รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เจาะลึก!! “อภิชัย” รองผู้ว่าการใหม่ตลาดในประเทศ ททท.
เปิดแผนปี68นำปลุกเที่ยวไทย 205ล้านคน
1.17 ล้านล้าน
ลุยเที่ยววันธรรมดา-ฟื้นศก.หลังน้ำท่วม-เสน่ห์ไทย-ปีทัวร์
มูลนิธิวิชัยฯ-คิง
เพาเวอร์จัด“ให้โลหิตให้ชีวิต”ช่วย2.6พันคน
คิงเพาเวอร์เปิดโฉมใหม่“LIQUOR&TOBACCOกว่า11 ชาติ
ช้อปได้ไม่อั้นที่คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ/ดอนเมืองแฟชั่นลดปัง
นายกฯอิ๊งค์สั่งททท.ผนึก6ธุรกิจโลกตั้งภาคีปลุกทัวร์ไฮซีซั่น67
บางจาก-แอร์ไลน์ไทยลุยใช้SAFปูพรมอุตฯการบินไร้คาร์บอน
TCEBหนุน
Mini EEC Fair นำไมซ์ฮับลงทุนและทัวร์สุขภาพ
สุขทันทีที่พาครอบครัวเที่ยว“ทำฟาร์มดีคาเฟ่&ฟาร์ม”เมืองชล
5 วิธีนอนให้หลับง่าย ตื่นมาแล้วสดชื่น
รับวันใหม่ได้เต็มพลัง
การบินไทย-CIRCULARลุยแฟชั่นรักษ์โลกวางตลาด10แบรนด์
มนพร-บวท.ปลื้มไฮซีซั่นแอร์ไลน์แห่บินเพิ่มเข้าเชียงใหม่10%
วันเสาร์ที่
12 ตุลาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/b4XdbQnCQLRThZXf/
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !!นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแผนตลาดในประเทศปี68
ลุยกระตุ้นเที่ยวไทย 205 ล้านคน หวังรายได้ 1.17
ล้านล้านบาท โต 14 % ชูโรง “ภาคกลาง”
ทำรายได้มากสุด 41 % เร่งเครื่อง 4 ภารกิจ
“พร้อมขายไฮซีซั่น 5
ภาค-กระตุ้นเที่ยววันธรรมดา-นำท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมเต็มรูปแบบ-ลุยขายเสน่ห์ไทย
5 Must in Thailand ขานรับปีท่องเที่ยวและกีฬา”
นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เข้ารับตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ดูแลตลาดการท่องเที่ยวในประเทศโดยมีแผนกลยุทธ์ปีงบประมาณ 2568 โดยได้รับเป้าหมายจะต้องทำให้ได้ 205 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 8 % สร้างรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 % สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงพอสมควรเฉลี่ย 5,700 บาท/คน/ทริป โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น กรุงเทพ ภาคกลาง และภาคตะวันตก 41%ภาคอีสาน 10 % ภาคตะวันออก 18 % ภาคเหนือ 17 % ภาคใต้ 14 % พร้อมทั้งได้กำหนดแนวทางดำเนินงานตลาดในประเทศเบื้องต้น 4 ภารกิจ ประกอบด้วย
1.ชูอัตลักษณ์ความโดดเด่น สอดแทรกเสน่ห์ไทย 5 Must Do in Thailand 2.กระตุ้นความถี่นักท่องเที่ยวออกเดินทางวันธรรมดา (จันทร์-พฤหัส) 3.ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รางวัลดีเด่นด้านการท่องเที่ยว Thailand
Tourism Awards 4.กระจายตัวนักท่องเที่ยวไปยังเมืองน่าเที่ยว 55
จังหวัด
โดยใช้รูปแบบกระตุ้นคนแลกเปลี่ยนการเดินทางภายในภูมิภาคเดียวกัน
และเดินทางข้ามภูมิภาค ซึ่งได้ผนวกเส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักกับเมืองท่องเที่ยว
พร้อมกับคำนวณจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าเกณฑ์ที่จะยกระดับเป็นเมืองหลักด้วย
โดยจะใช้กลยุทธ์ ททท.จับมือกับพันธมิตร สายการบิน โรงแรมที่พัก
แพลตฟอร์มจองตั๋วโดยสาร ห้องพัก และอื่น ๆ เพื่อมอบ “สิทธิประโยชน์”
กับนักท่องเที่ยวจะได้ออกเดินทางต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ภารกิจที่ 1 เตรียมความพร้อมขายท่องเที่ยวไฮซีซั่นทั้ง 5 ภูมิภาค ตุลาคม-ธันวาคม 2567 แต่ละภาคมีอีเวนต์ให้เลือกมากมาย โดยภาพรวมทุกภาคจะโฟกัสจุดขาย “กิจกรรมประเพณี” เพื่อจัดทำบิ๊กอีเวนต์แต่ละเดือน ตามตัวอย่างดังนี้
ภาคเหนือ ชูธีม “Season of North ฤดูนี้ ฤดูเหนือ” ชูขายงานยี่เป็ง เชียงใหม่ งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย
ภาคกลาง ชูธีม “เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้ เที่ยวได้เลย” เที่ยวงานลอยกระทงกาบกล้วยแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม เดือนพฤศจิกายน งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้าแคว จ.กาญจนบุรี (วันที่ 28 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2567) งานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก จ.พระนครศรีอยุธยา (วันที่ 13-22 ธันวาคม 2567)
ภาคอีสาน ชูธีม “ประเพณีสีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” งานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม งานออกพรรษาบั้งไฟพญานาคจังหวัดหนองคาย การแข่งขัน MotoGP ปี 2024 ณ จังหวัดบุรีรัมย์ งานประเพณีสมมาน้าคืนเพ็งเส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
ภาคใต้
ชูธีม “Go South” เดินหน้าโครงการ Seafood Fest &
Halal มหกรรมเทศกาลอาหารทะเล อาหารถิ่น และอาหารฮาลาล
อ.หาดใหญ่จังหวัดสงขลา เดือนธันวาคม 2567 หรือ กุมภาพันธ์ 2568 โครงการ Go
