค้าช้อปปิ้งได้อย่างมั่นใจ กับ 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่

1.      Safety Place “อุ่นใจ” ทุกสัมผัสในทุกพื้นที่บริการ ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยของพื้นที่และความสะอาด ปลอดเชื้อของเครื่องใช้และอุปกรณ์ทุกชิ้นที่นำมาใช้ในการให้บริการ

2.      Screen & Scan “ห่วงใย” ด้วยการคัดกรองทั้งระบบ ภายใต้ข้อปฏิบัติใหม่ของสังคม ที่ช่วยป้องกันการแพร่ ระบาดทั้งในส่วนของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ด้วยการคัดกรองและติดตามอย่างเข้มข้น

3.      Social Distancing “มั่นใจ” ด้วยการเพิ่มระยะห่าง ลดความแออัด และลดการสัมผัส ด้วยระบบการจัดการ พื้นที่ และการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย และสร้างความมั่นใจตลอดการใช้บริการ

4.      Safety Service & Payment “ปลอดภัย” ตอกย้ำการบริการที่สะอาด ปลอดเชื้อ และปลอดภัย

คิง เพาเวอร์ มีความมั่นใจในมาตรการด้านสุขอนามัยสำหรับการเปิดให้บริการทุกพื้นที่อีกครั้ง และยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐาน  พร้อมยกระดับการให้บริการในบรรทัดฐานใหม่ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ดีพร้อมในทุกมิติ

ส่วนการบริหารจัดการจำนวนผู้เข้าใช้ดำเนินการผ่านบริการ Innovative Real Time Dashboard เพื่อยกระดับมาตรการ สุขอนามัย ภายใต้ยุทธศาสตร์  “KING POWER CARE POWER สร้างความมั่นใจ เสริมสุขอนามัย ในทุกพื้นที่บริการ” โดยจะทำการประมวลผลจำนวนผู้เข้าใช้บริการในอาคารทั้งหมด พร้อมแสดงจำนวนผู้เข้าใช้บริการในแต่ละพื้นที่แบบ Real Time หลังจากที่ผู้เข้าใช้บริการลงทะเบียนสแกน QR Code ผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ตามมาตรการของศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อใช้เป็นช่องทางบันทึกข้อมูลการใช้บริการในสถานที่ต่างๆ ของประชาชน ซึ่ง Innovative Real Time Dashboard สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการวางแผนเข้าใช้บริการในพื้นที่ และยังสามารถช่วย บริหารจัดการจำนวนผู้เข้าใช้บริการแต่ละพื้นที่ได้ตามหลักเกณฑ์ 1 คน ต่อ 5 ตารางเมตร

ข่าวที่ ททท.งัดE-bookพยากรณ์9แนโน้มใหม่อนาคตท่องเที่ยวปลุกธุรกิจปรับตัว

 

 

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.จัดทำ E-book ประมวลเทรนด์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว “9 แนวโน้มใหม่ในอนาคตการท่องเที่ยว” โดยได้นำเสนอข้อมูลการวิเคราะห์พฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระดับโลกและในประเทศไทย หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบภาพรวมทางเศรษฐกิจ ทิศทางและรูปแบบการท่องเที่ยว เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กำกับดูแลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

                เนื้อหาสำคัญได้กล่าวถึงเรื่อง “การเปลี่ยนไปของแนวคิดการท่องเที่ยว -กระบวนการกลายเป็นเมืองและความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” ระดับมหภาค อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สังคมสูงวัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อ ที่มีผลต่อการคิดและตัดสินใจที่จะเลือกท่องเที่ยวรูปแบบใหม่

1.กระบวนการกลายเป็นเมืองและความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (urbanization and Tourism)

2.การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว(Technological Disruptionand Tourism Industry)

3.เศรษฐกิจสามสีกับการท่องเที่ยว(Three Colors Economy and Tourism) สีเขียว สื่อถึงเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สีเงิน สื่อถึงสีผมของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของระบบเศรษฐกิจทั่วโลก สีทอง” สื่อถึงยุคทองของระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

โดยเฉพาะแนวโน้มเรื่องแรก “ทิศทางและรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ที่เกิดขึ้น” ได้แก่ 1. การท่องเที่ยวมูลค่าสูง (High-Value Tourism)  2.การท่องเที่ยวเชิงชอปปิงและกรณีศึกษาที่ดีในระดับโลก(Shopping Tourism and Global Best Practices) 3. การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism)  2.4 การท่องเที่ยวที่มีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา (Motion-Based Tourism)

แนวโน้มเรื่องที่ 2 “แนวทางใหม่ในการกำกับดูแลการท่องเที่ยว” ได้แก่ 1. พื้นที่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว (Tourist Limitation Zone) 2. ภาษีการท่องเที่ยว(Taxation and Tourism) เช่น ภาษีโรงแรมและที่พัก (Hotel and Accommodation) ภาษีสิ่งแวดล้อม (Environment) ส่ว น ล ด ภ า ษีอุป โ ภ ค บ ริโ ภ ค (Reduced Rates of Consumption Tax) สิ่งจูงใจทางภาษี (Incentives) โอกาสในการเก็บภาษี

ในประเทศไทยเรื่องภาษีการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ตามรายงานปี 2562 ไทยจัดเก็บภาษีท่องเที่ยวได้มูลค่าสูงถึง 88,709 ล้านบาท โดยจัดเก็บจากรายได้รวมในการท่องเที่ยวกว่า 2.9 ล้านล้านบาท แต่ก็ยังไม่ได้มีมาตรการทางภาษีการท่องเที่ยว ภาษีโรงแรมและที่พัก ภาษีสิ่งแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเก็บภาษีการท่องเที่ยวของประเทศไทยในทั้ง 2 ส่วนนี้

                ขณะเดียวกันจากสถิติ แนวโน้มเรื่อง “การกลายเป็นเมืองทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ” ธนาคารแห่งประเทศไทย กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานพร้อมยืนยันช่วงปี 2560-2561-2562 ภาคการท่องเที่ยวเติบโตเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญเรียงตามลำดับ ได้แก่ 2.78% 2.91 % และ 2.98 %

                ส่งผลต่อ “ภาวะเศรษฐกิจ” พื้นที่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ มีนิติบุคคลใหม่จดทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 34.71 % ทางด้านเทคโนโลยีมีอัตราการเข้าถึงบริการอินเตอร์ความเร็วสูงต่อจำนวนครัวเรือนปี 2562 ทะยานเพิ่มขึ้น 14.45 %

e-book เล่มนี้ได้นำโมเดลศึกษาจากเมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม เป็นต้นแบบการศึกษา โดยมีแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยววิถีเมืองหลักทั้งสิ้น 3 แนวทาง ได้แก่ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการขนส่งที่หลากหลาย 2.การให้ความสำคัญกับสมาชิกเมืองทุกภาคส่วน และ 3.ผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาครัฐและเอกชน

โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่อาศัยกระบวนการกลายเป็นเมืองเพื่อขับเคลื่อนให้สามารถต่อยอดการท่องเที่ยวนำไปสู่พัฒนาเมือง ได้ทั้งสิ้น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.การพัฒนาโดยอิงพื้นฐานด้านนวัตกรรม 2.การพัฒนาโดยอิงพื้นฐานจากสิ่งแวดล้อม และ 3.การพัฒนาโดยอิงพื้นฐานจากความคิดสร้างสรรค์ โดยการพัฒนาเมืองแต่ละรูปแบบจะสามารถเป็นจุดเริ่มต้นการต่อยอดการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ที่แตกต่างกัน

สำหรับ นโยบายการพัฒนาพื้นที่เมืองที่สำคัญของประเทศไทยปัจจุบัน มุ่งพัฒนาพื้นที่เมืองต่างๆ  3 รูปแบบ ได้แก่ Creative City , Smart City และ MICE city โดยแต่ละรูปแบบมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป และมีหน่วยงานที่กำกับดูแลและขับเคลื่อนหลักที่แตกต่างกันไป

ประเภทของเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) การบริหารภาครัฐ อัจฉริยะ(Smart Governance) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) พลังงานอัจฉริย(Smart Energy) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ(Smart Mobility) พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People)

ทาง International Data Corporation :IDC รายงานว่า ปี 2563 ภาคการบริโภคและภาคการขนส่งคือภาคธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยี Immersive มากที่สุด มูลค่ารวม 18,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วย ภาคการบริโภค 37.4 % ภาคการขนส่งและบริการ 23.4 % ภาคการผลิต 19.3 % โครงสร้างพื้นฐาน 14.1 % ภาครัฐ 13.9 % และอื่น ๆ 1.9 %

ในประเทศไทยเมื่อมีการนำแอพลิเคชั่นเข้ามาใช้ตอบโจทย์ในช่วงโควิด ผลปรากฎว่าทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักและเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวชุมชนมากขึ้น สามารถช่วยให้ธรกิจท่องเที่ยว SMEsหรือแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างมากขึ้น จากการใช้แอพลิเคชั่นช่วยจัดการข้อมูลการท่องเที่ยวผ่านการใช้เทคโนโลยีติดตามตำแหน่งที่ตั้ง ซึ่งแสดงผลทั้งแบบ 2 และ 3 มิติ แล้วสามารถส่งข้อมูลต่อซึ่งกันและกันได้

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดสำคัญ ๆ ใน e -book เล่มนี้ที่น่าสนใจอีกหลายเรื่องด้วยกัน

 

ข่าวที่ TCEBกอดคอ13สมาคมปลุกธุรกิจไมซ์ไทยปีวัวดุ64พ้นภัยโควิด-19

       นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคม 2564 ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชน 13 องค์กรไมซ์ โดยมีมติจะร่วมมือกันกระตุ้นธุรกิจตลาดไมซ์ในประเทศ พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและชุมชน และต่อยอดโครงการประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า รวมถึงสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรไว้ให้พร้อมเมื่อไมซ์ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากทั้งอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2563 จึงต้องหารือแสวงหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไมซ์ในระยะเฉพาะหน้า ควบคู่การเตรียมพร้อมแผนงานในระยะยาว โดยยึดมาตรฐานความปลอดภัยสาธารณสุข และส่งเสริมให้เกิดธุรกิจในพื้นที่ต่าง ๆ กระจายสู่ทั่วประเทศ

โครงการหลักที่จะดำเนินงาน คือ ต่อยอดโครงการประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า ด้วยการสนับสนุนงบประมาณกระตุ้นการจัดกิจกรรมไมซ์และการเดินทางในประเทศ ต่อจากปี 2563 ทำแล้วประสบความสำเร็จดีมาก เอกชนสามารถจัดกิจกรรมไมซ์มากถึง 1,049 กลุ่ม กระตุ้นการเดินทางใน 50 จังหวัด รวมกว่า 62,000 คน โดยมีบริษัท ห้างร้าน ช่วยกระจายเม็ดเงินทั่วภูมิภาครวมกว่า 130 ล้านบาท ปี 2564 เบื้องต้นจะปรับแผนงบประมาณโครงการนี้เสริมเงินเข้าไปช่วยเอกชนอีกอย่างต่ำ 20 ล้านบาท

ส่วนผลสรุปของการประชุมร่วม แบ่งการทำงาน 6 ด้าน ประกอบด้วย

1.การส่งเสริมตลาดเพื่อผู้ประกอบการ กระตุ้นการจัดประชุมสัมมนาในประเทศ สานต่อโครงการประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่าต่อเนื่องจากปี 2563 สนับสนุนงบประมาณโดยขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ปรับเกณฑ์ขอรับการสนับสนุนให้เข้าถึงง่าย สะดวกรวดเร็วขึ้น และศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงกับโครงการอื่นๆ ของรัฐ ทั้งยังคงสนับสนุนผู้ประกอบการในการเตรียมความพร้อมสถานที่ตามมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัย (Safety & Hygiene) และการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะกลุ่ม

            2. กระตุ้นกิจกรรมในภูมิภาคเพื่อฟื้นฟูท้องถิ่น โดยให้เอกชนจัดทำแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกิจกรรมไมซ์ประเภทต่างๆ และนำเสนอของบประมาณผ่านทีเส็บ เน้นให้ภาคเอกชนบูรณาการการทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้านเศรษฐกิจและสังคม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มการแสดงสินค้า (Exhibition) กระจายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 2.การจัดอีเวนต์และเทศกาลระดับพื้นที่ โดยเน้นกระตุ้นในพื้นที่ที่มีความพร้อมในการจัดงาน 3.การจัดอีเวนต์และเทศกาลขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศที่ต่อเนื่องมีระยะเวลาหลายเดือน เพื่อส่งเสริมการเดินทางข้ามภูมิภาค

            3. การเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยสาธารณสุขของงาน จะเน้นประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดงานอย่างปลอดภัย โดยส่งเสริมมาตรฐานและความปลอดภัยในการจัดงานและสถานที่จัดงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางไมซ์และสาธารณชนในวงกว้าง ขณะเดียวกันจะผลักดันการกำหนดแผนฟื้นฟูร่วมกัน เช่น การพัฒนาต่อยอดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมไมซ์ทุกประเภท

                4. ส่งเสริมการจัดกิจกรรมโดยหน่วยราชการ ผลักดันให้มีนโยบายกระตุ้นการจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะช่วงวันธรรมดา เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและภูมิภาค พร้อมติดตามผลเพื่อการดำเนินการต่อเนื่อง รวมถึงผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐเสนอตัวเป็นเจ้าภาพดึงงานและการประชุมระดับนานาชาติที่มีความสำคัญเข้ามาจัดในประเทศไทย

5. ดึงงานไมซ์ในอนาคตเข้าสู่ประเทศไทย เช่น งานประชุมนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนการเป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติของไทย ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาเครือข่ายตัวแทนการตลาดและพันธมิตรเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการทำการตลาด ดึงงาน และสร้างงานต่างๆ ในแต่ละอุตสาหกรรมตามนโยบายรัฐบาล

            6. การสนับสนุนในระดับนโยบายจากรัฐบาล เช่น จัดงบประมาณให้กับภาคเอกชนไปดำเนินการจัดกิจกรรมการประชุมสัมมนา หรืองานแสดงสินค้า การประกาศให้หน่วยงานภาครัฐจัดการประชุมสัมมนา หรือการผ่อนคลายมาตรการด้านการจัดซื้อจัดจ้างของทางภาครัฐ เพื่อผู้ประกอบการรายย่อยจะได้มีโอกาสในการจ้างงานมากขึ้น โดยทีเส็บเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อเสนอต่างๆ เพื่อนำเสนอกับรัฐบาลตามลำดับขั้นตอนต่อไป

            ช่วงที่ 2 การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต วันนี้ “น่าน” ยังสามารถท่องเที่ยวได้ ตอนนี้ “ทุ่งซากุระดอกนางพญาเสือโคร่ง” ในอุทยานแห่งชาตินันทบุรี กำลังชูช่อบานสะพรั่งสีชมพูสวยงาม รอนักท่องเที่ยวไปทักทาย แล้วก็ต้องย้ำกันชัด ๆ “วิธีใส่หน้ากากอนามัยอย่างปลอดภัย” ต้องปฏิบัติเข้ม ๆ 6 อย่าง ส่วนข่าวฮ็อต ๆ พลาดไม่ได้ “คมนาคม” สั่งคณะกรรมการการบินพลเรือนอุ้มสายการบินด่วน ๆ 3 เรื่อง ช่วยพยุงท่องเที่ยวรอดท่ามกลางโควิด ทางด้าน “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โผล่ย้ำกำลังผลักดันรัฐผ่อนคลายเกณฑ์ปล่อยเงินกู้ซอฟท์โลน ให้ธุรกิจรายใหญ่ แอร์ไลน์ โรงแรม ร้านอาหาร และ “ไทยสมายล์” เปลี่ยนตารางบินทั่วไทย “ยกเลิกบินชั่วคราวกับลดความถี่” วันนี้-31 มกราคม นี้ หลังผู้โดยสารชะลอเดินทางถ้วนหน้า

 “น่าน”ชวนไปเติมความสุขทุ่งดอกซากุระบานอุทยานันทบุรี


“น่าน” ยังท่องเที่ยวได้ในพื้นที่ที่ได้อากาศโปร่งโล่งเย็นสบาย ปลายเดือนมกราคม 2564 นี้ ชวนไปสัมผัสความสุขทางสายตาและชีลแชร์ธรรมชาติสวย ๆ ในทุ่งซากุระดอกนางพญาเสือโคร่ง บนดอย ที่ “อุทยานแห่งชาตินันทบุรี” ซึ่งเป็นหน่วยศึกษาพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำน้ำคาง อ.ท่าวังผา จ.น่าน

อุทยานแห่งชาตินันทบุรี บนดอยวาว ยังเปิดบริการตามปกติทุกวัน พร้อมทั้งรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม เพียงขอความรวมมือให้แต่ละคนที่จะเดินทางเข้าอุทยานแห่งชาติ ในช่วงที่ยังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่นั้น ช่วยกันปฏิบัติแบบเข้ม ๆ 6 เรื่อง คือ  1.สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา 2.วัดอุณหภูมิร่างกาย 3.ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 4.ลงทะเบียนเข้า-ออก แอปพลิเคชัน"ไทยชนะ" 5.ช่วยกันรักษาระยะห่าง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่หรือรับเชื้อ 6.ปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานแห่งชาติ และช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม

นอกจากจะได้ท่องเที่ยวชมทุ่งดอกซากุระอย่างมีความสุขแล้ว ทางอุทยานแห่งชาตินันทบุรี พร้อมให้บริการบ้านพัก ลานกางเต้นท์ ล่าสุดเพิ่งจะเปิดลานกางเต็นท์แห่งใหม่ให้ด้วย พร้อมกับร้านค้าสวัสดิการ มุมพักผ่อน นั่งเล่น จิบกาแฟ

ส่วนความสะดวกสบายเรื่องไฟฟ้านั้น บอกกันไว้ก่อนว่าทางอุทยานปั่นไฟใช้จึงต้องเปิด – ปิดเป็นเวลา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยศึกษาพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำน้ำคาง อ.ท่าวังผา จ.น่าน โทร.096 180 3262

 ย้ำกันชัดๆ “วิธีใช้หน้ากากอนามัย”อย่างถูกต้องและปลอดภัยช่วงโควิด


เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ควรทำตามขั้นตอนการใส่และถอดหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ดังนี้

1.ก่อนการใส่หน้ากากอนามัย ควรทำความสะอาดมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดเสียก่อน หากไม่สามารถล้างมือด้วยน้ำได้ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมปริมาณของแอลกอฮอล์มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ทดแทนได้ โดยชโลมให้ทั่วมือและถูจนกว่าจะแห้ง

2.การใส่หน้ากากอนามัยควรต้องคลุมปากหรือจมูก เพื่อป้องกันการรับหรือแพร่เชื้อผ่านการไอหรือจาม 

3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากากอนามัยขณะกำลังสวมใส่ หากต้องสัมผัสโดน ควรทำความสะอาดมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

4.เปลี่ยนหน้ากากอนามัยอันใหม่ทันทีที่เกิดความชื้นหรือโดนสารคัดหลั่งต่าง ๆ เนื่องจากประสิทธิภาพในการป้องกันจะลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น 

5.การถอดหน้ากากอนามัยควรถอดจากด้านหลังหรือสายคล้อง ห้ามสัมผัสด้านหน้าของหน้ากากอนามัยโดยตรง หลังจากนั้นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

6.หลังการใช้หน้ากากอนามัย หากเป็นหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวให้ทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด ส่วนหน้ากากอนามัยแบบผ้าควรทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้ด้วยสบู่และน้ำร้อน จากนั้นตากในอุณหภูมิที่ร้อนจัดให้แห้ง ก่อนจะนำไปเก็บอย่างมิดชิด หากพบว่าหน้ากากอนามัยชำรุดเสียหาย ควรทิ้งทันที

นอกเหนือจากการใส่และทิ้งหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี จำเป็นจะต้องล้างมือให้สะอาดและเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ไปพร้อมกัน เพื่อการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ข่าวท้ายชั่วโมง

ข่าวแรก “คมนาคม”สั่งกบร.อุ้มสายการบิน3เรื่องพยุงท่องเที่ยวในประเทศรอด

นายศักดิ์สยาม  ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือนได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน ( บอร์ด กบร.) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2564 โดยพิจารณาและมีมติ 3 เรื่อง ทั้งการให้ความช่วยเหลือสายการบิน  การจัดทำร่างพระราชบัญญัติ ข้อบังคับคณะกรรมการการบินพลเรือน และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ  โดยแต่ละเรื่องมีรายละเอียดดังนี้

         มติเรื่องแรก   กบร. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID - 19 ระยะที่ 3  ด้วยมาตรการช่วยเหลือรายไตรมาส เริ่มไตรมาสแรกของปี 2564 ระหว่างมกราคม - มีนาคม นี้  โดยให้ประเมินสถานการณ์ COVID - 19 รายไตรมาส และหากสถานการณ์ยังคงอยู่ก็ให้ช่วยสายการบินต่อไป คือ

 1.มาตรการด้านการลดค่าใช้จ่ายของสายการบิน 5 มาตรการ ดังนี้ 

1.1 บริษั ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) "ทอท."  และ กรมท่าอากาศยาน (ทย. ) ขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการขึ้นลงของเครื่องบิน (Landing Charge) เที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ลง 50% 

1.2 ทย. ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการหลุมจอดเครื่องบิน (Parking Charge) ให้แก่สายการบิน ตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่ ทย. กำหนด     

1.3 ทอท. ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการหลุมจอด ให้แก่สายการบินที่หยุดให้บริการชั่วคราว   

1.4 ทอท. ขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการกลุมจอดเครื่อง เที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ลง 50%  

1.5 บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการการเดินอากาศ (Air Navigation Service Charge) เที่ยวบินภายในประเทศ ลง 50 % และเที่ยวบินระหว่างประเทศ ลง 20 %

 2.มาตรการทางการเงิน ได้แก่ กพท. ขยายระยะเวลาชำระหนี้ (Credit Terms)  ค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ จาก 15 วันเป็น 90 วัน

รวมทั้งทาง กบร. สั่งการให้ กพท. รวบรวมข้อมูลและนำเสนอเรื่องส่งให้กระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเงินชดเชยรายได้ที่สูญเสียจากการดำเนินมาตรการช่วยเหลือของ ทย. และ บวท. ต่อไป 

มติเรื่องที่ 2   คณะกรรมการการบินพลเรือนสั่งการให้ กพท. พิจารณาจัดทำร่างข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ .. ว่าด้วยการอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนประเภทการขนส่งทางอากาศเพื่อการพาณิชย์และประเภทการทำงานทางอากาศ แก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศและเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่าอากาศยานของผู้ขออนุญาตประกอบการการบินพลเรือนมีความปลอดภัยและมีมาตรฐานการบำรุงรักษาให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ และมาตรฐานสากลของ ICAO FAA หรือ EASA โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบ (๓๐) วัน และนำเสนอ กบร. พิจารณาต่อไป  

มติเรื่องที่ 3   คณะกรรมการการบินพลเรือนให้ความเห็นชอบเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (ใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือน) ซึ่งคณะอนุกรรมการกฎหมายและข้อบังคับได้พิจารณาแล้ว โดยให้กรรมการการบินพลเรือน (นายชัยศักดิ์  อังค์สุวรรณ) ช่วยพิจารณาทบทวนเงื่อนไขให้ถูกต้อง ครบถ้วน เหมาะสมตามกฎหมาย โดยถือว่า กบร. ได้เห็นชอบ การปรับปรุงเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (ใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือน)

 

“รมว.คลัง”ลั่นดันแก้เกณฑ์ปล่อยกู้ซอฟท์โลนช่วยแอร์ไลน์-โรงแรมทั่วไทย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของสายการบินในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศและในประเทศชะลอตัว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตอนนี้รัฐอยู่ระหว่างผลักดันแก้กฎหมายเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) โดยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ได้อย่างทันท่วงที  ถึงแม้คลังจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาหลายครั้ง พร้อมกับประกาศขยายเวลาพักชำระหนี้ไปถึงเดือนมิถุนายน 2564 คงไม่พอ แต่มาตรการนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องเพิ่มมาตรฐานผ่อนคลายกฎเกณฑ์อย่างชัดเจน

ดังนั้นภาครัฐและกระทรวงการคลัง พยายามจะออกมาตรการผ่อนคลายเงินกู้ซอฟท์โลน เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมธุรกิจทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คือ สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร และอื่น ๆ โดยพิจารณาเงินเร่งด่วนที่จะต้องนำมาใช้จ่ายตามความจำเป็นตามลำดับ เช่น เงินเดือน รักษาการจ้างงาน และเงินหมุนเวียนรายวันทางการบิน ทางการบริหารจัดการห้องพักโรงแรม ร้านอาหาร เบื้องต้นจะให้ทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK เข้ามาช่วยมองหาแนวทางระยะเร่งด่วนให้ด้วย

ข่าวที่สาม “ไทยสมายล์”ยกเลิกบินชั่วคราว-ลดความถี่เส้นทางทั่วไทยถึง31ม.ค.64


สายการบินไทยสมายล์ รายงานว่า ล่าสุดได้เปลี่ยนแปลงตารางบินพร้อมให้บริการ ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ระบาดระลอกใหม่ ทำให้แต่ละจังหวัดออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดขอความร่วมมือประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้การบินบางเส้นทางมีข้อจำกัดไทยสมายล์จำเป็นต้องยกเลิกบางเส้นทางบินและปรับลดความถี่ชั่วคราว ตั้งแต่วันนี้ -31 มกราคม 2564 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ระหว่างวันนี้-31 มกราคม ไทยสมายล์ 1.ยกเลิกบินชั่วคราว ดังนี้ อุบลราชธานี เลย กระบี่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเส้นทางข้ามภาคทั้งหมด 2.ลดความถี่การบินลง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ขอนแก่น อุดรธานี นครพนม หาดใหญ่ ภูเก็ต และนราธิวาส

ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินได้ที่เว็บไซต์ www.thaismileair.com  ส่วนผู้ถือตั๋วโดยสารเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินดังกล่าว สามารถเปลี่ยนการเดินทางฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม ที่ศูนย์บริการลูกค้าไทยสมายล์ทั่วประเทศ ได้ทุกวัน เวลา 06.00-21.00 น., โทร 1181, 02-118-8888 และที่ Smile Refund Center 02-117-8800 หรือช่องทาง Live Chat (Web Chat) ในเว็บไซต์ www.thaismileair.com ทุกวัน ตั้งแต่06.00-20.00 น. หรือ customer.service@thaismileair.com

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai