ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร
รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ททท.ดึงทัวร์4ทวีปยุโรป/อเมริกา/ตะวันออกกลางเข้าเป้า10ล้านคน
8แอร์ไลน์โลกบินมาไทยคึกคักปลายต.ค.-ตะวันออกกลางเพิ่ม150%
ปี’68นำธุรกิจต่อยอดAirlinesFocus+เที่ยวยั่งยืนSustainableTourism
คิงเพาเวอร์ฉลอง35ปีช้อปDelight&Surprisesจัดบิ๊กโปร5The Best
เปิดใหญ่“King Power City Boutique”โฉมใหม่OneBangkok25ต.ค.
ททท.ใช้หนังธี่หยด2ต่อยอดขายเมืองน่าเที่ยวอุตรดิตถ์ดังทั่วโลก
บางจากนำผู้บริหารหญิงติด1ในฟอร์จูน100ผู้ทรงพลังแห่งเอเชีย
TCEBดึงอินฟลูวู้ดดี้ถกMICEโชว์บิ๊กเอเย่นต์หวังเจ้าภาพF1ปี’70
เที่ยวไทยไปเช็คอินอุทยานประวัติศาสตร์สำคัญของชาติ 5พิกัด
7
อาหารแก้ท้องอืดลองหาติดบ้านไว้ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
รร.ม็อกซี่ แบงคอกรุกตลาดแรงGot Brunchโปรลุ้นรับที่พักฟรี
รร.อินเตอร์คอนกรุงเทพฯปลุกตลาดเครื่องดื่มสูตรเด็ดฮาโลวีน
วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #เที่ยว5อุทยานประวัติศาสตร์ไทย
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/WfuMpTq9DFpF2wnq/
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถอดรหัสตลาดไกล 4 ทวีป ปี67 ไหลรื่นตามเป้าหมาย 10 ล้านคน ต่อยอด Airlines Focus +Sustainable ตารางบินใหม่ปลาย ต.ค.67 ได้แรงหนุนบินเพิ่มแล้ว 8 แอร์ไลน์ส ดาวรุ่ง “ตะวันออกกลาง” ที่นั่งเพิ่ม 150 % รุกหนักใช้เกณฑ์เข้ามาตรฐานเที่ยวยั่งยืน STGs CF-Hotels เปิดใหญ่ใน ITB 2025 เบอร์ลิน จัดทัพโร้ดโชว์ เทรดโชว์ เพียบขานรับ Amazing Thailand Tourism Grand Tourism and Sport Year 2025 จัดหนัก Grand Privillage
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วางแผนต้อนรับสถานการณ์ท่องเที่ยวหนาแน่นของตลาดระยะไกล (long haul) 4 ทวีป หลังจากได้สร้างปรากฏการณ์ตลอดซัมเมอร์ปปีนี้กรกฎาคม-สิงหาคม มียุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกา เติบโตแซงหน้าปี 2562 แล้ว ระหว่างมกราคม- 30 กันยายน 2567 มีนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลมาเที่ยวเมืองไทยประมาณ 6.8 ล้านคน ตลอดปีนี้เฉียด 10 ล้านคน และทำรายได้ประมาณ 38 % ของรายได้ต่างประเทศรวมทั้งหมด 2.1 ล้านล้านบาท
โดยมีสัญญาณที่ดีทางการบินในกลยุทธ์ Airlines Focus ตลอดตารางบินฤดูหนาวเริ่มปลายเดือนตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1.สายการบินนานาชาติที่บินประจำอยู่แล้วจะเพิ่มความถี่เที่ยวบิน 2.สายการบินใหม่ทยอยเข้ามาจำนวนมาก ตัวอย่าง “ตลาดดาวรุ่ง” 8 แอร์ไลน์ส แห่กลับมาบิน ไฮไลต์ดังนี้
1.ซาอุดิอาระเบีย ขณะนี้มีเที่ยวบินประจำ ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ริยาด ตั้งแต่ธันวาคม นี้จะมีสายการบินจะเพิ่มจุดบิน ริยาด-ภูเก็ต 6 เที่ยว/สัปดาห์
2.คอนดอร์ เยอรมัน ไป-กลับ แฟรงเฟิร์ต กรุงเทพฯ และภูเก็ต 12 เที่ยว/สัปดาห์
3.บริติชแอร์เวย์ส จะกลับมาบินเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ลอนดอน (สนามบินแกตวิชต์) -กรุงเทพฯ 3 เที่ยว/สัปดาห์ จากนั้นมกราคม 2568 จะเพิ่มเป็น 4 เที่ยว/สัปดาห์ จึงคาดหวังจะบินได้ครบทุกวัน 7 เที่ยว/สัปดาห์
4.อลิตาเลีย ฟอร์มทีมกลับมาทำธุรกิจใหม่ใช้ชื่อ “อีทาแอร์เวย์ส ITA” เริ่มวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป บินตรง ไป-กลับ โรม (อิตาลี)-กรุงเทพฯ
5.แอร์แอสตานา คาซัคสถาน จะเพิ่มเที่ยวบิน แอสนาตา-ภูเก็ต จากเดิมมีแค่อมาตี้-ภูเก็ต
6.แอร์โรฟอร์ท กับ เอสเซเว่น ของรัสเซีย ก็จะบินตรงจากเส้นทางใหม่ ๆ เช่น เซนต์ปีเตอร์เบอร์ก เข้าภูเก็ต และกรุงเทพฯ
7.สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ส (SAS) หายไปจากไทยนานก็จะกลับมาบิน 3 เที่ยว/สัปดาห์
8.ไอเบอโร่เจ็ต
จะกลับมาบินตรง ไป-กลับ แวนคูเวอร์ (แคนาดา) -กรุงเทพฯ
ด้วยจำนวนสายการบินทั้งเก่าและใหม่ที่ดาหน้ากันเข้ามาด้วยการทำอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยได้มากถึง 85-95% รวมทั้งมี “จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” เพิ่มมากสุดในภูมิภาคตะวันออกกลางเติบโต 150 % สะท้อนถึงการเดินทางจากทั้งในตะวันออกกลางและการต่อเที่ยวบินเข้าออกยุโรปมาไทยด้วย ส่วนการบินไทยเติบโตประมาณ 5-10 %
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า
ปลายปี 2567 เป็นต้นไป
ททท.จะทำตลาดเชิงรุกให้สอดคล้องกับจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเติบโต
โดยจะขับเคลื่อนควบคู่กัน 2 ส่วน “Airlines
Focus +Sustainable Tourism”
ปัจจุบันสายการบินทั่วโลกหันมาใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF
:Sustainable Aviation Fuel เมื่อนักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาถึงเมืองไทยต้องเชื่อมต่อเลือกที่พัก
ร้านอาหาร ที่มีระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ขยะ
อาหารซึ่งใช้ซัพพลายเออร์ที่ส่งมาจากท้องถิ่นได้ประโยชน์ร่วมด้วย
รวมทั้งยังมีแผนเชิงรุกที่จะเชิญชวนให้ “ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งอุตสาหกรรมในไทย”
เข้ามาร่วมจัดทำมาตรฐานธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ได้แก่ 1.STGs :Star
Rating โดยใช้มาตรฐาน SDGs
ขององค์การสหประชาชาติมาประยุกต์ใช้กำหนดมาตรฐานในไทย
ตอนนี้ขยับเป็น 925 ราย จากเดิม 600
ราย 2. มาตรฐาน Carbon Free Hotels (CF-Hotels) ของสมาคมโรงแรมไทย มีประมาณ 400 รางวัล ตอนนี้ ททท.ส่งเสริมด้วยการให้รางวัล
โดยให้สิทธิ์เข้าร่วมโร้ดโชว์ เทรดโชว์ เป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
สำหรับ “การร่วมลดคาร์บอนสุทธิ์เป็นศูนย์” ททท.ทำได้ด้วยการร่วมกับ “องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน” หรือ TGO ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานกำหนดการปล่อยคาร์บอน ฟุตปริ๊นท์ และเครดิต ตามหลักสากล หลักปฏิบัติของ ททท.คือจะนำมาตรฐานของไทยไปร่วมกับองค์กรระดับโลกก็จะเห็นผลสัมฤทธิ์ชัดเจน ด้วยรูปธรรมการให้อินเซ็นทีฟกับผู้ประกอบการที่ปฏิบัติดีเข้าร่วมโครงการ
โดยจะเปิดศักราชใหม่ด้วยงานมหกรรมท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดของโลก ITB : International Tourismus Borse ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมัน เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยที่มีมาตรฐานการันตีทั้ง STGs CF-Hotel ก็จะได้ส่วนลดลดหลั่นกันไป 10-40 % ย้อนไปที่งาน Thailand Tourism Mart 2024 ที่จังหวัดพังงา ก็ได้นำเกณฑ์ดังกล่าวไปใช้จริง เป็นบทพิสูจน์การปรับตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว
ด้วยการจะนำเสนอโปรดักซ์
โชว์เคส 3 เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่ 1 การจัดทำรูปแบบใหม่ภายใต้
Thailand Pavillion Hall รวมศูนย์กลางประเทศไทยไว้ด้วยกัน
นำเสนอเสน่ห์ไทย สาธิตเมืองน่าเที่ยว เมืองท่องเที่ยวหลัก เรื่องที่ 2 ชูนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยวเมืองไทย
ดีไซนต์ตกแต่งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชนแล้วก็ต้องมีเทคโนโลยีเป็นจอมอนิเตอร์เข้าถึงเทรนด์ใหม่
ๆ ของโลกด้วย เรื่องที่ 3 การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
หรือ Sustainable Tourism ผู้ประกอบการไทยจะได้ทั้งสิทธิ์ส่วนลดและแพกเกจอื่น
ๆ
ตัวอย่าง
เยอรมัน เคยออกนโยบายให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวหันมาลดคาร์บอน
ทำโปรโมชั่นหันมาเดินทางโดยรถไฟใช้ราคาเพียง 9 ยูโรเท่านั้น
เป็นตัวอย่างที่ภาคธุรกิจของไทยเองต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับตลาดใหม่ “เจน S
:Sustainable” กำลังไหลบ่ามาแล้ว เช่น ผลสำรวจในดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวน 60 % ยอมจ่ายแพงขึ้นหากผู้ประกอบการสามารถพิสูจน์การลดคาร์บอน
ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นแล้วชุมชนมีส่วนร่วมรับประโยชน์ ดังนั้นไทยเอง ก็ต้อง
“ปรับพฤติกรรมและกลยุทธ์” โดยอาจจะไม่ต้องเงินสูงมากนัก
ปี 2567
ได้เห็นปรากฎการณ์ใหม่จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวสมัครเข้าร่วมงาน
WTM :World Travel Mart 2025 เดือนพฤศจิกายน
นี้กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตอนนี้จองจนล้นอยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 42 ราย
ททท.เปิดรับสมัครมีธุรกิจจองเข้าร่วมงานเต็มภายใน 1 ชั่วโมง แล้วยังมีกลุ่มใหม่เข้ามาสมัครด้วยอีก 7
ราย
นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ททท.ยังได้ขานรับนโยบายของนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกีฬาคนใหม่ ให้เน้นเพิ่มท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องที่ 1 เดินหน้า Amazing Thailand Grand Tourism and Sport Year 2025 ปีงบประมาณ 2568 ตลาดต่างประเทศ ททท.รับผิดชอบเรื่อง Grand Privillage นำประสบการณ์พิเศษแปลกใหม่ผสมผสานเข้าไป ใส่เรื่อง “On top” ไม่ได้ลดราคาแต่ใส่ความคุ้มค่าการท่องเที่ยวเมืองไทยเข้าไป เรื่องที่ 2 ขับเคลื่อนเพิ่มทั้ง Airlines Focus & Connectivities ร่วมกับสายการบินเปิดใหม่ ๆ ในงาน WTM 2024 จะจัดทริปหลังงาน ไปเมืองเป้าหมาย ได้แก่ กรุงโรม (อิตาลี) รองรับการบินไทยกับอีธาแอร์เวย์กลับมาเปิดบินตรงอีก และเมืองแมดริด สเปน มีไอเบอโร่เจ็ตเพิ่งเปิดบินมาไทย
นอกจากนี้ยังมีงานเทรดโชว์ โร้ดโชว์ อีกหลากหลายอัพเดทได้ตลอดทางออนไลน์ Thaitravelmart.com ปลายปีนี้จะไปทำโร้ดโชว์ที่คาซัคสถาน เข้าร่วม FITU สเปน และ ITB 2025 เยอรมัน นำเอกชนเดินสายต่อไปยังกรุงบรัสเซล (เบลเยี่ยม) ซึ่งการบินไทยเริ่มกลับไปใหม่อีกครั้ง และอีกมากมาย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ฉลอง35ปีช้อปDelight&Surprisesจัดบิ๊กโปร5The Best
นางสาววรมาศ ศรีวัฒนประภา รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ด้านการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 35 ปี นำเสนอแคมเปญ “KING POWER DELIGHTS AND SURPRISES” ตอกย้ำความสำเร็จของผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว และจุดหมายปลายทางแห่งความสุขของนักเดินทางจากทั่วโลก เดือนตุลาคม 2567 เน้นจัดในคอนเซปต์ “BIRTHDAY CELEBESTION ฉลองได้สุด ความสุขแห่งปี เป็นไปได้” โดยขอมอบความสุข เพื่อขอบคุณลูกค้า คิง เพาเวอร์ ที่ให้การสนับสนุนต่อเนื่องมาตลอด 35 ปี จึงพร้อมมอบประสบการณ์ความประทับใจเชิญชวนคนเข้ามาใช้บริการคาดจะเพิ่มขึ้น 294 % สามารถสนับสนุนนโยบายรัฐบาลกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
“คิง เพาเวอร์” พร้อมส่งมอบความสุขตลอด “เดือนตุลาคม 2567” ให้นักช้อปสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุขกับโปรโมชันดีที่สุดแห่งปี และกิจกรรมเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ โดยเปิดกว้างให้ทั้งนักเดินทางมีไฟลต์บินต่างประเทศช้อปแบรนด์เนมแล้วรับสินค้าได้ที่ขาออกสนามบินของไทย และกลุ่มนักช้อปในประเทศเลือกซื้อสินค้าป้ายฟ้าซึ่งสามารถรับของกลับบ้านได้ทันทีที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต
ช้อปเดือนเกิดคิง เพาเวอร์ เริ่มตั้งแต่วันนี้พบโปรโมชั่นดี ๆ “5 THE BEST” ดังนี้
1.THE BEST SHOPPING : ลุ้นรับรถยนต์เลกซัส รุ่น LBX PREMIUM 1 รางวัล มูลค่า 2.39 ล้านบาท เมื่อช้อปครบทุก 5,000 บาท (สุทธิ) รับคูปองลุ้นรางวัล 1 สิทธิ์ และพิเศษเพียงสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ SCARLET และมียอดช้อปตามเงื่อนไขในวันที่สมัครรับทันทีคูปองลุ้นรางวัล 2 สิทธิ์
2.THE BEST PROMOTION : รับฟรีคูปองส่วนลด 5,000 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป/ ใบเสร็จ
พิเศษได้คืนทันที 30,000 บาท เมื่อช้อปครบ 350,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) ตลอดรายการแต่ละสาขาจัดไว้ให้ 35
สิทธิ์/วัน ให้คนละ 1 สิทธิ์/วัน ได้แลกคุ้มสุด! กะรัตคุ้ม
10 เท่า แลก 35 กะรัตได้คุ้ม 350 บาท ในการช้อปสินค้าดิวตี้ฟรี ไม่มีขั้นต่ำ แจกฟรีพิเศษ 100 กะรัต ที่คิง เพาเวอร์ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับเลยในแต่ละวันแต่ละสาขา
350 คนแรก สิทธิพิเศษเมื่อสมัครสมาชิกในเดือนเกิด คิง
เพาเวอร์ ประเภท SCARLET เติมเงินเข้าบัญชี 20,000 บาท รับฟรีคูปองเงินสด 3,000 บาท นำไปใช้เป็นส่วนลดจองตั๋วโดยสารเครื่องบินคาเธย์
แปซิฟิก และสมัครฟรีบัตร NAVY ปกติต้องเติมเงินเข้าบัญชี 1,000 บาท
3.THE BEST SPECIAL CELEBRATION : กิจกรรมเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ตลอด 6
วัน เต็ม ระหว่าง18-23 ตุลาคม 2567 วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม นี้ มีพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่เริ่ม 17.00 น.
เตรียมพบกับเหล่าศิลปินชื่อดัง นำทัพความบันเทิงโดย น้องเนย, อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, ต้าเหนิง-กัญญาวีร์
สองเมือง, อิงฟ้า วราหะ และเจฟ-วรกมล ซาเตอร์ และศิลปินอื่น ๆ อีกมากมาย
สิทธิพิเศษเฉพาะ “สมาชิก คิง
เพาเวอร์” ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ เป็นผู้โชคดีเข้าร่วมงานฟรีรอติดตามรายละเอียดได้เร็ว
ๆ นี้ ที่ KING POWER OFFICIAL รวมทั้งรอเซอร์ไพรส์แบบใกล้ชิดวันที่ 18
ตุลาคมนี้ ลุ้นเป็นผู้โชคดี 35 คน ร่วมถ่ายภาพกับน้องเนย แค่ช้อปสินค้าที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ให้ครบ 3,500 บาท (สุทธิ)
4.THE
BEST SHOPPING PARTY : ชมมินิคอนเสิร์ตศิลปินดังมากมาย
วันที่ 19 ตุลาคม พบกับ LYKN
และ PROXIE วันที่ 20 ตุลาคม
พบกับ วี-วิโอเลต วอเทียร์ และต้าห์อู๋ พิทยา วันที่ 21 ตุลาคม พบกับ PERSES วันที่ 22 ตุลาคม พบกับ แจ๊คกี้-จักริน วันที่ 23 ตุลาคมพบกับ
นนน-กรภัทร
5.THE BEST 35th EXCLUSIVE PRODUCT คิง เพาเวอร์
ร่วมกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก จัดทำนาฬิกาคอลเลกชั่นพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ
35 ปี วางขายเฉพาะที่
คิง เพาเวอร์ เท่านั้น เช่น FRANCK MULLER รุ่น VANGUARD
43, BREITLING รุ่น AVENGER AUTOMATIC GMT 44,
JAEGER-LECOULTRE รุ่น POLARIS CHRONOGRAPH และ
CHOPARD รุ่น HAPPY SPORT SUN MOON STAR
รวมทั้งมีเครื่องประดับ
SWAROVSKI คอลเลกชัน CONNEXUS พร้อมและสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ
แพ็กเกจจากแบรนด์ความงามชั้นนำหลากหลาย เช่น FRESH, SULWHASOO, CLÉ DE PEAU
BEAUTÉ, L'OCCITANE, ELIZABETH ARDEN, KENZO, JO MALONE LONDON, และ
ORIGINS
ข่าวที่ 2-เปิดใหญ่“King Power City Boutique”โฉมใหม่OneBangkok25ต.ค.นี้
คิง
เพาเวอร์ รายงานว่า
พร้อมเปิดตัวการลงทุนโครงการใหม่ “คิง เพาเวอร์ ซิตี้ บูติก : KING
POWER CITY BOUTIQUE” ให้ได้ยลโฉมกันแบบเต็ม ๆ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ตั้งอยู่ในเมกะโปรเจกต์ “ONE BANGKOK” แหล่งช้อปรูปแบบใหม่ใจกลางเมือ นำเสนอแนวคิด “AN
EXPERIENTIAL SHOPPING JOURNEY IN THE CITY” ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณพื้นที่หัวมุมถนนวิทยุและถนนพระราม
4 ปรากฏการณ์ยกระดับการช้อปปิงด้วยประสบการณ์ใหม่แตกต่าง
ดีไซน์การตกแต่งภายในโดยสตูดิโอฝีมือเด่นระดับโลกอย่าง Hayon Studio
พร้อมกับได้คัดสรรแบรนด์หรูลักชัวรี
และสินค้าเอกซ์คลูซีฟ มีทั้งดิวตี้ฟรีและผลิตภัณฑ์ซื้อแล้วรับกลับบ้านได้ทันที
เฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ในเมกะโปรเจกต์ ONE Bangkok เท่านั้น สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกความต้องการครอบคลุมทั้ง
5 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มนักเดินทาง กลุ่มคนไทย ชาวต่างชาติ พนักงานออฟฟิศ และกลุ่มผู้พักอาศัยใจกลางเมือง
คิง
เพาเวอร์ พร้อมจะสร้าง “คิง เพาเวอร์
ซิตี บูทีก” จุดหมายปลายทางประสบการณ์ช้อปปิงแบบใหม่ให้มารวมตัวกันได้ในพื้นที่ตั้งอยู่ชั้น
1-2 โซน Parade
ใน One Bangkok ปักหมุดมาเช็คอินได้ตั้งแต่ 25 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
ข่าวที่
3-ททท.ใช้หนังธี่หยด2ต่อยอดขายเมืองน่าเที่ยวอุตรดิตถ์ดังทั่วโลก
นายนิธี สีแพร
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท. เปิดกลยุทธ์ Movie
Marketing ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านภาพยนตร์ไทยยอดนิยม
“ธี่หยด2” ใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่ “เสน่ห์เมืองน่าเที่ยว” อัตลักษณ์วัฒนธรรม
วิถีชีวิตท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ เปิดจุดขายแหล่งท่องเที่ยวทริปความหลอนตามรอยภาพยนตร์ในภาคเหนือ
“จังหวัดอุตรดิตถ์” ซึ่งเป็นโลเคชั่นเดินเรื่องสื่อถึงแนวคิด “ธี่เที่ยว” “ธี่กิน”
ของดี “ธี่” อุตรดิตถ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนออกเดินทางสอดรับกับแคมเปญ
“สุขทันที ที่เที่ยวไทย” และต่อยอดทำกิจกรรมเพื่อสังคม CSR เดือนพฤศจิกายน 2567 ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable
Tourism) ร่วมกับนักแสดงเพื่อตอกย้ำแผนขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ความสมดุล
แข็งแรงและยั่งยืน
ดังนั้น
ททท.จึงวางแผนใช้เสน่ห์ไทย เป็นโปรดักซ์ไฮไลต์ชูเอกลักษณ์ความเป็นไทย
วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม พัฒนาต่อยอดเป็นเมนูประสบการณ์ทรงคุณค่ามอบให้นักท่องเที่ยว
และหนึ่งในมิติขยายผลการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอย่างชัดเจนถึงการท่องเที่ยวต่าง ๆ
ด้วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ขานรับปี 2567
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยโดดเด่นและเติบโตก้าวกระโดด
หลายเรื่องประสบความสำเร็จคว้ารางวัลระดับโลกได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยการนำเสนอมุมมองแปลกใหม่
มัดใจผู้ชมได้การยอมรับในระดับโลก
ประการสำคัญเป็นไวรัลในโซเชียลจนเกิดกระแสฟีเวอร์ขยายวงกว้าง
เป็นแรงขับเคลื่อนให้ประชาชนออกมาเดินทางท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ตอบโจทย์ตลาด ททท.
เห็นโอกาสใช้กลยุทธ์ MOVIE Marketing ต่อยอดท่องเที่ยว เพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีท่องเที่ยวไทย
แล้วเลือกปักหมุดไปยังพื้นที่เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ขณะนี้ “ธี่หยด” ภาพยนตร์แนวสยองขวัญได้สร้างกระแสทั้งก่อนและหลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทำรายได้ทะยานสูงสุดถึง
500 ล้านบาท เข้าฉายในกลุ่มประเทศทวีปเอเชีย อาเซียน และกลุ่มรัฐเอกราช CIS
(Commonwealth of Independent
States) กว่า
20 ประเทศ เมื่อ “ธี่หยด 2” กลับมาอีกในครั้งนี้จึงได้นำเชื่อมโยงกับมิติท่องเที่ยวผ่านการนำเสนอเมืองน่าเที่ยว
“จังหวัดอุตรดิตถ์” ถ่ายทอดและสอดแทรกเรื่องราวความเชื่อ วัฒนธรรม
วิถีชีวิตของท้องถิ่น
ททท. เข้าร่วมส่งเสริมภาพยนตร์ธี่หยด 2 หลัก
ๆ 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 สนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่
และด้านประชาสัมพันธ์ เรื่องที่ 2 ร่วมมือทำกิจกรรมเพื่อสังคม
CRS ร่วมกับนักแสดงช่วงเดือนพฤศจิกายน นี้ ตั้งใจออกแบบกิจกรรมสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นำเสนอกิจกรรมดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมบริจาคสิ่งของจำเป็นแก่โรงเรียนในชนบท
เรื่องที่ 3 ชูจุดเด่นวัฒนธรรมท้องถิ่นตามแนวคิด
“ธี่เที่ยว ธี่กิน ของดี “ธี่” อุตรดิตถ์ คงไว้ซึ่งความหลอนแบบเต็มสตรีม
ชวนล้อมวงฟังตำนานสุดลึกลับของเมืองลับแลไปกับ The Ghost Radio ส่งมอบการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์
(Experience Based Tourism) ที่มีคุณค่าและความหมายให้ผู้ร่วมกิจกรรม
นายนิธี ย้ำว่า ททท.มุ่งหวังให้ภาพยนตร์เข้ามาเป็นกลไกสำคัญสร้างแรงกระตุ้นเชิงรุกแคมเปญส่งเสริมตลาดในประเทศ
“สุขทันที ที่เที่ยวไทย” เกิดการบอกเล่า
ส่งต่อประสบการณ์การเดินทางเล่าผ่านคอนเทนต์ สร้างการรับรู้ทางโซเชียลมีเดียเป็นวงกว้าง
เจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพ
Gen Y-Z และกลุ่มผู้ชื่นชอบภาพยนตร์ ปลุกกระแสและขยายการเดินทางต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปี
ข่าวที่
4-บางจากนำผู้บริหารหญิงติด1ในฟอร์จูน100ผู้ทรงพลังแห่งเอเชีย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด “นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน
และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) ได้รับการประกาศจาก “นิตยสารฟอร์จูน” จัดอันดับให้ติด 1 ใน 100 “Fortune’s
Most Powerful Women Asia 2024” ในฐานะ “สตรีผู้ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านการบริหารการเงิน
สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน
สนับสนุนการเติบโตและขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก ให้สามารถขยายธุรกิจเเละเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การจัดอันดับครั้งนี้ในปี
2567 ประกาศให้นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลนิวัฒน์ ซีเอฟโอ
และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น
ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 14 ผู้บริหารสตรีสัญชาติไทย และ 1 ใน 11
CFO (Chief Financial Officer) ของเอเชียด้วย
ส่วนการจัดอันดับดังกล่าวได้ใช้หลักฐานที่นางสาวภัทร์ภูรีทำให้ปรากฎผลเห็นได้ชัดผ่านความเชี่ยวชาญด้านการเงินจากการนำมาใช้ขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในภารกิจเมื่อปี
2566 กรณีบางจากเข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจาก ศรีราชา
จำกัด (มหาชน) ซึ่งชื่อเดิมคือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
มูลค่าธุรกรรมกว่า 26,000 ล้านบาท
ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะความสามารถของผู้บริหารที่ความรู้ความเชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งทางการเงินและวิสัยทัศน์
รวมทั้งนางสาวภัทร์ภูรียังได้นำนวัตกรรมมาใช้ดำเนินงานสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งองค์กรและสังคมด้วย
สำหรับ Fortune Most Powerful
Women Asia เป็นการจัดอันดับสตรีผู้ทรงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
โดยนิตยสารฟอร์จูน สื่อธุรกิจที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เผยแพร่ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2558 กระทั่งผ่านมาเกือบ
1 ทศวรรษในรอบปีนี้ 2567 ได้นำ Most
Powerful Women Asia กลับมาเริ่มจัดอันดับอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของสตรีผู้ทรงอิทธิพลจากหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีความสามารถแข็งแกร่งทรงพลังทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีศักยภาพได้
ข่าวที่
5- TCEBดึงอินฟลูวู้ดดี้ถกMICEโชว์บิ๊กเอเย่นต์หวังเจ้าภาพF1ปี’70
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เปิดเผยว่า ทีเส็บได้จัดเสวนาพิเศษหัวข้อ
“MICE สร้างงาน
สร้างเมือง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่สากล” เปิดเวทีบอกเล่าแลกเปลี่ยนความรู้
ประสบการณ์การจัดงาน อนาคตของไมซ์ด้านการสร้างงานและสร้างรายได้เข้าประเทศดึงงานใหญ่
ๆ มาจัดในเมืองไทย โดยมีปัจจัยทำให้เป็นจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวไมซ์ และมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพงานแข่งรถ
F1 ปี 2570
และด้วยความร่วมมือของภาครัฐกับเอกชน
มั่นใจอีก 10 ปีหน้า จะนำไทยเป็นศูนย์กลางจัดเฟสติวัล
ขณะนี้ทีเส็บเป็นหน่วยงานพิเศษก่อตั้งมาแล้ว
22 ปี
หลังสถานการณ์โควิด ได้ปรับทิศทางการทำงานโดยเล็งเห็นไทยมีความพร้อมมากกว่าการจัดประชุม
เนื่องจากนักท่องเที่ยวไมซ์ไม่ได้มาประชุมอย่างเดียว แต่ยังใช้จ่ายมากว่านักท่องเที่ยวทั่วไป
3.5 เท่า
รัฐบาลจึงเปลี่ยนบทบาทให้ไมซ์เป็น Bid Agent ดึงงานใหญ่ๆ เข้ามาจัดในไทย
ทีเส็บจึงมองเรื่องแฟนเบสซึ่งมีความหลากหลายและมีรายละเอียดมาก เช่น งาน Money
20/20 มหกรรมเทคโนโลยีด้านการเงิน
(FinTech) หรือโอกาสที่ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งรถฟอร์มูลาวัน
2027 รวมทั้งจะผลักดันให้เกิดเป็น
City Change
พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ การจ้างงาน และรายได้ โมเดลตัวในสิงคโปร์ช่วงจัดงาน F1 โรงแรมทำราคาได้สูงกว่าปกติ 3 เท่า
โดยทีเส็บเดินหน้าขยายพื้นที่จัดงานเมกะอีเวนต์ในต่างจังหวัด
ได้แก่ งาน Diamond of the Salt Festival ที่เพชรบุรี
งาน Korat Clay Craft Creation 2024 ที่นครราชสีมา รมหกรรมพืชสวนโลก 2026 ที่อุดรธานี และ 2029 ที่นครราชสีมา
ทางด้าน
“วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” ผู้ริเริ่มจัดงาน S2O เทศกาลดนตรีสาดน้ำช่วงสงกรานต์
อีเวนต์ต้นตำรับสัญชาติไทย จนต่อยอดเป็นงาน EDM Festival ทั่วโลกรู้จักอย่างกว้างขวาง ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจจากการไปเที่ยวงาน
Tomorrowland เทศกาลดนตรี
EDM ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อ 10 กว่าก่อน จึงนึกถึงความสนุกสนานงานเทศกาลสงกรานต์ไทยน่าจะไปได้กับเทศกาลดนตรี
จึงริเริ่มจัดงาน S20
สามารถดึงทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี
และจากประสบการณ์จัดงานเฟสติวัล มองเทรนด์จัดงานจะเริ่มเป็นกลุ่มสนใจเฉพาะมากขึ้น เช่น
กลุ่ม LGBTQ+ เมื่อมิถุนายนปีนี้ไทยจัดเดินพาเหรดแล้วอย่างยิ่งใหญ่แต่
ปี 2568 อาจจัด River
Parade LGBTQ+
โดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นโลเคชั่นช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว
LGBTQ+ ตลาดจีนที่จะมาเฉลิมฉลองช่วงวันหยุดยาวของจีนด้วย
วู้ดดี้กล่าวแสดงความชื่นชมภาครัฐที่สนับสนุนผู้จัดงานในรายละเอียดด้านต่างๆ
พร้อมกับฝากถึงคนทำงานด้านนี้ถ้ามีความคิดสร้างสรรค์
มีความมุ่งมั่นจะสร้างปรากฏการณ์อย่างจริงใจ
สามารถอีเมลหาวู้ดดี้และทีเส็บได้เพื่อทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันสร้างคอนเทนต์ต่อไป
และด้วยความคิดสร้างสรรค์คนไทยจัดงานเฟสติวัลทั่วประเทศมากว่าปีละ 10,000 งาน เชื่ออีก 10 ปี ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางจัดงานเฟสติวัลได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ช่วงที่ 2 การเดินทางเป็นประสบการณ์เรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด
ทริปนี้ชวนไปค้นคว้าเช็คอินแหล่งท่องเที่ยว “อุทยานประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองไทย”
5 พิกัด พระนครศรีอยุธยา สุโขทัย กำแพงเพชร พิมายโคราช
และปราสาทพนมรุ้งบุรีรัมย์ แล้วฟังด่วน “7อาหารกินแก้ท้องอืด”
ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และข่าวโรงแรมต่าง ๆ จัดแพกเกจมากมาย ข่าวแรก “ม็อกซี่
ราชประสงค์ กรุงเทพฯ” จัดมหกรรมซันเดย์บรั๊นช์สไตล์ใหม่ ข่าวที่สอง
“อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ” เปิดห้องโซแคล
ด้วยเครื่องดื่มเอ็ดดิชั่นค็อกเทลแม็อกเทลรับคืนฮาโลวีน 30-31 ต.ค.67
ท่องเที่ยว –เที่ยวไทยไปเช็คอินอุทยานประวัติศาสตร์สำคัญของชาติ
5 พิกัด
เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย
ตอนนี้สายชื่นชอบค้นหา “เชิงประวัติศาสตร์” ตามโบราณสถานสำคัญทั่วประเทศ
มีไฮไลต์ที่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ชวนไปเช็คอินอุทยานประวัติศาสตร์ 5
พิกัด ดังนี้
พิกัดที่
1 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ไฮไลต์ภาคกลาง
ตั้งอยู่ “ภายในเกาะเมืองอยุธยา” เมื่อครั้งอดีตคืออาณาจักรอยุธยาอายุมากกว่า 400 ปี ภายในมีแหล่งท่องเที่ยง 1,810 ไร่ มีโบราณสถานมากกว่า
425 แห่ง ตั้งแต่พระราชวังหลวงไปจนถึงวัดโบราณขนาดใหญ่เล็กต่าง
ๆ มากมาย เดินสำรวจชมได้ทั้งวัน
เปิดบริการทุกวัน
8.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชมคนไทยไทย 10 บาท ต่างชาติ 40 บาท
พิกัดที่
2อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อยู่ห่างจากตัวจังหวัดสุโขทัยราว
12 กม. เมื่อ 600-700 ปีก่อนเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย
ครอบคลุมพื้นที่กว่า 70 ตร.กม. ตัวเมืองหลักอยู่ในกำแพงเมืองสุโขทัยยาวประมาณ
2 กิโลเมตร กว้าง 1.6 กิโลเมตร
ภายในมีโบราณสถานสำคัญประมาณ 70 แห่ง
ซึ่งยังเหลือร่องรอยของพระราชวังและวัดอยู่ด้วย วัดที่ใหญ่สุดคือ
วัดมหาธาตุมีเจดีย์ 200 กว่าองค์
เปิดให้เข้าชมทุกวัน
06.00-21.00 น. ปิดจำหน่ายบัตร 18.00 น. เวลา 19.00-21.00 น. จะเปิดไฟส่องให้ชมโบราณสถานสวยงามด้วย
ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท ต่างชาติ 40 บาทสำ
พิกัดที่
3 อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
ไม่ไกลจากสุโขทัยอีกแห่งอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชรยังที่มีพื้นที่โบราณสถานยุคเดียวกัน
คือ “อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร”อดีตเคยเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของอาณาจักรสุโขทัย
ปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวภายในและภายนอกกำแพงเมือง สำรวจพบแล้วมีโบราณสถานทั้งสิ้น
20 แห่ง เช่น วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ วัดโบราณ หรือ
สระมน ศาลพระอิศวร วัดกลางนคร และอื่น ๆ แต่ละแห่งสะท้อนให้เห็นถึงอดีตได้การวางผังเมืองไว้เป็นอย่างดี
เปิดบริการทุกวัน
08.30 – 16.30 น. ค่าเข้าชมคนไทย 10
บาท ต่างชาติ 30 บาท
พิกัดที่
4 อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพิมาย นครราชสีมา อีกสถานที่มีชื่อเสียง
อยู่ห่างจากห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 60 กม. อดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งเมืองพิมาย
ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือ 1,000 ปีก่อน
ได้สร้างปราสาทหินพิมายขึ้นตามแบบศิลปะเขมร มีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบ
เปิดบริการทุกวัน
7.00 - 18.00 น. ค่าเข้าคนไทย 20 บาท ต่างชาติคนละ 100 บาท
พิกัดที่
5 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง บุรีรัมย์ -เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์สำคัญในอีสาน
อยู่ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์มาทางทิศใต้ประมาณ 77 กม. ตั้งอยู่บนยดภูเขาไฟที่ดับสนิท ในอดีตใช้ก่อสร้างมาหลายสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่
15-18 เป็นโบราณสถานที่ได้รับอิทธิพลอารยธรรมเขมรโบราณงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ไทย ไฮไลท์ทุกปีช่วงวันที่ 2-4 เมษายน และ 8-10 กันยายน จะเกิดเหตุการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงลอดช่องประตูประสาททั้ง 15
บาน สะท้อนสิ่งก่อสร้างและธรรมชาติสวยงามร่วมกัน
เปิดบริการทุกวัน
06.00-18.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท
สุขภาพ
–7 อาหารแก้ท้องอืดลองหาติดบ้านไว้เพราะคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
อาหารหลายชนิดอาจมีสรรพคุณในการช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้
ซึ่งอาหารแก้ท้องอืดส่วนใหญ่สามารถหารับประทานได้ง่าย ๆ ใกล้ตัว
โดยตัวอย่างอาหารที่สามารถช่วยขับลมในกระเพาะอาหารได้มี 7 ชนิด ดังนี้
1. โยเกิร์ต อุดมด้วยโพรไบโอติก
ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดีและมีประโยชน์ต่อลำไส้
โดยโพรไบโอติกมีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร
และช่วยดูแลระบบทางเดินอาหารให้แข็งแรง ช่วยแก้อาการท้องอืดได้
ควรเลือกกินรับโยเกิร์ตสูตรไม่มีน้ำตาล
2. สับปะรด จะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่าโบรมีเลน (Bromelain) มีคุณสมบัติช่วยย่อยสลายโปรตีน
ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปนิ่มขึ้น
จึงมีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยอาหารของร่างกาย
และเป็นผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบปริมาณมาก ช่วยแก้ท้องอืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. กล้วย
เป็นหนึ่งในอาหารโพแทสเซี่ยมสูง มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลของของเหลวภายในร่างกาย
ช่วยลดการกักเก็บน้ำ โดยการควบคุมระดับโซเดียมภายในร่างกาย
จึงอาจช่วยลดอาการท้องอืดที่เกิดจากการสะสมของโซเดียมได้
กล้วยมีใยอาหารสูงมีส่วนช่วยขับถ่ายและบรรเทาอาการท้องผูกได้ด้วย
4. แตงกวา
มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 96% จะช่วยย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ลดปริมาณแก๊สในกระเพาะอาหาร
และส่งผลให้อาการท้องอืดบรรเทาลงได้
และมีสารสารฟลาโวนอยด์ชื่อว่าเควอซิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
จึงอาจสามารถช่วยลดอาการบวมบริเวณท้องได้ด้วย
5. น้ำขิง
จะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่าซิงกิเบน มีคุณสมบัติช่วยย่อยสลายโปรตีน
ปรับปรุงการเคลื่อนไหวของลำไส้
และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากมีอาการท้องอืดเกิดขึ้น ขิงยังอาจมีสรรพคุณช่วยลดท้องผูก
6. ชาสะระแหน่
จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อทางเดินอาหาร
ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้แก๊สระบายออกมาได้
การดื่มชาสะระแหน่ยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ไม่สบายท้อง และท้องผูกได้
7. อาหารหมักดอง อย่างกิมจิ
ชาหมัก อาจเป็นอาหารแก้ท้องอืดที่หลายคนนึกไม่ถึง แต่จะมีโพรไบโอติก
ช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาหมักที่อยู่ในรูปเครื่องดื่มอัดลม เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดเพิ่มขึ้นได้
เมื่อได้รู้จักอาหารแก้ท้องอืดกันไปถึง
7 ชนิดแล้ว
ทุกคนก็คงสามารถเลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –รร.ม็อกซี่ แบงคอกรุกตลาดแรงGot Brunchโปรลุ้นรับที่พักฟรี
โรงแรม ม็อกซี่
แบงคอก ราชประสงค์ แห่งใหม่แห่งแรกในเมืองไทย รายงานว่าเตรียมเปิดตัวประสบการณ์
“Moxy: We’ve Got Brunch!” “กินดื่มสุดสนุก” ครั้งใหม่ไม่เหมือนใครทุกเสาร์สุดท้ายในแต่ละเดือนเพิ่มบรรยากาศแสนชิลล์
พร้อมอาหารเครื่องดื่มแบบไม่รู้จบ เริ่มเสาร์แรก 26 ตุลาคม , 30 พฤศจิกายน และ 28
ธันวาคม 2567 เวลา 11.30 -15.30 น. สามารถเพลินกับบรรยากาศคาเฟ่
ชิลล์ เอาท์ ราคาสุดคุ้มเพียง คนละ 999++ บาท รวมเครื่องดื่มสปาร์กลิงฟรี 1 แก้ว
ทางโรงแรมชวนมาลิ้มลองเมนูที่เต็มไปด้วยความสนุกและความสร้างสรรค์
รสชาติกลมกล่อมวัตถุดิบสดใหม่ แถมมีลูกเล่นให้ได้อร่อยแบบกับเมนูห้ามพลาด เช่น Toasted n Bowls: 5 เมนู เริ่มด้วย 1.Moxy
Bowls: โยเกิร์ตเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี เมล็ดเจีย
เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ กราโนลา และฮันนี่คอมบ์ 2.Kale Caesar : เคลกรอบ เบคอนพาร์เมซาน ไข่แดงบดละเอียด และไก่ปรุงรสคาจัน 3.Beet
& Orange: บีทรูทคอนฟิต ส้มซันคิส ผักกาดน้อย ดีล มินต์
เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์อบ และน้ำสลัดราสเบอร์รี
4. Arugula & Veal: สลัดอารูกูลา
มะเขือเทศเฮอริเทจ พาร์เมซาน และไส้กรอกเนื้อลูกวัวกับซอสเชอราซ 5.Avocado
Crostini: ขนมปังปิ้ง อะโวคาโด ชีสบูราต้า มะเขือเทศ บาลซามิโก้
และใบโหระพา 6.Figs Ricotta: ขนมปังซาวโดว์ มะเดื่อสด
(ฟิก) ริคอตต้ารสซิตรัส วอลนัต น้ำผึ้ง และทับทิม
รวมทั้ง Brunch
& Sip – เสาร์นี้มีแต่ความสนุก! มีแพ็กเกจเครื่องดื่มเพิ่มความสนุกระหว่างมื้อกับเครื่องดื่ม
ฟรีโฟลว์ 4 ชั่วโมงเต็ม มีทั้ง Sip Sip
Saturday หรือ Bottomless
Bubbleเครื่องดื่มสปาร์กลิง แต่ละรายการจ่ายคนละ 999++ บาท
เสาร์ที่ 26 ตุลาคม นี้ เริ่มปล่อยตัวไปกับเสียงดนตรีจาก “ดีเจเพลินเพลง” ตั้งแต่ 11.30 -13.30 น.
ต่อด้วยการผสมผสานดนตรีสดกับการเพอร์คัชชันสุดเก๋โดย “แบงค์ ทวีพล” ตั้งแต่ 13.30 -15.30 น. ทำให้มื้อบรั้นช์นี้เป็นมื้อที่สนุกสุด
ๆ
พิเศษ! โปรเปิดตัวครั้งแรกเสาร์ 26 ตุลาคม 2567
จองล่วงหน้า 4 คน รับฟรีเครื่องดื่มสปาร์กลิง 1 ขวดและร่วมลุ้นรางวัลพิเศษที่พักโรงแรมม็อกซี่
ราชประสงค์ฟรี 1 คืน
สำหรับ “ม็อกซี่ บาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์”
ตั้งอยู่บนชั้น 9 เหมาะกับมื้อบรั้นช์อย่างมาก ห้องอาหารตกแต่งสีสันสดใสทั้งภายในห้องและบนระเบียงสุดเก๋
ข่าวที่สอง
-รร.อินเตอร์คอนกรุงเทพฯปลุกตลาดเครื่องดื่มสูตรเด็ดฮาโลวีน
โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
รายงาน นำห้องอาหาร“โซแคล” สไตล์แคลิฟอร์เนีย ต้อนรับเทศกาลพิเศษรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มแปลกใหม่ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมฉลอง
“ฮาโลวีน” และสนุกในค่ำคืนวันปล่อยผี วันที่ 30 -31
ตุลาคม 2567 ตั้งแต่ 11.30 -23.00 น.ด้วยการนำเสนอเครื่องดื่ม “ค็อกเทลและม็อกเทล” แปลกใหม่หลายรายการในแบบฉบับของโซแคล
ให้บริการเป็นพิเศษช่วงเทศกาลฮาโลวีนเท่านั้น
สาวกคนชอบปล่อยผีมาร่วมสนุกและเพลิดเพลินได้ที่ห้องโซแคล
ชั้น G โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับเครื่องดื่มสุดพิเศษในบรรยากาศสุดสนุก
บริการ“ค็อกเทล” ราคาเริ่มต้นแก้วละ 390++ บาท และ “ม็อกเทล”
ราคาเริ่มต้นแก้วละ 250++ บาท
พร้อมร่วมประสบการณ์ “ปล่อยผี” เริ่มต้นยามค่ำคืนฮาโลวีนกับไฮไลต์เด็ด 2 เมนู ได้แก่ เมนูแรก “แบล็ค สไปเดอร์” เครื่องดื่มค็อกเทลที่มีส่วนผสมของเตกีล่า
ผสมผสานกับแบล็คเบอร์รี่ เหล้าส้ม และมะนาว ตามด้วย เมนูที่ 2 บราวน์ สคัล เครื่องดื่มค็อกเทลสุดน่ากลัวที่มีส่วนผสมของ จิน เหล้าเฟอร์เน็ต
บรังคา (Fernet Branca) บิทเทอร์ และ ไวน์ แม็กจิโอ เมอร์โล และเครื่องดื่มอีกมากมายหลายชนิดให้ได้ลิ้มลองตลอดค่ำคืนความสนุกอย่าง
บลัดดี้ เดย์ โกสต์ เกรย์ (Ghost
Grey) และซีเรียล ดาร์กเกอร์
สำหรับ “ม็อกเทล”
ดาหน้าสร้างสรรค์พร้อมเสิร์ฟความตื่นเต้นอีกหลายรายการ อย่าง “ชาโดร์ เบอร์รี่”
มีส่วนผสมของ ลิ้นจี่ น้ำมะนาว เชอร์เบต โซดา และบลูเบอร์รี่ “แฟลมบอย ฟรุ้ต” โชว์เครื่องดื่มสุดพิเศษที่จะมาเพิ่มสีสันวันฮาโลวีนในแบบโซแคล
ด้วยส่วนผสมของ แครนเบอร์รี่ น้ำเชื่อม แก้วมังกร และดอกเอลเดอร์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า
โทร.02 656 0444 อีเมล dining.bkkhb@ihg.com นักท่องเที่ยวสามารถร่วมประสบการณ์แปลกใหม่ได้ทุกเทศกาลกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล
กรุงเทพฯ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น