South Running Scenic Route มหกรรมวิ่งเรียบ 2 ชายฝั่งทะเล
(อ่าวไทยและอันดามัน)
ภาคตะวันออก ชูธีม “Colorful บูรพา” งาน Pattaya International Fireworks Festival 2024 ณ ชายหาดพัทยา วันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 งาน Pattaya Countdown 2025 งานเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 ชายหาดพัทยากลาง วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567
ส่วนมหกรรมเคาน์ดาวน์ปลายปี 2567 รุกเจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง จะคัดสินค้าเกรดพรีเมี่ยม เพื่อจูงใจคนไทยที่มีกำลังซื้อพร้อมจะเลือกไปเที่ยวต่างประเทศให้หันมาเที่ยวเมืองไทย ททท.ได้คัด “ห้องพักหรู” อยู่สบายตามโรงแรมไฮเอนด์ และสถานที่ท่องเที่ยวฤดูหนาวตามแหล่งต่าง ๆ สามารถกระตุ้นได้พอสมควร เพื่อดึงความสนใจมาเที่ยวในประเทศ ควบคู่กับจัดทำ “โปรโมชั่น” ต่าง ๆ ร่วมกับสายการบิน และเปิดเส้นทางบินมากขึ้น
โดยวางแผนจัดมหกรรม “เคาน์ดาวน์” พื้นที่หลักในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่แลนด์มาร์คของแต่ละภูมิภาค โดยจะสอดแทรกโปรโมชั่นเพื่อเชิญชวนคนเลือกเข้าไปเที่ยวและจองห้องพักเพิ่มขึ้นด้วย
ภารกิจที่ 2 กระตุ้นการท่องเที่ยววันธรรมดา ซึ่งมีจุดเด่นท่องเที่ยวสะดวกสบายคนไม่หนาแน่น ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด วิเศษสุดจะเป็น “วันที่มีโปรโมชั่นลดราคา” เต็มรูปแบบ
โดยเฉพาะการขานรับ
Amazing Thailand Grand Tourism &Sport Year 2025 นโยบายปีท่องเที่ยวและกีฬาของรัฐบาล
จึงได้รวบรวมไฮไลต์การท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดทั้งปี เรื่องการท่องเที่ยว
กับกีฬาที่มีความพิเศษสุด เพื่อจัดทำปฏิทินจัดบิ๊กอีเวนต์ท่องเที่ยวรายการสำคัญ ๆ
สอดแทรกระหว่างปีเพื่อนำเสนออีกครั้งช่วงต้นปี 2568
ภารกิจที่
3 นำท่องเที่ยวเข้าไปฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่หลังน้ำท่วมเชียงใหม่
เชียงราย และอื่น ๆ
ขณะนี้ประเมินภาพรวมแล้ววิเคราะห์ตามแผนฟื้นฟูท่องเที่ยวแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 เร่งด่วน
เยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว
รวบรวมแล้วนำเสนอรัฐบาลเพื่อกอบกู้กลับมาเปิดบริการให้ได้เร็วที่สุด ระยะที่ 2
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ
หลังน้ำลดสถานประกอบการพร้อมให้บริการ ด้วยวิธีนำสื่อ อินฟลูเอนเซอร์
ลงพื้นที่เผยแพร่ความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ระยะที่ 3 กระตุ้นตลาดเพิ่มรายได้เต็มรูปแบบ โดยทำโปรโมชั่นการเดินทางโลจิสติกส์
ร่วมกับสายการบิน รถไฟ และคมนาคมในจังหวัดทั้งเชียงใหม่ และเชียงราย
ขณะนี้ทำแผนไว้แล้วประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีโปรโมชั่นแบบฟูลสเกลในทั้ง 2
จังหวัด ททท.2 สำนักงาน
ทำสำรวจแล้วเพื่อรวบรวมรายชื่อสถานการประกอบการที่ได้รับผลกระทบส่งให้ผู้ว่าการ
ททท.ส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้ธุรกิจฟื้นอย่างรวดเร็วภายในปี 2567
เป็นต้นไป
ภารกิจที่
4 นำเสนอ 5 Must Do in Thailand เสน่ห์ไทย
โดยใช้กิจกรรมที่มีอยู่แล้วสร้างคุณค่าทั้งด้านวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน
โดยสอดแทรกไว้ในทุกกิจกรรมให้โดดเด่นทุกส่วน
ด้วยไฮไลต์การจัดบิ๊กอีเวนต์ที่มีความหลากหลายตามที่ได้นำเสนอไว้ข้างต้น
นายอภิชัย
กล่าวว่า เมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย มีเสน่ห์ไทยทุกจังหวัด
อัธยาศรัยไมตรีคนทุกจังหวัดดีอยู่แล้ว จึงขอเชิญชวนหันมาเที่ยวเมืองไทยกันดีกว่า
สร้างรอยยิ้มและเศรษฐกิจไทยมั่งคั่งยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
ข่าวที่ 1-มูลนิธิวิชัยฯ-คิง เพาเวอร์จัด“ให้โลหิตให้ชีวิต”ช่วย2.6พันคน
มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รายงานว่า คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา นำครอบครัว “ศรีวัฒนประภา” ทั้งคุณอัยยวัฒน์ คุณอภิเชษฐ์ คุณวรมาศ คุณรวิ อิทธิระวิวงศ์ และคุณวรวิชยะ ศิรศีล ศรีวัฒนประภา ผู้บริหาร พนักงาน คิง เพาเวอร์ ใช้โอกาสพิเศษที่มูลนิธิฯ ครบรอบ 20 ปี ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดกิจกรรม “ให้โลหิต ให้ชีวิต” ครั้งที่ 3 เปิดพื้นที่บริเวณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เปิดให้ผู้ให้ทุกคนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมด้วย เพื่อส่งต่อคุณค่าเพื่อพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน
ปี 2567 “มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา” เข้าสู่วาระครบรอบ 20 ปี ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และมูลนิธิฯ จึงร่วมสานต่อปณิธานแห่ง “การให้” สร้างกุศลอันยิ่งใหญ่พร้อมใจกันทำกิจกรรม “ให้โลหิต ให้ชีวิต” ต่อเนื่องตลอดปีนรวม 3 ครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน กรกฎาคม และตุลาคมนี้ การจัดงานแต่ละครั้งมีพนักงานและประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงพลังแห่งความเป็นไปได้
สำหรับการร่วมบริจาคโลหิตกับมูลนิธิฯ ครั้งนี้มี “ยอดบริจาคโลหิตรวมกว่า 350,000 ซีซี” สามารถช่วยต่อชีวิต ส่งต่อลมหายใจให้ผู้ที่ต้องการความ “ช่วยเหลือได้กว่า 2,600 คน” ซึ่งการบริจาคเลือดปกติ 1 ครั้ง สามารถช่วยผู้ป่วยได้ถึง 3 คน ถือเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนโลหิต สร้างความสุขทั้ง ผู้ให้ และ ผู้รับ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สอดคล้องตามเจตนารมย์ของผู้ก่อตั้งมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมจะพัฒนาธุรกิจเพื่อคืนประโยชน์สู่สังคมที่ยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่ 2-คิงเพาเวอร์เปิดใหม่“LIQUOR&TOBACCOกว่า11ชาติ
คิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว
ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ร้าน “LIQUOR & TOBACCO” เอาใจนักดื่มที่หลงใหลความเป็นสเปเชียลลิสต์จึงได้จำลองห้องใต้ดิน
(WINE CELLAR) พื้นที่กว่า
300 ตารางเมตร
เพื่อการเก็บรักษาเครื่องดื่มอันล้ำค่า ชื่อว่า “KING POWER LA GALERIE DES
VINS : คิง เพาเวอร์ ลา กาเลอครี เดอ แว็ง”
ออกแบบตกแต่งจากความตั้งใจ รวมถึงการคัดสรรไวน์หลากหลายแบรนด์ดังระดับโลกมาไว้ให้ได้ลองสัมผัสเหนือระดับ
ครบครันทุกความต้องการ เช่น ไวน์วินเทจ ไวน์คอลเลกชันพิเศษ
หรือไวน์แบบ CASE COLLECTION
โฉมใหม่ร้าน “LIQUOR &
TOBACCO” ตั้งอยู่บริเวณชั้น 3
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ดีไซน์พื้นที่กว่า 300 ตารางเมตร เพื่อนำเสนอสินค้าคุณภาพให้เลือกสรรมากมาย
ทั้ง LIQUOR, WINE, CHAMPAGNE, WINE GLASS & ACCESSORIES และ
TOBACCO ทั้งสินค้าปลอดภาษีและสินค้าซื้อแล้วรับกลับได้ทันทีดดยไม่ต้องมีไฟลต์บิน
ไฮไลต์ภายในพื้นที่จะได้พบกับ “KING
POWER LA GALERIE DES VINS :คิง
เพาเวอร์ ลา กาเลอครี เดอ แว็ง” การลองห้องเก็บไวน์ใต้ดินในอดีตที่มีจุดเด่นคือ
เรื่องการรักษาอุณหภูมิและคุมแสงสว่างอย่างเหมาะสม ทำให้คุณภาพของไวน์คงอัตลักษณ์ไว้ได้
พร้อมกับดีไซน์เป็นเอกลักษณ์โดยการใช้ไม้ตกแต่งเป็นหลัก ในเวลาเดียวกันก็ยังให้ความรู้สึกโมเดิร์นและคลาสสิกด้วย
ภายในเป็นห้องเก็บรวบรวมไวน์จากทั่วมุมโลกมีไวน์หลากหลายขนาดให้เลือกสรรตั้งแต่ 1.5L
- 15L และไวน์คอลเลกชันพิเศษ
รวมถึงยังมีไวน์วินเทจให้เลือกมากมาย
นำโดย “ไวน์ 5 เสือจากบอร์กโดซ์ (BORDEAUX)” หรือ FIRST GROWTH ล้วนมีชื่อเสียงอย่าง CHATEAU
MOUTON ROTHSCHILDS นักดื่มไวน์ทั่วโลกพากันปรารถนาแทบทั้งสิ้น ตามมาด้วย
“ท็อป แบรนด์ บอร์กโด เลื่องชื่อ ได้แก่ CHATEAU LYNCH BAGES กับ
CHATEAU PAVIE, BURGUNDY HIGHLIGHTS กับ DOMAINE DE LA
ROMANÉE-CONTI (DRC) ที่ยังครองความเป็นหนึ่งของสุดยอดไวน์แดงที่ได้รับวามนิยมสูงสุด
ขณะที่ไวน์ท็อป แบรนด์ในโลกใหม่หรือ TOP
BRAND NEW WORLD กับแบรนด์ระดับตำนานอย่าง PENFOLDS และ
CALIFORNIA CULT WINES ที่ได้รับความนิยมก็คือ SCREAMING EAGLE
ปิดท้ายด้วย SUPER TUSCAN ไวน์แห่งการคิดนอกกรอบ
มาคู่กับทั้ง MASSETO และ SASSICAIA ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดไวน์แห่งทศวรรษ
คิง เพาเวอร์ ได้คัดสรรไวน์แต่ละขวดมาจากหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะแคว้นที่มีชื่อเสียงได้รับการขนานนาม พร้อมทั้งยกให้เป็นพื้นที่ทำไวน์ชั้นเลิศไม่ต่ำกว่า
11 ประเทศ
คือ ฝรั่งเศส อิตาลี แคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา สเปน ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมนี
อาเจนติน่า และแอฟริกาใต้
ข่าวที่ 3-ช้อปได้ไม่อั้นที่คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ/ดอนเมืองแฟชั่นลดปัง
คิง เพาเวอร์
ชวนให้นักเดินทางแล้วมีไฟลต์บิน “เช็กลิสต์ ไอเทมควรช้อป” ก่อนออกทริปเที่ยว
ดูให้จบมีโปรดีมาบอก วันนี้– 31 ต.ค. 2567 ช้อปได้ไม่อั้นสินค้าแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง ที่ คิง เพาเวอร์
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง
สำหรับนักเดินทางชาวไทย
รับส่วนลดจุใจสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 10,000
บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
พิเศษ! สำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ 1.ได้ลดปังสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ 2.ได้ลดฟิน 10% พร้อมได้ลดเพิ่ม ON-TOP อีก 5% เมื่อช้อปครบ 10,000
บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
ช้อปได้เต็มแมกซ์กับสินค้าแผนกแฟชั่น
ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เท่านั้น แล้วรับส่วนลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปสินค้าแผนกแฟชั่น ครบตามเงื่อนไขตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
ข่าวที่
4-นายกฯอิ๊งค์สั่งททท.ผนึก6ธุรกิจโลกตั้งภาคีปลุกเที่ยวไฮซีซั่นปี67
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ได้เข้าประชุมกับทำนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมหารือกับผู้นำธุรกิจเอกชนนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับบริการท่องเที่ยวแถวหน้าของโลกที่ให้บริการอยู่ในไทย
6
บริษัท ประกอบด้วย นายแอนโธนี ตัน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Grab
พร้อมด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ท่องเที่ยว อโกด้า (Agoda) เอ็กซ์พีเดีย (Expedia) ทริปด็อตคอมกรุ๊ป (Trip.com) เชนโรงแรมโลก 2 แบรนด์ IHG กับ Marriott และการบินไทย สายการบินแห่งชาติของไทย
เพื่อรวมพลังกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยทั้งในและต่างประเทศมุ่งพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
เบื้องต้นเตรียมจะใช้วิธี “จัดตั้งภาคีเครือข่ายภาคเอกชนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว”
ยกระดับประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก World Tourism Destination มุ่งสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกประทับใจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแบบครบวงจร
ตั้งแต่เริ่มจองตั๋วโดยสารเครื่องบินเดินทางมาไทย การเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ เชื่อมโยงสู่โรงแรมที่พัก แหล่งท่องเที่ยว
บริการอุตสาหกรรมอาหาร จนถึงการเข้าพัก ส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกที่ดีกับเมืองไทย
ผู้ว่าฯ
ฐาปนีย์ กล่าวว่า ตลอดการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี และร่วมหารือกับเอกชนครั้งนี้
จะขับเคลื่อน 4 เรื่อง
ประกอบด้วย เรื่องที่ 1
Connect-มุ่งเน้นบูรณาการสนับสนุนการเชื่อมต่อประเทศไทยกับลูกค้าทั่วโลก
เรื่องที่ 2 Discover -สร้างโอกาสทางการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่
เมืองหลัก เมืองน่าเที่ยว เรื่องที่ 3 กลยุทธ์ 5 must do in Thailand นำเสนอจุดขายสินค้าท่องเที่ยวให้ครบทุกอย่างเมื่อมาเที่ยวเมืองไทยแล้วต้องทำห้ามพลาดทำ
5 สิ่ง
และเรื่องที่ 4 Support
สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเมืองที่ไม่หลับไหลด้วยกิจกรรมบิ๊กอีเวนต์ตลอดทั้งปี
ระหว่างการประชุมนายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือให้
ททท.และกลุ่มผู้นำธุรกิจร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจฤดูท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นไตรมาส 4 ปี
2567 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม
นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เชียงใหม่และเชียงราย โดยขอให้ทุกแพลตฟอร์มทั้ง 6 แบรนด์ซึ่งทางผู้นำทุกแบรนด์ได้แสดงความยินดีร่วมฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย
ทำกิจกรรมร่วมกับรัฐบาลโดยใช้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างเศรษฐกิจกลับมาคึกคักเช่นเดิม
สามารถสร้างงานงาน สร้างรายได้ กระจายสู่ทุกพื้นที่ของประเทศ
พร้อมทั้งสร้างการเติบโตในอนาคตอันใกล้นี้ได้ด้วย
ข่าวที่
5-บางจาก-แอร์ไลน์ไทยขานรับน้ำมันSAFปูพรมการบินไร้คาร์บอน
นางกลอยตา
ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ร่วมเสวนา “SAF
Readiness in Thailand” ในงาน Thai Aviation
Sustainability Day กับสมาคมสายการบินประเทศไทย ในฐานะบางจากเป็นผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยั่งยืน SAF :Sustainable Aviation Fuel โดยใช้วัตถุดิบจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วรายแรกในไทย
ได้วางทิศทางการพัฒนาและแนวทางสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศ ก้าวมข้ามความท้าทายต่าง
ๆ รวมทั้งข้อได้เปรียบการผลิตน้ำมันอากาศยานในประเทศ
จึงได้เวทีนี้ที่มีผู้นำสายการบินของประเทศเข้าร่วม
เน้นย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยผลักดันนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและความเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตได้
ขณะนี้บางจากฯ
ได้ลงทุนโรงงานผลิตน้ำมัน SAF มูลค่ากว่า 8,500 ล้านบาท ผ่านบริษัท
บีเอสจีเอฟ จำกัด เดินหน้าพัฒนาการผลิตน้ำมันอากาศยานที่ยั่งยืนจากน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหาร
กำลังดำเนินตามแผนก่อสร้างหน่วยผลิตในพื้นที่โรงกลั่นบางจาก พระโขนง จะเริ่มผลิตช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โดยมีเป้าหมายทำกำลังการผลิตวันละ 1
ล้านลิตร พร้อมกับสร้างเครือข่ายจัดเก็บวัตถุดิบผ่านการรณรงค์ “ไม่ทอดซ้ำ” ร่วมกับกรมอนามัย นำไปร่วมโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และร่วมกับพันธมิตรผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร
ห้างร้าน ศูนย์การค้า ศูนย์ประชุม เทศบาล หน่วยงานท้องถิ่น และอื่น ๆ
แล้วบางจากยังจัดจุดรับซื้อน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหารในสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ 281 แห่ง ล่าสุดร่วมมือกับมูลนิธิใบไม้ปันสุขต่อยอดจัดตั้ง “สถานีทอดไม่ทิ้ง” ในโรงเรียนเพื่อจัดเก็บน้ำมันใช้แล้วจากโรงเรียนและครัวเรือนของนักเรียน
โดยมีเป้าขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่องทำให้แผนของบริษัทเรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ สำเร็จได้ภายในปี 2593
(ค.ศ. 2050)
นายพฤติพงศ์
ปราสาททองโอสถ นายกสมาคมสายการบินประเทศไทย กล่าวว่า
ร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) จัดงาน Thai Aviation Sustainablity 2024 นำเสนอวิสัยทัศน์ กลยุทธ์
สู่การเปลี่ยนผ่านลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ด้านการบิน โดยทุกสายการบินให้ความสำคัญกับใช้พลังงานทางเลือกน้ำมัน
SAF เพื่อปฏิบัติการบินลดปล่อยคาร์บอนในอากาศตามเป้าหมายปี 2593
แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
หลังหน่วยงานรัฐของไทยกำลังจัดทำมาตรการใหม่ทยอยบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2569 โดยให้สายการบินเข้าออกประเทศหันมาใช้สัดส่วน SAF 1 %
สำหรับการจัดงานครั้งนี้มีพันธมิตรในวงการพลังงานและการบินเข้าร่วมเสวนาทั้ง
บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
บริษัท บางจาก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล จำกัด
ข่าวที่
6- TCEBหนุน Mini EEC Fairนำไมซ์ขยายฮับลงทุนและทัวร์สุขภาพ
นายภูริพันธ์ บุนนาค
รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า
ทีเส็บร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) “สกพอ.” จัดงานไมซ์ Mini EEC Fair 2024
เมื่อวันที่ 8-9 ตุลาคม 2567
ที่โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จังหวัดชลบุรี ชูแนวคิด "EEC Opportunities:
Investment Solutions Towards Sustainable Locals"
ดึงดูดภาคธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 2,500 คน
ตั้งเป้าดึงเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์แห่งอนาคตเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
งาน Mini EEC Fair
2024 เป็นการใช้ตลาดไมซ์
ช่วยขับเคลื่อนศักยภาพไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุน
การจัดประชุมและนิทรรศการในภูมิภาค
แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลไกไมซ์เชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการ
จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะใช้อุตสาหกรรมไมซ์สร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ
ในพื้นที่ EEC ทั้งหมด 15 อุตสาหกรรม
ทั้ง 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม และ 5
อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะ
“อุตสาหกรรมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์”
ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของประเทศ
จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ในงานได้จัดปาฐกถาพิเศษโดย ดร. จุฬา สุขมานพ หัวข้อ "EEC
Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals" นำเสนอวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาของ EEC ในอนาคต
ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวและความยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น
ต่อด้วยการเสวนาเรื่อง "บทบาทภาคการเงินในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC"
โดยผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งได้นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ
เกี่ยวกับโอกาสทางการเงินสำหรับนักลงทุนในพื้นที่ EEC
นำเสนอหัวข้อ "5
Clusters Business Opportunities: Status/Eco System/New Trend" ครอบคลุมโอกาสทางธุรกิจใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล BCG การแพทย์
และอุตสาหกรรมบริการ โดยผู้อำนวยการจากสำนักต่าง ๆ ของ สกพอ.
การนำเสนอนี้ได้เผยให้เห็นถึงสถานะปัจจุบัน ระบบนิเวศ
และแนวโน้มใหม่ของแต่ละอุตสาหกรรม
พร้อมกับจัดสัมมนาเกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น EECi, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์,
และการใช้งาน 5G ในภาคอุตสาหกรรม
รวมถึงการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบ EEC OSS: การบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุน
การสัมมนาภายใต้หัวข้อ "Trends for Enhancing Country's
Competitiveness" เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย
การบรรยายเรื่อง "Increase High Business Potential for Future
Competitiveness" จาก TMA Center for Competitiveness และการเสวนาหัวข้อ "Support for Start-up in EEC" โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำ บริษัท Fintech ที่ประสบความสำเร็จ และกองทุนที่ลงทุนในนวัตกรรม
การสัมมนานี้นำเสนอแนวทางการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและการสนับสนุน Start-up ในพื้นที่ EEC ครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งด้านการเงิน
เทคโนโลยี และการลงทุน
เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจอีกกิจกรรม
"Thailand EEC Wellness MICE Destination" การสัมมนาพิเศษในหัวข้อ
"Shaping the Future of Wellness Investment in EEC" โดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการ
การสัมมนานี้นำเสนอวิสัยทัศน์และโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและสุขภาวะ
พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ EEC ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการจัดงานไมซ์ระดับโลก
นอกจากนี้
ยังมีการนำเสนอแนวคิด "EEC Medical & Wellness Hub for
the Future" ซึ่งมุ่งสร้างศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพในพื้นที่
EEC ให้ก้าวสู่ระดับโลก
โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข การส่งเสริมนวัตกรรมทางการแพทย์
และการยกระดับคุณภาพการบริการด้านสุขภาพ
เพื่อรองรับทั้งผู้ป่วยในประเทศและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากทั่วโลก และนำเสนอผลงานนวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในภาคตะวันออก
ช่วงที่ 2 ไปเที่ยวเมืองชายทะเลใกล้กรุงกันดีกว่า
ปักหมุดจุดหมายใหม่ “ทำฟาร์มดี คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม” อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
มีกิจกรรมดี ๆ ให้เด็กได้เพลิดเพลิน ส่วนผู้ปกครองก็นั่งฮีลใจแบบฟิน ๆ ได้ด้วย
แล้วฟัง “5วิธีนอนให้หลับง่าย” ตื่นมาแล้วสดชื่น
ปิดท้ายด้วยข่าวดี ๆ ข่วแรก “การบินไทย-CIRCULAR”
รีไซเคิลลุยแฟชั่นรักษ์โลกวางตลาด 11 แบรนด์ ข่าวที่สอง
“มนพร-บวท.” ปลื้มไฮซีซั่นแอร์ไลน์บินเข้าเชียงใหม่เพิ่ม 10%
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่พาครอบครัวเที่ยว“ทำฟาร์มดีคาเฟ่” เมืองชลบุรี
เที่ยวใกล้ทะเลตะวันออก ปักหมุด ที่
“ทำฟาร์มดี คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม” หมู่ 4 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี ชวนครอบครัวมาแฮงท์เอาต์ได้ในคาเฟ่ฟาร์ม พร้อมเสิร์ฟทุกเมนูผักปลอดสาร
กับกิจกรรมที่เด็ก ๆ จะได้สนุกกับ Fun Run Learn
เปิดทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 3 ทุ่ม
ในอาณาบริเวณพื้นที่ 11 ไร่ ครอบครัวที่พาเด็ก ๆ
มาได้เล่นสนุกและเรียนรู้ลงมือทำเวิร์คช้อปร่วมกันได้ทั้งครอบครัวด้วย
มีให้เลือกมากมายทั้ง ให้อาหารสัตว์ ระบายสีปูนปลาสเตอร์ วาดภาพบนเฟรมผ้า
เก็บไข่มาทําไข่เค็ม ปลูกต้นไม้ การผสมดิน การเลี้ยงไส้เดือน ปลูกผักไฮโดรพอนิกส์
ทําขนม วาดรูประบายสี และอื่น ๆ
จากจุดเริ่มที่เจ้าของเดิมตั้งใจอยากปลูกผักไฮโดรพอนิกส์ขาย
แต่แล้วกลับต่อยอดนำผักที่ปลูกในฟาร์มมาส่งผ่านสู่เมนูจานอร่อยในร้าน
ผสมผสานกับชอบพาเด็ก ๆ ไปทํากิจกรรมนอกบ้าน จึงแปลงโฉมให้เป็นทั้ง “ฟาร์ม”
จัดสรรพื้นที่ให้เด็ก ๆได้เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมมากมาย กับ “คาเฟ่”
ตกแต่งในสไตล์โรงนาแบบตะวันตก เอาใจพ่อแม่ผู้ปกครองได้เอนจอยระหว่างนั่งรอลูก ๆ
ก็สามารถสั่งทุกเมนูผัก สะอาด ปลอดสาร มารับประทานได้
“ทำฟาร์มดี คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม”
เป็นแหล่งเพิ่มประสบการณ์ชีวิต จับต้องได้ตั้งแต่
กระบวนการปลูกผักในฟาร์มเน้นความปลอดภัยปลูกในแบบไฮโดรโพนิกส์ระบบน้ำนิ่งไร้สารพิษ
ปรุงแต่ละเมนูพร้อมเสิร์ฟโดยออกแบบให้กินได้ทั้งหมด
เพราะเจ้าของตั้งใจให้เป็นคาเฟ่ลดขยะเป็นศูนย์หรือ Zero Waste หรือหากมีเศษอาหาร ก็จะนําเป็นอาหารสัตว์ในฟาร์มต่อได้ แล้วก็เน้นทำ Reuse
ของเหลือใช้ให้มีประโยชน์สูงสุด กากกาแฟ ใบต้นก้ามปู มูลสัตว์
ที่นำมาหมักเป็นปุ๋ยใช้งานในฟาร์มหมุนเวียนใช้อย่างเป็นระบบ
เที่ยวเมืองไทย
พาครอบครัวไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ได้ที่ “ทำฟาร์มดี คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม”
พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในโมเมนท์ที่ใช่ในชลบุรี
สุขภาพ
–5 วิธีนอนให้หลับง่าย ตื่นมาสดชื่น
รับวันใหม่ได้เต็มพลัง
การนอนหลับเป็นหนึ่งในการพักผ่อนและผ่อนคลายให้กับร่างกายที่ดีที่สุด
เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวร่างกายจะเริ่มเปิดโรงงานการฟื้นฟูและซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่เกิดความเสียหายในระหว่างวัน
และชาร์จแบตร่างกายให้มีพลังพร้อมต่อสู้กับสิ่งละอันพันละน้อยในวันรุ่งขึ้น
ส่วนคนที่นอนหลับยาก
มีเรื่องเครียดรบกวนจิตใจ หรือมีปัญหาในการนอนแทบทุกครั้ง
มาดูวิธีแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ กับนอนอย่างไรให้หลับง่าย หลับสนิท
ตื่นมาแล้วสดชื่น กับ 5 วิธี ดังนี้
1.
สร้างบรรยากาศ ลดแสง เงียบ อากาศเย็นพอดี ห้องนอนที่ดีควรเงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวน
ไม่ควรมีแสงสว่างจ้าจากหลอดไฟ ที่สำคัญอุณหภูมิห้องต้องเหมาะสม เย็นพอดี
ไม่ร้อนเกินไป ต้องระบายอากาศได้ดีลดความอับชื้นและกลิ่นอับ
2.
ไม่เล่นโทรศัพท์ ทำงานก่อนนอน
แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะทำให้ระดับเมลาโทนินในร่างกายลดลงไปอยู่ระดับเดียวกับช่วงกลางวัน
และกดการหลั่งเมลาโทนินออกจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการนอน
ผลลัพธ์ก็คือทำให้ตาสว่างและนอนหลับยากนั่นเอง ดังนั้นใครที่ติดสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก่อนเข้านอนควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
อีกวิธีที่ทำให้หลับง่ายคือควรวางภาระการงานที่คั่งค้างก่อนเข้านอน 1-2 ชั่วโมง
3.
งดออกกำลังกายหนัก ๆ ก่อนนอน เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นอนไม่หลับหรือหลับยาก
เนื่องจากขณะออกกำลังกายร่างกายจะหลังสารเอ็นดอร์ฟิน
หรือสารแห่งความสุขออกมาส่งผลให้คุณรู้สึกตื่นตัว
บวกกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นของร่างกายช่วงหลังออกกำลังกายซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกร่างกายว่าต้องตื่นตัว
จึงทำให้นอนไม่หลับหรือหลับยากนั่นเอง
4.
ใช้กลิ่นช่วยบำบัด กลิ่นหอมๆ จากอโรมาเธอราพี เป็นอีกหนึ่งวิธีทำให้นอนหลับง่าย
สร้างความผ่อนคลาย ช่วยลดปฏิกิริยาทางร่างกายที่มีต่อความเครียดได้ด้วย
การสูดดมน้ำมันหอมระเหยจึงเป็นวิธีที่ให้ผลทางร่างกายและระบบประสาทที่เร็วที่สุดทางหนึ่ง
โดยเฉพาะกลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยให้นอนหลับง่ายแล้ว
ยังช่วยปรับอารมณ์ให้เกิดความสมดุลและจิตใจสงบ
ผ่อนคลายเมื่อหัวถึงหมอนได้อย่างสบาย
5.
แช่น้ำอุ่น รับรองได้ผลลัพธ์รวดเร็ว แนะนำให้แช่น้ำอุ่นก่อนนอนอย่างน้อย 1-2
ชั่วโมง จะช่วยให้นอนหลับสบายและผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า
ใครมีเวลาน้อยหน่อยอาจเสริมสุขภาพที่ดีด้วยการแช่เท้าในน้ำ ที่อุณหภูมิประมาณ 40 –
50 องศาเซลเซียส ระหว่างนี้อาจใช้ฝ่ามือถูนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
เท่านี้ก็จะช่วยคลายความอ่อนล้าได้ดี ลดภาวะตึงเครียดของสมอง
ทำให้หลับง่ายหลับสบายมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–การบินไทย-CIRCULARลุยแฟชั่นรักษ์โลกวางตลาด10แบรนด์
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า
ได้ร่วมกับ บริษัท แสงเจริญแกรนด์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ CIRCULAR และไทย
ดีไซเนอร์ ต่อยอดนำชุดยูนิฟอร์มการบินไทยที่ไม่ได้ใช้งานแล้วแปลงโฉมให้เป็นแฟชั่นรักษ์โลกทำโครงการ
“Zero waste living by THAI” โดยใช้ศักยภาพของผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าและไลฟ์สไตล์ผ่าน
10 แบรนด์หลัก ได้แก่ She knows,
Rough cut, JUN, Youngfolks, Hangles, Khaki bros, Hamburger studio, Mr.Big, EV
girls และ CIRCULAR สร้างสรรค์แฟชั่นและไลฟสไตล์ด้วยคอลเลคชั่นพิเศษเป็น
Limited edition นำแนวคิดการจัดการวัสดุเหลือใช้จากการดำเนินธุรกิจการบินนำมาหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เน้นออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่างมีคุณภาพสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ยาวนานผ่านกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับสากล
รณรงค์ร่วมรักษ์โลกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดโลกร้อนไปด้วยกัน
เลือกซื้อได้ที่ร้าน THAI Shop สำนักงานใหญ่ การบินไทย
ถนนวิภาวดีรังสิต หรือไลน์เป็นทางการ @zwl.life ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ให้น่าอยู่ต่อไป
โครงการนี้การบินไทยและพันธมิตรมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นคุณค่าการนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วกลับมารีไซเคิลเพิ่มมูลค่าอีกครั้ง
คือยูนิฟอร์มพนักงานการบินไทยที่ไม่ได้ใช้งานแล้วสร้างสรรค์เป็นไอเท็มนำเสนอไอเดียใหม่
ๆ ดีไซน์มีเสน่ห์แตกต่างจากสินค้าทั่วไป เน้นสร้างผลิตภัณฑ์พร้อมสวมใส่หรือ Ready-to-wear
ได้แก่ อุปกรณ์การเดินทาง
กระเป๋า ผสมผสานระหว่างอัตลักษณ์การบินไทยให้เข้ากับแต่ละแบรนด์ ได้แก่
1.เสื้อผ้าถักจาก
She knows 2.สเวตเตอร์ จาก
Rough cut 3.เสื้อผ้าทอมือสไตล์อาเซียนจาก
JUN 4.กระเป๋าผ้าแคนวาสและรองเท้า จาก Youngfolks
5.เสื้อครอปจาก Hangles 6. เสื้อทรง Loose fit จาก
Khaki bros 7.เสื้อที่เปลี่ยนเป็นกระเป๋าได้ จาก Hamburger
studio 8.หมอนรองคอผ้ายืดเพื่อสุขภาพ จาก Mr.Big
9.ชุด Travel Case และผ้าปิดตา จาก EV girls และ 10.กางเกง
Cargo Pants จาก CIRCULAR
จุดเด่นของสินค้าทุกชิ้นจะมี QR
Code สามารถสแกนข้อมูล “จำนวน” การลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
หรือจำนวนการปล่อยน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ นับเป็นผลิตภัณฑ์เลือกใช้วัตถุดิบสิ่งทอมาจากการรีไซเคิล
100% ส่วนใหญ่นำเศษผ้าที่ไม่ใช้แล้วและไม่ผ่านการฟอกย้อมมาสร้างประโยชน์ใช้สอยได้ใหม่
ข่าวที่สอง
-มนพร-บวท.ปลื้มไฮซีซั่นแอร์ไลน์บินเชียงใหม่เพิ่ม10%
นางมนพร เจริญศรี
รัฐมนตรีช่วย (รมช.) ว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า บริษัท
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้รายงานคาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินช่วงตารางบินฤดูหนาวเข้าออกพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคม
2567 เป็นต้นไป
มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10%
จึงสั่งการให้เตรียมความพร้อมให้บริการรองรับอำนวยความสะดวกการเดินทางและความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวและประชาชน
ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในเชียงใหม่คลี่คลายลงมากแล้ว คนในพื้นที่ต่างเร่งทำความสะอาดและฟื้นฟูสถานประกอบการท่องเที่ยว
เพราะตามปกติปลายเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ไฮไลต์เดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะมีงานเทศกาลประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทงด้วย คาดเดือนธันวาคมก็จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ
นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมในเชียงใหม่กลับสู่สภาวะปกติแล้ว
จึงคาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเริ่มกลับมาเดินทางเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับฤดูท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น
ส่งผลเชิงบวกกับปริมาณจราจรทางอากาศเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ มีเที่ยวบินเข้าออกท่าอากาศยานเชียงใหม่มากประมาณ
5,450 เที่ยว เดือนพฤศจิกายนนี้ขยับสูงขึ้นรวม 5,920
เที่ยว และธันวาคมก็จะเพิ่มเป็น 6,230 เที่ยว ค่าเฉลี่ยวันละ 180 - 200
เที่ยว
สะท้อนเที่ยวบินภาพรวมเข้าออกเชียงใหม่ต่อเนื่องตลอด
3
เดือน ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2567
มีเที่ยวรวมมากถึง 17,600
เที่ยว เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10%
แบ่งเป็น เที่ยวบินภายในประเทศ 72% และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 28% ซึ่งสามารถจัดอันดับเที่ยวบินต่างประเทศบริการไป-กลับ
เข้าออกเชียงใหม่ 5 อันดับ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลีใต้ ไทเป(ไต้หวัน)
ฮ่องกง มาเลเซีย
ดังนั้น บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย
จำกัด จึงได้เตรียมพร้อมรับมือไว้ 2 ส่วนหลัก
คือ ส่วนที่ การจัดการบริการจราจรทางอากาศเพื่อรองรับเที่ยวบินและติดตามข้อมูลสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและเฝ้าระวังหากเกิดกรณีสภาพอากาศแปรปรวนหรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน
ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการบินเพื่ออำนวยความสะดวกให้สายการบินและผู้โดยสาร ส่วนที่ 2 จัดการจราจรทางอากาศให้เป็นไปด้วยความปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation
Organization :ICAO)
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น