“กิตติพงศ์ กิตติขจร”ผ่าแผนลงทุนสนามบินสุวรรณภูมิ
ตารางบินฤดูหนาว67/68ใช้2ไฮเทคไบโอเมตริก-ACDM
เปิดฉลุยรันเวย์3-ขยายอาคาร“EAST-SOUTH”
4ปีหน้า
ช้อปด่วน!!คิงเพาเวอร์ออนไลน์
11.11วันเดียวโปรแรง
คิงเพาเวอร์ฉลองเปิดซิตี้บูทีกจัดเต็ม3กิจกรรมลด30%
ททท.หนุนTheMaverrickโปรโมททัวร์อาหารผ่านNetflix
BRSCเครือบางจาก9เดือนปี67รายได้เพิ่ม1.7หมื่นล้าน
ผจญภัยในป่าฝนสุขครบวงจรที่ได้เที่ยว“กาญจนบุรี”
5 วิธีทำได้ง่ายๆลดกินอาหารแปรรูปก่อนเกิดโรคร้าย
ลุฟท์ฮันซ่าฉลอง65ปีลุยบินตรงเข้าไทย31เที่ยว/สัปดาห์
อัปสราเรือดินเนอร์เจ้าพระยาชูเมนูไทยซอฟท์พาวเวอร์
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ
“เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #AOT
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... .https://www.facebook.com/share/v/15Ef3nAeZQ/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์
กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) “AOT”
เปิดประตูประเทศสุวรรณภูมิรับไฮซีซั่นตารางบินฤดูหนาว โชว์เทคโนโลยีใหม่
“ไบโอเมตริก” สแกนผู้โดยสาร “A-CDM”
บริหารจัดการเคาน์เตอร์แอร์ไลน์ส รับมือผู้โดยสารพีคสุด ๆ 28.5 ล้านคน หลังเปิดรันเวย์ 3 ทั่วโลกกลับมาบินเพิ่ม 11 แอร์ไลน์ส น้องใหม่ที่มาไทยครั้งแรก 2 แอร์ไลน์ “อีตาแอร์เวย์” อิตาลี “แอร์เคอริน”
ฝรั่งเศส นำสุวรรณภูมิรับมากสุด 143 สายการบิน พร้อมเปิดแผนขยาย 2 เทอร์มินัลใหม่ “East -South” หลังผู้โดยสารล้นอาคารเกิน 60 ล้านคน/ปี
นายกิตติพงศ์
กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า ช่วงตารางบินฤดูหนาวปี 2567/68 เริ่มเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป โครงการที่ “เปิดบริการใหม่” ไฮไลต์
2 ระบบ ได้แก่ ระบบแรก
“ไบโอเมตริก” เป็นการประมวลผล “ผู้โดยสาร”
มาใช้สแกนใบหน้านักเดินทางผ่านขึ้นเครื่องทุกคนเริ่มจาก “ผู้โดยสารในประเทศ”
เริ่มไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน
เป็นต้นมา โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชนในแต่ละการเดินทางอีกต่อไป ส่วน
“ผู้โดยสารเที่ยวบินต่างประเทศ” จะเริ่มใช้วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อบูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคง
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)
ขั้นตอน
2 ช่องทาง ได้แก่
ช่องทางที่ 1 ผู้โดยสารเช็คอินด้วยตนเอง
ให้นำเอกสารตั๋วโดยสารไปสแกนที่เครื่องอัตโนมัติ เพื่อปริ๊นท์บัตรขึ้นเครื่องหรือ Broadingpass
จะต้องทำเพิ่มอีก 1 ขั้นตอน คือ “สแกนใบหน้า” เพื่อบันทึกไว้ในระบบ
จากนั้นหากจะฝากสัมภาระกระเป๋าก็ไปทำตามปกติ เสร็จเรียบร้อย
เมื่อไปถึงห้องพักคอยผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องแสดงบัตรหรือบอร์ดดิ้งพาสส์
เพราะเครื่องมีจอกล้องจับใบหน้าจะสแกนเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน ซึ่งใช้เวลาสั้นมากแต่ละคนเพียง
2-3 วินาที/คน
ช่องทางที่ 2 เช็คอินที่เคาน์เตอร์แต่ละสายการบิน
พนักงานจะจัดการถ่ายรูปไว้ในระบบด้วยขั้นตอนในลักษณะ
ระบบที่สอง
“A-CDM :Airport
Collaborative Decision Making”
ระบบประมวลผลข้อมูลระหว่างสนามบินกับสายการบินให้ “สายการบิน” ทั้งหมด
ใช้ในการบริหารจัดการ “เคาน์เตอร์สายการบิน”
ที่จะจัดเตรียมเปิด-ปิดให้เพียงพอสะดวกกับการผู้โดยสารลดคิวรอเช็คอินให้น้อยลง
โครงการที่
2 เปิดทางวิ่งหรือรันเวย์ที่
3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตั้งแต่ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
มุ่งเพิ่มการรองรับปริมาณเที่ยวบินในแต่ละชั่วโมงได้รวดเร็วและจำนวนมากขึ้น
จากปกติมี 2 รันเวย์ รับได้
68 เที่ยวบิน/
ชั่วโมง เมื่อเปิดรันเวย์ 3 จะรับเพิ่มเป็น
94 เที่ยวบิน/ชั่วโมง
แก้ไขจุดอ่อนเรื่องลดเครื่องบินที่ต้องบินวนอยู่กลางอากาศได้ดีขึ้นอย่างมาก
หลักการให้บริการจะแก้ไขให้รวดเร็วลดการบินวนห้วงอากาศได้ชัดเจน
โครงการที่
3 ฟื้นฟูสายการบินนานาชาติรายใหญ่ในตารางบินฤดูหนาวกลับมาบินมากถึง
11 สายการบิน
พร้อมกับน้องใหม่ที่เคยมาเมืองไทยตั้งแต่ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ใช้เครื่องบินโอบิ้ง B787 ทั้ง 2 สายการบิน
ได้แก่ 1.อีต้าแอร์เวย์ส ของอิตาลี ไป-กลับ
กรุงเทพฯ/สุวรรณภูมิ-กรุงโรม/อิตาลี 10
เที่ยว/สัปดาห์ กับ 2.แอร์เคอริน มาจากเมืองขนาดเล็กในฝรั่งเศส ใช้เครื่อง บิน
ไป-กลับ 8 เที่ยว/สัปดาห์
รวมแล้วตลอดฤดูกาลนี้จะมีผู้ให้บริการขึ้นลงที่สุวรรณภูมิทั้งหมด 143 สายการบิน
ผอ.กิตติพงศ์
กล่าวว่า ปี 2567 ถึงปี 2568 มีแผนพัฒนาเพื่อรักษามาตรฐานท่าอากาศยานสากล
เรื่องที่ 1 การลงทุนขยายอาคารผู้โดยสาร
เพิ่ม 2 ทิศ ได้แก่
ทิศแรก “ฝั่งตะวันออก” หรือ East Expansion ตอนนี้งบประมาณมีพร้อม
อยู่ในขั้นตอนการเปิดประมูลก่อสร้าง จะเพิ่มพื้นที่ 80,000 ตารางเมตร จากอาคารผู้โดยสารหลังหลัก (Main
terminal)
ช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มจากปัจจุบัน 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคน/ปี ต้นปี 2568 จะต้องเริ่มการก่อสร้างอย่างแน่นอน
ตามแผนใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
คาดการณ์หากสถานการณ์ปกติก็จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการประมาณปี 2570
ทิศที่สอง
“ฝั่งทิศใต้หรือ South Terminal”
ซึ่งเป็นอาคารคู่แฝดกับอาคารผู้โดยสารหลังหลักปัจจุบัน กับการก่อสร้างรันเวย์ที่ 4
ซึ่งมีพื้นที่พร้อมขยาย
อยู่ในขั้นตอนการจัดจ้างที่ปรึกษา ถ้าหากสร้างแล้วเสร็จตามที่กำหนดไว้
ก็จะทำให้ประเทศไทยเป็น “ฮับการบินของภูมิภาค” ได้ตามนโยบายรัฐบาล
อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้จะช่วยแก้ปัญหาจราจรเข้าออกสุวรรณภูมิได้
เส้นทาง บางนา-ตราด สามารถขึ้นทางยกระดับได้
ส่วนขั้นตอนการก่อสร้างจะต้องใช้เวลาทำให้แล้วเสร็จประมาณอีก 4-5 ปีข้างหน้า
ผอ.กิตติพงศ์
กล่าวว่า คาดการณ์ปี 2568 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีผู้โดยสารใช้บริการสูงถึง
64 ล้านคน/ปี
ในจังหวะที่สุวรรณภูมิรับได้ 45 ล้านคน/ปี
จึงต้องนำเทคโนโลยีอัตโนมัติสมัยใหม่เข้ามาช่วยระบายผู้โดยสารเข้าออกให้เร็วที่สุด
ส่วนช่วงฤดูเดินทางปลายปี
“ตุลาคม 2567-มีนาคม 2568” จะมีผู้โดยสารเข้าออกสุวรรณภูมิประมาณ 28.5
ล้านคน แบ่งเป็น ต่างประเทศ 23
ล้านคน ในประเทศ 4-5 ล้านคน ดังนั้นหน่วยงาน ตม.ศุลกากร AOT ต้องเตรียมการรับมือเพราะนโยบายรัฐบาลมุ่งเน้นเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว
โดยมีสนามบินเป็นประตูด่านแรกจะต้องร่วมมือกันสร้างความประทับใจให้นักเดินทางทุกคน
ขณะที่
“ปริมาณเที่ยวบินต่างประเทศ” ขณะนี้ตลอดตารางบินฤดูหนาวปี 67/68 มีประมาณ 16,500 เที่ยวบิน เฉลี่ย 1,100 เที่ยว/วัน
สายการบินส่วนใหญ่ต้องการอย่างเดียวคือความสะดวกสบายในบริการเข้าออก คือ
“บริการขนสัมภาระกระเป๋าโดยสาร”
ล่าสุดสุวรรณภูมิได้ประชุมร่วมกับผู้ให้บริการที่ได้สัมปทานขนสัมภาระกระเป๋า 2
บริษัท คือ การบินไทย กับ
บางกอกไฟลต์เซอร์วิส แล้ว เพื่อวางแผน “แรงงาน” ต้องเพียงพอดูแลบริการ
เพราะบางครั้งเครื่องมาถึงเร็ว แต่จะต้องมายืนรอสายพานกระเป๋าค่อนข้างนาน
ก็สร้างความไม่พอใจกับผู้โดยสาร ตอนนี้ดีขึ้นมากกว่าตอนหลังโควิด
ตอนนี้ทั้งสองบริษัทมีความพร้อมให้บริการอย่างแน่นอน
ผอ.กิตติพงศ์กล่าวว่า
ทุกปีช่วงฤดูเดินทางจะขอให้ “ผู้โดยสาร” เผื่อเวลาการเดินทางก่อนเครื่องออก 2-3
ชั่วโมง
เป็นการวางแผนรองรับการจราจรที่คาดเอาได้ค่อนข้างลำบาก และป้องกันสร้างความมั่นใจจะได้พลาดเที่ยวบินด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ช้อปด่วน!!คิงเพาเวอร์ออนไลน์ 11.11วันเดียวโปรแรง
คิง
เพาเวอร์ ชวนนักช้อป เตรียมเงินให้พร้อม!! GAME ON_11.11 SHOP TILL YOU DROP วาระช้อปแห่งชาติรอทุกคนอยู่ ของดีมีน้อย รีบช้อปด่วน! ก่อนของจะหมด
สินค้าราคาพิเศษสุดที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์”
วันที่
11 เดือน 11 หรือวันจันทร์ที่ 11
พฤศจิกายน 2567
มาร่วมค้นพบดีลลับที่จะทำให้คุณประหยัดเงินได้มากขึ้น! เตรียมกระเป๋าตังให้พร้อม!
เพราะโปรโมชั่นนี้เด็ดจริงอะไรจริง! วันเดียวเท่านั้น ช้อปก่อนปังก่อน
พร้อมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ สินค้าดิวตี้ฟรีสุดฮอต
มีไฟลต์บินแล้วรีบช้อปเลย เพื่อรับเต็มพิกัด ดังนี้
1.Free!
ของแถมจากแบรนด์ดัง 11 แบรนด์ นำโดย ลาแมร์
ลังโคม มาร์คจาคอบ โคเอ คาวินไคลน์ ทอมฟอร์ดบิวตี้ ราบาเน และอีกหลายแบรนด์ดัง
2.รวมทั้ง ช้อป 1 แถมฟรีอีก 1 เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ
3.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6
เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10,800
บาท
4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง
ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
5.รับเลย! ส่วนลด 800 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
6.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่ 2-คิงเพาเวอร์ฉลองเปิดซิตี้บูทีกจัดเต็ม3กิจกรรมลด30%
คิง
เพาเวอร์ ฉลองเปิดสาขาใหม่! พบกับกิจกรรม “สุดยูนีค” วันนี้– 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ “คิง เพาเวอร์ ซิตี้ บูทีก :
KING POWER CITY BOUTIQUE” โซน
พาเหรด/PARADE ชั้น 1-2 , ONE BANGKOK
เปิดให้ร่วมเอ็กซ์คลูซีฟ 3 กิจกรรม
กิจกรรมที่
1 PERSONALISED
KEYCHAIN เมื่อช้อปครบ 3,000 บ. ขึ้นไป*
(สุทธิ) / ใบเสร็จ/จำนวนจำกัด)
กิจกรรมที่
2 ถ่ายภาพ FASHION POLAROID PORTRAIT พร้อม SPECIAL TAG & CARD HOLDER เมื่อช้อปครบ 5,000 บ. ขึ้นไป* (สุทธิ) / ใบเสร็จ/จำนวนจำกัด
กิจกรรมที่
3 รับ CELEBRATION DEALS ลดสูงสุด
30%เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ วันนี้ – 30 พ.ย. 67 เท่านั้น
ข่าวที่ 3-ททท.หนุนTheMaverrickโปรโมททัวร์อาหารผ่านNetflix
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.พร้อมด้วยผู้ประกอบการธุรกิจชั้นนำของไทย นำโดย ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล
ซีพีเอฟ มาสเตอร์การ์ด แมคโคร เล็กซัส ให้การสนับสนุน “The
Maverick Academy” รายการแข่งขันทำอาหารแนวใหม่
ในโอกาสเดินทางเข้ามาถ่ายทำรายการในเมืองไทย”
แนวผสมผสานความท้าทายการทำอาหารและทักษะสร้างธุรกิจร้านอาหาร เริ่มสตรีมมิ่ง ทาง Netflix แล้วตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
โดยได้เลือกสถานที่ถ่ายทำหลักใน
กรุงเทพมหานคร เช่น วิทยาลัยดุสิตธานี
เลือกศูนย์สินค้าอุปโภคบริโภคแม็คโครรซึ่งเป็นผู้ร่วมสนับสนุนวัตถุดิบพร้อมอุปกรณ์ครบวงจร
สาวกรายการผู้ที่รักชื่นชอบการทำอาหารและสนใจสร้างธุรกิจร้านอาหารต้องห้ามพลาดร่วมติดตามอย่างใกล้ชิดได้ตลอด
รายการ
The Maverick Academy ดำเนินรายการ โดย เชฟ “อัลวิน
เหลือง : Alvin Leung หรือ " The Demon
Chef" จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้เข้าแข่งขันทั่วเอเชียจากหลากหลายประเทศ เช่น
อินโดนีเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เมียนมา ประเทศไทย
พร้อมทีมเมนเทอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ เชฟแพม สุนทรยานกิจ เชฟตาม-ฉัตรฤดี
เทพาคำ :Chudaree "Tam" Debhakam เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟชาลี เคเดอร์ และเชฟ Michael Bonacini จะช่วยถ่ายทอดเสริมทักษะการทำอาหารและวิธีสร้างธุรกิจให้กับผู้เข้าแข่งขัน
สำหรับ “ผู้ชนะ” จะได้ร่วมเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับเชฟออัลวิน เหลือง
โกอินเตอร์ต่อไป
ข่าวที่ 4-BRSCเครือบางจาก9เดือนปี67รายได้เพิ่ม1.7หมื่นล้าน
นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC เปิดเผยว่า
BSRC ตลอด 3 ไตรมาส หรือ 9 เดือนปี 2567 ทำรายได้รวม 187,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,115 ล้านบาท ธุรกิจโรงกลั่นมีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สูงขึ้น
2,587 ล้านลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนแล้วเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกผันผวนและปัจจัยกดดันด้านราคาพลังงานช่วงที่ผ่านมาทำให้ไตรมาส
3 รายได้ลดลงมาอยู่ที่ 57,564 ล้านบาท จึงได้ใช้การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพบวกกับพยายามเพิ่มปริมาณการกลั่นและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด
บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารได้ต่อเนื่อง
รวมทั้งการรักษาระดับยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้สูงตลอดทั้งปี ทำให้ภาพรวมรายได้ 9 เดือน เพิ่มขึ้นถึง 17,115 ล้านบาท ผนวกกับผลความสำเร็จในการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน ทำให้บริษัทฯ
มีกำไรจากตราสารอนุพันธ์รวม 9 เดือน อีก 980 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
“ธุรกิจโรงกลั่น” มีปริมาณน้ำมันดิบไตรมาส
3 นำเข้ากลั่นที่โรงกลั่นศรีราชา 137,000 บาร์เรล/วัน
ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากโรงกลั่นบางส่วนหยุดดำเนินการตามแผนการซ่อมบำรุงของบริษัท
22 วัน แล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนกันยายน แล้วโรงกลั่นศรีราชายังสามารถรักษาอัตราการผลิตเฉลี่ย
9 เดือน ปี 2567 ไว้ในระดับสูงถึง 147,000 บาร์เรล/วัน และประสบความสำเร็จเรื่องเพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลสำหรับเรือเดินสมุทร
(Marine Gas Oil) ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าหลากหลายมากขึ้น
“ธุรกิจการตลาด”
เดินหน้าปรับภาพลักษณ์สถานีบริการน้ำมันเป็นแบรนด์บางจาก สิ้นเดือนกันยายน 2567 ทำได้ทั้งหมด 656 แห่ง
หรือ 90 % มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
แล้วยังเดินหน้ากลยุทธ์การขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเปิดให้ลูกค้าสามารถ “ซื้อตรง”
ผ่านหน้าสถานีบริการน้ำมันได้ เปลี่ยนจากเดิมขายผ่านดิสตริบิวเตอร์
เป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มโอกาสให้บริการลูกค้ามากยิ่งขึ้นได้
นายบัณฑิต กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์พลังงานทั้งระดับโลกและภายในประเทศ
BSRC มุ่งมั่นบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากการรวมเครือข่ายของกลุ่มบริษัทบางจากทางการตลาด
ตอบสนองลูกค้าให้ดีที่สุด ตามวิสัยทัศน์
“สรรค์สร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมเพื่อพลังงานที่เหนือกว่า”โดยมีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ
กับพนักงาน BSRC จะทำให้ฟันฝ่าความท้าทายได้ต่อไป
ช่วงที่ 2 ออกไปเที่ยวเมืองไทยในดินแดนป่าฝนภาคกลาง “กาญจนบุรี” มีที่พักปลอดคาร์บอน
กิจกรรมเที่ยวรักษ์โลก ทั้งล่องแพ พาย SUB ปีนเขา
เที่ยวน้ำตก นั่งรถไฟ ทัวร์ชุมชน ครบจบกับธรรมชาติสายฟิน แล้วฟัง “5วิธีเลิกกินอาหารแปรรูป” เป็นตัวร้ายตายเร็ว และเกาะติดข่าวดี ๆ ข่าวแรก
“สายการบินลุฟท์ฮันซ่า” เยอรมัน ฉลอง 65 ปีเปิดบินมาไทยแล้ว 31
เที่ยว/สัปดาห์ ข่าวที่สอง“อัปราชูเรือดินเนอร์เจ้าพระยา”
เปิดตำรับอาหารหากินยาก และซอฟท์พาวเวอร์
ท่องเที่ยว –ผจญภัยในป่าฝนสุขครบวงจรที่ได้เที่ยว“กาญจนบุรี”
เที่ยวใกล้ ได้สัมผัสป่าอันเขียวขจีปกคลุมด้วยหมอกแนะนำให้เลือกจุดหมายสุขทันทีที่
“กาญจนบุรี” นักท่องเที่ยวมีทางเลือกหลากหลายทั้ง รอยเชลยศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 แวะพักน้ำตกหลายแห่ง ล่องเรือแพในแม่น้ำแควฟินสุด ๆ และผจญภัยได้หลายกิจกรรม
ล่องแพ เดินป่า และสำรวจถ้ำอันซีน
พักรีสอร์ตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พอมาถึงเมืองกาญจน์ ลำดับแรกเช็คอินปักหมุดเลือกสถานที่พักก่อนได้
แห่งแรก “เดอะ เลกาซี่ ริเวอแคว รีสอร์ต” เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขนาด 300 ไร่ นำเสนอห้องพักแบบ 1.กระท่อมไม้ซุง 2.แคมป์ปิ้งท่ามกลางธรรมชาติใต้ร่มเงาต้นไม้ริมแม่น้ำกว่า 4,600 ต้น อาบป่าเยียวจิตใจ และมีกิจกรรมปลอดคาร์บอนรอให้ร่วมสนุก เช่น พาย SUP
ล่องแพ ขี่จักรยาน และบริการทัวร์ฟาร์มเพื่อชมความยั่งยืนแบบ 360
องศา
แห่งที่ 2 “โรงแรมมิตรพันธ์ กาญจนบุรี” กว้างขวางสะดวกสบาย
พร้อมทัศนียภาพพื้นที่สีเขียวกว่า 30 ไร่ ปลูกต้นไม้กว่า 17
สายพันธุ์ ภายในโรงแรมติดตั้งแผงโซลาร์รูฟบนหลังคาเน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์
และใช้วัสดุนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทนพลาสติก
“แหล่งท่องเที่ยว” กาญจนบุรี
เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใช้เวลาขับรถจาก “กรุงเทพฯ” มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย คือ สวนสาธารณะแห่งชาติ
น้ำตก ถ้ำ และแม่น้ำ กิจกรรมยอดนิยม
“เที่ยวทางน้ำ”
ต้องยกให้ “นั่งแพไม้ไผ่” ล่องไปตามแม่น้ำ กับเลือกเล่นเรือยนต์ เรือยาง พาย SUP พายเรือคายัค
“เที่ยวทางบก” มีเส้นทางเดินป่าที่นักท่องเที่ยวนิยม
ได้แก่ “ช่องเขาขาด” มีเรื่องราวน่าสนใจด้านประวัติศาสตร์และธรรมชาติ โดยแวะ
“พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์” เพื่อเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟและสะพานข้ามแม่น้ำแคว
โดยเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ช่องเขาขาดเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ดีสุดในเมืองไทย
“ลองกางเต็นท์” ได้ที่ “อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์”
ดื่มด่ำชมทางช้างเผือก ตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติกลางป่าเห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มฟ้า
พร้อมเพลิดเพลิน “น้ำตกห้วยขมิ้น” ขนาด7 ชั้น หรือจะไป “นั่งรถไฟจากแหลมกระแซ”
ไปชมน้ำตกไทรโยคน้อย น้ำตกไทรโยคใหญ่ และอุทยานแห่งชาติเอราวัณทำ
มีเส้นทางผจญภัยตื่นเต้นเร้าใจอีกแห่งที่
“ลำคลองงู” เส้นทางเดินป่าครบจบทุกขั้นตอน ในป่าฝน ปีนเขา ล่องแพ
กระโดดน้ำตก สำรวจถ้ำ การใช้เวลา
ปิดท้ายด้วยจุดหมายปลายทางใหม่ “ชุมชนบ้านช่องสะเดา”
เพิ่งฟื้นฟูเปิดต้อนรับให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตในป่า
คนในชุมชนใช้เวลาถึง 6 ปี ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสดใส
พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สุขภาพ –5วิธีทำได้ง่ายๆลดกินอาหารแปรรูปก่อนเกิดโรคร้าย
การเลือกกิน “อาหาร” อย่างมีสติ
โดยเฉพาะอาหารแปรรูป หรือ Processed Food เป็นอาหารผ่านกระบวนการผลิต แปรรูปด้วยกระบวนการมากมายจนทำให้มีสภาพเปลี่ยนแปลง
เช่น การอบ ทอด แช่แข็ง อัดกระป๋อง การขัดสี แล้วพบได้ทั่วไปจำนวนมาก
เพราะตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคปัจจุบันที่เน้นไป รวดเร็ว สะดวกสบาย เช่น
ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม น้ำหวาน บะหมี่และซุปกึ่งสำเร็จรูป
อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง
อาหารเหล่านี้ “ควรหลีกเลี่ยงให้ไกล”
เพราะหากกระบวนการผลิตต้องการให้อาหารอยู่ได้นานขึ้น หรือมีรสชาติดึงดูดคน
จึงมักใส่เพิ่มแบบเต็มเหนี่ยวทั้ง 3 ตัว คือ “เกลือ
น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว” เกลือกับไขมันอิ่มตัว หากกินเข้าไปในปริมาณมากเกินควร จะ
“เสี่ยง” เป็นโรคหัวใจ และโรคอื่นตามมาอีกมากมายเช่น โรคความดัน โรคเบาหวาน
โรคมะเร็ง
ดร.เควิน ฮอลล์
ผู้นำทีมนักวิจัยทดลองเกี่ยวกับอาหารผ่านกระบวนการแปรรูปจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ
(NIH) ยืนยัน สาเหตุที่ทำให้ “อาหารแปรรูปมีผลเสียต่อสุขภาพ”
อาจเป็นเพราะส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนควบคุมความรู้สึกอยากอาหารด้วย
“เมื่อกินอาหารธรรมชาติแทบไม่ผ่านการแปรรูป ฮอร์โมน PYY ซึ่งช่วย
“ระงับความอยากอาหาร” เพิ่มสูงขึ้น ส่วน “ฮอร์โมนเกรลิน” (Ghrelin) ทำให้หิวจะลดลง แม้จะกำลังกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำกว่าอยู่ก็ตาม
มูลนิธิหัวใจแห่งนิวซีแลนด์ แนะนะ 5 วิธีง่าย ๆ เลิกกินอาหารแปรรูป ดังนี้
1.ชอปปิ้งอย่างชาญฉลาด
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ร้านขายผักผลไม้ ตลาดสดตามท้องถิ่น
เป็นสถานที่เริ่มต้นที่ดีคือซื้อตุน “Whole food”
ปราศจากการปรุงแต่งก่อนมีสภาพใกล้เคียงธรรมชาติ แต่ละอาทิตย์ต้องตั้งเป้าซื้อ 40% ส่วนผักและผลไม้ เลือกซื้อตามฤดูกาล
อาหารที่ซื้อก็ไม่จำเป็นต้องเป็นของสดเสมอไป
ผักผลไม้แช่แข็งก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี
“ควรเลือกซื้อ” ผัก ผลไม้ ที่ปลูกโดยไม่ผ่านการใช้ยาฆ่าแมลง
และปุ๋ยเคมี ข้าวกล้องที่ไม่ผ่านการขัดสี นม และโยเกิร์ตธรรมดา ไข่ ถั่ว
และเมล็ดพันธุ์ เนื้อสดชนิดต่าง ๆ เช่น ไก่ ปลา ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ควินัว ข้าวกล้อง
2.เช็กฉลากอาหารแปรรูป
หากเจอส่วนประกอบจำนวนมหาศาลแล้วอ่านชื่อไม่ออกระบุอยู่บนฉลาก นั่นคืออีกหนึ่งสัญญาณบอกว่าสิ่งที่ถืออยู่
คือ “อาหารแปรรูป” ผ่านกระบวนการมาก บางครั้งให้ดูคำว่า “natural”
“organic” หรือ “no added sugar” ระบุไว้บนอาหารแปรรูปก็อาจทำให้เกิดความสับสนได้
ดังนั้นการอ่านฉลากโภชนาการ ต้องพยายามมองหาสินค้าที่มี “ไขมันอิ่มตัว -น้ำตาล
-โซเดียม” น้อยที่สุด 100 กรัม ยิ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
3.ทำอาหารที่บ้าน เพราะเลือกวัตถุดิบเองได้ให้ใกล้เคียงธรรมชาติเป็นส่วนประกอบแต่ละเมนูได้ด้วย
เคล็ดลับคือ การมีไอเดียสูตรอาหารที่รวดเร็วและง่ายเก็บไว้มาก ๆ
4.กิน Whole
Foods เป็นขนม เพียงแค่แค่หันมากินผักผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ
ก็ทำให้กลายเป็นขนมที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยตอบสนองความหิวระหว่างมื้ออาหารได้แล้ว “เปลี่ยน”
จาก แท่งกราโนล่า “เป็น” ถั่วและธัญพืช ผลไม้แห้ง ช็อกโกแลต ผลไม้หั่นชิ้น นม
หรือโยเกิร์ตรสต่าง ๆ โยเกิร์ตธรรมดากับผลไม้แช่แข็ง
5.อยู่กับความเป็นจริง
ปกติแล้วอาหารแปรรูปหลายอย่างหาซื้อสะดวกสะบายจริง!
จึงแนะนำให้พยายามมองภาพรวมใหญ่
ไม่มีอาหารแค่ชนิดใดชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เราสุขภาพดีได้ สิ่งที่จะช่วยได้ คือ
อาหารโดยรวมทั้งหมดที่เรากินเข้าไปนั่นเอง
ทำให้ครบ 5 ข้อนี้ ก็จะหยุด/ลดกินอาหารแปรรูป หลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บ
รับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –ลุฟท์ฮันซ่าฉลอง65ปีลุยบินตรงเข้าไทย 31เที่ยว/สัปดาห์
เฟลิเป้ บอนิฟาตติ
รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกิจการร่วมค้าในภูมิภาคตะวันออก สายการบิน “ลุฟท์ฮันซ่า”
เปิดเผยว่า ได้จัดฉลองการบินเชื่อมไทย-เยอรมนี ครบรอบ 65 ปี ด้วยเที่ยวปฐมฤกษ์ Super Constellation ใช้เวลา 2 วัน บินจากเมืองฮัมบูร์กผ่าน ดัสเซลดอร์ฟ แฟรงก์เฟิร์ต
โรม ไคโร การาจี และกัลกัตตา มายังไทย ซึ่งปัจจุบันให้บริการเที่ยวบิน ไป-กลับ ระหว่างไทยและยุโรปมากถึง
31 เที่ยว/สัปดาห์ มุ่งเน้นให้บริการอย่างยอดเยี่ยมและความสะดวกสบายแก่นักเดินทางผ่านฐานการบินในเยอรมัน
2 เมืองหลัก คือ มิวนิกและแฟรงก์เฟิร์ต แล้วยังมีเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างไทยกับยุโรปผ่านฐานการบินอื่น
ๆ ทั้งใน ซูริก (สวิตเซอร์แลนด์) กรุงเวียนนา (ออสเตรีย)
@ลุฟท์ฮันซ่านำA380บินตรงไทยใหม่ช่วงฤดูหนาว67/68
ลุฟท์ฮันซ่าพร้อมให้บริการเที่ยวบินสู่ประเทศไทยมากกว่ากลุ่มสายการบินในยุโรปรายอื่น
ๆ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ใช้เครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้แอร์บัส A380 กลับมาเปิดบริการสู่กรุงเทพฯ
ช่วงตารางบินฤดูหนาวตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2567 เป็นต้นมา รวมถึงครั้งนี้จัดเที่ยวบินในโอกาสพิเศษวาระครบรอบ
65 ปี ฉลองความสำเร็จอันยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทให้บริการลูกค้าและเชื่อมโยงผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกเข้ามายังกรุงเทพฯ
ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญแห่งหนึ่งที่ได้พัฒนาบริการมาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
เฟลิเป้ บอนิฟาตติ ย้ำว่า สายการบินลุฟท์ฮันซ่ามีความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนใส่ใจและให้ความสำคัญมากพัฒนาบริการ
ตั้งแต่การปรับปรุงยกระดับเครื่องบินให้ทันสมัยไปจนถึงริเริ่มโครงการต่าง ๆ
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพร้อมมอบจะมอบประสบการณ์การเดินทางเหนือชั้น
มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และน่าประทับใจให้ผู้โดยสารชาวไทย
@ลุฟท์ฮันซ่าบินมาไทยปี2502เล็งบินเพิ่มในอนาคต
โดยมีวิสัยทัศน์จะพัฒนา “เครือข่ายเส้นทางบิน” ในอนาคตให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ควบคู่กับยกระดับประสบการณ์การเดินทางอันน่าประทับใจให้ผู้โดยสารทุกคน
เพื่อรักษาความเป็นเลิศด้านการบริการบนน่านฟ้าต่อไปอีก 65 ปี
“ลุฟท์ฮันซ่า”
เปิดเที่ยวบินแรกเข้ามายังประเทศไทย เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502 ออกเดินทางจากเมืองฮัมบูร์ก
เยอรมนี เปิดศักราชใหม่การเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศ ด้วยเที่ยวบิน LH640 ขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ
Super Constellation ซึ่งออกเดินทางสู่ตะวันออกไกลจากฮัมบูร์ก
ผ่านดัสเซลดอร์ฟแฟรงก์เฟิร์ต โรม ไคโร การาจี และกัลกัตตา ก่อนมาถึงประเทศไทย
ครั้งนั้นใช้เวลาบินเกือบ 2 วัน
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสายการบินได้ขยายบริการต่อเนื่องให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบาย
เติบโตมาจนถึงปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ข่าวที่สอง
-อัปสราเรือดินเนอร์เจ้าพระยาชูเมนูไทยซอฟท์พาวเวอร์
“เรืออัปสรา”
เปิดบริการแล้วเริ่ม พ.ย.นี้ “ดินเนอร์-ท่องเที่ยว” ชูจุดขาย ซอฟท์ พาเวอร์ อาหาร ศิลปะวัฒนธรรม
พาชมแลนด์มาร์กสองฝั่งเจ้าพระยา เสิร์ฟเมนูต้นตำรับหายาก 4 คอร์ส ราคา 3,800 บาท/คน “เช่าเหมาลำ” ได้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรืออัปสรา ในเครือโรงแรมบันยันทรี
เดือนพฤศจิกายน 2567 นำเสนอโปรแกรมล่องเรือรับประทาน “อาหารไทยต้นตำรับหายาก” ควบคู่กับซอฟท์
พาวเวอร์ ของไทยทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตริมเจ้าพระยา
ด้วยบริการเซ็ตเมนู 4 คอร์สหลัก
ราคาสุทธิ 3,800 บาท/คน พร้อมตัวเลือกอาหารกับไวน์แพริ่งราคา 4,800
บาท/คน ไปพร้อมกับนั่งใน “ห้องรับประทานอาหาร” ชมผ่านหน้าต่างกระจกและชมแลนด์มาร์กต่าง
ๆ อย่างวัดวาอาราม เจดีย์ วิถีชีวิต ห้องที่ตกแต่งวิจิตรงดงาม พร้อมชั้นลอยพื้นที่ดาดฟ้า
เพิ่มประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดพิเศษการชมมรดกวัฒนธรรมไทย และทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
“เมนูอาหาร”
บนเรือเน้นปรุงตามสูตรโบราณที่ตกทอดกันมา แล้วก็ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบส่วนผสมสดใหม่คุณภาพเลิศที่มีในแต่ละฤดูกาล
เพิ่มความหลากหลาย ด้วยเมนูไฮไลท์ เช่น ซี่โครงเนื้อตุ๋น
เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรลับของอัปสราและใบชะมวง ต้มยำกุ้งแม่น้ำจากอยุธยา
ปลาหิมะทอดผัดน้ำพริกแจ่ว
“เครื่องดื่มบนเรือ”
เน้นสร้างความประทับใจ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมของไทย นำมารังสรรค์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย
เช่น วิสกี้ รัม และวอดก้า รวมทั้งเครื่องดื่มจากประเทศอื่น ๆ
ในแถบเอเชียที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และไวน์จากทั่วโลก เป็นทางเลือกระดับสากลกับประสบการณ์แบบไทย
ๆ
@เปิดบริการเช่าเหมาลำดินเนอร์-ทัวร์ส่วนตัวเจ้าพระยา
“เรืออัปสรา”
เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถ “เช่าเหมาลำ” ได้ด้วย เพื่อสร้างประสบการณ์เดินทางโดยมีความเป็นส่วนตัว
เพื่อดินเนอร์แบบส่วนตัวหรือการเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญพิเศษในแต่ละครั้งที่แตกต่างกันไป
เปิดให้บริการแบบประจำทุกวัน รองรับได้
50 คน/ลำ
จะออกเดินทางจากท่าเรือริเวอร์ ซิตี้ หมายเลข 1 ตั้งแต่ 18.45 น.เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
พร้อมกับชมการแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยเพิ่มอรรถรสระหว่างดื่มด่ำทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
และแลนด์มาร์กสำคัญ เช่น วัดอรุณ พระบรมหาราชวัง และอีกหลายสถานที่สวยงาม
สามารถสอบถามและสำรองที่นั่ง 0-2679-1200
หรืออีเมล hostesses-bangkok@banyantree.com
@เรืออัปสราสร้างจากแรงบันดาลใจศิลปะวัฒนธรรมไทย
สำหรับ “เรืออัปสรา”
ลงทุนสร้างโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าขานพื้นบ้านของไทย นำมาผสานอย่างลงตัวระหว่างศิลปะและวัฒนธรรมที่ตกแต่งภายในเรือพร้อมจะสะกดทุกสายตา
โดยเฉพาะผลงานของศิลปินไทยชื่อดัง “นักรบ มูลมานัส” ดีไซน์ “บาร์” ด้วยการนำตำนานเก่าแก่ของไทยอย่างเมขลาล่อแก้วกับรามสูรขว้างขวานมาใช้ออกแบบ
“ห้องควบคุมเรือ” ได้แสดงความเคารพแม่โพสพ
เทพีแห่งข้าวและสัญลักษณ์แสดงความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี
แม้แต่ “ห้องน้ำ” ก็ออกแบบตกแต่งอย่างสนุกสนานตามคติแบบไทย
ๆ ด้วยภาพเขียน “ตำนานเทพยดา” แฝงด้วยอารมณ์ขันและคำคมโบราณเกี่ยวกับการใช้ห้องน้ำไทย
ช่วยสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับการเดินทางของทุกคน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น