ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ส.โรงแรมไทยสุดทน“เอกชนโดนรัฐเท”ปล่อยธุรกิจทั่วไทยสายป่านขาด “Hospitel-ฉีดวัคซีน”หืดขึ้นคอ/รอพึ่งเราเที่ยวด้วยกันเฟส3สองล้านคืน

 ส.โรงแรมไทยสุดทน“เอกชนโดนรัฐเท”ปล่อยธุรกิจทั่วไทยสายป่านขาด

Hospitel-ฉีดวัคซีน”หืดขึ้นคอ/รอพึ่งเราเที่ยวด้วยกันเฟส3สองล้านคืน

อัยยวัฒน์”นำครอบครัวเลสเตอร์ซิตี้ครองที่1เจ้าของสโมสรพรีเมียร์ลีก

คิงเพาเวอร์ชื่นชมพันธมิตร5แบรนด์ความงามดังเน้นแผนรักษ์โลกยั่งยืน

ททท.เปิดลงทะเบียนเราเที่ยวด้วยกันเฟส36ธุรกิจ30เม.ย./คนไทย17พ.ค.

TCEBถกEECผลักดันจัดงานโลกไทยแลนด์อินเตอร์แอร์โชว์อู่ตะเภาปี’66

เที่ยววิถีใหม่!!เดินชมตลาดต้นไม้จตุจักร กรุงเทพฯได้ทุกวันพุธ-พฤหัส

แนะวิธีรับส่งสินค้าและพัสดุอยู่ที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัยช่วงโควิด-19

สธ.ทำแอพหมอพร้อมลงทะเบียนฉีดวัคซีน-รัฐนำเข้าเพิ่ม5วัคซีน4ชาติ

รร.ออคิดเชอราตันชูซีฟู๊ดอลาคาร์ทบุฟเฟ่ต์มา2จ่าย1ที่ริเวอร์ไซด์กริลล์

รร.ดิโอกุระยกอาหารพื้นเมือง4ภาคมาที่อัพแอนด์อะบัฟ1พ.ค.-30มิ.ย.

 ฟัง live สดทางลิงค์นี้ https://www.facebook.com/watch/?v=1186592905096994


มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #สมาคมโรงแรมไทย  #KingPower #LeicesterCity

ช่วงที่ 1 เปิดใจ “มาริสา สุโกศล หนุนภักดี” นายกสมาคมโรงแรมไทย ชำแหละความจริง “ธุรกิจโรงแรมทั้งประเทศ” โดนรัฐเทเมินเสียงร้องขอช่วยเหลือ ปล่อยเอกชนเผชิญวิกฤตข้ามปี โควิดรอบ 3 ทำสายป่านการเงินขาด รัดเข็มขัดต่อไม่ไหวแล้ว นโยบายเปิดโกดังพักหนี้ ซอฟท์โลน ยังไม่เคลียร์ เขย่า “โรงแรม3-4ดาว” ส่งสัญญาณพับกิจการกลุ่มแรก ตอนนี้ห้องพักกว่า 8,000 ห้อง รอความหวังเข้าร่วม “Hospitel” เห็นแสงสว่างเฉพาะกลุ่มมีทักษะทำ ASQ มาก่อนเท่านั้น ยันขั้นตอนปฏิบัติฮอสพิเทลไม่ง่าย แถมวัคซีนยังไม่รู้คำตอบบุคลากรท่องเที่ยวจะได้ฉีดเมื่อไร   อีกทั้งยังมาโดนมาตรการซ้ำเติมอีกระลอก “ปิดห้องอาหาร3ทุ่ม+จัดประชุมได้ไม่เกิน 50 คน” เหลือปาฎิหารย์เดียวรอรายได้ส้มหล่น “เราเที่ยวด้วยกันเฟส3” หลัง พ.ค.64

 

มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมตื่นตัวจะเข้าร่วมโครงการ Hospitel หรือห้องพักเฉพาะกิจตามนโยบายรัฐบาล ที่เรียกว่าหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ เพื่อขยายพื้นที่การดูแลรักษาผู้ป่วย หรือเพิ่มจำนวนเตียงรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็วในเวลาจำกัดให้ผู้ป่วยซึ่งสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ อาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ซับซ้อน ไม่มีภาวะเสี่ยงอื่นๆ  เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดรอบ 3

 

สถานการณ์ปัจจุบันมีห้องพักกลุ่มแรกที่สามารถลงทะเบียนนำห้องพักเข้าร่วมโครงการ Hospital ได้ทันทีคือ โรงแรมที่เคยทำ Alternative State Quarantine :ASQ มีประสบการณ์เคยรับผู้กักตัวป้องกันโควิดมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากโรงแรมที่จะเข้าร่วมบริการฮอสพิเทลได้จะต้องปรับตัวค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องการเทรนพนักงานตั้งแต่การสวม การถอดชุด PPE การสร้างมาตรฐานทิ้งขยะอันตราย การวางระบบระบายอากาศ ระบบน้ำเสีย แม้แต่พื้นพรมก็ต้องเปลี่ยน

 

เรื่องยากที่สุดคือ “การเปลี่ยนพฤติกรรมพนักงาน” ที่จะมาทำหน้าที่ให้บริการ ต้องสวมชุด PPE เพื่อป้องกันการสัมผัสแขกที่มาพัก ตั้งแต่ยกกระเป๋า เรื่อยไปจนจบ จากนั้นก็ต้องถอดชุด PPE แล้วต้องอาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่ ต้องทำอย่างนี้ทุกครั้ง และแม่บ้านก็ต้องรู้วิธี “ทำความสะอาดห้อง” ซึ่งแตกต่างจากปกติทั่วไป

 

ฉนั้นโรงแรมที่จะลงทะเบียนเข้าโครงการ Hospitel จึงย้ำว่าควรจะเคยมีประสบการณ์ทำ ASQ มาก่อน เพื่อให้การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงบริการต่าง ๆ จะได้ง่าย สะดวกรวดเร็วกว่าที่จะรองรับ

 

สถิติขณะนี้มีโรงแรมลงทะเบียนเข้าร่วม Hospitel แล้วประมาณ 137 แห่ง ราว 8,000 ห้อง ในจำนวนนี้มีประมาณ 50-60 % พร้อมเป็น Hospitel แล้วก็ยังมีอีกหลายโรงแรมสนใจสมัครเข้าโครงการด้วยเช่นกัน จึงขอย้ำเรื่องสำคัญจะต้องเทรนพนักงานให้พร้อมบริการ โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วย ซึ่งเป็นความเห็นจากเจ้าของโรงแรมเสนอให้ทำตามมาตรฐานดังกล่าว

 

นางมาริสากล่าวว่าขณะนี้โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ Hospitel ยังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจำนวนยังไม่ได้มาก ยกเว้นภูเก็ตประกาศทำพื้นที่นำร่องตามรูปแบบ Phuket Sand Box รัฐบาลสนับสนุนวัคซีนนำมาฉีดให้บุคลากรโรงแรมและบนเกาะจนครบก่อนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ จำนวนวัคซีนที่ต้องการเฉพาะภูเก็ตราว 900,000 โด๊ส ได้ดำเนินการฉีดไปแล้วกว่า 100,000 โด๊ส

 

ตามความเห็นของนายกสมาคมโรงแรมไทย ต้องการให้นำวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ พนักงานบริการในโรงแรม และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นลำดับต้น ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีความต้องการวัคซีนไปฉีดจำนวนแตกต่างกัน เช่น กรุงเทพฯ โรงแรมสุโกศลเข้าร่วมบริการในระบบ ASQ จนถึงขณะนี้พนักงานก็ยังไม่ได้รับวัคซีนมาฉีดแต่อย่างใด

 

แล้วในช่วงมิถุนายน-กันยายน 2564 กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ประกาศจะมีวัคซีนล็อตใหญ่จำนวนหลายล้านโด๊สเข้ามาไทยนั้นทางสมาคมโรงแรมไทยได้ส่งเรื่องถึงรัฐบาลขอให้พิจารณาฉีดกลุ่มบุคลากรอุตสาหกรรมโรงแรม ท่องเที่ยว ด้วยในฐานะบุคคลที่เป็นด่านหน้านำรายได้เข้าประเทศ เอกชนเสนอข้อมูลไปยังรัฐบาลหลายต่อหลายครั้งแล้ว ซึ่งรัฐรับทราบมาตลอด กระทั่งไวรัสโควิดระบาดรอบ 3 ก็ไม่ควรจะหยุดเดินหน้าโครงการ “ภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์” หากต้องรอวัคซีนล็อตใหม่เดือนมิถุนายนนี้ ก็ขอให้มีแผนกระจายวัคซีนอย่างชัดเจนด้วย

 

ตามความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่าตอนนี้ “ปัญหากระจายเป็นวงกว้าง” เกิดความเสียหายแก่ภาคธุรกิจโรงแรมจนเกินกว่าจะพยุงไว้ได้แล้ว เอกชนไม่สามารถจะอดทนไปจนถึงเดือนกันยายน 2564 เพราะแบกภาระค่าใช้จ่ายโดยแทบจะไม่มีรายรับเข้ามานานเกินกว่า 1 ปี อีกทั้งผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้การตอบสนองจากรัฐแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัคซีนหรือเรื่องอื่น ๆ ที่เสนอขอไป

 

รวมถึงล่าสุดทางหอการค้าไทยได้ออกมาเสนอทางออกกับรัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาช่วยกระจายวัคซีน นำไปฉีดให้บุคลากรในภาคธุรกิจ ซึ่งระบุตัวเลขจำนวนวัคซีนที่ต้องการใช้อย่างชัดเจน

 

นางมาริสากล่าวว่า ตอนนี้ธุรกิจโรงแรมอยู่กันค่อนข้างยาก เพราะการระบาดรอบ 2 กระทบท่องเที่ยวและโรงแรมช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2564 เพิ่งมากระเตื้องตอนมีนาคม แล้วต้นเดือนเมษายนเจอรอบ 3 ช่วงสงกรานต์หลายโรงแรมก็เตรียมพร้อมรับลูกค้า แต่กลับถูกยกเลิกการจองห้องพักไปเกินกว่าครึ่งหนึ่ง หมดโอกาสสร้างรายได้ทันที ส่งผลถึงอัตราเฉลี่ยการเข้าพักของโรงแรมเหลือเลขตัวเดียวเท่านั้นหรือไม่ถึง 10 %

 

ผนวกกับความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันหยุดเชื้อการแพร่ระบาดรอบ 3 โดยรัฐออก 3 มาตรการ 1.หน่วยงานต่างๆ ทำงานอยู่บ้าน 2.จัดประชุมได้จำนวนไม่เกินครั้งละ 50 คน 3.ร้านอาหารเปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น.ยิ่งเป็นเงื่อนไขทำให้โรงแรมดำเนินการค้าค่อนข้างลำบาก หากยืดเยื้อไปถึงเดือนพฤษภาคมนี้ลำยากมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน เพราะธุรกิจนี้ได้เดินมาถึง “จุดต่ำสุด” จริง ๆ

 

ดังนั้นโรงแรมที่จะลำบากสาหัสจากผลกระทบนี้ตั้งแต่พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป คือ กลุ่มโรงแรมขนาดเล็กหรือ SMEs ที่บริหารด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีเงินกู้มาช่วยจ้างพนักงาน แต่จะทำอย่างไรไม่ให้โรงแรมต้องเป็นหนี้เงินกู้ ซึ่งเป็นทางออกไม่ยั่งยืน ทางสมาคมโรงแรมไทยส่งเสียงบอกรัฐบาลมาแล้วตั้งแต่ต้นปี ว่าเอกชนเผชิญวิกฤตถึงจุดต่ำสุดแล้ว ฉนั้นรัฐมีช่องทางที่สามารถช่วยได้ หลัก ๆ คือ จ่ายเงินสมทบเป็นค่าจ้างพนักงานหรือ Co-pay เพราะตอนนี้จำนวนพนักงานโรงแรมที่เหลืออยู่ถือว่าสัดส่วนต่ำสุดแล้วเช่นกัน หากลดโดยเลิกจ้างออกไปมากกว่านี้จะมีปัญหาตามมาอย่างแรกคือ โรงแรมคงต้องปิดบริการชั่วคราว เช่น พัทยา บางแห่งปิดแล้วโดยประเมินสถานการณ์อาจจะกลับมาเปิดได้อีกครั้งช่วงตุลาคมนี้ สิ่งที่เอกชนช่วยเหลือตัวเองกันอยู่ขณะนี้คือ “รัดเข็มขัด” รัดหนักขึ้นไปอีก

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันโรงแรมไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจาก 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ตลาดในประเทศ “เตรียมการขายไว้” พอถึงเดือนพฤษภาคมนี้ เมื่อรัฐบาลเริ่มเปิดตัวใหม่เดินหน้าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” บวกกับหมดมาตรการหยุดทำงานอยู่บ้านแล้ว ก็พอจะกระตุ้นการเดินทางหรือจัดประชุมในโรงแรมได้บ้าง ส่วนที่ 2 ตลาดต่างประเทศ ต้องช่วยกันทำโมเดลภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์ ให้ประสบความสำเร็จก่อน จึงจะขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ได้

 

แต่ต้องหาวิธีปรับเงื่อนไข เรื่องที่ 1 ลดจำนวนวันการกักตัว ปัจจุบัน 10 วัน/ครั้ง หากลดเหลือ 7 วัน/ครั้ง ได้ก็จะช่วยดึงดูดคนได้บ้าง เพราะนักท่องเที่ยวเองก็คงไม่มีเงินมากักตัวอยู่นาน ๆ เรื่องที่ 2 ต้องฉีดวัคซีน เพราะหลายประเทศเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางต่างประเทศได้ แต่ก็ต้องการความมั่นใจหากมาเมืองไทยคนไทยก็ต้องฉีดวัคซีนด้วย ตอนนี้มีหลายประเทศแสดงความต้องการอยากมาเที่ยวเมืองไทย แต่ผู้ประกอบการในไทยไม่สามารถบอกกับคู่ค้าซึ่งเป็นเอเย่นต์ขายท่องเที่ยว หรือกลุ่มจัดงานประชุมในต่างประเทศได้ว่าไทยจะเปิดประเทศได้เมื่อไร

 

ถึงแม้ว่ารัฐบาลประกาศโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเคยเสนอปลดล็อกรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องฉีดวัคซีนเลยได้ในเดือนตุลาคม 2564 แต่เอกชนขอเลื่อนให้เร็วขึ้นเป็น กรกฎาคม 2564 นำร่องที่ภูเก็ตก่อนเป็นโมเดลตัวอย่าง

 

สำหรับสิ่งที่ทางสมาคมโรงแรมไทยเสนอขอความช่วยเหลือจากภาครัฐต่อเนื่องไปในหลายเรื่องตั้งแต่ปี 2563 สิ่งที่ได้มาตอนนี้มี 1.เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ตามมาตรการใหม่ (soft loan) ต้องมีศักยภาพ มีเครดิต ถึงจะเข้าถึงเงินกู้ได้ โดยมีการปรับเงื่อนไขใหม่ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม 2.โกดังพักหนี้ สำหรับโรงแรมที่ไม่สามารถจ่ายเงินต้นหรือดอกเบี้ยได้ โดยให้แบงก์รับผิดชอบ แต่ต้องโอนทรัพย์สินไปให้แบงก์ โดยอนุญาตให้โรงแรมถ่ายถอนคืนหากมีเงินเพียงพอไปชำระตามมูลหนี้ที่นำได้มา ยกเว้นหากโรงแรมไม่มีเงินไปถ่ายถอนก็ให้แบงก์ยึดไป เป็นกลไกที่น่าสนใจของหลาย ๆ โรงแรม

 

นางมาริสากล่าวว่าตอนนี้ธุรกิจโรงแรมเดินมาถึงจุดที่เดินหน้าต่อไปได้ยากมากสุด ๆ แล้ว รวมถึงโรงแรมเองก็ไม่ได้อยากจะเป็น “หนี้เพิ่ม” อีกแล้ว เปรียบเสมือน “การเฝ้ามอนิเตอร์รอสังเกตุการณ์” รอเวลาอย่างเดียว โรงแรมระดับ 3-4 ดาวจะสาหัสสุด ๆ ส่วนโรงแรมระดับ 5 ดาว ยังพอมีช่องหายใจด้วยการนำห้องพักมาลดราคาลง ความหวังตอนนี้เหลืออยู่อย่างเดียวคือ “รัฐบาล” ต้องร่วมกันกับทุกฝ่ายทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจบลงภายในเวลาสั้นที่สุด เพื่อให้โรงแรมเปิดดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้มีลูกค้าจากตลาดในประเทศ มีวันหยุดเพื่อขายทำเงินเข้ามาหมุนเวียนใช้จ่ายได้ แต่ยืนยันไม่มีโรงแรมใดจะสามารถทำกำไรในช่วงสถานการณ์ตอนนี้ได้แน่นอน

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 “อัยยวัฒน์”นำครอบครัวเลสเตอร์ซิตี้คว้าที่1เจ้าของสโมสรพรีเมียร์ลีก

 

นักธุรกิจไทยภายใต้การนำของ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้สร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 สื่อใหญ่ในยุโรป www.givemesport.com ประกาศคุณสมบัติอันโดดเด่นให้ครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” ได้รับการยกย่องจากวงการฟุตบอล “พรีเมียร์ ลีก” ให้เป็น “เจ้าของสโมสรฟุตบอล ติดอันดับ 1 ในฐานะของผู้ดูแลบริหารโดยใช้หัวใจมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับแฟนบอล สร้างประโยชน์เพื่อสังคม พัฒนากีฬาสู่ความเป็นอาชีพอย่างแท้จริง มากกว่าการมุ่งหวังทำรายได้ในเชิงธุรกิจอย่างเป็นกอบกำจากการซื้อขายนักเตะ ซึ่งเป็นจุดเด่นสร้างความเชื่อถือศรัทธานับตั้งแต่จุดเริ่มการเป็นเจ้าของสโมสรมาจนถึงปัจจุบันได้ดูแลรักษาคุณสมบัติดังกล่าวไว้ได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะการสร้างผลงานสำคัญตอกย้ำให้แฟนบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยกย่อง “ครอบครัว : ศรีวัฒนประภา” คือผลงานที่คงอยู่ในความทรงจำของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ จากการนำทีมสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 132 ปี ในฤดูกาลแข่งขันพรีเมียร์ ลีก 2015/2016 (ปี 2558/2559) ภายใต้การนำของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ผู้ล่วงลับไปแล้ว

เป็นประวัติศาสตร์โลก ที่ไม่อาจมีผู้นำสโสมรคนใดสามารถทำลายสถิติหรือลอกเลียนแบบความสำเร็จเช่นนี้ได้

           

จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ทายาทได้เข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสร พร้อม ๆ กับทำหน้าที่สานต่อเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้า “ต่อยอด” ให้ความสำคัญกับแฟนบอล รวมถึงขยายผลการชื่อเสียงของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งการพัฒนากีฬาอาชีพ และการสร้างประโยชน์คืนสู่สังคม ผ่านทั้งพลังกีฬา (SPORT POWER) และพลังสินค้าชุมชน (Community Power)

 

ล่าสุด “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ได้นำทีมเดินทางทำโครงการคืนประโยชน์สู่สังคมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้โครงการ "คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย" เดินหน้าทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ภายใต้กลยุทธ์ "Together Beyound Boundaries' : รวมพลังพันธมิตรสนับสนุนศักยภาพคนไทย ตอบโจทย์การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน" รณรงค์พันธมิตรให้หันมาร่วมกันทำกิจกรรม โดยเลือกใช้วิธีการสื่อสารด้วยเทรนด์ใหม่ Hybrid Power ระดมทุกภาคีเครือข่ายผสมผสานความร่วมมือช่วยกันสร้างการเติบโตครอบคลุมทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตทั้งทางด้านกีฬาและสินค้าชุมชนด้วย “พลังกีฬา : SPORT POWER และ และพลังชุมชน : COMMUNITY POWER

 

โดยการเติม “พลังกีฬา : SPORT POWER มอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมขนาด 7 คน และลูกฟุตบอล ให้แก่ “โรงเรียนวัดมังคลาราม” อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช  ซึ่งถือเป็น 1 ใน 100 สนามฟุตบอล ตามเจตนารมย์ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งมุ่งมั่นสร้างพลังเยาวชนไทยให้เด็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลในภาคใต้

 

ต่อด้วยการเพิ่ม “พลังชุมชน : COMMUNITY POWER  เลือกผลิตภัณมัดย้อมสีธรรมชาติจากต้นน้ำ ของกลุ่ม "บ้านใบไม้" ใน "ชุมชนคีรีวง"  ที่มี  "นางอุไร ด้วงเงิน" เป็นหัวหน้ากลุ่มใบไม้ได้นำภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาพัฒนาสินค้าต้นแบบให้ผู้คนทั้งในประเทศ และทั่วโลกได้สัมผัสวิถีชีวิตกับธรรมชาติ ผ่านโครงการ "From Leaves to Living Thai Dye Collection" สร้างสรรค์การผลิตของที่ระลึกคุณภาพดี มาวางจำหน่ายที่  “เดอะ ซิตี้  แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

 

ตลอด 4 ปี ในการจัดทำโครงการ "คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย" กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สามารถกระจายประโยชน์คืนสู่สังคมให้พื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ 77 จังหวัด ได้ครอบคลุมมากถึง 4,000 โรงเรียน กว่า 2,000 ชุมชน

 

            “อัยยวัฒน์” ทายาทของครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของ “สโมสร เลสเตอร์ ซิตี้” สามารถทำให้เป็นมากกว่าสโมสรกีฬาฟุตบอล ที่พร้อมจะเพิ่มประโยชน์สาธารณะทำหน้าที่เป็น “เครือข่าย” เชื่อมโยง “โลกกับเมืองไทย” ได้แบบไร้พรมแดน ทั้งในมิติของกีฬา สินค้า และเมืองแห่งรอยยิ้ม Thailand Smile With You ซึ่งพร้อมเป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนทั่วโลก

 

การสั่งสมชื่อเสียงด้วยผลงานดี ๆ เมื่อโอกาสมาถึงภาพจำในความเป็น “นักธุรกิจไทย” ภายใต้ชื่อ “คิง เพาเวอร์” และ “เจ้าของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้” จะช่วยกระตุ้นเตือน ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ให้คิดถึง “ประเทศไทย” และพร้อมจะเดินทางกลับมาท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างแน่นอน

 

ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์เปิดพันธมิตร5แบรนด์ความงามดังเน้นแผนรักษ์โลกยั่งยืน

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า กลุ่มพันธมิตรสินค้าแบรนด์เนมระดับอินเตอร์ที่นำมาวางขายในร้านคิง เพาเวอร์ แต่ละสาขา ล้วนเป็นหัวหอกสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีส่วนร่วมต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีไฮไลต์ 5 แบรนด์หลัก ได้แก่ ชิเชโด วิชี่ ออริอัล คาลเดอรี่ ลาแมร์ ล้วนทุ่มเทดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและคุ้มค่า

 

ปัญหาของขยะพลาสติกในปัจจุบันนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้แต่ในโลกแห่งความงามไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบที่นำมาทำเป็นตัวผลิตภัณฑ์ หรือแพ็กเกจจิ้งที่แสดงถึงความหรูหรา กลับสร้างมลภาวะและขยะให้แก่โลกใบนี้มากมาย เมื่อความสวยงามกลายมาเป็นภาระให้กับสิ่งแวดล้อม เรามาดูกันว่า 5 แบรนด์ความงามเหล่านี้ จะช่วยผลักดันการรักษ์โลกเพื่อความยั่งยืน อย่างไรบ้าง?

 

SHISEIDO -ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและคุ้มค่า ด้วยการลดผลกระทบทางสภาวะแวดล้อมจากการปล่อยสาร CO2 ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และยังสนับสนุนการรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติให้สะอาด ลดคาร์บอนด้วยการใช้น้ำมันปาล์มทดแทน โดยมุ่งหวังที่จะผลิตแพ็กเกจจิ้งเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน 100% ด้วย 5R Reduce ทำให้บางและเบากว่า Reuse นำกับมาใช้ซ้ำ Recycle ทำให้แยกส่วนเพื่อง่ายต่อการนำไปใช้ Replace ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และ Respect แสดงความเคารพต่อโลก

 

VICHY -พัฒนาเพื่อความยั่งยืนด้วยการใช้น้ำจากแหล่งน้ำพุร้อน ไม่ใช้สัตว์ในการทดลอง ปฏิบัติตามสนธิสัญญาที่ว่าด้วยเรื่องของ Biological Diversity คือความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน สำหรับแชมพูและเจลอาบน้ำของ Vichy ไม่ทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อนด้วยสิ่งที่ไม่ดี เป็นการลดผลกระทบของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำ แถมยังย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ตัวลูกกลิ้งผลิตให้เบาขึ้น 2 กรัมในแต่ละชิ้น สามารถประหยัดพลาสติกได้ 22 ตันต่อปี ส่วนกระดาษแข็งที่ใช้ในแพ็กเกจจิ้งได้รับการรับรอง FSC® ว่ารับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม 100%

 

L’ORÉAL -ออกแคมเปญ “L’Oréal for the Future” กิจกรรมที่ช่วยให้เกิดแรงผลักดันในการรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการนี้รวบรวมเงินทุนจากคนบริจาคเพื่อการกุศล นำส่วนหนึ่งของเงินบริจาคจำนวน 50 ล้านยูโร ช่วยเหลือผู้หญิงที่อยู่ในความสุ่มเสี่ยง และเงินบริจาคอีกส่วนจำนวน 100 ล้านยูโร ถูกนำไปช่วยระบบนิเวศซึ่งอยู่ในภาวะอันตราย ที่ต้องต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยโครงการนี้ไม่ได้นำมาช่วยเหลือสภาพแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยเหลือและบรรเทาวิกฤตทางสังคมที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอีกด้วย

 

CAUDALIE เป็นสมาชิก “1% for the Planet” โดยตั้งแต่ปี 2012 ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 6 ล้านต้น ในบริเวณ 8 พื้นที่ของโลกที่ได้รับผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่ามากที่สุด โดยภายในปีนี้ Caudalie ตั้งใจที่จะปลูกให้ถึง 8 ล้านต้น หากทำสำเร็จก็จะเป็นบริษัทคอสเมติกขนาดใหญ่ในการสนับสนุนการปลูกต้นไม้ที่เยอะเป็นอันดับต้นๆ โดยได้ชดเชยการปล่อยสาร CO2 ไปแล้ว 4 เท่าจากเดิม ซึ่งในปี 2019 เพียงปีเดียว สามารถลดการใช้พลาสติกไปแล้ว 13 ตัน และปกป้องต้นไม้ 33 ตัน ในส่วนของการผลิตแพ็กเกจจิ้ง 100% เราเป็นมิตรกับสัตว์ คือไม่ใช้และไม่มีการทรมาณสัตว์ สำหรับจุดมุ่งหมายของแบรนด์คือการสร้างอย่างเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด

 

LA MER จัดตั้งกองทุนรักษามหาสมุทรใช้ชื่อว่า “La Mer Blue Heart” เพื่อที่จะคุ้มครองปกปักรักษาต้นกำเนิดของท้องทะเลให้มีความสวยงาม และฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลทั่วโลก ส่งต่อไปยังเจเนอเรชั่นต่อไป เหมือนกับระลอกคลื่นน้ำในมหาสมุทรที่ส่งต่อกัน ส่งต่อคลื่นการเปลี่ยนแปลงในแง่ดี โดยในปีนี้กองทุนให้การสนับสนุนในการให้ความรู้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อไป

 

ข่าวที่ 3 ททท.เปิดลงทะเบียน”เราเที่ยวด้วยกันเฟส36ธุรกิจ30เม.ย./ประชาชน17พ.ค.

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ได้เปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” วันนี้ - 30เมษายน 2564 กว่า 2 ล้านคืนพัก สามารถสมัครและกรอกข้อมูลแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการเฟส3 ผ่านระบบ TAT E-Form ททท.(ผู้ประกอบการรายใหม่จะต้องรอประกาศอีกครั้ง) ธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วมได้หลัก ๆ มี  6 ประเภท ดังนี้

 

1.โรงแรม/ที่พัก ที่มีใบอนุญาตประกอบการธุรกิจโรงแรม และหรือที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตแต่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ.20)

2.ร้านอาหาร ที่มีการประกอบกิจการจริง และปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการรัฐ

3.สถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและนันทนาการที่จดทะเบียนนิติบุคคล

4.กิจการ OTOP ที่มีใบอนุญาตประกอบการตามกระทรวงมหาดไทย

5.กิจการธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ ที่เป็นธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพ

6.กิจการให้เช่า รถ, เรือ ที่เป็นธุรกิจขนส่งภาคการท่องเที่ยว

ตามที่ ททท.ได้แบ่งให้ผู้ประกอบการลงทะเบียน ผ่านระบบ TAT E-Form แบ่งเป็น 5 ภูมิภาค คือ

 

1.ภาคกลาง วันที่ 21,26 เมษายน 2564  รวม 17 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร /ปทุมธานี /นนทบุรี /พระนครศรีอยุธยา /สระบุรี /ลพบุรี /ชัยนาท /สิงห์บุรี /สมุทรสงคราม /สมุทรลาคร /เพชรบุรี /ประจวบดีรีขันธ์ /กาญจนบุรี /ราชบุรี /นครปฐม /สุพรรณบุรี /อ่างทอง

 

2.ภาคเหนือ วันที่ 22 และ 27 เมษายน 2564 รวม 17 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน /เซียงใหม่ /เชียงราย /พะเยา /แพร่ /อุตรดิตถ์ /น่าน /พิษณุโลก /เพชรบูรณ์ /ตาก /อุทัยธานี /สุโขทัย /กำแพงเพชร /ลำปาง /ลำพูน /นครสวรรค์ /พิจิตร

 

3.ภาคใต้ วันที่ 23 และ 28 เมษายน2564 รวม 14 จังหวัด ได้แก่ สงขลา /สตูล /นครศรีธรรมราช /พัทลุง /นราธิวาส/ยะลา /ปัตตานี /ภูเก็ต /พังงา /สุราษฎร์ธานี /ตรัง /กระบี่/ชุมพร/ระนอง

 

4.ภาคตะวันออก วันที่ 24 และ 29 เมษายน2564 รวม 9 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี /ระยอง /จันทบุรี /ตราด /นครนายก /ปราจีนบุรี /สระแก้ว /ฉะเชิงเทรา /สมุทรปราการ

 

5.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 25 และ30 เมษายน2564 รวม 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชลีมา /ชัยภูมิ /อุบลราชธานี /อำนาจเจริญ /ยโลธร/ขอนแก่น /ร้อยเอ็ด /กาฬสินธุ์ /มหาสารคาม /นครพนม/สกลนคร /มุกดาหาร /อุดรธานี /หนองดาย /บึงกาพ /เลย /หนองบัวลำภู /บุรีรัมย์ /สุรินทร์ /ศรีสะเกษ

 

การกรอกข้อมูล - ผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” จะต้องกรอกรายละเอียดเพิ่มเติมให้ ททท.ตรวจสอบความถูกกต้อง ดังนี้

 

1. โรงแรมที่พักรีสอร์ท จะต้องกรอกข้อมูล 1.1 จังหวัด 1.2 ประเภทกิจการ1.3 Tax ID

1.4 ชื่อสถานประกอบการ 1.5 จำนวนห้องพักทั้งหมด ปี 2564 1.6 จำนวนห้องพักทั้งหมด ปี 2562

 

1.7ราคาสูงสุด - ราคาต่ำสุด ของปี 256 1.8 ราดาสูงสุด - ราคาต่ำสุด ของปี 256 1.9 ส่งข้อมูล Rate Plan ปี 2562 ทางอีเมลล์ rateplantogether3@gmai.com เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเข้าร่วมโครงการและเบิกจ่ายเงิน

 

2. ร้านอาหาร จะต้องกรอกข้อมูล 2.1 จังหวัด 2.2 ประเภทกิจการ 2.3 Tax ID 2.4 ชื่อสถานประกอบการ 2.5 รายได้สูงสุดต่อวัน

 

3. แหล่งท่องเที่ยว/สถานที่ท่องเที่ยว ดำเนินการกรอกข้อมูล ดังนี้ 3.1จังหวัด 3.2 ประเภทกิจการ 3.3 Tax ID 3.4 ชื่อสถานประกอบการ 3.5 รายได้สูงสุดต่อวัน

 

4.ผู้ประกอบการกลุ่มโอท็อป จะต้องกรอกข้อมูล  4.1 จังหวัด

 

ขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3” 

 

1.ผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมโครงการ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และ 2 มาก่อน และจะเข้าร่วมเฟส 3 ต้องทำดังนี้

 

1.1   โรงแรมและที่พัก ลงทะเบียน  5  ขั้นตอน ดังนี้

 

ขั้นตอนที่1 : เข้าเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

 

ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบวันที่และภูมิภาคของสถานประกอบการ เพื่อเข้าดำเนินการกรอกข้อมูลตามช่วงเวลาที่ระบุไว้

 

ขั้นตอนที่ 3 : เข้าไปกรอกข้อมูลใน TAT E-Form ที่จะปรากฏอยู่บนหน้า เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ระหว่าง 21-30 เมษายน2564

 

ขั้นตอนที่ 4 : นำส่ง Rate Plan ปี 2562 ที่ rateplantogether3@gmail.com

 

ขั้นตอนที่5 : รอประกาศแจ้งเพื่อดำเนินการยอมรับในเงื่อนไขใหม่ต่อไป

 

2.ร้านอาหาร/สถานที่ท่องเที่ยว/OTOP/สปา,นวดเพื่อสุขภาพ/รถเช่า,เรือเช่า ลงทะเบียน

ขั้นตอนที่1 : เข้าเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

 

ขั้นตอนที่2 : ตรวจสอบวันที่และภูมิภาคของสถานประกอบการ เพื่อเข้าดำเนินการกรอกข้อมูลตามช่วงเวลาที่ระบุไว้

ขั้นตอนที่3 : ดำเนินการกรอกข้อมูลใน TAT E-Form ที่จะปรากฏอยู่บนหน้า เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com วันที่ 21-30 เมษายน2564

 

ขั้นตอนที่ :ตรวจสอบความถูกต้องและกดส่งข้อมูล

 

ขั้นตอนที่5 : รอประกาศแจ้งเพื่อดำเนินการยอมรับในเงื่อนไขใหม่ต่อไป

 

ติดตามรายละเอียดทาง https://www.xn--12c1bik6bbd8ab6hd1b5jc6jta.com/register/shop

 

“ประชาชนทั่วไป” กำหนดเปิดให้ลงทะเบียนใช้สิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”เฟส 3 รอประกาศวันเปิดรับช่วง 17 พฤษภาคม 2564 นี้

 

ข่าวที่ 4 TCEBถกEECลุยแผนดึงงานโลกไทยแลนด์อินเตอร์แอร์โชว์จัดอู่ตะเภาปี’66

 

 นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 ได้ประชุมซูมออนไลน์เพื่อร่วมกันมือกันผลักดันการดึงงานใหญ่ระดับโลกมาจัดในไทยคืองาน “Thailand International Airshow” วางแผนจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยช่วงปี 2566 ที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ควบคู่การหารือเตรียมนำงานดนตรีระดับโลกมาจัดในไทยด้วยอีกงาน

 

โดยที่ประชุมได้ร่วมกำหนดกลยุทธ์และแนวทางการนำเสนอโครงการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องต่าง ๆ และมอบหมายให้ทีเส็บซึ่งมีฐานะเป็นผู้จัดงานร่วมทำหน้าที่ 1.ประสานความร่วมมือระดับชาติ 2.หารือการใช้พื้นที่การจัดงานเลือกใช้บริเวณสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ควบคู่กันไป

 

ในปี 2566 เมื่อไทยเป็นบุกเบิกจัดงาน“Thailand International Airshow”  สำเร็จ จะสร้างปัจจัยบวกส่งผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งทางด้าน สนับสนุนการจ้างงาน เพิ่มปัจจัยบวกเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้มหาศาล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC : Eastern Economic Corridor ศูนย์กลางการลงทุน-ของภาคตะวันออก ครอบคลุม 3 จังหวัดใหญ่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา

 

สำหรับการประชุมออนไลน์ระหว่างทีเส็บกับคณะกรรมการ EEC เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการทีเส็บ นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการทีเส็บนายโชคชัย  ปัญญาวงศ์  ที่ปรึกษาพิเศษโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และคณะกรรมการฯ ทุกฝ่ายพร้อมจะร่วมกันผลักดันให้การจัดงานครั้งนี้สำเร็จด้วยดีในอีก 2 ปีข้างหน้า

 

                ช่วงที่ 2 ตอนนี้การออกเดินทางใกล้ ๆ ยังพอจะทำได้บ้าง สถานที่เดินโล่ง ๆ ที่ยังพอจะ “เที่ยววิถีใหม่ เดินชมตลาดต้นไม้จตุจักร” ในกรุงเทพฯ วันธรรมดา พุธ-พฤหัสบดี สำหรับเหล่าสาวก Tree Lover สามารถแวะมาเลือกต้นไม้ อุปกรณ์ทำสวน แบบจบครบที่เดียวได้ ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ทางด้าน “กรมอนามัยแนะรับสินค้า/พัสดุ” อยู่ที่บ้านอย่างปลอดภัยช่วงโควิด-19 และข่าวทันเหตุการณ์ “รัฐบาลเปิดแอพหมอพร้อม” ลงทะเบียนฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เปิดวัคซีนทางเลือกให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้ามาใช้ฉีดได้ 5 แบรนด์ จาก 4 ประเทศ “โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน” ทำโปรโมชั่นออนไลน์ บาร์บีคิวบุฟเฟต์ มา 2 จ่าย 1 ส่วน “ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ” ยกครัวอาหาร 4 ภาค มาเสิร์ฟใจกลางกรุง 1 พ.ค.-30 มิ.ย.นี้

 

เที่ยววิถีใหม่!!เดินชมตลาดต้นไม้จตุจักร กรุงเทพฯได้ทุกวันพุธ-พฤหัส

               

เมื่อต้องหยุดเชื้อ เพื่อชาติ ช่วงโควิดระบาดรอบ 3 พื้นที่ในกรุงเทพฯ บางมุม ที่ไม่แออัด เป็นทางเลือกที่ยังพอจะมาเดินชมได้ที่ “ตลาดต้นไม้จตุจักร”  ตอนนี้เปิดขายวันธรรมดา 2 วันของสัปดาห์ คือวันพุธ กับวันพฤหัสบดี เมื่อเดินเข้ามาก็จะได้เห็นความหลากหลายให้เลือกซื้อแบบจบครบที่เดียว จากพ่อค้า แม่ค้า ชาวสวน จากทั่วฟ้าเมืองไทยนำมาวางขาย ตอนนี้แต่ละร้านจะวางต้นไม้ขายไว้ริมถนนซึ่งเป็นแนวเขตตลาดนัดสวนจตุจักร ไม่ได้ขายตามล๊อคเหมือนวันเสาร์ – อาทิตย์ เมื่อครั้งอดีตอีกต่อไป เป็นศูนย์รวมต้นไม้ใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุด มีต้นไม้มากที่สุดด้วย ทั้งน่าเดิน และได้เรียนรู้เรื่องการเกษตร ไปพร้อม ๆ กัน

 

 

สินค้าก็จะแบ่งขายทั้งปลีกและขายส่ง ราคาค่อนข้างถูก เริ่มจาก 10 บาทขึ้นไป  โดยเฉพาะ “ต้นไม้” มีทุกชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้มงคล ไม้ล้อม พืชผักสวนครัว เฟิร์น บัว กล้วยไม้ กระบองเพชร พืชอวบน้ำ ชวนชม ต้นไม้หายาก และอื่น ๆ 

 

ส่วน “อุปกรณ์ตกแต่งสวน”ใช้จัดสวน มีกระถางสวย ๆ ปุ๋ยหลายแบบหลากชนิด รวมถึง ดิน กระถาง อุปกรณ์การเกษตร ซึ่งเหมาะกับการคนรักต้นไปนำไปใช้เลี้ยงให้ต้นไม้ที่เรารักเติบโตงดงามช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

 

“ทุกวันพุธ”  ร้านต้นไม้จะเริ่มเปิดแผงขายตั้งแต่ 7 โมง อากาศไม่ร้อนจัดแต่อาจจะไม่สะดวกมากนัก เพราะมีรถขนต้นไม้มาลงระเกะระกะบ้าง ช่วงบ่ายเดินได้แบบสบาย ๆ ไปจนถึง 5 โมงเย็น

“ทุกวันพฤหัสบดี” ร้านจะเปิดสายกว่าวันพุธเล็กน้อย เดินได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าเช่นกัน พอตกบ่ายต้นไม้อาจจะร่อยหรอเหลือสายพันธุ์ให้เลือกน้อยลง แต่สามารถต่อรองราคาได้มากขึ้น เพราะพ่อค้าก็ไม่อยากขนของกลับ หรือสินค้าอาจมีตำหนิบ้าง เพราะวันแรกคนเลือกซื้อของดีที่ชอบกันไปเกือบหมดแล้ว

 

การเดินทาง ไปตลาดต้นไม้สวนจตุจักร เริ่มตรงประตู 3 ของตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งอยู่ฝั่งถนนพหลโยธิน ตรงข้ามกรมการขนส่งทางบก เดินยาวไปจนถึงธนาคารออมสิน ตลาดนัดสวนจตุจักร

การเดินผ่อนคลายเลือกซื้อต้นไม้ในสวนจตุจักร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกลดความเครียด แต่ต้องขอให้ทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขอนามัย สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ใช้เจลล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม หากเราทุกคนช่วยกัน ก็จะทำให้การใช้ชีวิตวิถีใหม่ท่ามกลางโควิดรอดปลอดภัย สามารถออกไปข้างนอกได้บ้างตามความเหมาะสมแต่ละช่วงสถานการณ์

 

แนะวิธีรับส่งสินค้าและพัสดุอยู่ที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัยช่วงโควิด-19

 

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้ประกอบการ พนักงานปฏิบัติหน้าที่ที่คลังสินค้า และพนักงานส่งพัสดุภัณฑ์ ผู้รับบริการรับ-ส่งสินค้า อาหาร ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำตามแนวทางด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ระลอกใหม่ ตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) สนับสนุนให้ประชาชนทำงานที่บ้าน (Work from home) เพื่อลดการเคลื่อนย้าย และความเสี่ยงในการติดและแพร่ระบาดของเชื้อ อาจทำให้มีการสั่งของออนไลน์ ประเภทอาหาร พัสดุภัณฑ์ และรับสินค้าประเภทต่างๆ กันมากขึ้น

 

กรมอนามัยจึงมีคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า โดยให้มีการคัดกรองพนักงานและผู้มาติดต่อทุกวัน สวมหน้ากากตลอดเวลาที่ทำงาน จัดให้มีจุดล้างมือ พร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับพนักงานให้เพียงพอ กำหนดระยะห่างระหว่างปฏิบัติงานอย่างน้อย 1 เมตร ทำความสะอาดจุดที่ต้องสัมผัสร่วมกันบ่อย ๆ จำกัดคนที่เข้ามาในสถานที่ โดยอาจจัดบริเวณที่รับ-ส่งของเฉพาะ พร้อมทั้งบันทึกผู้เข้ามาในสถานที่ทุกคน และจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี

 

“พนักงาน” ผู้ปฏิบัติหน้าที่คลังสินค้า และพนักงานส่งพัสดุภัณฑ์ ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยให้ปิดทั้งจมูกและปาก ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน ล้างมือบ่อย ๆ รักษาระยะห่างจากคนอื่นในระยะ 1 เมตร ส่วนประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้รับของ เมื่อสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์มาส่ง ให้สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อรับ-ส่งสินค้า และล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮออล์ ภายหลังรับและเปิดสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อกล่องบรรจุภัณฑ์ แต่ควรนำกล่องไปทิ้งให้เรียบร้อยทันที

 

“ผู้ประกอบการ” ที่จัดบริการอาหารแบบเดลิเวอรี (Delivery) ต้องส่งให้กับผู้ซื้อ ผู้ส่งควรห่างจากลูกค้าอย่างน้อย 1 เมตร และห้ามวางอาหารบนพื้น สำหรับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ปรุงให้สุกด้วยความร้อนไม่น้อยกว่า 70 องศาเซลเซียส นานกว่า 5 นาที

 

“ผู้สั่งซื้ออาหารหรือผู้บริโภค” ให้จัดเตรียมภาชนะรองรับอาหาร เช่น กล่องหรือโต๊ะแบบพับได้ และให้ยืนห่างจากผู้ขนส่งอาหารอย่างน้อย 1 เมตร หลังจากรับอาหารให้ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ และควรจ่ายค่าบริการโดยวิธี e -payment หรือเตรียมเงินสดให้พอดีเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินทอน ก็จะช่วยให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงโควิด-19 ได้

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก สธ.เร่งเปิดแอพหมอพร้อมลงทะเบียนฉีดวัคซีน-รัฐนำเข้าเพิ่ม5วัคซีน4ชาติ

กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ได้เตรียมพร้อมเทคโนโลยีเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลการเข้ารับวัคซีนโควิด-19 มาในรูปแบบ LINE Official Account ใช้งานง่ายด้วยการเพิ่มเพื่อนในไลน์ และกดลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสาร ในชื่อบัญชี “หมอพร้อม” จะเริ่มได้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป

 

วิธีเข้าใช้งาน “หมอพร้อม” ของประชาชนเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องในการรับบริการ “วัคซีนโควิด-19” พร้อมประเมินอาการเบื้องต้นหลังฉีดวัคซีนได้ด้วยตนเอง และเป็นการสื่อสารสถานการณ์โควิด-19 ให้แก่ประชาชนได้คอยติดตามข่าวสาร และค้นหาหน่วยบริการตรวจโควิด-19 ใกล้บ้าน

 

สำหรับรายชื่อวัคซีนทางเลือกในไทยขณะนี้มี 5 แบรนด์ นำเข้ามาจาก 4 ประเทศ ตามที่รัฐบาลประกาศเตรียมฉีดโดยให้โรงพยาบาลเอกชนไทยใช้ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมจากเดิมมีเพียงชิโนแวค (ของจีน) กับแอสตร้าเซนเนก้า (ของยุโรป) เท่านั้น

 

ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เกี่ยวกับวัคซีนโควิด ที่กำลังเจรจาเพิ่มเติมกับบริษัทผลิตวัคซีน 5 แบรนด์ 4 ประเทศ ดังนี้

1. วัคซีนสปุตนิก วี จากรัสเซีย

2. วัคซีน 2 แบรนด์ คือ ชิโนฟาร์ม และ CanSino Biologics จากสาธารณรัฐประชาชนจีน

3. วัคซีน COVAXIN จากบริษัท Bharat Biotech จากอินเดีย

4. วัคซีนไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา

 

ส่วนเจรจารอบใหม่จะเป็นวัคซีนทางเลือกที่รัฐบาลอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนนำมาให้บริการฉีดประชาชนได้ ตามที่พลเอกประยุทธ์ยืนยันว่า วัคซีนที่ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินขายรัฐต่อรัฐเท่านั้น รัฐซื้อเข้ามาแล้วไม่สามารถนำไปขายต่อได้ ตามข้อกฎหมาย ทางออกในการนำเข้าวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมจึงต้องใช้วิธีให้องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อ แล้วนำมาแจกจ่ายหรือให้ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนรับไป หรือใครก็ตามที่มีขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนในอนาคตต่อไป

 

ข่าวที่ 2 รร.ออคิดเชอราตันชูซีฟู๊ดอลาคาร์ทบุฟเฟ่ต์มา2จ่าย1ที่ริเวอร์ไซด์กริลล์

                โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เอาใจสายกินด้วยเมนูพรีเมี่ยมพร้อมอลาคาทบุฟเฟ่ต์ ราคาพิเศษ 1,900 บาท/คน จองผ่านทานออนไลน์ รับทันทีโปรโมชั่นพิเศษ มา 2 จ่าย 1 (ราคาผู้ใหญ่) จองที่ https://bit.ly/ROSHBBQMar

 

สามารถเลือกรับประทานเมนูพรีเมี่ยมจานโตที่ทุกคนคิดถึงอย่าง ล็อบสเตอร์เทอร์มิดอร์ รวมทั้งกองทัพกุ้งแม่น้ำ ปู หอยนางรม มาในเซ็ตซีฟู๊ดรวมย่าง สเต๊กแซลมอนนอร์เวย์ สเต็กเนื้อแองกัสเสิร์ฟพร้อมฟัวกราส์นุ่ม ชุ่มฉ่ำ สไตล์อิตาเลียนจากห้องอาหารจิออร์จิโอส์ ที่สามารถเลือกสั่งได้คนละ 1 เมนู

 

ทั้งหมดนี้มาพร้อมเมนูอาหารและขนมที่สั่งทานได้ไม่อั้นอีก 30 กว่าเมนู คานิมิโสะ มันปูรสเด็ด ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน กั้งผัดพริกไทยดำ ปลาหมีกย่างน้ำจิ้มแซ่บ ปูผัดผงกะหรี่ ซูชิ ซาซิมิ พาสต้า ชีสเค้ก ครีมบรูเล และอีกมากมาย

 

ห้องอาหารริเวอร์ไซด์ กริลล์มื้อเย็น เปิดบริการทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. – 21.00 น.

จองโต๊ะได้ที่ 02 266 0123 E-mail: events.rosh@sheraton.com, Line@: @rosheratonbangkok

 

ข่าวที่ 3 ดิโอกุระยกอาหารพื้นเมือง4ภาคเสิร์ฟที่อัพแอนด์อะบัฟ1พ.ค.-30มิ.ย.

 

 

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นำ ห้องอาหารอัพ แอนด์ อะบัฟ ชั้น 24 โรงแรม เสิร์ฟครั้งแรกกับมหกรรมอาหารไทยท้องถิ่น 4 ภาค มีส่วนประกอบเป็นเอกลักษณ์และน่าหลงใหล เริ่ม 1 พฤษภาคม -30 มิถุนายน 2564 ชวนทุกคนมาลิ้มลองอาหารไทยท้องถิ่นรสชาติจัดจ้านและเป็นเอกลักษณ์ ได้ดังนี้

 

เริ่มจาก “ภาคเหนือ” นำอาหารพื้นเมือง ไส้อั่วและแคปหมู ที่เสิร์ฟพร้อมน้ำพริกหนุ่มและข้าวเหนียว

 

“ภาคอีสาน” ชู แหนมทรงเครื่อง ถือเป็นเมนูขึ้นชื่อของภาคอีสาน เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงสมุนไพร และไก่ย่าง เชฟเลือกใช้ไก่ส่วนสะโพกมาหมักด้วยเครื่องปรุงสูตรเฉพาะและย่างจนหนังกรอบพร้อมโรยกระเทียมเจียวหอมกรุ่นรับประทานกับข้าวเหนียว และน้ำจิ้มแจ่ว

 

“ภาคตะวันออก” เสิร์ฟหมูชะมวงขึ้นชื่อจากจันทบุรี ที่เชฟคัดสรรหมูสามชั้นอย่างดีมามาตุ๋นกับเครื่องแกงให้รสชาติเผ็ด หวาน และมีรสเปรี้ยวจากใบชะมวง กับมีปลาหมึกไข่ทอดกระเทียม ที่เชฟเลือกใช้ปลาหมึกสดทะเลจันทบุรี มาปรุงรสก่อนจะทอดจนสุกกำลังดี โรยกระเทียมเจียวเพื่อเพิ่มความหอม

 

“ภาคใต้” ต้องห้ามพลาด แกงหอยแครงใบชะพลู แกงไทยที่มีความข้นของน้ำกะทิและความเผ็ดร้อนจัดจ้านตามแบบฉบับของเครื่องแกงใต้

 

อาหารไทยท้องถิ่นจาก 4 ภูมิภาค มีให้บริการที่ ห้องอาหาร อัพ แอนด์ อะบัฟ ระหว่าง18.00 น. 22.30 น. ราคาเริ่มต้นจานละ 500++ บาท

 

สอบถามเพิ่มเติมหรือสนใจสำรองที่นั่ง โทร.02 687 9000 อีเมล์ FB.concierge@okurabangkok.com หรือ www.okurabangkok.com

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai