ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยควงTCEBโปรโมทพืชสวนโลกอุดรธานีปี69


อภิชิต ประสพรัตน์ 

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย


สภาอุตสาหกรรมฯควงTCEBโปรโมทพืชสวนโลกอุดร69

นำ46กลุ่มอุตสาหกรรมขับเคลื่อน“ศก.-ท่องเที่ยว-ไมซ์”

แนะดึงองค์กรโลกหนุนไมซ์-ศูนย์ประชุมอีสานโกอินเตอร์

ช้อปคิงเพาเวอร์ขยายฉลองเดือนเกิดรับ6ได้ต่อถึง8พ.ย.

ต่อเวลาช้อปคิง เพาเวอร์แจกส่วนลด 1,500-5,000 บาท

คิงเพาเวอร์ซิตี้บูทีกจัดให้ช้อปบิวตี้แบรนด์โลกลด 30 %

ททท.ปลื้มบริติชแอร์บินมาไทยนำUKเข้าเป้า 1 ล้านคน

ททท.เอเชียตีปีกรับ5แอร์ไลน์บินฤดูหนาวเข้าไทยคึกคัก

บางจาก-CPFร่วมทอดไม่ทิ้งผลิตน้ำมันเครื่องบิน SAF

เที่ยว“THE SCOOTER FEST#6”ในเมืองกรุง5กิจกรรม

AOTโฉมใหม่6สนามบินใช้ไบโอเมตริกสแกนหน้า1ธ.ค.นี้

นายกฯอิ๊งค์เปิดThailand WinterFest พ.ย.-ธ.ค.7เทศกาล

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก #TCEB  #

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/16rdsjA9K4/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ ! อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมนำเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศ 46 กลุ่มอุตสาหกรรม ผนึก TCEB โปรโมทมหกรรม “พืชสวนโลกอุดรธานี 2569” ขับเคลื่อนประเทศไทยได้ประโยชน์เต็ม ๆ 4 ส่วน “เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว-ไมซ์-ซอฟท์ พาวเวอร์” แนะทำเข้ม ๆ ให้ครบ 6 เรื่อง โหมพีอาร์ กระตุ้นเครือข่ายองค์กรไมซ์โลกสนับสนุนไทย เดินหน้ายกระดับศูนย์ประชุมอินเตอร์สู่สากล

 

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรเอกชนของไทยประเมินการเป็นเจ้าภาพพืชสวนโลกอุดรธานี 2569 ซึ่งไทยมีประสบการณ์นำงานระดับโลกมาจัดเมื่อปี 2549 ที่จังหวัดเชียงใหม่ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 2-3 ล้านคน สร้างรายได้เกือบ 20,000 ล้านบาท ดังนั้นการจัดอีกครั้งที่จังหวัดอุดรธานี ปี 2569 ประเมินเบื้องต้นจะสร้างประโยชน์ได้ครอบคลุม 4 ส่วนหลัก ประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 จะกระตุ้นการท่องเที่ยวเข้าสู่อุดรธานี ซึ่งมีทำเลที่ตั้งเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศ CLMV : กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม

 

ส่วนที่ 2 ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและนวัตกรรมทางการเกษตรอย่างหลากหลายมิติ

ส่วนที่ 3 กระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกช่องทาง ทั้งในภูมิภาคกระจายสู่หลายจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสานและระดับประเทศได้

ส่วนที่ 4 ส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE :Meeting/การประชุมสัมมนา-Incentive/การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล-Convention/งานประชุมขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ-Exhibition/งานแสดงสินค้า) เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล ด้านอุตสาหกรรมเกษตร และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมีอุดรธานีและไทยเป็นศูนย์กลางจัดพืชสวนโลกอีก 2 ปีหน้า

นายอภิชิตกล่าวว่าสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีโอกาสทำงานกับ “สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ” (องค์การมหาชน) “TCEB” ซึ่งเป็นองค์กรประสานร่วมกับหน่วยงานรัฐ เอกชน นำงานพืชสวนโลกเข้ามาจัดในไทย ดังนั้นจึงต้องการเห็นกลยุทธ์เชิงรุก อย่างเต็มที่ 6 เรื่อง ประกอบด้วย

เรื่องแรก เร่งทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกระดับประเทศ และนานาชาติ พร้อมทั้งวางแผนการตลาดโดยใช้เครือข่ายขยายผลสร้างการรับรู้เป็นวงกว้างไปทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร และอื่น ๆ

เรื่องที่ 2 ขยายเครือข่ายให้องค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน MICE ระดับประเทศและนานาชาติเข้ามาร่วมสร้างพลังเชิญชวนสมาชิกนานาประเทศเข้ามาร่วมชมงานพืชสวนโลกอุดรธานีให้ได้มากที่สุด

เรื่องที่ 3 เดินหน้าสร้างพันธมิตรกับองค์กรนานาชาติระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มการนำงานเกี่ยวกับไมซ์ต่าง ๆ  เข้ามาจัดในไทย และเชื่อมโยงเข้ากับอุดรธานีควบคู่กันไปด้วย เช่น สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH :The International Association of Horticulture Prducers) องค์กรสิ่งแวดล้อม องค์กรด้านการเกษตรสีเขียว เพื่อมาจัดนิทรรศการแสดงสินค้า ต่อเนื่องไปจนถึงประเทศกลุ่ม CLMV เข้ามาเป็นเครือข่ายไมซ์

เรื่องที่ 5 การลงทุนสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติให้ทันสมัย โดยวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกระบบขนส่งสาธารณะ ด้วยวิธีประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ

เรื่องที่ 6 จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน ทั้งก่อน ระหว่าง และหลัง การจัดงานพืชสวนโลก เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

 

นายอภิชิตกล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นพันธมิตรการทำงานร่วมกับ TCEB อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนำงานนิทรรศการแสดงสินค้า ประชุมสัมมนา/symposium) ระดับประเทศและนานาชาติ จัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีงานที่ทางทีเส็บสนับสนุนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศแล้วสร้างความสำเร็จอย่างมากในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจ เช่น งานแรก “FDI expo 2022 ปี 2565 มีทั้งการแสดงสินค้าและนวัตกรรม ซิมโฟเซี่ยม และจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) ต้อนรับการเปิดประเทศระหว่างโควิดคลี่คลายลง ทาง TCEB จับมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดที่เชียงใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้แสดงศักยภาพของนักอุตสาหกรรมควบคู่กันไปด้วย งานที่สอง Northeast TECH Thailand และ AgroFex 2020 จังหวัดนครราชสีมา

 


ขณะที่ “งานพืชสวนโลกอุดรธานี 2569” กำลังจะจัดในอีก 2 ปีข้างหน้า ธีมการจัดงานจะมุ่งสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะช่วยจุดประกายให้ประชาชนหันมาใส่ใจมากขึ้น ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หันมาขยายฐาน “เกษตรอุตสาหกรรม” โดยจะสร้างโมเดล Smart Model Agriculture Industries ทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนการสร้างภาคการผลิตหรือ Supply เดินหน้าสร้างความแตกต่างทำให้เกิดเกษตรสมัยใหม่ไม่ใช่การเพาะปลูกซ้ำ ๆ แบบเดียวกันทั้งประเทศ

ขณะนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำลังพัฒนาโครงการ “ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ หรือ SIA In The City” เป็นความร่วมมือของเครือข่ายสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศทั้ง 46 กลุ่ม แล้วเปิดเป็น  “ศูนย์การเรียนรู้” บริเวณเขตจอมทอง จะเกิดขึ้นประมาณเดือนมีนาคม 2568 มุ่งทำโดเมลเน้นใช้พลังงานสะอาดครบวงจร ในการปลูกพืชแต่ละอย่าง เช่น เพาะเห็ดซึ่งแปรรูปมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าอาหาร โดยดึงประกอบในเห็ดมาสร้างไบโอเทคโนโลยี และใยสังเคราะห์ต่าง ๆ พร้อมเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้บริการได้ 

 


ไฮไลต์ปี 2567 เป็นต้นไป จะร่วมกับTCEB สร้างงานรับรู้อุตสาหกรรมไมซ์ และการจัดพืชสวนโลกอุดรธานี 2569 ใช้เครือข่ายสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทั่วประเทศทั้ง 46 กลุ่ม เร่งเดินหน้าประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยมีกลุ่มเครื่องจักรการเกษตร อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องทางด้านนี้ทำประชาสัมพันธ์งาน พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรมใหม่ให้เกิดการบอกต่อเพื่อเตรียมตัวมาร่วมงานกันอย่างแพร่หลายในอนาคตที่อุดรธานี

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-ช้อปคิงเพาเวอร์ขยายฉลองเดือนเกิดรับ6ได้ต่อถึง8พ.ย.นี้


เซลดีที่สุด เดือนเกิด “คิง เพาเวอร์” ขยายเวลา ไปจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567โปรแน่นจัดเต็มให้ช้อปกันอย่างต่อเนื่อง คุ้มสุดในรอบปี กับ 6 ได้ คุ้มแน่นอน คือ

1.ได้ฟรีทุกวัน ส่งท้ายเดือนเกิด คูปองส่วนลด 5,000 บาท ใช้ช้อป 20,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ กับ รับคูปองส่วนลด 1,500 บาท เพื่อนำไปใช้ช้อป 6,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

2.พิเศษสุด “สมาชิกคิง เพาเวอร์” รับฟรี! 1 ใบ บัตรเข้าร่วม Butterbear’s 1st Fam Meeting Adventure Awaits!  เมื่อช้อปภายในวันครบ 30,000 บาท (สุทธิ) ได้ตั้งแต่วันนี้– 8 พ.ย. 67 เท่านั้น! ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

3.ได้ลุ้นรางวัลเพียบ!  ยิ่งช้อปเยอะ ยิ่งได้ลุ้นเยอะ! ช้อปครบทุกๆ 5,000 บาท* (สุทธิ) ได้ลุ้น 1 สิทธิ์  ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ Lexus และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้– 31 ต.ค. 67 เท่านั้น!

4.ได้คุ้มกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 17%

5.สมัครสมาชิกฯ ดีที่สุด เมื่อได้ไฟลต์! แล้วสมัครสมาชิก SCARLET เติมเงิน 20,000 บาท รับฟรี! คูปองเงินสด 3,000 บาท เป็นส่วนลดจองตั๋วบินคาเธย์ แปซิฟิก  พร้อมกับได้ฟรี! สถานะสมาชิก NAVY จากปกติเติมเงิน 1,000 บาท

 

6.แลกกะรัตดีที่สุด คุ้มกว่าเดิม แลก 35 กะรัต รับ Gift Voucher 350 บาท* สำหรับช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี ไม่มีขั้นต่ำ

ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต และแลกรับสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรชั้นนำ ได้ถึง 3 พฤศจิกายน 2567



ข่าวที่ 2-ต่อเวลาช้อปคิง เพาเวอร์แจกส่วนลด1,500-5,000บาท

ต่อเวลาช้อปคิง เพาเวอร์ “ต่อเวลา” ให้ช้อป รับคูปองสูงสุด 5,000 บาท ชวนกันแวะมารับฟรี 2 วันนี้เท่านั้น เสาร์ 2-อาทิตย์ 3 พฤศจิกายน 2567 คูปองช้อปมันส์ ฟินฟันตลอดวันหยุด ใกล้ที่ไหนแวะไปได้ทันทีที่ คิง เพาเวอร์ ในเมืองสาขาหลัก ๆ ดังนี้ ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต รับคูปองส่วนลด 2 ใบ แบบเบิ้ม ๆ

คูปองใบแรก !! มอบส่วนลด 5,000 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ มาได้เลยคนละ 1 สิทธิ์ /วัน

คูปองใบที่ 2 !! ส่วนลด 1,500 บาท  เมื่อช้อปครบ 6,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ได้คนละ 1 สิทธิ์ / วัน

กติกา !! นักช้อปแลกรับได้คนละ 1 สิทธิ์ /วัน โดยจะนับรวมสิทธิ์ทุกสาขา รางน้ำ, ศรีวารี, พัทยา และภูเก็ต และช่องทาง King Power Call to Shop และ King Power Chat to Shop เลือกซื้อสินค้าได้ไม่เกิน 20 ชิ้น / ใบเสร็จรับเงิน คูปองส่วนลด หมดอายุภายในวันที่ทำรายการแลกรับ บัตรเครดิตร่วมคิง เพาเวอร์กับธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทยใช้ร่วมกับคูปองส่วนลดนี้ได้ แต่บัตร Cash Card และ Gift Card ไม่เข้าร่วมในแคมเปญนี้



ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์ซิตี้บูทีกจัดให้ช้อปบิวตี้แบรนด์โลกลด30%

 

เปิดประสบการณ์ใหม่ “คิง เพาเวอร์ ซิตี้ บูทีก” โซน พาเรด ชั้น 1-2 ในเมกะโปรเจกต์ “วัน แบงค็อก” ช้อปมิติใหม่กับแบรนด์บิวตี้ BEAUTY ระดับโลก  พบกับดีลฉลองเปิดสาขาใหม่ “CELEBRATION DEALS” ลดสูงสุด 30% แล้ว “รับฟรี” กระเป๋าเอ็กซ์คลูซีฟ เมื่อช้อปครบภายในวัน 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) ตลุยช้อปเพื่อรับสิทธิเดือนนี้เท่านั้น วันนี้– 30 พฤศจิกายน 2567

 

พร้อมกับชวน “สมัครสมาชิกใหม่” วันนี้ – 5 มกราคม 2568 แล้วรับทันที “ฟรี” คูปองส่วนลด 3,000 บาท เมื่อสมัครสมาชิก SCARLET(เติมเงินเข้าบัญชี 20,000 บาท และรับฟรีสถานะ คิง เพาเวอร์ NAVY จากปกติต้องเติมเงินเข้าบัญชี 1,000 บ. เฉพาะลูกค้าคนไทยเท่านั้น

 

สำหรับสินค้า “ป้ายฟ้า” ซื้อแล้วรับกลับทันทีโดยไม่ต้องมีไฟลต์บินต่างประทศ ยกเว้น “สินค้าป้ายขาว” เป็นสินค้าปลอดภาษีให้คนมีไฟลต์บินต่างประเทศได้ช้อปได้ครบทุกมิติไปกับ KING POWER CITY BOUTIQUE โซน Parade ชั้น 1-2, One Bangkok

  

ข่าวที่ 4-ททท.ปลื้มบริติชแอร์บินมาไทยนำUKเข้าเป้า1ล้านคน

 

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นำผู้บริหาร ททท.ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บริติช แอร์เวย์ส (BA) สายการบินแถวหน้าของสหราชอาณาจักร (UK) กลับมาเปิดบินตรง ไป-กลับ “ลอนดอน” จากท่าอากาศยานแกตวิค อังกฤษ สู่ “กรุงเทพฯ” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยบินแรก BA2231 วันที่ 29 ตุลาคม 2567 เวลา 16.15 น. โดยใช้เครื่องบินโอบิ้ง B-777 บรรทุกผู้โดยสาร 320 ที่นั่ง/เที่ยว สนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นตลาดระยะไกล (Longhaul market) ปี 2567 มาเที่ยวเมืองไทยเข้าเป้าหมาย 1 ล้านคน

 

@บริติชแอร์เวย์สลุยบินตรงเข้าไทย 3-5เที่ยว/สัปดาห์

 

โดย บริติช แอร์เวย์ส จัดทำตารางบินฤดูหนาว 2567/68 ระหว่าง 29 ตุลาคม 2567-26 เมษายน 2568 กระจายความถี่เที่ยวบินแบ่งเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันนี้ -9 มกราคม 2568  จะบิน 3 เที่ยว/สัปดาห์  ช่วงที่สอง วันที่ 10 มกราคม – 30 มีนาคม 2568 จะเพิ่มเป็น 4 เที่ยว/สัปาดห์ ช่วงที่สาม วันที่ 12 มกราคม – 24 กุมภาพันธ์ 2568 จะเพิ่มเป็น 5 เที่ยว/สัปดาห์  

 

รวมทั้งประกาศใช้กลยุทธ์ขายตั๋วโดยสารเที่ยวบินร่วม (codeshare) ระหว่างบริติช แอร์เวย์ส กับบางกอกแอร์เวย์ส เปิดทางเลือกให้ผู้โดยสารเดินทางท่องเที่ยวในไทยกระจายไปยัง เชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และประเทศเพื่อนบ้าน ในกรุงพนมเปญ กับเมืองเสียมราฐ(นครวัด) กัมพูชา 

 

@ททท.รุกเจาะUKกลุ่มคุณภาพเศรษฐียุโรป4ตลาด

 

นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรเป็นกลุ่มตลาดระยะไกลที่มีศักยภาพที่ ททท.ทำการเชิงรุกกระตุ้นมาเที่ยวเมืองไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มชื่นชอบประสบการณ์หรูหรา (Luxperience) 2.กลุ่มเวลเนสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) 4.กลุ่มท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) สถิติ 10 เดือนแรก ตั้งแต่ 1 มกราคม – 23 ตุลาคม 2567สหราชอาณาจักรเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว 718,540 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 19.66 % มีวันพักเฉลี่ยประมาณ 18 วัน ใช้จ่ายเงิน 64,488 บาท/คน/ทริป ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาด้วยตนเอง (FIT) ถึง 94 %และมาในรูปแบบทัวร์ เพียง 6 %

  

ข่าวที่ 5-ททท.เอเชียตีปีกรับ5แอร์ไลน์บินฤดูหนาวเข้าไทยคึกคัก

 

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำทีมต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นมีเที่ยวบินปฐมฤกษ์ระหว่างประเทศจากเอเชียทยอยเปิดเส้นทางใหม่เข้ามาไทย ตอนนี้ 5 สายการ โดยได้ต้อนรับเพิ่มเมื่อ 29 ตุลาคม 2567 อีก 2 สายการบิน ได้แก่ “ไทยไลออนแอร์” บินตรง ไป-กลับ อัมริตสาร์ (อินเดีย) -กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) 4 เที่ยว/สัปดาห์ เป็นอีกสายการบินที่จะช่วยกระตุ้นตลาดอินเดียเที่ยวไทยปี 2567 ให้ได้ถึงเป้าหมาย 2 ล้านคน สร้างรายได้ 69,840 ล้านบาท

 

“ไทย ไลออนแอร์” ได้นำเที่ยวบิน SL215 นำผู้โดยสารขาเข้าจากยานนานาชาติศรีคุรุรามทัศชี เมืองอัมริตสาร์มาถึงดอนเมือง พร้อมกับมีเที่ยวบินขาออกกรุงเทพฯ-อัมริตสาร์ ด้วยเที่ยวบิน SL214 ออกจากดอนเมือง 20.10 น. ใช้เวลา 4 ชั่วโมง จากนี้เป็นต้นไปจะบินบริการ 4 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกวันอังคาร พุธ ศุกร์ อาทิตย์ ขนาดบรรทุกผู้โดยสาร 189 ที่นั่ง/ลำ รวม 756 ที่นั่ง/สัปดาห์

 

ส่งผลดีกับตลาดอินเดียติดท็อปไฟฟ์หรือ 1 ใน 5 ที่เดินทางมาไทยมากที่สุด โดยเฉพาะพีคซีซั่น 3 เดือน ช่วงธันวาคม 2567 ต่อเนื่องถึงมกราคมและกุมภาพันธ์ 2568 จะมีนักท่องเที่ยวจากเมืองรองรัฐทางตอนเหนือเข้ามาไทยเป็นจำนวนมากถึง 10 ตลาด กลุ่มหลักส่วนใหญ่คือ 1.ครอบครัว 2.คนรุ่นใหม่/มิลเลนเนียล 3.ทัวร์สุขภาพ 4.คู่แต่งงาน/ฮันนีมูน 5.นักกอล์ฟ รวมทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพใหม่ เช่น 6.กลุ่มสตรี 7.กลุ่มสูงวัย8.กลุ่มเฉลิมฉลองเทศกาล 9.กลุ่มขับรถเที่ยว 9.กลุ่มฟื้นฟูกายใจ และ 10.กลุ่มเที่ยวเชิงผจญภัย

 

 

@3แอร์ไลน์ไทยลุยเปิดเส้นทางใหม่อินเดียสู่ไทยคึกคัก

 

 

โดยมีปัจจัยหนุนในอินเดียจากเศรษฐกิจเติบโต 5.9 % นักท่องเที่ยวฟื้นตัว 74 % การเพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินกลับมาเพิ่ม (Seat Resumption) ตลอดปี 2567 มากถึง 2.8 ล้านที่นั่ง ฟื้นตัวแล้วจากปี 2562 กว่า 90.64 % บวกกับนโยบายรัฐบาลอินเดียสนับสนุนให้คนเดินทาง พร้อมกับมีแรงส่งทางการบินมีแนวโน้มสดใส สายการบินต่าง ๆ เปิดบินจำนวนมาก ได้แก่ 3 สายการบินดังนี้

 

“อินดิโก้แอร์ไลน์” บินไฮเดอราบัด-กรุงเทพฯ วันละ 1 เที่ยว “การบินไทย” บิน โคชิ-กรุงเทพฯ 5 เที่ยว/สัปดาห์ วันละ 1 เที่ยว ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์และอาทิตย์  “ไทยแอร์เอเชีย” บิน วิศาขปัตตนัม-กรุงเทพฯ 3 เที่ยว/สัปดาห์ วันละ 1 เที่ยว ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์

 

@เซบูฯบินเชียงใหม่/กรุงเทพโกยรายได้ฟิลิปปินส์2.1หมื่นล้าน

 

นางสาวภัทรอนงค์ กล่าวว่า เช้าวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ททท.ได้ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ “เซบู แปซิฟิก แอร์” สายการบินน้องใหม่จากฟิลิปปินส์ บริการบินตรง ไป-กลับ มะนิลา-เชียงใหม่ 3 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ ด้วยเครื่องแอร์บัส A320 ขนาดบรรทุกผู้โดยสาร 540 ที่นั่ง/สัปดาห์ เปิดเชียงใหม่เป็นอีกพื้นที่ใหม่รองรับตลาดฟิลิปปินส์ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ชลบุรี

 

ทาง ททท. สำนักงานสิงคโปร์ ร่วมกับเซบู แปซิฟิก ทำโปรโมชั่นตั๋วราคาพิเศษ พร้อมกับเชิญสื่อมวลชนจากมะนิลาเดินทางสำรวจสินค้าทางการท่องเที่ยวในเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อนำไปเขียนบทความเผยแพร่ เชิญชวนฟิลิปปินส์เลือกมาภาคเหนือของไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต

 

รวมทั้ง เซบู แปซิฟิก ยังได้เปิดบินตรง ไป-กลับ ดาวาว (ฟิลิปปินส์)-กรุงเทพฯ เริ่ม 28 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มมิเลนเนียล กลุ่มมาศึกษาดูงานทั้ง นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการและกลุ่มอินเซนทีฟ ผลักดันเป้าหมายปี 2567 จะดึงฟิลิปปินส์เที่ยวไทยได้ 456,000 คน และสร้างรายได้21,850 ล้านบาท

  

 

ข่าวที่ 6-บางจาก-CPFร่วมทอดไม่ทิ้งผลิตน้ำมันเครื่องบินSAF

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก เปิดเผยว่า บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) “CPF” ทำพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือด้านความยั่งยืนทางธุรกิจ เรื่องการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว จึงขอขอบคุณในฐานะเป็นครัวไทยใหญ่สุดรายหนึ่งของไทยเข้าร่วมโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำไปผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานการบินที่ยั่งยืนหรือ SAF :Sustainable Aviation Fuel พลังงานแห่งอนาคต นอกจากจะสร้างธุรกิจสีเขียว BCG แล้วยังได้ความร่วมมือกันครอบคลุมเศรษฐกิจ ESG แกนหลักความยั่งยืนในปัจจุบัน ต่อยอดผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญกับอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศและโลกได้

 

@CPFนำร้านอาหาร่วมทอดไม่ทิ้งผลิตน้ำมันSAF

ความร่วมมือของบางจากกับ CPF ครั้งนี้ นอกจากการเพิ่มมูลค่าเรื่องลดของเสียจากกระบวนการผลิตอาหารซึ่งเป็นแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สมบูรณ์ แล้วยังส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผ่านการนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากร้านอาหารในเครือซีพีเอฟ เช่น เชสเตอร์ ห้าดาว กระทะเหล็ก ข้าวมันไก่ ไห่หนาน และอื่น ที่เข้าร่วมโครงการ "ไม่ทอดซ้ำ" และ "ทอดไม่ทิ้ง" ซึ่งมี บริษัท บีเอสจีเอฟ ในเครือบางจากร่วมกับพันธมิตรหลักผู้ริเริ่มโครงการ คือ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มาตั้งแต่ปี 2565 ด้วยเป้าหมายร่วมกันขยายเครือข่ายผู้ประกอบการที่ตระหนักเป็นส่วนหนึ่งของสังคมดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้คนไทย

ปัจจุบันมีหน่วยราชการ เอกชน ผู้ประกอบการ ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการและส่งต่อน้ำมันปรุงอาหารเพื่อผลิต SAF ทั่วประเทศแล้วกว่า 800 จุด ซึ่งการแปรรูปน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็น SAF จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลดปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงการบินแบบดั้งเดิม และช่วยตอบโจทย์การแก้ไขวิกฤตสภาวะภูมิอากาศได้ด้วย

 

@เล็งขยายผลต่อสู่เครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ

 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อกายและดีต่อใจ ส่วนบางจากมีนวัตกรรมนำน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากกระบวนการผลิต เพื่อผลิตเป็นน้ำมัน SAF ใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าและหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์สูงสุด ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวคิด Sustainovation ของ CPF มุ่งนำนวัตกรรมมาช่วยตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอย่างยั่งยืน จึงร่วมมือกันมุ่งเน้นบริหารจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil : UCO) รวมถึงไขมันต่าง ๆ จากธุรกิจผลิตอาหาร และไขมันจากบ่อบำบัดน้ำเสียของซีพีเอฟ นำไปผลิตน้ำมัน SAF 

รวมถึงมีแนวการศึกษาจะขยายผลในอนาคตไปยังธุรกิจในกลุ่มซีพีเอฟต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของทั้ง 2 บริษัท และเป็นส่วนสำคัญรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ climate action โดยใช้การบริหารการลดของเสียจากกระบวนการผลิตที่จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้มีมูลค่า ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างครบวงจร หรือ Circular Economy นั่นเอง

ช่วงที่ 2 ออกมาเที่ยวเมืองไทยในกรุงกับเทศกาล “The Scooter fest” เปิดสนามเทพหัสดินต้อนรับทุกคน 23-24 พ.ย.นี้ สนุกได้ 7 พิกัด แล้วฟัง “7อาหารลดเครียดเติมสุขลดเหวี่ยงวีน” ต่อด้วยข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “AOT นำ6สนามบินใช้ไบโอเมตริก” สแกนหน้าเริ่ม 1 ธ.ค.67 ข่าวที่สอง “นายกฯอิ๊งค์” เปิด Thailand Winter Fest 7 เทศกาล ปั๊มรายได้ท่องเที่ยว

 

ท่องเที่ยว –เที่ยว“THE SCOOTER FEST”ในเมืองกรุง5กิจกรรม

 

วงปฏิทินเตรียมเที่ยวเทศกาล THE SCOOTER FEST #6 ตอน FRIENDNOMENON” อีเวนต์ดี ๆ ในเมืองกรุง 23-24 พฤศจิกายน 2567 ที่สนามเทพหัสดิน กรุงเทพฯ ศูนย์รวมดนตรีและไลฟ์สไตล์มันส์ที่สุดแห่งปีของคนรักมอเตอร์ไซค์นำเสนอความสนุกในคอนเซปต์ใหม่ พบกับปรากฏการณ์ความสุขแบบครบวงจร สนุก มันส์ อิ่มอร่อย และอัพเทรนด์ใหม่  5 กิจกรรม ประกอบด้วย

 

กิจกรรมที่ 1 คอนเสิร์ตสุดมันส์ จากศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยตลอด วัน พร้อมโชว์พิเศษไม่ซ้ำใคร! เตรียมร้อง เตรียมเต้นไปกับ POTATO, STAMP, URBOYTJ, MODERNDOG, BEDROOM AUDIO, LOSERPOP และ CHILAX สนุกสนานตลอดทั้งวันทั้งคืน

 

แฟนคลับ EDM ห้ามพลาด ในงานเตรียมเซอร์ไพรส์ด้วยการแสดงสดจาก DJ EDM สาวสวย จะมาเพิ่มดีกรีความสนุกแบบจัดเต็มให้สายแดนซ์ได้สนุกสุดเหวี่ยง

·               

กิจกรรมที่ 2 THE SCOOTER FEST PARADE ตื่นตากับปรากฏการณ์แห่งมิตรภาพครั้งแรกในเมืองไทย นัดรวมพลเหล่าชาวสกู๊ตเตอร์เฟส ทุกสาย มอเตอร์ไซค์ทุกรุ่น ทุกสไตล์ มาร่วมขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ วิ่งผ่านใจกลางสนามเทพหัสดินไปพร้อมกับเสียงดนตรีดังสนั่น โชว์ภาพที่ดีให้อยู่ในความทรงจำของทุกคน

 

พิเศษ!! ได้จัดโซน “GIRL FRIENDS PARKING” ให้เฉพาะแก๊งเพื่อนสาวสุดซี้ถ้ามากันครบ 6 คน รับสิทธิพิเศษ และถ่ายรูปชิคๆ เต็มที่ แถมยังได้ภาพสุดเก๋กับเพื่อนซี้อีกด้วย

 

กิจกรรมที่ 3  GAMES & ACTIVITIES ชวนเพื่อนในแก๊งมาสนุกกับเกมและกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลกลับบ้านแบบยกแก๊งได้ในงาน

 

กิจกรรมที่ 4 ART CARNIVAL ร่วมสัมผัสศิลปะไร้ขีดจำกัด และโซนสุดฮอตของศิลปิน สตรีท อาร์ติสท์ แถวหน้ามาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกันแบบสด ๆ บนกำแพงยักษ์ ทั้ง Shittak, mamacup, และ sahred toy

 

เปิดโซนใหม่ล่าสุด ! STREET ART MARKET สุดคูลคนรักศิลปะ ตื่นตากับงานศิลปะสุดปัง Art & Craft ของศิลปินไทยมารวมกัน มีทั้งสติกเกอร์ โพสต์การ์ด และเครื่องแต่งประดับกายน่ารัก ๆ พร้อมของที่ระลึกสนับสนุนงานฝีมือไทย

 

กิจกรรมที่ 5 FOOD TRUCK CARNIVAL บริการอาหารฟู้ดทรัคคันโปรดพากันยกขบวนเมนูเด็ดมาเสิร์ฟด้วยราคาเป็นมิตรกับลูกค้าทุกกลุ่ม

นักท่องเที่ยวสายสกู๊ตเตอร์ลงทะเบียนเข้าร่วมงานและอัพเดทข้อมูลได้ที่ https://www.facebook.com/TheScooterFest

  

สุขภาพ –7อาหารอาหารลดเครียดเพิ่มความสุขหยุดเหวี่ยงวีน

 

ยุคนี้ความเครียดเกาะกินอารมณ์คน จึงต้องเลือกกินอาหาร ลดได้ทั้งเครียดหรือโรคซึมเศร้าได้ ถึงได้มี อาหารลดเครียด ที่กินแล้วช่วยปรับสมองได้ ด้วย 7 อาหาร ดังนี้

1. อะโวคาโด พืชไขมันดี เพราะตัวโมเลกุลไขมันดีเป็นสารตั้งต้นที่สมองต้องการ อีกทั้งยังมีสารอาหารชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย จึงส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม ช่วยให้เรารู้สึกดีและช่วยให้อาการกวนใจต่าง ๆ หายไป

 

2. เห็ดชิตาเกะ หรือก็คือ เห็ดหอม ที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง ถือได้ว่าเป็นเห็ดที่มีสารอาหารมากกว่าเห็ดสีขาวทั่ว ๆ ไป โดยสารอาหารที่มีมากที่สุด คือ วิตามินบี 6 รวมถึงวิตามินบีชนิดอื่น ๆ  ซึ่งจะช่วยให้เรารู้สึกดี มีพลัง เนื่องจากเป็นตัวผลิตสารซีโรโทนิน และนิวโรทรานส์มิตเตอร์ต่าง ๆ

 

3. ถั่วดิบ อาหารว่างที่กินง่าย มีโปรตีนสูง เมื่อได้รับโปรตีนปริมาณสูงจากถั่ว ร่างกายจะรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ส่งผลให้อารมณ์ของเราไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ  หรือเหวี่ยงวีน ในถั่วยังมีสารที่ช่วยให้เราอารมณ์ดีอีกด้วย ทั้งนี้ ไขมันดีที่ช่วยเข้าไปซ่อมแซมและสร้างเซลล์สมอง มีความเป็นแอนไทเอจจิ้งสูงมาก ช่วยให้เราอารมณ์ดีและรู้สึกมีความสุข

4. แซลมอนสุก มีสารอาหารเด็ดสองชนิดด้วยกัน คือ โอเมก้า-3 ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีที่สุดในการบำรุงมอง ช่วยปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ และสารอาหารอีกชนิดก็คือ วิตามินบี 12 ช่วยให้บู๊สต์พลัง ทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้นด้วย

 

5. ดาร์กช็อกโกแลต ที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตมากกว่า 90%  โดยดาร์กช็อกโกแลตสามารถลดความเครียดได้ มีงานวิจัยพบว่าการกินดาร์กช็อกโกแลตวันละ 42 กรัม เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จะช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่เป็นฮอร์โมนเครียดลงได้ นอกจากนี้ดาร์กช็อกโกแลตยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่มีข้อระวัง หากกินมากเกินไป ให้ระวังปริมาณของน้ำตาลกินเยอะไม่ดี

 

6. มะพร้าว ช่วยลดความเครียดได้ เวลาเราเครียดร่างกายจะสั่งให้ระบบต่าง ๆ หยุดทำงานเพื่อรักษาสมดุล สังเกตได้ว่าเวลาเราเครียดหัวใจจะเต้นเร็วเพื่อให้สูบฉีดไปทั่วร่างกาย ซึ่งมะพร้าวจะช่วยลดอาการนี้ได้ ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย ลดการเต้นของหัวใจให้ช้าลง

7. คีนัว เป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่ปลอดกลูเตน มีโปรตีนมากกว่าธัญพืชทุกชนิด และมีกรดอะมิโนที่ครบถ้วน ซึ่งค่อนข้างหายากจากธัญพืชทั่วไป โดยเฉพาะไลซีน กับซีสเทอีน แล้วยังมีโฟเลต แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส แมงกานีส ถือเป็นคลังอาหารที่สมบูรณ์มาก

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก – AOTโฉมใหม่6สนามบินใช้ไบโอเมตริกสแกนหน้า1ธ.ค.นี้

 

AOT พลิกโฉมใหม่เปิดใช้ “ไบโอเมตริก” 6 สนามบิน แนะผู้โดยสารเตรียมความพร้อมด่วน “บินในประเทศ” ดีเดย์ 1 พ.ย.67 “บินต่างประเทศ” เริ่ม 1 ธ.ค.นี้ รับมือปี’68 รับ 130 ล้านคน 8 แสนเที่ยวบิน

 

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า AOT เปิดบริการเทคโนโลยีสมัยใหม่นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) หรือ “ไบโอเมตริก” ด้วยเทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Facial Recognition) มาใช้ระบุตัวตนผู้โดยสารล่าสุดได้พัฒนาและทดสอบระบบฯ พร้อมใช้งานเพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคิวแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยาน AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ (ทสภ.)  ดอนเมือง (ทดม.) เชียงใหม่ (ทชม.) แม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ภูเก็ต (ทภก.) และหาดใหญ่ (ทหญ.) ซึ่งผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล

 

“ผู้โดยสาร” ที่เดินทางกับเที่ยวบินภายในประเทศจะได้ใช้งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป  และ “ผู้โดยสาร” ที่เดินทางกับเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งคนไทยและนานาชาติทั่วโลก จะได้ใช้งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป 

 

AOT เปิดให้ผู้โดยสารลงทะเบียนใช้งานระบบไบโอเมตริก เมื่อมาเช็กอินที่สนามบินได้ 2 วิธี ได้แก่

 

วิธีที่ 1 เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบไบโอเมตริกผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (CUTE) 

 

วิธีที่ 2 เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS) หลังจากเช็กอินเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง แล้วก็เลือก “Enrollment” จากนั้นให้สแกนบาร์โค้ดจากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน ขั้นตอนสุดท้ายให้สแกนใบหน้า

 

การลงทะเบียนทั้ง 2 วิธี เครื่องจะจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารด้วยToken ไว้ในระบบ

 

เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วถือว่า “ผู้โดยสารได้ให้ความยินยอม” ให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ซึ่งจะยินยอมให้ใช้ข้อมูลไบโอเมตริกกับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งทางผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) กับไปผ่านจุดตรวจค้น ต่อเนื่องถึงขั้นตอนขึ้นเครื่อง โดยไม่ต้องแสดงพาสปอร์ตและบอร์ดดิ้งพาสส์อีกต่อไป

      

ดร.กีรติ กล่าวว่า AOT มั่นใจระบบไบโอเมทริคมีความพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารทั้งผู้โดยสารในและระหว่างประเทศจะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อย และมีเวลาเพียงพอจะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร พักผ่อนหย่อนใจ ช่วงที่ผ่านมา AOT ได้ติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่องหรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ ได้แก่

 

1.เครื่อง CUTE เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน  2.เครื่อง CUSS เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ) 3.เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 4.ระบบ PVS (Passenger Validation System) ใช้ตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร 5.ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง ทั้ง 5 ระบบนี้ได้ติดตั้งเพื่อรองรับระบบไบโอเมทริคไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่ทั้งหมด 6 ระบบมีการใช้งานและเชื่อมต่อกันครบวงจร ก็จะทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์

 

ดร.กีรติ กล่าวว่า แผนจัดตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 ปี 2567/68 ท่าอากาศยาน AOT ทั้ง 6 แห่ง จะมี “เที่ยวบิน” รวม 370,239 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวปีก่อน 22.1% แบ่งเป็น “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” 222,780 เที่ยว เพิ่มขึ้น 33.1% “เที่ยวบินภายในประเทศ” 147,459 เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.5% มีแนวโน้ม “จำนวนผู้โดยสารรวม” ทั้งในและระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 23% ส่วน “เส้นทางระหว่างประเทศ” มีผู้โดยสารเดินทางเข้าไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และฮ่องกง

 

ปีงบประมาณ 2568 ระหว่างตุลาคม 2567 - กันยายน 2568 ทาง AOT คาดการณ์แนวโน้มไว้ดังนี้

 

ส่วนที่ 1 จำนวนผู้โดยสาร ใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีนี้ 8.95% แบ่งเป็น “ผู้โดยสารระหว่างประเทศ”  78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% “ผู้โดยสารภายในประเทศ” 51.36 คน เพิ่มขึ้น 10.18%

 

ส่วนที่ 2 ปริมาณเที่ยวบินรวม 808,280 เที่ยว เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็น “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” ประมาณ 453,750 เที่ยว เพิ่มขึ้น 9.02% และ “เที่ยวบินภายในประเทศ”ประมาณ 354,530 เที่ยว เพิ่มขึ้น 12.02% ประกอบด้วย

 

“สุวรรณภูมิ” จะมีผู้โดยสาร 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.40% มีเที่ยวบิน 376,820 เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.69%

 

“ดอนเมือง” จะมีผู้โดยสาร 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.91% มีเที่ยวบิน 223,200 เที่ยว เพิ่มขึ้น 13 %

 

 ข่าวที่สอง -นายกฯอิ๊งค์เปิดThailand WinterFest พ.ย.-ธ.ค.7เทศกาล

 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานเปิดเทศกาล “Thailand Winter Festivals 2024” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เตรียมจัดเทศกาลท่องเที่ยว “7 Wonders of Thailandระหว่างพฤศจิกายน – ธันวาคม 2567 ใช้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ สร้างงาน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และผู้นำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยนโยบาย IGNITE’s THAILAND TOURISM ยกระดับไทยเป็นเมืองเทศกาลโลกหรือ World’s Festival Destination ด้วยเทศกาล Thailand Winter Festivals ส่งความสุขช่วงปลายปี “7 Wonders of Thailand” ชูมหัศจรรย์กิจกรรม 7 เทศกาล ได้แก่ ลอยกระทง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ดนตรี กีฬา อาหาร วัฒนธรรม และแสงสี (Lighting & Illumination)  

 

ตลอดเทศกาล “Thailand Winter Festivals 2024” นักท่องเที่ยวจะได้ร่วมประสบการณ์ความสุขปลายปี 2567 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2568 มีไฮไลต์ทั่วเมืองไทย 7 เทศกาล 36 งาน ดังนี้

 

เทศกาลแรก “ลอยกระทง” โชว์อัตลักษณ์ท้องถิ่นด้านวัฒนธรรมหรือ ซอฟท์ พาวเวอร์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจกรรมทั่วประเทศ รวม  7 ไฮไลต์ ได้แก่

 

1.งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง คลองผดุงกรุงเกษม (ย่านหัวลำโพง) 13-16 พ.ย. นี้

2.งานลอยกระทงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร 14-16 พ.ย.นี้

3.งานประเพณีเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย 8 - 18 พ.ย.นี้ ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

4.งานประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ 14 - 17 พ.ย.นี้ จัดทั่วจังหวัดเชียงใหม่

5.งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง จังหวัดตาก 15 - 18 พฤศจิกายน 2567 บริเวณริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมืองตาก

 6.งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม 15-17 พ.ย.นี้ บริเวณสองฝั่งน้ำแม่กลอง ได้แก่ ฝั่งอุทยาน ร.2 และฝั่งวัดภุมรินทร์กุฎีทอง

7.ประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด 14 - 15 พ.ย.นี้ ที่บึงพลาญชัย

 

เทศกาลที่ 2  “เคาน์ดาวน์” ชวนเฉลิมฉลองความสุขเริ่มตั้งแต่ “คริสต์มาส” ถึง “ส่งท้ายปี” จะจัดแสดงพลุและแสงสีเสียงสื่อผสม การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงทางวัฒนธรรม จัด “ขึ้นปีใหม่แบบไทย” ชวนกันสวดมนต์ข้ามปี ร่วมทำบุญตักบาตร รวม 6 งาน

 

1.งาน Amazing Thailand Countdown 2025 วันที่ 28 ธันวาคม 2567 - 1 มกราคม 2568 กรุงเทพฯ

2.งาน ICONSIAM Amazing Thailand Countdown 2025 วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567

3.งาน Centralworld Bangkok Countdown 2024 วันที่ 31 ธันวาคม 2567

4.งาน Amazing Chiang Mai Countdown 2025 วันที่ 21-31 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่

5.HATYAI COUNTDOWN 2025 วันที่ 31 ธันวาคม 2567-1 มกราคม 2568 จังหวัดสงขลา

6.เทศกาลปีใหม่ Suphanburi Festival 2024 วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567 จังหวัดสุพรรณบุรี

 

เทศกาลที่ 3 มหกรรมกีฬา ระดับประเทศและนานาชาติ รวม 7 งาน

 

1.งาน Amazing Thailand Marathon Bangkok วันที่ 1 ธันวาคม 2567 บริเวณถนนพญาไท กรุงเท

2.งานวิ่งเทรลอินทนท์ Hoka Chiang Mai Thailand by UTMB วันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 เชียงใหม่

3.เชียงใหม่มาราธอน 22 ธันวาคม 2567  จังหวัดเชียงใหม่

4.Bangsaen 42  วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดชลบุรี

5.KORAT MARATHON 2024 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดนครราชสีมา

6.ลากูน่า ภูเก็ต ไตรกีฬา วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดภูเก็ต

7.Betong 21 International Half Marathon วันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดยะลา

 

เทศกาลที่ 4 กิจกรรมด้านวัฒนธรรม นำเสนออัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวม 3 งาน

1.งาน“ใส่ไทย เฟสติวัล (Sai Thai Festival) จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2567  

2.มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ 14-25 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2567

3.งานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส วันที่ 20-25 ธันวาคม 2567 จังหวัดสกลนคร

 

เทศกาลที่ 5 มหกรรมอาหาร  รวม 4 งาน ได้แก่

1.งาน มหกรรมฟู้ด เฟสติเว่อร์ 11-15 ธันวาคม 2567  กรุงเทพฯ

2.งานเทศกาลปลาร้าหมอลำ Isan To The World 26-29 ธันวาคม 2567 จังหวัดขอนแก่น

3.งาน NORTHERN COFFEE Gathering 2024 วันที่ 29 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่

4.งาน Hidden Gem Food Festival วันที่ 11-15 ธันวาคม กรุงเทพฯ

 

เทศกาลที่ 6 ดนตรี จะจัดเพื่อสร้างความคึกคักในหลายพื้นที่ รวม 5 งาน

1.งาน Wonderfruit วันที่ 12-16 ธันวาคม 2567 จังหวัดชลบุรี

2. งาน Rolling loud Thailand 2024 วันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2567 ที่ เลเกนด์ สยามพัทยา

3.’koเชียงใหม่เฟส จังหวัดเชียงใหม่

4.งาน Big Mountain จังหวัดนครราชสีมา

5.งานเทศกาลดนตรีนานาชาติ Maho Rasop จังหวัดปทุมธานี

 

เทศกาลที่ 7 แสงสี (Lighting & Illumination) เปิดมหาปรากฏการณ์ แสดง แสง เสียง พลุ โดรน สุดยิ่งใหญ่ รวม 4 งาน

1.งาน Vijit Chao Phraya 2024 วันที่ 16 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม 2567 ในบริเวณสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น สะพานพระราม 8, อาคารสำนักงานราชนาวิกสภา (กองทัพเรือ), ป้อมวิไชยประสิทธิ์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์  (สะพานพระพุทธยอดฟ้า). อาคารสุนันทาลัย (โรงเรียนราชินี), ไอคอนสยาม, สะพานพระปกเกล้า, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์

2.งาน Awakening Bangkok วันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567 ย่านเมืองเก่าพระนคร กรุงเทพฯ

3. งาน Night at the Museum Festivals 2024 วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 ที่มิวเซียมสยาม และพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ทั่วกรุงเทพฯกว่า 24 แห่ง

4.เทศกาลพลุนานาชาติ “Pattaya International Fireworks Festival 2024” วันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 เลียบหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี

 ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง